อ้าวถึงบักอดัร
ผมเองเปิดโรงเรียนที่กระบี่ และแน่นอนมันสอนศาสนา คนแถบนั้นถือเป็น คณะเก่า เสียส่วนมาก แต่สิ่งที่พบคืออะไร
แม้พวกเขาจะเรียนปอเนาะกัน แม้พวกเขาจะท่องจำฮะดิสได้ แต่การกระทำของเขาช่างขัดกันกับความของเขาเสียเหลือเกิน
เช่น แอบโดนโรงเรียนไปเช่าห้องโรงแรมกันชายหญิง หรือ การแอบกินข้าวในช่วงถือศีลอด รวมทั้งดื่มเหล้า และเสพยา สารพัด
นี่คือ พี่น้องของเราสายซุนนะเก่า เราต้องยอมรับความจริงบ้าง
บังยังไม่ตอบเลยว่า เปิดโรงเรียนแบบไหน..ตาดีกา หรือเน้นศาสนา หรือสามัญ หรือทุกๆอย่าง ...การเปิดโรงเรียนทั้วไปนั้นแตกต่างจากปอเนาะ
เพราะปอเนาะนั้นมีบรกัตของวิชาการศาสนามากกว่า จะเทียมเท่ากับโรงเรียนที่มุงเน้นธรุกิจการตลาดนั้นไม่ได้...
บาบอของเพื่อนผม ทำงานเพื่อศาสนาทำด้วยความทุมเทและอิคลาสใจไม่มีธุรกิจแอบแฝง..สอนลูกศิษย์ในเรื่องคุณงามความดีตลอด
และจะเข้มงวดมากในหลักการของ มัสหับ ท่านห้ามที่จะปะปนหรือคละมัสหับเหมือนพวกกมมูดอ ทัศนะใหม่ เพราะมันทำให้สร้างความแตกแยก ในสังคม ...
ประการแรก..เมื่อทัศนะที่ต่างกันได้เกิดขึ้นกับพวกเขา แน่นอนการมีอคติกับผู้นำจะตามมา ..ต่อไปจากการที่เคยร่วมมือในหมู่บ้านกลายเป็นการเหินห่าง และตำหนิ การแตกและแยกเข้าแถวละหมาดก็เริ่ม เป็นที่ว่าง..มากขึ้นๆจนกลายเป็นการแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าในสังคมตรงนั้น
smile:การบังกอดัรอ้างสถาบันแปอเนาะโดยการโยงกับมารยาทหรือนิสัยเด็กบางคนนั้นถือว่า ขาดความรอบคอบคับ
สถาบันใดก็แล้วแต่ จะสอนให้เด็กดีแต่..การกระทำของเด็กบางคนนั้นจำต้องแยกแยะ จะเหมารวมว่า แม้เด็กที่จบจากปอเนาะยังมีนิสัยอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้.
.แม้กระทั่งสถาบันธุรกิจที่แอบแฝงในเชิงศาสนาบางหน้า ก็ใช่ว่ามันจะดีไปกว่าปอเนาะ
แต่อย่างน้องปอเนาะนั้นคือสถานที่ไม่มีความเจือปนผลประโยชน์ใดๆไม่ เหมือนสถาบันบางโรงเรียนที่มุ่งเน้นธรุกิจจนลืมความอิคลาสใจในการทำงาน...
อย่างไรก็ดี ทางโรงเรียนเคยให้ คนที่จบมาจาก มะดีนะ ชารีอะ มา บุคคลสายวะฮะบี คนนี้ก็ค่อนข้างแข็งเกินไป
เขากล่าวว่า ( สอนตามแนวทางวะฮะบี ) ทำให้ นักเรียนของโรงเรียน นั้นลาออก หรือไม่เข้าเรียน ( เนื่องจากไปปรึกษาผู้ปกครอง ) เป็นหลายสิบคน
ทั้งนี้ เราจะโทษใคร ? โทษแค่แนวทาง สายวะฮะบีนั้น ทำให้แตกแยก หรือ ?
จะโทษที่ สายเก่า แบบเรานั้น สอนกันไม่เป็นโล้เป็นพาย มากกว่า ?
มองให้รอบด้าน เราต้องปรับปรุงของเรา ก่อน
หากของเราแข็งแกร่ง มีความรู้ดี ละหมาดครบ 5 เวลาได้ ไม่ซินา ไม่กินเหล้า
เรื่องแบบนี้ ( การถูกชักจูงจากวะฮะบี) เรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง จากความไม่เข้าใจ ก็จะหมดไป
Oops:เคยบอกบังแล้วว่า บางครั้งเราต้องมองหลายๆด้าน บุคลากรที่จบมาจากสถาบันเหล่านี้นั้น ก็ใช่ว่าจะมุ่งสอนตามแนววาฮาบียะไปซะทุกคน
แต่ถ้าหากว่า เป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง..ผู้สอนต้องรุ้ ด้วยว่าสถาบันตรงนี้ เขาต้องการอะไร..การที่เอาแนวทางอื่นมาบอกกล่าวนั้นถือ
ว่ายังพอรับได้..แต่การที่จะมาสอนเรื่องอากดะและฟิกฮ์ซุนนะวาฮาบีแล้วบอก..การกระทำเช่นนั้นไม่ถูกต้องหรือฮาดิสดออีฟจำต้องให้ละทิ้งหรือชี้แนะว่า
การกระทำอย่างนั้นที่ผ่านมาในเจ้าของมัสหับนั้นทัศนะนี้ผิดพลาดโดยเอาแนวทางที่ตนตักลีดเข้ามาเผยแพร่นั้นถือว่า ไม่ถูกต้อง..เพราะมันคือต้นเหตุฟิตนะ.
.ก็ในเมื่อบังกอดัรว่า วาฮาบียะ(ทัศนะใหม่)เรียกร้องไปสู่ซุนนะ
frownผมถามว่าแล้ว มัสหับเหล่านั้นเรียกร้อง ..ออกจากซุนนะหรือไรคับ..หรือว่า..ซุนนะทั้ง4เป็นของปลอมกระนั้นหรือ...
ทุกวันนี้ จะมีซักกี่คน ที่จะตอบปัญหา งานเมาลิดได้
เมาลิด มีหรือไม่ เราจะตอบว่า มี เป็นซุนนะ นบี
งานเมาลิด แบบประเทศไทยจัด บิดอะ หรือไม่ เราก็จะตอบว่า บิดอะฮะซานะ
แล้ว บิดอะดอลาละ ตกนรก หรือไม่ เราก็จะตอบว่า บิดอะดอลาละ เป็นโมฆะ
แนวทางของซุนนะ แบบของนบี ไม่ว่าใคร
เราอาจจะพูดคุยได้ในบางเรื่องเท่านั้น
ส่วนเรื่องลึกๆ ไว้คุยกันวงเล็ก ที่ไม่ใช่ที่สาธารณะจะดีกว่า
แล้วที่วาฮาบียะเรียกร้องทางสื่อต่างๆให้ละทิ้ง มัสหับต่างๆขเองสลัฟ ที่ดำเนินตามกีบุลลอฮ์และซุนนะบีเช่นกันละครับพวกเขากล่าวหานั้นหมายถึงใคร
บังกอดัรอย่าได้มองว่า พวกเขาถูกต้องทุกอย่างซิคับ....
ผมถามว่า...ก่อนไม่มีวาฮาบีในบ้านเมืองเรานั้นเราเคยขัดแย้งกันกันไหม....
เช่นเดียวกัน บังกอดัรตอบได้ไหมว่า ในอดีต การขัดแย้งกันกับอุลามะมัสหับต่างในซาอุดี้จนเกิดการเข่นฆ่าและมุ่งร้ายต่อกันนั้น
จุดเริ่มต้น นั้น มันเกิดพร้อมกับบุคคลที่ชื่อมุฮำมัดบินอับดุลวาฮาบ..ที่กษัตริย์ซาอุดสนับสนุนอุดมการณ์นี้ใช่หรือไหม.....
และต้นตอนี้และแพร่ขยายไปกว้างกลุ่มมัสหับเก่า ไม่ว่า อินเดีย ปากี อินโด มาเล สิงคโปร ฟิลิปินและไทยแลนด์.....
ตราบใดที่เราไม่เปิดเผยหรือรุกฆาตกลับให้สาธรณะหรือสังคมรับรู้การกระทำของเขาบ้าง...ก็อย่าหวังว่า ..เขาจะหยุด...การกระทำที่ตัวเองตะอัศซสุบเลย
..และถ้ามีคนมีความคิดเช่นบังกอดัรด้วยแล้วก็อย่าหวังว่า ...ว่าสังคมมัสหับทั้ง4จะคงอยู่ได้..ตลอดรอดฝั่ง เพราะขนาดบังกอดัรเองก็ยังมองแค่ผิวเผินภายนอก
แล้วนับประสาอะไรกับคนเอาวามที่พวกเขาแยะแยะไม่ออกอะไรเลย
...ส่วนเรื่อง ฟิก ฉาบฉวย ของวะฮะบี นั้น ผมเอง เรียนรู้มาพอสมควร
ซึ่งจะช่วยนำเสนอให้ได้ แต่ขออย่างเดียวว่า เราอย่าหาว่าเขาขโมย อะไรจากคนอื่นเลย
เขาไม่ได้ขโมยอะไร หรอก เพียงแต่เขานิยม เลือกใช้ทรรศนะ ตามที่ตัวเองนิยมชมชอบ
เรื่องเหล่านี้ ไม่เป็นปัญหา แต่อย่างใด
แต่ปัญหาอยู่เพียงแค่ว่า การเลือกตามที่ตัวเองนิยมชมชอบนั้น กลับเป็นแนวทางซุนนะนบี ไปได้ ( และเป็นทั้งหมดที่เลือก )
หากเราจะกล่าวว่า ฟิกของ สายซุนนะแบบใหม่นี้ เป็นมาอย่างไร ก็ให้กล่าวในเรื่องทรรศนะที่เขาเลือกแล้วขัดกัน
แต่ไม่กล่าวว่า เขาขโมย หลักฐานของผู้อื่น แต่อย่างใดจะเป็นการดียิ่ง
หวังว่าพี่น้องคงเข้าใจในเจตนารมณ์ของผม
จริงๆแล้วจเรียกว่าขโมยหรือฉกฉวยหรือฉาบฉวย ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะ จุดมุ่งหมายคือ การที่..แอบเอาฟิกฮ์ของหลักการบางทัศนะที่ตนพอใจมาใช้บางส่วน
โดยที่ไม่ได้ดำเนินตามเจ้าของทัศนะทั้งหมด...เขาเรียกว่า คละกันเพื่อให้มันเป็นรูปร่าง..
เช่น ..มัสหับฮานาฟี
เรื่องการทำกรุบาน วายิบ.จำเป็นที่มุสลิมทุกคนต้องกระทำ..จากการวินิจฉัยของท่านจากอัลกรุอ่านและอัชซุนนะ..
แต่..พวกเขาคณะใหม่มักใช้ฟิกฮ์แบบฉกฉวยว่า.....ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้เพราะมัสหับชาฟีอีบอกว่าเป็นแค่สุนัตมุอักกัต.....
ตรงนี้และอุลามะเขาบอกว่า การตัลฟีก..หรือฉกฉวยแบบฉาบฉวยเพราะคละทัศนะกัน..โดย...ส่วนมากบรรดาผู้ที่รู้ในกลุ่มนี้มักกระทำแบบนี้..
.ประเด็นมันอยู่ที่ว่าแล้วคนเอาวามละจะทำอย่างไร..ในเมื่อพวกเขาตักลีดโดยไม่รู้ที่มาของมันเหมือนโตะครูคณะใหม่บางท่าน
เรื่อง การเสียน้ำละหมาด...เริ่มแรกพวกเขาอาบน้ำและตัรตีบตามมัสหับชาฟีอี แต่พออารมณ์ต้องการกับภรรยาตนเองก็เลี่ยงมัสหับด้วยเหตุผลว่า
..ตามมัสหับฮานาฟี.....สามารถจะกระทำนั้นกระทำนี้ได้ไม่เสียน้ำลัหมาด นอกจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นที่เสียน้ำละหมาด แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่า
ฟิกฮ์ฉกฉวยหรือฟิกฮ์ฉาบฉวยได้อย่างไร..
เ รื่อง การอ่านอัลกรุอ่าน ในขณะที่มีฮาดัส ...เริ่มแรกพวกเขาอาบน้ำและตัรตีบตามมัสหับชาฟีอี..ซึ่งห้ามอ่านหรือจับอัลกรุอ่าน..แต่เมื่ออารมณ์
ต้องการก็ยึดทัศนะของอีม่ามมาลิก.....แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่า
ฟิกฮ์ฉกฉวยหรือฟิกฮ์ฉาบฉวยได้อย่างไรคับ..
:laugh:ทำไมเราไม่กลับไปดูเงื่อนไขของนักปราชญ์ฟิกฮ์กันบ้างว่าเขาเข้าใจกันอย่างไรในเรื่องนี่...
การตามมัซฮับอื่นจากมัซฮับทั้งสี่สิทธิส่วนบุคคลของมุสลิมใน
การตามมัซฮับหนึ่งมัสหับใดที่ไม่ใช่มัซฮับทั้งสี่นั้น ต้องมีเงื่อนไขดังนี้

1.
มัซฮับที่เขาต้องการตักลีดตาม ต้องเป็นมัซฮับที่อนุญาตให้ตามได้ ดังนั้น ถือว่าใช้ไม่ได้ในการตักลีดตามมัซฮับชีอะฮ์หรือมัซฮับอิบาฏีย์เป็นต้น
ถามมว่า...คนเอาวามในวาฮาบียะหรือกลุ่มคณะใหม่รู้สิ่งนี้หรือไม่
2.
เขาจะต้องรู้มัซฮับของอิมามที่เขาจะตาม เช่นต้องการจะตามมัซฮับของซอฮาบะฮ์ ตาบิอีน หรือต้องการตามมัซฮับของอิมามอะห์ลิสซุนนะฮ์แห่งเมืองชาม เช่น ท่านอิมามอัลเอาซฺะอีย์ ท่านอิมามอัษเษารีย์ ท่านอิมามอบูษูร ท่านอิมามซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ และอิมามท่านอื่นๆ
ถามว่า...ปัจจุบันนี้คณะใหม่ที่เขาตัลฟีกมัสหับนั้น เขารู้ละเอียดทุกอย่างในมัสหับที่เขาคละแล้วยัง
หรือว่าเขามักง่ายโดยการฉกฉวยเลือกเอาที่มันพอใจกับนัฟซู
3. มัซฮับที่เขาต้องการตัดลีกตามนั้น ต้องมีการกระบวนการถ่ายทอดจากสายรายงานของผู้มีคุณธรรมและความจำดี
ถามว่า..หลายๆอย่างที่เขาตัลฟีกหรือคละตามอุลามะที่เขาตักลีดตามนั้น มีการกระบวนการถ่ายทอดจากสายรายงานของผู้มีคุณธรรมหรือไม่และอุลามะใดบ้างรับรอง
4. เขาต้องรู้รายละเอียดประเด็นปัญหาหนึ่งๆ หรือประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เขาทำการตักลีดตาม และต้องทราบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนั้นๆ ที่อยู่ในมัซฮับของอิมามที่เขาจะตาม
ถามว่า คณะใหม่ที่เขาตัลฟีกมัสหับนั้น เขารู้ละเอียดทุกอย่างในมัสหับที่เขาคละแล้วหรือยัง
5.
หากเขาต้องการตักลีดตามอิมามมากกว่าหนึ่งคน ก็ต้องมีเงื่อนไขว่า เขาต้องไม่ทำการตัลฟีก(คละปนมัซฮับ) กับประเด็นหนึ่งๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวอย่างเช่น เขาต้องการตักลีดตามอิมามมาลิก(ร.ฮ.) ในฮุกุ่มที่สุนัขไม่เป็นนะยิส และเขาก็ต้องการตักลีดตามอิมามชาฟิอีย์(ร.ฮ.)ในฮุกุ่มที่ถือว่าใช้ได้ในการ เช็ดบางส่วนของศีรษะในการอาบน้ำละหมาด ดังนั้น ในการตักลีดตามในรูปแบบดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่ต้องห้ามโดยความเห็นพร้องกันและบางทัศนะบอกว่ามันเป็นมติของปวง ปราชญ์ เนื่องจากว่า หากเขาได้ทำการละหมาดตามสภาพดังกล่าวนี้ แน่นอนว่า อิมามทั้งสองจะต้องตัดสินว่า การละหมาดของเขานั้นเป็นโมฆะ กล่าวคือ อิมามมาลิกตัดสินว่าการละหมาดของเขาใช้ไม่ได้เพราะเขาเช็ดศีรษะเพียงเส้นผม สองหรือสามเส้นเท่านั้นโดยที่ไม่เช็ดให้ทั่วศรีษะ ส่วนอิมามชาฟิอีย์จะตัดสินว่า การละหมาดของเขานั้นใช้ไม่ได้เพราะเสื้อผ้าและร่างกายของเขาไปสัมผัสกับนะ ญิสสุนัขดังนั้น เมื่อบรรดากฎเกณฑ์ต่างๆ ทั้งห้าข้อมีอยู่ครบสมบูรณ์ แน่นอน อิบาดะฮ์ของคนมุก๊อลลิดและการทำธุรกิจค้าขายของเขานั้น ย่อม มีความถูกต้องและใช้ได้
แต่หากว่ากฏเกณฑ์เหล่านั้นบกพร่องหรือมีบางส่วนบกพร่องลงไป แน่นอนว่า อิบาดะฮ์ของเขาย่อมใช้ไม่ได้และจำเป็นต้องชดใช้อย่างเร่งด่วน
ทุกๆ ประเด็นเหล่านี้ บรรดานักปราชญ์ได้กล่าวบ่งบอกไว้ในบรรดาหนักสือมูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม(อุซู ลุลฟิกห์) และท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยติมีย์(ร.ฮ.) ได้รวบรวมสิ่งดังกล่าวไว้อย่างดีในหนังสืออัลฟะตาวา อัลฟิกฮียะฮ์ อัลก๊อบรอ เล่ม 4 หน้า 326 ผมอยากให้บังกอดดัรเอาหัวข้อดังกล่าวไปถามว่าฮาบียะหรือคณะใหม่ด้วยว่า เข้าใจและยอมรับเงื่อนไขนี้อย่างไรหรือไม่...