สมุนไพร สู้ ไข้หวัด

[as-satuly]

Tweet

salam

สมุนไพรสู้หวัด

ตัวเลขคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำเอากระจิตกระใจคนไทยเครียดกันถ้วนหน้า แต่ถ้าจำกันได้ดีถึงแผนงานและเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก ที่เคยประกาศไว้ “สุขภาพดีถ้วนหน้า หรือ Health for All” ภายในปีค.ศ. 2000 แม้ผ่านมาแล้วแต่สาระสำคัญของการมีสุขภาพดีถ้วนหน้ายังเป็นสิ่งสำคัญในยุค ไข้หวัดใหญ่ระบาดทั่วโลก
    เวลา นี้คนไทยควรจะมีความตระหนักแต่ไม่ตระหนก มีความตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตูม ดังคำพระท่านสอนอย่าร้อนรนเกินเหตุ ขอให้มี “สติ” และตั้งอยู่ในความ “ไม่ประมาท”
    ที่ว่ามีสติและยึดหลักสุขภาพดีถ้วนหน้านั้น ในทางวิชาการจำเป็นต้องอาศัยทั้งระบบการแพทย์หรือระบบบริการสาธารณสุขที่ ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อความฉับไวแก้ไขได้ทันการณ์ แต่อีกระบบคือระบบการรู้จักดูแลสุขภาพของภาคประชาชนก็มีความสำคัญไม่ยิ่ง หย่อนกว่ากัน ในประวัติศาสตร์โรคระบาดทั้งหลาย ตั้งแต่กาฬโรคในยุโรปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ก็หยุดได้เพราะกำจัดหนูดูแลสุขอนามัย อหิวาตกโรคที่เคยจางหายไปจากเมืองไทยก็กำลังกลับมาใหม่ การหยุดการระบาดอาการท้องร่วงรุนแรงนี้ ป้องกันได้ง่ายๆ จากการกินอาหารสุกสะอาด
    ไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา ที่มียุงเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเข้าสู่คนก็สามารถขีดวงลดความรุนแรงได้เพราะ กำจัดแหล่งเพาะยุงลาย ปรับพฤติกรรมเปลี่ยนสุขนิสัยต่างๆลำพังรัฐเที่ยวเดินฉีดพ่นควันกำจัดยุง ลายอย่างเดียวยังทำได้ไม่เต็มที่ ต้องอาศัยการดูแลสุขภาพภาคประชาชนช่วยจึงสกัดกั้นได้ดีขึ้น
    แต่โรคระบาดไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์เก่าและใหม่ ทำให้เราเครียดเพราะไม่ใช้สัตว์เป็นพาหะนำโรค แต่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อีกทั้งไวรัสก็เดินทางได้อย่างเสรีไม่ต้องมีพาสปอร์ตไม่ต้องขอวีซ่า ดังนั้นการควบคุมจึงยากลำบากเป็นทวีคูณ แต่ก็ไม่ต้องตกใจเกินเหตุ เพราะขณะนี้ความรู้เกี่ยวกับไข้หวัดนี้มีมากขึ้น รู้ว่าถ้าติดหวัดในผู้ใหญ่ร่างกายของเราพอสู้กับโรคได้ ยกเว้นกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และบุคคลที่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เช่น มะเร็ง เบาหวานรุนแรง ฯลฯ ไวรัสหวัดใหญ่ตัวนี้ก็จะสร้างความรุนแรงได้ง่าย คน 3 กลุ่มนี้จำเป็นต้องกินยาระงับเชื้อไวรัสเป็นการเฉพาะ
    ดังนั้นถ้าเรายึดหลัก สุขภาพดีถ้วนหน้าที่มีความเชื่อมั่นในระบบการดูแลสุขภาพภาคประชาชน ซึ่งเป็นขาอีกข้างหนึ่งที่ช่วยสร้างสุขภาพของเรา เมื่อเผชิญกับไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่(สายพันธุ์เก่า) และไข้หวัดใหญ่ 2009 การปฏิบัติตัวที่เรียนรู้สืบกันมา คือ เมื่อเป็นหวัดก็หยุดงาน หยุดเรียน หยุดกิจกรรมใดๆ นอนพักที่บ้านดีที่สุด ดื่มน้ำอุ่นมากๆ ไม่ออกไปเดินตากลมตากแดด และกินยาตามอาการ เช่น มีไข้กินยาลดไข้ ไอก็กินยาแก้ไอ น้ำมูกไหลย้อยก็กินยาลดน้ำมูก
    ใครเป็นหวัดมักมี 3 อาการหลัก และสมุนไพรมีคำตอบ
    สมุนไพรแก้หวัดแก้ไข้มีหลายชนิด ที่รู้จักกันดีและเป็นที่นิยมซึ่งหลายท่านรู้จักดีก็ขอเป็นการย้ำเตือนให้เห็นศักยภาพ คือ ต้นฟ้าทะลายโจร ขณะนี้มีการผลิตเป็นยาแคปซูล และเป็นยาเม็ดลูกกลอนรับประทานง่าย ข้อแนะนำให้กินยาฟ้าทะลายโจรตั้งแต่เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจะมีไข้ จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดี และกินวันละ 4 ครั้ง ถ้าท่านใดปลูกไว้ที่บ้าน เด็ดใบล้างน้ำสะอาด สัก 3-4 ใบ ใส่แก้วชงน้ำร้อนปิดฝาทิ้งไว้ 10-15 นาที ให้น้ำร้อนสกัดตัวยาและรอให้น้ำยาอุ่นจึงดื่มให้หมดแก้ว หรือให้ยาออกฤทธิ์แรงดี ให้ใช้ฟ้าทะลายโจร 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3 แก้ว ต้มเดือดนาน 10 นาที กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน ฟ้าทะลายโจรมีรสขม เข้าหลักโบราณที่ว่า หวานเป็นลมขมเป็นยา
    ยารสขมที่ดีอีกชนิดหนึ่งคือ บอระเพ็ด ซึ่ง มีคุณสมบัติเป็นยาเย็นคล้ายฟ้าทะลายโจร หมอไทยแต่โบราณใช้บอระเพ็ดเป็นยาแก้ไข้กันมาก และยังมีสรรพคุณแก้ร้อนใน และเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย ในอดีตจึงมีการปรุงยาบอระเพ็ดเป็นยาอายุวัฒนะ หรือทำเป็นอาหารให้กินง่ายขึ้น เช่น บอระเพ็ดแช่อิ่ม ปัจจุบันมีการนำเถาบอระเพ็ดมาตากแห้ง บดเป็นผงใส่แคปซูล กินแก้ไข้หวัดได้
    ตัวยารสขมของสมุนไพรเหล่านี้ มักใช้ได้ดีกับอาการไข้หวัดใหญ่ และในตำราโบราณในคัมภีร์ตักกะศิลา ซึ่งถือว่าเป็นตำรายาเกี่ยวกับโรคระบาด ได้กล่าวถึงอาการไข้หวัดที่ระบาดแต่โบราณ ให้กินยาชนิดหนึ่งในการกระทุ้งพิษไข้ออกจากร่างกาย ชื่อว่าแก้วห้าดวง ประกอบด้วย 1) รากชิงชี่ 2) รากย่านาง 3) รากคนทา 4) รากเท้ายายม่อม 5) รากมะเดื่อชุมพร ใช้อย่างละเท่าๆกัน บดผงชงน้ำดื่ม หรือผสมน้ำผึ้งปั้นเม็ดกิน กินครั้ง 3- 5 เม็ด ก่อนอาหาร วันละ 3-4 ครั้ง
    ตำรับยานี้ หมอพื้นบ้านหลายท่านที่รู้จักกับทางมูลนิธิสุขภาพไทย เห็นว่าใช้กับไข้หวัดต่างๆได้ดี และเป็นตำรัยาที่ขณะนี้คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ประกาศให้เป็น 1 ใน 19 ตำรับยาสมุนไพรที่อยู่ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่คนไทยจำนวนมากไม่รู้เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก
    สำหรับอาการไอและเจ็บคอมักมีมากับหวัด ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์แก้เจ็บคอและแก้ไอได้ด้วย แต่ถ้าให้รสชาติอร่อยแนะนำให้อมยาอมมะแว้งสมุนไพรตำรับโบราณที่ขณะนี้เป็น ที่นิยมของชาวบ้านที่ไปหาหมอตามโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ และถ้าลดน้ำมูกให้ใช้สมุนไพรใกล้ที่อาจนึกกันไม่ถึง คือ ขิง ให้ใช้ขิงแก่ ฝานเป็นแว่นๆ ใส่แก้วเติมน้ำร้อน แช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที เอากากออก แต่งด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มกินช่วยลดน้ำมูกและแก้ไอได้
แม้ว่าสมุนไพรจะมีศักยภาพดี แต่เราก็ต้องเรียนรู้จักอาการและร่างกายของเราด้วย เนื่องจากในบางครั้ง โรครุนแรง ยาไม่ตรงกับโรค หรือในภาวะร่างกายอ่อนแอมาก ดังนั้นหากดูแลสุขภาพและกินสมุนไพรอย่างดีแล้ว แต่ไข้หวัดก็ยังไม่ทุเลาหรือดีขึ้นเลยภายใน 2-3 วัน แบบนี้ตัองยึดแนวทาง “ไม่ประมาท” จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลดูแลใกล้ชิดต่อไป.

ที่มา  http://www.thaihof.org/frontherb/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94

วัสสลาม

[Nur-inee]

ญาซากัลลอฮูคอยรอนสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

[ILHAM]

ผมทำน้ำฯกินเองวันเดียวหาย