^
^
พี่มีทั้งพี่ชายพี่สาวน้องชายและน้องสาวเลยค่ะน้องแมวน้อย...
ร่วมสายเลือดและคลานตามกันมาด้วยค่ะ...
ไปไหนเราก็ไปด้วยกัน ทะเลาะกันบ้างตามประสา
แต่สุดท้ายก็ต้องมาง้อกันอยู่ดี...เวลาโดนรังแกก็มีบอดีการ์ดช่วย
ไม่มีใครกล้าหือเรยยยยย...พ่อก็ค่อนข้างด้อนแต่ใจดีสุดๆค่ะ...งิงิ
ต้นไม้ที่แข่งกันปีนก็เป็นต้นชมพู่สามต้นที่ปลูกรอบบ้านค่ะ...
แต่ละต้นรสชาติไม่เหมือนกัน...และแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกันด้วยค่ะ
ปีนกันมาตั้งแต่เด็กค่ะ...มดแดงเยอะค่ะ แต่เรารู้ทางมดแดง เหอๆ...
แบบว่่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กค่ะ...มดแดงมันคุ้นเคยมั้งคะเลยไม่กัด...งิงิ...
แต่ถ้าไปปีนของชาวบ้าน โดนมามิใช่น้อยยยยย...
ต้นกระท้อนก็ต้องปีนค่ะ เพราะว่าไม่ถนัดใช้ปังนู(อีกอย่างได้ทีละลูกสองลูก
ไม่ทันใจวัยรุ่น)...ก็เลยใช้ท่อนไม้เขวี้ยงขึ้นไปหมายจะเอาให้ร่วงลงมาทั้งพวง
ยิ่งร่วงลงมาทั้งกิ่งยิ่งดี แต่ถ้าหลบไม่ทัน ท่อนไม้นั้นคืนสนองค่ะ...
พร้อมด้วยลูกกระท้อนตามมาซ้ำเติมราวกับสมหน้าหน้าด้วย
กว่าจะได้กิน มิใช่เรื่องง่าย ต้องฝ่าฟันกับมดแดง มดดำ มดตะนอยอีก...
แล้วลูกที่น่ากินที่สุดดันอยู่บนยอดสุดเสียด้วย เห็นนกมันกินเอ้ากินเอา
เราเลยอยากกินมัง ก็เลยต้องปีนไปให้ถึงยอดสุด...
พิชิตยอดไม้มาหลายยอด และต้นไม้ก็ตายไปแล้วหลายต้น...
แต่ต้นไม้ที่นับว่าปีนยากที่สุดก็คงเป็นต้นมะพร้าวกับต้นหมาก
ต้นตาลนั้นไม่ต้องพูดถึงเรยค่ะ...แต่ว่าบนยอดพร้าวมีน้ำตาลที่พ่อพี่ไปปาด
เอาไว้และเอาภาชนะไปรอง...ตื่นเช้ามาเห็นน้ำตาลมะพร้าวเต็มภาชนะ
ไม่มีใครขึ้นไปเอาให้กินสักที...เลยคิดจะปีนเองค่ะ...แต่ว่าปีนไปไม่ถึงยอดค่ะ...
รูดลงมาเสียก่อน ปีนอีกรูดลงมาอีก...เลยหาบันไดที่พ่อใช้ปีนสร้างบ้าน
มาพาดต้นแล้วปีนขึ้นไปเอา...เป็นความภูมิใจลึกๆของเด็กค่ะ...

ประมาณว่าหากินเองได้ ไม่ต้องรอขอน้ำใจจากพี่ที่ชอบหยอกชอบยั่ว
หรือบางทีแกล้งกินเหลือแค่ก้นแก้วให้เรา...
การตื่นเช้าจึงเป็นภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในวัยเยาว์ค่ะ...

เรื่องปีนต้นไม้ทำได้แค่ตอนเด็กๆค่ะ...โตมาไม่กล้าทำแว้ว(ถ้าไม่จำเป็น)
เคยปีนไปนั่งตรงปลายกิ่งของต้นชมพู่หน้าบ้าน น้องชายอยู่ตรงโกนกิ่ง
แล้วเราก็ร้องเพลงกันลั่น(จำได้ว่าร้องเพลงชินจังสาว่า)
โยกไปโยกมา กิ่งไม้หัก น้องชายโชคดีคว้ากิ่งไม้อื่นทัน(เพราะอยู่โคนกิ่ง)
คนอยู่ปลายกิ่งอย่างพี่ไม่มีกิ่งไม้ให้คว้าได้แต่คว้ากิ่งที่นั่ง ร่วงลงมาพร้อมกิ่ง
กระแทกก้นลงบนพื้นดินแถมกิ่งไม้มันยังทับซ้ำเติมอีก...
ตอนนั้นสุดจะบรรยาย พี่เก่งมากค่ะ ไม่ร้องสักแอะเรย...
เพราะว่าร้องไม่ออก...พี่ๆน้องๆรีบวิ่งมาคว้ากิ่งไม้ออก
งมหาตัวพี่ตั้งนานค่ะ(เพราะว่ามันมืด)...
ไอ้เราจะร้องเรียกหาก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ กิ่งไม้มันก็ท่อนโตนั้น...
ส่วนน้องตัวเล็ก ไม่รู้เรื่อง วิ่งไปเก็บลูกชมพู่ที่ร่วงลงมาหน้าตาเฉย...
ส่งเสียงดีใจ เพราะว่ารอให้พี่ส่งชมพู่ไปให้ แต่พี่แกล้งไม่ยอมส่งไปให้...
เลยโดนดีเข้าให้เอง...พี่รับรู้ทุกการเคลื่อนไหวแต่ขยับทำไรไม่ได้เพราะจุก...
พี่ๆช่วยกันหามมาวางไว้หน้าบ้าน พี่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง...
ร้องไม่ออกบอกใครก็ไม่ได้...
เราทุกคนชันชีกันว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
เพราะไม่กล้าบอกเจ้าของต้นชมพู่(พ่อพี่เอง)
แต่อาการมันฟ้อง...จุกไม่หาย นอนไม่หลับ ครางทั้งคืน
พอพ่อรู้เข้าก็ไม่ได้ดุอะไร
แต่จับดัดหลังพี่ซะร้องลั่นบ้าน....แต่ก็ทำให้หายจุกยอดอกไปเลย...
หลังจากนั้นมา...ก็ยังปีนนะคะ...มาเลิกเอาก็ตอนโตเป็นสาวนี่แหล่ะค่ะ...
ประสบการณ์วัยเด็กเป็นอะไรที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม....
(เขาจะหาว่าเราแก่หรือเปล่าก็ไม่รู้...เพราะคนแก่ชอบเล่าฟามหลัง)

รักและผูกพันกับต้นไม้ค่ะ...
ปล.พี่เรียนดีไซน์(ออกแบบสิ่งแวดล้อม)ค่ะ...
เรียนเพื่อผลิตผลงานโดยยึดสิ่งแวดล้อมเป็นตัวหลักค่ะ...
ปล.อีกที...ต้องปลูกต้นรักสักกี่ปีหนอ ถึงจะปีนต้นรักได้ 555
เล่าสู่กันฟัง

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ