คำในภาษาญี่ปุ่นที่สำคัญหากมาเยือนแดนอาทิตย์อุทัย
หากพี่น้องมุสลิมเรามีความจำเป็นที่ต้องมาติดต่อธุระ มาดะวะห์
มาท่องเที่ยวพักผ่อนที่ญี่ปุ่นหรืออื่นๆก็ตาม...
ด้วยคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่พูดภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นนอกจากภาษาญี่ปุ่น
ดังนั้น...ไม่ว่าท่านจะมีล่ามหรือไม่ก็ตาม การมาเยือนนั้น
จำเป็นต้องมีภาษาที่สามารถสื่อสารง่ายๆไม่กี่ประโยค...
ข้าน้อย nada-yoru จึงขอนำเสนอประโยคง่ายๆที่สามารถฝึกพูดได้
เพียงสิบนาที...
1.โอฮาโยโกะไซมัส (おはようございます)หรือสั้นๆว่า...โอฮาโย (おはよう)...สวัสดีตอนเช้า
ใช้ตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ ถึง เที่ยงวัน
2.คอนนิจิวะ (こんにちは)...สวัสดีตอนบ่าย ใช้ตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงวันไปจนถึงหกโมงเย็น
โดยประมาณ
3.คอมบังวะ (こんばんは)...สวัสดีตอนเย็นหรือสวัสดียามค่ำคืน...
ใช้ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็น จนถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ
4.โอยะสุมินาไซ (おやすみなさい) / โอยะสุมิ (おやすみ)...ราตรีสวัสดิ์...
ใช้กล่าวส่งท้ายเมื่อยามจะเข้าตอน หรือได้เวลานอนแล้ว
หรือปิดบทสนทนาในยามค่ำคืน...
5.ซาโยนาระ..ลาก่อน...
6.อะริกาโตโกะไซมัส (ありがとうございます) / อะริกะโตโกะไซมะชิตะ (ありがとうございました)
/อะริกาโต (ありがとう)แปลว่า...ขอบคุณ
อะริกาโตโกไซมัส จะอยู่ในรูปปัจจุบันกาล...เป็นการขอบคุณในสิ่งที่เกิดขึ้น
และยังไม่เกิดขึ้นหรือเป็นการขอบคุณล่วงหน้า
ขอบคุณในส่ิงที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้
อะริกาโตโกไซมะชิตะ จะอยู่ในรูปอดีตกาล...เป็นการขอบคุณในสิ่งที่แล้วมา
หรือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เพิ่งจบลงไปก็เช่นกัน...
เช่น มีคนรู้จักชวนเราขึ้นรถ เราขอบคุณด้วยคำว่า อะริกาโตโกไซมัส
(คือขอบคุณที่ชวนเราขึ้นรถเพื่อจะไปส่ง) พอเขาส่งเราถึงที่ เราลงมาจากรถ
เราก็ขอบคุณด้วยคำว่า อะริกาโตโกไซมะชิตะ
(คือขอบคุณสำหรับการที่เขามาส่งเรา ซึ่งมาส่งเสร็จแล้ว)
ส่วนคำว่าอะริกาโต(สั้นๆแบบนี้)ใช้พูดกันระหว่่างเพื่อนฝูงหรือคนสนิทกัน
6.สุมิมาเซน (すみません) / โกเมนนะไซ (ごめんなさい)...ขอโทษ
โดยสองคำนี้มีความหมายที่คล้ายกันคือการขออภัย
แต่จะใช้ต่างกันตรงที่ หากเราต้องการขอทางหรือขออนุญาตใดๆ
ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยการพูดว่า สุมิมาเซน แต่จะไม่พูดว่า โกเมนนาไซ
ส่วนคำว่่า โกเมนนะไซ จะใช้พูดก็ต่อเมื่อเราเดินไปชนเขา
ทำให้อีกฝ่ายเดือนร้อนหรือบาดเจ็บ หรือต้องการขอลุแก่โทษ
ซึ่งในกรณีนี้พูดได้ทั้ง สุมิมาเซนและโกเมนนะไซ
แต่จะใช้คำว่่า โกเมนนะไซมากกว่าค่ะ...
ซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะพูดสองคำนี้บ่อยจนติดปาก ไม่ว่าสิ่งที่ทำไปนิดหน่อย
หรือจะหนักหนาหรือไม่ ไม่ว่าตนจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่
หากมีการชนหรือปะทะกันเกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่มักจะมีประโยคขอโทษ
เพื่อสื่อว่ารู้สึกผิดที่ได้ทำไปและเพื่อให้อีกฝ่ายอ่อนลง ลดการปะทะกันต่อ
เพราะการชนกันเจ็บทั้งคู่...
และจะต่อด้วยคำว่า "ได๋โจบุ" (大丈夫) แปลว่า ไม่เป็นไร
ซึ่งหมายความว่าไม่เอาความ และให้อภัย
บางครั้ง โดนเหยียบเท้าเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด แต่พอเห็นอีกฝ่ายขอโทษขอโพย
เราหรือก็พูดไม่ออก จะต่อว่าก็เห็นใจ คำว่า "ได๋โจบุ"จึงถูกเปร่งออกมา
ซึ่งหากมองตัวของภาษาคือการอดทน ข่มใจ และให้อภัย
คำว่า "ได๋โจบุ"จึงใช้ได้ในหลายกรณี แม้แต่การปลอบใจ
ปลอบขวัญก็สามารถพูดได้ คำเดียวก็ช่วยเยียวยาหัวใจคนได้
ดังนั้น คำๆนี้ จึงสำคัญ หากใครมาเยือนญี่ปุ่น อยากให้หัดไว้ค่ะ...
"ได๋โจบุ" หรือ ประโยคเต็มๆว่า "ได๋โจบุเดส" (大丈夫です)

หากการมาเยือนญี่ปุ่นครั้งแรก โดยไม่มีภาษาติดตัวเลย...
ไม่เคยเรียนมา...หากฝึกพูดประโยคที่ข้าน้อยนำเสนอได้
แม้จะน้อยนิด แต่คิดว่าทุกก้าวที่เดินท่านจะไม่เดือดร้อนนัก...
หรือแม้จะสื่อกับเขาไปไม่ได้... 5 คำสั้นๆเท่านั้นค่ะ
"โอฮาโย อะริกาโต ได๋โจบุเดส สุมิมาเซน โกเมนนะไซ"
"สวัสดี ขอบใจ ไม่เป็นไร ขอโทษ" แค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ...
เพราะนี่คือก้าวแรกที่สำคัญ หากมีติดตัวไว้ ท่านจะได้เห็นน้ำใจ
และใบหน้ายิ้มแย้มในการต้อนรับจากเจ้าของประเทศค่ะ...
และที่สำคัญ...ยิ้มสยามในทุกๆคำที่พูด
(แม้จะขื่นขม โดนเหยียบจนเล็บจมก็ตามค่ะ)...

และหากเขาพูดอะไรที่เราไม่เข้าใจ...
ส่ายหน้า

พร้อมรอยยิ้ม

แล้วบอกเขาว่า
"ตะเบะมาเซน" (食べません) แปลว่า ไม่กิน
เพราะหากพูดว่า "วะการิมาเซน" (分かりません) ที่แปลว่า ไม่เข้าใจนั้น
อาจจะยืดยาว ด้วยเพราะเรารู้จักคำว่า ไม่เข้าใจ เขาเลยอาจจะคิดว่า
เราไม่เข้าใจในเนื้อหา เขาจะรีบอธิบายเพิ่มเติม(คนญี่ปุ่นมีความพยายามสูง
ในการอธิบายเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจให้จงได้ค่ะขอบอก เหอๆ)...
ซึ่งหากเราบอกออกไปว่า "ตะเบะมาเซน" ที่แปลว่า ไม่กิน
อันนี้ เขาจะรู้แล้วว่า เรานั้นมั่วภาษาเขา
ขนาดคำว่า ไม่เข้าใจ เรายังไม่รู้...เขาจะหนีเราไปไกลลิบตา
ไม่มาถามเราอีกต่อไปค่ะ
(เป็นประสบการณ์ที่เคยใช้หนีเซลล์แมน เอ๊ย ทำให้เซลล์แมนหนี
และคนที่ไม่ต้องการเสวนาด้วยมาแล้วค่ะ)

และคำว่า "ตะเบะมาเซน"กับคำว่า "โนะมิมาเซน"นั้น
สามารถใช้ปฏิเสธของกินและเครื่องดื่มที่ชวนให้ระแวง
สำหรับแขกที่เยือนญี่ปุ่นใหม่ หากเขาชวนให้กินหรือดื่มอะไร
เราต้องส่ายหน้า พร้อมกับสองประโยคนั้นค่ะ เลือกเอาได้ค่ะ...
ตะเบะมาเซน (食べません) ...ไม่กิน
โนมิมาเซน (飲みません) ...ไม่ดื่ม
คราวนี้จะหมูจะเหล้า ก็ไม่สามารถเข้าปากเราได้ โดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ...
และที่สำคัญ ปฏิเสธครั้งใด ต้องยิ้มสยามเข้าไว้ค่ะ....
เพราะบางครั้งรอยยิ้มเป็นการกระทำที่สามารถอธิบายเหตุผลทุกอย่างได้ดี
กว่าคำพูดไหน...เพราะต่อให้พูดหรืออธิบายไป เขาก็อาจจะฟังเราไม่รู้เรื่องค่ะ...
อย่างน้อยๆ...ข้าน้อยคนนึงที่สามารถอยู่รอดบนแผ่นดินญี่ปุ่นมาได้
ในช่วงเดือนแรกที่มาเยือนญี่ปุ่นด้วยประโยคทั้งหมดที่กล่าวมากับยิ้มสยามค่ะ...

วัสลามค่ะ