ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่ทราบว่าหะดิษนี้ เศาะเฮี๊ยะ หรือเปล่าครับ ....  (อ่าน 4512 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azfahany

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 18
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

บังๆ ครับ คือผมอยากทราบว่าหะดิษนี้เศาะเฮี๊ยะ หรือเปล่าครับ.....

أن النبي صلى الله عليه وسلم قال  لعن الله المغني والمغني له

"แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.) กล่วว่า อัลลอฮฺทรงสาปแช่งผู้ที่ร้องเพลง และผู้ที่ฟังการร้องเพลง" 

ไม่ทราบว่าใช้เป็นหลักฐานได้หรือเปล่าครับ............. ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...... ผมสงสัยมานานแล้ว...

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
งานเข้า กำลังฟังพันธมิตรอยู่พอดี



มีอีกที่ว่า ในวันกียามัตจะถูกเทตะกั่วร้อนๆเข้าในหู
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ฮะดิส ซอเหียะเอง ท่านนบีก็ฟังการร้องเพลง

แถมร้องเพลงเองเสียด้วย หากการร้องเพลงนั้นไม่เป็นที่อนุมัติ หรือในวันอีดที่ เหตุใดท่านนบีไม่ห้าม ทาสทั้งสองร้องเพลงเล่า ...

หากเราไม่นับในเรื่องของ  สายรายงานฮะดิส   ฮะดิสที่อ้างดังกล่าว น่าจะแปลได้อีกอย่างมากกว่า สาบแช่งผู้ร้องเพลง และฟังการร้องเพลง นะครับ

หรือการฟังมันนั้น ก็ต้องมีขอบเขตด้วย ฮะดิสนี้เอง น่าจะให้ความหมายในลักษณะครอบคลุม โดยมีฮะดิสตัวอื่นมาแจกแจงรายละเอียด หรือขอบเขตของมันเสียมากกว่า

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 23, 2008, 07:16 AM โดย Goddut »

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
ได้เจอบทความหนึ่ง มันเตือนสติผมได้ และอาจเตือนสติพี่น้องได้เช่นกัน

ระหว่างเพลงกับเพลิง

มันดูจะเป็นความผิดที่เล็กน้อยเหลือเกินใช่ไหม กับการที่ใครสักคนในหมู่พวกเราจะยอมให้ใบหูคุ้นชินอยู่กับเสียงเพลง ก็แหม...ใครที่ไหนเขาก็ฟังกันทั้งนั้นนี่ ขนาดฉันเองก็ยังมีหลายครั้งที่ภาวะรอบตัวอันหลีกเลี่ยงยากได้นำพาเสียงเพลงมาเยือนแก้วหู แต่ก็ต้องประหลาดใจเหลือเกินกับเนื้อเพลงที่พวกเรา ๆ ฟังกันอยู่ เพราะเนื้อหามันไม่พ้นไปจากเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เลย

ฉันรักเธอ...เธอรักเขา...เราเลิกกัน และอีกสารพัดถ้อยคำน้ำเน่าทำนองนี้

ขอโทษเถอะคนแต่ง! ชีวิตวัน ๆ หนึ่งน่ะ ไม่เคยพบประสบการณ์อะไรอื่นที่พ้นไปจากเรื่องชนิดนี้เลยหรือไง?

พวกเราหลายคนไม่พยายามเข้าใจเลยว่าความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆข้อนี้จะนำพาชีวิตและหัวใจของเราไปสู่สภาพที่ตกต่ำแค่ไหน เราไม่เคยสำรวจตัวเองเลยหรือว่าเสียงเพลงนั้นมันไม่ได้จบลงแค่เราหยุดฟัง แต่เนื้อเพลงบางส่วนหรือหลายส่วนจะยังคงกังห้องอยู่ในหูและในหัวของเรา แล้วก้อนสมองที่บรรจุไว้ซึ่งถ้อยคำเหม็นน้ำเน่าเช่นนี้ จะเอาที่ว่างตรงไหนมาใส่ถ้อยคำอันหอมหวานของการรำลึกถึงอัลลอฮฺ แล้วชีวิตที่ห่างไกลจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺจะมีบ่ะรอกัตงอกเงยมาจากส่วนใด เมื่อดอกไม้อันงดงามไม่เคยงอกเงยขึ้นจากซากศพที่เน่าเละเลย


ลืมกันแล้วหรือที่ท่านนบีเคยบอกว่าใน 1,000คนของมนุษย์นั้น จะมีผู้ได้เข้าสวรรค์เพียง 1 คน แล้วจะแปลกอะไรที่เราจะทำตัวให้แตกต่างจากคนอีก 999 คน...หาความคุ้มค่าไม่ได้เลยที่เราจะเอาชีวิตเข้าไปเผาในกองไฟโดยแลกกับการผ่อนคลายอันฉาบฉวยเพียงชั่วครู่


กลับมาเถอะหัวใจทั้งหลาย กลับมาให้อิสลามเยียวยาความป่วยไข้ อาบชีวิตนี้ให้ฉ่ำเย็นด้วยเสียงกุรอาน และอย่าทารุณหัวใจตัวเองด้วยการทำให้มันล่องลอยด้วยเสียงเพลงเลย


ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
บังๆ ครับ คือผมอยากทราบว่าหะดิษนี้เศาะเฮี๊ยะ หรือเปล่าครับ.....

أن النبي صلى الله عليه وسلم قال  لعن الله المغني والمغني له

"แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.) กล่วว่า อัลลอฮฺทรงสาปแช่งผู้ที่ร้องเพลง และผู้ที่ฟังการร้องเพลง" 

ไม่ทราบว่าใช้เป็นหลักฐานได้หรือเปล่าครับ............. ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...... ผมสงสัยมานานแล้ว...


ท่านอิมาม الملا علي القاري กล่าวว่า  ท่านอิมามนะวาวีย์ ได้กล่าวถึงหะดิษนี้ว่า "ไม่เศาะเฮี๊ยะ"
ดูหนังสือ الأسرار المرفوعة  โดยท่าน الملا علي القاري  หน้าที่ 276

ท่านอิมาม السيوطي กล่าวว่า  ท่านอิมามนะวาวีย์ได้กล่าวถึงหะดิษนี้ว่า "ไม่เศาะเฮี๊ยะ"
ดูหนังสือ الدرر المنتثرة  โดยท่าน อิมาม السيوطي หน้าที่ 352

ท่านอิมาม อัส-สะคอวีย์ ก็กล่าวไว้ในทำนองนี้เช่นกัน  ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า المقاصد الحسنة  หน้าที่ 335
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 23, 2008, 09:08 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ถ้ามีเวลา  มาอธิบายให้หน่อยนะค่ะ     

เอาแบบละเอียดปลีกย่อย  ถูกผิดจะได้เลิกฟังไปเลย

นะท่าน Muftee hehe


ออฟไลน์ ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา....

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
บังๆ ครับ คือผมอยากทราบว่าหะดิษนี้เศาะเฮี๊ยะ หรือเปล่าครับ.....

أن النبي صلى الله عليه وسلم قال  لعن الله المغني والمغني له

"แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.) กล่วว่า อัลลอฮฺทรงสาปแช่งผู้ที่ร้องเพลง และผู้ที่ฟังการร้องเพลง" 

ไม่ทราบว่าใช้เป็นหลักฐานได้หรือเปล่าครับ............. ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...... ผมสงสัยมานานแล้ว...

 salam

أن النبي صلى الله عليه وسلم قال  لعن الله المغني والمغني له
"แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.) กล่วว่า อัลลอฮฺทรงสาปแช่งผู้ที่ร้องเพลง และผู้ที่ฟังการร้องเพลง" 

( ท่าน อีหม่าม นาวาวี ได้ตอบเกี่ยวกับฮาดิษนี้ว่า.สิ่งดังกล่าวมาไม่(เซาะห์) ใช้เปนลักฐานไม่ได้
จงยึดเปนน้ำหนึ่งเดียวกัน อย่าได้แตกแยกกัน

ออฟไลน์ ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา....

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ถ้ามีเวลา  มาอธิบายให้หน่อยนะค่ะ     

เอาแบบละเอียดปลีกย่อย  ถูกผิดจะได้เลิกฟังไปเลย

นะท่าน Muftee hehe



salam
อีหม่าม ฆอซาลี ได้แบ่งการฟังเพลงไปยัง 3 อย่าง
1.เปนสิ่งที่ถูกรัก เช่นการทำให้ผู้ที่ได้ฟังนั้นเกิดความรัก อัลลอฮ์ ตะอาลา และรักที่จะพบกับพระองค์
2.เปนสิ่งที่มูบะห์ เช่นการฉลองในการที่เขาได้แต่งงาน
3.เปนสิ่งฮาราม เช่นเมื่อทำให้นัฟซูอารมณ์ของเรานั้นทำของฮาราม และการที่เพลงพูดในเรื่องบรรดาผู้หญิง เกี้ยวพาลาสี
จาก..ฟาตาวา อีหม่าม นาวาวี หน้า478
...
(บรรดาฟุกอฮะอ์มุสลิมีน ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องการร้องเพลงฟังเพลง ไม่ว่าเพลงนั้นจะมีดนตรีหรือไม่ ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันนับตั้งแต่สมัยแรกๆ)
..ดังนั้นพวกเขาได้เห็นตรงกันในบางกรณี และได้เห็นต่างกันในบางกรณี
...
1.เห็นตรงกันว่า(ฮาราม)ทุกๆเพลงที่มีความน่าเกียด ไม่ดี และทำให้เกิดมั๊วซียัต เพราะการร้องเพลงเปนเพียงคำพูด ถ้าดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็ไม่ดี ดังนั้นคำพูดที่ทำให้แตกต่างกับมารยาทของอิสลามนั้น)(ฮาราม)
2.เห็นตรงกันว่า(มูบะห์)คือสิ่งที่นอกเหนือจากดังกล่าว ในสถานที่สนุกสหนานกันตามหลักศาสนา เข่นวันแต่งงาน วันอีด วันที่คนที่เขาจากเราไปนานได้กลับมา สิ่งดังกล่าวมา ได้มีตัวบทที่ชัดเจนและถูกต้องได้รองรับไว้
(ส่วนที่นอกเหนือจากดังกล่าวมาที่ได้มีความเห็นที่ต่างกัน ส่วนหนึ่งบอกว่าอณุญาติทั้งมีดนตรีและไม่มี ส่วนหนึ่งบอกว่าห้ามเพลงที่มีดนตรีอณญาติให้ถ้าไม่มีดนตรี ส่วนหนึ่งบอกว่าห้ามเด็ดขาดยิ่งไปกว่านั้นฮารามด้วย)
...ดังที่กล่าวมาในกรณีที่มีความเห็นที่ต่างกันนั้น....ท่าน ซูยุบ ด๊อรดอวี่ ได้บอกว่า แท้จริงการร้องเพลงและฟังเพลงในตัวของมันนั้นเปนที่ฮาลาล ดังนั้น(อาซอล)เดิมในสิ่งที่เปนมุบะห์คือไม่มีสิ่งที่ห้ามมาบอกไว้ และทุกสิ่งที่มาห้ามการร้องเพลงฟังเพลงบางทีก็ชัดเจนแต่ไม่ถูก บางทีก็ถูกแต่ไม่ชัดเจน
...ผลที่ได้คือการร้องเพลงฟังเพลงในปัจจุบัญนี้ส่อไปทางไหนถ้าดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็เปนที่ต้องห้าม ถ้าคัดกับมารายารของอิสลามก็เปนที่ต้องห้ามอีกเช่นดียวกัน....
(ดูลายละเอียดเพิ้มเติมได้ในหนังสือ..ฟาตาวา มุอาซอรอฮ์ ของ ด๊อกเตอร์ ยูซุบ ด๊อรดอวี่ หน้า729 เล่ม1)วัสลาม.

...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 05, 2009, 02:43 AM โดย thailand »
จงยึดเปนน้ำหนึ่งเดียวกัน อย่าได้แตกแยกกัน

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด




การฟังเครื่องเล่นดนตรีนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะมีหลักฐานห้ามเยอะมาก

ยกเว้นเครื่องดนตรีบางชนิดที่ศาสนาอนุญาติ เช่นกลองดุฟ

เราต้องแยกให้ออกระหว่าง   การร้องเพลง  และการเล่นดนตรี

การร้องเพลงนั้นอนุญาติหากไม่นำไปสู่อารมณ์ทางเพศ

ส่วนการเล่นดนตรีนั้น หะรอม เพราะเป็น มะอาซิฟ นบีได้ห้ามไว้เยอะมาก

และนบีก็กล่าวไว้ว่าในยุคสุดท้ายผู้คนพยายามทำให้มันหะลาล(ว่างๆจะเอาหลักฐานมาให้อ่าน)

ยกเว้นเครื่องดนตรีบางประเภทเท่านั้น เช่นกลองดุฟ




นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด



และที่หะรอมนั้นคือการฟังแบบสดๆ

ส่วน หากถูกแปลงสภาพ

เช่นฟังในเอ็มพีสาม ซาวเบา

อุลามาอฺมีความเห็นที่แตกต่าง ส่วนหนึ่งบอกว่าได้ เช่น ฮะบีบอะลี อัลมัชฮูร มุฟตีตะรีมของเยเมน ซึ่งเป็นพี่ชายของฮะบีบอุมัร

แต่จะต้องฟังแล้วไม่เกิดอารมทางเพศ หรืออื่นๆ(คือมีเงื่อนไขแต่ผมจำไม่ได้แล้ว)

และอุซตาซก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า จะต้องไม่ริดอ(พอใจ)กับซิ่งที่คนเล่นดนตรีนั้นกระทำ



นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา....

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด




การฟังเครื่องเล่นดนตรีนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะมีหลักฐานห้ามเยอะมาก

ยกเว้นเครื่องดนตรีบางชนิดที่ศาสนาอนุญาติ เช่นกลองดุฟ

เราต้องแยกให้ออกระหว่าง   การร้องเพลง  และการเล่นดนตรี

การร้องเพลงนั้นอนุญาติหากไม่นำไปสู่อารมณ์ทางเพศ

ส่วนการเล่นดนตรีนั้น หะรอม เพราะเป็น มะอาซิฟ นบีได้ห้ามไว้เยอะมาก

และนบีก็กล่าวไว้ว่าในยุคสุดท้ายผู้คนพยายามทำให้มันหะลาล(ว่างๆจะเอาหลักฐานมาให้อ่าน)

ยกเว้นเครื่องดนตรีบางประเภทเท่านั้น เช่นกลองดุฟ






salam

ทีล่ะประเด็นนะคับ
1.การร้องเพลงป่าวๆนั้นอณุญาติและเปนสิ่งที่เปนรักอีกต่างหาก คือถ้าเนื้อเพลงทำให้รัก อัลลอฮ์ และทำให้ใกล้ชิดพระองค์
.การร้องป่าวๆนั้นมักโร๊ะ ถ้าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย ว่าง่ายๆของไร้สาระนั้นเอง
.การร้องป่าวๆนั้นฮารามถ้ามีสิ่งที่ไม่ดี น่าเกียด ขัดต่อ(อาดาบ)มารายารของศาสนา
...
2.การเล่นดนตรี(ฮาราม)นอกจากบางสิ่งที่อณุญาติให้เช่น นกหวีด กลองดุฟ(คือกลองสั้นหน้าเดียวส่วนใหญ่เล่นกันวันที่สนุกสนานเช่นรับเจ้าสาว การเข้าสนัตเด็กและอื่นๆแม้จะมี(ฉิ่ง)ก็ตาม .....(หนังสือ ดีรอสาตต์ ฟิกฮ์ฮียะห์) ส่วนกลอง กีต้า หรืออะไรที่เล่นกันในปัจจุบันนี้อันนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
(ฉนั้นผมถึงให้ไปดูลายละเอียดตามที่ได้บอกไปแล้ว)
...
ส่วนบรรดาฟุกอฮะอ์มุสลิมีน ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องการร้องเพลงฟังเพลงไม่ว่าเพลงนั้นจะมีดนตรีหรือไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันนับตั้งแต่สมัยแรกๆ).เห็นตรงกันว่า(มูบะห์)คือ ในสถานที่สนุกสหนานกันตามหลักศาสนา เข่นวันแต่งงาน วันอีด วันที่คนที่เขาจากเราไปนานได้กลับมา สิ่งดังกล่าวมา ได้มีตัวบทที่ชัดเจนและถูกต้องได้รองรับ (คำว่ามีดนตรีครงนี้ก็คือดนตรีที่อณุญาติให้คับเช่นกลอวดุฟ เพราะในสมัยนั้นไม่มีหรอกคับดนตรีที่ห้ามเล่นเหมือนสมัยนี้
(คงเข้าใจกันอย่างแจ่มแจ้งนะทุกคน) วัสลาม.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 05, 2009, 08:49 PM โดย thailand »
จงยึดเปนน้ำหนึ่งเดียวกัน อย่าได้แตกแยกกัน

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด

                         
ในสมัยนั้นก็มีดนตรีที่ห้ามเล่นเหมือนสมัยนี้

ก็คือปี่ครับ   (มิซมาร)

ซึ่งอุลามาอฺนั้นเห็นพร้องกันว่าหะรอม ยกเว้นทัศนะของอิบนุฮัซมฺเท่านั้น ซึ่งทัศนะของอิบนุฮัซมฺ นั้นชาซ(ใช้ไม่ได้)


 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 06, 2009, 12:26 AM โดย bashir »
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา....

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

                         
ในสมัยนั้นก็มีดนตรีที่ห้ามเล่นเหมือนสมัยนี้

ก็คือปี่ครับ   (มิซมาร)

ซึ่งอุลามาอฺนั้นเห็นพร้องกันว่าหะรอม ยกเว้นทัศนะของอิบนุฮัซมฺเท่านั้น ซึ่งทัศนะของอิบนุฮัซมฺ นั้นชาซ(ใช้ไม่ได้)


 



 salam
ถูกต้องคับปี่นั้นเปนสิ่งต้องห้ามเข่นเดียวสิ่งที่คล้ายกับปี่(ซับบาบะห์)ขลุ่ยก็เปนที่ต้องห้ามเช่นกัน..แล้วอีกอย่างที่มีในสมัยนั้นก็คือ(ซีอารุล ซุรบะฮ์)คือการใช้ขวดเหล้าหรือขวดที่เปนที่ต้องห้าม เอามาตีเปนดนตรีก็เปนที่ต้องห้ามอีกเช่นเดียวกัน.....(หนังสือ ดีรอสาตต์ ฟิกฮ์ฮียะห์) หน้า279
 ส่วนคำว่า ...ไม่ว่าเพลงนั้นจะมีดนตรีหรือไม่  ดังนั้นพวกเขาได้เห็นตรงกันในบางกรณี และได้เห็นต่างกันในบางกรณี  อันนี้แหละคับที่ต้องการ คือถ้าดนครีไหนอนูญาติให้เล่นก็ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ .ส่วนถ้าเล่นในสิ่งที่ถูกห้ามพวกฟูกอฮาอ์เขาก็จะค้านว่าอันนี้เล่นไม่ได้นะ ไม่ได้หมายความว่าเล่นได้ทั้งหมด  ส่วนลายละเอียดมันยาวคับก็ไปดูใน ..ฟาตาวา มุอาซอรอฮ์ ของ ด๊อกเตอร์ ยูซุบ ด๊อรดอวี่ หน้า729 เล่ม1 แล้วกันนะ  วัสลาม.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 06, 2009, 05:07 AM โดย thailand »
จงยึดเปนน้ำหนึ่งเดียวกัน อย่าได้แตกแยกกัน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
แล้วไวโอลิน วิโอล่า เชลโล่ พิโคโล่  ล่ะ ได้มั้ย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา....

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
แล้วไวโอลิน วิโอล่า เชลโล่ พิโคโล่  ล่ะ ได้มั้ย

 salam
คงไม่ได้หล่ะคับ? ขนาดปี่ ขลุ่ย ยังไม่ได้เลยแค่มันทำให้เพลินนิดหน่อยเองนะ แล้วจะใช่สิ่งที่ได้ว่ามาได้ยังไงหล่ะความเพราะของมันมากกว่า ปี่ และ ขลุ่ย อีก  (ที่ได้แน่ๆ นกหวีด กลองหน้าเดียวที่เรียกว่า(ดุฟ) ส่วนฉิ่งนั้นที่(อาเซาะห์)ใช่ได้ มีบางเกลที่ว่าไม่ได้ คำว่า กีล่า ก็คือ ดออีฟ นั้นเอง ฉนั้นฉิ่งก็ได้ครับ   ถ้ามีอย่างอื่นอีกก็ช่วยบอกด้วยนะผมรู้เท่านี้ พร้อมนำลักฐานมาด้วยนะเผื่อเพื่อนๆจะได้เอาไปเปนลักฐานได้...วัสลาม
จงยึดเปนน้ำหนึ่งเดียวกัน อย่าได้แตกแยกกัน

 

GoogleTagged