กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
กระทู้ที่น่าสนใจ
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
แวดวงมุสลิม
»
ข่าวสารและสังคมมุสลิม
»
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (อ่าน 1484 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
as-satuly
พลังแห่งการศรัทธา
เพื่อนแท้ (-.^)
กระทู้: 997
เพศ:
Respect:
+10
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
เมื่อ:
ก.ค. 17, 2009, 12:21 AM »
0
Tweet
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (Influenza A H1N1)
ไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดตามข่าวอยู่ในขณะนี้คือโรคอะไร
* เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในคน แพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คน
* ไม่พบว่ามีการติดต่อมาจากสุกร
* เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 (A/H1N1) ซึ่งเป็นเชื้อตัวใหม่ที่ไม่เคยพบทั้งในสุกรและในคน
* เป็นเชื้อที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ซึ่งมีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่คน ไข้หวัดใหญ่สุกร และไข้หวัดใหญ่สัตว์ปีกด้วย
* เริ่มพบการระบาดที่ประเทศเม็กซิโก และแพร่ไปกับผู้เดินทางไปในอีกหลายประเทศ
* ระยะ แรก กระทรวงสาธารณสุขใช้ชื่อโรคนี้ว่า “โรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก” และเมื่อองค์การอนามัยโลกได้ประกาศชื่อเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1” และใช้ชื่อย่อว่า “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009”
เหตุใดจึงไม่ใช้คำว่าไข้หวัดสุกร
* เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ใหม่ ในการรายงานโรคนี้ช่วงแรกในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Swine Flu” หรือไข้หวัดใหญ่สุกร
* โดย ปกติแล้ว ไข้หวัดใหญ่สุกรเป็นโรคทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นในสุกร มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หลายชนิด เช่น H1N1, H1N2, H3N1 และH3N2 แต่ละชนิดมีหลากหลายสายพันธุ์
* ตามปกติการเกิดโรคในสุกร บางครั้งอาจมีผู้ติดเชื้อจากสุกรและป่วยซึ่งเกิดไม่บ่อยนัก การติดเชื้อเกิดโดยคนหายใจเอาละอองฝอยเมื่อสุกรไอ หรือจาม เข้าไป หรือการสัมผัสกับสุกร หรือสิ่งแวดล้อมที่สุกรอาศัยอยู่
* อย่างไรก็ ตามเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโกนี้ ผลการตรวจวิเคราะห์ในระดับพันธุกรรมพบว่า เป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่พบในคน และยังไม่เคยพบในสุกรมาก่อน และการระบาดดังกล่าว ไม่มีรายงานโรคนี้ระบาดในสุกรทั้งในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา และผลการสอบสวนโรค ไม่พบผู้ใดติดโรคจากสุกร หากแต่เป็นการแพร่กระจายโรคจากคนสู่คนเท่านั้น
* ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 องค์การอนามัยโลกได้เปลี่ยนการเรียกชื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากที่เคย เรียกว่า ไข้หวัดสุกร หรือ สไวน์ ฟลู (Swine Flu) และไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก เป็น “ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1” (Influenza A H1N1)
* กระทรวง สาธารณสุขไทยจึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1” และชื่อย่อว่า “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” เพื่อสื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจตรงกัน ไม่สับสนกับไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ที่เกิดตามฤดูกาล ซึ่งเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่คนละตัวกัน
เกิดการระบาดขึ้นที่ประเทศใดบ้าง
* ตั้งแต่ ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2552 เป็นต้นมา เริ่มพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และผู้ป่วยปอดบวม จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก (ณ วันที่ 29 เมษายน 2552) มีผู้ป่วยที่มีผลยืนยัน ทางห้องปฏิบัติการ 257 รายใน 11 ประเทศ ในเม็กซิโก 97 ราย เสียชีวิต 7 ราย สหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วย 109 รายใน 11 มลรัฐ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย 14 ราย เท็กซัส 26 ราย นิวยอร์ก 50 ราย แคนซัส 2 ราย แมสซาชูเซทส์ 2 ราย มิชิแกน 1 ราย โอไฮโอ 1 ราย อริโซนา 1 ราย อินเดียนา 1 ราย และ เนวาดา 1 ราย นอกจากนั้นยังพบผู้ป่วยติดเชื้อในออสเตรีย 1ราย แคนาดา 19 ราย เยอรมนี 3 ราย อิสราเอล 2 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย นิวซีแลนด์ 3 ราย สเปน 13 ราย และ สหราชอาณาจักร 8 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
* ท่านสามารถติดตามรายงานสถานการณ์โรคได้ที่ สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
เคยพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีในประเทศไทยหรือไม่ (รายชื่ออย่างเป็นทางการ)
* วันที่ 12 พ.ค. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทย 2 รายแรกในไทย
* วันที่ 30 พ.ค. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 3
* วันที่ 31 พ.ค. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 4
* วันที่ 2 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 5
* วันที่ 4 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 6 - 8
* วันที่ 6 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 9
* วันที่ 8 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 10
* วันที่ 9 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 11 - 13
* วันที่ 10 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 14 - 16
* วันที่ 11 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 17 - 46
* วันที่ 14 มิ.ย. 52 ขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยรายที่ 47 - 150
คนติดโรคนี้ได้อย่างไร
* คนส่วนใหญ่ติดโรคไข้หวัดใหญ่จากการถูกละอองฝอยไอจาม น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยโดยตรง
* บาง รายอาจได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ลูกบิดประตู โทรศัพท์ แก้วน้ำ เป็นต้น
* ไม่มีรายงานการติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมู
* ผู้ ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อไวรัส 1 – 3 วัน น้อยรายที่นานถึง 7 วัน และอาจเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนป่วย ช่วง 3 วันแรกจะแพร่เชื้อได้มากสุด และระยะแพร่เชื้อมักไม่เกิน 7 วัน
คนสามารถแพร่เชื้อนี้ให้แก่สัตว์อื่นได้หรือไม่
* องค์กร โรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ ได้เผยแพร่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 พ.ค.52 ว่า มีรายงานสุกรติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช 1 เอ็น 1 นี้จากคน และพบการระบาดของโรคนี้ในสุกรแล้วในประเทศแคนาดา
ขณะนี้สามารถรับประทานเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากหมู ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
* การบริโภคเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากหมูที่ปรุงสุกนั้นปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
* เนื่อง จากไม่ใช่เชื้อไข้หวัดใหญ่สุกรตัวดั้งเดิมที่พบในสุกร ซึ่งแม้เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สุกรตัวดั้งเดิม การติดต่อจากสุกรก็เกิดได้น้อยมาก และติดต่อโดยการสัมผัสกับน้ำมูกน้ำลายสุกรป่วยเป็นหลัก
* นอกจากนั้น เชื้อไว้รัสไข้หวัดใหญ่ก็จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อนจากการปรุงอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไปด้วย
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีอะไรบ้าง
* อาการใกล้เคียงกับอาการโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบตามปกติ เช่น
- ไข้สูง
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ไอ
- เจ็บคอ
- อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียด้วย
* ผู้ ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง สามารถหายป่วยโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แต่ผู้ป่วยหลายรายในเม็กซิโกมีอาการปอดอักเสบรุนแรง (หอบ หายใจลำบาก) และเสียชีวิต
มียาชนิดใดบ้างที่สามารถรักษาโรคนี้ได้
* ยาต้านไวรัสซึ่งใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่นี้ได้ผล คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) เป็นยาชนิดกิน และยา zanamivir เป็นยาชนิดพ่น
* แต่ผลการตรวจเชื้อไวรัสนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าเชื้อนี้ดื้อต่อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine
* ยา ต้านไวรัส oseltamivir จะให้ผลรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ดีที่สุด ถ้าผู้ป่วยได้รับยาเร็วภายใน 2 วันนับตั้งแต่เริ่มมีไข้
ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ในไทย ขณะนี้มีพอเพียงหรือไม่
* ประเทศ ไทยได้สำรองยานี้ไว้พอเพียงสำหรับการรักษาผู้ป่วย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้สำรองยาที่นี้ไว้พอเพียง เพื่อการควบคุมการระบาดจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ณ จุดเกิดเหตุ โดยสำรองยาพร้อมใช้ทั่วประเทศจำนวน 3,250,000 แคปซูล (สำหรับผู้ป่วย 325,000 ราย)
* และองค์การเภสัชกรรมกำลังนำวัตถุดิบที่สำรองมาผลิต ยานี้ (GPO-A-Flu®) ได้สำหรับ 1,000,000 แคปซูล (สำหรับผู้ป่วย 100,000 ราย) ในอีก 4 วันข้างหน้า
* นอกจากนี้ ยังพร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตสูงสุดหากเกิดการระบาดใหญ่ ได้อีก 1,000,000 แคปซูล (สำหรับผู้ป่วย 100,000 ราย) ด้วย
มีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้หรือไม่
* ขณะ นี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่องค์การอนามัยโลกได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทผู้ผลิต เร่งการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ดังกล่าว
* ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ผลิตใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ได้
ก่อนเดินทางไปในพื้นที่ระบาด จะต้องรับประทานยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพื่อการป้องกันหรือนำยาติดตัวไปด้วยหรือไม่
* ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้เพื่อการรักษาโรคตามคำสั่งของแพทย์ โดยต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ชัดเจน
* สำหรับ ประชาชนทั่วไปหรือผู้ที่จะเดินทางไปพื้นที่ระบาด กระทรวงสาธารณสุข ไม่แนะนำให้รับประทานยาเพื่อป้องกัน หรือนำติดตัวไปรับประทานเอง เนื่องจากยาดังกล่าวอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศรีษะ บางรายอาจพบอาการทางจิตประสาทเป็นภาพหลอนได้ กรณีเป็นหญิงตั้งครรภ์ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้
* หากมี อาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดเมื่อยตามร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ในพื้นที่ทันที เพื่อพิจารณาการให้ยาต้านไวรัส ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ต่อไป
การเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลก่อนไปหรือไม่
* ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่า วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ได้
* อย่าง ไรก็ตาม ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ประชาชนควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
1. การเดินทางไปยังพื้นที่ที่กำลังเกิดการระบาด
* หากไม่มีความจำเป็น ควรชะลอการเดินทางไปยังพื้นที่ที่กำลังเกิดการระบาดจนกว่าสถานการณ์จะยุติลง
* แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินทาง ให้
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ชุมนุมชนที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เนื่องจากมีโอกาสรับหรือแพร่กระจายเชื้อได้มาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการรับเชื้อ
- ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือปอดบวม
- ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ
- หากท่านมีอาการป่วย เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดตามเมื่อยตามร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่โรคไปยังผู้อื่น และรีบไปพบแพทย์
- ปฏิบัติตาม คำแนะนำของรัฐบาลประเทศที่ท่านจะเดินทางไปอย่างเคร่งครัด
2. ผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เกิดการระบาด
* จะได้รับการแนะนำด้านสุขภาพจากทีมแพทย์ โดยให้หยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน และสังเกตอาการตนเองทุกวัน
* หาก เกิดอาการของไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ฯลฯ ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือใช้กระดาษทิชชูปิดปากจมูกทุกครั้งที่ไอจาม และรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
* กรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์จะอนุญาตให้รักษาตัวที่บ้านได้ ควรหยุดงาน หยุดเรียน และงดไปในที่ชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่น
3. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดย
3.1 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดและนอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และสุรา
3.2 หมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการไอ จาม
3.3 หากพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ภายในบ้าน หรือสถานที่ทำงานเดียวกัน ต้องรีบแจ้งสำนักงานสาธารณสุข หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วและหน่วยงานรับผิดชอบเข้าดำเนินการป้องกัน การแพร่ระบาดทันที
4. ติดตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด
* รวมทั้งข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข
www.moph.go.th
* หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่
- ศูนย์บริการข้อมูลทางฮ็อตไลน์ของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการ แพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 1994
- ศูนย์ปฏิบัติการ ฯ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3333
กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคนี้อย่างไรบ้าง
มาตรการสำคัญ ได้แก่
* การเร่งรัดและเพิ่มระดับความเข้มข้นการเฝ้าระวังโรคกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบรุนแรง
* การตรวจคัดกรองผู้เดินทางระหว่างประเทศโดยติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิผู้เดินทาง (Infrared Thermo Scanner) ที่สนามบินนานาชาติ
* การตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย สำรองเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็น
* การสื่อสารความเสี่ยง
* การ ให้สุขศึกษาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ และให้บริการข้อมูลแก่ประชาชนผ่านศูนย์ฮ็อตไลน์ จัดทำข่าวแจก จัดการแถลงข่าว และจัดทำคำแนะนำประชาชนเผยแพร่ทางเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
หน้ากากอนามัยใช้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดได้หรือไม่
* หน้ากากอนามัยทั่วไปใช้ในผู้ป่วย และบุคลากรที่ปฏิบัติงานกับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รุนแรง
* ควรใช้หน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ ซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยขณะไอจามได้
ผู้ป่วยต้องรับการรักษาที่ใด
* ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจรักษา หรือรับคำปรึกษาได้ที่สถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่ทุกแห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน
* หากมีอาการอ่อนๆ ควรขอรับคำแนะนำและรับยาจากเภสัชกร และรักษาตัวที่บ้าน หรือขอรับคำแนะนำจากศูนย์ฮ็อตไลน์กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายการสนับสนุนยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ให้กับสถานพยาบาล อย่างไร
ภาวะปกติ
* โรง พยาบาลภาครัฐ จะได้รับการสนับสนุนจาก กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และองค์การเภสัชกรรม ตามโควต้าที่กำหนดไว้ ใช้ระบบ VMI (Vendor Managed Inventory) ในการสนับสนุนส่งยาตรงถึงโรงพยาบาลเมื่อปริมาณยาลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
* โดย มีเงื่อนไขการใช้ยาตามแนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ ฉบับปรับปรุง ปี พ.ศ. 2551 ส่วนโรงพยาบาลเอกชน ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป
ภาวะการระบาด
* การ สำรองยาต้านไวรัสในประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ทำการสำรองยาในส่วนกลาง และจะทำการแจกจ่ายยาให้โรงพยาบาลของภาครัฐ รวมทั้งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย
* ส่วนโรงพยาบาลเอกชน ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ พิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม เป็นกรณีๆ ไป
* หาก เกิดภาวะขาดแคลน องค์การอนามัยโลกและสำนักงานเลขาธิการอาเซียน จะมีการพิจารณาจัดสรรยา วัคซีน รวมทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นจากคลังสำรองระดับโลกและภูมิภาคให้กับประเทศต่างๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
หน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนจะต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
หน่วย งานต่างๆ รวมทั้งภาคเอกชนในประเทศไทยได้มีการเตรียมพร้อมในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ ของไข้หวัดใหญ่มาได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แผนการเตรียมความพร้อมที่แท้จริงในเรื่องนี้ จะประกอบไปด้วยแผนเตรียมการเพื่อตอบสนองภายนอกองค์กรรวมกับแผนประคองกิจการ ภายในองค์กร
แผนเตรียมการเพื่อตอบสนองภายนอกองค์กร เป็นการตอบสนองต่อการระบาดตามบทบาทหน้าที่เพื่อให้การช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การป้องกันควบคุมโรคและรักษาพยาบาล การประชาสัมพันธ์ การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ เป็นต้น อนึ่งการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่จะมีผลกระทบสูงและมีช่วงระยะเวลาการ ระบาดยาวนานประมาณ 3-6 เดือน จึงต้องจัดทำแผนประคองกิจการภายในองค์กร ควบคู่ไปกับแผนเตรียมการเพื่อตอบสนองภายนอกองค์กร เพื่อให้การปฏิบัติงานปกติสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และบุคลากรในองค์กรปลอดภัย ซึ่งควรดำเนินการในทุกระดับตั้งแต่ระดับประเทศ กระทรวง จังหวัด และ พื้นที่
การประคองกิจการภายในองค์กรสำหรับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ มีแนวทางการจัดทำแผนอย่างไร ?
แนวทางการจัดทำแผนประคองกิจการ ควรมีความครอบคลุมเนื้อหาทั้ง 6 ด้าน คือ
* ด้านที่ 1 การรับมือกับผลกระทบของการระบาดใหญ่ ต่อองค์กร
* ด้านที่ 2 การรับมือกับผลกระทบของการระบาดใหญ่ ต่อบุคลากรและลูกค้า
* ด้านที่ 3 การกำหนดหลักเกณฑ์ที่ต้องดำเนินการในระหว่างเกิดการระบาดใหญ่
* ด้านที่ 4 การจัดสรรทรัพยากรเพื่อการป้องกันบุคลากรและลูกค้า ในระหว่างเกิดการระบาดใหญ่
* ด้านที่ 5 การติดต่อสื่อสารและการให้ความรู้แก่บุคลากร
* ด้านที่ 6 การประสานงานกับหน่วยงานภายนอก และการช่วยเหลือชุมชน
หากหน่วยงานต่างๆ ประสงค์จะทำแผนประคองกิจการภายในองค์กร จะสามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่ใด
* กรม ควบคุมโรค ได้จัดทำ คู่มือการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่องการจัดทำแผนประคองกิจการภายในองค์กร (Business Continuity Plan : BCP) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ปี พ.ศ. 2552 และสื่อต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่
* อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถดาวน์โหลดต้นฉบับคู่มือดังกล่าว ได้จากเว็บไซต์ของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่
http://beid.ddc.moph.go.th
หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาคเอกชน จำเป็นต้องสำรองยาต้านไวรัสหรือไม่ อย่างไร
ยา ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ใช้ในขณะนี้คือ โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) โดยใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาและป้องกันโรค ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการสำรองยาต้านไวรัส เพื่อเตรียมพร้อมรับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ และเพื่อขยายปริมาณสำรองยาต้านไวรัสของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยาดังกล่าวถือเป็นยาควบคุมพิเศษ เนื่องจากต้องติดตามการดื้อยาและอาการอันไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ให้ใช้เฉพาะในสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน และแพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายยา สถานประกอบการสามารถสำรองหรือบริจาคยาผ่านโรงพยาบาลเอกชนที่กระทรวงสาธารณ สุขให้ความเห็นชอบ โดยผู้นำเข้าติดต่อส่งหลักฐานการนำเข้าให้กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และโรงพยาบาลเป็นผู้ดูแลควบคุมการใช้ยาอย่างเข้มงวดตามแนวทางของกระทรวง สาธารณสุข พร้อมทั้งรายงานการใช้ยาต่อกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการใช้ไม่ถูกต้องและป้องกันการดื้อยาจากการใช้อย่างกว้างขวาง โดยไม่จำเป็น ในระยะการระบาดใหญ่ หากยาไม่เพียงพอ รัฐอาจขอความร่วมมือในการสำรองยาไว้เพื่อรักษาในโรงพยาบาลเป็นอันดับแรก
หมาย เหตุ
: องค์กรใดต้องการสำรองยาต้านไวรัส สามารถติดต่อได้ที่โรงพยาบาลเอกชนคู่สัญญาขององค์กรนั้นๆ ทั้งนี้โรงพยาบาลเอกชนสามารถขอรายละเอียดการดำเนินงานได้ที่ กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 0 2590 7000
หากชาวต่างชาติในประเทศไทย มีอาการป่วย หรือสงสัย จะได้รับการดูแลรักษาอย่างไร
ชาว ต่างชาติ ที่อยู่ในประเทศไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาในประเทศไทย จะได้รับการดูแลรักษาพยาบาล เช่นเดียวกับประชาชนไทย โดยสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่สถานบริการทางการแพทย์ทุกแห่ง
บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วย ควรปฏิบัติอย่างไร
ท่านสามารถติดตามข้อมูล และ รายละเอียดมาตรการป้องกันควบคุมโรคสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ได้ที่
เว็บไซต์
* กระทรวงสาธารณสุข
www.moph.go.th
* สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่
http://beid.ddc.moph.go.th
* กรมควบคุมโรค
www.ddc.moph.go.th
* กรมการแพทย์
www.dms.moph.go.th
* กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
www.dmsc.moph.go.th
โทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง
* ศูนย์ บริการข้อมูลทางฮ็อตไลน์ ของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 1994
* ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3333
ข้อมูลเพิ่มเติม
* ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
- หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 1994 ตลอด 24 ชั่วโมง
- Website
http://www.moph.go.th/flu/flu.htm
* ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3333 ตลอด 24 ชั่วโมง
- Website
www.ddc.moph.go.th
* เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข
www.moph.go.th
* เว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่
http://beid.ddc.moph.go.th
* เว็บไซต์กรมการแพทย์
www.dms.moph.go.th
เว็บไซต์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
www.dmsc.moph.go.th
ที่มา
* คำ ถาม-คำตอบ เรื่อง“ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1” “Influenza A(H1N1)” โดย สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
o ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2552 เวลา 8.00 น.
o ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2552 เวลา 10.00 น.
* สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ค้นหาและสืบค้นข้อมูลจาก
:
http://www.gcc.go.th/gcc/index.php?option=com_content&view=article&id=167:-2009-1-1-influenza-a-h1n1&catid=5:faqs&Itemid=9
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 17, 2009, 12:22 AM โดย as-satuly
»
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
as-satuly
พลังแห่งการศรัทธา
เพื่อนแท้ (-.^)
กระทู้: 997
เพศ:
Respect:
+10
Re: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
ก.ค. 17, 2009, 12:31 AM »
0
salam
สามารถค้นหาและสืบค้นเพิ่มเติมได้ที่
-
สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่
:
http://beid.ddc.moph.go.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=1301867&Itemid=199
-
หน่วยบริการ
:
http://www.vachiraphuket.go.th/?name=news&file=readnews&id=220
วัสสลาม
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
As-Zaleek
เพื่อนแท้ (-.^)
กระทู้: 804
เพศ:
Respect:
+33
Re: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
ก.ค. 17, 2009, 06:09 AM »
0
salam
อย่างไรก็ตามนะครับ เราก็ต้องปกป้องกันและระวังกันเอาไว้ ด้วยการขอดุอาจากอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้พ้นจากโรคดังกล่าว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
الأيام تمضى والعمر يزيد ولكن الحب بالقلب أكيد
Nur-inee
บุคคลทั่วไป
Re: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
ก.ค. 17, 2009, 06:26 AM »
0
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
คนเดินดิน
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 1620
ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
Respect:
+17
Re: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
ตอบกลับ #4 เมื่อ:
ก.ค. 17, 2009, 10:51 AM »
0
salam
ตอนแรกเห็นเรียกกันว่าไข้หวัดหมูก็เข้าใจว่าจะเป็นแค่เฉพาะกับคนที่กินหมูซะอีก
ที่มาที่ไปเป็นเพราะเชื้อไวรัส H1n1(?) เองหรอกเหรอ ขอบคุณสำหรับข้อมูลข้างต้นนะคะ
ยังไงก็ขอให้ ซีฮัตวัลอาฟียะห์กันถ้วนหน้านะคะ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด ยาร็อบบี سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ
มัยซูน
เพื่อนสนิท (._.")
กระทู้: 280
Respect:
0
Re: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
ตอบกลับ #5 เมื่อ:
ก.ค. 17, 2009, 11:03 AM »
0
ไม่ว่าวัคซีนหรือยาต้านไวรัส แค่ต้านแต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ มีสิ่งเดียวที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ นั่นก็คือ เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในตัวเราที่พระองค์อัลเลาะฮ์(ซบ.)ประทานมาให้นั่นเอง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
ใช้สองมือหนึ่งหัวใจบอกเล่ากับพระองค์ก้มหน้าลง..แล้วขอความเมตตา
คนเดินดิน
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 1620
ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
Respect:
+17
Re: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
«
ตอบกลับ #6 เมื่อ:
ก.ค. 18, 2009, 02:13 PM »
0
^
^
^
ของแท้ ของดีไม่มีขาย
อยากได้ต้องศรัทธา (เอง)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด ยาร็อบบี سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
แวดวงมุสลิม
»
ข่าวสารและสังคมมุสลิม
»
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
GoogleTagged
google
51495398
sunnahstudents
agc