ผู้เขียน หัวข้อ: แสงที่มองไม่เห็น  (อ่าน 14329 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

BiOuH

  • บุคคลทั่วไป
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 11:57 AM »
0
สรุป ว่าไม่รู้ว่า

ปีนี้

มุสลิมไทย จะออกอีต กัน 2 วัน หรือเปล่า


ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 01:32 PM »
0
ใครภาษาไทยเกรตเอ สรุปจับใจความสำคัญให้ก๊ะเขาอ่านหน่อย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 01:40 PM »
0
 salam

ผมว่าเป็นไปได้น่ะครับ
เหมือนปีที่ผ่านมา
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 02:17 PM »
0
แสงที่ว่าอาจอยู่ในคลื่นความถี่ใต้แดง ไม่ก็เหนือม่วง เลยมองไม่เห็น
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 06:28 PM »
0
 salam

"แสงที่ว่าอาจอยู่ในคลื่นความถี่ใต้แดง ไม่ก็เหนือม่วง เลยมองไม่เห็น"

____________________________________________________________
และแล้วก็ได้มาตอบเรื่องแสงที่มองไม่เห็นในบอร์ดนี้...อิอิ

....แสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ใต้สีแดง...มีชื่อจริงว่า"รังสีอินฟาเรด"
(ตามชื่อศัพท์แปลว่าต่ำกว่าสีแดง(Red))

...แสงที่มีความยาวคลื่นมากกว่าสีม่วงหรือที่เรียกว่าเหนือสีม่วง...
มีชื่อจริงว่า "รังสีอุลตราไวโอเลต" (เพราะไวโอเลตคือสีม่วง)

ทั้งสองลำแสงเป็น "แสงสีขาวที่มนุษย์ธรรมดามองไม่เห็น"

ซึ่งแสงเหล่านี้มีประโยชน์มากมายในหลายๆด้าน ทั้งทางการแพทย์
และการสื่อสาร แถมอาจจะเป็นทางนำไปสู่การไขปริศนาของจักรวาลได้ด้วย
เพราะแสงมาจากนอกโลก มาลาอีกะฮฺเองก็รับวะฮีมาจากอัลเลาะฮฺ
ซุบฮานาฮุวาตาอาลา การเดินทางของมาลาอิกะฮฺอาจจะทำให้
ผู้ที่ทำการศึกษารับรู้ปริศนาและความเร้นลับ หากอัลเลาะฮฺทรงประสงค์
และอัลเลาะฮฺเท่านั้นที่รู้จริง

มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นมาลาอิกะฮฺอย่างท่านนบีมูฮัมหมัด
ซอลลอลลอฮุอาลัยฮิว่าซัลลัม แต่เราก็รับรู้ได้ว่ามีมาลาอิกะฮฺ
ที่อัลเลาะฮฺตาอาลาทรงสร้างมาจากแสง(นูร)

ดังนั้นผู้ที่นำความรู้และสัจธรรมจากอัลเลาะฮฺมายังมนุษย์
ย่อมเปรียบเสมือนแสง ที่ก่อให้เกิดการมองเห็น
เมื่อมองเห็น เราก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจปัญญาก็จะเกิด
ครูทั้งหลายจึงไม่ต่างจากแสงในความคิดของโด่โด่
เพราะท่านนบีมูฮัมหมัด ซอลลอลลอฮุอาลัยฮิวาซัลลัม
ท่านก็เป็นครูของมนุษยชาติที่ได้รับการสอนในเรื่องต่างๆจากมาลาอิกะฮฺ
ซึ่งได้รับวะฮีมาจากอัลเลาะฮฺตาอาลา

หากผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะด้วยนะคะ


วัลลอฮุอะลัม

^__________^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 06:53 PM »
0
ขอร่วมเสวนาด้วยคนนะคะ


ขอบคุณนะคะน้องโด่โด่
สงสารอาจารย์ยามาดะนะคะ ท่านคงรักและเอ็นดูนารีซังมากทีเดียว
และท่านเองก็คงเตรียมตัวเตรียมใจกับระยะเวลาที่เหลือน้อยของท่าน
เพื่อที่ท่านจะได้ทำในสิ่งที่ท่านรักอย่างสุดความสามารถ นั่นคือ การได้สอนหนังสือให้แก่นารีซัง


แต่สำหรับบางคนที่เขาต้องจากไปอย่างกระทันหัน
มันทำให้คนที่อยู่ข้างหลังตั้งตัวไม่ทันกับการสูญเสียอย่างรวดเร็วได้
เพราะมันยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำให้เขา
มีหลายอย่างที่ยังไม่ได้บอกเขา (ประสบการณ์ตรงคะ
ไว้มีเวลาขออนุญาตนำเสนอเรื่องราวด้วยคนคะ เผื่อจะเป็นอุทาหรณ์ให้บางคนได้)

~รัก คือ คำกิริยา 
~รัก คือ ความห่วงใย

จากพี่กอ-กล้วย(ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา) hehe

________________________________________

อยากอ่านเรื่องของพี่กอ-กล้วยนะคะ(ฉวยโอกาสเรียกพี่เลยเรา)...
 hehe
อย่าลืมเอามาแชร์กันนะคะ...จะรอค่ะ...

ส่วนเรื่องสั้นนั้นโด่โด่มีไม่กี่เรื่องหรอกค่ะ แต่เรื่องยาวนั้น
มีเป็นพันหน้าแล้วมั้งคะ...ไม่ค่อยถนัดเขียนเรื่องสั้นน่ะค่ะ
เพราะปกติตัวก็สั้นอยู่แว้ววววววว...อิอิ...

แต่จะเอามาลงที่นี่คงไม่ดีแน่ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวไร้สาระทั้งนั้นค่ะ
ไม่ค่อยมีอะไรสักเท่าไหร่(อายด้วย)
 ;D

เอาไว้อ่านของพี่กอ-กล้วยในนี้ดีกว่าค่ะ....

ส่วนที่บอกว่า

รัก คือ คำกริยา
รัก คือ ความห่วงใย

ภาษาไทยเรานั้น...แค่"รัก"คำเดียวก็เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยาเลยนะคะ
ต่างกับภาษาญี่ปุ่น...เพราะถ้าคำที่หมายความว่ารักที่เป็นคำนามจะอยู่โดดๆ
แต่ถ้าเป็นคำกริยาเมื่อไหร่ ต้องใส่การกระทำลงไปด้วยค่ะ....อิอิ...

ดังนั้นถ้าจะบอกรักก็ต้องบอกในรูปของคำกริยา
บอกว่า "รัก"สั้นๆคำเดียวจะผิดหลักไวยากรณ์...555

ส่วนภาษาอาหรับ คงต้องหาที่เรียนแล้ว...อิอิ...

วัสลามุอาลัยกุมค่ะ




 loveit: loveit:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 11:10 PM »
0

 salam


เอามาลงเรื่องเดียวเองหรอคะ  ;D ;D

ติดตาม ๆ
ยะซากัลลอฮุคอยรอน
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ก.ย. 09, 2009, 11:54 PM »
0
^
^
ถ้าอยากอ่านของพี่ชาคนนี้ต้องซื้อ จีบก่อนแต่ง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น+หมอนข้าง
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 03:05 AM »
0
 salam

กลับมาอีกครั้งกับเรื่องสั้นขยันแต่ง...อิอิ...
ออกแนวเศร้ารันทดและหดหู่(ลูกทุ่งเพื่อชีวิตค่ะ)อีกแว้วววววววว

ในชื่อว่า....

…หมอนข้าง…

“ฉันบอกให้ออกไปไงยัยเด็กบ้า!!”เสียงตวาดลั่นของหญิงกลางวัย
ร่างท้วม ที่ตอนนี้ยืนชี้นิ้วสั่งเด็กสาววัย13ขวบพร้อมกับกระชากแขนเล็กนั้น
อย่างไม่ใยดี ก่อนจะเขวี้ยงกระเป๋าพร้อมกับเสื้อผ้า
ไปกองอยู่ตรงหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงพื้นหน้าบ้านเช่า

“อย่าไล่หนูไปเลยนะคะ นะคะป้าพิศ”เด็กสาวร้องไห้พร้อมกับรีบเข้ามา
เกาะขาหญิงกลางวัยเอาไว้มั่นโดยที่อีกฝ่ายพยายามปัดออก

“อย่าเอามือสกปรกๆของแกมาแตะขาฉันนะ แกมันลูกฆาตกร
ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันให้แกกับแม่แกเช่าที่นี่อยู่ ทั้งๆที่แม่แกค้าง
ค่าเช่าบ้านฉันมาตั้งหลายเดือน แถมมาชิงตายไปอีก”เด็กสาวยิ่งร้องลั่น
จนคนที่ยืนด่าเริ่มทนไม่ไหว

“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ!! ถึงแกร้องให้ตายแม่แกก็ไม่ฟื้นขึ้นมาจ่ายหนี้
ให้ฉันได้หรอก ถ้าแกจะโทษก็โทษแม่แก พ่อแกโน่น ที่ไม่มีปัญญา
เลี้ยงลูกตัวเอง ปล่อยให้เป็นภาระสังคม”

“อย่ามาว่าแม่หนูนะ”เด็กสาวไม่พอใจที่คนตรงหน้าต่อว่ามารดาผู้ให้กำเนิด
ที่เพิ่งจากไปของตน

“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ รู้ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงก็ดันปล่อยให้เกิดมา
แล้วไง สุดท้ายก็ทิ้งเอาไว้ให้เดือดร้อนคนอื่น”น้ำเสียงราวกับสมเพส
พร้อมสายตาหยามเหยียด ไร้ซึ่งความเมตตาปรานี
เป็นภาพที่ติดตาตรึงใจสาวน้อยวัยอรุณที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

“ได้โปรดเถอะค่ะป้าพิศ ถ้าป้าพิศไล่หมอน แล้วหมอนจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
เด็กสาวอ้อนวอนทั้งน้ำตา เพราะเธอไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ

“แกจะไปอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของแก ที่นี่ไม่ใช่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านะ
ที่จะให้แกกินฟรีอยู่ฟรีๆ”เสียงนั้นเกรี้ยวกราด

“ได้โปรดเถอะค่ะป้าพิศ”เด็กสาวกอดขาอ้อนวอนขอความเห็นใจ
หวังให้เจ้าของบ้านเช่าเมตตาตน

“แกนี่ยังไงนะ ก็ฉันบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ฉันไม่ได้ร่ำรวยมีเงินมากมาย
พอจะให้ลูกฆาตกรอย่างแกได้พักฟรีๆหรอกนะ ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม
ถ้าแกยังไม่ออกไปล่ะก็ ฉันจะเอาน้ำมาสาดไล่”ไม่ใช่แค่พูด หญิงสูงวัยเดิน
เข้าไปทางชายคาบ้าน ตักน้ำในตุ่มถือขันไว้ในมือมั่น

“ได้โปรดอย่าไล่หมอนเลยนะคะ”

“หนึ่ง…สอง…”หญิงกลางวัยมองมือน้อยที่วิ่งมาเกาะขาเธอเอาไว้แน่น

“อย่าไล่หนูเลยนะคะ”หญิงสูงวัยแสยะยิ้มไม่สนใจเสียงคร่ำครวญ

“สาม!!”แล้วก็สลัดมือนั้นอย่างไม่แยแสพร้อมกับพูดว่า

“พูดดีๆไม่ชอบ อยากลองดีใช่มั้ยยัยเด็กบ้า”พูดเสร็จเธอน้ำในขัน
ก็สาดลงบนตัวของเด็กน้อยที่นั่งยกมืออ้อนวอนทั้งน้ำตา
หากน้ำตาจากแววตาใสซื่อบริสุทธิ์นั้นกลับไม่ทำให้คนใจดำ
สำนึกถึงความดี มีเมตตาขึ้นมาได้ ด้วยโลกที่เปลี่ยนไป
จิตใจคนจึงเปลี่ยนแปลง 

สาวน้อยก้มหน้าพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าเก็บเข้ากระเป๋าใบเก่าสีเทา
ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป แม้มันจะเป็นแค่บ้านเช่า
หากมันก็เป็นบ้านที่เธอรักและผูกพัน บ้านที่แม้จะคับแคบเท่ารังหนู
แต่มันเคยเป็นบ้านที่ปลอดภัย ให้ความอบอุ่นกับเธอมาตลอด
บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยมีพ่อ เคยมีแม่ เคยมีคำว่าเรา

ทว่าวันนี้มันไม่มีคำๆนั้นอีกแล้ว แม่ที่มาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
โดยที่ยังไม่ทันเอ่ยลา ไม่ทันเห็นหน้า ไม่ทันได้กอดลากันเลย

เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่อยู่ๆป้าพิศก็มาบอกว่าโรงงานที่แม่เธอทำงานอยู่
เกิดเพลิงไหม้ และแม่เธอก็อยู่ในนั้นด้วย...

ชีวิตที่มีแต่แม่ที่เป็นที่พึ่งมาตลอด
กลับไม่เหลือใคร และไม่เหลืออะไร…แม้กระทั่งบ้านให้กลับ

สาวน้อยจึงเดินเตร็ดเตร่มาตลอดทาง โดยไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
เพราะมันไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่มีที่ให้ไปก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นมาได้

ใช่…เรายังมีพ่อ…คิดได้ดังนั้นสาวน้อยก็รีบโบกรถมอเตอร์ไซด์
ก่อนจะยื่นเงินที่มีติดมืออยู่แค่20บาทให้ค่ามอเตอร์ไซด์ไป
แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าสถานที่อันกว้างใหญ่ ที่ที่แม่เคยพาเธอมาหาพ่อ
พ่อที่เธอทำได้แค่มองไกลๆเท่่านั้น…ก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านใน

“มาเยี่ยมพ่อหรือหนู”เด็กสาวมองคุณลุงใจดีที่เคยให้ขนมเธอทุกครั้ง
ที่เธอมาที่นี่ ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

“แล้ววันนี้แม่เราไม่มาด้วยเหรอ”เด็กสาวส่ายหน้าน้ำตาคลอ
จนคนถามขมวดคิ้วสงสัย แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่พูดอะไร
คนถามจึงพาเข้าไปเยี่ยมพ่อของเธอ โดยที่เธอเดินตามไปติดๆ

“รอนิดนะหนู เดี๋ยวลุงให้คนเขาไปตามมาให้”เด็กสาวยังคงพยักหน้าเช่นเดิม
สักพักเธอก็เห็นบิดาเดินออกมาพร้อมกับชายร่างกายกำยำ
ที่คอยประกบแขนทั้งซ้ายขวาโดยที่ข้อเท้าของบิดายังคงมีโซ่ล่ามอยู่อย่างเคย
สาวน้อยพยายามเดินเข้าไปใกล้ๆ

ที่นี่เธอกับพ่อสามารถมองหน้ากันและคุยกันได้ผ่านทางโทรศัพท์
เพราะแม้จะเห็นหน้าแต่มันก็ไม่สามารถเข้าไปหา
แล้วพูดจากันได้เหมือนพ่อลูกคนอื่นๆเขา
ชายหนุ่มเห็นหน้าลูกสาวก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถามลูกสาวว่า

“มาคนเดียวเหรอลูก แม่ล่ะ”บัดนี้น้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาใสไร้เดียงสานั้น
กลับทะลักออกมาราวกับทำนบแตก ก่อนจะรีบปาดมันแล้วตอบบิดาไปว่า

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 03:14 AM »
0

“แม่ตายแล้วค่ะพ่อ แม่ทิ้งหมอนไปแล้ว”คนฟังมือสั่น
พร้อมกับโทรศัพท์ที่ร่วงลงสู่พื้น นิ่งงันไปกับสิ่งที่ได้ยิน
ก่อนจะตั้งสติแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถามลูกน้อย
ด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้สั่นว่า

“หมอนต้องเข้มแข็งนะลูก อดทนเอาไว้นะลูก”
แค่นี้จริงๆที่เขาสามารถทำให้ลูกสาวตัวน้อยๆของเขาได้ แค่นี้จริงๆ…

“พ่อให้หมอนอยู่ด้วยได้มั้ย หมอนไม่รู้จะไปไหนแล้วค่ะ ป้าพิศเพิ่งไล่หมอนมา”
เด็กน้อยถามคนเป็นพ่อด้วยแววตาใสซื่อ
คนฟังใจหายกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะเงยหน้าซ่อนน้ำตาแล้วเอ่ยกับลูกน้อยว่า

“ไม่ได้หรอกหมอน ในนี้มันไม่เหมาะกับลูก มันไม่ได้น่าอยู่หรอก”

“แต่อย่างน้อยก็มีพ่อ หมอนไม่กลัวหรอก”คำพูดกับแววตาจริงใจไร้เดียงสา
ทำเอาคนเป็นพ่อน้ำตารื้น คอตีบตัน เหมือนทุกอย่างมันจะจุกอยู่ในอก
จุกจนพูดไม่ออก

“พ่อให้หมอนเข้าไปอยู่ในนั้นกับพ่อนะคะ เราจะได้อยู่ด้วยกัน
ถึงพ่อจะเคยบอกว่าข้าวแดงมันไม่อร่อย ไม่มีหมอนให้หนุนนอน
แต่อย่างน้อยในนั้นก็มีข้าวให้กิน มีตักพ่อให้หนุน หมอนไม่กลัวหรอก
หมอนจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อกับลุงใจดี จะไม่บ่นเลย พ่อให้หมอนอยู่ด้วยนะคะ”
คนเป็นพ่อน้ำตาไหลอาบแก้ม

เขาผิดเองที่เลือกเดินทางผิด วันนี้บาปกรรมนั้นคงตามทัน
เขาเคยพรากพ่อพรากลูกของคนอื่นมานับไม่ถ้วน
ทำให้เด็กต้องกำพร้าพ่อ กำพร้าแม่ ทั้งๆที่ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน
แต่เพราะมันคืออาชีพ นักฆ่าจนๆไร้การศึกษาอย่างเขา
จึงไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก
ความหิวมันไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะครอบครัวที่เขาต้องดูแล

และเพราะเงิน ถึงทำให้เขาฆ่าคนโดยไม่สนใจว่าใครเป็นใคร
และเพราะเงิน ถึงทำให้เขาต้องเดินเข้ามาอยู่ในกรงขัง
ทิ้งลูกเมียเอาไว้เบื้องหลัง ที่ชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสได้กอด
ได้อุ้มชูลูกน้อยอีกแล้ว และคงต้องอยู่ในนี้ไปตลอดชีวิต

แค่นี้น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลลงมาอย่างไม่อายใคร
ก่อนจะเอ่ยถามลูกน้อยด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้สั่นว่า

“แล้วลูก ทานข้าวมาหรือยัง”เด็กสาวส่ายหน้าน้อยๆอย่างไร้เดียงสา
เพราะเธอยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
คนเป็นพ่อเห็นดังนั้นก็น้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะถามเสียงเบาว่า

“หิวมั้ย”คนเป็นลูกพยักหน้าด้วยความไม่รู้เดียงสา
ทำเอาคนเป็นพ่อน้ำตาไหล เพราะไม่สามารถช่วยอะไรลูกน้อยได้เลย
เขามันเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเอง แค่เลี้ยงข้าวลูกในยามหิวโซ เขาก็ยังทำไม่ได้

“แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณลุงใจดีก็คงให้ขนมหมอนอีกแน่ๆ”
คนเป็นพ่อผินหน้าออกไปอีกทาง ก่อนจะปาดน้ำตาลูกผู้ชายแล้วหันมา
พูดกับลูกน้อยอีกครั้งว่า

“หมอน ฟังพ่อนะลูก เด็กดีอย่างลูกไม่เหมาะกับที่นี่ หมอนต้องอดทน
เป็นคนดี ไม่รังแกคนอื่น อย่าขายชีวิตและจิตใจให้ความชั่วนะลูก
พ่อมันคนไม่ดี ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้เหมือนพ่อคนอื่นๆ แต่พ่อรักลูกนะ”
คนเป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยากเข้าไปกอดปลอบขวัญลูกสาว
แต่มันไกลเกินคว้า ราวกับอยู่กันคนละโลก

“หมดเวลาแล้วครับ”เสียงนั้นดังมาจากผู้คุม ทำให้นักโทษอย่างเขาใจหายวาบ
เพราะแม้แต่เวลาเขาก็ไม่มี ก่อนจะรีบพูดกับลูกน้อยว่า

 “หมอน ลูกลองถามลุงใจดีว่ามีที่ให้เด็กดีอย่างหมอนอยู่บ้างมั้ยดูนะลูก
แล้วหมอนสัญญากับพ่อได้มั้ย ว่าไม่ว่ายังไงลูกจะเข้มแข็ง อดทน
และก็เป็นคนดี”เด็กสาวพยักหน้าทั้งน้ำตา เพราะรู้ว่าเวลาของเธอกับพ่อ
กำลังจะหมดลงอีกแล้ว ทั้งที่เธออยากคุยกับพ่อให้มากกว่านี้
หรือถ้าให้ดีก็ขอแค่ให้ได้กอดพ่อสักครั้ง

“แล้วหมอนจะมาหาพ่อใหม่นะคะ หมอนรักพ่อนะ”

“พ่อก็รักลูก พ่อขอโทษ พ่อขอโทษนะลูก”แล้วเธอก็เห็นบิดา
โดนชายสองคนประกบข้างแล้วพาบิดาของเธอเดินจากไป
เด็กสาวโบกมือให้บิดาเมื่อเห็นบิดาหันหลังมามอง
แล้วส่งยิ้มไปให้อย่างที่แม่เคยบอกให้ทำทุกครั้งเวลามาเยี่ยม
แม่บอกว่า พ่อจะได้ฝันดี และมีหมอนให้หนุนทั้งคืน…     

   เด็กสาวหันมาทางด้านหลังหวังจะถามลุงใจดีอย่างที่พ่อแนะนำ
แต่กลับเห็นแค่คนหน้าดุยืนรออยู่เท่านั้น…แล้วลุงใจดีหายไปไหน…

“คุณอาคะ คุณลุงใจดีหายไปไหนแล้วคะ…”เสียงใสถามด้วยความสงสัย

“ลุงใจดีที่เป็นคนพาหนูมาเมื่อกี้น่ะเหรอ”

“ค่ะ”หญิงสาวพยักหน้า

“ลุงเขาถูกเรียกตัวน่ะ หนูมีอะไรรึเปล่า”สาวน้อยได้ยินดังนั้น
ราวกับความหวังที่มีมลายหายวับไปกับตา แล้วอย่างนี้เธอจะทำยังไง

“นี่ก็เย็นมากแล้ว อาว่าหนูกลับบ้านไปเถอะ แล้วค่อยมาเยี่ยมใหม่วันหลัง”
สาวน้อยเดินคอตกออกมาจากเรือนจำประจำจังหวัด
ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าให้ยามโพล้เพล้
แล้วค่อยๆทรุดตัวนั่งลงตรงพื้นหินขัดหน้าเรือนจำ
มองนกกาที่ต่างบินกลับเข้ารังแล้วถอนใจยาว

…แล้วเธอล่ะ จะทำยังไงกับค่ำคืนนี้…ในเมื่อมันไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว…
ขออยู่กับพ่อพ่อก็ไม่ให้อยู่ ญาติก็ไม่มี เพราะพ่อเป็นเด็กกำพร้า
ส่วนแม่ก็เป็นชาวต่างชาติหลบหนีเข้ามาทำงานที่นี่ ท้องก็เอาแต่ร้องอยู่ได้…

สาวน้อยจึงนั่งพิงกำแพงมองคนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีแม้ใครสักคนที่จะหยุดถาม
ไม่มีแม้แต่ใครสักคนที่จะสนใจ เพราะทุกชีวิตต่างเร่งรีบ

และด้วยความอ่อนเพลีย สาวน้อยจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว
โดยที่มือยังกอดกระเป๋าใบเก่าเอาไว้แน่น
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงขู่ฟ่อๆดังมาจากด้านข้าง
ก่อนจะตกใจผวาเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของสัตว์หน้าขน

สาวน้อยจึงผวาลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งเพราะดูแล้วเจ้าสุนัขขี้เรื้อนตัวนี้คงดุน่าดู
กว่าจะเผ่นหนีออกมาได้ก็ทำเอาเรี่ยวแรงที่มีอันน้อยนิดหมดลง
ก่อนจะนั่งลงบนสะพานลอยพร้อมกับหายใจหอบถี่
แต่สักพักกลับมีเสียงนึงดังขึ้น เรียกสายตาของสาวน้อยให้มองขึ้นไป

“นี่ที่ของเรา”เสียงเข้มนั้นดูเอาเรื่องน่าดูจนสาวน้อยรีบลุกขึ้น
แล้วมองคนตรงหน้า แล้วต้องขมวดคิ้วว่า
ที่ที่เธอนั่งมันจะเป็นที่ของใครไปได้ไง ในเมื่อนี่มันคือสะพานลอย

“เธอเป็นใครเหรอ”สาวน้อยเริ่มถามคนตรงหน้าที่เธอ
คาดว่าอายุน่าจะไล่เลี่ยกันกับเธอหรืออาจจะมากกว่านิดหน่อย

“เราจะเป็นใครก็ช่าง แต่ที่ตรงนี้เป็นที่ของเรา”เด็กชายที่แต่งตัวมอมแมม
เสื้อผ้าขาดวิ่น มีหมวกปีกที่แทบหาสีเดิมไม่เจอ อีกทั้งยังขาดๆเป็นรูอีก
มีย่ามเก่าๆสะพาย และสภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เดาได้ไม่ยาก
ว่าคนตรงหน้าคือใคร และดูท่าทางจะไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่เลยด้วย

“ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่มีแรงจะเดินแล้ว ขอฉันนั่งตรงนี้แป๊บนึงได้มั้ย”
เด็กสาวอ้อนวอนด้วยแววตาจริงใจ ทำให้เด็กชายพยักหน้าเบาๆแบบขอไปที

“แล้วนี่เธอจะไปไหนเหรอ”เด็กชายเริ่มถามขึ้นหลังจากที่นั่งลงโดยที่ตาก็
เริ่มสำรวจคนที่นั่งอยู่ข้างๆไปด้วย แต่เขากลับเห็นเธอส่ายหน้าไปมา
ด้วยแววตาหม่นๆ

“เธอไม่มีบ้านเหรอ”คราวนี้เขาได้เห็นเธอพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

“นี่ ฉันให้เธอ”สาวน้อยขมวดคิ้วเป็นปมมองถุงขนม
ที่เด็กชายตรงหน้ายื่นให้เธอด้วยความแปลกใจ

“รับไปสิ”เสียงสั่งเข้มๆนั้นทำให้สาวน้อยสะดุ้งก่อนจะรับถุงขนมนั้นมา

“ขอบใจนะ”แต่คนให้กลับตีหน้าเฉย สาวน้อยเลยไม่พูดอะไรต่อ
ก่อนจะทานขนมนั่นด้วยความหิวจัด ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตาเธอ
แม้มันจะเป็นขนมถุงน้อยๆ แต่มันกลับทำให้เรี่ยวแรงของเธอกลับมาได้อีกครั้ง
แม้จะไม่เต็มที่นัก

“ฉันเองก็ไม่มีบ้านเหมือนกัน”อยู่ๆเด็กชายก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
สาวน้อยพยายามหันมามองคนข้างๆ
แต่มันมืดเลยทำให้มองไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไง

“แล้วเธอล่ะ จะทำยังไง”สาวน้อยนิ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
ก่อนจะส่ายหน้าเศร้าๆ

“เธออยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอ”สาวน้อยถามด้วยความอยากรู้
ไม่คิดจะดูถูกหรือเยาะหยัน และเพราะน้ำเสียงจริงใจนั้น
ทำให้เด็กชายหันมามองหน้าเธอแล้วตอบกลับไปว่า

“สองเดือน”เสียงห้วนๆราวกับนั่นคือเรื่องปกติธรรมดา
ทำให้สาวน้อยอดแปลกใจไม่ได้

“และไม่ต้องถามนะว่าทำไม เพราะฉันไม่ชอบคนพูดมาก”
เสียงดุนั่นดังขัดขึ้นก่อนที่สาวน้อยจะเริ่มถามขึ้นมาเสียก่อน
ทำให้เธอต้องนั่งนิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ
มองแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างของคนใจดีที่ขี้เก๊กเท่านั้น

“หายเหนื่อยรึยัง”เสียงนั้นยังห้วนเหมือนเดิม

“ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็ไปซะทีสิ”สาวน้อยเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน

นี่เธอโดนไล่ที่อีกแล้วเหรอ บนแผ่นดินนี้จะมีสักซอกนึงมั้ยให้เธอได้พัก
ทั้งๆที่โลกนี้ก็ออกจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่กลับไม่มีที่ให้เธอนั่งพักหายใจ
ทั้งๆที่โลกนี้มีคนมากมาย แต่กลับไม่มีใครอยากคุยกับเธอ
ทั้งๆที่โลกนี้มีต้นไม้ ผลไม้และของกินมากมาย แต่เธอกลับหิวโหย
ทั้งๆที่เธอก็เป็นมนุษย์ แต่ทำไมถึงไม่มีใครมองเห็นความเป็นคนของเธอ
สาวน้อยปาดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้น แล้วหันมาพูดกับเด็กชายคนนั้นว่า

“ขอบใจนะสำหรับขนมและที่พักหายเหนื่อย”เด็กชายนั่งนิ่งไม่ไหวติง
สาวน้อยจึงค่อยๆสะพายกระเป๋าใบเก่าเดินลงสะพานลอยมุ่งไปยังจุดหมายที่ไร้แสง เพราะเธอเองก็มองไม่เห็นเหมือนกันว่าทางที่จะไปนั้นอยู่ที่ใด

ก่อนจะมองไปยังบนฟ้ายามมืดค่ำ แต่คืนนี้กลับไม่มีดวงดาวเลยสักดวง
ไม่มีแสงดาวที่คอยนำทาง…

...หากเลือกได้ เธออยากจะขอแค่ซอกหลืบนึง
ที่ให้ความอบอุ่นให้คนที่ไม่มีใครต้องการอย่างเธอให้พอมีเรี่ยวแรง
พอที่จะเดินต่อไปได้ก็พอ...
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 03:19 AM »
0

   สาวน้อยเดินปาดน้ำตาไปก็นึกถึงมารดาไป ถ้าเธอจะขอไปอยู่กับแม่
ไม่รู้ว่าแม่จะยอมรึเปล่า แต่ตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้วจริงๆ

“แม่อยู่ไหน มารับหมอนไปอยู่ด้วยได้มั้ย หมอนไม่มีที่ไปแล้วค่ะแม่”

สิ้นเสียงสาวน้อยอยู่ๆฟ้าก็ร้องคำรามออกมาพร้อมๆกับหยาดฝน
สาวน้อยยื่นมือทั้งสองออกมารับน้ำฝนอย่างที่เคยทำเมื่อตอนเด็กๆ
แล้วนึกถึงคำพูดที่แม่เคยบอกว่า
ถ้าเราร้องไห้มากๆก็จะเหมือนฟ้าเวลาฝนตกนี่แหล่ะ
ดังนั้นเราไม่ควรจะร้องไห้ เพราะน้ำฝนทำให้คนที่โดนเป็นหวัด…

“แม่ หมอนคิดถึงแม่ แม่อย่าร้องไห้นะ หมอนไม่ร้องแล้ว”

สาวน้อยเงยหน้ารับน้ำฝน ให้ฝนชะล้างน้ำตาของเธอให้หายไป
ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วอยู่ๆร่างเล็กบางก็ถูกกระชากจากทางด้านหลัง
พร้อมกับเสียงดุๆที่เธอจำได้ดี

“เป็นบ้ารึไง เดี๋ยวก็หวัดกินหรอก จนแล้วไม่เจียมอีกนะเธอ”
เด็กชายคนเดิมที่ไล่เธอให้ลงมาจากสะพานลากเธอ
มาหลบอยู่ใต้ชายคาของตึกใกล้ๆ

เพราะแรงเธอน้อยหรือเพราะเขาโตกว่าก็ไม่รู้
ถึงทำให้เธอตัวลอยปลิวไปตามแรงกระชากจากทางด้านหลัง

“ฉันคิดถึงพ่อ ฉันคิดถึงแม่”สาวน้อยเอ่ยออกมาด้วยแววตาเหม่อลอย
จนคนฟังจ้องมองด้วยความรู้สึกสะท้อนก่อนจะเอ่ยออกมาหลังจากที่ดึง
ให้เธอนั่งลงบนพื้นใกล้ๆกัน

“เธอยังดีที่มีพ่อมีแม่ให้คิดถึง”สาวน้อยที่กำลังเหม่อลอยหันมามอง
เด็กชายคนเดิมทันทีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“เพราะขนาดหน้าตาของพ่อกับแม่ฉันยังไม่เคยเห็นเลย
คนที่เก็บฉันไปเลี้ยงเขาก็เพิ่งไล่ฉันออกมาเมื่อสองเดือนก่อนนี่แหล่ะ
เพราะตอนนี้เขามีลูกเป็นของตัวเองแล้ว ส่วนฉันมันลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่
เป็นได้แค่ตัวถ่วง”คำพูดเกินวัยนั้นบอกได้ดีว่าเด็กชายคนนี้พบเจออะไรมาบ้าง

เพราะบางครั้งอายุก็ไม่ได้บ่งบอกถึงประสบการณ์ในชีวิต
แต่ชีวิตต่างหากที่บ่งบอกถึงประสบการณ์

“ฉันขออยู่กับเธอได้มั้ย เพราะฉันไม่มีใครแล้วจริงๆ”สาวน้อยขอร้องเสียงเบา
เด็กชายจึงหันมามองหน้าสาวน้อยตรงหน้าก่อนจะพยักหน้า
แล้วเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มสดใสนั้นของเธอ

เขาเองก็อยากมีเพื่อนร่วมทางเหมือนกัน
แม้ทางที่เดินไปมันจะไม่สว่างจ้า ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน
แต่มันคงดีกว่าการที่ต้องเดินอย่่างเดียวดายกลางสายฝน


แล้วเด็กน้อยทั้งสองก็หลับไปด้วยกันใต้ชายคาของตึกสูงเสียดฟ้า
มีบ่าของกันและกันเป็นหมอน

ต่างกับอีกคนที่วันนี้ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
เพราะเป็นห่วงลูกน้อยที่ไม่รู้ว่าได้ทานข้าวหรือยัง มีที่ให้นอนหรือเปล่า
เขาเองไม่สามารถข่มใจให้ทานข้าวได้ เพราะถึงข้าวในคุกจะไม่อร่อยยังไง
แต่เขาก็อดคิดถึงลูกน้อยไม่ได้จริงๆ แม้กายจะห่างกันแค่ไหน
แต่เขาก็เชื่อว่าความรักของเขาจะส่งผ่านไปถึงลูกน้อยได้

ขอให้สายลมช่วยหอบความรักความอบอุ่นจากเขาไปห่มลูกน้อยของเขา
ให้นอนหลับฝันดีด้วยเถิด

และหวังว่าสักวันเขาจะได้รับอภัยโทษ มีโอกาสได้กลับไปหาลูกน้อยของเขาอีกครั้ง กลับไปทำหน้าที่ของพ่อที่ดีให้ลูกอีกครั้ง…

…หวังว่าฟ้าคงเห็นใจ และเอ็นดู คอยดูแลลูกน้อยของเขาให้ปลอดภัย…
…ขอให้ฟ้าจงคุ้มครองลูกน้อยแทนพ่อเลวๆคนนี้ด้วยเถิด…



แม้กายจะห่างกันไกลแสน แต่ใจเรายังคิดถึงกัน
แม้วันเวลาจะล่วงเลยอย่างไร
ก็ไม่อาจทำให้รักเรานั้นต้องร้างไกล
เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับวันที่ผันผ่าน
แม้จะเนิ่นนานอีกสักเท่าไร ใจยังเหมือนเดิม

แม้เดือนจะดับตะวันจะลับ แต่ใจก็ยังเข้มแข็ง
แม้แรงกำลังจะอ่อนลงคราใด สองใจจะคอยสร้างเสริม
แสงแห่งรักเรา จะสว่างไสวชั่วคืนและวัน
คอยต่อเติมฝันก้าวไปด้วยกัน อย่างมั่นคง

ความรักคือความเข้าใจ เป็นกำลังใจ จริงใจต่อกัน
รักไม่เห็นแก่ตัว ไม่มัวเอาแต่ใจ
ไม่ทำลาย ทำร้ายใคร รักคือการให้ซึ่งกันและกัน
ไม่ทำลาย ทำร้ายกัน เพราะรักเรานั้น…เป็นหนึ่งเดียว...


...........จบค่ะ...............

 sad:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 03:35 AM »
0

เรื่องหมอนข้างจะสั้นกว่าเรื่องก่อนหน้านี้ครึ่งนึงค่ะ
(เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต)


ซึ่งคนเขียนได้รับแรงบันดาลใจจากการติดตามอ่านข่าวของชาวโรฮิงญา
บวกกับภาพเด็กขอทานบนสะพานลอย

จะบอกว่ามันมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงอยู่บ้าง แต่เนื่องจากต้องเขียนเอง
พรรณนาเอง เลยไม่จริงเสียทุกอย่าง
แต่เขียนจากมุมมองของเราที่มีต่อสิ่งที่ได้พบเห็นและได้ยินเท่านั้น
สถานการณ์ก็เป็นสถานการณ์จำลอง

ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่ทำให้เราหดหู่ใจ...
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าอัลเลาะฮฺผู้ทรงเมตตายิ่งย่อมไม่ใจร้ายสำหรับเด็กๆ...
ซึ่งมันคือเรื่องที่เขาเล่ามาอีกที...อดีตเราอาจจะกลับไปแก้ไขไม่ได้อีก...
แต่ปัจจุบันจะทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ...

นิยายและละครอาจจะทำให้เรามีความสุขกับการได้เพ้อฝัน...
แต่ความจริงและสัจธรรมมันจะทำให้เรารักคนรอบกายมากขึ้น...
คนเขียนเชื่ออย่างนั้นค่ะ...
และหวังว่าคงไม่ทำร้ายจิตใจคนที่เข้ามาอ่านจนเกินไปนะคะ...แฮะๆ...

เพราะเจตนาจริงๆคืออยากให้เห็นภาพความรักความมีน้ำใจ
ที่คนไม่มีอย่างขอทานเขายังให้ได้...คนที่มีมากกว่า...ทำไมถึงเดินผ่าน...

ตอนได้ฟัง...สิ่งเดียวที่นึกได้คือ จิตใจของขอทานคนนั้นประเสริฐนัก...
เพราะขนาดตัวเองที่แทบจะไม่มีอะไร...ก็ยังยื่นมือเข้าช่วยอีกคน...
คนเขียนถึงเชื่อว่าความดีไม่ได้วัดกันที่ฐานะทางสังคมแต่วัดกันที่ใจ....

เงินอาจจะสำคัญเพราะมันนำมาซึ่งปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต...
แต่เงินก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตและก็ไม่ใช่ทั้งหมดของความสุข...

แม้ประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีคนที่ไร้บ้านไร้ที่อยู่เลยค่ะ...
คนรวยก็ต่อตึกจนสูงเสียดฟ้า...ส่วนคนจนก็หลบเข้าไปอยู่ในรู...
แต่ถ้ามีความรักให้กันและกัน...เหมือนสมาชิกในบ้านหลังนี้
(ที่แม้จะไม่เคยเห็นหน้ากัน)...คนเขียนเชื่อว่่าสังคมต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ...

เพราะภาพเดียวที่ไม่อยากเห็นเลยก็คือภาพเด็กขอทาน...
ซึ่งสาเหตุมันมาจากไม่มีที่ไปนั่นเองค่ะ...

คนเฒ่าคนแก่ท่านพูดให้คิดเสมอว่า ตอนเราหนุ่มสาวก็ให้หมั่นทำดี
มีเมตตาธรรม ลูกหลานจะได้ไม่ลำบากในอนาคต...
และให้มีลูกเยอะๆ อย่ากลัวตัวเองจะจน จนลืมคิดถึงอนาคตของลูก
เพื่อที่ลูกจะได้ไม่โดดเดี่ยว...จะได้มีพี่มีน้องให้พักพิงในวันข้างหน้า
ในวันที่เราไม่ได้อยู่ดูแลเขาแล้ว...

ท่านบอกว่าเงินที่เราสั่งสมมาวันนึงมันจะหมดไป...
แต่เลือดเนื้อเชื้อไขจะไม่มีวันหมด...นั่นคือมรดกที่ดีที่สุด...
คือการสร้างคนให้เป็นคนดีค่ะ...

...อัลเลาะฮฺผู้ทรงเมตตายิ่ง...ทรงอภัยยิ่ง...


หากทำให้หม่นหมองใจกับข้อความใด ขอมาอัฟดัวยนะคะ

แต่ก็อยากอ่านเรื่องสั้นของสมาชิกท่่านอื่นๆในบ้านหลังนี้บ้างน่ะค่ะ
อย่าลืมมาแชร์เรื่องราวให้ฟังกันบ้างนะคะ

วัสลามุอาลัยกุมวาเราะมาตุ้ลลอวาบารอกาตุ

^__________________________________^


 mycry
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 03:42 AM »
0
อยากได้หนังสือจีบก่อนแต่งน่ะค่ะ(ได้ข่าวว่าจีบก่อนแต่งแต่งแล้ว)อิอิ...
ไม่ทราบว่าจะสั่งซื้อทางไหน ยังไงได้บ้างคะ
แล้วตอนนี้ยังมีหลงในสะต๊อกบ้างมั้ยคะ
เคยอ่านเจอในกระทู้ อยากส่งไปให้น้องสาวที่บ้านน่ะค่ะ
เขากำลังอยู่ในวัยหวานพอดี ไม่ทราบว่ามีอีกมั้ยคะ...

 Oops:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 07:58 AM »
0
ส่งให้น้องสาวที่บ้าน สงสัยพี่สาวคงหมดหวานแล้วมั้ง 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ก.ย. 10, 2009, 09:23 AM »
0
กำลังปีนขึ้นต้นตาลอยู่น่ะจ๊ะ
เลยยังไม่หวาน อิอิ
 :laugh: smile:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged