ผู้เขียน หัวข้อ: ประเทศอาหรับตั้งหลายประเทศที่ล้อมอยู่ ทำไม่ช่วยอะไรได้สักอย่าง  (อ่าน 8565 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฮุ้นปวยเอี๊ยง

  • رَبِّ زدْنِيْ عِلْماً
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 994
  • เพศ: ชาย
  • وَارْزُقْنِيْ فَهْماً
  • Respect: +116
    • ดูรายละเอียด

แค่ อิสราเอล ประเทศเดียว ที่อยู่ท่ามกลาง กลุ่มประเทศอาหรับ ทำไมช่วยอะไรไม่ได้แม่สักนิดเดียว  الله اكبر

ผมไม่เข้าใจอ่ะน่ะ ช่วยอธิบายให้ผมหน่อย ทำไมพวกเขานิ่งนอนใจ กันจัง.   งง  งง  งง

แล้วอย่างนี้จะได้เข้าสวรรค์ได้อย่างไร


لَا يُؤْمِنُ أَحَدُكُمْ حَتَّى يُحِبَّ لِأَخِيهِ مَا يُحِبُّ لِنَفْسِهِ


“คน ใดคนหนึ่งในพวกเจ้าจะไม่ได้รับเป็นผู้ศรัทธา จนกว่าเขาจะรักพี่น้อง(มุสลิม)ของเขาเหมือนอย่างที่เขารักตัวเขาเอง” (รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม)



ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ใช่ น่าคิดนะ แต่อาจจะมีเหตุผลหลายอย่างเช่น ไม่มีปัจจัยเพียงพอที่จะแสดงออกโดยการกระทำที่หนักๆ ผมคิดว่าถ้าเป็นการประท้วงเหมือนบ้านเราก็คงจะมีเกลื่อนทุกที่แหละ แต่ถ้าจะให้รุมถล่มอิสราเอลเลยมันคงยังทำไม่ได้ เพราะยังเกี่ยวพันกับผลประโยชน์อย่างอื่นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เขาจะทำอะไรก็คงคิดหน้าคิดหลังแล้วล่ะ ถ้าคนที่เป็นผู้นำประเทศนั้นอาเดลมากพอ

ก็ไม่รู้เหมือนกัน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

       เพราะระบบคอลีฟะฮ์ไม่มีในปัจจุบัน  และขาดแคลนผู้นำนักต่อสู้ในปัจจุบันที่มีอะกีดะฮ์หรืออีหม่านตามแนวทางของซอฮาบะฮ์อย่างเช่น  ซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบี  ท่านนูรุดดีนอัซซังกีย์  และท่านมุฮัมมัด ฟาติห์  จอมทัพแห่งโลกอัลอิสลาม

       ดังนั้นเมื่อความเป็นเอกภาพในเชิงรูปธรรมในโลกมุสลิมไม่เกิด  อิสราเอลก็ยังคงได้อะไรได้ตามใจชอบ

แต่ก็นึกถึงฮะกัมบทหนึ่งครับ  ที่ได้สะท้อนถึงคำตอบอย่างง่ายๆ ต่อคำถามข้างบน  ซึ่งมีดังนี้ 

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3302.0

อย่าสงสัยในสัญญาของอัลเลาะฮ์(บทเรียนฮิกัม)

       และพระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِن تَنصُرُوا اللَّهَ يَنصُرْكُمْ وَيُثَبِّتْ أَقْدَامَكُمْ

       "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย หากพวกเจ้าสนับสนุน (ศาสนาของ) อัลลอฮ์พระองค์ก็จะทรงสนับสนุนพวกเจ้าและจะทรงตรึงเท้าของพวกเจ้าให้มั่นคง" มุฮัมมัด 7

       ดังนั้น ผู้คนมากมายที่อ่านผ่านบรรดาอายะฮ์ต่าง ๆ เหล่านี้ พวกเขาก็ทราบดีว่าคำสัญญาต่าง ๆ ที่อัลเลาะฮ์ทรงให้คำมั่นไว้นั้น มีให้แก่บรรดามุสลิมีนที่ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์ และเมื่อพวกเขาได้พิจารณ์ใคร่ครวญ ก็จะพบว่า คำสัญญาต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์นั้น ส่วนมากยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ บรรดามุสลิมมีนส่วนใหญ่มิได้มีชีวิตที่ดีตามที่อัลเลาะฮ์ทรงสัญญาไว้ และพวกเขาก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน พวกที่อธรรมกลับลอยนวลอยู่อย่างสุขสบาย และคอยริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น โดยที่อัลเลาะฮ์ก็มิได้ทรงทำลายพวกเขาตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้

       อะไรคือพื้นฐานหลักที่ทำให้เกิดสาเหตุดังกล่าว?

       พื้นฐานที่ทำให้เกิดสาเหตุดังกล่าวก็คือ ทุกครั้งที่มนุษย์ห่างไกลจากอัลเลาะฮ์ จมปลักอยู่กับเรื่องราวของดุนยา สิทธิต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ที่พึงมีต่อเขานั้นจะลดน้อยลงไปจากจิตใจ และความอยากปรารถนาและความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของเขานั้น บางครั้งก็เห็นว่ามันเป็นสิทธิของอัลเลาะฮ์ที่พึงประทานให้แก่เขา

วัสลาม
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

สรุปอัลเลาะฮ์จะช่วยเหลือบรรดามุสลิมีนตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้  แต่มุสลิมในปัจจุบันทำตามสัญญาของพระองค์แล้วหรือยังเท่านั้นเอง
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เห็นภาพแล้วปวดใจมากที่มุสลิมต้องตกอยู่ในความยากลำบาก
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คู่มือมุอ์มินในภาวะวิกฤตและศึกสงคราม

ดร. อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา : เขียน
อนิส สุลัยมาน : ถอดความ
กอง บก. อิกเราะอ์ : ตรวจทาน



بسم الله الرحمن الرحيم


الحمد لله رب العالمين، والصلاة والسلام على نبينا محمد وعلى آله وصحبه ومن سار على نهجه واتّبع سنته، أما بعد:

กฎเกณฑ์อย่างหนึ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้บนโลกนี้คือมนุษย์ทุกคนต้องประสบกับการทดสอบด้วยการเผชิญกับความอธรรมหรือความทุกข์ยากที่เกิดจากการข่มเหงรังแกของฝ่ายอธรรมหรือเผชิญกับศัตรูที่คอยมาระราน ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะบุคคล กลุ่มองค์กรหรือประเทศ ทั้งที่เกิดขึ้นโดยตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ศรัทธามั่นต่อเอกองค์อัลลอฮฺ และรับเอาอิสลามเป็นระบอบการดำเนินชีวิต

ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงได้สอนวิธีการป้องกันพร้อมกับประทานอาวุธแก่ประชาชาติมุสลิมเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวในการเผชิญกับวิกฤตและความเป็นศัตรูของผู้อธรรมด้วยการกล่าวซิกรุลลอฮฺให้มากๆ ด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความยำเกรงต่อพระองค์ พร้อมกับวิงวอนขอดุอาอ์ต่อพระองค์ด้วยบทดุอาอ์ที่นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านได้ถือปฏิบัติอย่างเป็นนิจ ทั้งในละหมาดและนอกเวลาละหมาด
เนื่องจากมีพี่น้องหลายคนได้ขอให้ข้าพเจ้ารวบรวมบทดุอาอ์ที่มีรายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพื่อพวกเขาจะได้ยึดปฏิบัติ โดยหวังว่าจะได้รับการคุ้มครองจากอัลลอฮฺ พร้อมกับให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับบรรดาศรัทธาชนในการดำรงชีวิตที่เปี่ยมด้วยความหมายของคำว่า การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ เพราะการซิกิรฺ (รำลึกถึงอัลลอฮฺ) นั้นเป็นอาภรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับศรัทธาชนและเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกสถานการณ์โดยเฉพาะในภาวะที่ต้องเผชิญกับวิกฤตและศึกสงคราม

และนี่คือ "คู่มือมุอ์มินในภาวะวิกฤตและศึกสงคราม" ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมไว้อย่างรีบเร่ง ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอัลลอฮฺทรงรับและประทานความจำเริญในงานชิ้นนี้ และดลใจให้พี่น้องผู้ศรัทธาทุกคนยึดปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยการวิงวอนขอดุอาอ์ต่อพระองค์ด้วยดุอาอ์นี้ พร้อมกับได้รับความคุ้มครองจากพระองค์และมีชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลาย...อามีน

وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحبه وسلم،
سبحان ربك رب العزة عما يصفون وسلام على المرسلين، والحمدلله رب العالمين


การเตรียมตัวในการเผชิญ กับวิกฤตและศึกสงคราม

 
แก่นแท้ของซิกิรฺและดุอาอ์

 
การกล่าวซิกิรและซอบัรฺ(อดทนอดกลั้น)

 
จุดยืนของมุสลิมต่อศึกสงคราม

 
ดุอาอ์เมื่อกลัวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือผู้กดขี่

 
ดุอาอ์เมื่อรู้สึกลำบากใจและตกทุกข์

 
ดุอาอ์เมื่อต้องเผชิญกับศัตรู

 
ดุอาอ์เพื่อขอให้ศัตรูพ่ายแพ้

 
ดุอาอ์กุนูตนาซิละฮฺในละหมาด



ดาวน์โหลด ฉบับเต็มได้ที่  :   http://www.islamhouse.com/p/190882



ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 1  การเตรียมตัวในการเผชิญ กับวิกฤตและศึกสงคราม

เนื่องจากแก่นแท้ของชีวิตผู้ศรัทธานั้นคือการทดสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 นี้ การอธรรมของยิวไซออนิสต์สากลที่ได้ร่วมมือกับคริสเตียนและสมุนของพวกเขาในการวางแผนชั่วเพื่อทำลายล้างประชาชาติมุสลิมทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ
ในการเผชิญกับวิกฤตแห่งมหาภัยพิบัติอันเกิดจากความอธรรมของยิวไซออนิสต์และคริสเตียนสากลนี้ มุสลิมและมุสลีมะฮฺทุกคนจำเป็นต้องเก็บตุนเสบียงแห่งอีมานหรือการศรัทธาของพวกเขา พร้อมกับยกระดับการตักวา ด้วยการมอบกิจการต่างๆของพวกเขาต่อพระองค์อัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียวด้วยวิธีต่อไปนี้ :

1. เพิ่มความเข้าใจที่ถ่องแท้เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตแบบอิสลามจากอัลกุรอานและสุนนะฮฺโดยอาศัยการอธิบายของอุละมาอ์ที่ได้รับการยอมรับ

2. ตั้งเจตนาญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺใหม่ที่ปราศจากการตั้งภาคีและลำพองตน

3. ขยันหมั่นเพียรในการทำอิบาดะฮฺด้วยความบริสุทธิ์ใจ และสอดคล้องกับแบบอย่างของท่าน รสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อลัยฮิ วะซัลลัม โดยปราศจากสิ่งอุตริและแปลกปลอม

4. สร้างความเชี่ยวชาญให้กับตัวเองด้วยความรู้ที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน ทั้งด้านการบริหาร การจัดการและการเป็นเคาะลีฟะฮฺบนแผ่นดิน

5. ตื่นตัวอยู่เสมอพร้อมกับศึกษาค้นคว้าให้ลึกซึ้งและเฉลียวฉลาดต่อแผนการล่อลวงของพวกไซออนิสต์ผู้เป็นศัตรูของอัลลอฮฺ และพันธมิตรของพวกเขาจากบรรดามุชริกีนและมุนาฟิกีน

6. ดำเนินการดะอฺวะฮฺเชิญชวนผู้นำกลุ่มต่างๆและคนทั่วไปสู่สัจธรรมอิสลามด้วยความอิคลาสและวิทยปัญญา พร้อมทั้งอธิบายและชี้แจงถึงความประเสริฐของอิสลามแก่ทุกฝ่าย ด้วยสื่อต่างๆ ที่ได้ผลและมีประโยชน์

7. หมั่นวิงวอนขอดุอาอ์ด้วยคำดุอาอ์ที่มะอ์ษูรฺจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม หรือดุอาอ์ที่ควรแก่การตอบรับ(มุสตะญาบ)พร้อมทั้งอ่านกุนูตนาซิละฮฺอย่างสม่ำเสมอในละหมาดฟัรฎูทั้ง 5 เวลา ทุกครั้งที่เกิดเกิดวิกฤตกับประชาชาติอิสลาม

8. หมั่นอ่านบทซิกิรฺอย่างสม่ำเสมอ ตามแบบอย่างที่ถูกต้องและได้ถูกบัญญัติไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวบทหรือวิธีการอ่าน โดยเฉพาะอัลกุรอานอย่างน้อย 1 ญุซฺอ์ ต่อวัน สวดขอพร(วิริด)หลังละหมาด อัซการฺนาบาวีย์ เช้า-เย็น ตามสุนนะฮฺของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม  และหมั่นขอดุอาอฺในทุกเวลาและสถานการณ์

9. ฟื้นฟูจิตวิญญาณแห่งการรักใคร่ในหมู่พี่น้องมุสลิมและวิญญาณแห่งการช่วยเหลือแบบญะมาอะฮฺระหว่างศรัทธาชนทั้งหลาย โดยไม่คำนึงถึงกลุ่ม มัซฮับ เชื้อชาติและภาษา ในการปฏิบัติหน้าที่การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ตามความสามารถของแต่ละคนด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับเหตุการณ์และสถานการณ์

10. หมั่นบริจาคทรัพย์สินเงินทองในหนทางของอัลลอฮฺให้มาก ด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมและหวังในผลตอบแทนจากอัลลอฮฺ รวมทั้งฟื้นฟูสถานวากัฟต่างๆ

11. หลีกเลี่ยงและงดใช้บริการผลิตภัณฑ์ของชาวยิวและคริสต์ โดยเฉพาะสิ่งที่หะรอมต้องห้ามเครื่องประดับ อุปกรณ์ต่างๆที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย ตลอดจนร้านค้า อาหาร และเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยส่วนประกอบที่หะรอมและคลุมเครือ(ชุบฮาต)และจงเพียงพอกับสิ่งที่หะลาลจากผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ

12. อดทนเพื่ออัลลอฮฺให้มาก พร้อมทั้งมอบกิจการของเราต่ออัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว ด้วยการมุนาญาต(การอิบาดะฮฺด้วยการละหมาดและวิงวอน)ต่ออัลลอฮฺในยามค่ำคืนให้มาก
 

บทที่ 2 แก่นแท้ของซิกิรฺและดุอาอ์
ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวความว่า : "การขอดุอาอ์นั้นเป็นอิบาดะฮฺ" แล้วท่านก็อ่านอายะฮฺ
«وَقَالَ رَبُّكُمُ ادْعُوْنِي أَسْتَجِبْ لَكُمْ، إِنَّ الَّذِيْنَ يَسْتَكْبِرُوْنَ عَنْ عِبَادَتِي سَيَدْخُلُوْنَ جَهَنَّمَ دَاخِرِيْنَ» (غافر : 60)
ความว่า "และพระเจ้าของพวกท่านได้ตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อข้าเถิด แล้วข้าจะตอบรับคำวิงวอนของพวกเจ้า ส่วนบรรดาผู้โอหังต่อการเคารพภักดีแก่ข้านั้น พวกเขาจะต้องเข้าไปอยู่ใน นรกญะฮันนัมในสภาพที่ต่ำต้อย" (สูเราะฮฺ ฆอฟิรฺ : 60) (บันทึกโดย อบูดาวูด, อัต-ติรมิซีย์ ดู เศาะหีหฺ อัต-ตัรฆีบ : 1627)

ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวความว่า :
“ไม่มีสิ่งใดที่มีเกียรติใน ทัศนะของอัลลอฮฺเหนือกว่าการขอดุอาอ์ของบ่าวต่อพระองค์” (หะสัน บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 3429)

ท่านมุอาซ บิน ญะบัล กล่าวความว่า:
“ไม่มีสิ่งใดที่จะปกป้องคนหนึ่งๆจากการลงโทษของอัลลอฮฺดีไปกว่าการซิกิรต่ออัลลอฮฺ” (อัต-ติรมิซีย์ 2437)

พึงทราบเถิดว่า แก่นแท้ของการซิกิรฺและความลับของการขอดุอาอ์นั้นคือการกล่าวคำขอดุอาอ์และซิกิรฺของผู้ใดผู้หนึ่ง ที่สามารถเสริมสร้างจิตใจของเขาในด้าน :
1. การยอมรับในเอกภาพ(เตาฮีด)ของอัลลอฮฺ โดยไม่ตั้งภาคีกับสิ่งใดๆ กับพระองค์
2. การมอบตน(ตะวักกัล)ต่ออัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว
3. เพียงพอพร้อมกับเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺทรงเคียงข้างบ่าวที่ขอดุอาอ์ต่อพระองค์เสมอ
4. เพียงพอและเชื่อมั่นต่อการคุ้มครองและความช่วยเหลือของอัลลอฮฺเท่านั้น ไม่ว่าในดุนยาหรืออาคิเราะฮฺ

ดังนั้นผู้ใดที่ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺด้วยความรู้สึกดังกล่าว ก็หมายความว่าดุอาอ์ของเขาจะถูกตอบรับอย่างแน่นอน ไม่ว่าในโลกดุนยาหรืออาคิเราะฮฺ และผู้ใดที่ยังไม่มีความรู้สึกดังกล่าวในจิตใจ ก็หมายความว่าเขายังมิได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลฮฺอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าลิ้นของเขาจะเปียกแฉะด้วยการกล่าวบทดุอาอ์ที่มากมาย ไม่ว่าจะในหรือนอกละหมาด
ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวความว่า:
“พวกท่านจงขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺด้วยความเชื่อมั่นต่อการตอบรับของพระองค์ และพึงทราบเถิดว่า อัลลอฮฺจะไม่ทรงตอบรับดุอาอ์จากจิตใจที่หลงลืมและไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” (หะสัน บันทึกโดย อะหฺมัด 3/17 อัต-ติรมิซีย์ 3545)

ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวความว่า :
“ดุอาอ์นั้นเป็นประโยชน์ต่อ สิ่งที่ได้ประสบกับบ่าวคนหนึ่งและสิ่งที่ยังไม่ใด้ประสบกับเขา ดังนั้นโอ้บ่าวของอัลลอฮฺจงหมั่นขอดุอาอ์เถิด” (หะสัน บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ อัล-หากิม ดู เศาะหีหฺ อัต-ตัรฆีบ 1634)

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวความว่า :
“ไม่มีมุสลิมคนใดที่ขอดุอาอ์ด้วยดุอาอ์ที่ไม่เป็นบาปและไม่มีการตัดสัมพันธ์กัน นอกจากอัลลอฮฺจะทรงประทานหนึ่งในสามประการแก่เขา :
1. พระองค์จะทรงประทานตามที่เขาขอทันที
2. หรือพระองค์จะทรงเก็บมันไว้เพื่อมอบให้แก่เขาในวันอาคิเราะฮฺ
3. หรือพระองค์จะทรงคุ้มครองเขาจากความชั่วร้ายที่เท่าเทียมกับดุอาอ์ที่เขาได้ขอไว้
บรรดาเศาะหาบะฮฺกล่าวขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นเราจะขอดุอาอ์ให้มากๆ” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็กล่าวว่า “ความกรุณาของอัลลอฮฺมีมากกว่านั้นอีก” (หะสัน เศาะหีหฺ ดู เศาะหีหฺ อัต-ตัรฆีบ 1633)
 
 
 

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 3 การกล่าวซิกิรและซอบัรฺ(อดทนอดกลั้น)
จงฟังเถิดคำสั่งของอัลลอฮฺที่ว่า
«يَا أَيُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوْا إِذَا لَقِيْتُمْ فِئَةً فَاثْبُتُوْا وَاذْكُرُوْا اللهَ كَثِيْرًا لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُوْنَ. وَأَطِيْعُوْا اللهَ وَرَسُوْلَهُ وَلاَ تَنَازَعُوْا فَتَفْشَلُوْا وَتَذْهَبَ رِيْحُكُمْ وَاصْبِرُوا إِنَّ اللهَ مَعَ الصَّابِرِيْنَ»
ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าเผชิญกับศัตรูกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จงยืนหยัดและจงรำลึกถึงอัลลอฮฺมากๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ และจงเชื่อฟังอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์และจงอย่าขัดแย้งกัน เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าเพลี่ยงพล้ำและทำให้ความเข้มแข็งของพวกเจ้าหมดไป และจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเคียงข้างบรรดาผู้อดทน” (สูเราะฮฺ อัล-อันฟาล 45-46)

ส่วนหนึ่งของเนื้อหาซิกิรหลักๆ สำหรับมุอ์มินคือ
1. วิริดอัลกุรอาน กล่าวคืออ่านอัลกุรอานทุกๆวัน พร้อมกับคำนึงถึงความหมาย (ตะดับบุร)อย่างน้อย 1 ญุซอ์ ต่อวัน ซึ่งจะทำให้อ่านอัลกุรอานจบเล่ม 1 ครั้ง ในทุกๆ เดือน

 2. หมั่นอ่านวิริดมะอฺษูเราะฮฺ กล่าวคือ อ่านวิริดหลังละหมาดห้าเวลา ซึ่งประกอบด้วยซิกิรและดุอาอ์ ตามเนื้อหาและวิธีของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อลัยฮิ วะซัลลัม

3. หมั่นอ่านอัซการฺ นะบะวียะฮฺ กล่าวคืออ่านอัซการฺ(บทซิกิร)ที่มาจากท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ในช่วงเช้าและช่วงเย็น ซึ่งจะมีประโยชน์มหาศาลและมีคุณค่าแก่ผู้อ่าน ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ

4. กล่าวซิกิรต่ออัลลอฮฺในทุกอิริยาบท ตามเนื้อหาและวิธีของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม พร้อมด้วยเจตนาที่อิคลาสเพื่ออัลลอฮฺและดำเนินตามแบบอย่างของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม ดังที่ท่านหญิงอาอิซะฮ์ได้กล่าวว่า : “ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม จะกล่าวซิกิรต่ออัลลอฮฺในทุกอิริยาบถของท่าน” (หะสัน เฆาะรีบ บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 3444)

และพึงทราบเถิดว่า การซิกิรต่ออัลลอฮฺนั้นเป็นคุณลักษณะของจิตใจที่แสดงออกด้วยการกล่าวด้วยลิ้นและวิถีการดำเนินชีวิต .. วัลลอฮฺ อะอฺลัม


บทที่ 4 จุดยืนของมุสลิมต่อศึกสงคราม

1. ตั้งเจตนาเพื่อญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ อยู่ตลอดเวลา มุสลิมต้องตั้งเจตนาเพื่อจะญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวความว่า:
“ผู้ใดที่ตายในขณะที่เขายังไม่เคยต่อสู้(ญิฮาด)และไม่เคยมีเจตนาในใจว่าจะต่อสู้ เท่ากับว่าเขาได้ตายบนส่วนหนึ่งของนิฟาก(ความกลับกลอก)” (มุสลิม 1910)

2. อย่าใฝ่ฝันที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูและจงขอดุอาอ์ให้แผ้วผ่านจากสิ่งนั้น
ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้ห้ามประชาชาติของท่านไม่ให้ใฝ่ฝันที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวความว่า:
“พวกท่านจงอย่าใฝ่ฝันที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู และจงขอความปลอดภัยต่ออัลลอฮฺ แต่เมื่อพวกท่านต้องเผชิญหน้ากับศัตรู(อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้) พวกท่านจง(เผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยความ)อดทน และพึงทราบเถิดว่าสวรรค์นั้นอยู่ใต้ร่มเงาของคมดาบ(คือการตายในสมรภูมิรบ)” (มุตตะฟัก อลัยฮฺ อัล-บุคอรีย์ 1810 มุสลิม 1742)

3. ส่งเสริมให้ตายชะฮีด การตายชะฮีดคือการตายของมุสลิมคนหนึ่งด้วยการถูกฆ่าโดยศัตรูของอัลลอฮฺ(ไม่ว่าจะเป็นกาฟิร หัรบียฺ หรือพันธมิตรของพวกเขา)ในสภาพที่เขาตั้งเจตนาเพื่อญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ไม่ว่าจะตายในสนามรบหรือนอกสนามรบก็ตาม
ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวความว่า:
“ผู้ใดขอดุอาอ์เพื่อให้ตายชะฮีดด้วยความบริสุทธิ์ใจ แน่นอนเขาจะถูกประทาน(ฐานะหรือตำแหน่งของ)คนที่ตายชะฮีด ถึงแม้ว่า(ตามผิวเผินแล้ว)เขาไม่ได้ตายชะฮีด(ในสนามรบ)” (มุสลิม 1908) และในอีกรายงานหนึ่งมีความว่า “ถึงแม้ว่าเขาจะตายบนเตียงนอนก็ตาม” (มุสลิม 1909)

ดังนั้นบรรดาสะลัฟจึงมักจะวิงวอนขอดุอาอ์ด้วยบทดุอาอ์ของท่านอุมัรที่ว่า :
اَللّٰهُمَّ ارْزُقْنِي الشَّهَادَةَ فِي سَبِيْلِكَ
ความว่า : “โอ้อัลลอฮฺ!ได้โปรดประทานการตายชะฮีดในหนทางของพระองค์แก่ฉันด้วยเถิด” (กัชฟุลเคาะฟาอ์ 539)


 
บทที่ 5 ดุอาอ์เมื่อกลัวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือผู้กดขี่
เมื่อคนใดคนหนึ่งรู้สึกกลัวต่อความชั่วร้ายของผู้อธรรมหรือการกดขี่ของกลุ่มชนหนึ่ง ทั้งที่เป็นผู้นำและบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะถ้าคนเหล่านั้นเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา และเมื่อเขาถูกอธรรมหรือกำลังถูกวางแผนเพื่อที่จะปฏิบัติอธรรมต่อเขา ก็ให้เขารำลึกอยู่เสมอว่า อัลลอฮฺนั้นทรงโกรธกริ้วผู้อธรรมและทรงช่วยเหลือผู้ถูกอธรรมเสมอ ดังนั้นจงตักวาต่ออัลลอฮฺเถิดพร้อมทั้งมอบตนต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว แน่นอนเขาจะปลอดภัยในดุนยาและอาคิเราะฮฺ ส่วนหนึ่งของคำดุอาอ์ที่ส่งเสริมให้อ่านเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าวคือ
حَسْبُنَا اللهُ وَنِعْمَ الْوَكِيْلُ
ความว่า : “อัลลอฮฺเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับ(การพึ่งพิงของ)เรา และพระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลที่ดีที่สุด” (อัล-บุคอรีย์ 5/172)

اَللّٰهُمَّ رَبَّ السَّمَوَاتِ السَّبْعِ، وَرَبَّ الْعَرْشِ الْعَظِيْمِ، كُنْ لِي جَارًا مِنْ ... (فُلاَنٍ بْنِ فُلاَنٍ) ... وَأَتْبَاعِهِ مِنْ خَلْقِـكَ مِنَ الْجِنِّ وَالإِنْسِ أَنْ يَفْرُطَ عَلَيَّ أَحَدٌ مِنْهُـمْ، أَوْ أَنْ يَطْغٰى، عَزَّ جَارُكَ، وَجَلَّ ثَنَاؤُكَ، وَلاَ إِلٰهَ غَيْرُكَ
ความว่า: “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน…พระผู้ทรงอภิบาลแห่งเจ็ดชั้นฟ้าและทรงควบคุมอัรซฺ(บัลลังค์)อันยิ่งใหญ่ โปรดอยู่เคียงข้างและคอยปกป้องฉันจาก ...(ระบุชื่อและชื่อสกุลหรือบิดาของเขา) ... และพรรคพวกของเขาจากสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ทั้งที่เป็นญินและมนุษย์ เพื่อไม่ให้คนใดจากพวกเขาสามารถทำอธรรมต่อฉันหรือกดขี่ฉัน ผู้ที่พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างนั้นมีเกียรติ การสดุดีพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์" (จากอิบนุ มัสอูด ในเศาะหีหฺ อัล-อะดับ อัล-มุฟร๊อด 545)

اَللهُ أَكْبَرُ، اَللهُ أَعَزُّ مِنْ خَلْقِهِ جَمِيْعًا، اَللهُ أَعَزُّ مِمَّا أَخَافُ وَأَحْذَرُ، أَعُوْذُ بِااللهِ الَّذِي لاَإِلٰهَ إِلاَّ هُوَ، الْـمُمْسِكُ السَّمَوَاتِ أَنْ يَقَعْنَ عَلَى الأَرْضِ إِلاَّ بِإِذْنِهِ مِنْ شَرِّ عَبْدِكَ ... وَجُنُوْدِهِ وَأَتْبَاعِهِ وَأَشْيَاعِهِ مِنَ الْجِنِّ وَالإِنْسِ. اَللّٰهُمَّ كُنْ لِي جَارًا مِنْ شَرِّهِمْ، جَل ثَنَاؤُكَ، وَعَزَّ جَارُكَ، وَتَبَارَكَ اسْمُكَ، وَلاَ إِلٰهَ غَيْرُكَ
ความว่า: “อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ อัลลอฮฺผู้ทรงมีเกียรติเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง อัลลอฮฺทรงมีเกียรติเหนือสิ่งที่ฉันกลัวและเกรงขาม ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงยับยั้งบรรดาฟากฟ้ามิให้ตกลงมาบนพื้นดิน ยกเว้นด้วยการอนุมัติจากพระองค์ จากความชั่วของบ่าวพระองค์(ระบุชื่อผู้อธรรม) กองทหาร พันธมิตรและผู้สนับสนุนของเขา(พร้อมกับให้พุ่งจิตไปยังพวกเขาเหล่านั้น)จากหมู่ญิน และมนุษย์. โอ้อัลลอฮฺ! โปรดอยู่เคียงข้างฉันและคอยปกป้องฉันจากการอธรรมของพวกเขา การสดุดีของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก ผู้ที่พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเขานั้นมีเกียรติยิ่ง พระนามของพระองค์นั้นจำเริญยิ่ง และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์” (กล่าว 3 ครั้ง) (เศาะหีหฺ จากคำพูดของอิบนุ อับบาส ดู เศาะหีหฺ อัล-อะดับ อัล-มุฟร๊อด 546)
 
اَللَّهُمَّ إِنَّا نَجْعَلُكَ فِي نُحُوْرِهِمْ وَنَعُوْذُ بِكَ مِنْ شُرُوْرِهِمْ
ความว่า: โอ้ พระผู้อภิบาลของฉัน! แท้จริงพวกเราขอให้พระองค์ทรงจัดการกับพวกเขา(พร้อมกับพุ่งจิตไปยังคนที่เรากลัวต่อการอธรรมของเขา) และเราขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายของพวกเขา” (ให้ระลึกถึงศัตรูหรือผู้อธรรมด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในความเกรียงไกรของอัลลอฮฺ) (เศาะหีหฺ บันทึกโดย อบู ดาวูด 2/89 อัล-หากิม 2/142)

لاَ إِلٰهَ إِلاَّ اللهُ الْحَلِيْمُ الْحَكِيْمُ، سُبْـحَانَ اللهِ رَبِّ السَّمٰوَاتِ السَّبْعِ وَرَبِّ الْعَرْشِ الْعَظِيْمِ، لاَ إِلٰهَ إِلاَّ أَنْتَ، عَزَّ جَارُكَ ، وَجَلَّ ثَنَاؤُكَ
ความว่า: “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺผู้ทรงอ่อนโยน ทรงเฉลียวฉลาด มหาบริสุทธิ์อัลลอฮฺ เจ้าผู้อภิบาลแห่งฟากฟ้าทั้งเจ็ด ผู้อภิบาลของอัรช์อันยิ่งใหญ่ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ที่พระองค์ทรงเคียงข้างนั้นมีเกียรติยิ่ง การสดุดีของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก” (อิบนุส สุนนีย์ 347)

«عَلَى اللهِ تَوَكَّلْنَا، رَبَّنَا لاَ تَجْعَلْنَا فِتْنَةً لِلْقَوْمِ الظَّالِمِيْنَ وَنَجِّنَا بِرَحْمَتِكَ مِنَ الْقَوْمِ الْكَافِرِيْنَ»
ความว่า: “พวกเราขอมอบหมาย(กิจการของเราแด่พระองค์เท่านั้น โอ้ผู้อภิบาลของพวกเรา) ได้โปรดอย่าทำให้พวกเราเป็นเหยื่อแห่งภัยพิบัติของกลุ่มชนผู้อธรรม และได้โปรดให้เราปลอดภัยจาก(การอธรรมของ) กลุ่มชนผู้ปฏิเสธศรัทธา ด้วยความปรานีของพระองค์” (สูเราะฮฺ ยูนุส อายะฮฺ ที่ 85-86)
 
 
 

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 6 ดุอาอ์เมื่อรู้สึกลำบากใจและตกทุกข์

يَاحَيُّ يَا قَيُّوْمُ بِرَحْمَتِكَ أَسْتَغِيْثُ، يَاذَا الْجَلاَلِ وَالإِكْرَامِ
ความว่า: “โอ้อัลลอฮฺผู้ทรงชีพและผู้ทรงควบคุมดูแล ด้วยความเมตตาของพระองค์เท่านั้นที่ฉันขอความช่วยเหลือ โอ้อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงมีเกียรติ” (กล่าวซ้ำให้มากๆ) (หะสัน บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 3593, 3594)

سُبْحَانَ اللهِ الْعَظِيْمِ، يَا حَيُّ يَا قَيُّوْمُ
ความว่า: “มหาบริสุทธ์ โอ้อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ โอ้อัลลอฮฺผู้ทรงชีพและผู้ทรงควบคุมดูแล” (เฆาะรีบ บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 3498)

لاَ إِلٰهَ إِلاَّ أَنْتَ، سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنْتُ مِنَ الظَّالِمِيْنَ
ความว่า : “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์มหา บริสุทธ์พระองค์ แท้จริงฉันเป็นหนึ่งในหมู่ชนผู้อธรรม” (กล่าวให้มากๆ) (เศาะหีหฺ บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 3/168)

اللهُ، اللهُ رَبِّي لاَ أُشْرِكُ بِهِ شَيْئًا
ความว่า : “อัลลอฮฺ อัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันจะไม่ตั้งภาคีใดๆกับพระองค์” (อบู ดาวูด 2/87  เศาะหีหฺ อิบนิ มาญะฮฺ 2/335)

لاَ إِلٰهَ إِلاَّ اللهُ الْعَظِيْمُ الْحَلِيْمُ، لاَ إِلٰهَ إِلاَّ اللهُ رَبُّ الْعَرْشِ الْعَظِيْمِ، لاَإِلٰهَ إِلاَّ اللهُ رَبُّ السَّمٰوَاتِ وَالأَرْضِ وَرَبُّ الْعَرْشِ الْكَرِيْمِ
ความว่า: “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอ่อนโยน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ ผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ ผู้อภิบาลแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน และผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์ที่ทรงเกียรติ” (มุตตะฟักอลัยฮฺ อัล-บุคอรีย์ 7/154 มุสลิม 4/2092)

اَللّٰهُمَّ رَحْمَتَكَ أَرْجُوْ فَلاَ تَكِلْنِي إِلَى نَفْسِي طَرْفَةَ عَيْنٍ، وَأَصْلِحْ لِي شَأْنِي كُلَّهُ، لاَ إِلٰهَ إِلاَّ أَنْتَ
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! ความเมตตาของพระองค์เท่านั้นที่ฉันหวัง ดังนั้นขอพระองค์ทรงโปรดอย่าปล่อยให้ฉันควบคุมดูแลตัวฉันตามลำพังแม้เพียงพริบตาเดียว และได้โปรดปรับปรุงแก้ไขสภาพชีวิตทั้งหมดของฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์” (เศาะหีหฺ บันทึกโดย อบู ดาวูด 3/959 อะหมัด 5/42)

اَللّٰهُمَّ إِنِّي عَبْدُكَ وَابْنُ عَبْدِكَ وَابْنُ أَمَتِكَ، نَاصِيَتِي بِيَدِكَ، مَاضٍ فِيَّ حُكْمُكَ، عَدْلٌ فِيَّ قَضَاؤُكَ، أَسْأَلُكَ بِكُلِّ اسْمٍ هُوَ لَكَ، سَمَّيْتَ بِهِ نَفْسَكَ، أَوْ أَنْزَلْتَهُ فِي كِتَابِكَ، أَوْ عَلَّمْتَهُ أَحَدًا مِنْ خَلْقِكَ، أَوِ اسْتَأْثَرْتَ بِهِ فِي عِلْمِ الْغَيْبِ عِنْدَكَ، أَنْ تَجْعَلَ الْقُرْآنَ رَبِيْعَ قَلْبِي، وَنُوْرَ صَدْرِي، وَجَلاَءَ حَزْنِي، وَذَهَابَ هَمِّيْ
ความว่า: “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! แท้จริงฉันเป็นบ่าวของพระองค์ เป็นลูกของบ่าวชายของพระองค์และเป็นลูกของบ่าวหญิงของพระองค์ กระหม่อมของฉันอยู่ในมือของพระองค์ กำหนดการของพระองค์แก่ฉันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การตัดสินของพระองค์ต่อฉันนั้นยุติธรรม ฉันขอวิงวอนต่อพระองค์ด้วยพระนามทั้งหมดของพระองค์ที่พระองค์ทรงครอบครองมัน ทั้งที่พระองค์ทรงใช้เรียกขานพระองค์เอง หรือพระองค์ทรงประทานลงในคัมภีร์ของพระองค์ หรือพระองค์ทรงสอนแก่คนใดคนหนึ่งจากบ่าวของพระองค์ หรือพระองค์ทรงเก็บมันไว้ในความรู้ที่เกี่ยวกับสิ่งซ้อนเร้น(เฆาะอิบ)เฉพาะพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดทำให้อัลกุรอานเป็นธารน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงใจของฉัน เป็นแสงประทีปที่คอยส่องอกฉัน เป็นสิ่งที่ขจัดความยากลำบากแก่ฉันและเป็นสิ่งที่ลบล้างความเสียใจของฉัน” (อะหมัด 1/391, 452 อิบนุ หิบบาน 2372)


บทที่ 7 ดุอาอ์เมื่อต้องเผชิญกับศัตรู

ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวความว่า :
“ดุอาอ์สองชนิดที่ไม่เคยถูกปฏิเสธหรือน้อยครั้งที่ถูกปฏิเสธ นั่นคือขณะตกอยู่ในความยากลำบากและขณะเกิดวิกฤตการต่อสู้ระหว่างพวกหนึ่งกับอีกพวกหนึ่ง” (หะสัน เศาะหีหฺ บันทึกโดย อบู ดาวูด 3/21)

ส่วนหนึ่งของดุอาอ์ที่ส่งเสริมให้อ่านยามที่เผชิญหน้ากับศัตรูผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา คือ

«رَبَّنَا اغْفِرْلَنَا ذُنُوْبَنَا وَإِسْرَافَنَا فِي أَمْرِنَا وَثَبِّتْ أَقْدَامَنَا وَانْصُرْنَا عَلَى الْقَوْمِ الْكَافِرِيْنَ»
ความว่า: “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ! โปรดประทานความอดทนอย่างล้นเหลือแก่พวกเรา และโปรดทำให้ของพวกเรายืนหยัดอย่างมั่นคงและโปรดให้เรามีชัยชนะเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วยเถิด” ( อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 250)

«رَبَّنَا اغْفِرْ لَنَا ذُنُوْبَنَا وَإِسْرَافَنَا فِي أَمْرِنَا وَثَبِّتْ أَقْدَامَنَا وَانْصُرْنَا عَلَى الْقَوْمِ الْكَافِرِيْنَ»
ความว่า: “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา! ได้โปรดทรง อภัยต่อความผิดพลาดของเรา ความเลยเถิดในกิจการของพวกเรา และโปรดให้เรามีชัยชนะเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วยเถิด”  (อาลิ อิมรอน อายะฮฺ ที่ 147)

«رَبِّ نَجِّنِي مِنَ الْقَوْمِ الظَّالِمِيْنَ»
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ! ได้โปรดทำให้ฉันปลอดภัยจากกลุ่มชนผู้อธรรมด้วยเถิด” (อัล-เกาะศ็อศ อายะฮฺที่ 21)

لاَ إِلٰهَ إِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ، أَعَزَّ جُنْدَهُ، وَنَصَرَ عَبْدَهُ، وَغَلَبَ الأَحْزَابِ وَحْدَهُ، فَلاَ شَيْءَ بَعْدَهُ
ความว่า : ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺผู้ทรงเอกะ อัลลอฮฺผู้ทรงทำให้ทหารของพระองค์แข็งแกร่ง ทรงช่วยเหลือบ่าวของพระองค์ ทรงทำให้กลุ่มพันธมิตรพ่ายแพ้เพียงพระองค์เดียว เพราะว่าไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากพระองค์” (มุสลิม 2724)

اَللّٰهُمَّ أَنْتَ عَضُدِي، وَأَنْتَ نَصِيْرِي، بِكَ أَحُوْلُ، وَبِكَ أَصُوْلُ، وَبِكَ أُقَاتِلُ
ความว่า : โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ! พระองค์ทรงเป็นที่พึ่งพิงของฉัน และพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือฉัน (ดังนั้น)ด้วยพระองค์ฉันพยายาม ด้วยพระองค์ฉันโจมตี และด้วยพระองค์ฉันต่อสู้กับข้าศึก” (พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺทรงอยู่เคียงข้างเราในการโจมตีและต่อสู้กับศัตรูตลอดเวลา) (เศาะหีหฺ บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ 3/173)

اَللّٰهُمَّ بِكَ أُقَاتِلُ، وَبِكَ أَصَاوِلُ، وَلاَ قُوَّةَ إِلاَّ بِاللهِ
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! ด้วยพระองค์ฉันต่อสู้ ด้วยพระองค์ฉันเผชิญหน้ากับศัตรู และไม่มีพลังใดๆยกเว้นจากพระองค์” (เศาะหีหฺ บันทึกโดย อะหมัด 6/16)

اَللّٰهُمَّ يَا مَالِكَ يَوْمِ الدَّيْنِ، إِيَّاكَ أَعْبُدُ وَإِيَّاكَ أَسْتَعِيْنُ
ความว่า: “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โอ้เจ้าผู้ครอบครองวันปรโลก ต่อพระองค์เท่านั้นฉันทำอิบาดะฮฺ และต่อพระองค์เท่านั้นฉันขอความช่วยเหลือ” (อิบนุส สุนนีย์ 334)
 
اَللَّهُمَّ اكْفِنِيْهِمْ بِمَا شِئْتَ
ความว่า: โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! ได้โปรดคุ้มครองฉันจากความชั่วร้ายของพวกเขาด้วยวิธีที่พระองค์ทรงประสงค์” (พร้อมทั้งพุ่งจิตไปยังศัตรู) (มุสลิม 4/2300)



บทที่ 8 ดุอาอ์เพื่อขอให้ศัตรูพ่ายแพ้

اَللّٰهُمَّ مُنْزِلَ الْكِتَابِ، سَرِيْعَ الْحِسَابِ، اهْزِمِ الأَحْزَابِ، اَللّٰهُمَّ اهْزِمْهُمْ وِزَلْزِلْهُمْ
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน พระผู้ทรงประทานกิตาบ(คัมภีร์)ลงมา พระผู้ทรงฉับไวในการสอบสวน ได้โปรดทำให้กลุ่มพันธมิตรพ่ายแพ้ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! ได้โปรดทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ และโปรดเขย่าจิตใจของพวกเขาให้สั่นสะท้าน” (ให้ตั้งเจตนาอย่างแน่วแน่ไปยังศัตรู) (มุสลิม 1742)

اَللّٰهُمَّ مُنْزِلَ الْكِتَابِ، وَمُجْرِيَ السَّحَابِ، وَهَازِمَ الأَحْزَابِ، اهْزِمْهُمْ وَانْصُرْنَا عَلَيْهِمْ
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน พระผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมา พระผู้ทรงขับเคลื่อนเมฆ พระผู้ทรงทำให้กลุ่มพันธมิตรพ่ายแพ้ ได้โปรดทำให้พวกเขาพ่ายแพ้(พร้อมกับพุ่งเจตนาอย่างแน่วแน่ไปยังศัตรู) และโปรดทำให้พวกเรามีชัยชนะเหนือพวกเขา” (มุสลิม 675)
 
 
 

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 9 ดุอาอ์กุนูตนาซิละฮฺในละหมาด
1. ความหมายของกุนูตนาซิละฮฺ

กุนูตนาซิละฮฺ คือการอ่านกุนูตในละหมาดอันเนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่ไม่ดีต่อประชาชาติอิสลาม ดังเช่นความแห้งแล้ง โรคระบาด ภัยพิบัติต่างๆ ความกลัว การทารุนกรรมหรืออธรรมจากพวกปฏิเสธศรัทธาต่อคนชนผู้ศรัทธา (มุสลิม)

2. เวลาที่ส่งเสริม(สุนัต)ให้อ่านกุนูตนาซิละฮฺ

กุนูตนาซิละฮฺ มีบัญญัติให้ปฏิบัติขณะหรือหลังจากเกิดความชั่วร้ายดังกล่าวข้างต้นในทุกๆ เวลาละหมาดฟัรฎูทั้งห้าตามทัศนะของมัซฮับชาฟิอีย์ ไม่ว่าจะเป็นละหมาดที่อ่านเสียงดังหรือเบาและละหมาดญุมอัตตามทัศนะของอิหม่ามอัช-ชาฟิอีย์ (อัล-อุมม์ 1/236 อัล-มัจญ์มูอฺ 3/45  เอานุลมะอฺบูด 4/316)
 
อิบนุ อับบาส เล่าว่า “ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อ่านกุนูต(นาซิละฮฺ)เป็นเวลาหนึ่งเดือนติดต่อกันในเวลาซุฮรฺ อัศรฺ มัฆริบ อีชาอ์ และศุบฮฺ หลังกล่าวคำว่า
سَمِعَ اللهُ لِمَنْ حَمِدَهُ
ช่วงอิอฺติดาลของร็อกอัตสุดท้าย ท่านได้ขอดุอาอ์(ให้อัลลอฮฺลงโทษ)ลงยังหมู่บ้านต่างๆของเผ่าสุลัยม์คือพวกเราะอัล พวกซักวานและพวกอิศิยยะฮฺ ส่วนมะอฺมูมข้างหลังท่านก็กล่าว “อามีน” (หะสัน บันทึกโดย อบู ดาวูด 1430 อิบนุ คุซัยมะฮฺ 618)

3. กุนูตนาซิละฮฺในละหมาดสุนัต

ตามทัศนะของอิหม่ามอัช-ชาฟิอีย์ : อนุญาตให้อ่านกุนูตนาซิละฮฺในละหมาดอีด ละหมาดขอฝน เมื่อเกิดวิกฤต แต่ถ้า ไม่มีวิกฤตใดๆ ก็ถือว่าเป็นมักรูฮฺ (อัล-อุมม์ 1/272)

4. เป้าหมายของกุนูตนาซิละฮฺ

จุดประสงค์ของมุสลิมในการอ่านกุนูตนาซิละฮฺมีสองประการสำคัญ คือ

1. เพื่อวิงวอนขอให้มุสลิมอยู่ในความปลอดภัย

2. เพื่อสาปแช่งให้เกิดความพินาศแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาและผู้อธรรม อบู ฮุร็อยเราะฮฺกล่าวว่า : แท้จริงท่านนบีไม่อ่านกุนูต(นาซิละฮฺ)นอกจากเมื่อท่านต้องการวิงวอนขอดุอาอ์ให้ประสบกับความดีหรือความปลอดภัยแก่ผู้ศรัทธา หรือขอดุอาอ์ร้ายและสาปแช่งแก่คนชั่วเท่านั้น” (เศาะหีหฺ อิบนุ คุซัยมะฮฺ 619)

ดังนั้นอบู ฮุร็อยเราะฮฺ จึงอ่านกุนูตนาซิละฮฺในละหมาดซุฮรฺ อีชาอ์ และศุบฮฺ และขอดุอาอ์ความปลอดภัยแก่บรรดาผู้ศรัทธาและดุอาอ์สาปแช่งแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา (มุสลิม 676) และเมื่อมุสลิมมีชัยชนะเหนือศัตรู(ที่ถูกดุอาอ์สาปแช่ง)แล้วก็ให้หยุดอ่านดุอาอ์นาซิละฮฺเสีย (เฎาะอีฟ มัจญ์มะอฺ อัซ-ซะวาอีด 2/137)
 
5. ส่วนหนึ่งของดุอาอ์นบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในกุนูตนาซิละฮฺ

اَللّٰهُمَّ الْعَنْ ... وَالْعَنْ أَنْصَارَهُ وَجُنُوْدَهُ
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ! ได้โปรดสาปแช่ง(ระบุชื่อศัตรูหรือกลุ่มพันธมิตรหรือประเทศของศัตรู) และ โปรดสาปแช่งลูกสมุนและทหารของพวกเขา” (มุสลิม 675)

اَللّٰهُمَّ أَنْجِ ... اَللّٰهُمَّ أَنْجِ الْمُسْتَضْعَفِيْنَ مِنَ الْمُؤْمِنِيْنَ، اَللّٰهُمَّ اشْدُدْ وَطْأَتَكَ عَلٰى ... اَللّٰهُمَّ اجْعَلْهَا عَلَيْهِمْ سِنِيْنَ كَسِنِيْ يُوْسُفَ
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ! ได้โปรดคุ้มครอง(ระบุชื่อมุสลิมที่ถูกข่มเหง)ให้ปลอดภัย โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! ได้โปรดคุ้มครองบรรดาศรัทธาชนผู้อ่อนแอ (ระบุชื่อบรรดามุอ์มินที่ขอความคุ้มครอง)ให้ปลอดภัย โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! โปรดลงโทษอย่างหนักแก่ (ระบุชื่อศัตรูหรือกลุ่มพันธมิตรหรือประเทศ) โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! โปรดทำให้พวกเขาประสบกับความแห้งแล้งเหมือนกับความแห้งแล้งที่ได้ประสบในสมัยนบียูซุฟ” (มุตตะฟัก อลัยฮฺ อัล-บุคอรีย์ 6/105 มุสลิม 1/467)

اَللّٰهُمَّ عَلَيْكَ بِـ ...
ความว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! โปรดสาปแช่ง...”(ระบุชื่อศัตรูกลุ่มพันธมิตรหรือประเทศ) 3 ครั้ง (อัล-บุคอรีย์ 2934)

6. ดุอาอ์กุนูตของท่านอุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ

اَللّٰهُمَّ إِنَّا نَسْتَعِيْنُكَ وَنَسْتَغْفِرُكَ وَلاَ نَكْفُرُكَ، وَنُؤْمِنُ بِكَ وَنَخْلَعُ وَنَتْرُكُ مَنْ يَفْجُرُكَ، اَللّٰهُمَّ إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَلَكَ نُصَلِّي وَنَسْجُدُ، وَإِلَيْكَ نَسْعٰى وَنَحْفِدُ، نَرْجُوْ رَحْمَتَكَ، وَنَخْشٰى عَذَابَكَ، إِنَّ عَذَابَكَ الْجِدَّ بِالْكُفَّارِ مُلْحِقٌ، اَللّٰهُمَّ عَذِّبْ كَفَرَةَ أَهْلِ الْكِتَابِ الَّذِيْنَ يَصُدُّوْنَ عَنْ سَبِيْلِكِ، وَيُكَذِّبُوْنَ رُسُلَكَ، وَيُقَاتِلُوْنَ أَوْلِيَائَكَ، اَللّٰهُمَّ خَالِفْ بَيْنَ كَلِمَتِهِمْ، وَزَلْزِلْ أَقْدَامَهُمْ، وَشَتِّتْ شَمْلَهُمْ، وَأَنْزِلْ بِهِمْ بَأْسَكَ الَّذِي لاَ تَرُدُّهُ عَنِ الْقَوْمِ الْمُجْرِمِيْنَ، اَللَّهُمَّ اغْفِرْ لِلْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ، وَالْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ، وَأَصْلِحْ ذَاتَ بَيْنِهِمْ ، وَأَلِّفْ بَيْنَ قُلُوْبِهِمْ، وَاجْعَلْ فِي قُلُوْبِهِمُ الإِيْمَانَ وَالْحِكْمَةَ، وَثَبِّتْهُمْ عَلٰى مِلَّةِ رَسُوْلِكَ، وَأَوْزِعْهُمْ أَنْ يُوْفُوْا بِعَهْدِكَ الَّذِي عَاهَدْتَهُمْ عَلَيْهِ، وَانْصُرْهُمْ عَلٰى عَدُوِّكَ وَعَدُوِّهِمْ، إِلٰهَ الْحَقِّ، وَاجْعَلْنَا مِنْهُمْ
ความว่า : โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! เราขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ เราขออภัยโทษต่อพระองค์ เราไม่ปฏิเสธ(กุฟุร)ต่อพระองค์และเราศรัทธาต่อพระองค์ เราสละทิ้งผู้ทรยศต่อพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! แด่พระองค์เท่านั้นเราทำอิบาดะฮฺ และเพื่อพระองค์เท่านั้นเราละหมาดและก้มกราบ(สุญูด) และยังพระองค์เท่านั้นเราพยายามและทำงาน เราหวังในเราะฮฺมัตของพระองค์ และเราเกรงกลัวต่อการลงโทษของพระองค์ แท้จริงการลงโทษที่หนักของพระองค์นั้นจะต้องประสบกับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอย่างแน่นอน โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! โปรดลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่ชาวยิวและคริสที่คอยขัดขวางหนทางของพระองค์ตลอดเวลา ทั้งยังปฏิเสธศาสดา(รสูล)ของพระองค์ และทำสงครามกับบรรดาวะลีผู้ใกล้ชิดของพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! โปรดทำให้คำพูดของพวกเขาขัดแย้งกัน โปรดทำให้เท้าของพวกเขาสั่นไหว โปรดทำให้การรวมตัวกันของพากเขาสลายลง และโปรดลงโทษทัณฑ์บนพวกเขา ซึ่งพระองค์ไม่ทรงละมันจากบรรดาผู้อธรรม โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน! โปรดประทานอภัยแก่บรรดามุอิมินและมุสลิมทั้งชายและหญิง โปรดทำให้พวกเขาปรองดองกันและโปรดทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนโยนรักใคร่ซึ่งกันและกัน โปรดทำให้ในหัวใจของพวกเขาเปี่ยมด้วยอีหม่านและหิกมะฮฺ(วิทยปัญญา) โปรดทำให้พวกเขายึดมั่นบนแนวทางศาสนาของรสูลของพระองค์ โปรดให้การสนับสนุนและส่งเสริมพวกเขาให้ได้ปฏิบัติตามสัญญาที่พระองค์ทรงได้สัญญาไว้กับพวกเขา และโปรดทำให้พวกเขามีชัยเหนือศัตรูของพระองค์และศัตรูของพวกเขา โอ้พระองค์ผู้สมควรแก่การภักดีอย่างสัจจริง! ได้โปรดให้เราเป็นส่วนหนึ่งจากพวกเขา” (อิบนุ อบี ชัยบะฮฺ 1/16/2  อัล-บัยหะกีย์ 2/210)


أقول قولي هذا وأستغفر الله لي ولكم، وأفوض أمري إلى الله إن الله بصير بالعباد، وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحبه وسلم ، سبحان ربك رب العزة عما يصفون، وسلام على المرسلين والحمدلله رب العالمين.

 
 
 
 

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
เหตุผลง่ายๆที่กลุ่มประเทศอาหรับไม่เข้าไปช่วยเหลือ นั่นก็คือ กลัวจะถูกบอยคอร์ตจากประเทศมหาอำนาจและตัดขาดจากผลประโยชน์อื่นๆ
อย่างที่บังนูรุ้ลอิสลามบอกนั่นแหละ ว่าในปัจจุบันขาดแคลนผู้นำนักต่อสู้ ประกอบกับสังคมส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มักใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความอยู่รอดและเห็นแก่ตัว
ตราบใดที่มุสลิมยังไม่มีจิตสาธารณะ และไม่คิดที่จะช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกัน อิสราเอลและประเทศที่ให้การสนับบสนุนก็ยังคงเหิมเกริมเข้ามาคุกคาม
พี่น้องมุสลิมอย่างไม่จบไม่สิ้น.......................พูดแล้วสลดใจยิ่งนัก  mycry

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

       จะสังเกตุได้ว่าปาเลสไตน์นั้น  จะถูกปลดปล่อยพร้อมกับความรุ่งเรืองของอัลอิสลามเสมอ  ในทางตรงกันข้ามเมื่ออาณาจักรอัลอิสลาม(ระบบคอลีฟะฮ์)ล่มสลายลงไป  ปาเลสไตน์ก็จะถูกคุกคามอยู่เสมอ 

       ปัจจุบันเหล่าประเทศอาหรับต่างก็มีประโยชน์คาบเกี่ยวกับพวกอเมริกาและยุโรป  บางประเทศมีหนี้อเมริกามากมายเหมือนจะล้มละเลย  จึงอ้าปากทักท้วงการกระทำอันป่าเถื่อนของยิวไม่ได้  บางประเทศให้อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพ  ทั้งที่นบีได้กำฉับไว้ก่อนเสียชีวิตแล้วว่า  จงเนรเทศพวกยิวออกจากคาบสมุทรอาหรับ  ผู้นำประเทศอาหรับเล็กๆ บางประเทศมีแต่ทรัพย์สิน  แต่กำลังทหารไร้ศักยภาพ  ในขณะเดียวกันพวกเมกาก็พยายามให้ประเทศอาหรับมีระบบกษัตริย์เยอะๆ  เฉือนให้เป็นประเทศต่างๆ มากมาย  ซึ่งทำลายเอกภาพของมุสลิมในทางอ้อม  พร้อมกันนั้นเมกาและยิวมีทั้งกำลังทรัพย์และอาวุธอย่างครบครัน  มีฐานทัพในคาบสมุทรอาหรับพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ  ดังประเทศอีรักที่ปกครองโดยซัดดัม  แต่ถูกยิวเมกาย้ำยีเพราะมีแผนการณ์จะเล่นพวกยิว

       เมื่อเป็นอย่างนี้  จะมีประเทศมุสลิมใดกล้าไปยุ่งเกี่ยวหรือประกาศจุดยืนต่อต้านอิสรอเอลอย่างจริงจังหรือรวมตัวกันต่อต้านอย่างเป็นปึกแผ่นเฉกเช่นระบบคอลิฟะฮ์อิสลามอันเข้มแข็ง

วัสลาม
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 31, 2008, 10:29 AM โดย al-azhary »
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
เหตุผลง่ายๆที่กลุ่มประเทศอาหรับไม่เข้าไปช่วยเหลือ นั่นก็คือ กลัวจะถูกบอยคอร์ตจากประเทศมหาอำนาจและตัดขาดจากผลประโยชน์อื่นๆ
อย่างที่บังนูรุ้ลอิสลามบอกนั่นแหละ ว่าในปัจจุบันขาดแคลนผู้นำนักต่อสู้ ประกอบกับสังคมส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มักใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความอยู่รอดและเห็นแก่ตัว
ตราบใดที่มุสลิมยังไม่มีจิตสาธารณะ และไม่คิดที่จะช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกัน อิสราเอลและประเทศที่ให้การสนับบสนุนก็ยังคงเหิมเกริมเข้ามาคุกคาม
พี่น้องมุสลิมอย่างไม่จบไม่สิ้น.......................พูดแล้วสลดใจยิ่งนัก  mycry
กาตาร์ได้ส่งรถบรรทุกไปหลายคัน ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
ส่วนซาอุก็ไม่น้อยหน้า ประกาศรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวที่กรุงรียาด
ส่วนประเทศอื่นยังไม่มีท่าทีด้านการช่วยเหลือที่ชัดเจน โดยเฉพาะอียิปต์เพื่อนบ้าน

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

ส่วนประเทศอื่นยังไม่มีท่าทีด้านการช่วยเหลือที่ชัดเจน โดยเฉพาะอียิปต์เพื่อนบ้าน

อียิปต์ได้เปิดชายแดนที่ติดกับฉนวนกาซา เพื่ออพยพผู้บาดเจ็บ รถพยาบาล 20 คันถูกส่งเข้าไปพร้อมกับเจ้าหน้าทางการแพทย์และโรงพยาบาลในอิยิปต์ 2 แห่งก็เตรียมพร้อมรับผู้บาดเจ็บจากปาเลสไตน์เป็นกรณีพิเศษ

แต่เป็นที่เสียดายที่ประเทศอาหรับไม่สามารถส่งทหารเข้าไปสมทบและปกป้องปาเลสไตน์   
لا إله إلا الله محمد رسول الله

 

GoogleTagged