ผู้เขียน หัวข้อ: ชัยค์ ซุดัยซีย์ อิมามมัสยิดฮะรอมเตาบะฮ์จากมัซฮับวะฮาบียะฮ์  (อ่าน 10900 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

 salam

ได้ฟังคุฏบะฮ์ของ ชัยค์ อับดุรเราะห์มาน อัซซุดัยซีย์  ได้ทำการคุฏบะฮ์  และทำการตะวัซซุลกับท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม


ซึ่งชัยค์ อับดุรเราะห์มาน อัซซุดัยซีย์  ได้ทำการอ่านดุอาในคุฏบะฮ์ที่ 2 ความว่า

اللهم إنا أحببناك وأحببنا رسولك صلى الله عليه وسلم حبًا صادقا .اللهم فاغفر به ذنوبنا .. وأسعد به قلوبنا .وتقبل هذه الكلمات

"โอ้ ข้าแด่อัลเลาะฮ์เจ้า  แท้จริงเรามีความรักต่อพระองค์  และเรามีความรักต่อร่อซูลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นความรักที่แท้จริง  โอ้ ข้าแด่อัลเลาะฮ์เจ้า  ด้วยกับเขา(คือนบีมุฮัมมัด) พระองค์ทรงอภัยโทษบรรดาบาปของเราด้วยเถิด  และด้วยกับเขา (คือนบีมุฮัมมัด) พระองค์ทรงโปรดทำให้บรรดาหัวใจของเรามีความสุขด้วยเถิด  และพระองค์ทรงโปรดตอบรับถ้อยคำเหล่านี้ด้วยเถิด"

เราจะพบว่า  ท่านชัยค์ อับดุรเราะห์มาน  ได้เอาท่านนบี มุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มาเป็นสื่อในการขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา ให้พระองค์ทรงให้อภัยโทษและให้หัวใจของมีความสุข 

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

แสดงว่าเชค สุดัยซีย์ อิมามมักกะฮ์  ทำชิริกใหญ่ตามทัศนะของวะฮาบี  แต่อัลฮัมดุลิลลาฮ์ครับที่เชคสุดัยซีย์ไม่ได้ทำชิริกตามแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ตามที่วะฮาบีเข้าใจกันเองเลย... 

Qortubah

  • บุคคลทั่วไป


اللهم إنا أحببناك وأحببنا رسولك صلى الله عليه وسلم حبًا صادقا .اللهم فاغفر به ذنوبنا .. وأسعد به قلوبنا .وتقبل هذه الكلمات

"โอ้ ข้าแด่อัลเลาะฮ์เจ้า  แท้จริงเรามีความรักต่อพระองค์  และเรามีความรักต่อร่อซูลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นความรักที่แท้จริง  โอ้ ข้าแด่อัลเลาะฮ์เจ้า  ด้วยกับเขา(คือนบีมุฮัมมัด) พระองค์ทรงอภัยโทษบรรดาบาปของเราด้วยเถิด  และด้วยกับเขา (คือนบีมุฮัมมัด) พระองค์ทรงโปรดทำให้บรรดาหัวใจของเรามีความสุขด้วยเถิด  และพระองค์ทรงโปรดตอบรับถ้อยคำเหล่านี้ด้วยเถิด"



ท่านอัซฮะรีย์ ครับ อยากสอบถามสักนิดนึงว่า ในทางภาษาแล้ว เป็นไปได้มั้ย ว่า ضمير  ตรง به  นั้น จะกลับไปยัง حباً صادقاً ครับ?

กล่าวคือ  اللهم فاغفر بحبنا الصادق لك ولرسولك ذنوبنا

ในส่วนของ    وأسعد به قلوبنا  ก็เหมือนกัน


และอันไหนจะมีน้ำหนักมากกว่า ระหว่างการที่เรากล่าวว่า ضمير นั้น กลับไปยัง رسولك

กับการที่เรากล่าวว่า มันกลับไปยัง حبا صادقا ?


อันนี้พูดกันในเชิงภาษาและเชิงวิชาการนะครับ (พอดีกลัวว่า่จะมี "บางคน" เข้ามาโต้ว่าพยายามปกป้องวะฮาบีย์อีก เพราะบางคนไม่ค่อยถนัดโพสต์แนววิชาการเท่าไหร่ )


ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 12, 2008, 10:52 AM โดย QorTuBah »

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เช่นนี้รอผู้รู้เขาคุยกันดีกว่า  แสดงว่าท่าน QorTuBah พยายามตีความในแง่ของการกลับไปของสรรพนาม(ดอมีร) ว่ากลับไปยังตัวที่ใกล้ที่สุดจากคำว่า حبا صادقا  หรือไกลกว่านั้น คือคำว่า رسولك  ซึ่งตรงนี้เป็นการวิเคราะห์ในเชิงภาษาที่อยู่ในรูปแบบวิชาการ

ความจริงคำกล่าวของเชคซุดัยซีย์มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าท่านได้ตะวัซซุลกับท่านนบีและดอมีรก็กลับไปหาท่านร่อซูล เพราะถ้าหากกลับไปหา بحبنا จริงท่านเชคซุดัยซีย์ก็น่าจะกล่าวว่า  اللهم فاغفر بحبه ذنوبنا .. وأسعد بحبه قلوبنا

....แต่  หากกลับไปหา  بحبنا الصادق لرسولك  มันก็เกี่ยวข้องกับตัวท่านร่อซูลอยู่ดีเพราะหากไม่มีท่านร่อซูลเราก็จะรักร่อซูลได้ไม่  ดังนั้นการที่เราตะวัสซูลด้วยการรักร่อซูลก็คือการตะวัซซุลที่ยังเกี่ยวข้องกับตัวของท่านร่อซูลอยู่อีกนั่นแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 12, 2008, 11:21 AM โดย ad-dalawy »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอัซฮะรีย์ ครับ อยากสอบถามสักนิดนึงว่า ในทางภาษาแล้ว เป็นไปได้มั้ย ว่า ضمير  ตรง به  นั้น จะกลับไปยัง حباً صادقاً ครับ?

กล่าวคือ  اللهم فاغفر بحبنا الصادق لك ولرسولك ذنوبنا

ในส่วนของ    وأسعد به قلوبنا  ก็เหมือนกัน


และอันไหนจะมีน้ำหนักมากกว่า ระหว่างการที่เรากล่าวว่า ضمير นั้น กลับไปยัง رسولك

กับการที่เรากล่าวว่า มันกลับไปยัง حبا صادقا ?

หากจะพูดกันเชิงภาษาอาหรับนั้น  ก็เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่างเลย  คือฎอมีร ตรง به  นั้น จะกลับไปยัง حباً صادقاً ที่ใกล้กว่าก็ได้  จะกลับไปยัง رسولك ที่ไกลกว่าก็ได้ ซึ่งสามารถตีความ الأحتمال  ไปได้ทั้งสองอย่าง

แต่ที่ชัดเจนแล้วนั้น  คือกลับไปยังคำว่า رسولك  เช่นคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ที่ว่า

 إِنَّهُ لَقُرْآنٌ كَرِيمٌ  فِي كِتَابٍ مَّكْنُونٍ  لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ

"แท้จริงมันคืออัลกุรอานที่มีเกียรติที่สุด (ซึ่งถูกบันทึก) ไว้ในสิ่งบันทึกที่ถูกเก็บรักษาไว้(นั่นคือเลาฮิลมะห์ฟูซ) ซึ่งจะไม่สัมผัสมัน(อัลกุรอาน)นอกจากบรรดาผู้มีความสะอาดแล้ว(มีน้ำละหมาดแล้ว)" อัลวากิอะฮ์ 77 - 79

จากอายะฮ์  หากฎอมีร ه จากคำที่ว่า  لَّا يَمَسُّهُ เรากลับไปตัวที่ใกล้ที่สุด คือ كِتَابٍ مَّكْنُونٍ (เลาฮิลมะห์ฟูซฺ) ก็แสดงว่าเราสัมผัสอัลกุรอ่านโดยไม่ต้องมีน้ำละหมาด  แต่ถ้าหากว่าเรากลับฎอมีรไปยัง لَقُرْآنٌ كَرِيمٌ (อัลกุรอานที่มีเกียรติ) ซึ่งเป็นตัวที่ไกล  ก็แสดงว่าอัลกุรอานจะสัมผัสมันไม่ได้นอกจากผู้มีน้ำละหมาด  แต่เป็นที่ทราบดีว่า  อัลกุรอานนั้นจะสัมผัสไม่ได้นอกจากผู้ที่มีความสะอาดเสียก่อนด้วยการอาบน้ำละหมาด

ดังนั้นเมื่อเป็นไปได้ทั้งสองอย่างตามหลักภาษา  ท่านชัยค์อับดุรเราะห์มาน อัซซุดัยซีย์ ก็สามารถตะวัศซูลได้ทั้ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และด้วยการรักต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม 

หากไม่มีท่านร่อซูลเราก็จะรักร่อซูลไม่ได้ ดังนั้นการที่เราตะวัสซูลด้วยการรักร่อซูลก็คือการตะวัซซุลที่ยังเกี่ยวข้องกับตัวของท่านร่อซูลอยู่อีกนั่นแหละครับ

เป็นคำพูดที่ละเอียดละออและถูกต้องครับ ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 12, 2008, 02:02 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ก้าวแรกที่ผู้รู้วาฮาบีเข้าใจหลักการตะวัซซุลด้วยกับท่านนบีตามที่ซุนนะฮ์และสะลัฟได้ระบุไว้ อัลฮัมดุลิลละฮ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 12, 2008, 10:39 PM โดย ad-dalawy »

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
แต่ที่ชัดเจนแล้วนั้น  คือกลับไปยังคำว่า رسولك  เช่นคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ที่ว่า

 إِنَّهُ لَقُرْآنٌ كَرِيمٌ  فِي كِتَابٍ مَّكْنُونٍ  لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ

"แท้จริงมันคืออัลกุรอานที่มีเกียรติที่สุด (ซึ่งถูกบันทึก) ไว้ในสิ่งบันทึกที่ถูกเก็บรักษาไว้(นั่นคือเลาฮิลมะห์ฟูซ) ซึ่งจะไม่สัมผัสมัน(อัลกุรอาน)นอกจากบรรดาผู้มีความสะอาดแล้ว(มีน้ำละหมาดแล้ว)" อัลวากิอะฮ์ 77 - 79

จากอายะฮ์  หากฎอมีร ه จากคำที่ว่า  لَّا يَمَسُّهُ เรากลับไปตัวที่ใกล้ที่สุด คือ كِتَابٍ مَّكْنُونٍ (เลาฮิลมะห์ฟูซฺ) ก็แสดงว่าเราสัมผัสอัลกุรอ่านโดยไม่ต้องมีน้ำละหมาด  แต่ถ้าหากว่าเรากลับฎอมีรไปยัง لَقُرْآنٌ كَرِيمٌ (อัลกุรอานที่มีเกียรติ) ซึ่งเป็นตัวที่ไกล  ก็แสดงว่าอัลกุรอานจะสัมผัสมันไม่ได้นอกจากผู้มีน้ำละหมาด  แต่เป็นที่ทราบดีว่า  อัลกุรอานนั้นจะสัมผัสไม่ได้นอกจากผู้ที่มีความสะอาดเสียก่อนด้วยการอาบน้ำละหมาด

ดังนั้นเมื่อเป็นไปได้ทั้งสองอย่างตามหลักภาษา  ท่านชัยค์อับดุรเราะห์มาน อัซซุดัยซีย์ ก็สามารถตะวัศซูลได้ทั้ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และด้วยการรักต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม 

กรยกตัวอย่างของคุณอัซฮารีย์วางอยู่บนความหมายที่ว่า "อัลมุเฏ๊าะฮะรูน" คือ "บรรดาผู้มีความสะอาด" ดังนั้นจึงทำให้ฎอมีร (ฮุ) ไม่สามารถวกกลับไปยังตัวที่ไกล้ที่สุด นั่นคือ "กิตาบ มักนูน" แต่เปลี่ยนความของ "อัลมุเฏ๊าะฮะรูน" มาเป็น "บรรดามะลาอิกะฮฺที่บริสุทธิ์จากความผิดบาปต่างๆ" ซึ่งเป็นความหมายที่น่าจะมีน้ำหนักกว่า การคืนกลับของฏอมีรจึงต้องเป็นตัวที่ไกล้ตัวที่สุด จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นั่นคือ คืนกลับไปยังคำว่า "กิตาบมักนูน" ไม่ใช่ "กุรอาน กะรีม"

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
กรยกตัวอย่างของคุณอัซฮารีย์วางอยู่บนความหมายที่ว่า "อัลมุเฏ๊าะฮะรูน" คือ "บรรดาผู้มีความสะอาด" ดังนั้นจึงทำให้ฎอมีร (ฮุ) ไม่สามารถวกกลับไปยังตัวที่ไกล้ที่สุด นั่นคือ "กิตาบ มักนูน" แต่เปลี่ยนความของ "อัลมุเฏ๊าะฮะรูน" มาเป็น "บรรดามะลาอิกะฮฺที่บริสุทธิ์จากความผิดบาปต่างๆ" ซึ่งเป็นความหมายที่น่าจะมีน้ำหนักกว่า การคืนกลับของฏอมีรจึงต้องเป็นตัวที่ไกล้ตัวที่สุด จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นั่นคือ คืนกลับไปยังคำว่า "กิตาบมักนูน" ไม่ใช่ "กุรอาน กะรีม"

หากพูดกันในเชิงภาษา  หากเป็นไปได้ทั้งสองอย่างถือว่าเป็นการเอี๊ยะห์ติมาล إحتمال  ซึ่งเป็นไปได้ทั้งสองอย่างใช่ไหมครับ  อย่างเช่น ชัยค์อับดุลลอฮ์ บิน อับดิรเราะห์มาน บิน ญิบรีล อุลามาอ์ใหญ่ซาอุฯ เองเขาก็กล่าวว่า

الضمير في الآية يعود على القرآن الكريم لأنه ذكر قبل الآية

"ฎ่อมีร (ฮุ) ในอายะฮ์ หวนกลับไปยัง อัลกุรอานที่มีเกียรติ  เพราะมันได้ถูกกล่าวก่อนอายะฮ์...." ดูเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์ชัยค์อิบบุญิบรีล

อย่างเช่นอายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า

وَآتَيْنَا مُوسَى الْكِتَابَ وَجَعَلْنَاهُ هُدىً لِبَنِي إِسْرائيل

"เราได้มอบให้แก่มูซากับคำภีร์(เตาร็อต) และเราได้ทำให้มัน(คือคำภีร์หรือให้เขามูซา)เป็นผู้ชี้นำให้แก่บนีอิสรออีล" อัลอิสรออฺ 2

ฎ่อมีร (ฮุ่) ในประโยค وَجَعَلْنَاهُ นั้น กลับไปหาที่ใกล้สุด คืออัลกิตาบ  และบางอุลามาอ์บอกว่ากลับไปหาที่ไกลกว่า คือมูซา  ดูได้ในตัฟซีรอัลกุรตุบี ซูเราะห์อิสรออฺ อายะฮ์ 2  ดังนั้นเมื่อฎ่อมีรสามารถกลับไปได้ทั้งใกล้และใกลเช่นนี้  จึงเกิดการเอี๊ยะห์ติมาลอย่างมิต้องสงสัย 

ดังนั้น เมื่อมีการเอี๊ยะห์ติมาล  ก็จึงเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง  คือท่านชัยค์อับดุรเราะห์มาน อัซซุดัยซีย์ ก็สามารถตะวัศซูลได้ทั้ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และด้วยการรักต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และยิ่งกว่านั้น  ในคุฎบะฮ์ของท่านชัยค์ อับดุรเราะห์มาน อัซซุดัยซีย์ ก็พูดเรื่องท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ส่งเสริมให้ทำการซ่อลาวาต  และเจริญรอยตามซุนนะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ด้วย  ดังนั้นการตะวัซซุลต่อท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้นมีซุนนะฮ์ได้ระบุไว้และสะลัฟเขาก็ทำกันครับผม

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เพื่อนผมชาวเยเมนบอกผมว่า อิหม่ามซุเดสได้ฝันเห็นรอซูล 3ครั้งว่า ฟากสะลามให้ชาวเยเมน เนื่องจากพวกเขามากในการศอลาวาตแก่ฉัน

อิหม่ามสุดซุเดสจึงบอกตอนคุตบะฮฺนะครับ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เพื่อนผมชาวเยเมนบอกผมว่า อิหม่ามซุเดสได้ฝันเห็นรอซูล 3ครั้งว่า ฟากสะลามให้ชาวเยเมน เนื่องจากพวกเขามากในการศอลาวาตแก่ฉัน

อิหม่ามสุดซุเดสจึงบอกตอนคุตบะฮฺนะครับ

ในคุฏบะฮ์ดังกล่าวของชัยค์ซุเดสนั้น  ผมฟังแล้วก็มีกล่าวคำว่า ซัยยิด ต่อท่านนบี มุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมหลายแห่งด้วยกัน  ซึ่งเป็นถ้อยคำที่วะฮาบีไม่ค่อยจะนำมาพูดในคุฎบะฮ์หรือการปราศัยกัน 

ได้เห็นน้องบาซิรพูดเรื่องการชาวเยเมนชอบศอลาวาตนั้น  ผมก็นึกถึงบางกลุ่มขึ้นมาทันที  ที่กล่าวต่อผู้ชอบทำการศ่อลาวาตมากๆ ว่า  "ชอบศ่อลาวาตแบบพร่ำเพรื่อ"
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
คลิปนี้ ผมเองก็เคยฟังมานานแล้วเหมือนกันคับ... mycool: mycool:
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ al-um

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 154
  • الأم
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัลอัมดูลิลละฮื
  อินชาอัลลอฮ์ ซักวัน เราคงได้เห็น มูรีดขึ้นคุตบะฮ์แล้วอ่านซัยยิดด้วย
   :ameen:









         







แต่ดูแล้วท่าจะยาก hehe
*للزكريا    الأنصاري*
      อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนได้ทิ้งขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของอุลามะฮ์ผู้นำมัซฮับทั้ง 4   แบบไม่ใยดี แต่กลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ลุ่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ....นะอูซุบิ้ลลา

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
สลามุลลอฮิอะลัยกุ้ม

อัลฮัมดุลิลลาฮน่ะครับ   ถือเป็นปรากฏการณ์มิติไหม่ในการปรับทัศนะที่ถูกต้องทีละขั้นตอน  ผมคิดว่าชัยค์สุเดสนั้นท่านได้เป็นอิมามที่มักกะฮ์นำคนที่มาทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์มากมายในแต่ละปี  ท่านต้องเห็นว่ามีคนมากมายที่เหลือเกินที่ไม่ใช่วะฮาบีมาละหมาด  พวกเขาต่างก็ต้องการแสวงหาความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์ พวกเขาที่มากมายเหล่านี้คือความภูมิใจของอัลอิสลาม  ไม่ใช่เพียงแค่วะฮาบีกลุ่มน้อยเพียงอย่างเดียว  ดังนั้นในคุฏบะฮ์มีทั้งการกล่าวตะวัซซุลต่อท่านนบีและมีการกล่าวซัยยิดต่อท่านนบีด้วย  ถือว่าเป็นก้าวใหม่ที่วะฮาบีระดับผู้รู้เขาไม่ทำกันไปการอ่านคุฏบะฮ์

Qortubah

  • บุคคลทั่วไป

สำหรับผม มองว่าเฎาะมีรในคุตบะฮฺนั้น น่าจะกลับไปยัง حبا صادقا  มากกว่า
 
โดยมีเกาะรีนะฮฺ (ปัจจัยบ่งชี้) คือ เชคสุเดซนั้น ก่อนที่ท่านจะกล่าวว่า
 
اللهم فاغفر به ذنوبنا

ท่านไม่ได้กล่าวถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เท่านั้น แต่ท่านยังกล่าวถึงอัลลอฮฺตะอาลาด้วย โดยท่านกล่าวว่า

اللهم إنا أحببناك وأحببنا رسولك صلى الله عليه وسلم حبًا صادقا
“โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริงเรารักพระองค์ และรักเราะสูลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยใจจริง”


อันถือเป็นการเปิดทางให้สิ่งที่จะได้กล่าวขอต่อไป เสมือนเป็นการเกริ่นนำว่า พวกเรารักพระองค์และเราะสูลของพระองค์ ด้วยใจที่บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น ด้วยความรักอันนี้ ขอพระองค์ทรงอภัยให้พวกเราด้วยเถิด..


ซึ่งหากเชคสุเดซ จะทำการตะวัซซุลด้วยท่านนบี ท่านตะวัซซุลด้วยอัลลอฮฺตะอาลาไม่ประเสริฐและยิ่งใหญ่กว่าหรือ? หรืออย่างน้อยก็เป็นการเหมาะสมกว่าที่ท่านจะต้องตะวัซซุลกับอัลลอฮฺตะอาลาด้วย เพราะในประโยคส่วนหน้า ท่านกล่าวถึงอัลลอฮฺ และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พร้อมๆกัน ซึ่งตามมารยาทแล้ว ในการตะวัซซุล ก็ควรจะกล่าวถึงพร้อมๆกันด้วย  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรที่จะกล่าวว่า  فاغفر بهما ذنوبنا  มากกว่า فاغفر به ذنوبنا


เพราะฉะนั้น จากประโยคส่วนหน้าที่เชคกล่าวถึง “ความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่ออัลลอฮฺ และเราะสูลของพระองค์” ก็อาจกล่าวได้ว่า เจตนาของท่านคือ “ตะวัซซุลด้วยความรักอันบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์” นั่นเอง


ซึ่งข้อนี้ ทางท่านอัซฮะรีย์ และพี่น้องที่รัก ก็ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้เหมือนกัน ใช่มั้ยครับ?


ยังมีต่อครับ..


Qortubah

  • บุคคลทั่วไป

ทีนี้ก็มาถึงอีกประเด็นหนึ่ง..

ท่านว่า

อ้างถึง
.... แต่  หากกลับไปหา  بحبنا الصادق لرسولك  มันก็เกี่ยวข้องกับตัวท่านร่อซูลอยู่ดีเพราะหากไม่มีท่านร่อซูลเราก็จะรัก ร่อซูลได้ไม่  ดังนั้นการที่เราตะวัสซูลด้วยการรักร่อซูลก็คือการตะวัซซุลที่ยังเกี่ยวข้อง กับตัวของท่านร่อซูลอยู่อีกนั่นแหละครับ


คิดว่า ท่านอาจจะเข้าใจทัศนะของกลุ่มที่ท่านเรียกว่า วะฮาบีย์ เกี่ยวกับ “การตะวัซซุลด้วยท่านนบี” ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นะครับ? เท่าที่ผมทราบ ที่วะฮาบีย์ห้าม หลักๆ ก็คือการตะวัซซุลกับ “ซาต” (ตัว) ท่านนบี นะครับ ส่วนการตะวัซซุลด้วย “การศรัทธา” “ความรัก” “การให้เกียรติ” ต่อท่านนบี นั้น เท่าที่ทราบ ไม่พบว่ามีอุละมาอ์วะฮาบีย์ท่านไหนห้ามนะครับ หรือถ้าหากพี่น้องเคยเจอ ก็ขอความกรุณานำมาแสดงด้วยนะครับ ญะซากุมุลลอฮุค็อยร็อน


ผมขอยกตัวอย่างจากตำราของ “วะฮาบีย์” ให้ดูสักนิดละกันนะครับ ว่าอุละมาอ์วะฮาบีย์ กล่าวถึงการตะวัซซุลต่ออัลลอฮฺด้วยความรักที่มีต่อท่านนบีไว้อย่างไร


شرح الطحاوية للحوالي - ج 1 / ص 1212


التوسل الشرعي هو: أن يتوسل العبد ويتقرب إِلَى الله تَعَالَى بالأعمال الصالحة، فما كَانَ له علاقة بالنبي صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فإن التوسل إليه تَعَالَى يكون باتباعه وبمحبته صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وهذا عمل صالح ينجينا


หนังสือชัรหฺ อัฏเฏาะหาวิยะฮฺ ของ เชคสะฟัร หะวาลีย์ (5/1212)

“การตะวัซซุลที่เป็นที่อนุญาตตามหลักศาสนา คือ การที่บ่าวทำการตะวัซซุล และเข้าหาอัลลอฮฺตะอาลาด้วยการงานที่ดี และการตะวัซซุลต่ออัลลอฮฺตะอาลา ในส่วนที่เกี่ยวกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้น ก็จะเป็นการตะวัซซุลด้วยการปฏิบัติตามท่าน และรักท่าน ซึ่งสิ่งนี้เป็นการงานที่ดี ที่จะช่วยเราได้



شرح الطحاوية للحوالي – ج 1 / ص 1215

أما التوسل بدعائه في حياته فلا بأس به أما بعد موته فلا نتوسل إلا بالإيمان به، وبمحبته وطاعته صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فإن كَانَ عبداً صالحاً حياً فلا بأس أن يدعو للمسلمين،  وإن كَانَ ميتاً فلا يُدعى

และในเล่มเดียวกัน (1/1215)

“ส่วนการตะวัซซุลด้วยดุอาอ์ของท่าน (นบี) ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นถือว่ากระทำได้ แต่หลังจากที่ท่านเสียชีวิตแล้ว เราจะไม่ตะวัซซุล นอกเสียจากด้วยการศรัทธาต่อท่าน การรักท่าน และเชื่อฟังท่าน ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม



أصول الإيمان في ضوء الكتاب والسنة لنخبة من العلماء - ج 1 / ص 58

والتوسل المشروع يندرج تحته ثلاثة أنواع  :

الثاني : التوسل إلى الله تعالى بعمل صالح قام به العبد ، كأن يقول : اللهم بإيماني بك ، ومحبتي لك ، واتباعي لرسولك اغفر لي ، أو يقول : اللهم إني أسألك بحبي لنبيك محمد صلى الله عليه وسلم وإيماني به أن تفرج عني ، أو أن يذكر الداعي عملا صالحا ذا بال قام به فيتوسل به إلى ربه ، كما في قصة أصحاب الغار الثلاثة التي سيرد ذكرها .

ويدل على مشروعيته قوله تعالى : { الَّذِينَ يَقُولُونَ رَبَّنَا إِنَّنَا آمَنَّا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ } (آل عمران : 16) ، وقوله تعالى : { رَبَّنَا آمَنَّا بِمَا أَنْزَلْتَ وَاتَّبَعْنَا الرَّسُولَ فَاكْتُبْنَا مَعَ الشَّاهِدِينَ } (آل عمران : 53
)


อุศูลุลอีมาน ฟีเฎาอิลกิตาบ วัสสุนนะฮฺ เขียนโดยอุละมาอ์หลายท่าน (1/58)

และการตะวัซซุลที่เป็นที่อนุญาตนั้น มี 3 ประเภท
....
....
ประเภทที่ 2 : การตะวัซซุลต่ออัลลอฮตะอาลา ด้วยการงานที่ดีที่บ่าวได้ปฏิบัติไป โดยเขาอาจจะกล่าวว่า “โอ้อัลลอฮฺ ด้วยความศรัทธาที่ข้าพระองค์มีต่อพระองค์ และการที่ข้าพระองค์ดำเนินตามแบบอย่างเราะสูลของพระองค์ ขอพระองค์โปรดอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด”

หรืออาจจะกล่าวว่า “โอ้ อัลลอฮฺ ด้วยความรักที่ข้าพระองค์มีต่อนบีของพระองค์ นบีมุหัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และความศรัทธาที่ข้าพระองค์มีต่อท่าน ขอพระองค์ได้โปรดให้ทางออกแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด”

โดยมีหลักฐานจากอัลกุรอานข้างต้น (อาลอิมรอน 16 และ 53)



الحسام الماحق لكل مشرك ومنافق لمحمد تقي الدين الهلالي - ج 1 / ص 66

و أما التوسل إلى الله تعالى بالعمل المتعلق بالنبي - صلى الله عليه وسلم - و أصحابه و سائر المؤمنين إذا كان مشروعاً فهو من خير الوسائل ، فمن توسل إلى الله تعالى بمحبة النبي - صلى الله عليه وسلم - و طاعته و اتباعه و توقيره و الدفاع عن سنته و تعظيم ما جاء به فقد أحسن و هو جدير بالقبول ، و كذلك التوسل بمحبة المؤمنين و إعانتهم و قضاء حاجاتهم و الإحسان إليهم و الدفاع عنهم و توقير كبيرهم و رحمة صغيرهم فذلك من أفضل الأعمال عند الله و في تلك الحال يكون الإنسان متوسلاً إلى الله بعمله


อัลหุซามุลมาหิก ของ เชคตะกิยุดดีน อัลฮิลาลีย์ (1/66)

“ส่วนการตะวัซซุลต่ออัลลอฮฺตะอาลา ด้วยการงานที่เกี่ยวข้องกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เศาะหาบะฮฺของท่าน และบรรดามุอ์มินนั้น หากเป็นไปด้วยสิ่งที่เป็นที่อนุญาตแล้ว ก็ถือว่าเป็นการตะวัซซุลที่ประเสริฐที่สุดวิธีหนึ่ง โดยผู้ใดตะวัซซุลด้วยความรักที่มีต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยการเคารพเชื่อฟังท่าน ด้วยการปฏิบัติตามท่าน ให้เกียรติท่าน ปกป้องสุนนะฮฺของท่าน และให้เกียรติทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านนำมา ก็ถือว่าเขาได้ทำดีแล้ว และสมควรที่จะถูกได้รับการตอบรับ เช่นเดียวกับการตะวัซซุลด้วยความรักที่มีต่อบรรดาผู้ศรัทธา ด้วยการช่วยเหลือพวกเขา ทำดีต่อพวกเขา ปกป้องพวกเขา ให้เกียรติผู้อาวุโส และเมตตาผู้มีอายุน้อยจากพวกเขา เช่นนี้ก็ถือเป็นการงานที่ประเสริฐที่สุดประการหนึ่ง และในสภาพนี้ คือการที่คนเราตะวัซซุลต่ออัลลอฮฺด้วยการงานของเขา”



محبة الرسول بين الاتباع والابتداع عبد الرءوف محمد عثمان - ج 1 / ص 339
أما التوسل المشروع فينقسم إلى نوعين :

- أحدهما التوسل بالإيمان برسول الله صلى الله عليه وسلم وطاعته . وهذا فرض عين على كل مسلم في كل حال ، ولا يسقط عن أحد من الخلق بعد قيام الحجة عليه. وقد جعل الله الإيمان بالرسول صلى الله عليه وسلم وطاعته وسيلة إلى كل خير ورحمة في الدنيا والآخرة .

ويقع التوسل بهذا النوع على وجهين :
-  فتارة يتوسل المسلم بالإيمان بالرسول وطاعته ومحبته إلى ثواب الله وجنته .
 - وتارة يتوسل بذلك في الدعاء فيقول مثلا : اللهم بإيماني بنبيك وطاعتي له وحبي إياه اغفر لي
.


มะหับบะตุรเราะสูล บัยนัลอิตติบาอฺ วัลอิบติดาอฺ ของ อับดุรเราะอูฟ อุษมาน (1/339)

“ส่วนการตะวัซซุลที่เป็นที่อนุญาตนั้น มี 2 ประเภท

ประเภทแรก – คือ การตะวัซซุลด้วยการศรัทธาต่อท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และการเชื่อฟังท่าน ซึ่งข้อนี้ถือเป็นฟัรฎูอัยน์สำหรับมุสลิมทุกคน ในทุกเวลา ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับมนุษย์คนใดหลังจากที่เขาได้รับรู้มันแล้ว โดยอัลลอฮฺตะอาลาได้ให้การศรัทธาต่อเราะสูล และเคารพเชื่อฟังท่าน เป็นสิ่งที่จะนำพาสู่ความดีงาม และความโปรดปรานในดุนยาและอาคิเราะฮฺ

ซึ่งการตะวัซซุลประเภทนี้ มี 2 รูปแบบ คือ

- บางครั้งมุสลิมอาจจะตะวัซซุลด้วยการศรัทธาต่อเราะสูล การเชื่อฟัง และความรักที่มีต่อท่าน เพื่อให้ได้ซึ่งผลบุญจากอัลลอฮฺ และสวนสวรรค์ของพระองค์

- และในบางครั้ง ก็อาจจะตะวัซซุลในดุอาอ์ของเชา เช่น โอ้อัลลอฮฺ ด้วยการศรัทธาของข้าพระองค์ที่มีต่อนบีของพระองค์ และการตออัตเชื่อฟัง และความรักที่ข้าพระองค์มีต่อท่าน ขอพระองค์ได้โปรดอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด



** จากข้อความข้างต้น สรุปได้ว่า "วะฮาบีย์" นั้นเห็นว่าการตะวัซซุลด้วยความรัก การศรัทธา การเชื่อฟัง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นกระทำได้ครับ



มีต่ออีกครับ..


 

GoogleTagged