ผู้เขียน หัวข้อ: การทำกุรบานและอะกีเกาะฮ์  (อ่าน 15425 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ yunus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 166
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
การทำกุรบานและอะกีเกาะฮ์
« เมื่อ: พ.ย. 06, 2008, 09:58 PM »
0

 salam

ขอความรู้เรื่องอะกีกะห์และกุรบานหน่อยครับ เช่น ไม่เคยทำอะกีกะห์มาก่อน  จะทำกรุบานเลยได้ไหม
ต้องทำช่วงอายุเท่าไหร่ เป็นวายิบหรือสุนัตในทัศนะของนักปราชย์ทั้ง 4 น่ะครับ ประมาณนี้ครับ
และมันมีความหมายและแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 24, 2011, 10:34 PM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
بسم الله الرحمن الرحيم

اَلْأُضْحِيَةُ

อุดฮียะฮ์ (สัตว์กุรบาน)

ความหมายและหลักฐานการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ :

อุดฮียะฮ์ : คือสัตว์จำพวก อูฐ  วัว  ควาย  แพะ  หรือแกะ  ที่เชือดเพื่อเป็นการนำตนเข้าใกล้ชิดอัลเลาะห์ตาอาลาในวันอีด  ส่วนหลักฐานในการบัญญัติอุดฮียะห์นั้นก็คือ  คำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า

فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَانْحَرْ

"ดังนั้นเจ้าขงละหมาด (อีด) เพื่อองค์อภิบาลของเจ้าและจงเชือด (สัตว์)" (อัลเกาซัร : 2)

ความหมายของคำว่าเชือดในทัศนะของนักวิชาการที่ถูกต้องที่สุดนั้นคือ  เชือดสัตว์อุฮียะห์

และฮะดิษที่บุคอรี (5245) และมุสลิม (1966) ได้รายงานว่า

 قَالَ ضَحَّى النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِكَبْشَيْنِ أَمْلَحَيْنِ فَرَأَيْتُهُ وَاضِعاً قَدَمَهُ عَلَى صِفَاحِهِمَا يُسَمِّي وَيُكَبِّرُ فَذَبَحَهُمَا بِيَدِهِ

"ท่านนบี (ซ.ล.) ได้เชือดสัตว์อุดฮียะห์เป็นแกะสองตัวสีเทามีเขา  ท่านได้เชือดมันทั้งสองด้วยมือของท่านเอง  ท่านได้วางเท้าของท่านลงบนข้างต้นคอของมันทั้งสอง แล้วท่านกล่าวบิสมิลลาห์ฯ และกล่าวตักบีร"
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ฮิกมะห์ในการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ :

สิ่งที่ควรทราบก็คือ  อุดฮียะห์นั้นเป็นอิบาดะห์  และนอกจากการเชือดอุดฮียะห์จะเป็นการยอมจำนนต่อคำบัญชาอัลเลาะห์ตาอาลาในความหมายความเป็น "บ่าว" แล้ว  ในอุดฮียะห์นี้ก็ยังมีฮิกมะห์และประโยชน์อื่น ๆ อีก

ความหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับอุดฮียะห์ก็คือ  เป็นการฟื้นฟูความหมายของการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ท่านนบีอิบรอฮีม (อ.ล.) ได้กระทำไว้ขณะที่อัลเลาะห์ตาอาลาทรงทดลองท่านนบีอิบรอฮีม  โดยมีบัญชาให้เชือดบุตรชายของตน  และต่อมาอัลเลาะห์ก็ได้ไถ่ตัวบุตรชายของเขาด้วยแกะที่พระองค์ได้ประทานลงมา  และมีคำสั่งให้เชือดแกะตัวนั้นแทนบุตรชาย  หลังจากอิบรอฮีมและบุตรชายได้พยายามปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ให้เป็นความจริงอย่างถึงที่สุดแล้ว

และที่เกินไปกว่านั้นก็คือ  เป็นความเอื้อเฟื้อแก่คนยากไร้และคนที่ขัดสน  และทำให้คนในครอบครัวมีความดีใจและปีติยินดีในวันอีด  และเป็นกาเสริมสร้างความผูกพันระหว่างสมาชิกในสังคมมุสลิมให้เกิดความมั่นแน่นเหนียว

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

ข้อกำหนด (ฮุกุ่ม) ของอุดฮียะห์ :

อุดฮียะห์เป็นสุนัตมุอักกะดะห์  แต่อาจกลายเป็นวายิบได้ด้วยสาเหตุสองประการคือ :

หนึ่ง : การที่บุคคลหนึ่ง  ชี้ไปที่สัตว์ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของเขาซึ่งเป็นสัตว์ที่ใช้นำอุดฮียะห์ได้แล้วกล่าวว่า : นี่คืออุดฮียะห์ของฉันหรือกล่าวว่า : ฉันจะใช้สัตว์นี้ทำอุดฮียะห์  เป็นต้น  ดังนั้นเขาก็จำเป็น (วาญิบ) ต้องเชือดสัตว์นั้นทำอุดฮียะห์

สอง : บนบาน (นะซัร) ว่าจะทำอุดฮียะห์  เช่นกล่าวว่า : ข้าพเจ้าทำอุดฮียะห์เพื่ออัลเลาะห์ก็จะกลายเป็นวาญิบเหนือเขา  เช่นเดียวกับการบนบาน (นะซัร) ในอิบาดะห์อื่น ๆ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

ใครที่ถูกกำหนดให้ทำอุดฮียะห์ :

อุดฮียะห์เป็นสุนัตแก่ผู้ที่มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ครบถ้วน :

1. อิสลาม  ดังนั้นผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม  จึงไม่ถูกกำหนดให้ทำอุดฮียะห์

2. บรรลุศาสนภาวะและมีสติปัญญา  ดังนั้นผู้ที่ไม่บรรลุศาสนภาวะและผู้ที่ขาดสติจึงไม่ถูกกำหนดให้ทำอุดฮียะห์

3. มีความสามารถ  และที่จะเรียกว่าเป็นผู้มีความสามารถก็คือ  มีทรัพย์สินที่จะซื้อสัตว์อุดฮียะห์เกินกว่าค่าใช้จ่ายของตนและค่าใช้จ่ายของผู้ที่ตนรับผิดชอบ  ทั้งที่เป็นอาหาร  เคื่องนุ่งห่ม  และที่พักอาศัยในช่วงวันอีดและวันตัชรีก

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

สัตว์ที่ใช้ทำอุดฮียะห์

สัตว์ที่ใช้ทำอุดฮียะห์ได้นั้นต้องเป็น  อูฐ  หรือ  วัว  หรือ  แกะ  หรือ  แพะ  เพราะอัลเลาะห์ตาอาลาทรงตรัสไว้ว่า :

وَلِكُلِّ أُمَّةٍ جَعَلْنَا مَنسَكاً لِيَذْكُرُوا اسْمَ اللَّهِ عَلَى مَا رَزَقَهُم مِّن بَهِيمَةِ الْأَنْعَامِ

"และสำหรับทุกประชาชาตินั้น  เราได้กำหนดศาสนพิธีไว้แล้ว  เพื่อให้พวกเขากล่าวนามของอัลเลาะห์เหนือสิ่งที่พระองค์ได้ประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา  จากจำพวกปศุสัตว์" (อัลฮัจย์ : 34)

และคำว่าปศุสัตว์นั้นก็ไม่พ้นไปจากสัตว์ทั้งสามจำพวกที่กล่าวมาแล้วนั้น  และเพราะไม่เคยมีผู้ใดรายงานจากท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) และซอฮาบะห์ของท่านว่าได้ทำอุดฮียะห์ด้วยสัตว์อื่น

และสัตว์ที่ดีที่สุดในการทำอุดฮียะห์ก็คือ อูฐ รองลงมาได้แก่ วัว และรองลงมาก็ได้แก่ แพะ แกะ

อนุญาตให้ใช้อูฐและวัวหนึ่งตัว  ทำอุดฮียะห์ได้เจ็ดคน  มุสลิม (1318) ได้รายงาน

‏عَنْ ‏ ‏جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ ‏ ‏قَالَ نَحَرْنَا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ عَامَ ‏ ‏الْحُدَيْبِيَةِ ‏ ‏ الْبَدَنَةَ ‏ ‏عَنْ سَبْعَةٍ وَالْبَقَرَةَ عَنْ سَبْعَةٍ ‏
 
จากญาบิร (ร.ด.) ได้กล่าวว่า : "เราได้เชือดพร้อมกับท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ในปีฮุดัยปียะห์  อูฐหนึ่งตัวแก่เจ็ดคน  และวัวหนึ่งตัวแก่เจ็ดคน"

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

เงื่อนไขอุดฮียะห์ :

อายุ : อูฐต้องมีอายุย่างเข้าปีที่หก  วัวและแพะต้องมีอายุย่างเข้าปีที่สาม  ส่วนเงื่อนไขของแกะนั้นต้องมีอายุย่างเข้าปีที่สอง  หรือฟันหน้าร่วงคือผลัพฟันหน้า  แม้อายุยังไม่ถึงกำหนดก็ตาม  เพราะอะห์มัด (2/245) ได้รายงาน

ีعَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ : سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَقُولُ‏ نِعْمَتِ ‏ ‏ الْأُضْحِيَّةُ ‏ ‏ الْجَذَعُ ‏ ‏مِنْ الضَّأْنِ

จากอะบีฮุรอยเราะห์ (ร.ด.) ว่า : ฉันได้ยินท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) กล่าวว่า : "อุดฮียะห์ที่ดีคือแกะที่ผลัดฟันหน้า"

ต้องสมบูรณ์ : เป็นเงื่อนไขของสัตว์ทั้งสามประเภทที่กล่าวมาแล้วว่า : ต้องปลอดจากตำหนิต่าง ๆ ที่เป็นเหตุให้เนื้อลดน้อยลง  ดงนั้นแกะที่ผอม  คือไม่มีไขมันเลยเนื่องจากผอมมาก  และสัตว์ที่ขากะเผลกหรือตาบอด  หรือเป็นโรค  หูแหว่ง  จึงใช้ทำอุดฮียะห์ไม่ได้

เพราะฮะดิษที่รายงานโดยติรมีซีย์ (1497) และว่าเป็นฮะดิษซอเฮียะห์และอะบูดาวูด (2802)

ีعَنِ الْبَراَءِ بْنِ عَازِبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ عَنِ النَّبِيِّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : أَرْبَعٌ لاَ تُجْزِئُ فِي الأَضَاحِي : اَلْعَوْرَاءُ البَيِّنُ عَوَرُهَا وَالْمَرِيْضَةُ الَبَيِّنُ مَرَضُهَا وَالْعَرْجَاءُ الْبَيِّنُ عَرَجُهَا وَالْعَجْفَاُء الَّتِي لاَ تُنْقِيْ

จากอัลบะรออฺ บุตร อาซิบ (ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า : "สัตว์สี่ประเภทใช้ทำอุดฮียะห์ไม่ได้คือ  สัตว์ตาบอดที่อาการบอดของมันแจ้งชัด  สัตว์ที่เป็นโรคที่อาการป่วยของมันปรากฏชัด  สัตว์ขากะเผลกที่ปรากกฏอาการกะเผลกอย่างแน่ชัด  และสัตว์ผมที่ไม่มีไขมัน"

ตำหนิทั้งสี่นี้ใช้เทียบ (กิยาส) กับตำหนิอื่น ๆ ที่ทำให้สัตว์ผมและเนื้อน้อย

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

เวลาเชือดอุดฮียะห์ :

เวลาเชือดอุดฮียะห์  เริ่มตั้งแต่ตะวันขึ้นในวันอีดิ้ลอัดฮา  และผ่านไปช่วงหนึ่งที่พอจะละหมาดสองรอกาอัตและสองคุตบะห์ได้  เวลการเชือดอุดฮียะห์นี้จะยังคงอยู่เรื่อยไปจนถึงตะวันตกในวันสุดท้ายของวันตัชรีก  วันตัชรีกคือวันที่สิบเอ็ด  สิบสอง  และสิบสามของเดือนซุ้ลฮิจยะห์

เวลาที่ดีเลิศสำหรบัการเชือดอุดฮียะห์คือภายหลังละหมาดอีด  และฮะดีษบุคอรี (5225) และมุสลิม (1961) ว่า :

قَالَ النَّبِيُّ ‏ ‏ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏إِنَّ أَوَّلَ مَا نَبْدَأُ بِهِ فِي يَوْمِنَا هَذَا أَنْ نُصَلِّيَ ثُمَّ نَرْجِعَ فَنَنْحَرَ مَنْ فَعَلَهُ فَقَدْ أَصَابَ سُنَّتَنَا وَمَنْ ذَبَحَ قَبْلُ فَإِنَّمَا هُوَ لَحْمٌ قَدَّمَهُ لِأَهْلِهِ لَيْسَ مِنْ ‏ ‏النُّسُكِ ‏ ‏فِي شَيْءٍ

"ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า  แท้จริงสิ่งแรกที่เราได้เริ่มต้นในวันนี้ของเราคือ  เราละหมาด  จากนั้นเรากลับและเชือด  ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติดังกล่าว  เขาก็ทำถูกต้องตามซุนนะห์ของเรา  และผู้ใดเชือดก่อนดังกล่าวนั้น  มันก็เป็นเนื้อที่เขาหยิบยื่นแก่ครอบครัวของเขา  ไม่ช่เป็นพิธีการศาสนาแต่อย่างใด"

คำที่ว่า  "และผู้ใดเชือดก่อนดังกล่าวนั้น"  หมายความว่า  ก่อนเข้าละหมาดอีด  และก่อนที่เวลาจะผ่านพ้นไปเท่ากับช่วงที่จะสามารถละหมาดได้พอในช่วงนั้น  และอิบนุฮิบบาน (1008) ได้รายงานจาก ญุบัยร์ บุตร มุตอิม (ร.ด.) ได้กล่าวว่า : ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ได้กล่าวว่า :

وَكُلُّ أَيَّامِ التَّشْرِيْقِ ذَبْحٌ

"ทุกวันตัชรีกนั้นคือการเชือด"  หมายคความว่าเป็นเวลาเชือด

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

จะปฏิบัติอย่างไรกับอุดฮียะห์  ภายหลังจากเชือดแล้ว :

ถ้าหากอุดฮียะห์นั้นเป็นวาญิบ : โดยการบนบาน (นะซัร) ไว้ หรือโดยการระบุแน่นอนว่าสัตว์ดังนี้จะทำอุดฮียะห์ดังได้อธิบายมาแล้ว  จะไม่อนุญาตให้ผู้ทำอุดฮียะห์  และคนใดในครอบครัวของเขาที่เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้  รับประทานอุดฮียะห์นั้น  ถ้าหากผู้ใดรับประทานส่วนหนึ่งของอุดฮียะห์  ก็จะต้องถูกปรับเท่ากับที่รับประทานไปหรือถูกปรับเป็นราคา

และถ้าหากเป็นอุดฮียะห์ที่สุนัต  ก็อนุญาตให้รับประทานได้ตามแต่เขาต้องการ  โดยจะต้องบริจาคส่วนที่เหลือทั้งหมด  และยอมอนุญาตให้เขารับประทานได้หนึ่งในสามของอุดฮียะห์  และบริจาคหนึ่งในสามให้แก่คนยากจน  และอีกหนึ่งในสามมอบเป็นของขวัญ (ฮะดียะห์) แก่เพื่อน ๆ และเพื่อนบ้านแม้จะเป็นคนรวยก็ตาม  แต่สิ่งที่ให้คนรวยนั้นเป็นของขวัญมีจุดมุ่งหมายที่การรับประทานเท่านั้น  ไม่ยินยอมให้พวกเขานำไปขายแลกเปลี่ยน  ส่วนสิ่งที่ให้แก่คนอยากจนนั้นเป็นการให้ครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์  ซึ่งคนจนอาจใช้รับประทานหรือนำไปจับจ่ายตามความต้องการ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

หลักฐานในเรื่องดังกล่าวคือคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลา  ที่ว่า :

 وَالْبُدْنَ جَعَلْنَاهَا لَكُم مِّن شَعَائِرِ اللَّهِ لَكُمْ فِيهَا خَيْرٌ فَاذْكُرُوا اسْمَ اللَّهِ عَلَيْهَا صَوَافَّ فَإِذَا وَجَبَتْ جُنُوبُهَا فَكُلُوا مِنْهَا وَأَطْعِمُوا الْقَانِعَ وَالْمُعْتَرَّ

"และสัตว์ที่เชือดพลีทาน  เราได้กำหนดให้มันเป็นส่วหนึ่งจากเอกลักษณ์ของอัลเลาะห์เพื่อพวกเจ้า  ในนั้นมีความดีสำหรับพวกเจ้า  ดังนั้นพวกท่านจงกล่าวพระนามของอัลเลาะห์บนมันขณะที่เชือดมัน  โดยให้มันยืนสามขา  และเมื่อสีข้างของมันล้มลงกับพื้น  พวกเจาจงรับประทานบางส่วนของมันและจงให้บริโภคแก่ผู้มักน้อยและผู้ที่เสนอตัวขอ" ( 36 อัลฮัจย์)

และยินยอมให้ผู้ทำอุดฮียะห์  บริจาคหนังสัตว์ของตนได้  หรือเอาไว้ใช้ประโยชน์เองก็ได้แต่ไม่ยินยอมให้ขายหนังสัตว์อุดฮียะห์หรือให้แก่ผู้เชือดสัตว์เป็นค่าจ้างให้การเชือดของเขา  เพราะการดังกล่าวนั้นเป็นการทำให้อุดฮียะห์ลดหย่อน  ซึ่งทำให้อุดฮียะห์มีผลใช้ไม่ได้  และเพราะฮะดีษที่บัยฮะกีได้รายงาน (9/294) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า :

مَنْ بَاعَ جِلْدَ أُضْحِيَتِهِ فَلاَ أُضْحِيَةَ لَهُ

"ผู้ใดขายหนังสืออุดฮียะห์ของตน  ก็ไม่มีอุดฮียะห์สำหรับผู้นั้น"

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

สุนัตและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอุดฮียะห์ :

หนึ่ง : เมื่อเข้าสู่ช่วงสิบวันแรกของเดือนซุ้ลฮิจยะห์  และมีผู้ที่ตั้งใจในช่วงเวลาดังกล่าวว่าจะทำอุดฮียะห์  สุนัตให้เขาปล่อยผมและเล็บไว้จนกว่าจะเชือดอุดฮียะห์  เพราะฮะดีษที่มุสลิม (1977) ได้รายงานจากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า :

إِذاَ رَأَيْتُمْ هِلاَلَ ذِي الحَجَّةِ وَأَراَدَ أَحَدُكُمْ أَنْ يُضَحِّيَ فَلْيُمْسِكْ عَنْ شَعْرِهِ وَأَظَافِرِهِ

"เมื่อพวกท่านเห็นฮิลาลของเดือนซิลฮิจยะห์ และคนใดพวกท่านประสงค์จะทำอุดฮียะห์  ให้เขาปล่อยผมและเล็บไว้"

สอง : สุนัตให้เชือดอุดฮียะห์ด้วยตนเอง  และถ้าหากมีอุปสรรไม่สามารถกระทำเองได้  ก็ให้มาดูการเชือดอุดฮียะห์ด้วย  เพราะฮะดีษที่ฮากิม (4/222) ได้รายงานด้วยสายรายงานที่ซอเฮียะห์ว่า  ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวแก่ฟาติมะห์ (ร.ด.) ว่า :

قُوْمِيْ إِلَيْ أُضْحِيَتِكِ فَاشْهَدِيْهَا فَإِنَّهُ بِأَوَّلِ قِطْرَةِ مَنْ دَمِهَا يُغْفَرُ لَكِ مَا سَلَفَ مِنْ ذُنُوْبِكِ قَالَتْ : يَا رَسُوْلَ اللهِ ، هَذَا لَنَا أَهْلُ البَيْتِ خَاصَّةً ، أَوْ لَنَا ولِلمُسْلِمِيْنَ عَامَّةً ؟ قَالَ بَلْ لَناَ وَلِلمُسْلِمِيْنَ عَامَّةً

"เธอจงลุกขึ้นไปที่อุดฮียะห์ของเธอและดูมัน  เพราะด้วยเหลือดหยดแรกของมัน  เธอจะได้รับการอภัยโทษจากบาปต่าง ๆ ของเธอที่ล่วงมาแล้ว  ฟาติมะห์ได้ถามว่า : โอ้ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ที่ท่านกล่าวนี้เฉพาะพวกเราที่เป็นคนในครอบครัวของท่าน (อะห์ลุลลัยต์) เท่านั้นหรือสำหรับพวกเราและมวลมุสลิมโดยทั่วไป?  ท่านตอบว่า : แต่มันสำหรับพวกเราและมวลมุสลิมโดยทั่วไป"

สาม : เป็นสุนัตแก่ผู้นำมุสลิม  เชือดสัตว์อุดฮียะห์โดยใช้ทรัพย์จากบัยตุ้ลมาลแทนแก่มวลมุสลิม , มุสลิม (1967) ได้รายงานว่า :

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ضَحَّي بِكَبْشٍ وَقَالَ عَنْدَ ذَبْحِهِ :‏ ‏بِاسْمِ اللَّهِ اللَّهُمَّ تَقَبَّلْ مِنْ ‏ ‏مُحَمَّدٍ ‏ ‏وَآلِ ‏ ‏مُحَمَّدٍ ‏ ‏وَمِنْ أُمَّةِ ‏ ‏مُحَمَّدٍ

ท่านนบี (ซ.ล.) ได้ทำอุดฮียะห์ด้วยแกะตัวหนึ่ง  และท่านได้กล่าวขณะเชือดมันว่า  "(บิสมิลลาฮ์  อัลลอฮุ้มม่า  ตะก็อบบัล  มินมุฮัมมัด  วะอาลิมุฮัมมัด  วะอุมมะติมุฮัมมัด) ด้วยพระนามของอัลเลาะห์  ข้าแด่อัลเลาะห์ได้โปรดรับจากมุฮำมัด  วงศ์วานของมุฮำมัด  และจากประชากรของมุฮำมัด"

และสุนัตให้ผู้นำเชือดอุดฮียะห์ ณ สถานที่ละหมาดซึ่งเป็นสถานที่ประชาชนได้มาชุมนุมกันเพื่อละหมาดอีด  และสุนัตให้เชือดด้วยตนเอง  บุคอรีได้รายงานในหนังสือซอเฮียะห์ของเขา (5232)

عَنْ إِبْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ : كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَذْبَحُ وَيَنْحَرُ بِالْمُصَلَّي

"จากอิบนุอุมัร (ร.ด.) ได้กล่าวว่า : "ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้เชือดสัตว์ ณ สถานที่ละหมาด"

อ้างอิงจากหนังสือ : อัลฟิกห์ (นิติศาสตร์อิสลาม) หรือหนังสือ อัลฟิกหุ้ล มันฮะญีย์ ฟิกห์มัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์ แปลโดย ท่านอาจารย์ อ.อรุณ บุญชม (ฮะฟิซ่อฮุลลอฮ์) หน้า 211-215

วัลลอฮุตะอาลาอะลาวะอะลัม

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
بسم الله الرحمن الرحيم

اَلْعَقِيْقَةُ

การทำอะกีเกาะห์

ความหมายและหลักฐานการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ :

อะกีเกาะห์   ตามหลักภาษาอาหรับ  คือ  : เส้นผมที่อยู่บนศีรษะของเด็กขณะที่เกิดมา  และอะกีเกาะห์  ตามความหมายของบทบัญญัติ  คือ : สัตว์ที่ถูกเชือดให้แก่เด็กที่เกิดมาขณะที่โกนศีรษะ (หนังสืออิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน : 2/525)

หลักฐานในการบัญญัติอะกีเกาะห์   คือ  ฮะดีษของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า

‏عَنْ ‏ ‏سَمُرَةَ ‏ ‏قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ الْغُلَامُ ‏ ‏ مُرْتَهَنٌ ‏ ‏ بِعَقِيقَتِهِ ‏ ‏يُذْبَحُ عَنْهُ يَوْمَ السَّابِعِ وَيُسَمَّى وَيُحْلَقُ رَأْسُهُ
 
จากซะมุเราะห์  เขากล่าวว่า  "ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  เด็กจะถูกประกันไว้ด้วยอะกีเกาะห์ของเขา  จะถูกเชือดให้แก่เด็กในวันที่เจ็ด  ถูกตั้งชื่อ  และโกนศีรษะ" รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (1442) ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า  ฮะดิษฮะซันซอฮิห์

อัมร์  บุตร  ชุอัยบ์  ได้รายงานจากบิดาของเขา  จากปู่ของเขาว่า

أَنَّ النَّبِيَّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ أَمَرَ بِتَسْمِيَةِ الْمَوْلُودِ يَوْمَ سَابِعِهِ وَوَضْعِ الْأَذَى عَنْهُ ‏ ‏وَالْعَقِّ

"แท้จริงท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ใช้ให้ตั้งชื่อเด็กในวันที่เจ็ด  คลิบผมเด็ก  และเชือดสัตว์อะกีเกาะห์"  รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (2758)  ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า  ฮะดิษฮะซัน

คำว่า  "เด็กจะถูกประกันไว้ด้วยอะกีเกาะห์ของเขา"  หมายถึง  :  เด็กจะไม่เจริญเติบโตเหมือนเด็กอื่น ๆ ที่ควรจะเป็นนอกจากด้วยการเชือดอะกีเกาะห์  ท่านอัลค็อฏฏอบีได้กล่าวว่า  ความหมายที่ดีที่สุดคือท่านอะห์มัด  บิน  ฮัมบัล  กล่าวว่า  เมื่อไม่เชือดอะกีเกาะห์แก่เด็ก  เขาก็จะไม่สามารถช่วยเหลือบิดามารดาของเขาได้ในวันกิยามะห์ (หนังสือ  มุฆนิ้ลมั๊วะห์ตาจญ์ 6/143 , หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 9/369 , หนังสืออิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/525)
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ฮิกมะห์ในการบัญญัติเรื่องอะกีเกาะห์ :

การทำอะกีเกาะฮ์ยังการสร้างความใกล้ชิดของเด็กที่มีต่ออัลเลาะฮ์ในขณะที่แรกเกิดมาดูโลก  สามารถแก้พันธนาการของเด็กมีความสามารถช่วยเหลือบิดามารดาของเขาได้ในวันกิยามะห์  อีกทั้งแสดงความปีติยินดีที่ชีวิตหนึ่งที่มีความศรัทธาได้ลืมตาดูโลกดุนยา  ทำให้ประชากรของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพิ่มทวีคูณยิ่งขึ้นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า  ยิ่งกว่านั้นการจัดเลี้ยงอะกีเกาะห์ยังถักทอความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นไปในสังคม  มีความเอื้ออาทรและลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวย   ดังนั้นความบารอกัตสิริมงคลก็จะบังเกิดขึ้นต่อครอบครัวผู้ที่ทำอะกีเกาะห์อย่างแท้จริงนั่นเอง

ท่านอิมามอัลค่อฏีบกล่าวว่า "การทำอะกีเกาะห์ก็เพื่อขอบคุณเนี๊ยะมัตของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ได้ประทานบุตรมาให้  และเป็นการแสดงความยินดีและขยายวงศ์ตระกูล" (หนังสือ  มุฆนิ้ลมั๊วะห์ตาจญ์ 6/143 , หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 9/369 , หนังสืออิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/525)

ข้อกำหนด (ฮุกุ่ม) ของอะกีเกาะห์ :

การทำอะกีเกาะห์เป็นซุนนะฮ์มุอักกะดะฮ์  หรือซุนนะฮ์มักซูดะฮ์  คือซุนนะฮ์ที่มีเป้าหมายเหมือนกับการทำอุดฮียะห์  เพราะเป้าหมายของอุดฮียะห์นั้นเพื่อเลี้ยงแขกทั่วไป   ส่วนการทำอะกีเกาะห์เพื่อเลี้ยงแขกเฉพาะคนใกล้ชิด  เพราะฮะดีษระบุว่า

ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

مَنْ وُلِدَ لَهُ وَلَدٌ فَأَحَبَّ أَنْ ‏ ‏يَنْسُكَ ‏ ‏عَنْهُ ‏ ‏فَلْيَنْسُكْ ‏ ‏عَنْ الْغُلَامِ

"ผู้ใดที่ถูกกำเหนิดบุตรให้แก่เขา  แล้วเขาชอบที่จะทำอะกีเกาะห์แก่เด็ก  ดังนั้นเขาก็จงทำเถิด"  รายงานโดยอะบูดาวูด (2459) 

แต่อะกีเกาะห์อาจกลายเป็นวายิบด้วยสาเหตุสองประการ  คือ :

หนึ่ง : การที่บุคคลหนึ่งได้ชี้ไปที่สัตว์ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของเขาซึ่งเป็นสัตว์ที่นำมาทำอะกีเกาะห์ได้  แล้วกล่าวเจาะจงว่า : นี้คือสัตว์อะกีเกาะห์แก่บุตรของฉันหรือกล่าวว่า : ฉันจะใช้สัตว์นี้ทำอะกีเกาะห์  เป็นต้น  ดังนั้นเขาก็จำเป็น (วาญิบ) ต้องเชือดสัตว์นั้นทำอะกีเกาะห์

สอง : บนบาน (นะซัร ) ว่าจะทำอะกีเกาะห์  เช่นกล่าวว่า : ข้าพเจ้าทำอะกีเกาะห์เพื่ออัลเลาะฮ์ก็จะกลายเป็นวายิบเหนือเขา  (หนังสือตั๊ะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 9/382 , หนังสืออะอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/526 , หนังสือฮาชียะห์อัลบาญูรีย์ 2/314)
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 07, 2008, 01:18 PM โดย al-azhary »
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

ใครที่ถูกกำหนดให้อะกีเกาะห์ :

สุนัตแก่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กให้ใช้ทรัพย์ส่วนตัวทำอะกีเกาะห์ให้แก่บุตรหากมีความสามารถ  และสุนัตให้แม่ของลูกซินาทำอะกีเกาะห์แก่บุตรของนาง  แต่ให้ทำแบบลับ ๆ เพราะเกรงว่านางจะถูกดูหมิ่น   ส่วนกรณีที่บิดามารดาของบุตรไม่มีความสามารถทำอะกีเกาะห์แก่บุตรได้  ก็อนุญาตให้ผู้เป็นปู่ทำอะกีเกาะห์ให้แก่ผู้เป็นหลาน  สำหรับการทำอะกีเกาะห์นั้นต้องใช้ทรัพย์สินของผู้รับผิดชอบเลี้ยงดู  มิใช่นำทรัพย์สินของผู้เป็นบุตรมาทำอะกีเกาะห์เพราะการทำอะกีเกาะห์นั้น   เป็นการบริจาคทรัพย์ให้แก่เด็ก (หนังสือ  มุฆนิ้ลมั๊วะห์ตาจญ์ 6/144 , หนังสืออิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/525 , 2/527)

และถือว่าเป็นการดีสำหรับการทำอะกีเกาะห์ให้แก่ตนเอง  เพราะท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เคยเชือดอะกีเกาะห์เพื่อแสดงความยินดีแก่วันเกิด(เมาลิด)ของตัวท่านเอง  ดังที่มีฮะดีษระบุว่า

إِنَّ النَّبِيَّ صَلّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَقَّ عَنْ نَفْسِهِ بَعْدَ النُبُوَّةِ

"แท้จริงท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ทำอะกีเกาะห์แก่ตัวท่านเองหลังจากเป็นนบี" รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์ (19056)

ท่านอิบนุฮะญัร  อัลฮัยตะมีย์  ได้กล่าวว่า  "ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวว่า  ฮะดิษนี้ฏออีฟซึ่งเหมือนกับว่าท่านได้ทำการตำหนิฮะดิษโดยตามท่านอัลบัยฮะกีย์  แต่ความจริงมิใช่เป็นเช่นนั้นในทุกสายรายงานของฮะดิษ  เพราะฮะดิษนี้ได้รายงานอะห์มัด , อัลบัซซาร , อัฏฏ็อบรอนีย์ , ด้วยหลายสายรายงานด้วยกัน  ซึ่งท่านอัลฮาฟิซฺนูรุดดีน อัลฮัยตะมีย์  ได้กล่าวในบางสายรายงานว่า  บรรดานักรายงานฮะดิษนี้ซอฮิห์นอกจากมีเพียงหนึ่งท่านที่ษิเกาะห์(เชื่อถือได้" หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 9/371) ยิ่งกว่านั้นอัลบานีย์เองก็ยังตัดสินว่าฮะดิษดังกล่าวซอฮิห์  ดู : หนังสืออัซซัลซิละห์อัศศ่อฮีฮะห์  ฮะดิษที่ (2726)

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

สัตว์ที่ใช้ทำอะกีเกาะห์ :

ที่สมบูรณ์น้อยสุดนั้นคือสุนัตให้ทำอะกีเกาะห์แก่เด็กผู้ชายด้วยแกะสองตัว และเด็กผู้หญิงด้วยแกะหนึ่งตัว  เพราะมีหะดิษของท่านหญิงอาอิชะฮ์  ความว่า :

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏أَمَرَهُمْ عَنْ الْغُلَامِ شَاتَانِ ‏ ‏مُكَافِئَتَانِ ‏ ‏وَعَنْ الْجَارِيَةِ شَاةٌ

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ใช้ให้พวกเขา(ทำอะกีเกาะห์)แก่เด็กผู้ชายแกะสองตัวเท่า ๆ กัน  และแก่เด็กผู้หญิงหนึ่งตัว"  รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (1433)  อัตติรมีซีย์กล่าวว่า  ฮะดิษฮะซันซอฮิห์

อย่างน้อยสุดถือว่าได้ปฏิบัติตามหลักเดิมของซุนนะฮ์นั้นแล้วด้วยการทำอะกีเกาะห์แกะหนึ่งตัวให้แก่เด็กชาย

ท่านอิบนุอับบาส  กล่าวว่า

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏عَقَّ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏الْحَسَنِ ‏ ‏وَالْحُسَيْنِ ‏ ‏كَبْشًا كَبْشًا ‏

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ทำอะกีเกาะห์แก่อัลฮะซันและอัลฮุซัยน์คนละหนึ่งตัว" รายงานโดยอะบูดาวูด (2458)  ฮะดิษซอฮิห์

ที่ดีเลิศแล้ว  แกะเจ็ดตัว  เช่นเดียวกันนี้  คืออูฐหนึ่งตัว (เท่ากับเจ็ดส่วน) หรือวัวหนึ่งตัว (เท่ากับเจ็ดส่วน)  ดังนั้นหากเชือดอูฐหรือวัวแทนจากเด็กเจ็ดคน  หรือมีกลุ่มหนึ่งร่วมหุ้นส่วนด้วยในอูฐหรือวัวนั้น  ก็อนุญาตให้กระทำได้  ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดมีความต้องการที่จะทำอะกีเกาะฮ์(จากเจ็ดส่วนนั้น) หรือพวกเขาต้องการทำอะกีเกาะฮ์บางส่วนและอีกบางคนต้องการเนื้อเท่านั้น(ก็ เป็นที่อนุญาตให้กระทำได้) ดังที่ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวไว้  (หนังสือมุฆนิ้ลมั๊วะห์ตาจญ์ 6/114 , หนังสือบุชรออัลกะรีม 2/130)

พี่น้องบางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไม อูฐและวัวถึง แบ่งได้เจ็ดส่วน  กล่าวคือ  หากเป็นแกะหรือแพะ ถือว่าเท่ากับหนึ่งส่วนเพราะตัวมันเล็ก  ส่วนอูฐหรือวัว จะมีเนื้อมากกว่า  ซึ่งมากกว่าแกะและแพะถึง 7 เท่า  ฉะนั้นแกะหรือแพะจึงคิดเท่ากับ 1 ส่วน  และอูฐกับวัวคิดเท่ากับ 7 ส่วน

ดังนั้น  หากต้องการจะทำอะกีเกาะฮ์ให้บุตร 7 คน   ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์  กล่าวฟัตวาไว้ว่า  "ที่ดีเลิศแล้ว  ให้ทำอะกีเกาะฮ์ ด้วย แกะเจ็ดตัว  หากไม่มีก็อูฐหนึ่งตัว  หากไม่มีอูฐก็วัวหนึ่งตัว  หลังจากนั้นแพะชนิดมีขน (เจ็ดตัว)  หลังจากนั้นแพะชนิดมีขนน้อย (เจ็ดตัว)  หลังจากนั้นหุ้นส่วนร่วมกันในตัวอูฐ  หลังจากนั้นหุ้นส่วนร่วมกันในวัวหนึ่งตัว" หนังสือ ตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะตาจญ์  9/371

การหุ้นส่วนในอูฐหรือวัวนั้น  กล่าวคือเป็นที่ทราบกันดีกว่า  อูฐและวัว มีค่าเท่ากับเจ็ดส่วน (ของแกะหรือแพะ)  หากมีคนหนึ่งต้องการจะเชือดอูฐหรือเชือดวัว  เรามีบุตรอยู่สองคน  ก็อนุญาตให้เราไปบอกเจ้าของ อูฐหรือวัว นั้นว่า  ขอหุ้นเนื้อสองส่วน สำหรับทำอะกีเกาะฮ์บุตรสองคน เป็นต้น  แล้วเราก็จ่ายค่าเนื้อสองส่วนนั้นให้กับเจ้าของอูฐหรือวัวก่อนเชือด  และให้ผู้ทำการเชือดเหนียตทำอะกีเกาะฮ์สองส่วนให้กับบุตรทั้งสองของตน
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

 

GoogleTagged