ผู้เขียน หัวข้อ: การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ  (อ่าน 12070 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด

เป็นหลักการดีครับ ไม่เหมือนผม ความรู้น้อย พยายามบอกในสิ่งที่มองเห็นและประสบมา
ขอรายละเอียดเพิ่มอีกครับ
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

             การเปลี่ยนแปลงไปของอัลอิสลามที่ตรงและชอบด้วยแนวทางของอัลลอฮฺและท่านนบีมูฮำมัด(ซ.ล.)หากมองแบบผิวเผินแล้ว การดะวะฮ์นั้นตรงกับหลักการของอัลอิสลาม แต่หากมองด้วยความละเอียดรอบคอบ มองด้วยความเที่ยงธรรมโดยใช้ความรู้มาตัดสินแล้ว การออกดะวะฮ์ กลับเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการทั้งสิ้น เพราะการออกดะวะฮ์นั้นมองดูผิวเผินเป็นเรื่องที่ดีแต่เป็นเรื่องที่ผิดหลักการ มิหนำซ้ำยังถูกห้ามชัดเจนจากท่านรอซูล(ซ.ล.)
          การดะวะฮ์(الدعوة) หมายถึง การเชิญชวน ชักนำให้คนหนึ่งคนใดหรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดได้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบโดยศาสนาหรือละทิ้งสิ่งที่ไม่ชอบด้วยศาสนา
 دعوةมาจากคำว่า دعى หมายถึง ناداه "ร้องเรียก"
 الداعى หมายถึง ผู้ร้องเรียก ชักชวน
 دعاة หมายถึง บรรดาผู้ร้องเรียก เชิญชวน
ฉะนั้น الداعى  หมายถึง
 من يدعوالناس الى دينه أومن هبه
 "ผู้ที่ร้องเรียก เชิญชวนมนุษย์ไปยัง(การนับถือ)ศาสนาของเขาหรือแนวทางของเขา"                 *ดู المنجدفى اللغةوالأعلام  หน้า 216
หากมาพิจารณาถึงการดะวะฮ์จะเห็นว่าการดะวะฮ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญดังอายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า

"จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสุเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดีและจงโต้แย้งกับพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า"     อัลนะฮฺลู อายะฮฺที่ 125
          และอีกหลายๆอายะฮฺที่กล่าวถึงความสำคัญของการดะวะฮฺ เช่น
ซูเราะฮฺ อัลอะหฺกอฟ อายะฮฺที่31,ซูเราะฮฺ อัล อัซรฺ อายะฮฺที่ 1-3

             ฉะนั้นเมื่อพิจารณาโดยอายะฮ์อัลกุรอานที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การเผยแผ่ การตักเตือนให้กระทำความดีและละเว้นความชั่ว มวลมนุษย์ทั้งหมดจะต้องปฏิบัติ เนื่องจากการชักชวนให้ทำความดีนั้นเป็นแนวทางที่อัลกุรอานได้บัญญัติไว้
            แล้วความผิดพลาดของงานดะวะฮ์ในปัจจุบันมีความผิดพลาดอย่างไร
ขอแยกเป็นหัวข้อดังนี้
1.เข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
2.ไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
3.ไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอัลอิสลาม
4.ไม่เข้าใจถึงการห้ามปรามของท่านรอซูลในการไปมัสยิดอื่น
5.เข้าใจผิดที่ว่า"ใครไม่ดะวะฮ์ไม่ได้เข้าสวรรค์"
6.เข้าใจผิดที่ว่า"ไปอินเดียดีกว่าไปมักกะฮฺ"
7.ไม่รู้ถึงความผิดที่เกิดจากการเชิญชวนในขณะกลุ่มที่ถูกเชิญชวนมีผู้นำอยู่แล้ว
8.ไม่เข้าใจถึงหน้าที่แห่งความรับผิดชอบต่อครอบครัว
9.เข้าใจผิดเกี่ยวกับการแสวงหาความรู้
10.รูปแบบของการเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิม
11.ไม่รู้ถึงผลบุญของการแสวงหาริสกีมาจุนเจือครอบครัวว่าเป็นผลบุญที่ยิ่งใหญ่
12.การละเมิดสิทธิของผู้อื่นว่ามีความร้ายแรงอย่างไร
13.ความเข้าใจเรื่อง ฟัรฎูและซุนนะฮฺ และอื่นๆ
ขอยกตัวอย่างที่สำคัญๆเท่านั้น
                          ความเข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
           - ความเข้าใจผิดต่ออายะฮฺนั้นมีมากมายโดยพวกเขาคิดว่า การดะวะฮ์นั้นคือ การเชิญชวนพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
           - พวกเขาลืมไปว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะเชิญชวนนั้น จะต้องเป็น ผู้รู้ หรือผู้เข้าใจศาสนาเป็นอย่างดีเท่านั้น มิใช่จะเป็นใครก็ได้
            หากดูในประวัติศาสตร์อิสลามแล้ว ผู้ที่ถูกเชิญชวนให้เข้ารับเพื่อปฏิญาณตนและปฏิบัติศาสนกิจเพื่ออัลลอฮฺองค์เดียว จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากผู้ที่มิใช่อิสลามเท่านั้น นี่คือ ความผิดพลาดของผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นนักดะวะฮ์ แล้วถ้าหากว่าสถานที่นั้นมีมัสยิดแล้ว มีการละหมาดวันศุกร์แล้ว หากสถานที่นั้นพวกเขา(ผู้ที่ถูกดะวะฮ์) มีความรู้ความเข้าใจศาสนามากกว่าผู้ที่ดะวะฮ์ล่ะ.....จะทำยังไง
ใครจะดะวะฮ์ใคร ?
                           ความไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
            อิสลามได้วางขอบเขตของการเชิญชวนให้ผู้อื่นกระทำความดีและห้ามในการกระทำความชั่วไว้ 2 ประเภท คือ
1.การเชิญชวนให้ทำความดีละเว้นความชั่วที่ไม่จำกัดขอบเขต
2.การเชิญชวนให้ทำความดีละเว้นความชั่วที่จำกัดขอบเขต
                           ความไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอิสลามอย่างแท้จริง
         การเผยแพร่ศาสนาอิสลามของท่านนบี(ซ.ล.) นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ท่านทั้งถูกด่า ถูกขับไล่ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหก แตกต่างกับการดะวะฮ์ปัจจุบันที่มีแต่ความสบาย แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ดะวะฮ์ก็ยังอ้างตัวเองว่า พวกเขาสืบทอด สืบสานการเผยแผ่ตามแนวทางของท่านนบี(ซ.ล.)ซึ่งเป็นคำพูดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะหากเราเจาะลึกในรายละเอียดการเผยแผ่ของท่านนบีแล้วจะพบว่า
1.ท่านบีเผยแผ่ให้คนนอกศาสนาจะเป็นยาฮูดี(ยิว)นัศรอนี(คริสต์)มุชรีกีนหรือแม้กระทั่งมะยูซี(พวกบูชาไฟ)
       โดยเฉพาะการเผยแพร่ครั้งแรกของท่านบี(ซ.ล.)ได้เชิญชวนคนเหล่านี้ ในขณะที่ท่านยืนอยู่ ณ ภูเขาซอฟา ว่า
"โอ้ลูกหลาน อับดุลมุตตอลิบ โอ้ลูกหลานฟะฮฺรุ โอ้ลูกหลานกะอฺบิน พวกเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร หากว่าข้าจะบอกกับพวกเจ้าว่าแท้จริง ถ้าผุ้หนึ่งอยุ่ริมภุเขานี้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงกับพวกเจ้า พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? พวกเขาตอบว่า "ครับ"และท่านนบี(ซ.ล.)ก็กล่าวว่า แท้จริงข้าเป็นผู้ตักเตือน(ที่เป็นประโยชน์)ให้กับพวกเจ้าระหว่างโทษที่หนัก*ดูอัลบีดายะฮ์วัลนีฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 43
หลักฐานนี้บอกให้รุ้ว่าการเผยแพร่ครั้งแรกหรือครั้งใดก็ตาม ผู้ถูกเผยแผ่ คือ คนนอกศาสนา
2.การศึกษา เมื่อท่านบี(ซ.ล.)เผยแผ่ได้ระยะหนึ่ง ขั้นต่อมาก็คือ การศึกษาอิสลาม ถือเป้นที่ชัดที่สุดว่าเป็นการศึกษาของผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว
ตัวอย่าง เหล่าซอฮาบะฮ์ที่มาศึกษากับท่านบีตามระเบียงมัสยิด เช่น อบูฮูรัยเราะฮ์ กลุ่มคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า اهل الصفة คือ พวกที่มาอาศัยอยู่เพื่อศึกษาอิสลาม  การศึกษาอิสลามหลังจากท่านนบีเสียชีวิต ก็ใช้ระบบเดียวกัน ก็คือ ผู้มีหน้าที่เชิญชวนคนนอกศาสนาก้ทำหน้าที่ของเขาไปและผู้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนผู้ที่เป็นมุสลิมก็ทำหน้าที่ของตนไป
ซึ่ง อิบนุกะซีร ใช้คำว่า استاذ (ครู-อาจารย์)*تفسيرابن كثير เล่ม 1 หน้า 16
สรุปแล้วการดะวะฮ์แบบปัจจุบัน
1.ท่านนบีไม่เคยทำ
2.คูลาฟาอุรรอชีดีนไม่เคยทำ
3.ซอฮาบะห์ทั้งหลายไม่เคยทำ
4.ชาวสลัฟ ไม่เคยทำ
5.แม้กระทั่งผู้นำ 4 มัซฮับก็ไม่เคยทำเช่นกัน
                           ไม่รู้ถึงการห้ามปรามของท่านรอซูล
เพราะท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
       ห้ามมิให้ผูกมัด(เจาะจง)การเดินทาง(ไปยังมัสยิดใดมัสยิดหนึ่ง)เว้นแต่สามมัสยิด คือ มัสยิดอัลฮารอม มัสยิดของท่านรอซูล(ซ.ล.)และมัสยิดอัลอักซอ.
และท่านอิบนุฮาญัร อัลอัซกอลานีย์ ได้กล่าวว่า"คำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)"لاتشدالرحال" อ่านด้วยสระฎอมมะฮ์ ตัวแรกคือตัว ตาอฺ โดยเป็นคำห้ามและแท้จริงแล้ว จุดประสงค์ คือ การห้ามจากการเดินทางไปยังมัสยิดอื่น*فتح البارى على شرح البخارى เล่ม 3 หน้า 383-384
                            การเชิญชวนกลุ่มคนหรือบุคคลหนึ่งในขณะสถานที่นั้นมีผู้นำอยู่แล้ว
   ท่านนบีกล่าวว่า
"ผู้ใดออกไปเพื่อเชิญชวนให้กับตัวเองหรือให้กับคนอื่นและในขระนั้นมนุษย์ทั้งหลายมีอีหม่ามอยู่แล้ว แน่นอนจะลงบนผู้นั้น การสาปแช่งของอัลลอฮฺและของมลาอีกะฮฺและของมนุษย์ทั้งหมด แล้วพวกท่านจงฆ่าผู้นั้นเสีย."*الديلمي เล่ม 3 หน้า 481 อาดิษที่ 5493,  كنزالعمال ฮาดิษที่ 14857               
مثل العابدالذي يتفقه كمثل الذىيبنى بليل ويهدم بلنهار       
"อีบาดะฮฺที่ไม่มีความรู้เหมือนอย่างผุ้สร้างบ้านในเวลากลางคืนและมาทำลายในเวลากลางวัน"
الفردوس ฮาดิษที่ 6439 เล่ม 4 หน้า 142
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ หากมีโอกาสจะนำมาพูดใหม่

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 08:41 AM »
0

การเชิญชวนกลุ่มคนหรือบุคคลหนึ่งในขณะสถานที่นั้นมีผู้นำอยู่แล้ว

ท่านนบีกล่าวว่า"ผู้ใดออกไปเพื่อเชิญชวนให้กับตัวเองหรือให้กับคนอื่นและในขระนั้นมนุษย์ทั้งหลายมีอีหม่ามอยู่แล้ว แน่นอนจะลงบนผู้นั้น การสาปแช่งของอัลลอฮฺและของมลาอีกะฮฺและของมนุษย์ทั้งหมด แล้วพวกท่านจงฆ่าผู้นั้นเสีย."*الديلمي เล่ม 3 หน้า 481 อาดิษที่ 5493,  كنزالعمال ฮาดิษที่ 14857               

คุณแปลผิดพลาดและผิดเป้าหมายในคำพูดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วล่ะครับ   เพราะจริง ๆ แล้วหะดิษนี้ไม่ได้ตำหนิถึงการออกไปเรียกร้องเชิญชวนพี่น้องให้กระทำความดีงาม   แต่เป็นหะดิษที่ตำหนิของผู้ทำการกบถต่อบรรดาผู้นำ(อิมาม)ต่างหาก  ตัวบทของหะดิษมีดังกล่าวนี้ครับ

من خرج يدعو إلى نفسه أو إلى غيره وعلى الناس إمام فعليه لعنة الله والملائكة والناس أجمعين فاقتلوه‏.‏

"ผู้ใดที่กบถ โดยทำการเรียกร้องไปยังตนเองหรือผู้อื่นโดยที่บรรดาผู้คนนั้นมีผู้นำอยู่แล้ว  ดังนั้น  บนเขานั้น จะได้รับการสาปแช่งจากอัลเลาะฮ์ , มะลาอิกะฮ์ , และบรรดามนุษย์ทั้งปวง แล้วท่านจงฆ่าผู้นั้นเสีย"  كنزالعمال ฮาดิษที่ 14857   

ดังนั้น  คุณมาวิจารณ์พี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ตับลีฆ  ทั้งที่คุณอ้างอิงหลักฐานผิดพลาดอย่างนี้กระนั้นหรือ? ซุบหานัลลอฮ์!
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 09:05 AM »
0
ไม่รู้ถึงการห้ามปรามของท่านรอซูล
เพราะท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
       ห้ามมิให้ผูกมัด(เจาะจง)การเดินทาง(ไปยังมัสยิดใดมัสยิดหนึ่ง)เว้นแต่สามมัสยิด คือ มัสยิดอัลฮารอม มัสยิดของท่านรอซูล(ซ.ล.)และมัสยิดอัลอักซอ.
และท่านอิบนุฮาญัร อัลอัซกอลานีย์ ได้กล่าวว่า"คำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)"لاتشدالرحال" อ่านด้วยสระฎอมมะฮ์ ตัวแรกคือตัว ตาอฺ โดยเป็นคำห้ามและแท้จริงแล้ว จุดประสงค์ คือ การห้ามจากการเดินทางไปยังมัสยิดอื่น*فتح البارى على شرح البخارى เล่ม 3 หน้า 383-384

เมื่อคุณอ้างหนังสือฟัตหุลบารีย์ของท่านอัลหาฟิซอิบนุหะญัรมา  คุณก็สมควรทำการอธิบายหะดิษดังกล่าวด้วย  ว่าเป็นอย่างไร   ท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺอิบนุหะญัร  ได้กล่าวอธิบายเกี่ยวกับหะดิษไว้ตอนหนึ่งว่า

والصحيح عند إمام الحرمين وغيره من الشافعية أنه لا يحرم , وأجابوا عن الحديث بأجوبة منها أن المراد أن الفضيلة التامة إنما هي في شد الرحال إلى هذه المساجد بخلاف غيرها فإنه جائز

"ที่ถูกต้อง ตามทัศนะของท่านอิมามอัลหะรอมัยน์ และท่านอื่น ๆ จากบรรดานักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ คือ แท้จริงการ(เจาะจง)เดินทางนั้น  ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หะรอม  และพวกเขาได้ทำการตอบจากหะดิษ ด้วยหลายคำตอบด้วยกัน  คือ  แท้จริง  จุดมุ่งหมาย(ของหะดิษนี้)คือ แท้จริง  คุณความดีที่สมบูรณ์ คือ การเดินทางไปยังบรรดามัสยิด(ทั้งสาม)นี้  ซึ่งแตกต่างกับบรรดามัสยิดอื่นจากมัน(ทั้งสาม)  เพราะว่าแท้จริง มัสยิดอื่นจากทั้งสามนั้น อนุญาต ให้เดินทางไปได้" เล่ม 3 หน้า 383-384

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 09:23 AM »
0
ไม่รู้ถึงการห้ามปรามของท่านรอซูล
เพราะท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
       ห้ามมิให้ผูกมัด(เจาะจง)การเดินทาง(ไปยังมัสยิดใดมัสยิดหนึ่ง)เว้นแต่สามมัสยิด คือ มัสยิดอัลฮารอม มัสยิดของท่านรอซูล(ซ.ล.)และมัสยิดอัลอักซอ.
และท่านอิบนุฮาญัร อัลอัซกอลานีย์ ได้กล่าวว่า"คำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)"لاتشدالرحال" อ่านด้วยสระฎอมมะฮ์ ตัวแรกคือตัว ตาอฺ โดยเป็นคำห้ามและแท้จริงแล้ว จุดประสงค์ คือ การห้ามจากการเดินทางไปยังมัสยิดอื่น*فتح البارى على شرح البخارى เล่ม 3 หน้า 383-384

หะดิษดังกล่าวนี้  ได้รายงานโดยท่านมุสลิมเช่นเดียวกัน  ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้อธิบายหะดิษดังกล่าว  ความว่า

‏وفي هذا الحديث : فضيلة هذه المساجد الثلاثة , وفضيلة شد الرحال إليها , لأن معناه عند جمهور العلماء : لا فضيلة في شد الرحال إلى مسجد غيرها . وقال الشيخ أبو محمد الجويني من أصحابنا : يحرم شد الرحال إلى غيرها وهو غلط

"ในหะดิษนี้  คือยืนยันถึงความประเสริฐของมัสยิดทั้งสามนี้  และยืนยันถึงความประเสริฐในการเดินทางไปยังมัสยิดทั้งสาม  เพราะความหมายของหะดิษนี้ตามทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากคือ  ไม่มีความประเสริฐ(ที่สมบูรณ์ยิ่ง)ในการเดินทางไปยังอื่นจากสามมัสยิดนี้  และท่านชัยค์ อบูมุฮัมมัด อัลญุวัยนีย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ของเรา กล่าวว่า หะรอมโดยการเดินทางไปยังมัสยิดอื่นจากสามมัสยิดนั้น  เป็นทัศนะคำพูดที่ ผิด"  ดู  ชัรห์ ซอฮิห์ มุสลิม เล่ม 5 หน้า 181 ตีพิมพ์ ดารุลหะดิษ

ดังนั้น  คุณ pareet ครับ คุณเข้าใจ หะดิษดังกล่าว ตามท่านอิมาม อันนะวาวีย์ และท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ หะญัร หรือเปล่าครับ? หรือท่านยกหะดิษนบีมา แล้วอธิบายเอง ?
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 09:28 AM »
0
สรุปแล้วการดะวะฮ์แบบปัจจุบัน
1.ท่านนบีไม่เคยทำ
2.คูลาฟาอุรรอชีดีนไม่เคยทำ
3.ซอฮาบะห์ทั้งหลายไม่เคยทำ
4.ชาวสลัฟ ไม่เคยทำ
5.แม้กระทั่งผู้นำ 4 มัซฮับก็ไม่เคยทำเช่นกัน

แล้วรูปแบบการดะวะฮ์เรียกร้องให้เข้าใจเรื่องศาสนาในเชิงการเรียนการสอนที่เปิดเป็นโรงเรียน  มีหลักสูตรเป็นชั้นเรียนนั้น  มีรูปแบบในยุคสมัยของสะลัฟด้วยหรือไม่ครับ?  ดังนั้น การอ้างเหตุผลในการบอกว่ารูปแบบดะวะฮ์ในปัจจุบันในมีในสมัยของท่านนบีจนถึงอิมามทั้ง 4 นั้น  จึงถือว่าเป็นหลักฐานที่อ่อน(ฏออีฟ)มากเลยครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
0
ดังนั้น  คุณ pareet ครับ คุณเข้าใจ หะดิษดังกล่าว ตามท่านอิมาม อันนะวาวีย์ และท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ หะญัร หรือเปล่าครับ? หรือท่านยกหะดิษนบีมา แล้วอธิบายเอง ?

ผมไม่ได้อธิบายเองครับ แต่ผมคัดลอกมาจาก อิดริส ในกระดานตอบปัญหา

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 09:33 AM »
0
ดังนั้น  คุณ pareet ครับ คุณเข้าใจ หะดิษดังกล่าว ตามท่านอิมาม อันนะวาวีย์ และท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ หะญัร หรือเปล่าครับ? หรือท่านยกหะดิษนบีมา แล้วอธิบายเอง ?

ผมไม่ได้อธิบายเองครับ แต่ผมคัดลอกมาจาก อิดริส ในกระดานตอบปัญหา

หรือครับ  งั้นขอมะอัฟด้วยครับ  แต่การที่คุณก๊อบมานั้น  อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจว่า คุณ كنت مقرا  "คุณให้การยอมรับ" ในข้อความดังกล่าวด้วย  แต่อย่างไรก็ตาม  ผมขอมะอัฟด้วยล่ะกันครับ  และสิ่งที่ผมได้วิจารณ์ไป  ก็แค่ในเชิงหลักฐานเท่านั้น  กล่าวคือ  เราควรเข้าใจหลักฐานให้ถูกต้องตามหลักการที่นักปราชญ์หะดิษได้อธิบายไว้ นะครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
0
ญาซากัลลอฮ์ฮุค็อยร็อนครับ

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
0
ผมอยากได้ขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะได้มีการปรับปรุง หลาย ๆ จุด ก็คุณจะลบภายใน 24 ช.ม. ผมก็เลยก๊อบมาตั้งเป็นประเด็นต่อ กำลังศึกษา เรื่องนี้อยู่
ผมก็เข้าใจครับว่าไปละหมาดที่มัสยิดไหนก็ได้ ไม่เป็นการห้าม เพราะเวลาผมเดินทางผมก็ต้องหยุดละหมาดที่มัสยิดอื่นเหมือนกัน แต่ความตั้งใจคนละอย่าง ขอบคุณ คุณal-azhary  ที่ช่วยอธิบายให้ชัดเจนขึ้น ที่บอกนะครับไม่ได้ตำนิกลุ่มนี้แต่พยายามบอกถึงจุดบกพร่องหลาย ๆ จุด ที่หลายคนมองเห็นไม่ใช่ผมคนเดียว ผมก็เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีจุดบอกพร่อง บางคนก็ไม่เห็นจุดบกพร่องของตนเอง แต่จะแก้ไขหรือเปล่า ไม่ใช่ผมไม่รู้จักดะวะห์นะครับ มีอยู่ในครอบครัวผม หมู่บ้านผมและกลุ่มนี้เอง ทำให้หมู่บ้านชุมชนอิสลามไม่พัฒนา ทางด้านศาสนา หรืออาจเป็น หมู่บ้านผมหมู่บ้านเดียวและครอบครัวผมครอบครัวเดียว เดี๋ยวนี้กลุ่มนี้เข้ามาบริหารมัสยิด เงินมัสยิดหมด และปัญหาหลาย  ๆ ด้านกำลังตามมา ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาออกไปขัดเกลากันยังไง ไม่ใช่คน คน เดียวแล้วละครับ
 :)แล้วกรณีนี้ละครับ เวลากลุ่มดะวะห์ที่ ว่า ไปพำนักอยู่มัสยิดหมู่บ้านอื่น ถึงเวลาละหมาด ในขณะนั้นมีอิหม่าม คอเต็บประจำมัสยิด แต่คนในกลุ่มดะวะห์ ขึ้นไปนำละหมาด โดยไม่มีการบอกกล่าว แต่อย่างใด โดยมารยาท หรือ หลักการ ใช้ได้ไหมครับผิดหรือถูกตรงไหน บ้างครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
0
2.การศึกษา เมื่อท่านบี(ซ.ล.)เผยแผ่ได้ระยะหนึ่ง ขั้นต่อมาก็คือ การศึกษาอิสลาม ถือเป้นที่ชัดที่สุดว่าเป็นการศึกษาของผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว

แล้วการสอนให้ผู้อื่นเรียนรู้เกี่ยวกับอิสลาม  ไม่เรียกดะวะฮ์ การเรียกร้องเชิญชวน กันแล้วหรือครับ   

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
Re: การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 12:03 PM »
0
2.การศึกษา เมื่อท่านบี(ซ.ล.)เผยแผ่ได้ระยะหนึ่ง ขั้นต่อมาก็คือ การศึกษาอิสลาม ถือเป้นที่ชัดที่สุดว่าเป็นการศึกษาของผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว


แล้วการสอนให้ผู้อื่นเรียนรู้เกี่ยวกับอิสลาม  ไม่เรียกดะวะฮ์ การเรียกร้องเชิญชวน กันแล้วหรือครับ   

 :) เป็นสิครับ 100 % ด้วย
 :) แต่แต่พูดถึง คือกลุ่มดะวะห์ที่มีลักษณะในการเดินทางไปตามมัสยิดต่าง ๆ โดยมีการกำหนดวัน 3 วัน 7 วัน 1 เดือน 4 เดือน โดยมีการเตรียมเสบียงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรืออุปกรณ์เครื่องครัว
เป็นหลักการดีครับ ไม่เหมือนผม ความรู้น้อย พยายามบอกในสิ่งที่มองเห็นและประสบมา
ขอรายละเอียดเพิ่มอีกครับ
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

             การเปลี่ยนแปลงไปของอัลอิสลามที่ตรงและชอบด้วยแนวทางของอัลลอฮฺและท่านนบีมูฮำมัด(ซ.ล.)หากมองแบบผิวเผินแล้ว การดะวะฮ์นั้นตรงกับหลักการของอัลอิสลาม แต่หากมองด้วยความละเอียดรอบคอบ มองด้วยความเที่ยงธรรมโดยใช้ความรู้มาตัดสินแล้ว การออกดะวะฮ์ กลับเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการทั้งสิ้น เพราะการออกดะวะฮ์นั้นมองดูผิวเผินเป็นเรื่องที่ดีแต่เป็นเรื่องที่ผิดหลักการ มิหนำซ้ำยังถูกห้ามชัดเจนจากท่านรอซูล(ซ.ล.)
          การดะวะฮ์(الدعوة) หมายถึง การเชิญชวน ชักนำให้คนหนึ่งคนใดหรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดได้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบโดยศาสนาหรือละทิ้งสิ่งที่ไม่ชอบด้วยศาสนา
 دعوةมาจากคำว่า دعى หมายถึง ناداه "ร้องเรียก"
 الداعى หมายถึง ผู้ร้องเรียก ชักชวน
 دعاة หมายถึง บรรดาผู้ร้องเรียก เชิญชวน
ฉะนั้น الداعى  หมายถึง
 من يدعوالناس الى دينه أومن هبه
 "ผู้ที่ร้องเรียก เชิญชวนมนุษย์ไปยัง(การนับถือ)ศาสนาของเขาหรือแนวทางของเขา"                 *ดู المنجدفى اللغةوالأعلام  หน้า 216
หากมาพิจารณาถึงการดะวะฮ์จะเห็นว่าการดะวะฮ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญดังอายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า

"จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสุเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดีและจงโต้แย้งกับพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า"     อัลนะฮฺลู อายะฮฺที่ 125
          และอีกหลายๆอายะฮฺที่กล่าวถึงความสำคัญของการดะวะฮฺ เช่น
ซูเราะฮฺ อัลอะหฺกอฟ อายะฮฺที่31,ซูเราะฮฺ อัล อัซรฺ อายะฮฺที่ 1-3

             ฉะนั้นเมื่อพิจารณาโดยอายะฮ์อัลกุรอานที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การเผยแผ่ การตักเตือนให้กระทำความดีและละเว้นความชั่ว มวลมนุษย์ทั้งหมดจะต้องปฏิบัติ เนื่องจากการชักชวนให้ทำความดีนั้นเป็นแนวทางที่อัลกุรอานได้บัญญัติไว้
            แล้วความผิดพลาดของงานดะวะฮ์ในปัจจุบันมีความผิดพลาดอย่างไร
ขอแยกเป็นหัวข้อดังนี้
1.เข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
2.ไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
3.ไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอัลอิสลาม
4.ไม่เข้าใจถึงการห้ามปรามของท่านรอซูลในการไปมัสยิดอื่น
5.เข้าใจผิดที่ว่า"ใครไม่ดะวะฮ์ไม่ได้เข้าสวรรค์"
6.เข้าใจผิดที่ว่า"ไปอินเดียดีกว่าไปมักกะฮฺ"
7.ไม่รู้ถึงความผิดที่เกิดจากการเชิญชวนในขณะกลุ่มที่ถูกเชิญชวนมีผู้นำอยู่แล้ว
8.ไม่เข้าใจถึงหน้าที่แห่งความรับผิดชอบต่อครอบครัว
9.เข้าใจผิดเกี่ยวกับการแสวงหาความรู้
10.รูปแบบของการเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิม
11.ไม่รู้ถึงผลบุญของการแสวงหาริสกีมาจุนเจือครอบครัวว่าเป็นผลบุญที่ยิ่งใหญ่
12.การละเมิดสิทธิของผู้อื่นว่ามีความร้ายแรงอย่างไร
13.ความเข้าใจเรื่อง ฟัรฎูและซุนนะฮฺ และอื่นๆ
ขอยกตัวอย่างที่สำคัญๆเท่านั้น
                          ความเข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
           - ความเข้าใจผิดต่ออายะฮฺนั้นมีมากมายโดยพวกเขาคิดว่า การดะวะฮ์นั้นคือ การเชิญชวนพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
           - พวกเขาลืมไปว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะเชิญชวนนั้น จะต้องเป็น ผู้รู้ หรือผู้เข้าใจศาสนาเป็นอย่างดีเท่านั้น มิใช่จะเป็นใครก็ได้
            หากดูในประวัติศาสตร์อิสลามแล้ว ผู้ที่ถูกเชิญชวนให้เข้ารับเพื่อปฏิญาณตนและปฏิบัติศาสนกิจเพื่ออัลลอฮฺองค์เดียว จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากผู้ที่มิใช่อิสลามเท่านั้น นี่คือ ความผิดพลาดของผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นนักดะวะฮ์ แล้วถ้าหากว่าสถานที่นั้นมีมัสยิดแล้ว มีการละหมาดวันศุกร์แล้ว หากสถานที่นั้นพวกเขา(ผู้ที่ถูกดะวะฮ์) มีความรู้ความเข้าใจศาสนามากกว่าผู้ที่ดะวะฮ์ล่ะ.....จะทำยังไง
ใครจะดะวะฮ์ใคร ?
                           ความไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
            อิสลามได้วางขอบเขตของการเชิญชวนให้ผู้อื่นกระทำความดีและห้ามในการกระทำความชั่วไว้ 2 ประเภท คือ
1.การเชิญชวนให้ทำความดีละเว้นความชั่วที่ไม่จำกัดขอบเขต
2.การเชิญชวนให้ทำความดีละเว้นความชั่วที่จำกัดขอบเขต
                           ความไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอิสลามอย่างแท้จริง
         การเผยแพร่ศาสนาอิสลามของท่านนบี(ซ.ล.) นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ท่านทั้งถูกด่า ถูกขับไล่ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหก แตกต่างกับการดะวะฮ์ปัจจุบันที่มีแต่ความสบาย แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ดะวะฮ์ก็ยังอ้างตัวเองว่า พวกเขาสืบทอด สืบสานการเผยแผ่ตามแนวทางของท่านนบี(ซ.ล.)ซึ่งเป็นคำพูดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะหากเราเจาะลึกในรายละเอียดการเผยแผ่ของท่านนบีแล้วจะพบว่า
1.ท่านบีเผยแผ่ให้คนนอกศาสนาจะเป็นยาฮูดี(ยิว)นัศรอนี(คริสต์)มุชรีกีนหรือแม้กระทั่งมะยูซี(พวกบูชาไฟ)
       โดยเฉพาะการเผยแพร่ครั้งแรกของท่านบี(ซ.ล.)ได้เชิญชวนคนเหล่านี้ ในขณะที่ท่านยืนอยู่ ณ ภูเขาซอฟา ว่า
"โอ้ลูกหลาน อับดุลมุตตอลิบ โอ้ลูกหลานฟะฮฺรุ โอ้ลูกหลานกะอฺบิน พวกเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร หากว่าข้าจะบอกกับพวกเจ้าว่าแท้จริง ถ้าผุ้หนึ่งอยุ่ริมภุเขานี้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงกับพวกเจ้า พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? พวกเขาตอบว่า "ครับ"และท่านนบี(ซ.ล.)ก็กล่าวว่า แท้จริงข้าเป็นผู้ตักเตือน(ที่เป็นประโยชน์)ให้กับพวกเจ้าระหว่างโทษที่หนัก*ดูอัลบีดายะฮ์วัลนีฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 43
หลักฐานนี้บอกให้รุ้ว่าการเผยแพร่ครั้งแรกหรือครั้งใดก็ตาม ผู้ถูกเผยแผ่ คือ คนนอกศาสนา
2.การศึกษา เมื่อท่านบี(ซ.ล.)เผยแผ่ได้ระยะหนึ่ง ขั้นต่อมาก็คือ การศึกษาอิสลาม ถือเป้นที่ชัดที่สุดว่าเป็นการศึกษาของผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว
ตัวอย่าง เหล่าซอฮาบะฮ์ที่มาศึกษากับท่านบีตามระเบียงมัสยิด เช่น อบูฮูรัยเราะฮ์ กลุ่มคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า اهل الصفة คือ พวกที่มาอาศัยอยู่เพื่อศึกษาอิสลาม  การศึกษาอิสลามหลังจากท่านนบีเสียชีวิต ก็ใช้ระบบเดียวกัน ก็คือ ผู้มีหน้าที่เชิญชวนคนนอกศาสนาก้ทำหน้าที่ของเขาไปและผู้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนผู้ที่เป็นมุสลิมก็ทำหน้าที่ของตนไป
ซึ่ง อิบนุกะซีร ใช้คำว่า استاذ (ครู-อาจารย์)*تفسيرابن كثير เล่ม 1 หน้า 16
สรุปแล้วการดะวะฮ์แบบปัจจุบัน
1.ท่านนบีไม่เคยทำ
2.คูลาฟาอุรรอชีดีนไม่เคยทำ
3.ซอฮาบะห์ทั้งหลายไม่เคยทำ
4.ชาวสลัฟ ไม่เคยทำ
5.แม้กระทั่งผู้นำ 4 มัซฮับก็ไม่เคยทำเช่นกัน
                           ไม่รู้ถึงการห้ามปรามของท่านรอซูล
เพราะท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
       ห้ามมิให้ผูกมัด(เจาะจง)การเดินทาง(ไปยังมัสยิดใดมัสยิดหนึ่ง)เว้นแต่สามมัสยิด คือ มัสยิดอัลฮารอม มัสยิดของท่านรอซูล(ซ.ล.)และมัสยิดอัลอักซอ.
และท่านอิบนุฮาญัร อัลอัซกอลานีย์ ได้กล่าวว่า"คำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)"لاتشدالرحال" อ่านด้วยสระฎอมมะฮ์ ตัวแรกคือตัว ตาอฺ โดยเป็นคำห้ามและแท้จริงแล้ว จุดประสงค์ คือ การห้ามจากการเดินทางไปยังมัสยิดอื่น*فتح البارى على شرح البخارى เล่ม 3 หน้า 383-384
                            การเชิญชวนกลุ่มคนหรือบุคคลหนึ่งในขณะสถานที่นั้นมีผู้นำอยู่แล้ว
   ท่านนบีกล่าวว่า
"ผู้ใดออกไปเพื่อเชิญชวนให้กับตัวเองหรือให้กับคนอื่นและในขระนั้นมนุษย์ทั้งหลายมีอีหม่ามอยู่แล้ว แน่นอนจะลงบนผู้นั้น การสาปแช่งของอัลลอฮฺและของมลาอีกะฮฺและของมนุษย์ทั้งหมด แล้วพวกท่านจงฆ่าผู้นั้นเสีย."*الديلمي เล่ม 3 หน้า 481 อาดิษที่ 5493,  كنزالعمال ฮาดิษที่ 14857               
مثل العابدالذي يتفقه كمثل الذىيبنى بليل ويهدم بلنهار       
"อีบาดะฮฺที่ไม่มีความรู้เหมือนอย่างผุ้สร้างบ้านในเวลากลางคืนและมาทำลายในเวลากลางวัน"
الفردوس ฮาดิษที่ 6439 เล่ม 4 หน้า 142
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ หากมีโอกาสจะนำมาพูดใหม่

ข้อความนี้ เป็นของอิดริส ที่อยู่ในกระดานถามตอบปัญหา ผมก๊อบมา ผมยังใช้ลักษณะการอ้างถึง ไม่เป็นครับ นี่เหละเพิ่งจะเริ่มใช้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 12:18 PM »
0
2.การศึกษา เมื่อท่านบี(ซ.ล.)เผยแผ่ได้ระยะหนึ่ง ขั้นต่อมาก็คือ การศึกษาอิสลาม ถือเป้นที่ชัดที่สุดว่าเป็นการศึกษาของผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว


แล้วการสอนให้ผู้อื่นเรียนรู้เกี่ยวกับอิสลาม  ไม่เรียกดะวะฮ์ การเรียกร้องเชิญชวน กันแล้วหรือครับ   

 :) เป็นสิครับ 100 % ด้วย
 :) แต่แต่พูดถึง คือกลุ่มดะวะห์ที่มีลักษณะในการเดินทางไปตามมัสยิดต่าง ๆ โดยมีการกำหนดวัน 3 วัน 7 วัน 1 เดือน 4 เดือน โดยมีการเตรียมเสบียงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรืออุปกรณ์เครื่องครัว

ผมก็เคยไปดะวะฮ์โดยเดินทางไปสอนหนังสือ ทุกวันเสาร์อาทิตย์ น่ะครับ  กำหนดสัปดาห์ละ 2 วัน แล้วก็ไปละหมาดนำที่มัสยิดในหมู่บ้านนั้นด้วย  ไปกินข้าวบ้านเขา  บางทีก็ต้องเตรียมเสบียงเงินไปด้วย เผื่อว่าต้องกินขนมบ้าง  แล้วการออกดะวะฮ์ที่มีคุณลักษณะอย่างนี้  นบีและซอฮาบะฮ์เคยทำกันหรือเปล่าครับ แล้วมันต่างอะไรกับออกดะวะฮ์ 3 วัน  ::)   

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 12:27 PM »
0
แต่แต่พูดถึง คือกลุ่มดะวะห์ที่มีลักษณะในการเดินทางไปตามมัสยิดต่าง ๆ โดยมีการกำหนดวัน 3 วัน 7 วัน 1 เดือน 4 เดือน โดยมีการเตรียมเสบียงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรืออุปกรณ์เครื่องครัว

ผมเป็นเด็กปอเนาะเหมือนกับพี่น้องหลาย ๆ คนในที่นี้  ต้องออกมาจากบ้าน  เตรียมข้าวสาร  เสบียง  อุปกรณ์เครื่องครัว  เสื้อผ้าขนไปปอเนาะ ขนไม้ ตับจากมุงหลังคา เพื่อมาปลูกปอเนาะทำการเล่าเรียนฝึกฝนปรับปรุงตนเอง  ทำอิบาดะฮ์เท่าที่จะทำได้ตามที่ อาจารย์สอน  พอเสาร์อาทิตย์  ก็ต้องไปขนข้าว ปลาแห้ง  เพื่อมาเป็นเสบียงอีก  พอเสาร์อาทิตย์ก็ต้องออก(ดะวะฮ์)สอนหนังสือเด็ก ๆ ที่หมู่บ้านอื่น ไปนอนพักกินที่นั่น  ซึ่งรูปแบบเช่นนี้ ไม่มีในสมัยนบีใช่หรือเปล่าครับ  และมันแตกต่างกับตับลีฆอย่างไร และไม่อยากจะบอกว่า ที่ออกไป(ดะวะฮ์)สอนหนังสือนั้น ได้ตังค์ด้วย ;D 

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 01:42 PM »
0
หากมาพิจารณาถึงการดะวะฮ์จะเห็นว่าการดะวะฮ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญดังอายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า

"จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสุเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดีและจงโต้แย้งกับพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า"     อัลนะฮฺลู อายะฮฺที่ 125
          และอีกหลายๆอายะฮฺที่กล่าวถึงความสำคัญของการดะวะฮฺ เช่น
ซูเราะฮฺ อัลอะหฺกอฟ อายะฮฺที่31,ซูเราะฮฺ อัล อัซรฺ อายะฮฺที่ 1-3

             ฉะนั้นเมื่อพิจารณาโดยอายะฮ์อัลกุรอานที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การเผยแผ่ การตักเตือนให้กระทำความดีและละเว้นความชั่ว มวลมนุษย์ทั้งหมดจะต้องปฏิบัติ เนื่องจากการชักชวนให้ทำความดีนั้นเป็นแนวทางที่อัลกุรอานได้บัญญัติไว้
            แล้วความผิดพลาดของงานดะวะฮ์ในปัจจุบันมีความผิดพลาดอย่างไร

อายะฮ์อัลกุรอาน ดังกล่าวนี้  เป็นคำสั่งใช้ให้ทำการดะวะฮ์เชิญชวนใหนรูปแบบกว้าง ๆ  มุฏลัก ( مطلق ) ซึ่งวิธีการเชิญชวนดะวะฮ์นั้น  ก็อยู่ในการวินิจฉัย วางระบบระเบียบวิธีการที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์   ดังนั้น  ระบบการดะวะฮ์ของพี่น้องญะมาอะฮ์ตับลีฆนั้น ผิดพลาดตรงใหน  ก็ต้องมีหลักฐานยืนยันจากระบบและระเบียบจริง ๆ ที่พวกเขาได้กำหนดหลักดำเนินไว้  ไม่ใช่สมมุติหรือเอามาจากคำพูดของคนบางคนที่เป็นส่วนน้อยมาเป็นเกนฑ์  เพราะถือว่าไม่เป็นธรรม

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: การออกดะวะห์ โดนใจ ช่วยคัดลอกให้ก่อนโดนลบ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มี.ค. 20, 2007, 02:00 PM »
0
แล้วความผิดพลาดของงานดะวะฮ์ในปัจจุบันมีความผิดพลาดอย่างไร
ขอแยกเป็นหัวข้อดังนี้
1.เข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
2.ไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
3.ไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอัลอิสลาม
4.ไม่เข้าใจถึงการห้ามปรามของท่านรอซูลในการไปมัสยิดอื่น
5.เข้าใจผิดที่ว่า"ใครไม่ดะวะฮ์ไม่ได้เข้าสวรรค์"
6.เข้าใจผิดที่ว่า"ไปอินเดียดีกว่าไปมักกะฮฺ"
7.ไม่รู้ถึงความผิดที่เกิดจากการเชิญชวนในขณะกลุ่มที่ถูกเชิญชวนมีผู้นำอยู่แล้ว
8.ไม่เข้าใจถึงหน้าที่แห่งความรับผิดชอบต่อครอบครัว
9.เข้าใจผิดเกี่ยวกับการแสวงหาความรู้
10.รูปแบบของการเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิม
11.ไม่รู้ถึงผลบุญของการแสวงหาริสกีมาจุนเจือครอบครัวว่าเป็นผลบุญที่ยิ่งใหญ่
12.การละเมิดสิทธิของผู้อื่นว่ามีความร้ายแรงอย่างไร
13.ความเข้าใจเรื่อง ฟัรฎูและซุนนะฮฺ และอื่นๆ
ขอยกตัวอย่างที่สำคัญๆเท่านั้น

1. เข้าใจผิดอายะฮ์ใหนลองอธิบายต่อซิครับ  แต่เท่าที่ทราบ อายะฮ์อัลกุรอานที่คุณยกมานั้น มีความหมายแบบกว้าง ๆ مطلق 
2. ขอบเขตการดะวะฮ์เชิญชวนอย่างไรบ้างหรือครับที่ถูกห้าม เนื่องจากคำว่าเกินขอบเขตนั้นคือกระทำสิ่งที่ถูกห้าม
3. แล้วระบบการดะวะฮ์ของอิสลามนั้น อยู่ในรูปแบบมุฏลัก หรือแบบกว้าง ๆ การดะวะฮ์โดยใช้สื่อทางโทรทัศน์  ดาวเทียม  ระบบนี้นบีไม่เคยทำเหมือนกัน
4. การห้ามปรามของท่านร่อซูลที่คุณว่ามานั้น  คุณต่างหากที่ไม่เข้าใจ ตามที่ อัล-อัซฮะรีย์ได้อธิบายชี้แจงไปแล้วข้างต้น
5. คำพูดที่ว่า "ใครไม่ดะวะฮ์ไม่ได้เข้าสวรรค์นั้น" เป็นคำพูดของบางคน ซึ่งจะนำมาเหมารวมไม่ได้ ซึ่งเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
6. คำพูดที่ว่า"ไปอินเดียดีกว่าไปมักกะฮ์นั้น" ผมไม่เคยได้ยิน และคุณไม่สามารถหาหลักฐานมาอ้างอิงได้อย่างแน่นอน  ดังนั้น หากคุณอ้าง ต้องขอหลักฐาน หากคุณอ้างหลักฐาน ขอความถูกต้องของหลักฐานนั้นด้วย
7. ข้อนี้ คุณเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงและบิดเบือนความหมายของหะดิษ ตามที่อัล-อัซฮะรีย์ได้ชี้แจงไว้แล้วข้างต้น
8. ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นแก่ตัยลีฆบางคน  คุณจะนำมากล่าวเหมารวมไม่ได้  ซึ่งเป็นความไม่เป็นธรรม
9. เป็นรูปแบบการเยี่ยมเยือนที่ไม่ผิดกับหลักศาสนาเลยแม้แต่น้อย หากผิดหลักศาสนา ขอหลักฐาน  เมื่อมีหลักฐาน ขอความซอฮิหฺด้วย
10. ออกตัลลีฆ 3 วัน ในแต่ละเดือน  ไม่ทราบว่า อีก 27 วันนั้น งอมืองอเท้าไม่เลี้ยงดูครอบครัวหรืออย่างไร?
11. ไม่ทราบว่าละเมิดอย่างไร และผิดกับหลักการหรือเปล่า? หากผิด ขอหลักฐานมายืนยัน  และหากมีหลักฐาน ก็ขอความซอฮิหฺ ด้วย
12.  อย่างน้อยก็ละหมาดฟัรดู 5 เวลาเหมือนกัน ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวเหมือนกัน   

 

GoogleTagged