ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)  (อ่าน 49397 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #150 เมื่อ: ม.ค. 29, 2010, 06:28 PM »
0


  เนิ่นนาน ที่ฉันยังแปลกใจ เหตุใด เจ้าหญิง ต้องรอเจ้าชาย...


แล้ววันหนึ่งตัวฉันได้มีโอกาสได้เดินเข้าไปข้างในปราสาทที่มีเจ้าหญิง
ถูกขังอยู่บนหอคอย ด้วยเวทมนต์ที่เหมือนไม่มีเหตุผล ของใครสักคน
และต้องทุกข์ทน จนกว่าที่จะมีใคร ใครสักคน ต้องทนอีกนาน...แค่ไหน
ต้องทนอีกนาน...เท่าไหร่...

แล้ววันหนึ่งก็มีเจ้าชาย ที่ไม่เกรงกลัวกับอันตราย กวัดแกว่งดาบคู่กาย
หมายจะทำลายคำสาป

ทันใดที่เจ้าหญิงได้ยินดังนั้น ก็วิ่งออกไป ที่ริมระเบียง
หวังเพียงที่จะได้พบ....เจ้าชายที่รอมาแสนนาน
การรอคอยคงจบวันนี้ พอทีกับความทรมาน

เจ้าหญิง รอคอยเจ้าชายอยู่บนนี้ รอคอยเจ้าชายมาเนิ่นนานเต็มที
วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย วันที่เวทมนต์หมดความหมาย
วันที่จะไปจากหอคอยนี้ได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าชาย...

เจ้าชายรูปงามไม่กลัวปีศาจร้าย มีทั้งกายและใจที่เข้มแข็ง
ปีศาจร้ายกำลังเริ่มอ่อนแรง ถูกแทงเข้าตรงกลางหัวใจ
เจ้าหญิงตะโกนจะรออยู่บนนี้ เจ้าชายแหงนมองขึ้นมาในทันใด
ปีศาจร้ายยังไม่ทันจะสิ้นใจ ลอบทำร้ายเจ้าชายในทันใด

และแล้วเรื่องราวมันเริ่มเลวร้าย จากรอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหาย
เลือดไหลซึมออกจากกาย เจ้าชายทรุดลงตรงผืนดิน

เจ้าหญิงนิ่งไปในทันใด เจ้าหญิงจะทำอย่างไรต่อจากนี้
เจ้าหญิงจะทำอย่างไรต่อไปดี เมื่อไม่มี...เจ้าชายยยยยยยย...

เจ้าหญิงจะไม่รอคอยเจ้าชายแล้ว จะไม่รอคอยอยู่บนนี้
จะข้ามกำแพง...เพื่อ...จะไปหา
เจ้าหญิงกำลังจะไปหา กำลังจะเดินทางข้ามนภา...ไปหาเจ้าชาย...

แหล่ะ เรื่องนี้...ก็เดินมาจนบทสุดท้าย ไม่เหลือเจ้าหญิงเจ้าชายแล้ว
ไม่เหลืออะไร...นอกจากตัวฉัน...ที่ยืนมองดูอยู่บนนี้
อยู่บนหอคอยที่ไม่มีทางออก ไม่มีทางออก...

ฉันเป็นเจ้าหญิงคนต่อไป...ฉันเป็นเจ้าหญิงคนต่อไป... ;D



จาก เพลงเจ้าหญิงคนต่อไป ของ  Blissonic

ตอนได้ยินเพลงนี้ที่เพื่อนมานส่งมาให้ฟัง...ก็ขำๆดีค่ะ...
เพราะตอนเด็กๆชอบฟังนิทานเรื่องเจ้าหญิงเจ้าชาย ไม่รู้ทำไม
เวลาฟังไป ก็จะจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงตลอด
ทั้งที่แทบจะหาคุณสมบัติของเจ้าหญิงในนิทานไม่ได้เลย...
โตมาหน่อย ก็ยังฝันเฟื่องอีก...แต่พอเลยวัยรุ่นมาได้
ก็เข้าใจว่า เจ้าชายกับพระเอก มันมีแต่ในนิทาน...และในนิยาย... ;D
และเราก็ดันไม่ใช่เจ้าหญิงในนิทานหรือในนิยายเสียด้วยสิ...

นั่นแหล่ะ ถึงจะหลุดจากความฝันออกมาได้ซ้ากกกกกกที เฮ้อออออ hehe


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #151 เมื่อ: ก.พ. 26, 2010, 12:34 PM »
0

 salam

น้ำกับทิฐิ

     นานมาแล้วมีชายคนหนึ่งชื่อว่า ทิฐิ เขาเป็นคนที่มีนิสัยอวดดื้อถือดี
ไม่ต่างจากชื่อ เพราะเมื่อได้ลองเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้ว
ทิฐิคนนี้ก็จะยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นไม่เปลี่ยน
และจะไม่ยอมรับฟังข้อคิดเห็นที่ผิดไปจากความเชื่อเดิมโดยเด็ดขาด
แม้ว่านี่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนเอาจริงเอาจังและเคร่งครัดกับชีวิต
แต่บางครั้งเขาก็ดื้อรั้นมากเกินไปจนขาดเหตุผล
และทำให้สูญเสียสิ่งดีๆในชีวิตไปมากมาย โดยที่เขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน


     เนื่องจากทิฐิไม่ใช่คนร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย
จนกระทั่งมีฐานะขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว
ทิฐิจึงคิดที่จะหยุดพักตัวเองจากการงาน แล้วเดินทางไปเรื่อยๆ
เพื่อเที่ยวชมโลกกว้าง


     เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ทิฐิจึงจัดการฝากบ้านไว้กับญาติพี่น้อง
แล้วเก็บสัมภาระออกเดินทางทันที


     ทิฐิเดินทางไปยังที่ต่างๆ ชมนั่นแลนี่ และพูดคุยกับผู้คนที่อยู่ในที่เหล่านั้นมากมาย
การท่องโลกกว้างของทิฐิน่าจะทำให้เขามีความรู้ดีๆ
หรือเกิดทัศนคติใหม่ๆขึ้นมาบ้าง

แต่เมื่อไรก็ตามที่มีคนกล่าวคำซึ่งผิดไปจากความรู้หรือความเชื่อมั่นเดิมของเขา
ทิฐิก็จะรีบกล่าวแก่คนๆนั้นทันทีว่า


     "นั่นไม่ถูกเลยนะ ที่จริงแล้วมันต้องเป็นดังที่ข้ารู้มาต่างหาก"


     สิ่งนี้เองทำให้การเดินทางไปทั่วโลกของเขา
แทบจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดขึ้นในชีวิตของเขาเลย


     จนกระทั่งวันหนึ่งทิฐิได้พลัดหลงเข้าไปในดินแดนแห่งทะเลทราย
อันแสนแห้งแล้ง และไร้ผู้คนสัญจร เขาหลงทางอยู่ในดินแดนแห่งนั้นสามวันสามคืน
จนกระทั่งอาหารและน้ำดื่มร่อยหรอและหมดลงในที่สุด
ทิฐิจึงเดินต่อไปไม่ไหว เขาล้มลงนอนบนผืนทรายอย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง


     แต่ทิฐิยังไม่อยากตายตอนนี้ ดังนั้นแม้ร่างกายจะอ่อนระโหยโรยแรงขนาดไหน
แต่เขาก็รวบรวมพลังใจของตนเผ้ากล่าวคำภาวนาขอความเมตตา
จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือเขาด้วย


     "ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดเมตตาข้า ผู้ซึ่งไม่เคยเบียดเบียนใคร
ขอทรงประทานน้ำมาให้ข้าได้รักษาชีวิตของตนเองไว้ แม้เพียงหนึ่งหยดก็ยังดี"


     แล้วในตอนนั้นเอง ทิฐิก็เห็นชายแปลกหน้าชาวเยอรมันคนหนึ่ง
เดินตรงมาหาเขา ทิฐิดีใจสุดจะกล่าว แล้วรีบพูดขึ้นทันทีว่า


     "โอ...ท่านผู้เป็นความหวังของข้า โปรดแบ่งน้ำของท่านให้ข้าดื่มด้วยเถิด"

     ชายคนนั้นยื่นถุงหนังสีน้ำตาลในมือของให้แก่ทิฐิ แล้วกล่าวว่า


     "นี่คือ วาสซ่าร์ จงดื่มเสียสิ"


     แต่ทิฐิไม่อยากได้วาสซ่าร์ เขาอยากได้น้ำ
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธที่จะรับถุงหนังสีน้ำตาบจากชายแปลกหน้าคนนั้น
ชายคนนั้นจังเดินจากไป


     ทิฐิภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

คราวนี้มีชายชาวจีนคนหนึ่งเดินถือถุงหนังสีแดงเข้ามายื่นให้แก่ทิฐิ


     "นี่คือ น้ำ ใช่หรือไม่" ทิฐิถามชายชาวจีน


     "นี่คือ ซือจุ้ย จงดื่มเสียสิ" ชายชาวจีนตอบ


     ทิฐิรู้สึกไม่พอใจ ตอนนี้เขากระหายน้ำมากเหลือเกินแล้ว
แต่ทำไมชายผู้นี้จึงนำซือจุ้ย มามอบให้แก่เขาเล่า
ทิฐิจึงปฏิเสธถุงหนังสีแดงของชายชาวจีน ชายชาวจีนจึงเดินจากไป


     ทิฐิเริ่มภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก และครั้งนี้มีผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง
มาปรากฏกายตรงหน้าของเขาในแทบจะทันที

   
     "เธอผู้มีใจเมตตา ขอน้ำให้ข้าดื่มหน่อยเถิด"

ทิฐิพึมพำคำอ้อนวอนออกจากริมฝีปากที่แห้งผาก


     "นี่คือ ปานี จงดื่มเสียสิ" หญิงชาวอินเดียกล่าวพร้อมกับยื่นถุงหนังสีเขียว
ให้กับทิฐิ แต่นั่นทำให้ทิฐิโกรธมาก เขารวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ยกแขนปัดถุงหนังสีเขียวให้พ้นหน้า แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า

     "ข้าไม่เอาของๆเจ้า ข้าจะตายเพราะขาดน้ำอยู่แล้ว ข้าต้องการน้ำเท่านั้น!"


     หญิงอินเดียเมื่อได้ฟังดังนั้นก็เดินจากไปอีกคน
ทิฐิเฝ้าอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่มีใครนำอะไรมายื่นให้เขาอีกแล้ว


     จิตของทิฐิกำลังหลุดลอยออกจากร่างที่ใกล้แตกดับ
แล้วในตอนนั้นเอง เสียงๆหนนึ่งก็ดังแว่วๆให้ได้ยินว่า


     "ทิฐิคนถือดีเอ๋ย เราช่วยเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เคยให้โอกาสตนเองเลย
หากเจ้าเปิดใจให้กว้าง และยอมรับในข้อดีของสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเสียบ้าง
เจ้าก็คงรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในถุงหนังทั้งสามนั้น ต่างก็เป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ทั้งสิ้น"


     เมื่อสิ้นเสียงแว่วนั้น ทิฐิคนถือดีก็สิ้นลมหายใจทันที

เธอทั้งหลาย...


     เรื่องราวของทิฐินั้น สอนให้เราเปิดตาตนเองให้กว้าง
แล้วมองสิ่งต่างๆรอบตัวด้วยสายตาและหัวใจที่ไร้อคติ
หากเธอปิดกั้นหัวใจและสายตาของเธอไว้
เธอก็อาจพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
ซึ่งบางครั้งสิ่งดีๆ เหล่านั้นก็อาจจะไม่หวนกลับมาหาเธออีกแล้ว


     หรืออีกนัยหนึ่ง นิทานเรื่องนี้กำลังบอกเธอทุกคนซึ่งนับถือศาสนาต่างกัน
แต่กำลังยืนอยู่บนโลกใบเดียวกัน จงอย่าลืมว่า
ศาสนาทุกศาสนานั้นถือกำเนิดขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะให้มีคนดีๆ
อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก แม้คำสอนบางประการจะแตกต่างกัน
แม้เสียงสวดมนต์จะเป็นคนละเสียง และธรรมเนียมปฏิบัติก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย
แต่เธอทุกคนล้วนได้รับการปลูกฝังให้เติบโตเป็นคนดีเหมือนกัน


     ดังนั้นขอให้เธอเปิดใจตัวเองให้กว้าง และเคารพในคำสอนของศาสนาอื่นๆ
แม้เธอจะไม่ได้เป็นศาสนิกชนของศาสนานั้น
เธออาจจะนำคำสอนของเขามาประยุกต์ใช้กับตัวเองบ้าง
ถ้าพบว่ามันเข้ากันได้ดีกับการดำเนินชีวิตของเธอ

ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน หากเธอจะนำคำสอนเหล่านั้นมาปฏิบัติ
ในเมื่อทุกศาสนาล้วนหมายมั่นที่จะพิชิตยอดเขาเดียวกัน
นั่นคือ "ยอดเขาแห่งความดี ความรัก และความเมตตา"

 

ที่มา หนังสือนิทานสีขาว

โดย ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา


ปล.เป็นอีกแง่มุมนึงของมุมมองของมนุษย์บนโลกนี้ค่ะ...
จะว่าไป...คนที่แต่งนิทานขึ้นมาล้วนมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะสื่อ
ให้คนอ่านคนฟังได้รับรู้...และเราผู้อ่าน ก็คงต้องใช้วิจารณญาณ
หรือสติปัญญาที่อัลลอฮฺตาอาลาทรงประทานมาให้เรา
ใคร่ครวญ พิจารณาและแยกแยะกันเอาเองค่ะ เพราะไม่มีมนุษย์คนใด
จะช่วยเราได้ตลอดเวลา เราต้องเรียนรู้และใคร่ครวญด้วยตัวเราเอง ;D



วัสลามค่ะ


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ...

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 929
  • เพศ: หญิง
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #152 เมื่อ: ก.พ. 26, 2010, 02:11 PM »
0

   mycool: mycool: mycool:

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #153 เมื่อ: มี.ค. 01, 2010, 07:12 PM »
0

 salam

ระหว่างทางหลังจากเดินออกมาจากร้านขายของมือสอง
เธอเห็นร้านขายหนังสือมือสองเลยแวะเข้าไปดู
เห็นชายชราที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านยืนยิ้มให้ หญิงสาวเลยเข้าไป
แล้วเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เมื่อก่อนเธออยากได้มาก แต่มันขายหมดแผงไปเสียก่อน
นานวันเข้าก็เลยลืม แต่พอได้เห็นวันนี้ก็นึกขึ้นมาได้
เลยหยิบมันไปยื่นให้เจ้าของร้านอย่างไม่ลังเลใจ

“เล่มนี้เท่าไหร่คะ”

“ตาให้หนูแล้วกัน”หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“เอ่อ…หมายความว่า คุณตาให้หนูฟรีๆอย่างนั้นเหรอคะ”
ชายชราพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง

“เล่มนี้น่ะของตาเอง ตาอ่านจนจำได้หมดทุกตัวแล้วล่ะ
วันนี้เลยเอาออกมาวาง เผื่อใครสนใจอยากได้ แล้วหนูก็เป็นคนแรกที่จับมัน
ตาเลยอยากให้ เพราะจะตีราคาก็ตีไม่ถูกเหมือนกัน ของมันรักน่ะหนู”

ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี ไม่มีแววเสียดายของจนหญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้

“เอ่อ…ถ้าคุณตารักมันขนาดนี้ แล้วทำไมถึงคิดจะขายมันล่ะคะ”
ชายชรายิ้มกว้างก่อนจะตอบหญิงสาวไปว่า

“ก็มันอยู่ในหัวของตาหมดแล้ว ที่หนูถืออยู่น่ะก็แค่ตัวของมันเท่านั้นแหล่ะ”
หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนจะก้มมองหนังสือเล่มหนาแล้วโค้งคำนับพร้อมกับ
กล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณคุณตามากเลยค่ะ แล้วหนูจะทำให้ได้อย่างคุณตานะคะ”
หญิงสาวพูดเสร็จก็ก้าวเดินออกจากร้าน
แต่ยังแว่วได้ยินประโยคหนึ่งจากชายชราเจ้าของร้านว่า

“หนังสือ ไม่ว่าจะเก่าจะใหม่ จะมือหนึ่งมือสองหรือมือไหนๆ
มันก็ล้วนแล้วแต่ให้ความรู้กับคนที่อ่านเหมือนกัน
เพราะคุณค่าของมันอยู่ที่รายละเอียดข้างในไม่ใช่เนื้อหนัง”


หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างถูกใจในคำพูดนั้นยิ่งนัก
แล้วหันมาส่งยิ้มให้กับชายชราที่ทำให้หนังสือเล่มนึง
ที่ไม่เคยมีใครเปิดอ่านจนถึงหน้าสุดท้ายได้รู้จักคุณค่าของมันมากขึ้น
พร้อมที่จะเปิดให้คนที่อยากอ่านได้ค้นหาอีกครั้ง         


(ส่วนหนึ่งจากเรื่อง First Love Secondhand (เรื่องสั้นขนาดยาว) ;D )

ปล.เป็นเรื่องสั้นที่ได้แรงบันดาลใจจากการได้รับฟังชีวิตของแม่ม่าย
และประสบการณ์การเป็นศิราณี(ที่ปรึกษาปัญหาหัวใจ)
บวกกับการนั่งมองรถมือใหม่ป้ายแดงกับรถมือสอง(Secondhand)
และก็พอดีเข้าไปเจอกระทู้ที่ว่า..."ท่านคิดยังไงกับหนังสือมือสอง"ที่เว็บนึงเข้าด้วย....

ตอนนั้นก็เลยเกิดความคิดอยากลองเขียนเป็นเรื่องสั้นแนวประชดประชันสังคมออกมา
ว่าจะเอามาลงทั้งหมดก็ว่า...ไม่ดีแน่...
มันดูวิจารณ์ผู้ชาย(ที่ไม่ดี)เกินไป (สาว่า) 55555555

แต่สิ่งหนึ่งที่คิดมาเสมอคือ...แม่ม่ายนั้นหลายๆคนจะไม่มั่นใจกับการ
เริ่มต้นครอบครัวใหม่และน่าเห็นใจมากเลยค่ะ...
ยิ่งโดนคำคน โดนสังคมมองดูอย่างดูถูกดูแคลนอีก
เหมือนยิ่งไปซ้ำเติมเขา และโดนตั้งฉายาต่างๆนาๆ...ฟังแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่า...
คงไม่มีหญิงใดอยากตกพุ่มม่าย...และคงไม่มีใครอยากตกอยู่ในสภาพของมือสอง...
แต่ในคำว่าของมือสอง มันก็มีสิ่งดีๆอยู่ในนั้น
หากว่าจะมีคนมองเห็นมัน หรือมองให้ลึกลงไป...

ดังประโยคนึงที่ว่า...

“ผมขายของมือสองมานาน ของบางชิ้นแม้จะมีตำหนิ
แต่มันก็ไม่ได้ด้อยค่าไปพร้อมๆกับราคาของมันหรอกนะครับ”

“ฟังดูอาจจะเหมือนไม่เกี่ยวกันนะครับ แต่เพราะตำหนินั่นแหล่ะครับ
ถึงทำให้ผมจำได้ว่าอะไรเป็นอะไร”

ดังนั้น...อย่ามองข้ามแม่ม่ายนะคะ...แต่จงมองให้ลึกลงไป ;D

วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #154 เมื่อ: มี.ค. 02, 2010, 12:38 PM »
0
 salam
แม่ม่ายก็มีหัวใจ
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #155 เมื่อ: มี.ค. 12, 2010, 10:37 PM »
0


"นิทานใบไม้"

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ดอกไม้และใบไม้ยังไม่ได้รวมอยู่บนต้นเดียวกัน
อย่างเช่นทุกวันนี้ มันต่างก็แยกกันอยู่
อีกทั้งเหล่าใบไม้ก็ไม่ได้มีแต่สีเขียว
หากแต่มีหลากหลายสีสันงดงามนัก

..แต่ดอกไม้กลับมีเพียงสีขาวเท่านั้น ใบไม้รวมอยู่กับหมู่ใบไม้ด้วยกัน
มีแต่ความร่าเริง มีนิสัยรักสนุก ต่างจากดอกไม้ที่อยู่อย่าง เงียบเหงา
เดียวดาย แม้จะอยู่รวมกันคุยกันกับหมู่ดอกไม้ด้วยกัน
แต่ดอกไม้แต่ละดอกต่างมีความคิด และวาดฝันเป็นของตัวเอง
เธอเฝ้ารอบางสิ่งบางอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

บ่อยครั้งที่เธอมองไปที่ใบไม้ แล้วนึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของสีสันสวยงามนั้นบ้าง
แต่ดอกไม้ดอกเล็กและเสียงเบาเกินกว่าที่จะเรียกใบไม้ให้หันมา

กระทั่งวันหนึ่ง ... ใบไม้เกิดรู้สึกเบื่อสีสันของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นดอกไม้น้อยสีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่งเข้า

ใบไม้ไม่รู้จักสีขาวมาก่อน เขาไม่รู้ว่าสีขาวเป็นอย่างไร
เพราะใบไม้ต่างก็มีสีสันกันทุกใบ ใบไม้เกิดหลงใหลในความอ่อนหวานละมุนละไม
ของดอกไม้น้อยในทันที
แต่ในความอ่อนหวานนั้นดูเหมือนจะมีความเหงาแฝงอยู่ด้วย
ใบไม้จึงเข้าไปถามดอกไม้ว่า

"ดอกไม้ เธอช่างมีสีขาวสวยเหลือเกินแต่ทำไมเธอจึงดูเงียบเหงาอย่างนี้เล่า"
ดอกไม้น้อยแหงนมองใบไม้กิ่งใหญ่ แข็งแรงก่อนจะตอบกลับไปว่า

"สีขาวซีดอย่างนี้หรือสวย ฉันอยากจะมีสีสันอย่างเธอบ้างจัง
มันคงจะทำให้ฉันมีชีวิตชีวาขึ้นมาก"

ใบไม้ได้ฟังแค่นั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องช่วยเหลือ ดูแล
และปกป้องดอกไม้น้อยดอกนี้ เขาจึงบอกเธอไปว่า

"มาซิดอกไม้ ฉันช่วยเธอได้นะ ถ้าเพียงเธอมาอยู่กับฉัน
ฉันจะทำให้เธอมี ชีวิตชีวาขึ้นเอง"

ดอกไม้น้อยไม่รอช้ารีบตอบตกลงในทันที


เมื่อดอกไม้ไปอยู่กับใบไม้แล้ว ใบไม้ก็ให้การดูแลเธออย่างดี
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ ถ่ายทอดออกมาเป็นสีสันสวยงามให้กับดอกไม้

แล้ววันหนึ่งเมื่อดอกไม้น้อยมองลงไปในลำธาร
เธอก็เห็นเงาตัวเองเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีสวยที่มีชีวิตชีวา
แต่เมื่อหันไปมองที่ใบไม้ เขากลับกลาย เป็นสีเขียวที่ดูอบอุ่นนัก
ดอกไม้น้อยถามใบไม้ว่า

" ใบไม้ นี่ฉันแย่งสีสันในชีวิตเธอมารึเปล่านะ "
ใบไม้ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า

" ไม่หรอก ทุกวันนี้เธอคือสีสันในชีวิตฉัน ฉันไม่ต้องการสีสันอะไรอีกแล้ว"
ฉันมีเพียงความสบายใจที่ได้เห็นเธอมีความสุข"

จากนั้นมา ดอกไม้กับใบไม้ก็อยู่ร่วมกันเป็นต้นไม้ที่อบอุ่น บนรากของความรัก
ที่หยั่งลึกลงไปในผืนดินของหัวใจ

ด้วยเหตุนี้ ใบไม้จึงมีสีเขียว สีเขียวที่มองแล้วให้ความรู้สึกสบายตา
เพราะเมื่อเรามองดูสีเขียว เมื่อไร เราจะรับรู้ได้ถึงความสบายใจของใบไม้
ที่เห็นดอกไม้น้อยของเขามีความสุข

ส่วนดอกไม้ ขาวที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ อ่อนหวาน ละมุนละไมนั้น
ดอกไม้คงไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้หายไป จึงยังคงมีดอกไม้สีขาว
ให้เราเห็นมาจนทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน ...



ที่มาค่ะ ((^^))


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #156 เมื่อ: มี.ค. 30, 2010, 12:13 AM »
0

 salam

ครั้งหนึ่ง ในป่าที่หนาทึบแห่งหนึ่ง ได้มีนกฮูกและช้างซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอาศัยอยู่
สัตว์ทั้งสองได้แบ่งปันความทุกข์ความสุขให้แก่กันและกัน
ในยามที่มีเรื่องเดือดร้อน สัตว์ทั้งสองมักจะพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ

วันหนึ่ง ช้างออกไปหาอาหารในป่าลึก และตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของเหล่าปีศาจร้าย
ราชาแห่งปีศาจเพิ่งฝันไปว่าพระองค์ได้เสวยช้างเข้าไปหนึ่งเชือก

ด้วยเหตุนี้เองบรรดาปีศาจร้ายทั้งหลายจึงพออกพอใจมากที่ได้พบเห็นช้างจริงๆยืนอยู่ตรงหน้าพวกตน
และยืนยันว่าความฝันของพระราชาของพวกตนควรจะต้องทำให้เป็นจริงให้ได้
ครั้นแล้วพวกปีศาจร้ายจึงได้จับช้างนั้นไว้และเตรียมพร้อมที่จะฆ่า

ในที่สุดช้างได้พูดขึ้นว่า "ขอให้ผมได้ไปพบกับเพื่อนรักเก่าแก่ของผมเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด"

พวกปีศาจยอมตกลง ถ้าช้างสัญญาว่าจะกลับมาให้ราชาของเหล่าปีศาจกิน
และช้างก็ยอมตกลงช้างจึงออกเดินทางไปพบนกฮูกเพื่อนเก่าของตน
ระหว่างทางช้างได้ถามทุกคนที่เขาพบว่า

"จริงหรือที่ว่าหากคุณฝันว่าได้กินสิ่งใด คุณจะต้องกินสิ่งนั้นในชีวิตจริงด้วย?"
ทุกคนตอบเขาไปว่าเรื่องนี้เป็นความจริง ช้างพอได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก

ในที่สุด ช้างก็ได้พบนกฮูกและเล่าเรื่องทั้งหมดให้นกฮูกฟัง และแล้วก็พูดว่า

"ฉันต้องลาก่อนนะเพื่อนรัก ฉันต้องไปให้ราชาปีศาจกินในตอนนี้แล้ว"

"ไม่ ไม่ คุณต้องไม่ผิดหวังอย่างนั้น ขอให้ฉันได้ไปเป็นเพื่อน แล้วฉันจะคิดหาทางช่วยคุณเอง"

ดังนั้น สหายทั้งสองจึงเริ่มออกเดินทางไปด้วยกัน การมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยได้
ช่วยทำให้ช้างรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

เมื่อทั้งสองเข้าสู่ถิ่นที่อยู่ของปีศาจ นกฮูกแสร้งทำเป็นว่าเขาเพิ่งตื่นจากหลับ
เขาทำเป็นกระพือปีกบิดขี้เกียจแล้วมองดูรอบๆด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง
แล้วหยุดอยู่ที่กลุ่มปีศาจร้ายที่ชุมนุมกันอยู่ จากนั้นนกฮูกได้เอ่ยขึ้นว่า

"ฉันได้ฝันแปลกมากจริงๆ ฉันฝันว่าได้แต่งงานกับราชินีแห่งปีศาจ
ดังนั้นฉันคงจะได้แต่งงานกับนางจริงๆ ไหนราชินีแห่งปีศาจอยู่ที่ไหน?"

พวกปีศาจคัดค้านเสียงดังลั่น และพูดขึ้นว่า

"แกไม่สามารถจะแต่งงานกับราชินีของเราได้เพียงเพราะความฝันอย่างโง่ๆ ว่าแกได้แต่งงานกับพระนาง"

นกฮูกจึงรีบตอบอย่างรวดเร็วทันทีทันใดว่า

"ถ้าฉันไม่สามารถทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงขึ้นมาได้ ก็แล้วราชาของพวกแกจะสามารถยืนกราน
ที่จะกินช้างได้อย่างไร เพราะราชาของพวกแกก็เพียงแค่ฝันว่าได้กินช้างเท่านั้นเอง?
ถ้าราชาของพวกแกยังยืนยันว่าจะกินเพื่อนของฉันให้ได้ ฉันก็จำเป็นต้องยืนยันที่จะแต่งงานกับราชินีของพวกแกให้ได้เช่นกัน"

ปีศาจร้ายรู้สึกงงงันจนกระทั่งไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ดังนั้น พวกปีศาจร้ายจึงได้ปล่อยให้นกฮูกและช้าง
กลับไปบ้านของพวกตนได้ และนี่คือวิธีที่นกฮูกได้ช่วยชีวิตช้างเพื่อนเกลอของเขา

 loveit: party:


Wassalam


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #157 เมื่อ: มี.ค. 30, 2010, 01:08 AM »
0
ก๊อปแล
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #158 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 12:40 PM »
0


 salam


หายไปนานกับนิทาน วันนี้มีนิทานมาฝากกันค่ะ เป็นนิทานที่ให้ข้อคิดดีๆ
เหมาะสำหรับช่วงเวลานี้...  ;D


เวลาของใครถูก


     มีชายหัวหน้าคนงานคนหนึ่งทำงานที่โรงงาน ทุกเช้าระหว่างทางที่เขาไปทำงาน
เขาก็จะผ่านร้านขายนาฬิกา เขาก็จะหยุดที่ร้านและตั้งเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเขา
และเดินต่อไปเพื่อไปทำงาน  เขาทำเช่นนี้ทุกๆวัน
เจ้าของร้านนาฬิกาก็สงสัยอยากรู้ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น

     วันหนึ่งเมื่อชายคนนั้นมาหยุดที่หน้าร้าน เขาก็เลยถามว่า เขาทำอะไรน่ะ
ชายหัวหน้าคนงานตอบว่าเขาเป็นหัวหน้าคนงานของโรงงานแห่งหนึ่งทุกๆวัน
เขาก็จะต้องทำหน้าที่ในการสั่นกระดิ่งเพื่อให้สัญญานบอกว่า  ถึงเวลา 5 โมงเย็น
เป็นเวลาเลิกงานของวันนั้นแล้ว เขาต้องการความเที่ยงตรงในเวลานั้นมาก
ดังนั้นทุกๆ วัน เขาก็จึงต้องมาที่นาฬิกาเรือนใหญ่ของร้านนี้และปรับเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเขา
ให้ตรงกับนาฬิกาเรือนนี้

เจ้าของร้านนาฬิกาก็หัวเราะและพูดว่า

จริงๆแล้วเมื่อผมได้ยินสัญญาณจากโรงงาน ผมก็รีบกลับไปตั้งเวลาของผมเช่นกัน




นิทานเรื่องสั้นสอนใจ : เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราถ้าเราจะประสบความสำเร็จ
เราต้องทำตามและเลียนแบบ ผู้นำที่ถูกต้อง เราควรจะมีผู้นำที่เป็นแบบอย่าง 
ซึ่งมีลักษณะที่ดี มีคุณค่ามีความน่าเชื่อถือ
มิฉะนั้นแล้วแม้ว่าเราอาจไปยังจุดสูงสุดของบันไดก็ตาม
แต่ก็มาตระหนักทีหลังว่าเราอยู่บนบันไดที่ผิด



ที่มา FW mail


วัสสลามค่ะ

 loveit:



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #159 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 01:07 PM »
0




คุณจะเป็น นกอินทรีย์ หรือ ลูกไก่




กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแม่นกอินทรีตัวหนึ่งบังเอิญออก ลูกมาเป็นแฝด
แม่อินทรีก็เฝ้าฟูมฟักลูกทั้งสองบนหน้าผา

แต่มาวันหนึ่งพายุได้พัดมาที่รังของนกอินทรีพัดเอาแฝดผู้น้องตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง
เดชะบุญที่ตรงนั้นมีแม่ไก่กับลูกฝูงหนึ่งอาศัยอยู่   

แม่ไก่ได้ฟูมฟักลูกนกอินทรีประดุจดั่งเป็นลูกของตัวเองจนเติบใหญ่
สอนเดินแบบไก่ หากินแบบไก่และก็ร้องแบบไก่
จนอินทรีแฝดผู้น้องเข้าใจว่าตนเองนั้นคือไก่จริงๆ

มาวันหนึ่งแม่นกอินทรีหัดให้แฝดผู้พี่บิน แฝดน้องที่อยู่ด้านล่างเห็นแฝดพี่บินก็วิ่งไปถามแม่ไก่ว่า

“แม่ๆดูนกบนนั้นบินสิครับ สง่างามจังเลย ผมอยากทำได้แบบนั้นจัง”

แม่ไก่ได้ยินดังนั้นจึงตอบนกอินทรีผู้น้องไปว่า

“ลูกเอ๋ยเป็นไปไม่ได้หรอก ข้างบนนั้นคือพญานก เป็นนกอินทรีผู้สง่างาม
แต่เราเป็นไก่เราทำแบบเขาไม่ได้หรอกลูก”

ลูกนกอินทรีผู้น้องก็รับคำและอยู่ กับแม่ไก่สืบต่อไป



นิทานเรื่องสั้นสอนใจ :

วันนี้เราอาจเป็นลูกนกอินทรีที่อาศัยอยู่กับฝูงไก่ก็ได้
เมื่อเราทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่อาจมีเสียงทักจากบุคคลรอบข้างว่า
 “เป็นไปไม่ได้  ทำไม่ได้”
แต่ถ้าท่านยังไม่ตัดสินใจลงมือทำและแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
ท่านจะรู้อย่างไรว่าท่านไม่ใช่พญานกอินทรี ??




"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #160 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 01:16 PM »
0
ชอบๆๆๆ  ;D
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #161 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 01:18 PM »
0

ข่าวร้าย ข่าวดี ไม่มีใครที่นี่ใส่รองเท้าเลย



ข่าวร้าย-ข่าวดี ไม่มีใครที่นี่ใส่รองเท้าเลย
นิทานเรื่องสั้นสอนใจ ที่ให้คุณได้เห็นมุมมองในเรื่องของความคิดของคน ที่แตกต่างกัน
ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน เราจะรับรู้อย่างไร ชีวิตมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ในทุกๆเรื่อง



มีบริษัทผลิตรองเท้าบริษัทหนึ่ง ประสบความสำเร็จมาก
วันหนึ่งฝ่ายบริหารประชุมกันและพิจารณาที่จะเปิดตลาดในทวีปแอฟริกา
จึงส่งพนักงานขายอันดับ 1ไปยังแอฟริกาเพื่อทำการศึกษาศักยภาพของตลาด

 เมื่อไปถึงแอฟริกา เซลล์แมนสังเกตว่าชาวแอฟริกัน ส่วนมากเดินด้วยเท้าเปล่า
เขาก้อเลยส่งข่าวกลับไปด้วยข้อความที่ว่า  

“ข่าวร้าย ที่นี่ไม่มีใครสวมรองเท้าเลย”  
และก็ส่งรายงานตามไปอีกว่า ไม่มีตลาดรองเท้าในทวีปแอฟริกานี้


ฝ่ายบริหารก็พิจารณาว่า ควรจะหาข้อมูลเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้แน่ใจ  
จึงตัดสินใจที่จะส่งเซลล์แมนอีกคนหนึ่งไปเพื่อประเมินตลาดแห่งนี้
พนักงานขายคนที่ 2 เมื่อไปถึงแอฟริกาก็มีความตื่นเต้นมาก
และส่งข่าวกลับมาทันทีด้วยข้อความว่า

“ข่าวดี ไม่มีใครที่นี่ใส่รองเท้าเลย”

เขารีบเดินทางกลับและรายงานแก่ฝ่ายบริหารว่า

“สุภาพบุรุษทั้งหลาย เรากำลังจะรวย เพราะมีตลาดใหญ่มากในแอฟริกา
และสิ่งสำคัญที่เราต้องทำคือ ให้การศึกษาแก่ชาวแอฟริกันว่าประโยชน์
และความสำคัญของการใส่รองเท้าคืออะไร”



ชีวิต ก็คือ เราจะรับรู้อย่างไร
มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ในทุกๆเรื่องทุกๆเหตุการณ์ท่านสามารถที่จะมองว่า
“แก้วใบหนึ่งเต็มอยู่ครึ่งหนึ่ง หรือ ว่างเปล่าอีกครึ่งหนึ่ง”

ท่านสามารถที่จะมองเห็น รูโดนัท หรือตัวโดนัทเอง ทางเลือกอยู่ที่ตัวท่านเอง
หรือท่านเพียงผู้เดียวที่จะตัดสินใจได้  
แต่จำไว้ว่า ทางเลือกที่ท่านเลือกจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของท่านเอง




ปล.ที่มาของนิทาน ข้าน้อยไม่สามารถบอกได้ เพราะว่าไม่มีลิงก์มาให้
แต่ที่บอกได้คือ เป็นนิทานที่ให้แง่คิดที่ดี และเข้าใจง่ายน่ะค่ะ...

วัสสลามค่ะ


ชอบๆๆๆ  ;D


นำนิทานมาโปสให้เด็กๆ เย้ย น้องๆ อ่านกันบ้างสิคะท่าน  ;D


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #162 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 01:19 PM »
0
เอาอีกๆ  hehe hehe

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #163 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 01:34 PM »
0
เอาอีกๆ  hehe hehe

=_="

เอาด้วยก้อได้ จะฟังนิทานแล้วไปนอนกลางวัน Zzzzz ~~~*

555555555555555555


พี่ค้างจัดให้  hehe


นายพลกับเด็กน้อย


ครั้งหนึ่งมีนายพลต้องการที่จะข้ามแม่น้ำ เขาไม่แน่ใจว่าแม่น้ำนั้นลึกขนาดไหน
และไม่แน่ใจว่าม้าของเขาจะข้ามจะสามารถข้ามแม่น้ำนี้ไปได้
เขาก็เลยมองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือ
และพบเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งอยู่แถวนั้น ก็เลยถามความเห็นจากเด็กคนนั้น

เด็กชายมองไปยังขนาดของม้าของนายพลและก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วบอกกับนายพลอย่างเชื่อมั่นว่า

นายพลและม้าของเขาสามารถข้ามแม่น้ำไปได้อย่างปลอดภัย

นายพลจึงเดินหน้าต่อไปเพื่อข้ามแม่น้ำบนหลังม้าของเขา
เมื่อนายพลไปถึงกลางแม่น้ำ เขาก็พบว่าแม่น้ำนั้นลึกมากและเขากำลังจะจมน้ำ
ด้วยความตื่นตระหนกเขาก็ตะโกนไปยังเด็กชายคนนั้นว่าเด็กจะต้องถูกลงโทษ 


เด็กผู้ชายตกใจและตอบกลับมาด้วยความไร้เดียงสาว่า

“แหม ท่านนายพล ผมเคยเห็นเป็ดมันสามารถข้ามแม่น้ำได้ทุกวันไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
เป็ดมีขาสั้นกว่าม้าอีกแต่ทำไมถึงข้ามไปได้ละครับ”





หลักการของความสำเร็จ ถ้าคุณต้องการคำแนะนำ ก็ขอให้ขอคำแนะนำจากผู้รู้
แต่ขอให้แน่ใจว่าความคิดเห็นนั้นเป็นความคิดเห็นของผู้ที่รู้จริงในเรื่องนั้นๆ
มิเช่นนั้น ท่านอาจจะเสียโอกาสได้


 boulay: boulay: boulay:
 



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #164 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 01:49 PM »
0
เอามั้งแหละ ลองอ่านดูนิ
 hihi:
กาลครั้งหนึ่ง... นานมาแล้ว
มีกระต่ายตัวหนึ่งเดินไปเจอควายกำลังเล่นโคลน
ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา "เจ้าควายเอ๊ย แกโชคร้ายจริงๆต้องนอนอยู่ในโคลนทั้งวัน"
แล้วมันก็โดดลงรูไป พอดีนกบินอยู่มองเห็นกระต่ายโดดลงรูพอดี ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา "เจ้ากระต่ายเอ๊ย แกโชคร้ายจริงๆต้องนอนอยู่ในรูแคบๆ"
 แล้วนกก็บินไปที่รัง ใต้รังนกมีบ่อน้ำ ปลามองเห็นนกอยู่ที่รัง ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา "เจ้านกเอ๊ย แกโชคร้ายจริงๆต้องนอนแขวนอยู่บนกิ่งไม้จะตกมิตกแหล่"
 เจ้าควายที่เล่นโคลนจนหิวน้ำ จึงเดินมากินที่บ่อ พอเห็นปลาก็รู้สึกสงสารขึ้นมา "เจ้าปลาเอ๊ย แกโชคร้ายจริงๆต้องอยู่แต่ในบ่อไปตลอดชีวิตไม่เคยได้เห็นโลกกว้าง"

           ::)นิทานเรื่องนี้สะท้อนถึงพี่น้องมุสลิมที่ทะเลาะกันอยู่ตามเวปต่างๆในขณะนี้...ตามนั้นเรยยยยย boulay:

 

GoogleTagged