ผู้เขียน หัวข้อ: พี่น้องของฉัน.. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้..  (อ่าน 4747 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: พี่น้องของฉัน.. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้..
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ส.ค. 21, 2007, 12:00 PM »
0
ท่าน มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ได้ทำอุตริกรรมมากมายด้วยการตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง อีกทั้งยังยัดเยียดการเป็นกาเฟรแก่บรรดาผู้ศรัทธา

ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาอ้างการตัดสินเพียงภายนอกแล้วก็มาฮุกมต่อมุสลิม..เพราะเขาได้อ้างว่า การไปเยี่ยมสุสานและการตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด ตลอดจนบรรดาศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ บรรดาเอาลียะอฺ และบรรดาคนซอและหฺโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้รับความสิริมงคลนั้น ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ และการเรียกท่านศาสดามูฮัมหมัดในขณะตะวัสสูลก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺเช่นกัน การที่ผู้หนึ่งผู้ใดพาดพิงสิ่งหนึ่ง หรือการกระทำหนึ่งไปยังสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวทางการด้านมาญาซอักลีย์ (การเรียกชื่อสิ่งหนึ่งโดยใช้สิ่งอื่นแทน) ก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ เช่นการกล่าวว่า ?ยานี้มีประโยชน์กับฉัน? การยึดเอาหลักฐานที่ไม่เป็นผลต่อสิ่งใด ๆ อย่างที่เขาต้องการให้แก่ตัวของเขาเอง การนำมาซึ่งสำนวนที่ปลอมแปลงด้วยกับสำนวนที่สละสลวย การปกปิดความถูกต้องต่อปุถุชนทั่วไปเพื่อให้พวกเขาปฏิบัติตาม และการประพันหนังสือต่าง ๆ ให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าบรรดานักวิชาการเตาฮีดทั้งหลายเป็นกาเฟร...

 

ออฟไลน์ Hakeem

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: พี่น้องของฉัน.. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้..
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ส.ค. 21, 2007, 04:07 PM »
0
อัสลามมูอาลัยกุ้มฯ ;D

ออฟไลน์ philosophy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พี่น้องของฉัน.. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้..
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ส.ค. 22, 2007, 07:27 PM »
0
اسلام عليكم
มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ
 ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ? แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ทรงจัดส่งบุคคลหนึ่งมายังประชาชาตินี้ในทุกๆ 100 ปี (1 ศตวรรษ ) โดยที่เขาจะฟื้นฟูปฏิรูปกิจการของพวกเขาสำหรับเขาเหล่านั้น ?

ถ้าหากว่าในประวัติศาสตร์อิสลามทุกยุคทุกสมัยจะต้องมีนักปฏิรูป ( มุญัดดิด ) เพื่อทำหน้าที่ฟื้นฟูอิสลามแล้ว มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ก็เป็นนักปฏิรูปอีกคนหนึ่งทีเผยแผ่ศาสนาเพื่อที่จะนำพามุสลิมสู่แนวทางในการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เกิดที่เมืองอุยัยนะฮ์ แคว้นนัจด์ ดินแดนอารเบีย ( ปัจจุบันคือ ซาอุดิอารเบีย ) ในปี ค.ศ.1703 ในขณะที่เป็นเด็กเขามีความเฉลียวฉลาดมาก เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รู้คนหนึ่งในอารเบีย ถึงแม้ว่าเขาจะมีลูกศิษย์มากมาย แต่เขาก็ยังตัดสินใจไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติมที่มักกะฮ์ มะดีนะฮ์

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เรียกร้องให้มุสลิมยึดมั่นในคำปฏิญานตน ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ สอนให้ยึดมั่นในหลักการอิสลาม ปฏิบัติตามกุรอานและซุนนะฮ์นบี แนะนำให้ทำความดีละเว้นความชั่ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาย้ำให้มุสลิมทุกคนต้องห่างไกลจากชิริก การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ผลจากการเรียกร้องเชิญชวนของเขาทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ เขาถูกขับไล่ออกนอกเมือง

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้รับการต้อนรับจากมุฮัมมัด บิน สะอูด ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนหนึ่งของ อารเบีย การปกครองปกครองของมุฮัมมัด บิน สะอูด และการเผยแผ่ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ทำให้วิถีชีวิตและความเชื่อของมุสลิมก็อยู่ในแนวทางอิสลามมากยิ่งขึ้น ท่านได้เรียกร้องให้มุสลิมทุกคนเชื่อฟังคัมภีร์อัลกุรอาน และปฏิบัติตามคำสอนของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทุกอย่างโดยที่ไม่มีการเคลือบแคลงสงสัย

ท่านรณรงค์ต่อต้านวิธีการต่างๆที่ขัดต่อหลักคำสอนเรื่องเอกภาพของอัลลอฮ์ อันเป็นหัวใจของหลักอะกีดะฮ์ อิสลาม ท่านต่อต้านสิ่งประดิษฐ์ทางศาสนา ( บิดอะฮ์ ) ที่มนุษย์คิดสร้างขึ้นมา เช่น การเคารพสักการะนักบุญ และหลุมฝังศพ ท่านมิได้คัดค้านคนที่มาเยือนสุสานเพื่อรำลึกถึงชีวิตหลังความตายแต่เขาต่อต้านการกระทำใดๆที่ส่อไปในทางชิริก เช่น การเคารพบูชาบรรพบุรุษหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ตายไปแล้ว

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ กิตาบ อัตเตาฮีด ( ตำราเกี่ยวกับการยึดมั่นในเอกภาพของอัลลอฮ์ ) ซึ่งเป็นหนังสือที่สำคัญเล่มหนึ่งที่เขาได้เขียนขึ้น ถึงแม้ว่าในเรื่องของกฎหมายเขาจะยึดแนวความคิดในการตีความของมัซฮับฮัมบะลี ( อะห์หมัด อิบนิ ฮัมบัล ) แต่เขาก็มิได้คัดค้านบรรดามุสลิมที่มีความต้องการที่จะยึดแนวความคิดในการตีความกฎหมายของมัซฮับอื่นๆ

แน่นอนการกระทำดังกล่าวของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ไปขัดผลประโยชน์และความเชื่อของคนอีกหลายกลุ่มอย่างรุนแรง ดังนั้นศัตรูของเขาจึงได้ชักชวนให้คนทั่วไปเชื่อว่าสิ่งที่เขาสอนนั้นเป็นศาสนาใหม่ที่มิใช่อิสลามแบบดั้งเดิม และกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้สร้างลัทธิใหม่ คนพวกนี้ประณามคนที่เชื่อคำสอนของเขาว่าเป็นพวกนอกศาสนา และได้ขนานนามพวกเขาว่า ? วะฮาบี ? ในขณะเดียวกันมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เรียกกลุ่มคนของเขาว่า ? อัลมุวาฮิดูน ? หมายถึง ขบวนการเรียกร้องสู่เอกภาพของอัลลอฮ์

ขบวนการอัลมุวาฮิดูน ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ร่วมมือกับมุฮัมมัด บิน สะอูด ในการสร้างความเป็นเอกภาพของมุสลิมในดินแดนอารเบีย ทั้งสองได้รวบรวมอารเบียให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และในที่สุดก็ทำให้เกิดประเทศหนึ่ง คือ ประเทศซาอุดิอารเบีย จากการต่อสู้ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ปลุกเร้าจิตใจการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูอิสลามของคนมุสลิมให้ตื่นตัวขึ้นทั่วโลก การต่อสู้ของขบวนการนี้ไดัเป็นแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดขบวนการ อิควานุลมุสลิมีน ในอียิปต์ จึงกล่าวได้ว่าลูกหลานของนักฟื้นฟูอิสลามอย่างมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ยังคงมีชีวิตอยู่และยังคงดำเนินรอยสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษของตนตราบจนทุกวันนี้

จากประวัติของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ทำให้เราได้รับบทเรียนว่า การเผยแผ่ศาสนานั้นถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค มีผู้ต่อต้าน แต่ถ้าหากว่าได้ยึดมั่นยืนหยัดในการต่อสู้แล้ว พระองค์อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เขาได้รับชัยชนะเหนือศัตรู ดังนั้นมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ จึงได้รับการยอมรับว่าเป็น ? มุญัดดิด ? นักปฏิรูปคนหนึ่ง



อบูซามีนา 

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: พี่น้องของฉัน.. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้..
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 08:44 AM »
0
.........

อีกมุมหนึ่งในการเสนอความจริงที่มีเป็นกลางเรื่องราวของ  มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่ได้เกิดขึ้นในตะวันออกกลางในปี ฮ.ศ.1143 และได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในปี ฮ.ศ.1150 ที่เมืองอันนัจดฺ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1206

เมื่อเขาได้เริ่มเผยแพร่ด้วยกับการเรียกร้องที่มีการผสมผสานความคิดต่าง ๆ ของเขา โดยอ้างว่า ความคิดเหล่านี้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านและซุนนะฮฺนบี เขาได้ยึดเอาอุตริกรรมบางส่วนมาจากท่านตากียุดดีน อะฮฺหมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ แล้วได้นำมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง

..........และนี่คือหลัก ส่วนหนึ่งจากอุตริกรรมที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่เอามาจากอิบนุตัยมียะฮฺ คือ

1. การห้ามตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด.............
2. การห้ามเดินทางเพื่อไปเยี่ยมสุสานท่านศาสดามูฮัมหมัดและคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตและบรรดาคนซอและฮฺอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปขอพร ณ ที่นั้น เพื่อหวังการตอบรับการขอพรจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
3. ยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่บุคคลที่เรียกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วยคำต่อไปนี้ :- يارَسُولَ اللهِ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ,  يَامُحَمَّدُ โอ้ท่านมูฮัมหมัด ,  يَاعَلِيَّ โอ้ท่านอาลี ,หรือกล่าวว่า يَاعبد القادِرِ โอ้ท่านอับดุลกอเดร จงช่วยฉันด้วย หรือเช่นถ้อยคำกล่าวเหล่านี้ นอกเสียจากจะต้องกล่าวกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
4. ยกเลิกการหย่าแบบมะฟุลบิฮ ที่มีมาพร้อมกับการผิดสาบาน เช่น สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺในเรื่องที่เสนอว่าจะจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
5. มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีรูปร่างและมีทิศ

และเขาก็ได้อุตริเรื่องต่าง ๆ ด้วยกับตัวของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาเช่นต่อไปนี้
1. การห้ามกล่าวซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ทัดจากอาซาน
2. ลูกศิษย์ของเขาได้ห้ามการจัดงานฉลองวันประสูติท่านศาสดา โดยคัดแย้งกับคำสอนของท่านอิบนุตัยมียะฮฺซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขาท่านมูฟตีย์อัชชาฟีอียะฮฺ (ผู้ชี้ขาดในเรื่องของศาสนาสำนักชาฟีอี) ในนครมักกะฮฺได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ
ท่านมูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบได้อ้างว่า สำนักความคิดที่อุตริหลักการเตาฮีด (วิชาการว่าด้วยการมีพระเจ้าองค์เดียว) เป็นหนึ่งจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แท้จริงมนุษย์อยู่ในการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺมาตั้งแต่ 600 ปีมาแล้ว

ดังนั้น..หลักฐานที่พี่น้องวะฮาบียะท่านหนึ่งที่อยู่ในแนวทางของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ ที่อ้างว่า.เขาจึงต้องการปรับปรุงศาสนาอิสลามให้กับมนุษย์เหล่านั้น

ด้วยการยกคำพูดของท่านนบีที่ว่า..

ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ? แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ทรงจัดส่งบุคคลหนึ่ง(หมายถึงท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ)มายังประชาชาตินี้ในทุกๆ 100 ปี (1 ศตวรรษ ) โดยที่เขาจะฟื้นฟูปฏิรูปกิจการของพวกเขาสำหรับเขาเหล่านั้น ?..

จึงเป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น........เพราะมันได้ขัดแย้งกับบรรดาผู้รู้และท่านอื่นๆมากมายนัก  และไม่มีนักปราชญ์ท่านใดยอมรับว่า ท่านมุฮำมัด บยินอับดุลวาฮาบนั้นคือบุคคลที่ท่านนบีกล่าวถึงในหะดิสดังกล่าว

โดยที่เขา (อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ได้ตีอุตริกรรม ........โองการแห่งอัลลอฮฺที่ถูกประทานลงมาในกลุ่มผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺว่าเป็นกลุ่มนักวิชาการเตาฮีด


...และเหตุผลที่ว่า........ถ้าหากว่าในประวัติศาสตร์อิสลามทุกยุคทุกสมัยจะต้องมีนักปฏิรูป ( มุญัดดิด ) เพื่อทำหน้าที่ฟื้นฟูอิสลามแล้ว มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ก็เป็นนักปฏิรูปอีกคนหนึ่งทีเผยแผ่ศาสนาเพื่อที่จะนำพามุสลิมสู่แนวทางในการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม..

....การกระทำของท่านมุฮำมัด  บินอับดุลวะฮาบนั้นไม่ถือว่าเป็น นักปฏิรูป(มุญัดดิด) เพราะมีการฮุกมผู้ที่ไม่ยอมรับตนเองและยังมีการเข่นฆ่า ทั้งคนชราและเด็กรวมทั้งสตรีพี่น้องที่มีกาลีเมาะชาฮาดะ.......อย่างมากมาย..แต่น่าจะเรียกว่า เขานั้นเป็นนักปฏิวัติศาสนาอิสลามของอัลลอฮ์ที่ก้าวล้ำหน้าต่อท่านนบีมากกว่า

-  อุตริกรรมทางความคิดของท่าน ยังมีอีกว่า .........ผู้ใดที่ขอความช่วยเหลือจากท่านศาสดามูฮัมหมัดศาสนทูตของอัลลอฮฺ เอาลียะอฺ และบรรดาผู้ซอและหฺ หรือผู้ที่เรียกหรือขอชาฟาอะฮฺต่อท่านศาสดามูฮัมหมัดหรือบุคคลเหล่านี้ เขาเป็นเปรียบเสมือนบรรดาผู้ตั้งภาคี



ฉนั้นหลักฐานที่ว่า  ........

ท่านบุคอรีย์ได้กล่าวว่า ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร (รอฎิฯ) ได้รายงานจากท่านนบี (ศ็อลฯ) ในลักษณะของพวกคอวารีญ (الخوارج) ว่า ?แท้จริงพวกเขาจะพูดถึงโองการต่าง ๆ ที่ประทานลงมาในกลุ่มกาเฟร แล้วได้ตีความโองการใส่ร้ายผู้ศรัทธา? และได้มีบางรายงานจากท่านอิบนุอุมัรอีกว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดได้กล่าวว่า ?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งที่ฉันกลัวแทนประชาชาติของฉันคือ ชายผู้หนึ่งที่เขาได้ตีความอัลกุรอ่านซึ่งเขาจะวางอัลกุรอ่านในตำแหน่งที่ไม่ใช่ที่ของมัน? แน่นอนหลักฐานนี้และหลักฐานก่อนหน้านี้ ได้ยืนยันถึงกลุ่มนี้.(ก็คือวาฮาบีย์นี้เอง.

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: พี่น้องของฉัน.. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้..
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 04:20 PM »
0
..ที่กล่าวมาแล้วนั้นย่อมมีหลักฐานของมัน..

จากหนังสือ อัดดุร๊อร อัสสะนียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 160

มุฮำมัด อิบนุ อับดุลวะฮาบ กล่าวอีกว่า " เมื่อท่านรู้อันนี้แล้ว และท่านรู้ว่า สิ่งที่บรรดาผู้คนส่วนมากดำเนินอยู่นั้น ท่านก็จะรู้ว่า พวกเชาเหล่านั้น กุฟุร และ ชิริก ยิ่งกล่าว พวกมุชริกีน ที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์รบกับพวกเขา"


.......อย่างนี้ ก็แสดงว่า บรรดามุสลิมที่ไม่ได้อยู่ตามแนวทางของ มุหัมมัด ฯ คือ พวกที่เป็นที่ กุฟุร และ ทำชิริก ย่อมมีมากว่า พวกมุชริกีนมักกะฮ์เสียอีก เพราะมีทั่วโลกนี้อยู่ในมัสหับทั้ง4เกือบทั้งหมด    นะอูซูบิ้ลลา....มินซาลิค  .

ด้วยนี้แหละที่บรรดาสมุนวะฮาบีย์มักง่ายในเมืองไทย   จึงชอบกล่าวหาคนนั้นทำชิริกและทำบิดอะ  กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางของตน นี้หรือครับครับ...หลักการบริสุทธิ์ของอับดุลวะฮาบ ของพี่น้องวาฮาบียะ


 
 อีกอย่างหลักฐานในหนังสือ อัดดุร๊อร อัสสะนียะฮ์มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ (รวมสารและถ้อยคำต่างๆของอิบนุอับดุลวะฮาบ) ที่ว่า

" เป็นมติเอกฉันท์ว่า บรรดามุตะกัลลิมีน นั้น กุฟุร "  เล่ม 1 หน้า 53 จึงไม่แปลกที่บรรดาสมุน ที่เป็นวะฮาบีย์ในเมืองไทยเราชอบกล่าวว่า พวกมุตะกัลลิมีนนั้น บิดอะฮ์ แต่ไม่กล้าพูดว่า..กาเฟร

ทั้งที่..มุตะกัลลิมีน นั้น มีทั้งมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม

ท่านอิบนุตัยมียะฮ์   ผู้ที่มุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบเดินตาม ก็เป็น..มุตะกัลลิมีน ของ อัลหะนาบิละฮ์(ฮัมบาลี)

เพราะท่านเข้าใจว่า  ........บรรดามวลสารเดิมของโลกนั้น ก่อดีม มีอยู่โดยไม่มีจุดเริ่มต้น พร้อมกับอัลเลาะฮ์

แต่ที่แน่ๆนั้น มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ชอบกล่าว...ตักฟีร ผู้อื่นเสมอๆ โดยอ้างว่าตนเองเอาหลักการที่บริสุทธิ์มาเผยแพร่ ผมว่าเอาหลักการตักฟีรมากกว่า




 ดู หนังสือ อัดดุร๊อร อัสสะนียะฮ์  เล่ม 2 หน้า 59

  มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ กล่าวว่า การอ้างหลักฐานจากหนังสือฟิกห์นั้น คือ ตัวของชิริก ?? หากว่าตำราฟิกห์เหล่านั้น มันขัดกับแนวทางของมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ซึ่งปัจจุบัน วะฮาบีย์เองก็ชอบนำอายะฮ์ดังกล่าวมาอ้างอิงกับผู้ที่ตามมัซฮับตัวอย่างเช่น( หนังสือที่ชื่อ..มุสลิมต้องสังกัดมัสหับหรือไม่)   ที่มีการแจกฟรีในเมืองไทยมากมาย โดยยกอายะฮ์ผิดที่ แล้วก็มาตีความกับบรรดาอุลามาอ์มุสลิมีน[/color]
 
...ท่าน อิบ นุ อาบิดีน อัล-หะนะฟีย์ กล่าวว่า ในหนังสือ ร๊อดดุล มั๊วะตาร กล่าว " เรื่องเกี่ยวกับ ...

ผู้ที่เจริญตาม อิบนุ อับดุลวะฮาบ ที่เป็นค่อวาริจ ในสมัยของเรา คำกล่าวของผู้ประพันธ์ที่ว่า " พวกเขาเหล่านั้น(ค่อวาริจ) ได้ทำการกล่าวกุฟุรกับบรรดาซอฮาบะฮ์ของนบีของเรา(ซ.ล.)" ท่านได้ทราบมาแล้วว่า การกล่าวกุฟุรกับบรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ไม่ใช่เงื่อนไขในการเรียก"พวกค่อวาริจ" แต่มันเป็นแค่การอธิบายถึง ผู้ที่กบฏต่อท่านซัยยิดินา อลี (ร.ฏ.) และหากว่าไมเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าเพียงพอ ต่อพวกเขาแล้ว ที่พวกเขาเอี๊ยะติก๊อตว่า กุฟุรกับผู้ใดที่ออกไปจากแนวทางของเขา เสมือนสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในสมัยของเรา เกี่ยวกับบรรดาผู้ตามมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ที่พวกเขาได้ออกมาจาก เมือง นัจญฺดฺ และพวกเขาก็พิชิต มักกะฮ์และมะดีนะฮ์ได้ โดยที่พวกเขาได้ถือมัซฮับอัลหะนาบิละฮ์ แต่พวกเขาเอี๊ยะติก๊อตว่า พวกเขาคือมุสลิมีนและผู้ที่ขัดแย้งกับหลักเอี๊ยะติก๊อตของพวกเขานั้น แน่นอนว่าพวกเขาคือ มุชริกีน" ดู เล่ม 4 หน้า 262 ..





 

 

GoogleTagged