salam
เอานิทานน่ารักๆมาฝากกันในช่วงดึกๆดื่นๆของค่ำคืนนี้ค่ะ
ไม่รู้จะยังมีใครอยู่อ่านกันบ้าง

ตุ๊กแกเบิ้ม
ตุ๊กแกเบิ้มอาศัยอยู่ตรงโพลงไม้เก่าๆผุๆ
เวลาที่เบิ้มออกมาเกาะหน้าโพรงไม้จะเป็นเวลาที่เบิ้มมีความสุขที่สุด
เพราะเจ้าจิ้งหรีดท่ีอยู่หน้าโพรงไม้ของเบิ้มดูจะชอบเบิ้มเอามากๆ
แล้วจะคอยร้องเพลงชมเบิ้มเสมอ
ตุ๊กแกเบิ้มตัวโตที่ตอนี้
ไม่มีใครดีกว่าาาาาา
อีกแล้ว
เบิ้มเองก็ภูมิใจในความเป็นตุ๊กแกตัวโตเสียนี่กระไร
ยิ่งเทียบกับเจ้าจิ้งหรีดตัวจี๊ดเดียว เบิ้มก็รู้สึกตัวโตดีจริงๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง กลุ่มนกกระจอกพากันบินมาเกาะที่ใกล้ๆโพรงไม้ของเบิ้ม
พอเบิ้มโผล่ออกมาเท่านั้นแหล่ะ พวกมันก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
จิ๊บๆๆ ดู๊ดูสิ เจ้าหน้าจุก หัวก็กุดน่าเกลียด จิ๊บๆๆๆ น่าเกลียดจริงๆ
ทั้งหาง ทั้งหัว ตัว ตา น่าเกลียดจริงๆ จิ๊บๆๆ
ตายแล้ว
ใครมาว่าเรา
น่าเกลียดจริงๆเหรอน่ี
เบิ้มตกใจกับคำพูดของนกกระจอกจนลืมความภาคภูมิใจที่เคยมี
แต่กลับไม่สบายใจกับคำว่าน่าเกลียดที่เพิ่งเคยได้ยิน
น่าเกลียด น่าเกลียด ฉันน่ะเกลียดคำนี้ คอยดูนะ ฉันจะแปลงโฉมตัวเอง
ให้ดูสวยงามให้ได้เลย
จิ้งหรีดรู้เข้าจึงร้องเพลงให้เบ้ิมฟังว่า
ตุ๊กแกเบิ้มตัวโตที่ตอไม้ ไม่มีใครดูดีกว่านี้ เบิ้มอ่ะลืมคำของจิ้งหรีดแล้วหรือ
ฉันไม่ลืมหรอก
แต่ทำไมคนอื่นหาว่าฉันน่าเกลียดล่ะ
ฉันไม่ยอม
ใครจะคิดยังไงก็ช่าง
จงภูมิใจในตัวเองสิ
ไม่อ่ะ
ฉันจะไปจากที่นี่ แล้วจะหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองอ่ะดูดี
ดูน่ารักให้ได้
ฮื่อๆ
อย่าไปเลยเบิ้ม
เบิ้มดูดีจริงๆนะ
ฮื่อๆ
ไม่
ฮื่อๆ
คำว่า ไม่ เป็นคำสุดท้ายที่เบิ้มพูดออกมา
แล้วก็เริ่มเดินจากโพรงไม้ที่เคยอาศัยเป็นประจำ
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ตุ๊กแกเบิ้มออกจากโพรงมาไกลๆ
โอ้โห
โพรงไม้กว้าง
ทำไมมันสวยจริงๆ
ตุ๊กแกเบิ้มพูดขึ้น
แต่สักครู่นึง ตุ๊กแกเบิ้มก็ได้ยินเสียงที่พูดออกมาราวกับเสียงสะท้อน
ว้าย! สวยจริงๆ สวยจริงๆ สวยมานานแล้ว อิอิอิ
หือ
นั่นเสียงใครน่ะ!!
เจ้ารู้มั้ย เจ้ารู้มั้ยอ่ะ คางคกไง ฮ่าๆๆๆตุ๊กแกเบิ้มหันไปตามเสียง แล้วก็ต้องตกใจ
อี๋
คางคก
น่าเกลียดอะไรอย่างงั้นน่ะ
หุย
น่าเกลียดๆ ก็น่าเกลียดกะนาย
ว่าแต่ผู้อื่นน่าเกลียด
ตัวเองก็น่าเกลียด น่าเกลียดมานานแล้วล่ะซี่
อิอิอิ
ป่ะโธ่โว้ย! คอยดูนะ ฉันจะทำให้ตัวเองดูสวย ดูน่ารักให้ได้
อี๋
สวยเหรอ น่ารักเหรอ โอ๊ย เป็นไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ฉันจะทำให้ดู คอยดูสิ
ว่าแล้วตุ๊กแกเบิ้มก็ออกเดินทางไป โดยมีเจ้าคางคกตัวเดิมกระโดดตาม
แล้วคอยพูดจาถากถางกวนใจเยาะเย้ยอยู่ห่างๆ
จนกระทั่งถึงสวนดอกไม้ใกล้บ้านหลังหนึ่ง ตุ๊กแกเบิ้มเห็นผีเสื้อตัวหนึ่ง
บินมาเกาะที่ดอกไม้
โอ้โห
สวยจริงๆ
หือ
สวยจริงๆ สวยมานานแล้วล่ะสิ
อิอิอิ
เจ้าคางคกจอมกวนยังคอยล้อเลียนอยู่เสมอ
ผีเสื้อกับดอกไม้ หือ
ถ้าเป็นตุ๊กแกกับดอกไม้บ้าง คงจะดีไม่น้อยล่ะซี่
ตุ๊กแกเบิ้มรำพัน มิวายเจ้าคางคกที่แสนน่าเกลียดจะได้ยินค่ะ
หือ
ตุ๊กแก
ตุ๊กแกกับดอกไม้ ฟังไม่ได้ ฟังไม่ได้
ถ้าจะให้เหมาะต้องคางคกกับดอกไม้สิ ฮิๆๆๆๆ
เอาอีกแล้วเจ้าคางคก จะไปก่อกวนที่ไหนก็ไป
แล้วก่อนที่เจ้าตุ๊กแกเบิ้มกับเจ้าคางคกจอมกวนจะทะเลาะกัน
มันก็ได้ยินเสียงเพลงตุ๊กแกดังออกมาจากนอกบ้าน
ตุ๊กแกอยู่ในโพรงไม้ นี่บ้านของใคร ได้ยินไปทั่ว
เด็กๆหนูไม่ต้องกลัว เด็กๆหนูไม่ต้องกลัว ตุ๊กแกร้องยั่วให้งูเขียวออกมา
ตุ๊กแกๆๆ ตุ๊กแกๆๆ
เสียงเพลงจบพร้อมกับการเลียนเสียงเบิ้ม
เบิ้มไม่อยากพูดกับเจ้าคางคกจอมกวนนักหรอก แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า
โห
นี่เขารู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ
หือ
รู้จัก รู้จักมานานแล้ว ฮิๆๆๆ
แล้วเขารู้จักบ้านฉันด้วยเหรอ
เจ้าโพรงไม้เก่าๆโพรงไม้ผุๆ รู้ซี่ รู้มานานแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ
เอ่อ
รู้แล้วทำไมต้องบอกเด็กๆด้วยล่ะว่า เด็กๆหนูไม่ต้องกลัวอ่ะฮ่ะ
ก็เด็กๆกลัว เด็กๆอ่ะกลัว เด็กๆกลัวตุ๊กแกน่าเกลียด
หูย น่าเกลียดมานานแล้ว
อี๊
เจ้าเบิ้มฉุนเจ้าคางคกจอมกวนจนไม่อยากจะพูด มันจึงคลานเข้าไปในบ้าน
ในขณะที่เบิ้มไต่ตามฝาผนัง เบิ้มก็เห็นผู้หญิงคนนึงเดินมานั่ง
หน้ากระจกอย่างสบายใจแล้วลงไม้ลงมือ
เอาอะไรก็ไม่รู้ มาทาที่หน้า และทาแป้งซะนวล
เขียนค้ิว ทาปาก ทาตา เติมโน่นนิดเติมนี่หน่อย จนดูสวยมากๆเลย
อืม
ใช่แล้ว
นี่คือวิธีที่ทำให้น่ารัก ดูดี วิธีที่เบิ้มค้นหามานาน
เดี๋ยวเถอะเบิ้มจะทำบ้าง
ว่าแล้วเบิ้มก็คลานเข้าไปใกล้อีก ทันทีที่ผู้หญิงหันมาทางเบิ้ม
ว้ายยยยยยย
ตุ๊กแก!! ช่วยด้วย ว้ายยยยยย!!!
ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตกใจ เบิ้มก็ตกใจไม่น้อย
หูย
ทำไม
ตุ๊กแกอย่างฉันเป็นยังไง ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย
แล้วเธอก็วิ่งจากห้องนั้นไป
แม้ว่าเบิ้มจะยังไม่หายตกใจ แต่ก็เป็นโอกาสของเบิ้มที่จะสร้างสีสันอันงดงาม
ให้กับตัวเอง เบิ้มต้ังสติแล้วคลานไปที่กระจก
โห
นี่หรือตัวฉัน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เบิ้มนั้นเห็นตัวเองในกระจก
อู้หู
ดีเหลือเกิน น่ารัก สวย
หือ
ดูสิ ฉันมีจุดสีขาว สีออกแดง
สีน้ำตาล จุดเล็กๆดำๆ หู้ย เต็มตัวไปหมด แถมยังมีดวงตากลมโตสีดำสดใส
โดยที่ฉันไม่ต้องเติมแต่งอะไรเลย
ฉันน่ะอยากตะโกนบอกใครๆ
ว่าตุ๊กแกไม่น่าเกลียด ตุ๊กแกไม่น่าเกลียด หือ ตุ๊กแกไม่น่าเกลียดเลย
ถ้าใครบอกฉันว่าน่าเกลียด ฉันจะไม่มีวันเชื่อเป็นอันขาด
ฉันรู้แล้ว หูย
ว่าฉันน่ะสวย ฉันน่ะน่ารัก ฉันเห็นตัวฉันแล้วด้วยล่ะ
ในขณะที่เบิ้มกำลังหลงในลวดลายและสีสันของตัวเอง เบิ้มต้องหลบมุม
เพราะเบิ้มได้ยินเสียงคน
ไหนล่ะตุ๊กแกฮื้อ
ไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักกันหนา
ไม่เห็นมันทำอะไรให้กับใครเลยนะ
พ่อครับนั่นไงพ่อ
น่ารักจังเลยพ่อ
ผมน่ะชอบมันจัง
ให้ผมเลี้ยงมันเถอะนะพ่อนะ ตุ๊กแกมันน่ารักจะตาย
เบิ้มได้ยินสองพ่อลูกคุยกัน เท่านี้เบิ้มก็รู้สึกขอบคุณหนูน้อยที่มีความคิด
ตรงกับเบิ้มว่าเบิ้มน่ะน่ารัก เบิ้มก็ดีใจ
แต่ว่าอย่าเลี้ยงเบิ้มเลย เบิ้มคิดในใจค่ะ
แล้วทำให้นึกถึงจิ้งหรีดที่บอกว่า
จิ้งหรีดนั้นเคยบอกเบิ้มเสมอว่า...เบิ้มน่ะน่ารัก
เบิ้มจำได้มั้ย
ใครจะคิดยังไงก็ช่าง จงพอใจและภูมิใจในตัวเอง
จิ้งหรีดพูดถูกทีเดียว
ฉันจะกลับไปอยู่ในโพรงไม้ แม้ว่ามันจะเก่าจะผุ
แต่มันก็เป็นที่ที่เหมาะสมกับตัวฉัน
เบิ้มกำลังจะก้าวออกจากบ้านหลังนี้ เบิ้มก็ได้ยินเสียง
ตุ๊กแกๆๆ ตุ๊กแก แกๆๆ
ใช่
นั่นแหล่ะ เสียงอย่างนี้แหล่ะ...มันคล้ายกับเสียงประกาศของเบ้ิมที่ว่า
ตุ๊กแกไม่น่าเกลียด ตุ๊กแกไม่น่าเกลียด ตุ๊กแกไม่น่าาาาาาาเกลียด
เบิ้มหันไปมองต้นกำเนิดของเสียง เบิ้มก็พบตุ๊กแกสาวที่ส่งตาหวานมาให้
มันเป็นการยืนยันให้กับเบิ้มว่า
เบิ้มอ่ะไม่น่าเกลียด
และมีอีกหลายคนที่คิดเช่นเดียวกับเบิ้ม
...END....
ที่มา:นิทานเรื่องตุ๊กแกเบิ้ม ผลิตโดย มูลนิธิเด็ก(เพื่อเด็กที่ตกอยู่ในความมืดมน)
_______________
มีคำพูดประโยคหนึ่งของมูลนิธิเด็กที่ว่า
...อนาคต ของชาติที่วาดฝันว่า เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
จะนำความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขมาสู่โลก ...
แต่ในความเป็นจริง ทุกวันนี้สภาพที่เด็กขาดความรัก การดูแลเอาใจใส่
และความเข้าใจ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ บั่นทอนโอกาสของพวกเขา
ให้เป็นจริงได้น้อยลง ...
" การช่วยเด็กด้วยการให้ ในสิ่งที่ไตร่ตรองแล้วว่าดี ให้อาหาร ให้นิทาน
ให้แง่คิด จินตนาการ ให้ความรัก ความมั่นใจ
ให้ความหวังเป็นการเติมพลังวัยเยาว์ ให้เติบใหญ่ สู่การสร้างสรรค์ "
คำพูดของศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ประธานกรรมการมูลนิธิเด็ก
_____________
เพราะบางครั้งการจะสอนเด็ก สอนแง่คิดให้กับเด็กนั้น
เราจำเป็นต้องหาวิธีการเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย
โดยให้เด็กเข้าใจได้ง่าย นิทานบางเรื่องสอนให้เด็กรักสัตว์ รักธรรมชาติ
รักสิ่งแวดล้อมรอบกาย รักครอบครัว และที่สำคัญคือการปลูกฝัง
สิ่งดีๆให้กับเขา...เพราะเด็กในวันนี้จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า
หลายๆครั้งที่ย้อนกลับมามองตัวเอง แม้วันนี้จะโตแล้ว
แต่นิทานที่แม่และพ่อหรือแม้กระทั่งพี่ๆเคยเล่าให้ฟังเมื่อตอนเด็กๆ
ยังคงจำไม่ลืมเลือน แม้วันนี้จะรู้ว่านั่นคือนิทานหลอกเด็กอย่างเรา
แต่ถึงย้อนกลับไปได้ ก็ยินดีให้ท่านเล่านิทานหลอกเด็กให้เราฟังอยู่ดี
เพราะสิ่งที่ได้รับจากท่าน มันมากกว่านิทาน แต่เป็นความรักความอบอุ่น
และคติดีๆที่ติดตัวเรามาจนโต...
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^_____________^