ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..  (อ่าน 38550 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #90 เมื่อ: ก.พ. 27, 2010, 10:08 AM »
0
 salam

เรื่องราวของ อะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลญัรฺรอหฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

   ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ มีใบหน้างดงาม ลักษณะท่าทางเป็นคนร่างเริงเบิกบาน เรือนร่างค่อนข้างจะผอมสูง แก้มตอบ มองดูแล้วสบายตาแก่ผู้พบเห็น ใครได้พบเห็นก็อยากจะคบค้าสมาคมด้วยเสมอ นอกจากมีลักษณะดังกล่าวแล้ว ท่านยังเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน มีความละเอียดอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ท่านจะกลายเป็นเช่นสิงห์ร้าย พร้อมจะกระโจนเข้าใส่ศัตรูได้ทันที ถ้าจะเปรียบท่านเป็นดาบก็จะมีส่วนคล้ายดาบในด้านความแจ่มจรัส แวววาม มองดูงดงาม พร้อมกันนั้นยังมีความเฉียบขาด สามารถเชือดเฉือนทุกสิ่งทุกอย่างได้ในฉับพลัน ท่านผู้นี้เป็นผู้ซื่อสัตย์แห่งประชาชาติของท่านนะบียฺ มุหัมมัด ท่านมีชื่อว่า “อามิรฺ อิบนิ อับดิลลาฮฺ อิบนิ อัลญัรฺรอหฺ อัลฟิฮฺรียฺ อัลกุเราะชียฺ” ซึ่งมีฉายานามว่า “อะบูอุบัยดะฮฺ” นั่นเอง


   ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้แจ้งลักษณะของท่านอะบูอุบัยดะฮฺเอาไว้ว่า “มีชาวกุเรช 3 คน ทั้งสามนี้มีใบหน้างดงาม มารยาทดี มีความละอาย ถ้าหากทั้ง 3 คนนี้ได้สนทนากับท่าน พวกเขาจะไม่โกหก และถ้าหากท่านได้สนทนากับเขา พวกเขาก็จะไม่กล่าวหาว่าท่านโกหก ท่านทั้งสามนั้นคือ ท่านอะบูบักรฺ อัศศิดดีก ท่านอุษมาน บินอัฟฟาน และท่านอะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลญัรฺรอหฺ”
   ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ เป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้เข้ารับอิสลามรุ่นแรก เพราะเข้ารับอิสลามในวันถัดมาจากการเข้ารับอิสลามของท่านอะบูบักรฺ และได้เข้ารับอิสลามต่อหน้าท่านอะบูบักรฺ ท่านอะบูบักรฺได้นำท่านอะบูอุบัยดะฮฺ ท่านอับดุรฺเราะหฺมาน อิบนุ เอาฟฺ ท่านอุษมาน อิบนุ มัสอูน และท่านอัรฺกอม อิบนิ อะบีอัรฺกอม ไปยังท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยทั้งหมดได้ประกาศคำปฏิญาณ “กะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺ” ต่อหน้าท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และทั้งหมดนี้นับเป็นฐานสำคัญชุดแรกที่รองรับความบรรเจิดจ้าของอัลอิสลามอันยิ่งใหญ่
   ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ ใช้ชีวิตอยู่ในมักกะฮฺ ท่ามกลางการทดสอบอันลำบากยากเข็ญ ตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ต้องเผชิญกับความรุนแรง วามโหดเหี้ยมทารุณ ความเจ็บปวดและความเศร้าโศก พร้อมกับเพื่อนพี่น้องมุสลิมรุ่นแรก ชนิดที่ไม่เคยมีสาวกในศาสนาใดในโลกเคยประสบเช่นนี้มาก่อนเลย แต่ท่านก็ยังยืนหยัดในอุดมการณ์อันถูกต้อง ไม่หวั่นไหว ท่านเชื่อในอัลลอฮฺและเราะสูลในทุก ๆ สภาพการณ์
   ความทุกข์ของท่านอะบูอุบัยดะฮฺในวันสงคราม “บะดัรฺ” นั้น รุนแรงเกินกว่าจะคาดคะเน จนไม่สามารถวาดมโนภาพได้ กล่าวคือ
   ในวันนั้นท่านอะบูอุบัยดะฮฺต่อสู้กับฝ่ายศัตรูอย่างเต็มภาคภูมิ เคียงบ่าเคียงไหล่บรรดาทหารหาญผู้ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับความตาย จึงทำให้พวกมุชริกีนครั่นคร้าม ท่านบุกตะลุยเข้าหาศัตรูอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้พวกทหารม้าฝ่ายกุเรชต้องระมัดระวังและถอยห่างทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน
   แต่มีกุเรชคนเดียวเท่านั้น ที่คอยติดตามอะบูอุบัยดะฮฺอยู่ทุกฝีก้าว ท่านอะบูอุบัยดะฮฺก็คอยหลบหลีกที่จะเผชิญหน้ากับเขา แต่ชายผู้นั้นก็ยังพยายามบุกจู่โจมเข้ามาหา ไม่ว่าท่านจะหลบไปทางไหน เขาก็ดักหน้าหาโอกาสเล่นงาน ท่านอะบูอุบัยดะฮฺต้องยืนปักหลักต่อสู้กับศัตรูและในขณะเดียวกันก็หลบหลีกชายผู้นั้นพร้อมกันไปด้วย จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ท่านอะบูอุบัยดะฮฺไม่สามารถจะทนสภาพเช่นนั้นต่อไปได้ ท่านจำเป็นต้องประดาบกับชายผู้นั้น และต่อสู้กันจนในที่สุด ดาบของท่านอะบูอุบัยดะฮฺ ก็ฟันถูกกลางศีรษะชายผู้นั้น กะโหลกศีรษะแบะออกเป็นสองซีก หมุนคว้างดับดิ้นลงกองกับพื้น ต่อหน้าท่านอะบูอุบัยดะฮฺทันที



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 27, 2010, 10:39 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #91 เมื่อ: ก.พ. 28, 2010, 07:12 AM »
0
    ท่านพี่น้องที่เคารพ อย่าพยายามทำนายเลยว่าชายที่ถูกดาบฟันศีรษะผู้นั้นเป็นใคร ? ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือว่า

การทดสอบครั้งนั้นรุนแรงเกินกว่าจะคาดคะเนได้ และเกินกว่าที่จะวาดมโนภาพใด ๆ ได้ เพราะท่านจะยิ่งปวดหัวหนักขึ้นไปอีก

หากท่านทราบว่าชายที่ถูกฆ่าตายนั้นคือ “อับดุลลอฮฺ อิบนิ ญัรรอหฺ” ซึ่งเป็นบิดาของอะบูอุบัยดะฮฺนั้นเอง

   เปล่า ท่านอะบูอุบัยดะฮฺไม่ได้ฆ่าบิดา หากแต่ท่านฆ่าชิรกฺที่สถิตอยู่ในเรือนร่างของบิดาของท่านต่างหาก

   เกี่ยวกับเรื่องของอะบูอุบัยดะฮฺที่ฆ่าพ่อของตนเองในสงครามบะดัรฺนั้น อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงประทานอัลกุรฺอานลงมาว่า


 


“ เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลกรักใคร่ชอบพอผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์

(บรรดานักตัฟซีรอธิบายว่า ความมุ่งหมายของอายะฮฺนี้ ก็คือห้ามมิให้บรรดามุอฺมินคบและรักใคร่ชอบพอพวกกุฟฟาร และผู้กระทำความผิด

แต่สำนวนของอายะฮฺมาในรูปแบบของการบอกเล่าที่เน้นถึงการห้ามมิให้กระทำ อิมามอัลฟัครฺ กล่าวว่า ความหมายก็คือ การอีมานจะอยู่ร่วมกับ

การรักใคร่ชอบพอศัตรูของอัลลอฮฺไม่ได้)
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อของพวกเขา หรือลูกหลานของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา

หรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม (สาเหตุที่ระบุไว้ในอายะฮฺนี้ก็เพราะอะบูอุบัยดะฮฺได้ฆ่าพ่อของเขา คือ อัลญัรรอหฺ ในสงครามบัดรฺ อะบูบักรอัศศิดดีก

ตั้งใจจะฆ่าลูกของเขาคือ อับดุรเราะหฺมาน มุศอับอิบนฺ อุมัยรฺ ฆ่าพี่ชายของเขา อุบัยดฺ อิบนฺ อุมัยรฺ ในสงครามบัดรฺ ฮัมซะฮฺ อาลีและอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลฮาริส

ฆ่าญาติของพวกเขาคือ อุตบะฮฺ ชัยบะฮฺ และอัลวะลีด อุตบะฮฺ ในสงครามบัดรฺ)
ชนเหล่านั้นอัลลอฮฺได้ทรงบันทึกการศรัทธาไว้ในจิตใจของพวกเขา

และได้ทรงเสริมพวกเขาให้มีพลังมากขึ้นด้วยการสนับสนุนพระองค์ และจะทรงให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์หลากหลาย มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน

ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์ โดยเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล (คือจะทรงให้การศรัทธาของพวกเขาหนักแน่นอยู่ในจิตใจ จึงเป็นหัวใจที่เต็มไปด้วย

การศรัทธาเชื่อมั่นและมีความบริสุทธิ์ และจะทรงเสริมให้พวกเขามีพลังเข้มแข็งด้วยการช่วยเหลือและสนับสนุนจาก พระองค์ นอกจากนั้นพวกเขา

จะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์ที่เพียบพร้อมด้วยความสุขนานาชนิด อย่างสมบูรณ์และพำนักอยู่ตลอดกาล)
อัลลอฮฺทรงโปรดปรานต่อพวกเขาและพวกเขา

ก็ยินดีปรีดาต่อพระองค์ ชนเหล่านั้นคือพรรคของอัลลอฮฺ พึงรู้เถิดว่า แท้จริงพรรคของอัลลอฮฺนั้น พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ

(คือพระองค์จะทรงรับการงานของพวกเขาและทรงโปรดปรานต่อพวกเขา และพวกเขาก็ได้รับการตอบแทนจากพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีปรีดา

ต่อสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้แก่พวกเขา ที่กล่าวถึงความโปรดปรานของพระองค์ต่อพวกเขาหลังจากได้เข้าไปในสวนสวรรค์ แล้ว

ก็เพราะว่าเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ และเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติยิ่ง บรรดาผู้ที่อยู่ในพรรคของอัลลอฮฺ พวกเขาคือผู้ที่ประสบชัยชนะทั้งในโลกนี้และปรโลก)”

อัลมุญาดะละฮฺ 58 : 22

   เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับท่านอะบูอุบัยดะฮฺที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นผู้ศรัทธา อีมานต่ออัลลอฮฺ และอีมานต่อคำสอน

ของศาสนาอย่างแข็งแกร่งและได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ซื่อสัตย์แห่งประชาชาติของท่านนะบียฺมุหัมมัด ซึ่งเป็นการบรรลุถึงการมีจิตใจ

อันสูงส่งยิ่งใหญ่ ณ อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา

   ท่านมุหัมมัด อิบนิ ยะอฺฟัรฺได้เล่าว่า มีชาวคริสต์กลุ่มหนึ่ง มาหาท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และกล่าวว่า

"โอ้ท่านอะบูกอสิม จงส่งเศาะหาบะฮฺที่ท่านพอใจคนหนึ่งให้ไปกับเรา เพื่อให้เขาตัดสินปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สินที่พวกเราขัดแย้งกันอยู่

แท้จริงพวกท่านซึ่งเป็นชาวมุสลิมนั้น เป็นที่พึงพอใจสำหรับพวกเรา”


   ท่านเราะสูลจึงกล่าวว่า “เวลาเย็นพวกท่านจงมาหาฉันอีกครั้งหนึ่ง ฉันจะมอบผู้ที่เข้มแข็งและซื่อสัตย์ให้ไปเป็นผู้ตัดสิน”

   ท่านอุมัรฺ อิบนิ อัลค็อฏฏอบ ได้กล่าวว่า “ฉันไปละหมาดแต่เนิ่น ๆ ความจริงฉันไม่ชอบที่จะได้รับแต่งตั้ง แต่ที่ฉันชอบในวันนี้ 

เพราะอยากจะได้เป็นเจ้าของผู้มีลักษณะอย่างที่ท่านนะบียฺกล่าวไว้คือ ผู้เข้มแข็ง ผู้ซื่อสัตย์


   เมื่อท่านเราะสูลเป็นอิมามนำละหมาดเสร็จแล้ว ท่านก็มองไปทางขวาและทางซ้าย ฉัน(อุมัรฺ)ก็พยายามยืดตัวให้สูงขึ้นเพื่อท่านเราะสูลจะได้มองเห็น

แต่สายตาของท่านยังคงมองผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท่านเห็น อะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลญัรฺรอหฺ ท่านจึงเรียกเขาและสั่งว่า

“จงออกไปพร้อมกับพวกคริสเตียนและจงตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างพวกเขาด้วยความเป็นธรรม”


   ท่านอุมัรฺได้กล่าวว่า “ฉันจึงหมดโอกาส จึงได้แต่เพียงนึกเสียดายโดยกล่าวว่า นั่นอะบูอุบัยดะฮฺออกเดินทางไปพร้อมกับพวกนั้นแล้ว” เท่านั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 28, 2010, 08:57 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #92 เมื่อ: ก.พ. 28, 2010, 10:31 AM »
0
    ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ มิได้เป็นเพียงผู้ซื่อสัตย์เท่านั้น แต่ท่านยังเคยรวมพลังเพื่อการซื่อสัตย์อีกด้วย เพราะพลังดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นแล้วในหลายแห่ง อาทิ

   ครั้งหนึ่งท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ส่งเศาะหาบะฮฺกลุ่มหนึ่งให้ออกไปดักกองคาราวานบรรทุกสินค้าของฝ่ายกุเรช

และแต่งตั้งให้อะบูอุบัยดะฮฺเป็นหัวหน้า โดยท่านเราะสูลได้มอบอินทผลัมให้ 1 ถุงเป็นเสบียงโดยไม่มีของอื่น ๆ อีกเลย ดังนั้นท่านอะบูอุบัยดะฮฺ

จึงให้ทุกคนกินอินทผลัมคนละ 1 เม็ดต่อวัน ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงได้แต่ดูด ดูดแล้วก็ดื่มน้ำ เท่านี้ก็พอแล้ว สำหรับวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง!


   วันหนึ่งในสงครามอุหุด ขณะที่ฝ่ายมุสลิมเพลี่ยงพล้ำ ฝ่ายมุชริกีนตะโกนก้องว่า “พวกเจ้าจงมอบตัวมุหัมมัดให้เราเถิด พวกเจ้าจงมอบตัวมุหัมมัดให้เราเถิด”

ท่านอะบูอุบัยดะฮฺเป็นหนึ่งในสิบคนซึ่งห้อมล้อมท่านเราะสูลเพื่อปกป้องท่านเราะสูล โดยหันหน้าอกออกรับคมหอกคมดาบแทนท่านเราะสูล

จนกระทั่งสงครามสงบ ปรากฏว่าท่านเราะสูลนั้นฟันกรามหัก ห่วงเหล็กเสื้อเกราะสองอันทิ่มติดหน้าผากท่าน ท่านอะบูบักรฺ อัศศิดดีก คิดจะดึงออก

 แต่ท่านอะบูอุบัยดะฮฺกล่าวขึ้นว่า “ให้ฉันเอาออกเองจะดีกว่า” ท่านอะบูบักรฺจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านอะบูอุบัยดะฮฺ เพราะท่านเกรงว่า

ถ้าหากใช้มือดึงจะทำให้ท่านเราะสูลเจ็บปวด ท่านจึงใช้ฟันหน้าขบอย่างแรง จึงทำให้เศษเหล็กอันแรกหลุดออกมาได้ พร้อมกันนั้น

ฟันของท่านเองก็หักไปหนึ่งซี่ และท่านก็ใช้ฟันขบเศษเหล็กอีกอันหนึ่งออก จนกระทั่งฟันของท่านหักอีกหนึ่งซี่เช่นกัน ท่านอะบูบักรฺจึงกล่าวว่า

 “ท่านอะบูอุบัยดะฮฺนั้น เป็นผู้ที่มีฟันหน้าหักได้สวยจริง ๆ”


   ท่านอะบูอุบัยดะฮฺเข้าร่วมสงครามกับท่านเราะสูลทุกครั้งนับตั้งแต่เริ่มเป็นเศาะหาบะฮฺจนกระทั่งสิ้นชีวิต ครั้งหนึ่งในวันรับสัตยาบันแก่ท่านอะบูบักรฺ

ให้เป็นเคาะลีฟะฮฺท่านแรก ซึ่งการรับสัตยาบันครั้งนั้นได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ณ บริเวณบ้านของ “บะนีสาอิดะฮฺ” ก่อนที่ท่านอะบูบักรฺจะได้รับการคัดเลือกนั้น

 ท่านอุมัรฺได้กล่าวกับท่านอะบูอุบัยดะฮฺว่า “จงยื่นมือมาเถิด ฉันจะให้สัตยาบันต่อท่าน เพราะฉันเคยได้ยินท่านเราะสูลกล่าวว่า

 แท้จริง ทุก ๆ ประชาชาตินั้นมีผู้ซื่อสัตย์ และท่านก็คือผู้ซื่อสัตย์ของประชาชาตินี้”


   แต่ท่านอะบูอุบัยดะฮฺกลับตอบว่า “ฉันไม่สามารถที่จะได้รับการเสนอตัวต่อหน้าบุรุษที่ท่านเราะสูลเคยใช้ให้เป็นอิมามนำละหมาดจนกระทั่งท่านเราะสูลสิ้นชีวิตได้หรอก”

   การเลือกตั้งเคาะลีฟะฮฺท่านแรกในอิสลามได้สิ้นสุดลงโดยท่านอะบูบักรฺได้รับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺ และท่านอะบูอุบัยดะฮฺเป็นผู้ชี้แจงที่ดี

เกี่ยวกับข้อเท็จจริงให้ท่านอะบูบักรฺ และเป็นผู้เกื้อหนุนท่านอะบูบักรฺในด้านความดีงาม ต่อมาเมื่อท่านอะบูบักรฺได้ส่งต่อตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺให้ท่านอุมัรฺ

ท่านอะบูอุบัยดะฮฺก็ไม่ขัดข้อง แต่กลับยอมเชื่อฟังและปฏิบัติตามโดยไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งเลย นอกจากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ท่านทั้งหลายทราบไหมว่า เรื่องที่ท่านอะบูอุบัยดะฮฺฝ่าฝืนคำสั่งเคาะลีฟะฮฺของมุสลิมีนนั้นคืออะไร ?



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 28, 2010, 02:28 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #93 เมื่อ: ก.พ. 28, 2010, 02:26 PM »
0
 salam

ตอนสุดท้าย

    เรื่องเกิดขึ้นขณะที่ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลญัรรอหฺกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นแม่ทัพมุสลิมอยู่ ณ เมืองชามหรือซีเรีย โดยได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งพิชิตซีเรียทั้งหมดได้สำเร็จ กล่าวคือ ทางทิศตะวันออกเข้ายึดครองถึงแม่น้ำ “ฟุร็อต” ทางด้านทิศเหนือเข้ายึดครองถึงเอเชียน้อย
   ขณะนั้นเมืองชามเกิดโรคระบาด ชนิดที่ประชาชนไม่เคยประสบมาก่อนเลย โรคระบาดครั้งนี้ได้คร่าชีวิตประชาชนคนแล้วคนเล่า ฝ่ายท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺนั้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านได้ส่งทูตคนหนึ่งนำสาส์นไปให้ท่านอะบูอุบัยดะฮฺ ซึ่งสาส์นนั้นมีข้อความว่า
    “ฉันมีเรื่องจะต้องปรึกษากับท่าน เมื่อท่านได้รับสาส์นนี้ในยามค่ำคืน ฉันมั่นใจว่า ท่านต้องเดินทางมาหาฉันทันทีโดยไม่ต้องรีรอจนถึงรุ่งเช้า ถ้าสาส์นนี้ถึงมือท่านในเวลากลางวัน ฉันมั่นใจว่าท่านต้องเดินทางมาหาฉันทันทีโดยไม่ต้องรีรอจนถึงเวลาเย็น”

   เมื่อท่านอะบูอุบัยดะฮฺได้รับสาส์นของท่านอุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านก็กล่าวว่า
    “ฉันทราบดีว่าท่านอะมีรุลมุอ์มินีนมีเรื่องสำคัญอันใดกับฉัน นั่นก็คือ ท่านต้องการจะสงวนชีวิตของผู้ไม่จีรังยั่งยืนนี้เอาไว้”
   จากนั้น ท่านอะบูอุบัยดะฮฺจึงส่งสาส์นตอบท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺไปว่า
   “โอ้ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ความจริงข้าพเจ้ากำลังปฏิบัติหน้าที่ทางทหารของมุสลิมอยู่ ข้าพเจ้าไม่ชอบเอาตัวรอด โดยปล่อยให้พวกทหารต้องประสบเคราะห์กรรมเพียงลำพัง และข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะจากพวกเขาไปจนกว่าอัลลอฮฺจะทรงตัดสินเรื่องของข้าพเจ้าและเรื่องของพวกเขา ดังนั้น เมื่อท่านได้รับสาส์นของข้าพเจ้านี้แล้ว ก็จงเลิกคิดได้เลยว่า ข้าพเจ้าจะรีบกลับไปหาท่าน และจงอนุมัติให้ข้าพเจ้าอยู่ต่อไป ณ ที่นี้ด้วยเถิด”
   เมื่อท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้อ่านสาส์นของท่านอะบูอุบัยดะฮฺจบลง ท่านก็ร้องไห้จนน้ำตานองหน้า ผู้ที่อยู่ด้วย ณ ที่นั้นจึงถามว่า
     “โอ้ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ท่านอะบูอุบัยดะฮฺสิ้นชีวิตแล้วกระนั้นหรือ?” ท่านอุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ตอบว่า “ยังหรอก...เขายังไม่ตาย แต่ความตายนั้นกำลังอยู่ใกล้เขาเหลือเกิน”
    การคาดคิดของท่านอุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ใกล้เคียงกับความจริง เพราะอีกไม่กี่วันต่อมา ท่านอะบูอุบัยดะฮฺก็สิ้นชีวิตด้วยโรคระบาดนั้นเอง
   เมื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึง ท่านอะบูอุบัยดะฮฺได้กล่าวกับบรรดาทหารว่า

   “ฉันขอสั่งเสียพวกท่าน ถ้าหากใครปฏิบัติก็จะได้รับความดี กล่าวคือ ขอให้ท่านทั้งหลายจงดำรงละหมาด จงถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน จงบริจาคซะกาฮฺ จงทำหัจญฺและอุมเราะฮฺ จงอดทน จงให้คำแนะนำตักเตือนผู้นำ อย่าได้ฝ่าฝืนเขา จงอย่าลุ่มหลงโลกนี้ ใครก็ตาม ต่อให้เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอีกพันครั้ง เขาจะไม่มีส่วนได้รับความตายในสถานะอย่างฉันนี้ ซึ่งพวกท่านกำลังเห็นอยู่ วัสสลามมุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุลลอฮฺ"
    พลางท่านก็หันไปหาท่านมุอาซ อิบนิ ญะบัล และกล่าวว่า “โอ้มุอาซ จงนำละหมาดแทนฉันด้วยเถิด” ต่อมาอีกไม่นานท่านก็สิ้นชีวิต
 

   ท่านมุอาซได้ยืนขึ้นและกล่าวว่า “พี่น้องที่รัก ขณะนี้พวกท่านต้องเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของชายผู้หนึ่ง ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ฉันไม่เคยเห็นชายคนใด ที่ออกห่างความชั่วที่แฝงไว้ด้วยความอิจฉาริษยายิ่งไปกว่าเขา ไม่เคยเห็นชายคนใดรักการถึงจุดจบของชีวิตในสนามรบยิ่งกว่าเขา และไม่เคยเห็นชายคนใดตักเตือนประชาชนได้ยอดเยี่ยมยิ่งไปกว่าเขา ดังนั้น พวกท่านทั้งหลายจงขอความเมตตาจากอัลลอฮฺให้พระองค์ทรงเมตตาท่านอะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลญัรรอหฺด้วยเถิด แล้วพระองค์จะทรงเมตตาพวกท่าน”
 
จบตอน อะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิ อัลญัรรอหฺ


ที่มา : ประวัติซ่อฮาบะฮฺของท่าน ร่อซุลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เล่มที่ 2
พิมพ์เผยแพร่โดย “สายสัมพันธ์”  2529

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 28, 2010, 03:38 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #94 เมื่อ: มี.ค. 01, 2010, 11:15 PM »
0
 salam

เรื่องราวของ อับดุรฺเราะหฺมาน อิบนิเอาฟฺ
“ขอพระองค์อัลลอฮฺ ได้โปรดประทานความเพิ่มพูนให้แก่ท่าน ในสิ่งที่ท่านได้แจกจ่ายไป และขอพระองค์อัลลอฮฺได้โปรดประทานความเพิ่มพูนให้แก่ท่าน ในสิ่งที่ท่านได้เก็บไว้”
(จากคำวิงวอนของเราะสูลุลลอฮฺ ให้แก่ อับดุรฺเราะหฺมาน อิบนิ เอาฟฺ)

------------------------------------------------------------
    อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ
    ท่านเป็นคนหนึ่งจากจำนวนแปดคนแรกที่เข้าสู่อิสลาม......
    ท่านเป็นคนหนึ่งจากจำนวนสิบคนที่ถูกบอกข่าวดีว่าเป็นชาวสวรรค์......
    ท่านเป็นคนหนึ่งจากจำนวนหกคนของคณะที่ปรึกษาคัดเลือกผู้จะมาดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺหลังจากเคาะลีฟะฮฺอุมัร......
    และท่านเป็นหนึ่งจากจำนวนไม่กี่คนของผู้ที่ให้คำอธิบายศาสนาในนครมะดีนะฮฺ โดยที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังคงมีชีวิตอยู่ในหมู่มุสลิม......
    ชื่อของท่านคือ อับดุลอัมรฺ เมื่อเข้านับถือศาสนาอิสลาม ท่านเราะสูลุลลอฮฺได้เรียกท่านว่า อับดุรฺเราะห์มาน

ท่านผู้นี้คือ อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ
--------------------------------------------------------
   อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ได้เข้านับถือศาสนาอิสลามก่อนที่ท่านเราะสูลลุลลอฮฺ จะเอาบ้านของอัรฺกอมเป็นที่ทำการเผยแผ่ศาสนา และหลังจากอะบูบักรฺ อัศศิดดีกเข้าอิสลามเพียงสองวันเท่านั้น
   และอับดุรฺเราะหฺมาน ก็ต้องถูกรังควานและกลั่นแกล้งจากพวกกุเรช เหมือนกับที่มุสลิมในยุคแรกถูกกลั่นแกล้ง แต่เขาก็อดทนและยืนหยัดต่อสู้เหมือนกับบรรดามุสลิมอีกหลายท่านที่อดทนและต่อสู้ และอับดุรฺเราะหฺมานก็ได้อพยพไปสู่อบิสิเนียพร้อมกับมุสลิมอีกหลายท่านเพื่อลี้ภัยจากการถูกกดขี่ทางด้านศาสนา
   เมื่อท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และอัครสาวกของท่านได้อพยพไปยังนครมะดีนะฮฺ ก็ได้ปรากฏว่า อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺนั้นรวมอยู่ในคณะแรก ๆ ที่อพยพไปเพื่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์
   และในขณะที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้จับมือพวกอพยพ(มุฮาญิรีน) และพวกผู้ให้การช่วยเหลือ(อันศอรฺ) เป็พี่น้องกัน ท่านได้จับให้อับดุรฺเราะหฺมาน เป็นพี่น้องกับสะอฺดิ บุตร รอบิอฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) สะอฺดิ ได้กล่าวกับพี่น้องของเขา(อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ) ว่า โอ้น้องชายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในนครมะดีนะฮฺ ข้าพเจ้ามีสวนอยู่  2 แปลง และข้าพเจ้ามีภรรยา 2 คน ท่านจงไปดูเถิดว่า สวนแปลงใดที่ท่านต้องการ ข้าพเจ้าจะมอบให้ และภรรยาคนใดของข้าพเจ้าที่ท่านพอใจ ข้าพเจ้าจะหย่านาง เพื่อให้ท่านได้แต่งงานด้วย
   อับดุรฺเราะหฺมานได้กล่าวแก่พี่ชายร่วมศาสนาของเขาว่า ขอพระองค์อัลลอฮฺได้โปรดประทานความเพิ่มพูนให้แก่ครอบครัวและทรัพย์สินของท่าน แต่ได้โปรดชี้ทางไปตลาดแก่ข้าพเจ้าด้วย สะอฺดิ จึงได้ชี้ทางไปตลาดให้แก่อับดุรฺเราะหฺมาน ดังนั้น ต่อมา อับดุรฺเราะหฺมานจึงได้ทำการค้าขาย ได้ผลกำไรและเก็บสะสมไว้
   อีกไม่นาน เมื่ออับดุรฺเราะหฺมานรวบรวมสินสอดได้ เขาก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง และได้มาหาท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในสภาพที่มีสีเหลืองของหญ้าฝรั่นติดอยู่ตามร่างกายของเขา
   ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ถามเขาว่า นี่อะไรกัน โอ้อับดุรฺเราะหฺมาน เขาตอบว่า ข้าพเจ้าได้แต่งงานแล้ว
   ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ถามว่า ท่านให้อะไรเป็นสินสอดแก่ภรรยาท่าน? อับดุรฺเราะหฺมานตอบว่า ทองคำหนักเท่าเม็ดอินทผลัม
   ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านจงจัดงานฉลองการแต่งงาน (ที่เรียกว่า วะลีมะฮฺ)แม้ด้วยแกะเพียงตัวเดียว และขอให้พระองค์อัลลอฮฺประทานความเพิ่มพูนในทรัพย์สินของท่าน
   อับดุรฺเราะหฺมานได้กล่าวว่า ต่อมา ดูเหมือนว่าทรัพย์สินในโลกนี้ ได้ไหลมาเทมายังข้าพเจ้า จนข้าพเจ้าคิดว่า ถ้าหากข้าพเจ้ายกก้อนหิน ก็คงจะพบทองคำหรือเงินอยู่ใต้ก้อนหินนั้น

 

ยังมีต่อ..........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 02, 2010, 08:42 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #95 เมื่อ: มี.ค. 08, 2010, 08:48 PM »
0
 salam

นำเรื่องราวของ อับดุรฺเราะหฺมานบุตร เอาฟฺ มานำเสนอต่อครับ

    เมื่อท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ตัดสินใจยกกองทหารไปทำศึกที่ตะบูก (ชื่อเมืองหนึ่งอยู่ชายแดนประเทศชาม) ซึ่งเป็นศึกครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่าน ท่านต้องการกำลังทรัพย์ไม่น้อยกว่ามีความต้องการกำลังทหาร เพราะฝ่ายโรมันนั้นมีความสมบูรณ์และเพียบพร้อมทั้งด้านกำลังคนและกำลังอาวุธ และปีนั้นในนครมะดีนะฮฺเป็นปีแห่งความแห้งแล้งและขาดแคลน การเดินทางก็แสนจะยาวนาน สเบียงมีน้อย พาหนะเดินทางยิ่งน้อยกว่า
    ได้มีคนกลุ่มหนึ่งมาหาท่านเราะสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพื่อขอร้องให้ท่านจัดพาหนะให้ แต่ท่านได้ปฏิเสธ เพราะท่านไม่มีพาหนะใด ๆ เหลืออยู่ พวกเขาเหล่านั้นได้กลับไปด้วยความผิดหวัง ดวงตาของพวกเขานองด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ ต่อมากองทหารนั้นได้ถูกขนานนามว่า กองทหารแห่งความแร้นแค้น
    ดังนั้น ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้ชักชวนอัครสาวกของท่านให้บริจาคและเสียสละไปในหนทางของอัลลอฮฺ บรรดามุสลิมได้ตอบรับคำเรียกร้องของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อย่างมากมาย และผู้ที่อยู่ในบุคคลชั้นนำของผู้ที่บริจาคก็คือ อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ท่านได้บริจาคทองคำจำนวนสองร้อยออนซ์
    ต่อมา เมื่ออุมัร บุตรค็อฏฏอบได้ทราบข่าวเช่นนั้น จึงได้กล่าวแก่ท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า ข้าพเจ้าเห็นว่า อับดุรฺเราะหฺมานเป็นผู้ทำผิดและมีบาป เพราะเขาไม่เหลือสิ่งใดไว้ให้แก่ครอบครัวของเขาเลย
    ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถามอับดุรฺเราะหฺมานว่า ท่านเหลือสิ่งใดไว้ให้แก่ครอบครัวท่านบ้าง ?
    อับดุรฺเราะหฺมานตอบว่า ครับ ข้าพเจ้าเหลือไว้ให้แก่พวกเขามากกว่าที่ข้าพเจ้าได้เสียสละไปและดีกว่าอีกด้วย
    ท่านเราะสูลุลลอฮฺได้ถามว่า ท่านเหลือไว้ให้แก่ครอบครัวของท่านเท่าไร?
    อับดุรฺเราะหฺมานตอบว่า ข้าพเจ้าเหลือสิ่งที่อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ได้สัญญาไว้ คือ “ความดีและผลบุญ”
    ทหารของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้เดินทางไปยังตะบูก และที่นั่น พระองค์อัลลอฮฺได้ให้เกียรติแก่อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ อย่างที่พระองค์ไม่เคยให้เกียรติแก่มุสลิมคนใด นั่นคือ เมื่อเข้าเวลาละหมาด ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้น อับดุรฺเราะหฺมานจึงได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทหารมุสลิมทำการละหมาด และยังไม่ทันเสร็จหนึ่งเราะกะอะฮฺ ท่านเราะสูลุลลอฮฺได้กลับมา และได้ละหมาดอยู่ข้างหลังอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ
   จะมีใครอีกไหมที่มีเกียรติและความประเสริฐ ยิ่งกว่าคนที่เป็นผู้นำละหมาดให้แก่ผู้เป็นนายของชาวโลก และ เป็นผู้นำของบรรดานะบียฺ คือ มุฮัมมัด บุตรอับดุลลอฮฺ


    เมื่อท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สิ้นชีวิตไป อับดุรฺเราะหฺมาน ก็ได้ทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของบรรดาภรรยาของท่านนะบียฺ อับดุรฺเราะหฺมานเป็นธุระจัดการในสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเธอต้องการ เขาจะติดตามพวกเธอเพื่อคอยรับใช้และบริการไปในที่ต่าง ๆ ทุกหนทุกแห่ง นี่เป็นส่วนดีประการหนึ่งจากหลาย ๆ ส่วนของอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ และยังเป็นบุคคลที่บรรดาภรรยาท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ให้ความไว้วางใจและเป็นที่เชิดหน้าชูตา
    ความดีของอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ที่ได้ปฏิบัติแก่มวลมุสลิมทั่ว ๆ ไป และแก่บรรดาภรรยาของท่านนะบียฺนั้น ถึงขั้นที่อับดุรฺเราะหฺมาน ได้ขายที่ดินของเขาแปลงหนึ่งด้วยราคาสี่หมื่นเหรียญทอง และเขาได้แบ่งสรรเงินจำนวนนี้แจกจ่ายให้แก่ ตระกูลซุฮฺเราะฮฺ ซึ่งเป็นตระกูลทางฝ่ายมารดาของท่านนะบียฺ และได้แจกจ่ายให้แก่มวลมุสลิมที่ยากจน บรรดาผู้อพยพและบรรดาภรรยาของท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
    ขณะที่อับดุรฺเราะหฺมานได้ส่งเงินส่วนแบ่งจากการขายที่ดินนั้นไปให้แก่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา นางได้ถามว่า ใครเป็นผู้ส่งเงินจำนวนนี้มาให้? เขาตอบว่า อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ท่านหญิงอาอิชะฮฺได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า ไม่มีใครจะให้ความช่วยเหลือแก่พวกเธอ หลังจากข้าพเจ้าได้จากไป นอกจากผู้มีความอดทน
    คำวิงวอนของท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ได้ขอต่อพระองค์อัลลอฮฺได้โปรดประทานความเพิ่มพูนให้แก่อับดุรฺเราหฺมานนั้น ยังคงมีผลอยู่ตราบชั่วชีวิตของเขา จนในที่สุดเขาได้กลายเป็นอัครสาวกที่ร่ำรวยที่สุด การค้าของเขาประสบความสำเร็จและให้ผลกำไรอย่างงดงาม กองคาราวานอูฐสินค้าของเขา เข้า ๆ อก ๆ นครมะดีนะฮฺปีละหลายครั้ง แต่ละครั้งที่เข้ามาจะบรรทุกเอาสิ่งที่ชาวเมืองต้องการ เช่น ข้าวสาลี น้ำมัน เสื้อผ้า ภาชนะเครื่องใช้ เครื่องหอม และอื่น ๆ และจะนำผลผลิตที่เกินความต้องการของชาวเมือง โดยเฉพาะอินทผลัมไปจำหน่ายยังแหล่งการค้าต่าง ๆ
    วันหนึ่ง กองคาราวานอูฐของอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ได้กลับเข้ามายังนครมะดีนะฮฺ กองคาราวานนี้ประกอบไปด้วยอูฐเจ็ดร้อยตัว ซึ่งได้บรรทุกอยู่บนหลังของมันด้วยอาหาร ข้าวหอม และทุก ๆ สิ่งที่ประชาชนมีความต้องการ





อินชาอัลลอฮฺ มีต่อ


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #96 เมื่อ: มี.ค. 09, 2010, 09:40 PM »
0
 salam

ตอนสุดท้าย

        ยังไม่ทันที่กองคาราวานจะเข้าถึงนครมะดีนะฮฺ พื้นแผ่นดินก็สั่นสะเทือนไปด้วยฝีเท้าอูฐ และเสียงอื้อึงก็ดังกึก้องไปหมด ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้ถามขึ้นว่า อะไรที่ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนปานนี้ มีผู้ตอบว่า กองคาราวานอูฐของอับดุรฺเราะหฺมานบุตรเอาฟฺ จำนวน เจ็ดร้อยตัว บรรทุกข้าวสาลี แป้ง และอาหาร

   ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ได้กล่าวว่า ขอพระองค์อัลลอฮฺได้โปรดประทานความเพิ่มพูนแก่เขาในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่เขาในโลกนี้ และผลบุญในวันอาคิเราะฮฺนั้นยิ่งใหญ่กว่า ขอสาบานว่า ข้าพเจ้าได้ยินท่านเราะสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ จะได้เข้าสวรรค์ด้วยการคลานเข้าไป
   และก่อนที่อูฐบรรทุกสินค้าจำนวนมหาศาลนั้นจะล้มตัวลงนอน ก็ได้มีผู้นำข่าวดี โดยนำเอาคำพูดของท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ไปบอกแก่อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ทันทีที่ข่าวดีนี้ถึงหูของเขา เขาได้รีบไปหาท่านหญิงอาอิชะฮฺทันที แล้วกล่าวว่า โอ้แม่นาง เธอได้ยินอย่างนั้นจากท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หรือ?
   นางตอบว่า ถูกแล้ว ข้าพเจ้าได้ยินอย่างนั้นจากท่านเราะสูลุลลอฮฺ
   อับดุรฺเราะหฺมานโดดเต้นด้วยความดีใจแล้วกล่าวว่า ถ้าหากข้าพเจ้ามีความสามารถแล้ว แน่นอนข้าพเจ้าจะต้องเข้าสวรรค์ในสภาพที่ยืนตรง ข้าพเจ้าขออ้างเอาเธอเป็นพยาน โอ้แม่นาง ว่ากองคาราวานนี้ทั้งหมด รวมทั้งสิ่งที่มันบรรทุกอยู่ รวมทั้งอานและผ้ารองอาน ข้พเจ้าขออุทิศในวิถีทางของอัลลอฮฺ
   และนับตั้งแต่วันอันแจ่มใสที่อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ได้รับข่าวดีว่าได้เข้าสวรรค์นั้น เขาก็ได้บริจาคทรัพย์สินเป็นการใหญ่ เขาบริจาคด้วยมือทั้งสองข้าง ด้วยมือขวา ด้วยมือซ้าย ในที่ลับ และเปิดเผย จนบางครั้งเขาได้บริจาคไปแล้วจำนวนสี่หมื่นเหรียญเงิน และได้บริจาคไปอีก จำนวนสี่หมื่นเหรียญทอง และต่อมา ได้บริจาคไปอีกเป็นทอง จำนวนสองร้อยออนซ์ และภายหลังจากนั้น เขาได้บริจาคม้าศึกจำนวนห้าร้อยตัวไปในวิถีทางของอัลลอฮฺ และได้บริจาคอูฐหนึ่งพันห้าร้อยตัวให้แก่นักรบ

 
    ขณะที่อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺจะสิ้นใจ เขาได้ปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระจำนวนมาก และได้ให้แก่นักรบในสงครามบัดรฺทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้น จำนวนหนึ่งร้อยคนด้วยจำนวนเงินคนละหนึ่งร้อยเหรียญทอง
   และได้สั่งเสียให้แก่บรรดาภรรยาของท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทุกคนด้วยทรัพย์อันมหาศาล จนท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้พร่ำวิงวอนให้แก่เขาอยู่เสมอว่า “ขอพระองค์อัลลอฮฺได้โปรดประทานให้เขา ได้ดื่มน้ำจากตาน้ำ(สัลสะบีล)"
   หลังจากอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ได้สั่งเสียและแจกจ่ายทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว เขาก็ยังได้ทิ้งมรดกจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจสำรวจเป็นตัวเลขได้ไว้ให้แก่ทายาทของเขา โดยเขายังมีอูฐจำนวนหนึ่งพันตัว ม้าหนึ่งร้อยตัว และแกะสามพันตัว และได้ปรากฏว่าภรรยาของเขามีสี่คน ส่วนได้ของคนทั้งสี่คือ เศษหนึ่งส่วนแปด ยังได้รับส่วนแบ่งถึงคนละแปดหมื่นเหรียญเงิน และเขายังได้ทิ้งเงินและทองคำไว้อีกเป็นจำนวนมากมาย ได้แบ่งกันระหว่างทายาทโดยใช้ขวานตัดแบ่งกัน จนมือของพวกเขาบางคนพอง
   ทั้งหมดนี้เพราะคำวิงวอนอันประเสริฐของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ได้ขอความเพิ่มพูนให้เกิดขึ้นในทรัพย์สินของเขา
   แต่ทรัพย์สินทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺ ต้องได้รับความปั่นป่วนวุ่นวาย และไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพของบ่าวที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของอัลลอฮฺแม้แต่น้อย ขณะที่เขาร่วมอยู่กับทาสของเขา ผู้คนที่มาพบจะไม่สามารถแยกได้ว่า ใครคืออับดุรฺเราะหฺมาน
   ในวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังถือศีลอด ได้มีผู้นำอาหารมาให้ เขามองดูอาหารนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า มุสอับ บุตรอุมัยรฺ ได้ถูกฆ่าตาย ซึ่งเขามีความดียิ่งกว่าข้าพเจ้า ขณะนั้น เราไม่มีผ้าที่จะห่อศพเขา นอกจากผ้าผืนเดียว ที่ถ้าหากคลุมศีรษะของเขาแล้ว เท้าของเขาก็จะโผล่ และถ้าหากคลุมเท้า หัวก็จะโผล่ หลังจากนั้น พระองค์อัลลอฮฺก็ได้ประทานความร่ำรวยให้แก่พวกเราตามที่พระองค์ประสงค์ และข้าพเจ้าเกรงเหลือเกินว่า ผลบุญของข้าพเจ้าจะรีบถูกตอบแทนในโลกนี้
   หลังจากนั้นเขาเริ่มร้องไห้ จนกระทั่งอาหารเย็นชืด

   โชคดีและความสุขได้ตกเป็นของอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรเอาฟฺแล้วอย่างสมบูรณ์ ท่านนะบียฺ มุฮัมมัด บุตรอับดุลลอฮฺได้แจ้งข่าวดีแก่เขาว่า เขาเป็นชาวสวรรค์ ศพของเขาถูกนำไปสู่หลุมฝังศพโดยน้าชายของท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สะอฺดิ บุตรอะบูวักกอส โดยมีอุษมาน บุตรอัฟฟานได้นำละหมาดให้แก่ศพของเขา และมีอะลียฺ บุตรอะบูฏอลิบ เดินตามขบวนแห่ศพ
   อะลียฺได้กล่าวว่า ท่านได้พบกับความสดใสของอาคิเราะฮฺแล้ว และท่านได้พ้นจากความหลอกลวงของโลกนี้แล้ว ขอพระองค์อัลลอฮฺได้โปรดเมตตาท่านด้วย



เอกสารอ้างอิง "ซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซู้ล ซ.ล." อรุณ บุญชม สำนักพิมพ์ ส.วงศ์้สงี่ยม

จบตอน อับดุรฺเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #97 เมื่อ: มี.ค. 14, 2010, 06:52 AM »
0
 salam

เรื่องราวของ อะบูฮุร็อยเราะฮฺ อัดเดาซียฺ

.....จะมีใครบ้างไหมในประชาชาติของท่านนะบียฺ มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ไม่รู้จักท่าน อะบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า แท้จริงท่านเปรียบเสมือนดวงดารา ที่ส่องแสงสว่างจ้า ในหมู่เศาะหาบะฮฺทั้งหลาย...
   ประชาชนในสมัยญาฮิลียะฮฺ(ยุคโง่เขลางมงายก่อนอิสลาม)ต่างพากันเรียกท่านว่า “อับดุชชัมส์” และอัลลอฮฺทรงให้เกียรติท่านโดยการให้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และได้พบกับท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
   เมื่อท่านนะบียฺถามท่านว่า “ท่านชื่ออะไร”
   ท่านตอบว่า “อับดุชชัมส์”
   ท่านนะบียฺจึงกล่าวว่า “ไม่ใช่ หากแต่ท่านชื่อ อับดุรฺเราะหฺมาน”
   ส่วนสาเหตุของการตั้งฉายาของท่านว่า อะบูฮุร็อยเราะฮฺ (พ่อแมวน้อย) นั้น เพราะท่านเป็นคนชอบคลุกคลีกับแมว  วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังอุ้มแมวตัวหนึ่ง แล้วท่านเราะสูลถามว่า “นั่นอะไร”  ท่านตอบว่า “ฮิรฺเราะฮฺ (แมว)"  ดังนั้น ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงเรียกท่านว่า “อะบูฮุร็อยเราะฮฺ” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และทำให้ชื่อนี้แพร่หลายไปทั่ว จนกระทั่งคนส่วนใหญ่รู้จักท่านในฉายานี้มากกว่าชื่อจริง


เอาเกริ่นนำของประวัติเศาะหาบะฮฺที่รายงานหะดีษมากที่สุดมาลง เพื่อเริ่มต้นตอนต่อไปไว้ก่อน....

แล้วจะมาต่อ อินชาอัลลอฮฺ

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #98 เมื่อ: มี.ค. 14, 2010, 07:28 AM »
0
ยอดเยี่ยม ญะซากัลลอฮฺครับ  อ่านกันตาแฉะเลย.... myGreat: myGreat:
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #99 เมื่อ: มี.ค. 14, 2010, 07:58 AM »
0

วะอะลัยกุมมุสลาม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

ญาซากัลลอฮุคอยรอนค่ะ

 myGreat: myGreat:
 loveit: loveit:

วัสลามค่ะ


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #100 เมื่อ: มี.ค. 15, 2010, 09:37 PM »
0
 salam

เรื่องราวของอะบูฮุร็อยเราะฮฺ (ต่อ)

        ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามจากการแนะนำของท่านอัฏฏุฟัยลฺ บุตรอัมรฺ อัดเดาสียฺ และท่านยังคงอยู่กับหมู่คณะของท่านคือตระกูลเดาสฺ จนกระทั่งท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อพยพไปอยู่มะดีนะฮฺได้ 6 ปี ท่านจึงได้ตามไปหาท่านเราะสูลที่มะดีนะฮฺ พร้อมกับกลุ่มชนที่เข้ารับอิสลามในตระกูลเดาส์
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ได้หลีกออกจากความวุ่นวายทางโลกเพื่อหันมารับใช้ท่านเราะสูลและบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่าน ท่านได้ยึดเอามัสญิดเป็นที่พำนัก และมีท่านนะบียฺ เป็นครูและผู้นำ
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺมีมารดาสูงอายุ (ชื่อนางมัยมูนะฮฺ บินติ เศาะบีหฺ – ตามบันทึกของอิมามอัฏฏ็อบรอนียฺ) ซึ่งนางเป็นมุชริก และท่านมักจะเชิญชวนมารดาของท่านให้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามบ่อยครั้งด้วยความรักและกตัญญู แต่นางก็จะออกห่างจากท่านและปฏิเสธ จึงทำให้ท่านมีความเสียใจมาก อยู่มาวันหนึ่งท่านได้เรียกร้องเชิญชวนมารดาให้ศรัทธาในอัลเลาะฮฺและเราะสูล นางกลับกล่าวถึงท่านเราะสูลด้วยคำพูดที่ทำให้ท่านมีความเสียใจและเจ็บปวด (หมายถึงใส่ร้ายท่านนะบียฺ) ท่านจึงไปหาท่านเราะสูลพร้อมกับร้องไห้
   ท่านนะบียฺได้กล่าวแก่ท่านว่า “อะไรทำให้ท่านร้องไห้?”
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺกล่าวว่า “ฉันได้เคยชวนมารดาของฉันให้เข้าสู่อิสลามเสมอ ๆ แต่นางก็ปฏิเสธฉัน และวันนี้ฉันก็เชิญชวนนางอีก แต่นางกลับกล่าวถึงท่านเราะสูลในทางที่ไม่ดีและที่ฉันไม่ชอบ" และท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺก็ได้กล่าวแก่ท่านนะบียฺว่า “โปรดขอดุอาอุ์ต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงโน้มน้าวจิตใจให้มารดาฉันเข้าสู่อิสลามด้วยเถิด"
   ดังนั้น ท่านนะบียฺจึงได้ขอดุอาอุ์ให้กับมารดาของอะบูฮุร็อยเราะฮฺ
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺกล่าวว่า ฉันจึงกลับไปบ้าน แต่พบว่าประตูบ้านปิด และก็ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากในบ้าน และเมื่อฉันก้าวเท้าเข้าบ้าน มารดาของฉันได้กล่าวกับฉันว่า จงหยุดตรงนั้น โอ้อะบูฮุร็อยเราะฮฺ พลางนางก็แต่งกายให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จแล้วจึงกล่าวว่า “จงเข้ามาซิ”
   และฉันก็เข้าไป นางจึงกล่าวว่า “อัชฮะดุอันลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุอันนะมุหัมมะดัรฺเราะสูลุลลอฮฺ”
   ฉันได้กลับไปหาท่านเราะสูลอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับร้องไห้ด้วยความดีใจเหมือนกับที่ฉันร้องไห้ไปก่อนหน้านี้ด้วยความเสียใจ
   ฉันกล่าวแก่ท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า “ฉันขอแจ้งข่าวดีแก่ท่าน แท้จริง อัลลอฮฺทรงตอบรับดุอาอุ์ของท่านแล้ว และชี้ทางที่ถูกต้องแก่มารดาของฉันด้วยการให้นางเข้าสู่อิสลามแล้ว”


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #101 เมื่อ: มี.ค. 16, 2010, 09:44 PM »
0
 salam

         ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ นับว่าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้ที่รักท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อย่างมากที่สุด จนกระทั่งได้นึกคิดอยู่เสมอว่า ความกรุณาอันยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺประทานให้แก่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺนั้น คือการปฏิบัติตามศาสนาอิสลาม และได้เป็นสหายที่ใกล้ชิดกับท่านเราะสูล และคำพูดที่นักบันทึกประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้เกี่ยวกับความรู้สึกของท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺในเรื่องนี้ คือถ้อยคำที่ท่านมักจะกล่าวอยู่บ่อย ๆ ดังต่อไปนี้

اَلْحَمْدُ لِلّهِ الَّذِيْ هَدَى أَبَاهُرَيْرَةَ لِلاِسْلاَمِ  (อัลหัมดุลิลาฮิลละซี ฮะดาอะบาฮุร็อยเราะตะ ลิลอิสลาม)
   “บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงประทานฮิดายะฮฺให้อะบูฮุร็อยเราะฮฺได้เข้ารับอิสลาม”
اَلْحَمْدُلِلّهِ الَّذِيْ عَلَّمَ أَبَاهُرَيْرَةَ الْقُرْآن   (อัลหัมดุลิลลาฮิลละซี อัลละมะอะบาฮุร็อยเราะตัลกุรฺอาน)
   “บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงสอนกุรอานแก่อะบูฮุร็อยเราะฮฺ)

اَلْحَمْدُلِلّهِ الَّذِيْ مَنَّ عَلَى أَبِيْ هُرَيْرَةَ بِصُحْبَةِ مُحَمَّدٍ صلى الله عليه وسلم  (อัลหัมดุลิลลาฮิละซี มันนะอะลา อะบีฮุร็อยเราะตะ บิศุหฺบะติ มุหัมมะดิน ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)
   “บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้ทรงประทานความกรุณาให้แก่อะบูฮุร็อยเราะฮฺได้เป็นสาวกของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม”
   ในขณะเดียวกับที่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ รักท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมอย่างมาก ท่านก็รักวิชาความรู้และถือว่าการแสวงหาวิชาความรู้นั้นเป็นความปรารถนาที่ท่านหวังที่จะได้บรรลุถึงอีกด้วย
   ท่านซัยดฺ อิบนิ ษาบิต เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ครั้งหนึ่งขณะฉัน(หมายถึงซัยดฺ) อะบูฮุร็อยเราะฮฺและสหายของฉันอีกคนหนึ่งกำลังนั่งวิงวอนต่ออัลลอฮฺและรำลึกถึงพระองค์ในมัสญิด ทันใดนั้น ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เข้ามาในมัสญิดและเดินมายังเราจนกระทั่งมาอยู่ร่วมกับพวกเรา พวกเราจึงหยุดเงียบ ท่านเราะสูลกล่าวว่า จงกระทำสิ่งที่พวกท่านกำลังทำกันอยู่ต่อไปเถิด
   ฉันกับสหายของฉันจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮฺก่อน ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ และท่านเราะสูลุลลอฮฺก็ได้ยินดุอาอุ์ของเราและกล่าวว่า “อามีน(ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอพระองค์ตอบรับดุอาอุ์ด้วยเถิด)"
   หลังจากนั้น อะบูฮุร็อยเราะฮฺก็ขอดุอาอุ์สำหรับตัวท่านเองโดยกล่าวว่า “ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ในสิ่งที่สหายของข้าพระองค์ทั้งสองขอต่อพระองค์ และข้าพระองค์ ขอต่อพระองค์ซึ่งวิชาความรู้ที่ไม่ถูกลืม”
   เมื่อท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ยินดุอาอุ์ของอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านกล่าวว่า “อามีน”
   พวกเรากล่าวว่า “พวกเราขอต่ออัลลอฮฺเช่นเดียวกัน ซึ่งวิชาที่ไม่ถูกลืม”
   ท่านเราะสูลกล่าวว่า “อะบูฮุร็อยเราะฮฺนำหน้าพวกท่านแล้ว (กล่าวคือ อะบูฮุร็อยเราะฮฺได้ขอและอัลลอฮฺทรงรับดุอาอุ์ของเขาแล้ว)”

ค่อยมาต่อ อินชาอัลลอฮฺ
วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #102 เมื่อ: มี.ค. 17, 2010, 10:36 PM »
0
 salam

        ดังที่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺชอบการแสวงหาความรู้สำหรับตัวเอง ท่านก็ชอบให้ผู้อื่นแสวงหาวิชาความรู้เช่นเดียวกันดังเรื่องราวต่อไปนี้
   ครั้งหนึ่ง ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺได้เดินผ่านตลาดของเมืองมะดีนะฮฺ และได้เห็นประชาชนจำนวนมากกำลังง่วนอยู่กับการซื้อขายในตลาด ในสภาพที่สนใจเรื่องดุนยามากกว่าเรื่องศาสนา ท่านจึงหยุดและกล่าวปราศรัยกับคนเหล่านั้นมีใจความว่า “โอ้ชาวมะดีนะฮฺทั้งหลาย พวกท่านไร้ความสามารถเหลือเกิน” คนที่มาร่วมชุมนุมฟังคำปราศรัยของท่านกล่าวว่า “มีอะไรหรือ? ที่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺเห็นว่าพวกเราไร้ความสามารถ?”
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺตอบว่า “มรดกของท่านเราะศุล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กำลังถูกแบ่ง และท่านทั้งหลายมัวแต่สนใจกับการซื้อขายที่นี้ พวกท่านจงรีบไปรับส่วนแบ่งของพวกท่านจากมรดกของท่านเราะสูล เหมือนกับคนอื่นบ้างซิ!”
   พวกเขากล่าวว่า “และมรดกนั้นอยู่ที่ไหน โอ้ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ?”
   ท่านตอบว่า “ในมัสญิดของท่านเราะสูล”
   พวกเขาจึงรีบไปที่มัสญิด และท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺยังคงยืนอยู่กับที่ จนกระทั่งพวกนั้นกลับมา
   และเมื่อพวกเขาเห็นท่านจึงกล่าวแก่ท่านว่า “โอ้ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ แท้จริงเราไปยังมัสญิดและเข้าไปข้างในแต่ไม่พบสิ่งใดที่กำลังถูกแบ่งเลย”
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านไม่เห็นใครในมัสญิดเลยกระนั้นหรือ?”
   พวกเขากล่าวว่า “หามิได้ เราเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังละหมาดอยู่ และกลุ่มหนึ่งกำลังอ่านกุรฺอาน และอีกกลุ่มหนึ่งกำลังเรียนบัญญัติศาสนา”
   อะบูฮุร็อยเราะฮฺตอบว่า “นี้แหละคือมรดกของท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม!”
   นับตั้งแต่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺได้มาอาศัยอยู่กับท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ณ นครมะดีนะฮฺ ท่านได้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อแสวงหาวิชาความรู้ และอยู่กับท่านเราะสูลเป็นประจำ ซึ่งท่านต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นคนยากจน ท่านต้องพึ่งพาอาศัยการเลี้ยงดูของท่านเราะสูลเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่มีสภาพยากจนเช่นเดียวกับท่าน แต่ท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้ไม่นานนัก เนื่องจากฐานะของมุสลิมในด้านปัจจัยดีขึ้นเรื่อย ๆ ท่านได้รับส่วนแบ่งบางส่วนจากรายได้ที่มุสลิมได้มา ทำให้ท่านมีที่อยู่อาศัย และแต่งงานมีครอบครัว
   แต่การเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ ก็ไม่ได้ทำให้ท่านลืมตัว ลืมชีวิตในอดีตของท่าน ซึ่งเต็มไปด้วยความยากลำบาก ท่านมักจะพูดถึงอดีตของท่านอยู่เสมอ โดยกล่าวว่า
   “ฉันได้เติบโตมาในสภาพที่เป็นเด็กกำพร้า ได้มาอาศัยอยู่กับท่านเราะสูลในสภาพที่เป็นผู้ขัดสนยากจน และเป็นลูกจ้างของหญิงคนหนึ่ง ชื่อยุศเราะฮฺ บินติ ฆ็อซวาน แต่แล้วอัลลอฮฺก็ได้ทรงความเมตตากรุณาให้ฉันได้แต่งงานกับหญิงคนนี้ ดังนั้นมวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของพระองค์ ผู้ซึ่งยกฐานะฉันด้วยศาสนาอันเที่ยงธรรม" (หมายถึงให้ผู้ชายเป็นผู้ดูแลผู้หญิง แม้ว่านางจะเคยเป็นนายของเขามาก่อน)
   ชีวิตของท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ หลังจากที่ท่านได้แต่งงานไปแล้วก็มิได้ทำให้ท่านละทิ้งการแสวงหาวิชาความรู้ ท่านกลับเพิ่มความสนใจมากขึ้น และขยันในการทำอิบาดะฮฺอีกด้วย ท่านถือศีลอดในเวลากลางวัน และทำละหมาดตะฮัจญุดในเวลากลางคืนประจำ ท่านจะทำตะฮัจญุดหนึ่งในสามช่วงแรกของกลางคืน เมื่อเสร็จแล้วท่านจะปลุกภรรยาของท่านทำตะฮัจญุด หนึ่งในสามช่วงที่สอง และหลังจากนั้นภรรยาของท่านก็จะปลุกลูกสาวของนางให้ตื่นทำตะฮัจญุด หนึ่งในสามซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของกลางคืน การกระทำของท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺกับภรรยาและลูกเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่า การอิบาดะฮฺตลอดคืนภายในบ้านของท่านนั้น ไม่เคยขาดตอนเลย




ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #103 เมื่อ: มี.ค. 18, 2010, 12:28 AM »
0
อ่านจนตาลาย ความรู้เยอะเกิน  boulay: party:
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #104 เมื่อ: มี.ค. 23, 2010, 08:30 PM »
0
 salam

นำเสนอเรื่องราวของท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺต่อครับ.....

        ครั้งหนึ่ง ลูกสาวของท่านได้กล่าวแก่ท่านว่า “พ่อจ๋า เพื่อนของฉันได้ตำหนิฉันโดยกล่าวว่า ทำไมพ่อของเธอจึงไม่ให้เธอใส่เครื่องประดับที่เป็นทองคำ” ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺตอบลูกว่า “ลูกรัก ลูกช่วยบอกเพื่อนของลูกว่า แท้จริงพ่อของฉันเกรงว่าไฟนรกจะประสบกับฉัน”
    การที่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ไม่ให้ลูกสาวของตนสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นทองนั้น มิใช่เพราะท่านเป็นคนตระหนี่ หรือสะสมเงินทอง หรือเห็นว่าการสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นทองเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสตรีก็หาไม่ หากแต่ท่านเห็นว่าบรรดาธิดาของท่านเราะสูล ตลอดจนบุตรีของเศาะหาบะฮฺผู้อาวุโสที่มีฐานะร่ำรวยนั้น ต่างก็ไม่สนใจในการใส่เครื่องประดับ และเห็นว่า การบริจาคในหนทางของอัลลอฮฺ และการต่สู้เพื่อศาสนานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ซึ่งการเสียสละในสิ่งที่ไม่ได้เป็นที่ต้องห้ามแต่ประการใดในการสวมใส่เครื่องประดับนี้นั้น เป็นผลดีอย่างใหญ่หลวงแก่บรรดาสตรี
    การกระทำของท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ นับเป็นตัวอย่างอันดีงามสำหรับผู้ที่เป็นบิดามารดา เพราะการเป็นอยู่ของลูกนั้น ขึ้นอยู่กับการอบรมในระยะแรกที่เขายังเป็นเด็ก ในขณะเดียวกันผู้ที่เคยศึกษาประวัติของท่านมาแล้ว จะพบว่าท่านมิได้เป็นคนตระหนี่ หากแต่เป็นผู้มีใจบุญ และเสียสละเงินทองไปในหนทางของอัลลอฮฺอย่างมากมาย
    ครั้งหนึ่ง ท่านมัรวาน บิน อัลฮะกัม ซึ่งเป็นค่อลีฟะฮฺของมุสลิมในสมัยนั้น ได้ส่งเงินเหรียญทองคำ 100 ดีนาร มาให้ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ และในวันรุ่งขึ้น ท่านมัรวานก็ได้ส่งคนมาบอกว่า “คนใช้ของฉันได้ส่งเงินผิด อันที่จริง เงินจำนวนนี้ฉันจะให้ผู้อื่น มิใช่ท่าน” ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺเมื่อได้ทราบก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเงินจำนวนนั้น ท่านได้จ่ายไปในหนทางของอัลลอฮฺจนหมดสิ้นแล้ว แต่กระนั้น ท่านได้กล่าวไปว่า “ให้หักส่วนของฉันในบัยตุลมาลออก” (ให้หักในเงินที่ท่านส่งมาจากส่วนได้ของฉัน) ที่แท้จริง การที่ท่านมัรวานทำเช่นนั้นเพราะต้องการจะทดสอบว่า ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺใช้จ่ายเงินไปในหนทางของอัลลอฮฺหรือว่าเก็บสะสมเป็นเงินส่วนตัว เมื่อท่านมัรวานได้สืบตามที่อะบูฮุร็อยเราะฮฺเล่า ก็พบว่าเป็นความจริงทุกประการ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 23, 2010, 08:33 PM โดย Bangmud »

 

GoogleTagged