เป็นหลักการดีครับ ไม่เหมือนผม ความรู้น้อย พยายามบอกในสิ่งที่มองเห็นและประสบมา
ขอรายละเอียดเพิ่มอีกครับ
بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
การเปลี่ยนแปลงไปของอัลอิสลามที่ตรงและชอบด้วยแนวทางของอัลลอฮฺและท่านนบีมูฮำมัด(ซ.ล.)หากมองแบบผิวเผินแล้ว การดะวะฮ์นั้นตรงกับหลักการของอัลอิสลาม แต่หากมองด้วยความละเอียดรอบคอบ มองด้วยความเที่ยงธรรมโดยใช้ความรู้มาตัดสินแล้ว การออกดะวะฮ์ กลับเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการทั้งสิ้น เพราะการออกดะวะฮ์นั้นมองดูผิวเผินเป็นเรื่องที่ดีแต่เป็นเรื่องที่ผิดหลักการ มิหนำซ้ำยังถูกห้ามชัดเจนจากท่านรอซูล(ซ.ล.)
การดะวะฮ์(الدعوة) หมายถึง การเชิญชวน ชักนำให้คนหนึ่งคนใดหรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดได้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบโดยศาสนาหรือละทิ้งสิ่งที่ไม่ชอบด้วยศาสนา
دعوةมาจากคำว่า دعى หมายถึง ناداه "ร้องเรียก"
الداعى หมายถึง ผู้ร้องเรียก ชักชวน
دعاة หมายถึง บรรดาผู้ร้องเรียก เชิญชวน
ฉะนั้น الداعى หมายถึง
من يدعوالناس الى دينه أومن هبه
"ผู้ที่ร้องเรียก เชิญชวนมนุษย์ไปยัง(การนับถือ)ศาสนาของเขาหรือแนวทางของเขา" *ดู المنجدفى اللغةوالأعلام หน้า 216
หากมาพิจารณาถึงการดะวะฮ์จะเห็นว่าการดะวะฮ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญดังอายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า
"จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสุเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดีและจงโต้แย้งกับพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า" อัลนะฮฺลู อายะฮฺที่ 125
และอีกหลายๆอายะฮฺที่กล่าวถึงความสำคัญของการดะวะฮฺ เช่น
ซูเราะฮฺ อัลอะหฺกอฟ อายะฮฺที่31,ซูเราะฮฺ อัล อัซรฺ อายะฮฺที่ 1-3
ฉะนั้นเมื่อพิจารณาโดยอายะฮ์อัลกุรอานที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การเผยแผ่ การตักเตือนให้กระทำความดีและละเว้นความชั่ว มวลมนุษย์ทั้งหมดจะต้องปฏิบัติ เนื่องจากการชักชวนให้ทำความดีนั้นเป็นแนวทางที่อัลกุรอานได้บัญญัติไว้
แล้วความผิดพลาดของงานดะวะฮ์ในปัจจุบันมีความผิดพลาดอย่างไร
ขอแยกเป็นหัวข้อดังนี้
1.เข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
2.ไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
3.ไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอัลอิสลาม
4.ไม่เข้าใจถึงการห้ามปรามของท่านรอซูลในการไปมัสยิดอื่น
5.เข้าใจผิดที่ว่า"ใครไม่ดะวะฮ์ไม่ได้เข้าสวรรค์"
6.เข้าใจผิดที่ว่า"ไปอินเดียดีกว่าไปมักกะฮฺ"
7.ไม่รู้ถึงความผิดที่เกิดจากการเชิญชวนในขณะกลุ่มที่ถูกเชิญชวนมีผู้นำอยู่แล้ว
8.ไม่เข้าใจถึงหน้าที่แห่งความรับผิดชอบต่อครอบครัว
9.เข้าใจผิดเกี่ยวกับการแสวงหาความรู้
10.รูปแบบของการเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิม
11.ไม่รู้ถึงผลบุญของการแสวงหาริสกีมาจุนเจือครอบครัวว่าเป็นผลบุญที่ยิ่งใหญ่
12.การละเมิดสิทธิของผู้อื่นว่ามีความร้ายแรงอย่างไร
13.ความเข้าใจเรื่อง ฟัรฎูและซุนนะฮฺ และอื่นๆ
ขอยกตัวอย่างที่สำคัญๆเท่านั้น
ความเข้าใจผิดต่ออายะฮ์อัลกุรอาน
- ความเข้าใจผิดต่ออายะฮฺนั้นมีมากมายโดยพวกเขาคิดว่า การดะวะฮ์นั้นคือ การเชิญชวนพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
- พวกเขาลืมไปว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะเชิญชวนนั้น จะต้องเป็น ผู้รู้ หรือผู้เข้าใจศาสนาเป็นอย่างดีเท่านั้น มิใช่จะเป็นใครก็ได้
หากดูในประวัติศาสตร์อิสลามแล้ว ผู้ที่ถูกเชิญชวนให้เข้ารับเพื่อปฏิญาณตนและปฏิบัติศาสนกิจเพื่ออัลลอฮฺองค์เดียว จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากผู้ที่มิใช่อิสลามเท่านั้น นี่คือ ความผิดพลาดของผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นนักดะวะฮ์ แล้วถ้าหากว่าสถานที่นั้นมีมัสยิดแล้ว มีการละหมาดวันศุกร์แล้ว หากสถานที่นั้นพวกเขา(ผู้ที่ถูกดะวะฮ์) มีความรู้ความเข้าใจศาสนามากกว่าผู้ที่ดะวะฮ์ล่ะ.....จะทำยังไง
ใครจะดะวะฮ์ใคร ?
ความไม่เข้าใจขอบเขตของการดะวะฮ์
อิสลามได้วางขอบเขตของการเชิญชวนให้ผู้อื่นกระทำความดีและห้ามในการกระทำความชั่วไว้ 2 ประเภท คือ
1.การเชิญชวนให้ทำความดีละเว้นความชั่วที่ไม่จำกัดขอบเขต
2.การเชิญชวนให้ทำความดีละเว้นความชั่วที่จำกัดขอบเขต
ความไม่เข้าใจในระบบการดะวะฮ์ของอิสลามอย่างแท้จริง
การเผยแพร่ศาสนาอิสลามของท่านนบี(ซ.ล.) นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ท่านทั้งถูกด่า ถูกขับไล่ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหก แตกต่างกับการดะวะฮ์ปัจจุบันที่มีแต่ความสบาย แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ดะวะฮ์ก็ยังอ้างตัวเองว่า พวกเขาสืบทอด สืบสานการเผยแผ่ตามแนวทางของท่านนบี(ซ.ล.)ซึ่งเป็นคำพูดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะหากเราเจาะลึกในรายละเอียดการเผยแผ่ของท่านนบีแล้วจะพบว่า
1.ท่านบีเผยแผ่ให้คนนอกศาสนาจะเป็นยาฮูดี(ยิว)นัศรอนี(คริสต์)มุชรีกีนหรือแม้กระทั่งมะยูซี(พวกบูชาไฟ)
โดยเฉพาะการเผยแพร่ครั้งแรกของท่านบี(ซ.ล.)ได้เชิญชวนคนเหล่านี้ ในขณะที่ท่านยืนอยู่ ณ ภูเขาซอฟา ว่า
"โอ้ลูกหลาน อับดุลมุตตอลิบ โอ้ลูกหลานฟะฮฺรุ โอ้ลูกหลานกะอฺบิน พวกเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร หากว่าข้าจะบอกกับพวกเจ้าว่าแท้จริง ถ้าผุ้หนึ่งอยุ่ริมภุเขานี้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงกับพวกเจ้า พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? พวกเขาตอบว่า "ครับ"และท่านนบี(ซ.ล.)ก็กล่าวว่า แท้จริงข้าเป็นผู้ตักเตือน(ที่เป็นประโยชน์)ให้กับพวกเจ้าระหว่างโทษที่หนัก*ดูอัลบีดายะฮ์วัลนีฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 43
หลักฐานนี้บอกให้รุ้ว่าการเผยแพร่ครั้งแรกหรือครั้งใดก็ตาม ผู้ถูกเผยแผ่ คือ คนนอกศาสนา
2.การศึกษา เมื่อท่านบี(ซ.ล.)เผยแผ่ได้ระยะหนึ่ง ขั้นต่อมาก็คือ การศึกษาอิสลาม ถือเป้นที่ชัดที่สุดว่าเป็นการศึกษาของผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว
ตัวอย่าง เหล่าซอฮาบะฮ์ที่มาศึกษากับท่านบีตามระเบียงมัสยิด เช่น อบูฮูรัยเราะฮ์ กลุ่มคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า اهل الصفة คือ พวกที่มาอาศัยอยู่เพื่อศึกษาอิสลาม การศึกษาอิสลามหลังจากท่านนบีเสียชีวิต ก็ใช้ระบบเดียวกัน ก็คือ ผู้มีหน้าที่เชิญชวนคนนอกศาสนาก้ทำหน้าที่ของเขาไปและผู้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนผู้ที่เป็นมุสลิมก็ทำหน้าที่ของตนไป
ซึ่ง อิบนุกะซีร ใช้คำว่า استاذ (ครู-อาจารย์)*تفسيرابن كثير เล่ม 1 หน้า 16
สรุปแล้วการดะวะฮ์แบบปัจจุบัน
1.ท่านนบีไม่เคยทำ
2.คูลาฟาอุรรอชีดีนไม่เคยทำ
3.ซอฮาบะห์ทั้งหลายไม่เคยทำ
4.ชาวสลัฟ ไม่เคยทำ
5.แม้กระทั่งผู้นำ 4 มัซฮับก็ไม่เคยทำเช่นกัน
ไม่รู้ถึงการห้ามปรามของท่านรอซูล
เพราะท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
ห้ามมิให้ผูกมัด(เจาะจง)การเดินทาง(ไปยังมัสยิดใดมัสยิดหนึ่ง)เว้นแต่สามมัสยิด คือ มัสยิดอัลฮารอม มัสยิดของท่านรอซูล(ซ.ล.)และมัสยิดอัลอักซอ.
และท่านอิบนุฮาญัร อัลอัซกอลานีย์ ได้กล่าวว่า"คำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)"لاتشدالرحال" อ่านด้วยสระฎอมมะฮ์ ตัวแรกคือตัว ตาอฺ โดยเป็นคำห้ามและแท้จริงแล้ว จุดประสงค์ คือ การห้ามจากการเดินทางไปยังมัสยิดอื่น*فتح البارى على شرح البخارى เล่ม 3 หน้า 383-384
การเชิญชวนกลุ่มคนหรือบุคคลหนึ่งในขณะสถานที่นั้นมีผู้นำอยู่แล้ว
ท่านนบีกล่าวว่า
"ผู้ใดออกไปเพื่อเชิญชวนให้กับตัวเองหรือให้กับคนอื่นและในขระนั้นมนุษย์ทั้งหลายมีอีหม่ามอยู่แล้ว แน่นอนจะลงบนผู้นั้น การสาปแช่งของอัลลอฮฺและของมลาอีกะฮฺและของมนุษย์ทั้งหมด แล้วพวกท่านจงฆ่าผู้นั้นเสีย."*الديلمي เล่ม 3 หน้า 481 อาดิษที่ 5493, كنزالعمال ฮาดิษที่ 14857
مثل العابدالذي يتفقه كمثل الذىيبنى بليل ويهدم بلنهار
"อีบาดะฮฺที่ไม่มีความรู้เหมือนอย่างผุ้สร้างบ้านในเวลากลางคืนและมาทำลายในเวลากลางวัน"
الفردوس ฮาดิษที่ 6439 เล่ม 4 หน้า 142
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ หากมีโอกาสจะนำมาพูดใหม่