ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..  (อ่าน 36818 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bahebak

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 262
  • Live and Learn
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด




อัสลามุอะลัยกุ้ม..

ซอฮาบะฮ์ คือผู้ที่อยู่ร่วมสมัยกับนบี

รู้เห็นการปฏิบัติต่าง ๆ ของนบี..

ซึ่งมีหลายท่าน...

แต่ละท่านก็มีที่มาลักษณะนิสัยใจคอ - ที่มาที่ไป (ในการเข้ามารับ-ดำรงอยู่-ต่อสู้เพื่ออิสลาม) ต่างกัน

เรื่องราวของท่านซอฮาบะฮ์เหล่านี้ น่าสนใจ และน่าเรียนรู้

เพราะงั้น......เข้ามาแจก ความรู้เรื่องซอฮาบะฮ์ กันเยอะ ๆ นะจ๊ะ


ญะซากัลลอฮฺ  ;D


วัสสลาม
...We love Allah.We love Nabi.We're muslims...

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 16, 2007, 04:10 PM »
0
อินชาอัลลอฮ แล้วจะมาแบ่งปันข้อมูล

 ;)

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มี.ค. 16, 2007, 07:24 PM »
0
ยังไงพี่น้องของเราช่วยกันแบ่งปันข้อมูลน่ะครับ  น้อง [MusalmarN] อย่าลืมนะเสนอครับ  ผมรู้น่า...ว่ามีข้อมูล  ;D

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มี.ค. 16, 2007, 10:32 PM »
0


ท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล



   
 

 

 

?ข้าแต่อัลลอฮฺ  แท้จริงพระองค์ทรงรู้ดีว่า 
ข้าพระองค์มิได้เป็นผู้ที่รักและหลงในดุนยา 
หรืออยากจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน 
เพื่อสนุกสนานเพลิดเพลินกับการปลูกต้นไม้หรือทำสวน 
หากแต่ข้าพระองค์อยุ่เพื่ออดทนต่อความหิวกระหาย 
ในขณะที่ข้าพระองค์ถือศีลอด ยอมอดนอนเพื่อลุกขึ้นกระทำละหมาดในตอนกลางดึก 
และอยู่เพื่อแข่งขันกับผู้รู้ในการแสวงหาวิชาความรู้? 
?ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ขอให้พระองค์รับเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปด้วยดี 
ดังที่พระองค์รับเอาชีวิตของบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วยเถิด?


คำกล่าวก่อนสิ้นใจของท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล

 

 

 

                     ณ นครมะดีนะฮฺก่อนการอพยพ   ท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล เด็กหนุ่มผู้เข้ารับนับถืออิสลามจากการเผยแพร่ของท่านมุศอับ อิบนิอุมัยรฺ  ตลอดชีวิตของท่าน ตั้งแต่เยาวว์วัยท่านได้กระทำประโยชน์แก่อิสลามมากมาย ประวัติการทำงานเพื่ออิสลามของท่านยาวนานเหลือเกิน ทั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่แค่เพียง 30 กว่าปีเท่านั้น ท่านและเพื่อนพ้องในวัยเดียวกันได้รวมตัวกันเผยแพร่อิสลามแก่ชาวมะดีนะฮฺ โดยกลุ่มนักทำงานของท่านมุอ๊าซประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก 

               ในการเชิญชวนท่าน อัมรฺ บิน อัลญะมั๊วะฮฺ เข้ารับอิสลาม  ซึ่งท่านได้ยึดมั่นรูปปั้นรูปหนึ่งเป็นเจ้าและดูและเอาใจใส่อย่างดีเยี่ยงสมบัติอันล้ำค่า     ท่านมุอ๊าซและพรรคพวก ได้แอบเข้าไปนำรูปปั้นของท่านอัมรฺไปทิ้งที่กองขยะ   เมื่อท่านอัมรฺตื่นขึ้นมาในตอนเช้าไม่พบรูปปั้นของตนจึงออกตามหาและพบว่าอยู่ในกองขยะ    หลังจากนั้นท่านมุอ๊าซได้กระทำเช่นนี้อีกหลายครั้ง ท่านอัมรฺโกรธมาก จนสุดท้ายได้นำดาบมาแขวนไว้ที่รูปปั้นโดยหวังให้รูปปั้นนั้นใช้ในการป้องกันตัว   ท่านมุอ๊าซและพรรคพวกก็ได้กระทำการเช่นเดิมโดย นำดาบออกและนำสุนัขเน่ามาแทนที่และลากไปไว้ที่กองขยะเช่นเดิม  เมื่อท่านอัมรฺตื่นมาพบ  จึงสำนึกได้ว่าหากสิ่งนี้เป็นพระเจ้าจริง  มันคงปล่อยให้ตนเองถูกกระทำเช่นนี้  หลังจากนั้นไม่นานท่านอัมรฺก็เข้ารับนับถืออิสลาม

               หลังการอพยพของท่านนบีมุฮัมมัด ซล. ท่านมุอ๊าซได้มาศึกษาเล่าเรียน ทั้งด้านอัลกุรอ่านและบทบัญญัติทางศาสนา  จนเกิดความเชี่ยวชาญจนได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ท่องจำอัลกุรอานได้เป็นอย่างดี  ครั้งเมื่อชาวยะมันเข้ารับนับถืออิสลาม  และต้องการผู้มีความรู้ไปอบรมสั่งสอน   ท่านนบีมุฮัมมัด ซล. ได้จัดคณะหนึ่งไปโดยแต่งตั้งให้ท่านมุอ๊าซเป็นหัวหน้าคณะ  นอกจากนี้ท่านยังเป็น 1 ใน 4 ของผู้รวบรวมอัลกุรอาน     เป็น 1 ใน 3 ของผู้ทำหน้าที่ชี้ขาดปัญหาศาสนา  ในสมัยท่านนบี ซล.  ท่านเป็นบุคคลที่ท่านนบีมุฮัมมัด ซล. รับรองว่าเป็นผู้ที่มีความรู้มากที่สุดในเรื่องของหะล้าลและฮะรอม และท่านอุมัร รด. เคยประกาศไว้ว่า ?ผู้ใดต้องการรู้รายละเอียดและเข้าใจศาสนาอย่างถูกต้อง ก็จงมาหามุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล?

               ท่านนบีมุฮัมมัด ซล. รักท่านมุอ๊าซ อย่างเหลือเกิน ในการเดินทางก่อนไปเมืองยะมัน ท่านนบี ซล. ได้บอกกับท่านมุอ๊าซว่าอาจจะไม่ได้พบกันอีกและได้ปลอบใจว่า ?โอ้ มุอ๊าซ ที่จริง  ผู้ที่เป็นมิตรกับฉัน  หรือผู้ที่ใกล้ชิดกับฉันนั้น  คือบรรดาผู้ศรัทธา  ไม่ว่าเขาจะอยู่ ณ ที่แห่งใด หรือจะมีสภาพเช่นไรก็ตาม? 

          ท่านมุอ๊าซ ได้ประสบกับโรคระบาดและสิ้นชีวิตที่ประเทศปาเลสไตน์  ก่อนท่านสิ้นชีวิตท่านได้กล่าวว่า  ?ยินดีต้อนรับความตายที่มาเยือน  ซึ่งได้หายหน้าไปเสียนาน  และขณะนี้ฉันยังฉันกำลังคิดอยู่?  และท่านมองไปที่ท้องฟ้าและกล่าวว่า  ?ข้าแต่อัลลอฮฺ  แท้จริงพระองค์ทรงรู้ดีว่า  ข้าพระองค์มิได้เป็นผู้ที่รักและหลงในดุนยา  หรืออยากจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน  เพื่อสนุกสนานเพลิดเพลินกับการปลูกต้นไม้หรือทำสวน  หากแต่ข้าพระองค์อยุ่เพื่ออดทนต่อความหิวกระหาย  ในขณะที่ข้าพระองค์ถือศีลอด ยอมอดนอนเพื่อลุกขึ้นกระทำละหมาดในตอนกลางดึก  และอยู่เพื่อแข่งขันกับผู้รู้ในการแสวงหาวิชาความรู้?  ?ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ขอให้พระองค์รับเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปด้วยดี  ดังที่พระองค์รับเอาชีวิตของบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วยเถิด?

 

 

 

 

เรียบเรียงจาก ประวัติซอฮาบะฮฺ เล่มที่ 1 หน้า 42 -57
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มี.ค. 16, 2007, 10:54 PM »
0
ญะซากั้ลลอฮ์ค่ะ  น้องอรูชาห์...........
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มี.ค. 16, 2007, 10:58 PM »
0
 ;D  ชามีแค่นี้   ;D
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มี.ค. 16, 2007, 11:03 PM »
0
ค่ะ.........ไม่เป็นไรนะคะ  :) :) :) :)   
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มี.ค. 17, 2007, 06:33 PM »
0
ยังไงพี่น้องของเราช่วยกันแบ่งปันข้อมูลน่ะครับ  น้อง [MusalmarN] อย่าลืมนะเสนอครับ  ผมรู้น่า...ว่ามีข้อมูล  ;D

แหะๆ บังนูรุ้ลฯ ก็...

ส่วนมากจะ copy อ่ะครับ  ;D

ปกติถ้าคืนไหนที่ผมไปมัรกัส ก็มักจะได้ฟัง "ฮายาตุศ ศอฮาบะฮ" ทำให้จิตใจหึกเหิมครับ ^_^

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มี.ค. 17, 2007, 06:34 PM »
0
ภาพประกอบที่ อรูชาฮ นำมา

คุ้นๆ แหะ

 ;)

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
อบู บักร อัศศิดดีก
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มี.ค. 17, 2007, 06:40 PM »
0

.........อบูบักร มีอายุน้อยกว่าท่านรอซูล(ซ.ล.)สองปี นามเดิมของท่านชื่อคือ อับดุลลอฮฺ แต่โลกรู้จักท่านในนาม อบูบักร แปลว่า บิดา ของบักร เนื่องจากบุตรชายคนโตของท่านมีนามว่า บักร บิดาของอบูบักรมีนามว่า อุสมาน หรือเรียกกันอีกนามหนึ่งว่า อบูกอหาฟะฮฺ ส่วนมารดานั้นมีนามว่า ซัลมะฮฺ แต่นิยมเรียกกันอีกนามหนึ่งว่า อุมมุลค็อยร์ อบูบักรมีเชื้อสายมาจากชาวกุเรซ อบูบักรเป็นคนดี รักความยุติธรรม รักความจริงเป็นที่สุด เขาเป็นคนในตระกูลชั้นสูง ท่านรอซูล(ซ.ล.)ก็ยกย่องเขาในฐานะมิตรที่ดีคนหนึ่งของท่าน ทั้งสองกลายเป็นที่สนิทชิดชอบตั้งแต่เมื่อยังเยาว์วัย พอเติบใหญ่วัยฉกรรจ์ ท่านอบูบักรก็กลายเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง เขาใช้ความมั่งคั่งในการสนับสนุนคนจนด้วยจิตที่เมตตาส่งสาร ถ้าเห็นใครลำบากอยากแค้น เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจ คุณธรรมข้อนี้ทำให้เขาชนะจิตใจประชาชน และคุณสมบัติยิ่งใหญ่ดังกล่าว อบูบักรได้กลายเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของ ผู้พลิกฟื้นมนุษย์ชาติ

.........อบูบักรได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านนบี(ซ.ล.)ตลอดมา เขาจึงรู้จักท่านนบี(ซ.ล.)ดีกว่าคนอื่น เขารู้ตลอดถึงอุปนิสัยของเพื่อนเขา เขาเป็นคนแรกที่เลื่อมใสในการเผยแผร่ศาสนาของท่านนบีและเป็นชายคนแรกที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามท่านรอซูล(ซ.ล.)ได้กล่าวว่าในบรรดา มิตรสหายที่ดีของข้าพเจ้านั้น อบูบักรเป็นผู้ประเสริฐสุด นี่คือคำกล่าวของท่านรอซู้ล ซึ่งกล่าวต่อหน้ามวลชนที่มาประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะอําลาจากเราไปซึ่งเป็นถ้อยคำที่บ่งบอกถึงความดีอย่างยิ่ง เพราะว่าตลอดชีวิตของท่านเขาเป็นคนเดียวที่ท่านนบีไว้วางใจใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งกว่าคนอื่น เขาเป็นคนที่ไม่สนใจกับชีวิตของเขาเองไม่อาศัยในทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ แต่สิ่งเดียวที่เขาคิดและปรารถนา ก็คือ การยืนหยัดช่วยเหลือมิตรสหายของเขาจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และแล้วท่านนบี(ซ.ล.)ได้ยกย่องเขาไว้ในตำแหน่งสหายอาวุโสคนแรก

........หลังจากวันหยุด ครั้งแรกผ่านไปท่านนบี(ซ.ล.)ได้เล่าเหตุการณ์ในถ้ำฮีรออฺให้อบูบักรฟังว่า อัลลอฮฺทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นศาสนาทูต เขาตัดสินใจเป็นมุสลิมทันที หลังจากรับอิสลามได้ไม่กี่วัน ท่านได้ทําหน้าที่เชิญชวนผู้อื่นให้รับอิสลามด้วย ดังนั้นเมื่อท่านได้ทําหน้าที่ที่สําคัญนี้แล้ว ก็มีหลายคนได้เข้ารับอิสลาม เช่น อุสมาน ฎ้อลหะฮฺ อับดุลเราะห์มานอิบนฺเอาฟ์และสอัด อิบนฺอบีวักกอศ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกำลังส่วนหนึ่งที่ทำให้ศาสนาอิสลามขยายตัวอย่างกว้างขวางออกไป ท่านนบี(ซ.ล.)ได้มาพบอบูบักรที่บ้านทุกวัน เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเผยแพร่ศาสนา แล้วทั้งสองก็มักจะไปด้วยกันทุกหนแห่งที่มีการประกาศศาสนาของอัลลอฮฺ

........ในเมื่ออบูญะฮัลเป็นหนึ่งในบรรดาแกนนำที่มีอิทธิพลในนครมักกะฮฺ เขาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของท่านนบี พยายามทุกวิธีทาง เพื่อขัดขวางท่านนบีในการเผ่ยแผร่ดะวะฮฺ อบูบักรก็เป็นผู้ซึ้งพยายามปกป้องท่านนบีที่ได้รับฉายาว่าอัศศิดดีก

.......วันหนึ่งในขณะที่ท่านรอซูล(ซ.ล.)กำลังประกอบอิบาดะฮฺอยู่ในวิหารกะอฺบะฮฺ โดยมีอบูญะฮัลและพรรคพวกกำลังสนทนาอยู่ อบูญะฮัลเห็นปลอดคนจึงพูดขึ้นว่า วันนี้ฉันต้องฆ่ามูหัมหมัดให้ได้ พูดจบเขาก็ตรงเข้าไปที่ท่านนบี(ซ.ล.)โดยใช้ผ้าคาดเอวรัดคอท่านนบี(ซ.ล.)และพยายามขมวดชายผ้า และออกแรงดึงเต็มที่เพื่อจะให้ท่านนบีหายใจไม่ออก ในขณะที่สมัครพรรคพวกของเขาพากันเฮเฮาด้วยความพอใจแต่หารอดพ้น สายตาคู่หนึ่งซึ่งซุ่มคุมเชิงอยู่ห่างๆของอบูบักรทันที่ที่ท่านอยู่เห็นการกระทำก็รีบเข้าขัดขวาง และรีบคลายผ้าออก อบูญะฮัลและศัตรูของอิสลามคนอื่นๆ ช่วยกันรุมทุบตีอบูบักรเพื่อไม่ให้เขาเข้าไปช่วยท่านนบี(ซ.ล.)ให้พ้นจากการ ทรมานของพวกเขา ต่อจากนั้นก็พากันหนีไป อบูบักรถูได้ไปทั้งตัว แต่เขาไม่ได้เสียใจ เขามีความรู้สึกภูมิใจที่การเจ็บตัวของเขาสามารถทำให้เพื่อนคนหนึ่งรอดตาย และคนนั้นเป็นคนที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตของเขาเสียอีก

การอพยพสู่นครมาดีนะฮฺ

.......เที่ยงวันหนึ่งได้มีเสียงคนมาเคาะประตูบ้านอบูบักรเขาก็สังเกตดูปรากฏว่าเป็นท่านรอซูล(ซ.ล.)นั้นเอง ท่านกล่าวว่า ? ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าต้องอพยพไปนครมาดีนะฮฺ ?

........? แล้วข้าพเจ้าจะได้รับเกียรติให้ติดตามท่านด้วยหรือเปล่า ?? อบูบักรถาม

........? แน่นอน ? ? โปรดจัดสิ่งของที่จำเป็นและเตรียมให้พร้อมก่อนที่ค่ำคืนจะมาถึง ? รอซูล(ซ.ล.)ตอบ

........อบูบักรดีใจมากแล้วกล่าวว่า ? ข้าพเจ้ารอคอยโอกาสนี้มานานแล้ว นับด้วยแรมเดือน ข้าพเจ้าได้เตรียมอูฐไว้นานแล้วถึงสองตัว และเป็นอูฐที่ฝีเท้าดีทั้งคู่ ?

........อบูบักรได้มีส่วนสําคัญที่ทำให้การเดินทางของท่านนบีนั้นได้รับความสะดวกมากมาย ทั้งสองต้องซ่อนตัวอยู่ในถ้ำถึงสามวัน โดยมีทาสของอบูบักรคนหนึ่งแกล้งพรางตาศัตรู ด้วยการต้อนสัตว์มาเลี้ยงใกล้ ๆ ในขณะทีอับดุลลอฮฺบุตรชายท่านอบูบักร์ทำหน้าที่สื่อสารคอยส่งข่าวให้ทราบอยู่เสมอ

........อบูบักรได้รับเกียรติยิ่งกว่าคนอื่น ก็เพราะในยามวิกฤตกาลทุกครั้ง อบูบักรไม่เคยคลาดแคล้วจากท่านนบีเลย

........สงครามอุฮูด และ สงครามฮู่นัยน นักรบบางคน ได้แสดงความอ่อนแอให้ปรากฏออกมาด้วยการละทิ้งหน้าที่ อบูบักรไม่ได้อยู่ในบุคคลประเภทนั้น เขายืนหยัดต่อสู้เคียงข้างท่านนบีดุจดังปราการอันแข็งแกร่งสำหรับคุ้มกันภัยให้ท่าน

........สงครามตาบู๊กเป็นสงครามครั้งสุดท้ายในชีวิตแห่งการต่อสู้ของท่านรอซูล(ซ.ล.)ท่านต้องกำหนดแผนการอย่างละเอียดรอบคอบ ท่านขอให้บรรดาศอหาบะฮฺช่วยกันสละทรัพย์ คราวนี้อบูบักรได้สร้างประวัติการเสียสละของท่านอีก จนหมดสิ้น ท่านรวบรวมทรัพย์สมบัติทุกชิ้น มอบให้กับท่านนบี ท่านนบีจึงกล่าวถามว่า ? แล้วท่านได้เหลืออะไรไว้กับบุตรและภรรยาบ้างหรือเปล่า ? ?อบูบักรตอบว่า ? อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์พอเพียงแล้วสำหรับเขา ?

........หลังจากข่าวการเสียชีวิตของท่านนบี สังคมมาดีนะฮฺปั่นปวน อบูบักรเป็นผู้ซึ้งทําหน้าที่เรียกความสงบคืนมาได้ด้วยการอ่านอายะฮฺอัลกุรอาน

........(และมุฮัมมัดนั้นหาใช่อืนใดไม่นอกจากเป็นรอซูลผู้หนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดารอซซุลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตาม พวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ และผู้ใดที่หันสันเท้าทั้งสองของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮฺแต่อย่างใดเลย และอัลลอฮฺนั้นจะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย) อาลิอิมรอน 144

การแต่งตั้งอบูบักรขึ้นเป็นคอลีฟะฮฺ

.........ถึงแม้ว่าท่านรอซูลได้จากไปแล้วก็จริง แต่ผู้นำรัฐคนใหม่จะต้องเพื่อรักษาแนวทางของท่านรอซูล(ซ.ล.)เอาไว้

.........มุสลิมในตอนนั้นได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ มูฮาญีรีน กับ อันศอรและได้มีการประชุมกันขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพือหารือเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมจะเป็นคอลีฟะฮฺสืบทอดจากท่านนบี(ซ.ล.)

.........หัวหน้าเผ่าค้อซร๊อจคนหนึ่งก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า ? ท่านพี่น้องชาวอันศอรโปรดฟังข้าพเจ้าก่อน ถ้าเราได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่แล้ว ๆ มาเพื่อความเจริญของอิสลาม แท้จริงเราได้ทำเพียงเพื่อเป็นการภักดีต่ออัลลอฮฺ ( ซ . บ. ) และรอซูลของพระองค์ เรามิได้กระทำเพื่อเป็นการภักดีต่อคนอื่น ดังนั้นเราก็ไม่สมควรที่จะให้มีการต้องแก่งแย่งหน้าที่กัน โปรดรําลึกให้ดีว่า ท่านร่อซูลนั้นมีเชื้อสายเป็นชาวกุเรซโดยตรง เชื้อสายกุเรซจึงย่อมมีสิทธิ์มีความเหมาะสมดีกว่าพวกเรา

.........คำปราศรัยของท่านผู้นี้ยังผลให้ชาวอันศอรสงบปากคำเงียบ เห็นพ้องกันว่าพวก มูฮาญีรีนควรจะได้เป็นคอลีฟะฮฺ ท่านอบูบักรจึงพูดขึ้นว่า สหายทุกคน ท่านอุมัรและท่านอบูอุบัยดะฮฺคู่ควรกับตำแหน่งคอลีฟะฮฺ ฉะนั้นขอให้ท่านเลือกคนใดคนหนึ่งจากสองคนนี้

.........ปรากฏว่าทั้งอุมัร และ อบูอุบัยดะฮฺ อุทานขึ้นอย่างตกใจว่า ? อะไรกันท่านอัสศิดดีก !ทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้ จะมีใครที่ไหนกล้ามารับตำแหน่งอันใหญ่หลวง ในเมื่อมีท่านเป็นหลักประกันอยู่ทั้งคน ท่านเป็นยอดบุรุษของชาวมูฮาญีรีน เป็นเพื่อนสนิทของท่านรอซูล(ซ.ล.)ทั้งในยามทุกข์และยามสุข เคยทำหน้าที่เป็นผู้นำในการละหมาด การละหมาดเป็นหลักสำคัญประการแรกของอิสลาม ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ท่านรอซูล(ซ.ล.)ยิ่งกว่าคนอื่นฉะนั้นท่านจงเหยือดมือออกเถิด เพื่อพวกเราจะได้กล่าวคำสัตยบันต์แสดงความจงรักภักดีต่อท่านสืบต่อไป ?

.........หลังจากนั้นอบูบักรก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น คอลีฟะฮฺคนแรกสืบทอดจากท่านนบี(ซ.ล.)และท่านดํารงตําแหน่งคอลีฟะฮฺเป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน และ10 วัน

การสิ้นชีพ

..............อบูบักรเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 7 ยามาดีลอาคีร ฮ . ศ. 13 และอาการป่วยของท่านก็ได้เพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่ออบูบักรป่วยได้สองสัปดาห์อบูบักรก็เสียชีวิตลง ซึ่งท่านมีอายุ 63 ปี ญะนาซะฮฺของท่านถูกนำไปฝังใกล้ๆกับศพของท่านรอซูล (ซ.ล.) ที่นครมาดีนะฮฺใกล้กับมัสยิดท่านนบี(ซ.ล.)

..............ก่อนเสียชีวิต อบูบักรได้สั่งกำชับว่า ? อย่าใช้ผ้าใหม่มาฝังร่างของฉัน จงเอาผ้าที่ฉันกำลังสวมอยู่นี้ ซักให้สะอาดแล้วถึงค่อยฝังให้ฉัน ?
 
ผลงานของอบูบักร

.............?  เป็นผู้ศรัทธาคนแรก

.............?  รวบรวมอัลกุรอาน

.............?  ปราบปรามกลุ่มมุรตัดที่ปฎิเสธการบริจาคซากาต

.............?  ฮิจเราะฮฺพร้อมกับท่านนบี (ซ.ล.)

.............?  หัวหน้าคณะในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครมักกะฮฺในปีที่ 9 ฮ.ศ.

.............?  เป็นผู้นําละหมาดในขณะที่ท่านรอซูลป่วย

.............?  สานต่อทัพอุสามะฮฺ



จบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 20, 2007, 07:56 PM โดย [MusalmarN] »

ออฟไลน์ +Kamarutdin+

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มี.ค. 17, 2007, 07:24 PM »
0
ญะซากั้ลลอฮุค๊อลร๊อนนะครับ [MusalmarN] ผมกำลังจะเสนอเรื่องของ ท่านอุมัร อัล-ฟาลุค (รฎ)  อยู่พอดี งั้นเดียวผมรอ

ให้ [MusalmarN] เสนอเรื่อง ท่าน อบูบักร อัศ ศิดดีก (รฎ)   จบก่อนละกันนะครับ    ผมจะได้เสนอเรื่องของ...

ท่านอุมัร อัล-ฟาลุค ต่อจาก เรื่อง ท่าน อบูบักร อัศ ศิดดีก นะครับ  อินชาอัลลอฮุ
.....เมื่อใครคนหนึ่งซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ในหัวใจของเขา  ลิ้นของเขาก็จะชี้ให้ และ สีหน้าของเขาก็เปิดมันออกมา จงอย่าเป็นทาสของผู้ใดนอกจากตัวท่านเอง เพราะ อัลลอฮุ ได้ทำให้ท่านเกิดมาเป็นอิสระ.....

ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มี.ค. 17, 2007, 09:19 PM »
0

ญะซากั้ลลอฮ์ค่ะ.........จะรอติดตามประวัติซอฮาบะฮ์แต่ละท่านนะคะ :) :) :)
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มี.ค. 17, 2007, 10:33 PM »
0
ญะซากั้ลลอฮุค๊อลร๊อนนะครับ [MusalmarN] ผมกำลังจะเสนอเรื่องของ ท่านอุมัร อัล-ฟาลุค (รฎ)  อยู่พอดี งั้นเดียวผมรอ

ให้ [MusalmarN] เสนอเรื่อง ท่าน อบูบักร อัศ ศิดดีก (รฎ)   จบก่อนละกันนะครับ    ผมจะได้เสนอเรื่องของ...

ท่านอุมัร อัล-ฟาลุค ต่อจาก เรื่อง ท่าน อบูบักร อัศ ศิดดีก นะครับ  อินชาอัลลอฮุ


อัสลามมุอาลัยกม

ถึง ท่านกามารุดดีน ที่ผมบอกว่ามีต่อนั้น หมายถึงผมจะต่อ... ประวัติของศอฮาบะฮท่านอื่นครับ

สำหรับประวัติของ ท่านอบูบักร นั้น ผมมีประวัติเท่านี้

ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้ ท่านกามารุดดีน นำเสนอ อัตชีวประวัติของ ท่านอุมัร อัล ฟารุค เลยครับ

ญาซากัลลอฮ ฮุ ค็อยร็อน

ออฟไลน์ +Kamarutdin+

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มี.ค. 18, 2007, 12:09 AM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته


                                                                                 อุมัรุ อัล-ฟารูค
                                                                       ดร.มาญีด อะลี คาน : เขียน
                                                                         บรรจง  บินกาซัน : แปล

"ชีวิตก่อนอิสลาม"                                                                                                                                     

       

        อุมัรเกิดในกระตูลอะดี  ซึ่งเป็นตระกูลหนึ่งในเผ่ากุเรชใน ค.ศ. 583 เมื่อประมาณ 40 ปี  ก่อนการอพยพของนบีมูฮัม
มัด(ซล)จากนครมักก๊ะฮุไปยังนครมาดีนะฮุ ผู้คนทั่วไปเรียกท่านว่า "อบูฮัฟส์"   และท่านนบีมูฮัมมัด(ซล)ได้ตั้งฉายาให้ท่าน
ว่า "อัล ฟารูค"  รายละเอียดในชีวิตวัยเด็กของท่านไม่เป็นที่รู้จักมากนัก  เราเพียงแต่รู้ว่า  ในตอนวัยหนุ่มท่านเป็นนักมวย
ปล้ำและนักพูดที่มีชื่อเสียง  เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนในนครมักก๊ะฮุที่รู้จักการอ่านเขียนก่อนสมัยอิสลาม  อาชีพการงานของ
ท่าน คือ ธุรกิจการค้า  ในตอนที่ท่านนบีมูฮัมมัด(ซล)ได้รับคำบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้เชิญชวนผู้คนสู่อิสลามนั้น  อุมัรุนั้น
เป็นศัตรูตัวฉกาจของท่านนบีฯและไม่เคยรีรอที่จะทำร้ายมุสลิมหรือต่อต้านอิสลามทุกครั้งที่มีโอกาส



"การเข้ารับอิสลาม"



        ในปีที่ 6 แห่งการปฏิบัติการภารกิจของท่านนบีมูฮัมมัด(ซล)  พวกผู้นำชาวกุเรชได้เรียกประชุมเพื่อหาอาสาสมัครทำ
หน้าที่สังหารท่านนบีฯ อุมัรุได้เสนอตัวเองเพื่อทำงานนี้ และทุกคนในที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันระหว่างเขาถือดาบมุ่งหน้า
ไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายมาจากที่ประชุม  เขาได้พบกับ ซะด์ บิน อบีวักกอส โดยบังเอิญ  ซะด์จึงได้ถามอุมัรุว่าจะไป
ไหน อุมัรุได้บอกความจริงว่าเขาจะไปสังหารท่านนบีมูฮัมมัด(ซล) ซะด์จึงได้กล่าวว่า "ท่านควรสนใจครอบครัวของท่านก่อน
เพราะน้องสาวและน้องเขยของท่านได้รับอิสลามแล้ว"  เมื่อได้ยินเช่นนั้น อุมัรูจึงหันหน้ามุ่งไปยังบ้านของน้องสาวทันที ใน
ขณะที่มาถึง  ฟาฏิมะฮุน้องสาวของท่านกำลังศึกษาอัลกรุอ่านจาก ค๊อบบ๊าบ อยู่  ฟาฏิมะฮุรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงอุมัรุ
จึงพยายามที่จะซ่อนแผ่นบันทึกคำภีร์อัลกรุอ่านไว้เมื่ออุมัรุเข้ามาในบ้าน เขาได้ถามทั้งสองคนถึงเรื่องของอิสลาม เมื่อรู้ว่า
ทั้งสองเข้ารับอิสลามจริง  อุมัรุจึงทุบตีน้องเขยของตนอย่างรุนแรง  เมื่อฟาฏิมะฮุน้องสาวเข้ามาขวาง  อุมัรุก็ตบหน้าน้องสาว
ของเขาจนเลือดออก ดังนั้น น้องสาวของเขาจึงระเบิดอารมณ์ออกมาว่า

        "เอาซิ! พี่จะทำอย่างไรก็ได้  เราตัดสินใจแล้วที่จะตายอย่างมุสลิม"
 
        เมื่อเห็นเลือดของน้องสาว อุมัรุจึรู้สึกอับอายในสิ่งที่เขาทำไป ถึงแม้เขาจะรักฟาฏิมะฮุเป็นอย่างมาก  แต่เขาก็ไม่อาจ
ทนได้ที่ฟาฏิมะฮุเข้ารับอิสลาม อย่างไรก้ตาม อุมัรุก็ได้ขอฟาฏิมะฮุดูแผ่นจารึกข้อความอัลกรุอ่าน ฟาฏิมะฮุจึงบอกอุมัรุอย่าง
ตรงไปตรงมาว่า

        "พี่จะแตะต้องกรุอ่านไม่ได้  จนกว่าพี่จะชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสียก่อน"

        ดังนั้น  อุมัรุจึงได้ไปทำความสะอาดร่างกายและได้รับแผ่นจารึกข้อความอัลกรุอ่านมาอ่าน  ข้อความดังกล่าวเป็นข้อ
ความตอนต้นของซูเราะฮุ ฏอฮา (บทที่20) ซึ่งมีข้อความว่า

        "แท้จริง  ฉันคืออัลลอฮุ  ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากฉัน จงเคารพภักดีฉัน และดำรงนมาซเพื่อการระลึกถึงฉัน"

        เมื่ออ่านข้อความดังกล่าวจบ  อุมัรก็อุทานออกมาว่า  "แน่นอนนี้คือถ้อยคำของอัลลอฮุ พาฉันไปหามุฮัมมัดหน่อย"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น  ค๊อบบ๊าบจึงกล่าวว่า  "อุมัรุเอ๋ย  ข่าวดีสำหรับท่าน  คำวิงวอนของท่านนบีมูฮัมมัด(ซล)เมื่อคืนนี้ได้ถูก
ตอบรับแล้ว  ท่านวิงวอนว่า "โอ้อัลลอฮุ ขอพระองค์ได้โปรดประทานความแข็มแข็งให้อิสลามโดย อุมัรุ บิน ค็อฏฏอบ หรือไม่
ก็อุมัรุ บิน ฮิซาม  สุดแล้วแต่พระองค์จะทรงประสงค์"

        ดังนั้น อุมัรุจึงถูกพาตัวไปหาท่านนบีฯ เมื่อไปถึง  ท่านนบีได้ถามว่า "อุมัรุ อะไรนำท่านมาที่นี้?" อุมัรุตอบว่า "ฉันจะมา
เข้ารับอิสลาม"

       เมื่อได้ยินเช่นนั้น  บรรดามุสลิมจึงตะโกนร้องออกมาด้วยความดีใจว่า "อัลลอฮุอักบัรุ"(อัลลอฮุทรงยิ่งใหญ่) เพราะความ
จริงแล้ว  การเข้ารับอิสลามของอุมัรุเป็นการทำลายขวัญของผู้ต่อต้านอิสลามอย่างรุนแรง อับดุลลอฮุ บิน มัศอูด  สาวกคน
สำคัญของท่านนบีมูฮัมมัด(ซล)  ได้กล่าวว่า "การเข้ารับอิสลามของอุมัรุเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่  การอพยพของเขาไปยังมะดี
นะฮุเป็นการเสริมกำลังครั้งยิ่งใหญ่  และการขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮุของเขาเป็นความจำเริญอันยิ่งใหญ่สำหรับมุสลิม"









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 20, 2007, 02:49 AM โดย +Kamarutdin+ »
.....เมื่อใครคนหนึ่งซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ในหัวใจของเขา  ลิ้นของเขาก็จะชี้ให้ และ สีหน้าของเขาก็เปิดมันออกมา จงอย่าเป็นทาสของผู้ใดนอกจากตัวท่านเอง เพราะ อัลลอฮุ ได้ทำให้ท่านเกิดมาเป็นอิสระ.....

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มี.ค. 18, 2007, 11:57 PM »
0
ประวัติของท่าน อัล-ฟารูก  ผมชอบ ๆ  เป็นพิเศษเหมือนกันเลยล่ะครับ จะรออ่านนะครับคุณ  +Kamarutdin+
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged