อ.ปราโมทย์ กล่าวอย่างเต็มปากเต็มคำว่า
อีกอย่างหนึ่ง ข้ออ้างของ อ.อัชอะรีย์ที่ว่า การนมาซที่กุบูรฺไม่สมควรกระทำ(ห้ามไม่ขาดหรือเป็นมักรูฮ์ตันซีฮ์) ก็เป็นเพียงการอ้าง ทัศนะ ของนักวิชาการบางท่าน ...
_____________
เรามาดูว่าเว็บมาสเตอร์ได้อ้างทัศนะนักวิชาการแค่บางส่วน หรือส่วนน้อยกระทู้นั้นจริงหรือ? เราลองกลับมาดูเว็บมาสเตอร์นำเสนอกัน ซึ่งการนมาชที่กุบูรไม่ควรทำนั้น เป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนมาก ไม่ใช่บางส่วนตามที่ อ.ปราโมทย์ อ้างมา!
นี่คือสิ่งที่เว็บมาสเตอร์นำเสนอทัศนะของปราชญ์ส่วนมาก(ไม่ใช่บางส่วน)
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงใคร่ขอนำเสนอฮุกุ่มการละหมาดที่กุบูรแบบสรุป เพื่อมิให้มีความเข้าใจผิดและนำการอ่านอัลกุรอานทีกุบูรมากิยาสเทียบเคียงกับเรื่องการละหมาดที่กุบูรดังนี้ครับ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
وَجُعِلَتْ لِي الْأَرْضُ مَسْجِدًا وَطَهُورًا
"และแผ่นดินถูกทำให้แก่ฉันเป็นมัสยิด(ที่สุยูด)และ(แผ่นดินถูกทำให้)เป็นสิ่งที่สะอาด" รายงานโดยบุคอรี (419)
ฮะดีษนี้เป็นคุณความดีงามที่ถูกมอบแด่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และประชากรของท่าน ดังนั้นไม่ว่าแผ่นดินใดก็ตาม ก็ย่อมมีความสะอาดสำหรับการทำละหมาดตามที่ฮะดีษซอฮิห์ได้ระบุไว้ และความดีงามที่ถูกมอบให้แก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นี้ ก็จะไม่ถูกยกเลิกหรือมีกรณียกเว้น
แต่ทว่ามีรายงานจากท่านอะบูสะอีด อัลคุฎรีย์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ الْأَرْضُ كُلُّهَا مَسْجِدٌ إِلَّا الْمَقْبَرَةَ وَالْحَمَّامَ
"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า แผ่นดินทั้งหมดนั้นเป็นมัสยิด(สามารถละหมาดได้)นอกจากกุบูรและห้องน้ำ" รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (291)
ฮะดีษแรกได้ระบุว่าแผ่นดินทั้งหมดนั้นสะอาดสามารถที่ทำการละหมาดได้ แต่ฮะดีษที่สองนั้นได้ยกเว้นสถานที่กุบูรและห้องน้ำ ซึ่งเหตุผลที่ห้ามละหมาดในสถานที่ดังกล่าวนั้น เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เสี่ยงต่อการมีนะยิส ดังนั้นฮุกุ่มการไม่ให้ละหมาดในสถานที่ดังกล่าวก็เพราะว่าดินที่กุบูรและที่ห้องน้ำเสี่ยงต่อนะยิสนั่นเอง
ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์กล่าวว่า
وَمَعْقُوْلٌ أَنَّهُ كَمَا جَاءَ فِي الْحَدِيْثِ وَلَوْ لَمْ يُبَيِّنْهُ ، لِأَنَّهُ لَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُصَلِّيَ عَلَي أَرْضٍ نَجَسَةٍ ، لِأَنَّ الْمَقْبَرَةَ مُخْتَلِطَةُ التُّرَابِ بِلُحُوْمِ المَوْتَي وَصَدِيْدِهِمْ
"ถูกคิดเหตุผลขึ้นมาได้ว่า แท้จริงมันก็เหมือนกับสิ่งที่มีมาในฮะดีษ ถึงหากแม้ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจะไม่อธิบายมันไว้ก็ตาม เพราะแท้จริงไม่อนุญาตให้คนหนึ่งทำการละหมาดบนผืนดินที่เป็นนะยิส , เพราะว่ากุบูรนั้นดินได้เจือปนไปด้วยเนื้อของคนตายและน้ำหนองของพวกเขา" อัลอุมมฺ 2/206 ตีพิมพ์ดารุลวะฟาอฺ
ท่านอัลบุคอรีย์ ได้กล่าวรายงานว่า
وَرَأَي عُمَرُ أَنَسَ بْنَ مَالِكٍ يُصَلِّيْ عِنْدَ قَبْرٍ، فَقَالَ : الْقَبْرَ الْقَبْرَ وَلَمْ يَأْمُرْهُ الإِعَادَةَ
"ท่านอุมัรได้เห็นท่านอะนัส บิน มาลิก ทำการละหมาดที่กุบูร ดังนั้นท่านอุมัรจึงกล่าวว่า (ระวัง) กุบูร กุบูร และท่านอุมัรก็มิได้ใช้ให้ท่านอะนัสกลับไปละหมาดใหม่" หนังสือฟัตฮุลบารีย์ 1/523
ท่านอะนัส บิน มาลิก ได้ทำการละหมาดที่กุบูร ซึ่งบ่งชี้ว่าท่านมีทัศนะอนุญาตให้ทำละหมาดที่กุบูรได้ แต่ท่านอุมัรได้เตือนให้ระวังแต่ท่านมิได้ใช้ให้กลับไปละหมาดใหม่ ซึ่งบ่งชี้เพียงว่าการละหมาดที่กุบูรนั้นอนุญาตกระทำได้ตามทัศนะของท่านอุมัรแต่ไม่บังควร(มักโระฮ์) เนื่องจากเกรงว่าดินที่กุบูรจะเปื้อนผสมกับนะยิส
ท่านอิบนุลมุนซิร ได้กล่าวว่า
وَرَوَيْنَا أَنَّ وَاثِلَةَ بْنَ الأَسْقَعِ كَانَ يُصَلِّي فِي الْمَقْبَرَةِ غَيْرَ أَنَّهُ لاَ يَسْتَتِرُ بِقَبْرٍ
"เราได้รายงานว่า แท้จริงวาษิละฮ์ บิน อัลอัสเกาะอ์ ได้ทำการละหมาดที่กุบูร แต่เขามิได้นำกุบูรมาเป็นซัตเราะฮ์(สิ่งที่มากั้นมิได้คนเดินผ่าน)" หนังสืออัลเอาซัฏ 2/184
ท่านอัชชะอฺบีย์ ได้รายงานว่า
أَخْبَرَنِي مَنْ مَرَّ مَعَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلَى قَبْرٍ مَنْبُوذٍ فَأَمَّهُمْ وَصَلَّوْا خَلْفَهُ
"ได้บอกเล่าให้ฉันทราบโดย(ท่านอิบนุอับบาส)ผู้ที่เดินพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บนกุบูรที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ ดังนั้นท่านนบีจึงเป็นอิหม่ามนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)พวกเขา และพวกเขาก็ทำการละหมาดตามหลังท่านนบี" รายงานบุคอรีย์ (1250)
ท่านอัลฮาฟิซฺ อะบู ฮาติม อิบนุ ฮิบบาน ได้กล่าวว่า
فِيْ هَذَا الْخَبَرِ بَيَانٌ وَاضِحٌ أَنَّ صَلاَةَ الْمُصْطَفَي صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلَي الْقَبرِ إِنَّمَا كَانَتْ عَلَي قَبْرٍ مَنْبُوْذٍ ، وَالْمَنْبُوْذُ نَاحِيَةٌ ، فَدَلَّتْكَ هَذِهِ اللَفْظَةُ عَلَي أَنَّ الصَّلاَةَ عَلَي الْقَبْرِ جَائِزَةٌ إِذَا كَانَ جَدِيْدًا فِيْ نَاحِيَةٍ لَمْ تُنْبَشْ ، أَوْ فِيْ وَسَطِ قُبُوْرٍ لَمْ تُنْبَشْ ، فَأَمَّا الْقُبُوْرُ الَّتْي نُبِشَتْ وَقَلْبُ تُرَابِهَا صَارَ تُرَابُهَا نَجِساً ، لاَ تَجُوْزُ الصَّلاَةُ عَلَي النَّجَاسَةِ إِلاَّ أَنْ يَقُوْمَ الإِنْسَانُ عَلَي شَيْءٍ نَظِيْفٍ ، ثُمَّ يُصَلِّي عَلَي الْقَبْرِ الْمَنْبُوْشِ دُوْنَ الْمَنْبُوْذِ الَّذِيْ لَمْ يُنْبَشْ
"ในฮะดีษนี้ ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า การละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่กุบูรนั้น คือการละหมาดบนกุบูรที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ และกุบูรที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นั้น ก็เป็นพื้นที่ด้านหนึ่ง ดังนั้นถ้อยคำนี้จึงบ่งชี้แก่ท่านว่า การละหมาดที่กุบูรนั้นอนุญาตให้กระทำได้เมื่อพื้นที่อีกด้านหนึ่งเป็นกุบูรที่ฝังใหม่ ๆ โดยมิได้ถูกขุดขึ้นมา หรือ(อนุญาตให้ละหมาด)กลางกุบูรที่ยังมิได้ถูกขุดขึ้นมา ดังนั้นสำหรับกุบูรที่ถูกขุดขึ้นมา แล้วดินของมันถูกพลิกกลับ แน่นอนว่าดินที่กุบูรนั้นก็ถือว่าเป็นนะยิส ซึ่งไม่อนุญาตให้ทำการละหมาดบนนะยิสได้ นอกจากบุคคลหนึ่งทำการยืนบนสิ่งหนึ่งที่สะอาด(เช่นมีผ้าปู) จากนั้นก็ให้เขาทำการละหมาดบนกุบูรที่ถูกขุดขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องละหมาดที่กุบูรร้างที่ไม่ถูกขุดขึ้นมา" หนังสืออัลอิห์ซาน บิตัรตีบซอฮิห์อิบนุฮิบบาน 7/359
สิ่งดังกล่าวนี้ บ่งชัดเจนว่าการมักโระฮ์สิ่งดังกล่าวมิใช่มักโระฮ์แบบฮะรอมตามที่ อ.ปราโมทย์ได้กล่าวไว้ แต่สะลัฟส่วนมากมีทัศนะเพียงแค่มักโระฮ์ธรรมดาเท่านั้นเอง ยิ่งกว่านั้น ยังมีซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิห์บางส่วน มีทัศนะไม่ถือว่ามักโระฮ์ แต่เป็นที่อนุญาตให้ละหมาดที่กุบูรได้ ดังนั้น อ.ปราโมทย์ จะพูดแบบลอย ๆ ว่าหมายถึงมักโระฮ์ฮะรอมตามทัศนะของสะลัฟย่อมมิได้อย่างเด็ดขาด
การละหมาดที่กูบูรตามทัศนะของมัซฮับทั้งสี่
1. มัซฮับฮะนะฟีย์
ทัศนะของปราชญ์มัซฮับฮะนะฟีย์นั้น การละหมาดที่กุบูรไม่ถือว่าฮะรอม แต่เป็นเพียงมักโระฮ์ อนุญาตให้กระทำได้
ในหนังสืออัดดุรมัคตาร (1/254) ได้กล่าวว่า
وَكَذَا تُكْرَهُ فِيْ أَمَاكِنَ كَفَوْقِ كَعْبَةٍ ، وَفِيْ طَرِيْقٍ، وَمَزْبَلَةٍ، وَمَجْزَرَةٍ، وَمَقْبَرَةٍ، وَمَغْتَسَلٍ
"เช่นเดียวกันนี้ ถือว่ามักโระฮ์ละหมาดในหลายสถานที่ด้วยกัน เช่น บนกะบะฮ์ , ตามทางเดิน , สถานที่ทิ้งขยะ , โรงเชือดสัตว์ , สถานที่กุบูร , และสถานที่อาบน้ำ"
ท่านอิมามอิบนุอาบิดีน ได้กล่าวอธิบายไว้ในหนังสือฮาชียะฮ์ของท่าน ความว่า
وَلاَ بَأْسَ بِالصَّلاَةِ فِيْهَا إِذَا كَانَ فِيْهَا مَوْضِعٌ أُعِدَّ لِلصَّلاَةِ، وَلَيْسَ فِيْهِ قَبْرٌ وَلاَ نَجَاسَةٌ وَلاَ قِبْلَتُهُ إِلَي قَبْرٍ فَالْقَوْلُ بِالكَرَاهَةِ مُقَيَّدٌ ، وَهِيَ كَرَاهَةٌ تَنْزِيْهِيَّةٌ
"ถือว่าไม่เป็นไร กับการละหมาดที่กุบูร เมื่อในกุบูรนั้นมีสถานที่เตรียมไว้สำหรับละหมาด และในสถานที่(ที่ถูกเตรียมไว้สำหรับละหมาด)นั้นต้องไม่มีกุบูร(อยู่ข้างใต้) ไม่มีนะยิส และกิบลัตของสถานที่ละหมาดนั้นต้องไม่ผินไปทางกุบูร ดังนั้นคำกล่าวที่ว่ามักโระฮ์ ย่อมถูกจำกัดความ(ว่าต้องไม่มีนะยิสหรือมีกุบูรอยู่ข้างใต้ผู้ละหมาด) และมักโระฮ์นี้เป็นเพียงมักโระฮ์ธรรมดา(ไม่ใช่มักโระฮ์ฮะรอม)" ทบทวนเพิ่มเติมจากหนังสืออัลบะห์รุรรออิก 2/35 ของท่านอิบนุนุญัยม์
2. มัซฮับมาลิกีย์
การละหมาดที่กุบูรตามมัซฮับมาลิกีย์ ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้
อิมามอันนะวาวีได้กล่าวรายงานถึงมัซฮับอิมามมาลิกว่า
عَنْ مَالِكٍ رِوَايَتَانِ أَشْهَرُهُمَا لاَ يُكْرَهُ مَا لَمْ يَعْلَمْ نَجَاسَتَهَا
"จากท่านมาลิกมีอยู่สองรายงาน ที่เลื่องลือที่สุด คือไม่มักโระฮ์(ละหมาดที่กุบูร) ตราบใดที่ผู้ละหมาดไม่รู้ว่ามีนะยิส" มัจญ์มั๊วะอฺ 3/165
ท่านชัยค์ อะห์มัด อัดดัรดีร ได้กล่าวว่า
جَازَتِ الصَّلاَةُ بِمَقْبَرَةٍ وَلَوْ عَلَي قَبْرٍ أَوْ بِلاَ حَائِلٍ ، عَامِرَةٍ أَوْ دَارِسَةٍ أَوْ لاَ ، وَلَوْ لِمُشْرِكٍ...إِنْ أَمِنَتْ مِنَ النَّجِسِ
"อนุญาตให้ละหมาดที่กุบูรได้ หากแม้ว่าจะละหมาดที่บนกุบูร หรือละหมาดโดยไม่มีสิ่งใดมากั้น(ระหว่างเขากับกุบูร)ก็ตาม ไม่ว่ากุบูรนั้นจะเป็นกุบูรที่ยังใช้การอยู่ หรือเป็นกุบูรที่ร้างหรือไม่ก็ตาม และหากแม้ว่าเป็นกุบูรของพวกตั้งภาคีก็ตามที...(ทั้งนี้ทั้งนั้น) หากกุบูรปลอดจากนะยิส" หนังสืออัชชัรหุกะบีร 1/188
ท่านชัยค์ อะห์มัด อัดดัรดีร ได้กล่าวเช่นกันว่า
وَجَازَتِ الصَّلاَةُ بِمَقْبَرَةٍ أي فِيْهَا، وَلَوْ عَلَي مَقْبَرَةٍ عَامِرَةٍ أَوْ دَارِسَةٍ وَلَوْ لِكَافِرِيْنَ...إِنْ أَمِنَتِ النَّجَاسَةَ
"และอนุญาตให้ละหมาดที่กุบูรได้ หมายถึง ละหมาดในกุบูรได้ และถ้าหากว่าละหมาดบนกุบูรที่ยังใช้การอยู่หรือทิ้งร้างแล้วก็ตาม และถ้าหากว่าเป็นกุบูรของพวกกาเฟรก็ตามที...(ทั้งนี้ทั้งนั้น) หากกุบูรได้ปลอดภัยจากนะยิส" หนังสืออัชชัรหุศศ่อฆีร 1/267
3. มัซฮับชาฟิอีย์
มัซฮับชาฟิอีย์นั้น อนุญาตให้ละหมาดที่กุบูรได้ แต่มักโระฮ์เท่านั้นเอง
ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์กล่าวว่า
فَلَوْ صَلَّي فَوْقَ قَبْرٍ، أَوْ إِليَ جَنْبِهِ وَلَمْ يُنْبَشْ أَجْزَأَهُ
"ดังนั้นถ้าหากเขาละหมาดบนกุบูร หรือข้าง ๆ กุบูร โดยที่มันยังไม่ถูกขุด ถือว่าใช้ได้สำหรับเขา" หนังสือมุคตะซ็อร อัลมุซะนีย์ 19
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้อธิบายมัซฮับของอิมามอัชชาฟิอีย์ว่า
إِنْ تَحَقَّقَ أَنَّ الْمَقْبَرَةَ مَنْبُوْشَةٌ لَمْ تَصِحَّ صَلاَتُهُ فِيْهَا بِلاَ خِلاَفٍ إِذَا لَمْ يَبْسُطْ تَحْتَهُ شَيْئاً، وَإِنْ تَحَقَّقَ عَدَمَ نَبْشِهَا صَحَّتْ بِلاَ خِلاَفٍ، وَهِيَ مَكْرُوْهَةٌ كَرَاهَةَ تَنْزِيْهٍ
"หากเขาตรวจสอบแล้วว่าแท้จริงกุบูรนั้นได้ถูกขุดขึ้น ก็ถือว่าละหมาดของเขาที่กุบูรใช้ไม่ได้โดยไม่มีการขัดแย้งกัน (ทั้งนี้ทั้งนั้น) เมื่อเขาไม่ได้ปูสิ่งหนึ่งไว้ข้างใต้เขา , และถ้าหากเขาตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มีการขุดกุบูร ละหมาดของเขาถือว่าใช้ได้โดยไม่มีการขัดแย้งกัน แต่มันเป็นเพียงมักโระฮ์แบบธรรมดา(ไม่ใช่ฮะรอม)" หนังสือมัจญฺมั๊วะ 3/164
4. มัซฮับฮัมบาลีย์
ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ได้กล่าวว่า
إِخْتَلَفَتِ الرِّوَايَةُ عَنْ أَحْمَدَ رَحِمَهُ اللهُ , فِي الصَّلاَةِ فِيْ هَذِهِ الْمَوَاضِعِ فَرُوِىَ أَنَّ الصَّلاَةَ لاَ تَصِحُّ فِيْهَا بِحَالٍ
"มีสายรายงานจากท่านอะห์มัด ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ที่แตกต่างกัน ในเรื่องของละหมาดในสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ (เช่นสถานที่ห้องน้ำ , สถานที่กุบูร , เป็นต้น) ดังนั้นได้ถูกรายงาน(จากท่านอะห์มัด)ว่า แท้จริงการละหมาดในกุบูรนั้นใช้ไม่ได้เลยไม่ว่าสภาพใดก็ตาม"
หลังจากนั้นท่านอิบนุกุดามะฮ์ ได้กล่าวว่า
وَعَنْ أَحْمَدَ رِوَايَةُ أُخْرَى أَنَّ الصَّلاَةَ فِيْ هَذِهِ المَوَاضِعَ صَحِيْحَةٌ مَا لَمْ تَكُنْ نَجَسَةً وَهُوَ مَذْهَبُ مَالِكٍ وَأَبِيْ حَنِيْفَةَ وَالشَّافِعِيِّ
"และรายงานจากท่านอะห์มัดอีกการรายงานหนึ่งว่า แท้จริงการละหมาดในบรรดาสถานที่เหล่านี้ ถือว่าใช้ได้ ตราบใดที่ไม่เป็นนะยิส และทัศนะนี้ก็เป็นมัซฮับของท่านมาลิก , อะบูฮะนีฟะฮ์ , และอัชชาฟิอีย์ , อีกด้วย" หนังสืออัลมุฆนีย์ 2/468
ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ได้กล่าวสนับสนุนสายรายงานที่สองของท่านอะห์มัดว่า
وَيَحْتَمِلُ أَنَّ الْمَنْعَ فِيْ هَذِهِ الْمَوَاضِعِ مُعَلَّلٌ بِأَنَّهَا مَظَانٌّ لِلنَّجَاسَاتِ فَإِنَّ الْمَقْبَرَةَ تُنْبَشُ وَيَظْهَرُ التُّرَابُ الَّذِيْ فِيْهِ صَدِيْدُ الْمَوْتَى وَدِمَاؤُهُمْ وَلُحُوْمُهُمْ...فَنُهِىَ عَنِ الصَّلاَةِ فِيْهَا لِذَلِكَ وَتُعُلَّقَ الْحُكْمُ بِهَا وَإِنْ كَانَتْ طَاهِرَةً لِأَنَّ المَظِنَّةَ يَتَعَلَّقُ الْحُكْمُ بِهَا وَإِنْ خَفِيَتِ الحِكْمَةُ فِيْهَا, وَمَتىَ أَمْكَنَ تَعْلِيْلُ الحُكْمِ تَعَيَّنَ تَعْلِيْلُهُ وَكَانَ أَوْلَى مِنْ قَهْرِ التَّعَبُّدِ وَمَرَارَةِ التَّحَكُّمِ
"ตีความได้ว่า การห้าม(ละหมาด)ในสถานที่เหล่านี้ ถูกให้เหตุผลว่า มันเป็นสถานที่เสี่ยงต่อการมีนะยิส เพราะกุบูรอาจจุถูกขุดขึ้นมา และปรากฏว่าเป็นดินที่มีน้ำหนองของคนตาย มีเลือดและเนื้อของพวกเขา...ดังนั้นที่ถูกห้ามจากการละหมาดในกุบูรก็เพราะเหตุ(การมีนะยิส)ดังกล่าว และฮุกุ่มการมีนะยิสก็จะถูกเกี่ยวพันกับเรื่องละหมาด หากแม้ว่ากุบูรจะสะอาดก็ตาม (ก็ถือว่ามักโระฮ์ละหมาด) เพราะสถานที่(ที่เสี่ยงต่อการมีนะยิส)นั้น ฮุกุ่มก็จะเกี่ยวข้องด้วยกับมัน หากแม้ว่าเคล็ดลับ(การห้ามละหมาดที่กุบูร)จะไม่ชัดเจนก็ตามที และเมื่อสามารถให้เหตุผลของฮุกุ่มได้แล้ว ก็จะต้องเจาะจงเหตุผลของฮุกุ่มนั้น และดังกล่าวย่อมดีเลิศยิ่งกว่าการคาดคั้นให้เป็นเรื่องของการภักดี(โดยห้ามละหมาดที่กุบูรแบบไร้เหตุผล)และดีกว่าความขมขืนจากการพูดตามอำเภอใจ(โดยไร้เหตุผล)..." หนังสืออัลมุฆนีย์ 1/718
ทัศนะของสะลัฟที่มีต่อฮุกุ่มการละหมาดที่กุบูรนั้น ท่านอัลมุนซิรได้กล่าวว่า "ส่วนหนึ่งจากผู้ที่รายงานจากพวกเขาว่ามักโระฮ์ละหมาดในกุบูร คือ ท่านอะลี , ท่านอิบนุอับบาส , ท่านอิบนุอุมัร , ท่านอะฏออฺ , ท่านอันนะคะอีย์ , และผู้มีทัศนะไม่มักโระฮ์ละหมาดในกุบูรคือ ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ , ท่านวาษิละฮ์ บิน อัลอัสเกาะอฺ , และท่านอัลฮะซัน อัลบะซอรีย์" ทบทวนจากหนังสือ อัลเอาซัฏ 2/083
ดังนั้นซอฮาบะฮ์และสะลัฟได้ถูกรายงานจากพวกเขาที่ว่า การละหมาดที่กุบูรเป็นมักโระฮ์เท่านั้น เฉกเช่นเดียวกับสายรายงานหนึ่งจากท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล ฉะนั้นท่านอะบูฮะนีฟะฮ์ , ท่านมาลิก , และท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ ย่อมสอดคล้องกับทัศนะของซอฮาบะฮ์และปราชญ์สะลัฟท่านอื่น ๆ ยิ่งกว่า
ท่านอิมามอิบนุรอญับ ปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์ ได้กล่าวว่า
وَأَكْثَرُ العُلَمَاءِ عَليَ أَنَّ الكَراَهَةَ فِيْ ذَلِكَ كَراَهَةُ تَنْزِيْهٍ ، وَمِنْهُمْ مَنْ رَخَّصَ فِيْهِ
"
ปราชญ์ส่วนมากมีทัศนะว่า การมักโระฮ์ในสิ่งดังกล่าว(ละหมาดในกุบูร) นั้นเป็นมักโระฮ์แบบตันซีฮฺ(มักโระฮ์แบบธรรมดามิใช่ฮะรอม) และนักปราชญ์บางส่วน มีทัศนะผ่อนปรนในสิ่งดังกล่าว" ฟัตฮุลบารีย์ 3/197 ของท่านอิบนุรอญับ
สรุปคือ บรรดาอิมามทั้งสามมัซฮับ คืออิมามอะบูฮะนีฟะฮ์ , อิมามมาลิก , อิมามอัชชาฟิอีย์ , นั้นอนุญาตให้ทำการละหมาดที่กุบูรได้แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่าดินที่กุบูรต้องไม่มีนะยิสผสมอยู่ สำหรับมัซฮับอิมามอะห์มัดนั้น คือห้ามละหมาด แต่ท่านอิบนุกุดามะฮ์ได้ให้น้ำหนักว่า สาเหตุที่ห้ามคือมีนะยิส ซึ่งตรงนี้จึงทำให้เกิดทัศนะที่สอดคล้องต้องกันระหว่างมัซฮับทั้งสี่ที่ว่า การละหมาดที่กุบูรอนุญาตให้กระทำได้เมื่อปราศจากนะยิส วัลลอฮุอะลัม
ส่วนเมืองไทยบ้านเรานั้นไม่มีปัญหาในการละหมาดที่กุบูร เพราะขนาดละหมาดที่บ้านก็ยังปูผู้สัจญาดะฮ์ และหากมีการละหมาดที่กุบูรกันขึ้นก็ต้องปูเสื่อละหมาดกันอย่างที่เราได้เห็นกัน ซึ่งไม่มีปัญหาการยืนบนพื้นดินกุบูรที่เจอปนนะยิสอย่างแน่นอน
_____________________
