.........
อีกมุมหนึ่งในการเสนอความจริงที่มีเป็นกลางเรื่องราวของ มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่ได้เกิดขึ้นในตะวันออกกลางในปี ฮ.ศ.1143 และได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในปี ฮ.ศ.1150 ที่เมืองอันนัจดฺ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1206
เมื่อเขาได้เริ่มเผยแพร่ด้วยกับการเรียกร้องที่มีการผสมผสานความคิดต่าง ๆ ของเขา โดยอ้างว่า ความคิดเหล่านี้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านและซุนนะฮฺนบี เขาได้ยึดเอาอุตริกรรมบางส่วนมาจากท่านตากียุดดีน อะฮฺหมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ แล้วได้นำมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง
..........และนี่คือหลัก ส่วนหนึ่งจากอุตริกรรมที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่เอามาจากอิบนุตัยมียะฮฺ คือ
1. การห้ามตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด.............
2. การห้ามเดินทางเพื่อไปเยี่ยมสุสานท่านศาสดามูฮัมหมัดและคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตและบรรดาคนซอและฮฺอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปขอพร ณ ที่นั้น เพื่อหวังการตอบรับการขอพรจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
3. ยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่บุคคลที่เรียกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วยคำต่อไปนี้ :- يارَسُولَ اللهِ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ , يَامُحَمَّدُ โอ้ท่านมูฮัมหมัด , يَاعَلِيَّ โอ้ท่านอาลี ,หรือกล่าวว่า يَاعبد القادِرِ โอ้ท่านอับดุลกอเดร จงช่วยฉันด้วย หรือเช่นถ้อยคำกล่าวเหล่านี้ นอกเสียจากจะต้องกล่าวกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
4. ยกเลิกการหย่าแบบมะฟุลบิฮ ที่มีมาพร้อมกับการผิดสาบาน เช่น สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺในเรื่องที่เสนอว่าจะจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
5. มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีรูปร่างและมีทิศ
และเขาก็ได้อุตริเรื่องต่าง ๆ ด้วยกับตัวของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาเช่นต่อไปนี้
1. การห้ามกล่าวซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ทัดจากอาซาน
2. ลูกศิษย์ของเขาได้ห้ามการจัดงานฉลองวันประสูติท่านศาสดา โดยคัดแย้งกับคำสอนของท่านอิบนุตัยมียะฮฺซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขาท่านมูฟตีย์อัชชาฟีอียะฮฺ (ผู้ชี้ขาดในเรื่องของศาสนาสำนักชาฟีอี) ในนครมักกะฮฺได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบท่านมูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบได้อ้างว่า สำนักความคิดที่อุตริหลักการเตาฮีด (วิชาการว่าด้วยการมีพระเจ้าองค์เดียว) เป็นหนึ่งจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แท้จริงมนุษย์อยู่ในการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺมาตั้งแต่ 600 ปีมาแล้ว
ดังนั้น..หลักฐานที่พี่น้องวะฮาบียะท่านหนึ่งที่อยู่ในแนวทางของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ ที่อ้างว่า.เขาจึงต้องการปรับปรุงศาสนาอิสลามให้กับมนุษย์เหล่านั้น
ด้วยการยกคำพูดของท่านนบีที่ว่า..
ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ? แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ทรงจัดส่งบุคคลหนึ่ง(หมายถึงท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ)มายังประชาชาตินี้ในทุกๆ 100 ปี (1 ศตวรรษ ) โดยที่เขาจะฟื้นฟูปฏิรูปกิจการของพวกเขาสำหรับเขาเหล่านั้น ?..
จึงเป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น........เพราะมันได้ขัดแย้งกับบรรดาผู้รู้และท่านอื่นๆมากมายนัก และไม่มีนักปราชญ์ท่านใดยอมรับว่า ท่านมุฮำมัด บยินอับดุลวาฮาบนั้นคือบุคคลที่ท่านนบีกล่าวถึงในหะดิสดังกล่าว
โดยที่เขา (อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ได้ตีอุตริกรรม ........โองการแห่งอัลลอฮฺที่ถูกประทานลงมาในกลุ่มผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺว่าเป็นกลุ่มนักวิชาการเตาฮีด
...และเหตุผลที่ว่า........ถ้าหากว่าในประวัติศาสตร์อิสลามทุกยุคทุกสมัยจะต้องมีนักปฏิรูป ( มุญัดดิด ) เพื่อทำหน้าที่ฟื้นฟูอิสลามแล้ว มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ก็เป็นนักปฏิรูปอีกคนหนึ่งทีเผยแผ่ศาสนาเพื่อที่จะนำพามุสลิมสู่แนวทางในการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม..
....การกระทำของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบนั้นไม่ถือว่าเป็น นักปฏิรูป(มุญัดดิด) เพราะมีการฮุกมผู้ที่ไม่ยอมรับตนเองและยังมีการเข่นฆ่า ทั้งคนชราและเด็กรวมทั้งสตรีพี่น้องที่มีกาลีเมาะชาฮาดะ.......อย่างมากมาย..แต่น่าจะเรียกว่า เขานั้นเป็นนักปฏิวัติศาสนาอิสลามของอัลลอฮ์ที่ก้าวล้ำหน้าต่อท่านนบีมากกว่า
- อุตริกรรมทางความคิดของท่าน ยังมีอีกว่า .........ผู้ใดที่ขอความช่วยเหลือจากท่านศาสดามูฮัมหมัดศาสนทูตของอัลลอฮฺ เอาลียะอฺ และบรรดาผู้ซอและหฺ หรือผู้ที่เรียกหรือขอชาฟาอะฮฺต่อท่านศาสดามูฮัมหมัดหรือบุคคลเหล่านี้ เขาเป็นเปรียบเสมือนบรรดาผู้ตั้งภาคี
ฉนั้นหลักฐานที่ว่า ........
ท่านบุคอรีย์ได้กล่าวว่า ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร (รอฎิฯ) ได้รายงานจากท่านนบี (ศ็อลฯ) ในลักษณะของพวกคอวารีญ (الخوارج) ว่า ?แท้จริงพวกเขาจะพูดถึงโองการต่าง ๆ ที่ประทานลงมาในกลุ่มกาเฟร แล้วได้ตีความโองการใส่ร้ายผู้ศรัทธา? และได้มีบางรายงานจากท่านอิบนุอุมัรอีกว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดได้กล่าวว่า ?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งที่ฉันกลัวแทนประชาชาติของฉันคือ ชายผู้หนึ่งที่เขาได้ตีความอัลกุรอ่านซึ่งเขาจะวางอัลกุรอ่านในตำแหน่งที่ไม่ใช่ที่ของมัน? แน่นอนหลักฐานนี้และหลักฐานก่อนหน้านี้ ได้ยืนยันถึงกลุ่มนี้.(ก็คือวาฮาบีย์นี้เอง.