salam
อย่างนี้การที่เราพึ่งเข้ารับอิสลามก็ต้องค่อย เป็นค่อยไปในการศึกษาซิ....เพราะเดี๋ยวจะกลายว่าเป็นวาฮาบีย์.....เพราะที่อ่านอยู่ก็หนังสือหะดีษเศาะเฮี๊ย,บุคอรีย์และมุสลิม.....แล้วก็อัลกรุอ่านแปลไทยจากนักเรียนเก่าอาหรับ....
แล้วจะรู้ได้ไงว่าเราตามมัรฮับไหน....
..
วัลลอฮฺฮุอะลัม................
ส่วนที่คุณ Drem กล่าวว่า
"อย่างนี้การที่เราพึ่งเข้ารับอิสลามก็ต้องค่อย เป็นค่อยไปในการศึกษาซิ....", ใช่ครับ ไม่เฉพาะแต่คนที่เพิ่งรับอิสลามหรอกครับ แม้แต่คนที่เป็นมุสลิมเอง ก็สมควรที่จะต้องศึกษาอิสลามอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน ทีละขั้นตอนไป แต่จำต้องศึกษาเรื่อยๆ ตลอดไป เพราะอิสลามนั้น คือการเรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในแปลจนกระทั่งเข้าหลุมศพ
และส่วนที่ว่า
"เพราะเดี๋ยวจะกลายว่าเป็นวาฮาบีย์.....เพราะที่อ่านอยู่ก็หนังสือหะดีษเศาะเฮี๊ย,บุคอรีย์และมุสลิม.....แล้วก็อัลกรุอ่านแปลไทยจากนักเรียนเก่าอาหรับ....แล้วจะรู้ได้ไงว่าเราตามมัรฮับไหน.... วัลลอฮฺฮุอะลัม................" นั้น, แท้จริงบรรดาอุละมาอ์ส่วนใหญ่จะสังกัดมัฑฮับใดมัฑฮับหนึ่งในเรื่องฟิกฮฺกัน และการอ่านศ็ฮี๊หฺบุคอรีย์ หรือมุสลิม หรือหนังสือหะดีษอื่นๆ นั้น ไม่ได้ทำให้เป็นวะฮาบีย์แต่ประการใด ไม่เกี่ยวข้องด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอแนะนำคุณ Drem ว่า ไม่สมควรอ่าน หรือศึกษาหะดีษข้างต้น หรือแม้แต่ความรู้ใดๆ ทางศาสนาโดยลำพังด้วยตัวเอง โดยไม่มีครูที่ค่อยเป็นผู้ชี้แนะถูกผิดแก่เรา เพราะเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราฟัง อ่าน และเข้าใจเกี่ยวกับหะดีษ หรือความรู้อื่นๆ ทางศาสนา จะสอดคล้องและตรงกับครรลองที่บรรดาปวงปราชญ์เขาได้เข้าใจกัน หากไม่มีครูผู้คอยชี้แนะแก่เรา
เราอย่าลืมว่า ณ วันนี้ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้อยู่กับเรา แต่ท่านก็ได้ทิ้งอัลกุรฺอานและอัลหะดีษไว้แก่เรา เพื่อเป็นทางนำในเรื่องศาสนา และท่านก็กล่าวเองว่า บรรดาปวงปราชญ์นั้นคือทายาทแห่งปวงศาสดา ดังนั้น การศึกษาหาความรู้จากบรรดาอุละมาอ์ที่ทรงความรู้ โดยเฉพาะจากบรรดาอิมามมัฑฮับทั้งสี่นั้น ซึ่งถือเป็นปราชญ์ที่โลกอิสลามให้การยอมรับอยู่แล้ว ก็ยิ่งเป็นการสมควรที่เราจะต้องศึกษาความเข้าใจในเรื่องศาสนาจากการวินิจฉัยและตรวจสอบของบรรดาทายาทแห่งนบีย์ ศ็อลฯ เหล่านี้ - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม