السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته
การฮุกุ่มบุคคลหนึ่งหรือแนวทางหนึ่งว่าเป็นกาเฟรนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญและควรระวังเป็นอย่างยิ่ง ต้องด้วยหลักฐานที่ชัดเจนและเด็ดขาด ไม่ใช่ด้วยหลักฐานที่คลุมเครือหรือตีความไปเป็นอย่างอื่นได้ การฮุกุ่มกาเฟรกับผู้อื่นโดยใช้อารมณ์นัฟซูนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และหากเขาเป็นไม่เป็นกาเฟรจริงอย่างที่เขากล่าวอ้าง แน่นอน การเป็นกาเฟรนั้น ย่อมหวนกลับไปยังตัวของเขาอย่างแน่นอน ส่วนกรณีของผู้ฮุกุ่มกาเฟรกับผู้อื่นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น ศาสนาย่อมอนุโลมให้หากเขาได้ถอนคำพูดจากสิ่งที่เขาได้เคยพูดฮุกุ่มออกไป
การกล่าวฮุกุ่มผู้หนึ่งว่าเป็นมุสลิมโดยผิดพลาด ย่อมดีกว่า การกล่าวฮุกุ่มผู้หนึ่งว่าเป็นกาเฟรโดยผิดพลาด แต่หากมีกลุ่มหนึ่งได้กล่าวฮุกุ่มกาเฟรกับบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)ผู้อาวุโสแห่งโลกอิสลาม ดังนั้น หากบรรดาซอฮาบะฮ์ไม่ได้เป็นกาเฟรจริงตามหลักการ แน่นอน กลุ่มนั้น ย่อมเป็นพวกกาเฟรตามหลักการศาสนาด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน โลกอิสลามมีความอ่อนแอ กลุ่มบิดอะฮ์และลัทธิบิดเบือนต่าง ๆ ที่อิงต่อศาสนาอิสลามที่หลักการของพวกเขาเคยสูญหายไป กลับสามารถเงยศีรษะขึ้นมาได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ว่าด้วยปัจจัยของเม็ดเงินหรือกลุ่มนอกศาสนาให้การสนับสนุน ต่างฝ่ายก็มีความปีติยินดีในแนวทางของตน ชีอะฮ์ตัดสินผู้ที่ไม่ได้อยู่แนวทางของตนเป็นกาเฟร และตำราบางเล่มของพี่น้องวะฮาบีย์ ก็กล่าวฮุกุ่มพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ อัลอะชาอิราะฮ์ว่า เป็นกาเฟร บางคนฮุกุ่มซูฟีย์แบบเหมารวมว่าเป็นกาเฟร เป็นพวกมุชริกีน แต่เราขอคิดในแง่ดีที่ว่า มันเป็นเพียงความผิดพลาดจากอุลามาอ์บางท่านที่มีแนวคิดวะฮาบีย์ เราจึงไม่ขอฮุกุ่มว่าพวกเขาเป็นกาเฟรแต่อย่างใด เนื่องจากเรายังมีหลักการหลัก ๆ ของศาสนาเดียวกัน ที่ดีที่สุดตอนนี้ เราเพียงแค่พยายามชี้แจงให้พวกเขาเข้าใจเท่านั้น
ชีอะฮ์อ้างว่าเขาตามอะฮ์ลิลบัยต์ และอ้างว่าพวกเขาคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ที่แท้จริง พี่น้องวะฮาบีย์อ้างว่าพวกเขาคือผู้เจริญรอยตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ อีกทั้งเจริญตามแนวทางของสะลัฟ กลุ่มมั๊วะตะซิละฮ์ก็อ้างว่าพวกเขาตามอัลกุรอานและซุนนนะฮ์ พวกอัลมุญัสสิมะฮ์ก็อ้างว่าสิ่งที่พวกเขาศรัทธานั้น คือแนวทางของสะลัฟ ส่วนอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ อัลอะชาอิเราะฮ์นั้น พวกเขาก็กล่าวว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ มีอากิดะฮ์ตามแนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ แล้วน้อง al-adalah 1 คงจะตั้งคำถามในใจซิว่า แล้วแนวทางใดกันที่เราจะตาม ในเมื่อทุกแนวทางอ้างว่า ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ อ้างว่ารักในอะฮ์ลิลบัยต์ลูกหลานของท่านนบี(ซ.ล.)
น้องโปรดทราบว่า หลังจากท่านนบี(ซ.ล.)เสียชีวิตนั้น มุสลิมส่วนมากในยุคสมัยของซอฮาบะฮ์มีอากิดะฮ์เดียวกัน หลังจากนั้น ยุคสมัยบรรดาตาบิอีนส่วนมากก็ทำการแบกรับหลักอากิดะฮ์อิสลามที่บรรดาซอฮาบะฮ์ให้การสืบทอดมา หลังจากนั้น ยุคสมัยบรรดาตาบิอิตตาบิบีนส่วนมากก็รับสืบทอดหลักอากิดะฮ์และหลักการอิสลามจากบรรดาตาบิอีนส่วนมากได้สืบทอดหลักการของพวกเขาต่อกันมา และยุคสมัยหลังจากบรรดาตาบิอิตตาบิอีนก็ได้แบกรับสืบทอดหลักอากิดะฮ์และหลักการอิสลามของชนส่วนมากยุคก่อนจากนั้น สืบต่อกันมาประดุจลูกโซ่โดยไม่มีการขาดตอนจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่อากิดะฮ์หรือหลักการของอิสลามจะมีการขาดตอนในช่วงสมัยหนึ่งหรือยุคสมัยหนึ่ง ๆ เนื่องจากมันจะเป็นช่วงโหว่ให้ศรัตรูทำลายล้างอิสลามลงไปได้ อัลเลาะฮ์จะทรงให้ชนกลุ่มหนึ่งทำการยืนหยัดหลักการของอิสลามไว้ในทุกศตวรรษ โดยไม่มีผู้ใดจากทำลายพวกเขาลงไปได้ และหลักอากิดะฮ์และหลักการของอิสลามของชนส่วนมากนั้น จะกลายเป็นเรื่องแปลกและพวกเขาจะกลายเป็นคนแปลกหน้าในวันใกล้สิ้นโลก ดังนั้น หากน้อง al-adalah 1 ยังคงมีความสงสัย น้องก็จงยึดคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) ที่ว่า
عليكم بالجماعة
"พวกท่านจงยึดกลุ่มชน"
ซึ่งกลุ่มชนนี้ หมายถึง السواد الأعظم "หลักการของชนส่วนใหญ่ของอิสลาม" แม้น้องจะอยู่คนเดียวก็ตาม วัลลอฮุอะลัม