แท้จริงแล้วมีบรรดาหะดีษมากมายที่ได้รายงานว่า ท่านรสูล (ซ.ล.)สวมสัรบัน จนกระทั่งว่าเกือบจะถึงขั้นมุตะวาติรด้วยซ้ำ
ในด้านความหมาย และถึงแม้ว่าบรรดาหะดิษต่างๆ ที่รายงานเกี่ยวกับการใส่สารบันของท่าน นบี (ซ.ล.)นั้น จะเป็นหะดิษ
ที่ฎออีฟ แต่เมื่อเราพิจารณาบรรดาสายรายงานต่างๆ และ นำสายรายงานต่างๆ มารวมกันแล้ว ปรากฏว่าทำให้บรรดาหะดิษที่
การบ่งชี้ถึงการใส่สัรบันของท่าน นบี (ซ.ล.)เหล่านี้ เลื่อนระดับขึ้นไปอยู่ในขั้นของหะดิษหะซัน และยิ่งไปกว่านั้นยังถึงขั้น
เศาะเฮี๊ยะด้วยซ้ำไป ซึ่งสามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ ในทางบทบัญญัติอิสลาม และ บรรดาหะดิษเหล่านี้ก็ยังให้ประโยชน์ใน
ด้านการสนับสนุนให้ใส่สัรบัน เพื่อตามสุนนะฮฺของท่านนบี (ซ.ล)
ส่วนหนึ่งจากบรรดาหะดิษเหล่านั้น คือ
إن الله تعالى أكرم هذه الأمة بالعمائم
"แท้จริง อัลลอฮฺตะอาลา ส่งให้เกียตริกับประชาชาตินี้ด้วยกับสัรบัน" รายงานโดย ابن وضاح จากท่าน خالد بن معدان
หะดิษมุรซัล
فرق بيننا وبين المشركين العمائم على القلانس
"ข้อแตกต่างระหว่างพวกเรากับบรดามุชริกีน คือ สัรบันบนหมวก" รายงานโดยท่านอะบูดาวูดและท่านติรมิซีย์ จากท่าน ركانة
إن الله وملائكته يستغفر للابس العمائم يوم الجمعة
"แท้จริงอัลลอฮฺและบรรดามะลาอิกะฮฺของพระองค์นั้นทรงขออภัยโทษแก่บรรดาผู้ที่สวมสัรบันในวันศุกร์" รายงานโดย อิบนุ อะซากิร
أن الله تعالى ملائكة يصلون على أصحاب العمائم يوم الجمعة
"แท้จริงอัลลอฮฺและบรรดามะลาอิกะฮฺต่างขอพรแด่บรรดาผู้ที่สวมสัรบันในวันศุกร์" รายงานโดยอิบนุ อะซากิร
บรรดานักวิชาการมีความเห็นว่าสัรบันนั้นควรจะเป็นสีขาว แต่ก็อนุญาตสำหรับผู้ที่จะสวมสัรบันด้วยกับสีดำ
จากท่านญาบิร (ร.ด.)เล่าว่า
دخل النبي صلى الله عليه وآله وسلم مكة يوم الفتح وعليه عمامة سوداء
"ท่านนบี(ซ.ล.)ได้เข้าไปยังมักกะฮฺในวันแห่งการเปิดเมืองมักกะฮฺและบนท่านมีสัรบันสีดำ"
รายงานโดยท่านติรมิซีย์ ซึ่งท่านกล่าวว่า เป็นหะดิษ "หะซัน เศาะเฮี๊ยะ" และท่านอิมามมุสลิมก็รายงานหะดิษนี้ไว้เช่นกัน
ในตำราหะดิษของท่าน ในบทที่ว่าด้วยเรื่องของการทำฮัจญ์ ในหัวข้อ جواز دخول مكة بغير إحرام เล่มที่ 2 หน้าที่ 990
หะดิษที่ 1358