ผู้เขียน หัวข้อ: ตกลง งานเมาลิด เป็นที่อนุมัติ หรือไม่ตามหลักการแห่งศาสนา  (อ่าน 13004 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nurihan malaysia

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
การที่คุณรู้ว่าผม โพสรูป hi5 ก็แสดงว่า คุณเข้าไปดู
แล้วที่สำคัญ ผมก็เป็นผู้ชาย ไม่เหมือนผู้ญ แล้วก็ไม่ได้ไปแก้ผ้าอะไรด้วย มีแค่รู้หน้าเฉยๆ รูปที่ถ่ายตอนไปทำฮัจย์ รูปขึ้นเวทีสมัยหนุ่มเอ๊าะๆ
ผมไม่เห็นเลยว่า จะมีผู้ญ คนใด มาดูรูปผมแล้วละเมอเพ้อไปไหน เพราะผมก็ไม่หล่อเหลาอะไรมากมาย  แล้วรูปผมก็ไม่ได้ทำท่าแอ๊บแบ๊ว กะหล่ออะไร แค่มีไว้ให้ดูพอหอมปากหอคอเท่านั้นเอง

อีกอย่าง การพิมว่า หรือ........มันจริงอย่างที่ดิฉันโพสค่ะ ไม่ได้เรียกว่ามีมารยาทหรอกครับ
ถึงผมจะกล่าวอะไรไปบ้าง แต่ผมก็ไม่เคย  กล่าวหา หรือฮุก่มพี่น้อง ให้ไปรับโทษ รับกรรม รับบาป ตกนรก หรอกครับ
ผมไม่ได้ร้อนใจอะไร เพราะคำพูดเหล่านี้มันเหมือนไม่ประสา พวกร้อนใจนั้นมาจากที่อื่น

มันไม่เป็นปัญหาเลยหากเราเสวนากันธรรมดา มีหลักฐานก็ยกมาอ้างอิง เสร็จแล้วก็จบ ไม่ต้องมาต่อความยาวสาวความยืด
ส่วนที่คุณมาที่นี่ได้ คุณก็ยอมรับแล้วว่า มาเพราะมีคนไปโพส มีคนไปโพทนา คุณก็เลยได้มา เห็นไหมว่ามันมีคนแนะนำ ตรงนี้ผมคงไม่ได้ฟิตนะอะไร
อีกประการ การที่คุณมากล่าวว่า ผมเดา หรือ เอาหมอดูมา อะไรเทือกนั้น มันไม่จำเป็นหรอกครับ

เพราะการคบหา การทำความรู้จัก ต้องสร้างความเชื่อใจกันก่อน แสดงความจริงใจกันก่อน
การที่คุณเข้ามาหาพวกเรา แล้วกล่าวทำนอง ให้ไปรับเคราะห์กรรมที่ก่อ เหมือนโยนพี่น้องลงไฟนรก แบบนี้ ผมไม่เรียกว่าการมาแบบ บริสุทธิ์ใจครับ

ซุนนะนบีไม่มีนะครับว่า ให้แช่งพี่น้องมุสลิมด้วยกัน ให้โยนเขาลงไปในไฟนรกก่อน แล้วค่อยตักเตือน หรือค่อยสอนสั่ง...

เอาล่ะๆ ในเมื่อคุณยอมแก้ไข สิ่งที่คุณนำเสนอมา ผมก็จะแก้ไข ของผมด้วย แต่ผมขอเตือน การขอความรู้คน หรือตักเตือนคน ไม่ใช่ว่าด่าทอ แช่งเขาก่อนนะครับ มันไม่มีมารยาท  ( นักวิชาการบางท่านของไทยชอบทำแบบนี้ )
วัสลาม...

เฮ่ะ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือป่าวว่าดิฉันไปเเช่งให้คุณตกนรก
ถ้าเป็นฮาดิส มันเป็นสิ่งที่ท่านนบีบอก ไม่ใช่ดิฉํนบอก หากว่าคุณว่าดิฉับเเช่ง ก็ร่วมไปว่าคุณได้ว่าท่านนบีเช่นกัน
เพราะฮาดิสที่อ้างมานั้นเป็นฮาดิสซิเฮียะใช่ไหม ดิฉันไม่ได้พิมด้วยความรู้สึก เเต่เป็นคำพูดท่านนบีจริงไหมค่ะ
คุณลองไปทบทวนใหม่น่ะค่ะ ว่ามีตอนไหนที่ดิฉันพิมว่า ขอให้คุณตกนรก เกี่ยวกับเรื่องเมาลิด ลองไปทบทวนใหม่ซะ
หากว่าคุณว่าการที่เรายกฮาดิสบทนั้น คุณคิดในเเง่ที่เเช่งคุณเองก็ควรไปตอบกับท่านนบีเองน่ะค่ะ
 
เเละอีกอย่างหากคุณยอมรับไม่ได้เกี่ยวกับฮาดิสบทนั้น คุณก็ไปค้นฮาดิสบทอื่นที่เกี่ยวกับเรื่องบิดอะก็ได้น่ะค่ะ
ที่จริงมันเรื่องเมาลิด พอเราเอาบทความเกี่ยวกับเมาลิดให้อ่านก็ว่าเราจะมาเเสดงความรู้ คุณคิดอะไรอยู่ค่ะ
คนเรามีความเข้าใจที่เเตกต่างกันไม่เห็นเเปลก เเต่พอเราเอาฮาดิส เอาบทความลงมั้ง กลับมาต่อว่าเรา
ไปซาบไปเเช่งซะงั้น
พิจราณาใหม่น่ะค่ะ
ดิฉันเองก็จะพิจราณาตัวเองเช่นกัน
ดิฉันจะค้นบทฮาดิสอีกต่อไป เเล้วจะเอามาให้อ่านน่ะค่ะ
อย่าโกรธ อย่าเคลียด ไม่มีบารอกัดในการสนทนา
วัสลามค่ะ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เพราะเรื่องที่คุณเสวนา เป็นเรื่องคิลาฟิยะ
ปัญหาไม่ได้มีคำตอบเดียว ดังนั้นเราไม่ควรเชื่อปักใจ 100 % ว่าเราถูกทั้งหมด

พวกเราชอบอ้างฮะดิสนบี โดยลืมว่าเรานั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา เราไม่ใช่นบี เราไม่ใช่มะซูม
เรื่องตรงนี้ ลูกศิษย์สายที่บางทีเรียกคณะใหม่ บางทีเรียกวะฮะบี ชอบเอามาอ้างกัน

เช่น

ฮะดิส เกี่ยวกับรับประทานอาหารมือซ้ายว่าเป็นชัยตอน ก็เอามาพูดตอนเขาทำลักษณะเช่นนั้น แน่นอนมันไม่ได้เกินจริงหรอก แต่นัยยะของมันนั้นเขาคนนั้นไม่ใช่ชัยตอน ส่วนที่พูดมาก็จะอ้างว่านบีเป็นคนบอก ไม่ใช่เขา
ซึ่งเขามักจะพูดว่า " เฮ้ย ชัยตอนนี่หว่า !! "  แล้วมาบอกว่านบีบอก

ฮะดิส ทุกลุ่มหลงอยู่ในนรก ก็มาบอกว่าใครทำบิดอะที่เป็น บิดอะด้านศาสนานั้นตกนรกหมด แล้วก็มาบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนบอก แต่นบีเป็นคนบอก
แล้วอย่างไร ต่างกันตรงไหนล่ะ .... ปัญหาคือว่า คนๆ นั้นทำบิดอะอะไร ในเมื่อบิดอะนั้นเป็น ทัศนะของอุลามะ ที่มีหลายฝั่ง
ดังนั้นการต่อทัศนะ แล้วให้ท้ายว่า คนทำตกนรก ก็กลับมาอ้างนบีแทนว่านบีเป็นคนพูด
ซึ่งเขามักจะพูดว่า "ทำบิดอะตกนรก !!" แล้วก็เหมือนเดิมว่านบีบอก

ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ หากผมได้ยินมีคนว่าคุณว่า XXX ( เอาว่าหยาบคาย )
ผมบอกคุณว่า XXX แล้วบอกคน นั้นพูด คุณจะคิดอย่างไร ? แล้วพูดแล้วพูดเล่า พูดซ้ำพูดซ้อน ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ได้เป็นอย่าง XXX หรือเป็นอย่างอื่นก็ได้ หรือเข้าใจผิดกันก็ได้อีก
ส่วนที่ผมไปฟังคนนั้นพูดว่าคุณเป็น XXX แล้วมาเล่าให้คุณฟัง ก็แสดงว่าผมก็อาจจะมีความเชื่อแล้วบ้าง ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ต้องมีแน่นอน อาจจะซัก 1 % ก็คือมีเหมือนกัน

ดังนั้นการที่คุณยกในความเห็นที่มีสองนัยยะ ในเรื่องคิลาฟิยะที่มีหลายทัศนะ แล้วนำเสนอความคิดเหล่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าคุณก็คิดเช่นนั้น
ไม่อย่างนั้นแล้วคุณจะเลือกทัศนะดังกล่าวได้อย่างไร เมื่อคุณเลือกไป ก็หมายถึงคุณเชื่อทัศนะเช่นนั้น แล้วทัศนะเช่นนั้นก็คือ ฮุก่มพี่น้องตกนรก
เรื่องนี้ ไม่ใช่นบีบอก เพราะนบีบอกกว้างๆ ทัศนะอุลามะ ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็น ฮาลาล หรือ ฮารอม ดังนั้นการเลือกทัศนะเช่นนี้จึงถือว่าคุณเลือกที่จะเชื่อว่า ใครทำแล้วตกนรก ไม่ใช่มาอ้างนบี

ส่วนอีกเรื่อง ก็คือ ประโยคนี้แหละที่ผมอยากจะเตือน ประโยคตรงนี้ ที่คุณพิมว่า...
อย่าโกรธ อย่าเคลียด ไม่มีบารอกัดในการสนทนา

คุณกำลังคิดไปเองว่า คนอื่น หรือผม นั้น โกรธ และ เครียด เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะคุณเป็นคนกล่าวมาก่อนน่ะสิ
ยกตัวอย่างประเด็นนี้ง่ายๆ ว่า หากผมฟังคนด่าพ่อของผม ผมก็เลยวิ่งไปชกเขา และในเมื่อผมเห็นมีคนด่าพ่อเพื่อนผม ผมเลยต้องบอกเพื่อนผมว่า อย่าไปชกเขา
กรณีนี้ แสดงให้เห็นว่า ผมคิดว่าเพื่อนผมจะทำเหมือนอย่างเช่นผม หากผมไม่คิดว่าตัวเองจะวิ่งไปชก ผมก็คงไม่เตือน
ตัวอย่างนี้น่าจะทำให้คุณเข้าใจว่า คุณเองคงคิดไปได้ว่า ผม หรือ พี่น้องเขากำลัง โกรธ และ เครียดกัน ซึ่งนั่นเป็นการคิดเอาของคุณ
ไม่มีพี่น้องคนไหนพิม และเตือนมาแบบนั้น ก็เพราะว่าเขาไม่เคยคิดกัน ก็เลยนึกไม่ถึง มันดีแล้วที่คุณเตือนตัวเองด้วย
แล้ว ประโยคดังกล่าวก็เตือนตัวคุณเองด้วยเถิดครับ

เหนียตจริงๆ ของเราไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮฺ
สำคัญที่การแสดงออกต้อง ต้องจริงใจ บริสุทธิ์ใจ ให้เห็นกันได้
มันต่างกันตรงที่หาก คุณจะเตือนใครซักคนแล้วเดินไปตบหัวเขาก่อน แล้วบอกว่าใส่หมวกละหมาดเถอะ เนี่ยเตือนด้วยความหวังดี
ผมคิดว่า การตักเตือนแบบนี้ ไม่ใช่การตักเตือนด้วยความจริงใจ และบริสุทธิ์ สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันอย่างเราๆ เลยครับ

วัสลาม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2008, 02:43 AM โดย Goddut »

ออฟไลน์ nurihan malaysia

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เพราะเรื่องที่คุณเสวนา เป็นเรื่องคิลาฟิยะ
ปัญหาไม่ได้มีคำตอบเดียว ดังนั้นเราไม่ควรเชื่อปักใจ 100 % ว่าเราถูกทั้งหมด

พวกเราชอบอ้างฮะดิสนบี โดยลืมว่าเรานั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา เราไม่ใช่นบี เราไม่ใช่มะซูม
เรื่องตรงนี้ ลูกศิษย์สายที่บางทีเรียกคณะใหม่ บางทีเรียกวะฮะบี ชอบเอามาอ้างกัน

เช่น

ฮะดิส เกี่ยวกับรับประทานอาหารมือซ้ายว่าเป็นชัยตอน ก็เอามาพูดตอนเขาทำลักษณะเช่นนั้น แน่นอนมันไม่ได้เกินจริงหรอก แต่นัยยะของมันนั้นเขาคนนั้นไม่ใช่ชัยตอน ส่วนที่พูดมาก็จะอ้างว่านบีเป็นคนบอก ไม่ใช่เขา
ซึ่งเขามักจะพูดว่า " เฮ้ย ชัยตอนนี่หว่า !! "  แล้วมาบอกว่านบีบอก

ฮะดิส ทุกลุ่มหลงอยู่ในนรก ก็มาบอกว่าใครทำบิดอะที่เป็น บิดอะด้านศาสนานั้นตกนรกหมด แล้วก็มาบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนบอก แต่นบีเป็นคนบอก
แล้วอย่างไร ต่างกันตรงไหนล่ะ .... ปัญหาคือว่า คนๆ นั้นทำบิดอะอะไร ในเมื่อบิดอะนั้นเป็น ทัศนะของอุลามะ ที่มีหลายฝั่ง
ดังนั้นการต่อทัศนะ แล้วให้ท้ายว่า คนทำตกนรก ก็กลับมาอ้างนบีแทนว่านบีเป็นคนพูด
ซึ่งเขามักจะพูดว่า "ทำบิดอะตกนรก !!" แล้วก็เหมือนเดิมว่านบีบอก

ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ หากผมได้ยินมีคนว่าคุณว่า XXX ( เอาว่าหยาบคาย )
ผมบอกคุณว่า XXX แล้วบอกคน นั้นพูด คุณจะคิดอย่างไร ? แล้วพูดแล้วพูดเล่า พูดซ้ำพูดซ้อน ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ได้เป็นอย่าง XXX หรือเป็นอย่างอื่นก็ได้ หรือเข้าใจผิดกันก็ได้อีก
ส่วนที่ผมไปฟังคนนั้นพูดว่าคุณเป็น XXX แล้วมาเล่าให้คุณฟัง ก็แสดงว่าผมก็อาจจะมีความเชื่อแล้วบ้าง ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ต้องมีแน่นอน อาจจะซัก 1 % ก็คือมีเหมือนกัน

ดังนั้นการที่คุณยกในความเห็นที่มีสองนัยยะ ในเรื่องคิลาฟิยะที่มีหลายทัศนะ แล้วนำเสนอความคิดเหล่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าคุณก็คิดเช่นนั้น
ไม่อย่างนั้นแล้วคุณจะเลือกทัศนะดังกล่าวได้อย่างไร เมื่อคุณเลือกไป ก็หมายถึงคุณเชื่อทัศนะเช่นนั้น แล้วทัศนะเช่นนั้นก็คือ ฮุก่มพี่น้องตกนรก
เรื่องนี้ ไม่ใช่นบีบอก เพราะนบีบอกกว้างๆ ทัศนะอุลามะ ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็น ฮาลาล หรือ ฮารอม ดังนั้นการเลือกทัศนะเช่นนี้จึงถือว่าคุณเลือกที่จะเชื่อว่า ใครทำแล้วตกนรก ไม่ใช่มาอ้างนบี

ส่วนอีกเรื่อง ก็คือ ประโยคนี้แหละที่ผมอยากจะเตือน ประโยคตรงนี้ ที่คุณพิมว่า...
อย่าโกรธ อย่าเคลียด ไม่มีบารอกัดในการสนทนา

คุณกำลังคิดไปเองว่า คนอื่น หรือผม นั้น โกรธ และ เครียด เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะคุณเป็นคนกล่าวมาก่อนน่ะสิ
ยกตัวอย่างประเด็นนี้ง่ายๆ ว่า หากผมฟังคนด่าพ่อของผม ผมก็เลยวิ่งไปชกเขา และในเมื่อผมเห็นมีคนด่าพ่อเพื่อนผม ผมเลยต้องบอกเพื่อนผมว่า อย่าไปชกเขา
กรณีนี้ แสดงให้เห็นว่า ผมคิดว่าเพื่อนผมจะทำเหมือนอย่างเช่นผม หากผมไม่คิดว่าตัวเองจะวิ่งไปชก ผมก็คงไม่เตือน
ตัวอย่างนี้น่าจะทำให้คุณเข้าใจว่า คุณเองคงคิดไปได้ว่า ผม หรือ พี่น้องเขากำลัง โกรธ และ เครียดกัน ซึ่งนั่นเป็นการคิดเอาของคุณ
ไม่มีพี่น้องคนไหนพิม และเตือนมาแบบนั้น ก็เพราะว่าเขาไม่เคยคิดกัน ก็เลยนึกไม่ถึง มันดีแล้วที่คุณเตือนตัวเองด้วย
แล้ว ประโยคดังกล่าวก็เตือนตัวคุณเองด้วยเถิดครับ

เหนียตจริงๆ ของเราไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮฺ
สำคัญที่การแสดงออกต้อง ต้องจริงใจ บริสุทธิ์ใจ ให้เห็นกันได้
มันต่างกันตรงที่หาก คุณจะเตือนใครซักคนแล้วเดินไปตบหัวเขาก่อน แล้วบอกว่าใส่หมวกละหมาดเถอะ เนี่ยเตือนด้วยความหวังดี
ผมคิดว่า การตักเตือนแบบนี้ ไม่ใช่การตักเตือนด้วยความจริงใจ และบริสุทธิ์ สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันอย่างเราๆ เลยครับ

วัสลาม...

หากกล่าวถึงฮาดิสเราต้องมีที่มาของตัวบทที่เข้มเเข็งจริงๆเราถึงจะมาอ้างได้
หากเป็นเเค่คำพูดของเรานั้นไม่ต้องพูดถึง
ที่ดิฉันกล่าวมานั้นเป็นฮาดิสค่ะ ไม่ใช่คำพูดพลอยๆของปถุชนอย่างเรา
ฮาดิสที่ชัดเจน เเละเป็นฮาดิสที่ซอเฮียะเท่านั้น หากฮาดิสดออิฟคงไม่ต้องพูดถึง
เอาล่ะ ในเมื่อตัวคุณมาเจาะจงว่าการที่ดิฉันยกฮาดิสที่ว่านั้นเป็นเป็นการที่ดิฉันอ้างไปถึงท่านนบี
ทั้งๆที่มันมีหลักฐาน คุณจะมาอ้างว่าฮาดิสดั่งกล่าวนั้นดิฉันเป็นผู้กล่าวเองกระนั้นหรอ

ดิฉันเองก็ไม่โกรธหรอกน่ะค่ะ เเค่เเอบอมยิ้มว่าทำไมถึงเวปนี้มีการเคลื่อนไหวทุกครั้งที่คลิก
เเฮะๆ รู้สึกชอบเเล้วละซิ เเต่การที่ดิฉันเข้ามานั้นไม่ได้เนียตจะมาตอบโต้หรือมาถกเถียงน่ะค่ะ
เเต่อยากให้เข้าใจถึงสิ่งที่คุ๊กำลังจมปลักอยู่นั้น กับสิ่งที่คุณคิดนั้น มันไม่ตรงกับเนียตที่ดิฉันตั้งเนียตไว้
คุณกล่าวหาดิฉันเเช่งคุณให้ตกนรก ดิฉันก็ไม่ญาฮีลถึงขนาดที่ว่าเอาอำนาจให้สั่งใครตกนรกได้หรอกค่ะ
เเต่นั้นเป็นฮาดิสของท่านนบี คุณลองไปค้นมาอีกทีล่ะกัน ว่าฮาดิสนี้ใครเป็นผู้รายงาน
เเละเป็นฮาดิสที่อยู่ในระดับไหน
ไปค้นมาน่ะค่ะ จะได้ไม่มาปรับปรัม ดิฉันว่าไปเเช่งคนที่ทำ บิดอะให้ตกนรก
เมาลิดเป็นบิดอะ......................................................

ญาซากุมุลลอฮุค็อยร็อนที่ตักเตือนน่ะค่ะ
วัสลาม
ไปนอนได้เเล้วดึกมากเเล้วน่ะค่ะ
เอาเเรงมาพิมพรุ่งต่อดีไหมเอ่ย

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
จะอ้างทำอะไรยาวๆกันนะ สงสารคนเล่นกับมือถือมั่งสิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2008, 08:38 AM โดย admin »
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
เเต่นั้นเป็นฮาดิสของท่านนบี คุณลองไปค้นมาอีกทีล่ะกัน ว่าฮาดิสนี้ใครเป็นผู้รายงาน
เเละเป็นฮาดิสที่อยู่ในระดับไหน
ไปค้นมาน่ะค่ะ จะได้ไม่มาปรับปรัม ดิฉันว่าไปเเช่งคนที่ทำ บิดอะให้ตกนรก
เมาลิดเป็นบิดอะ......................................................

คุณ nurihan malaysia ครับ เรื่องเมาลิดนั้นมันเป็นเรื่องคิลาฟิยะฮ์  ซึ่งอุลามาอ์ส่วนมากระดับอะฮ์ลุลฮะดิษนั้นมีทัศนะว่าอนุญาตให้กระทำได้  เช่น ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ เญาซีย์  ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุฮะญัร อัลอัสเกาะลานีย  ท่านอัลฮาฟิซฺ อัศสะยูฏีย์  ท่านอัลฮาฟิซฺอิบนุนาซิรุดดีน  เป็นต้น ซึ่งพวกเขาเหล่านี้รู้ดีว่าประเด็นใหนลงนรก  ประเด็นใหนไม่ลงนรก  ประเด็นที่ลงนรกนั้นคือต้องเป็นประเด็นที่อิจญ์มาอฺมติแห่งปราชญ์โลกอิสลามว่ามันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ส่วนเรื่องเมาลิดนั้นมิได้ขัดแย้งกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์เลย   เป็นไปได้หรือครับที่นักปราชญ์อะฮ์ลุลฮะดิษเหล่านั้นวินิจฉัย(อิจญ์ติฮาด)ในเรื่องที่ลงนรก  พวกเขาไม่เข้าใจฮะดิษที่ว่า "ทุกบิดอะฮ์นั้นลุ่มหลง ทุกความลุ่มหลงอยู่ในนรก"  ทั้งที่ความจริงนักปราชญ์อะฮ์ลุลฮะดิษย่อมเข้าใจฮะดิษนี้ยิ่งกว่าโต๊ะครูวะฮาบีย์ที่คุณ nurihan malaysia  ยกย่องนับถือปักใจเชื่ออย่างหมดหัวใจเสียอีก

ดังนั้นถ้าหากว่าทุกบิดอะฮ์ตกนรกตามฮะดิษที่คุณ nurihan malaysia ชอบอ้างมานั้น  ก็แสดงว่าอ่านกุนูตก็ตกนรก  ลูบหน้าหลังดุอาก็ตกนรก  ละหมาดฮาญัตก็ตกนรกตามทัศนะของ อ.มุรีด ที่คุณ nurihan malaysia  ไปเสวนาเว็บมุรีดบ่อยและประกาศตนว่าเป็นศิษย์ อ.มุรีด  แต่อย่าลืมว่านักปราชญ์อะฮ์ลุลฮะดิษที่โลกอิสลามได้มีเกียรติและให้การยอมรับพวกเขาเหล่านั้น  ย่อมดีกว่า บรรดาอาจารย์ที่คุณยอมรับเสียอีกน่ะ

มะเร็งขั้นสุดท้ายทำท่าจะรักษาให้กลับมาหายดังเดิมได้ยาก

วัสลาม  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2008, 12:38 PM โดย ญะบัลนูรฺ »
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
จะอ้างทำอะไรยาวๆกันนะ สงสารคนเล่นกับมือถือมั่งสิ

คนเขาคุยกันด้วยเหตุผล มันก็ต้องยาวดิ เขาไม่ได้บังคับให้อ่านทุกกระทู้
กลับมาอ่านตอนมีคอมก็ไม่สาย คนเขาจะคุยกัน แล้วมาว่าเขาทำไมเนี๊ยะ
เขาเข้ามาเรียนรู้ อย่าเอาตัวเราเองเป็นหลัก อิกรอมหนะฝึกไว้

อีกอย่างช่วยพูดให้เพราะๆหน่อย เขาตั้งกระทู้ให้อบรมแล้ว ยังไม่เข้าใจอีกหรอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2008, 10:17 AM โดย admin »

ออฟไลน์ al abdu

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สมาชิกใหม่ครับ รายงานตัวครับ คือว่าที่ตัดสินใจเข้าร่วมมาแลกเปลี่ยนกับพี่น้องเพราะอยากมีข้อมูลเบื้องต้น party:

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ยินดีต้อนรับครับ สุดยอดเลย มารายงานครั้งแรกก็มาที่นี่ทันที
ขอให้เสวนากันต่อไปครับ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam
ขอความกระจ่างว่า เป็นที่อนุมัตไหมว่า การจัดเมาลิด เป็นที่อนุมัตในอิสลาม

ผมทราบมาว่า  มีพี่น้องพยายามให้คุณ nurihan malaysia อ่านลิงค์เกี่ยวกับเมาลิดที่ผมได้นำเสนอไป  แต่คุณบอกว่าไม่อ่านบทความที่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ซึ่งหมายถึงว่า  คุณกำลังบอกว่าเรื่องการทำเมาลิดนั้นขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  แต่สัจธรรมความจริงแล้วคุณเข้าใจผิด  เพราะคุณพูดเหมือนกับว่ามีอัลกุรอานได้ห้ามเรื่องเมาลิดเอาไว้หรือท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามเรื่องเมาลิดเอาไว้หรือสะละฟุศศอลิห์ได้ห้ามเรื่องเมาลิดเอาไว้  แต่ความจริงแล้วอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ และสะละฟุศศอลิห์  ได้ระบุว่าเมาลิดทำได้หรือไม่ได้  พวกเขาไม่ได้กล่าวประเด็นเรื่องเมาลิดเอาไว้เลยว่าทำได้หรือไม่ได้  ดังนั้นเมื่ออัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ได้พูดเรื่องเมาลิดเอาไว้  เราก็อย่าไปกระทำชำเราหรือยัดเยียดหรือแอบอ้างว่าอัลกรุอานและซุนนะฮ์ได้ฮุกุ่มห้ามเรื่องเมาลิด  และเมื่อสะละฟุศศลอิห์เองก็ไม่ได้กล่าวเรื่องนี้เอาไว้  เราก็ไม่ควรไปพูดโพทนาว่าพวกเขาฮุกุ่มห้ามเรื่องการทำเมาลิดหรือใช้ให้ทำเมาลิดในรูปแบบที่นักปราชญ์อะฮ์ลุลฮะดิษและฟิกห์วินิจฉัยจากหลักฐานต่าง ๆ เอาไว้

ดังนั้น  หากคุณบอกว่าเมาลิดขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์โดยตักลีดตามบรรดาคณาจารย์ที่คุณน้อมใจยอมรับ  ผมจึงอยากจะบอกว่า  มันเป็นไปได้หรือที่บรรดานักปราชญ์อะฮ์ลุลฮะดิษ(ปราชญ์ผู้แบกรับฮะดิษมาสู่เรา)ทั้งหลาย  ได้กระทำและวินิจฉัยสิ่งที่ขัดแย้งกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  หรือพวกเขาได้กระทำและวินิจฉัยสิ่งที่ทำให้ต้องตกนรกตามทัศนะของคุณและคณาจารย์ของคุณหรือครับ?

ทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากแห่งโลกอิสลาม มีทัศนะว่าอนุญาตให้ทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)ได้ สามารสรุปได้ดังนี้

1. ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ ابن الجوزى(ปี 597 ฮ.ศ.) , 2. ท่านอบูอัลค๊อฏฏอบ อิบนุ ดิฮฺยะฮ์أبو الخطاب ابن دحية ( ปี 633 ฮ.ศ.) , 3. ท่านอัลหาฟิซฺ อัศสะคอวีย์ الحافظ السخاوي( ปี 634 ฮ.ศ.) , 4. ท่านอบู ชามะฮ์ อาจารย์ของอิมามนะวาวีย์ أبو شامة ( ปี 665 ฮ.ศ.) , 5. ทานอิมาม อันนะวาวีย์ النووي( ปี 676 ฮ.ศ.) , 6. ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ابن تيمية ( ปี 728 ฮ.ศ.) , 7. ท่านอิบนุญะมาอะฮ์ ابن جماعة ( ปี 733 ฮ.ศ.) , 8. ท่านอิบนุ ซัยยิดินนาสابن سيد الناس ( ปี 734 ฮ.ศ.) , 9. ท่าน ตะกียุดีน อัลซุบกีย์ تقي الدين السبكي ( ปี 756 ฮ.ศ.) , 10. ท่านอิบนุกะษีร ابن كثير ( ปี 774 ฮ.ศ.) , 11. ท่านอิบนุรอญับ إبن رجب ( ปี 795 ฮ.ศ.) , 12. ท่านอัลหาฟิซฺ อัลอิรอกีย์الحافظ العراقي ( ปี 806 ฮ.ศ.) , 13. ท่านอิบนุ อัลญัซฺริ ابن الجزري ( ปี 833 ฮ.ศ.) , 14. ท่านอิบนุ นาซิรุดดีน อัดดิมิชกีย์ ابن ناصر الدين الدمشقي( ปี 842 ฮ.ศ.) , 15. ท่านอิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ابن حجر العسقلاني ( ปี 852 ฮ.ศ.) , 16. ท่านอัศสะยูฏีย์ السيوطي ( ปี 911 ฮ.ศ.) , 17. ท่านอัลกุศฏุลลานีย์القسطلاني ( ปี 923 ฮ.ศ.) , 18. ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ อัดดะบีอฺ ابن الدبيع ( ปี 944 ฮ.ศ.) , 19. ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ابن حجر الهيتمي ( ปี 974 ฮ.ศ.) , 20. ท่าน มุลลา อะลีย์ อัลกอรีย์ملا علي القاري ( ปี 1014 ฮ.ศ.) , 21. ท่านมุหัดดิษ อัซซัยยิด อัลกิดตานีย์ อัลหะสะนีย์ الكتانى الحسنى ( ปี 1345 ฮ.ศ.)

คุณ nurihan malaysia ครับ  ปราชญ์เหล่านี้คืออะฮ์ลุลฮะดิษ เป็นนักจำฮะดิษที่ยอมรับในเรื่องเมาลิด  คุณรู้จักพวกเขาไหม? พวกเขาวินิจฉัยโดยขัดแย้งกับอัลกุรอานและฮะดิษกระนั้นหรือ? ทั้งที่พวกเขาคือเป็นผู้มีคุณธรรมและยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์มากกว่า บรรดาอาจารย์ที่คุณเชื่อฟังและนับถือจนหมดใจแบบไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้เลย  ดังนั้นคุณ nurihan malaysia หรือผู้ที่ทัศนะเหมือนกับคุณ nurihan malaysia ควรจะลดทิฐิลงสักนิด  การมีทัศนะทำเมาลิดไม่ได้ก็มิได้หมายความว่าต้องไปข่มขืน คาดคั้นให้คนอื่นต้องไม่ทำเมาลิดหรือไปขู่นรกให้กับพวกเขานะครับ

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2008, 03:13 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
 salam

ผมว่าถ้าหากไม่เข้ามาอ่าน ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมาเสวนากัน


ว่ามั๊ย




แน่นอนกิตาบุ้ลลอฮฺ  และซุนนะหฺที่ถูกต้อง ย่อมเป็นสัจจะธรรม

แต่ความเข้าใจในกิตาบุ้ลลอฮฺและซุนนหฺของบุคคล นั้น ไม่แน่เสมอไป 

ประเด็นแบบนี้มันเป็นเรื่องของความเข้าใจจากตัวบทที่แตกต่างกัน....

แต่ก็ไม่ได้ "หมายรวมว่า" (คำนี้ยืม อ.มุรีดมาใช้) ความเข้าใจจากตัวบทที่แตกต่างจากเราจะหลงทาง ส่วนของเราจะเป็นสัจจะธรรมเสมอไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2008, 03:26 PM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
คุณGoddut  กับคุณ  nurihan malaysia

ค่อยๆกันแกแจะๆกันนะครับแล้วในสิ่งที่เห็นแตกต่างนั้น มันมีข้อคิดอยู่ในนั้น  อีกอย่างน้องเขาเป็นกุลสัตรีนะครับอิๆๆๆ

ออฟไลน์ nurihan malaysia

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
1.มีอิมามในอดีตท่านใดที่บอกว่าเมาลิดเป็นบิดอะฮฺ
1. อิมามอบูหะนีฟะฮฺ เกิดเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 80 เสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 150 อิมามมาลิกเกิดเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 93 และเสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 179 อิมามชาฟิอีย์เกิดเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 150 และเสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 204 อิมามอะหฺมัดเกิดเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 164 และเสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ.ที่ 241 การจัดงานเมาลิดนบีเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ฮ.ศ. 362 ที่ประเทศอียิปต์ผู้ริเริ่มจัดงานเมาลิดครั้งแรกคือท่านสุลฏอนมุอิซลิดีนิลาฮฺ ซึ่งเขาเป็นผู้เลื่อมใสในลัทธิชีอะฮฺฟาฏิมียะฮฺ เมื่อคุณอยากถามได้ถามผมว่า "มีอิมามในอดีตท่านใดที่บอกว่าเมาลิดเป็นบิดอะฮฺ?" คำตอบคืออิมามทั้งสี่มัซฮับไม่ฟัตวาเรื่องเมาลิดนบีนะครับเพราะเขารู้แล้วว่าเมาลิดนบีไม่ใช่เรื่องของศาสนา อีกทั้งงานเมาลิดนบีถูกจัดขึ้นในปี ฮ.ศ.ที่ 362 ซึ่งทั้งสี่อิมามเสียชีวิตไปหมดแล้ว อีกทั้งอุละมาอฺในยุค 300 ปีแรกที่ท่านรสูลสัญญาว่าเป็นยุคที่ดีที่สุดก็เสียชีวิตก่อนการจัดงานเมาลิดนบีครั้งแรกจะเกิดขึ้นเสียอีก นี่ก็แสดงให้เห็นว่า อุละมาอฺในยุค 300 ปีแรก และเป็นอุละมาอฺในกลุ่มสุนนะฮฺวัลญะมอะฮฺไม่มีการจัดงานเมาลิดนบีเลยนะครับ เพราะพวกเขารู้แล้วศาสนาไม่อนุมัติให้จัดงานวันเกิด, อย่างว่าแต่จัดงานวันเกิดให้แก่นบีเลยครับ แม้ว่าจะจัดงานเมาลิดให้แก่ตนเองยังไม่ได้เลยครับ
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 17/11/04 15:43

2.มีอิมามท่านใดในอดีตบอกว่าเมาลิดอนุญาตให้กระทำ ผมถามถึงอิมามทั้งหลายในอตีดเท่านั้นนะครับ ไม่เอาอุลามาอฺสมัยนี้เพราะเมาลิดไม่ได้เพิ่งเกิดสมัยนี้ แต่เกิดสมัยที่ผู้รู้ในอดีตทั้งหลายอยู่ร่วมด้วยจึงอยากทราบรายละเอียดตรงนี้ ส่วนผู้รู้ปัจจุบันนั้นผมทราบแล้วว่ามีทั้งที่บอกว่าได้และไม่ได้ วัสสลาม

คำตอบ


2. ส่วนที่ถามว่า "มีอิมามท่านใดในอดีตบอกว่าเมาลิดอนุญาตให้กระทำ" คำตอบคือไม่มีนะครับ เพราะอิมามทั้งสี่คืออิมามอบูหะนีฟะฮฺ,อิมามมาลิก,อิมามชาฟิอีย์และอิมามอะหฺมัดเสียชีวิตก่อนงานเมาลิดนบีจะถูกจัดขึ้นเสียอีก อย่างว่าแต่อิมามทั้งสี่เลยครับ แม้ว่าอิมามท่านอื่นๆ ที่เป็นที่รู้จักในอดีต เช่นอิมามอิบนุตัยมิยะฮฺ ฯลฯ พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เคยฟัตวา หรือแม้แต่จะเขียนไว้ในตำราของเขาว่าด้วยการอนุญาตให้จัดงานเมาลิดนบีได้นะครับ แม้แต่คนเดียว ขอย้ำว่าแม้แต่คนเดียวนะครับ อนึ่ง ผมแปลกใจอยู่จนทุกวันนี้นะครับ มุสลิมในเมืองไทยอ้างว่าปฏิบัติตามแนวทัศนะของมัซฮับอิมามชาฟิอีย์ แต่อิมามชาฟิอีย์ไม่เคยสั่งหรือเขียนในตำราของท่านว่าด้วยการอนุญาตให้จัดงานเมาลิดนบี แต่มุสลิมที่อ้างว่าตามมัซฮับชาฟิอีย์กลับจัดงานเมาลิดอย่างอย่างกว้างขวาง, ผมงงจริงๆ ครับ ประเด็นต่อมา ผู้ที่ริเริ่มจัดงานเมาลิดนบีคือท่านสุลฏอนมุอิซลิดีนิลาฮฺซึ่งเป็นชีอะฮฺฟาฏิมียะฮฺ, ผมยิ่งงงมากไปอีกนะครับว่า กลุ่มที่อ้างว่าเป็นสุนนะฮฺหรืออ้างว่าไม่ใช่เป็นชีอะฮฺทำไมพวกเขาจึงน้อมรับและสืบสานเจตนารมณ์แนวความคิดของพวกชีอะฮฺได้? ปัจจุบันที่ไปเที่ยวงานเมาลิดนบีก็เลยแยกแยะไม่ออกว่าตนเองกำลังสนับสนุนกิจกรรมหรือนโยบายของกลุ่มลัทธิชีอะ

ออฟไลน์ nurihan malaysia

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด


คำถามที่ : 601
คำถาม : งานเมาลิดกลาง 
ทำไมอาจารย์จึงบอกห้ามไม่ให้ไปงานเมาลิดกลาง ขอเหตุผลหน่อยค่ะ

by: คนอัลอะตีก - คนสุเหร่าเก่า - 22/11/2004 
คำตอบ :

วะอะลัยกุมุสสลามครับคุณคนอัลอะตีก สาเหตุที่ผมบอกว่าไม่ให้ไปเที่ยวงานเมาลิดกลาง (หรือเมาลิดระดับตำบล,ท้องถิ่น หรือจังหวัดก็ตาม) มีดั่งนี้ครับ
1. เป้าหมายของการจัดงานเมาลิดกลางคือ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ท่านนบีมุหัมมัด (  ? ? ? ) ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงเป้าหมายของการจัดงานอย่างชัดเจนว่า เป็นการจัดงานเมาลิดนบีเป็นเรื่องของศาสนา เมื่อการจัดงานเมาลิดเป็นศาสนาก็ต้องไปพิจารณาว่า ตัวบทหลักฐานของศาสนาระบุให้มีการจัดงานเมาลิดหรือไม่? เมื่อไปตรวจสอบก็ปรากฏว่าไม่มีหลักฐานแม้แต่บทเดียวที่ระบุให้มีการจัดงานเมาลิดนบี เมื่อไม่มีแล้วมุสลิมในปัจจุบันก็อ้างว่าเป็นงานศาสนา เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการอุตริกรรมขึ้นใหม่ในศาสนา ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า " ?? ? ?? ?? ??    ?? " ความว่า "บุคคลใดที่อุตริกรรมขึ้นใหม่ในศาสนาซึ่งไม่มีในกิจการงานของเราถือว่าสิ่งนั้นเป็นโมฆะ" (บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม) ท่านรสูลุลลอฮฺยังกล่าวอีกว่า " ?? ? ?? " ความว่า "ทุกๆ บิดอะฮฺถือว่าหลงผิด" (บันทึกโดยอบูดาวูด หะดีษที่ 3991 และติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 2600) เมื่องานเมาลิดนบีเป็นบิดอะฮฺ บุคคลที่ไปออกร้านค้า,บุคคลที่จัดงาน,บุคคลที่ไปเที่ยวงาน หรือบุคคลที่เป็นที่ปรึกษา บุคคลข้างต้นก็คือบุคคลที่มีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่เป็นบิดอะฮฺด้วยนะครับ มีความผิดเหมือนกันทั้งหมดในฐานะเป็นผู้ส่งเสริมงานเมาลิด
 2. บุคคลแรกที่จัดงานเมาลิดนบีคือ สุลฏอนมุอิซลิดีนิลลาฮฺ ซึ่งเขาเป็นชีอะฮฺ โดยจัดครั้งแรกในปี ฮ.ศ.ที่ 362 ที่ประเทศอียิปต์ ซึ่งการจัดงานเมาลิดนบีก็ถูกเผยแพร่ตราบจนทุกวันนี้ รวมถึงเมืองไทยด้วย ฉะนั้นมุสลิมคนใดที่ไปเที่ยวงานเมาลิดนบี ก็เท่ากับว่าเขาได้ส่งเสริมหรือสนับสนุนกลุ่มลัทธิชีอะฮฺนั่นเอง, ผมไม่เห็นเข้าใจเลยนะครับ ชีอะฮฺในเมืองไทยเขียนหนังสือด่าทอบรรดาเศาะหาบะฮฺอย่างสาดเสียเทเสีย รวมถึงท่านหญิงอาอิชะฮฺด้วยซึ่งเป็นภรรยาของท่านรสูลุลลอฮฺ แล้วมุสลิมในเมืองไทยก็ไปเที่ยวงานเมาลิดนบีซึ่งกลุ่มชนที่ก่อตั้งงานเมาลิดนบีนั้นคือกลุ่มชีอะฮฺที่ด่าทอท่านหญิงอาอิชะฮฺและบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ผมไม่ทราบว่าคนที่จัดงานหรือคนที่ไม่เที่ยวงานเมาลิดนบีมีจิตใจที่เดินเที่ยวในงานเมาลิดได้อย่างไรกัน? ข้างบนเวทีก็อ้างว่าสรรเสริญท่านนบี ส่วนร้านหนังสือชีอะฮฺข้างล่างก็ด่าทอภรรยาของท่านนบีและด่าทอบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบีอย่างสาดเสียเทเสีย ! , ผมบอกอีกครั้งหนึ่งว่า ผมมีหน้าที่บอกพี่น้องมุสลิมไม่ให้ไปเที่ยวงานเมาลิดนบีในทุกรูปแบบ วันกิยามะฮฺผมจะตอบกับพระองค์อัลลอฮฺว่าผมทำหน้าที่จนสุดความสามารแล้ว ส่วนผู้ที่จัดงาน,ไปเที่ยวในงาน,ไปออกร้านค้าในงานเมาลิดนบีก็ต้องเตรียมตอบคำถามของพระองค์อัลลอฮฺให้ดีก็แล้วกันว่า ทำไมตนเองจึงไปเที่ยวงานเมาลิดนบี หรือมีส่วนร่วมในงานเมาลิดนบี? สุดท้ายครับ ตราบใดที่งานเมาลิดนบียังไม่เลิกจัด ผมจะพูดและเขียนเพื่อให้พี่น้องมุสลิมรู้ถึงโทษของงานเมาลิดต่อไปโดยไม่เหน็ดเหนื่อย, ส่วนพี่น้องมุสลิมคนใดก็ตามหากรักท่านนบีมุหัมมัดจงอย่าเที่ยงงานเมาลิดนบีนะครับ และการที่มุสลิมไปเที่ยวงานเมาลิดนบีก็เท่ากับว่า ไปสืบสานเจตนารมณ์ของกลุ่มลัทธิชีอะฮฺนะครับ ?? ? ? ?
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 22/11/04 20:35 

ออฟไลน์ nurihan malaysia

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
การจัดงานเมาลิดเป็นทัศนะของท่านอิมามสะญูฏีย์ โดยมีผู้ที่ถามท่านอิมามสะยูฏีย์ว่าด้วยหุก่มการทำเมาลิด ซึ่งท่านอิมามสะยูฏีย์ก็ตอบว่า "ตามทัศนะของฉันนั้น" นี้ก็แสดงให้เห็นว่า ทัศนะของอิมามสะยูฏีย์เกี่ยวกับเรื่องเมาลิดนั้น อนุญาตให้กระทำตามเนื้อหาที่กล่าวมาข้างต้น โปรดพิจารณาเถิดว่า นั่นเป็นทัศนะของท่านอิมามสะยูฏีย์เพียงท่านเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าเราจะนำทัศนะของบรรดานักวิชาการว่าด้วยเรื่องการจัดงานเมาลิดนั้น ยังมีอุละมาอ์อีกมากมายที่ระบุว่าเมาลิดเป็นบิดอะฮฺ ฉะนั้นหากเราจะปฏิบัติอิสลามแล้วยึดทัศนะก็คงไม่จบ เพราะอุลามาอ์มีทัศนะเกี่ยวกับเรื่องเมาลิดหลากหลาย อีกทั้งหากจะยึดทัศนะอุละมาอ์ว่าด้วยเรื่องเมาลิด ทัศนะที่ระบุว่าเมาลิดเป็นบิดอะฮฺมีมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เราจะปฏิบัติศาสนาเราก็ต้องพิจารณาถึงตัวบทจากอัลกุรฺอ่านและหะดีษเป็นหลักก่อนมิใช่หรือ? ดั่งที่ทั้งสี่มัซฮับระบุตรงกันว่า " إذا صح الحديث فهو مذهبي " ความว่า "เมื่อหะดีษบทใดเศาะหี้หฺ นั่นคือมัซฮับของฉัน" ฉะนั้นประเด็นแรกเราจะต้องพิจารณาก่อนว่า อัลกุรฺอานมีกล่าวเรื่องเมาลิดหรือไม่? คำตอบคือไม่มี จากนั้นเราก็พิจารณาจากหะดีษ หรือสุนนะฮฺว่าท่านนบีทำเมาลิดหรือไม่? คือตอบคือไม่มี เอาล่ะมาพิจารณาดูบรรดาเศาะหาบะฮฺว่ากระทำเมาลิดนบีหรือไม่? คำตอบคือไม่ปรากฏว่าเศาะหาบะฮฺแม้แต่คนเดียวที่จัดงานเมาลิดให้แก่ท่านนบี เมื่อไม่มีหลักฐาน เราในฐานะประชาชาติของท่านนบีมุหัมมัดเราก็ปฏิบัติตามท่านนบีและเหล่าบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ไม่เคยจัดงานเมาลิดให้แก่ท่านนบี, จึงสรุปในเบื้องต้นว่า ที่เราไม่จัดงานเมาลิดนบีก็เพราะท่านนบีไม่ได้จัดเมาลิด และบรรดาเศาะหาบะฮฺก็มิได้จัดงานเมาลิดเช่นกัน ส่วนนักวิชาการท่านใดอนุญาตให้จัด หรือหุก่มว่าจัดได้ นั่นเป็นทัศนะของนักวิชาการท่านนั้นๆ แต่ทัศนะของนักวิชาการเหล่านั้นที่ฟัตวาโดยไม่มีหลักฐานนั้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องนำทัศนะข้างต้นมาปฏิบัติหรอกครับ เพราะถือว่าเป็นทัศนะเท่านั้นไม่ใช่ตัวบทหลักฐาน

อนึ่ง อันที่จริงงานเมาลิดเป็นของพวกชีอะฮฺต่างหาก ซึ่งสุลฏอนมุอิซลิดีนิลลาฮฺ เป็นผู้ดำริจัดคนแรก จัดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอิยิปต์ ในปีฮ.ศ. ที่ 362 ดังนั้นการจัดงานเมาลิดจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมุสลิมสุนนีย์เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งนบีมุหัมมัดเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 352 ปีงานเมาลิดนบีจึงถือกำเนิดขึ้นมา ดังนั้นใครที่อ้างว่าการจัดงานเมาลิดนบีเป็นสุนนะฮฺของท่านนบีจึงเป็นสิ่งที่ไร้สาระนั่นเอง
   


วัสลาม

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
ถ้าอย่างนี้  ผมว่าก็ลองพิจารณาดูกันว่า ทัศนะของ บรรดานักวิชาการ ที่ al-azhary ยกมา  กับ ทัศนะของ นักวิชาการ ที่คุณ nurihan malaysia ยกมา

ซึ่งเป็นนักวิชาการสมัยนี้ด้วยกันทั้งคู่ ว่าใครมีน้ำหนักมากกว่ากัน  loveit:

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



 

GoogleTagged