สมมุติว่าถ้าหากว่าอูลามาอ์อิสลามทั้งหมดมีความคิดเห็นและได้ลงมติว่า มีความคิดเห็นสอดคล้องกัน แน่นอนสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นอิจมาห์อูลามาอ์ ซึ่งสิ่งนั้น(ประเด็นปัญหา)ก็จะตกเป็นวาญิบสำหรับมุสลิมทุกคน
ถูกต้องแล้วครับ หากไม่มีการคิลาฟกัน หรือห้ามมีการคิลาฟ แน่นอนว่า การอิจญฺฮาด (วินิจฉัย) จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากอุลามาอ์แต่ละท่านเกรงกลัวว่า การวินิจฉัยของตนจะไปขัดแย้งกับคนอื่น จนเกิดการขัดแย้งขึ้นมา แต่การขัดแย้งประเภทที่ถูกตำหนิของศาสนาและทำให้เกิดความวิบัติ คือดังนี้ครับ
การละเมิดทัศนะของพี่น้องมุสลิมีนจึงเกิดขึ้น ประเด็นคิลาฟิยะฮ์จึงกลับกลายเป็นปัญหาคิลาฟิยะฮ์
ท่านผู้อ่านที่มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลเลาะฮ์ อีกทั้งเป็นผู้ที่มีความสัจจริงในความเป็นอิสลามของเขานั้น พึงตระหนักว่า นี่คือข้อเท็จจริงที่ควรทราบ โดยที่เราสามารถหวนกลับไปวิเคราะห์กิตาบุลลอฮ์ ที่ไม่ได้กำชับให้ระวังเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือการมีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องของการวินิจฉัยในหลักการของศาสนาแต่อัลกุรอานได้เตือนให้ระวังผลอันเลวร้ายที่จะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ความแตกแยกที่เป็นผลมาจากการขัดแย้งในประเด็นการวินิจฉัยในเรื่องของศาสนา ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาคำตรัสของอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮ์ฯ ที่บัญชาแก่บรรดามุสลิมีน ที่ว่า
واعتصموا بحبل الله جميعا ولا تفرقوا
"พวกเจ้าจงยึดสายเชือก(ศาสนา)แห่งอัลเลาะฮ์พร้อมเพรียงกันเถิดและพวกเจ้าอย่าได้แตกแยก"
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสว่า "พวกเจ้าอย่าได้แตกแยก" ไม่ใช่ตรัสว่า "พวกเจ้าอย่าได้ขัดแย้ง" ในประเด็นการวินิจฉัยเรื่องของศาสนา
ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาอีกเช่นกัน จากคำตรัสของพระองค์ ที่ว่า
وأطيعوا الله ورسوله ولا تنازعوا فتفشلوا وتذهب ريحكم واصبروا إن الله مع الصابرين
"และพวกเจ้าทั้งหลายจงภักดีต่ออัลเลาะฮ์และศาสนทูตของพระองค์และพวกเจ้าอย่างได้โต้แย้งกัน แล้วพวกเจ้าก็มีความขลาดกลัวและพลังของพวกเจ้าสูญสลาย
และพระองค์ทรงอยู่พร้อมกับบรรดาผู้อดทนเสมอ"
ดังนั้น ประเภทการขัดแย้งกันที่ทำให้พลังของเราสูญสลาย ไม่เป็นความเมตตาอย่างแน่นอนครับ
วัลลอฮุอะลัม