บิสมิลลาฮิรเราะมานิรรอฮีม
สลาม พี่น้องทุกท่าน
จริงๆ เรื่องที่จะเล่าให้ พี่น้องทุกท่านฟังนั้น มีที่มาที่ไป และมีชื่อบุคคลที่เกี่ยวพัน กับพี่น้องบางท่านในเวปไซต์แห่งนี้
ซึ่งผมจะขอเล่าประวัติ คร่าวๆ เพื่อเป็นแนวทาง ในการวิเคราะห์ แน่นอนว่า เรื่องที่นำเสนอนั้น จะไม่พยายามฟันธงไปในทิศทางใดทางหนึ่ง
เพื่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดความเข้าใจในเนื้อหาเท่านั้น โดยไม่กล่าวร้าย หรืออคติ กับพี่น้องมุสลิมบางส่วน
ดังนั้น ชื่อที่เอ่ย มาจะเป็นในทางด้านดี และ ขอปกปิดชื่อในทางที่ไม่ดี หมายถึง ผู้ที่มีแนวคิดที่จะเอ่ยถึงนั้น จะไม่ถูกเอ่ยนาม แต่ประการใด
อินชาอัลลอฮฺ...
เรื่อง ปัญหา ดาราศาสตร์ ในประเทศไทย นั้นมีมายาวนานกว่า 50 ปี แล้ว โดยมาในยุคสมัยของ กลุ่มคณะใหม่ ได้เข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอน
แทนระบบของคุรุสัมพันธ์ ซึ่งในอดีตนั้น ประเทศไทยของเราได้ใช้ดูฮิลาล เข้าเดือนรอมฎอนตามแนวทางเดิม ( ซาฟีอี ) อยู่ก่อนนานแล้ว
ในภายหลังที่มีกลุ่มคณะใหม่ ( ต่อไปนี้จะเรียกซุนนะใหม่ ) ซุนนะใหม่เหล่านี้ ได้ทำการผสมผสานเนื้อหา ของความรู้ในแขนงต่างๆ ออกเป็นระบบการเรียนการสอนที่เน้นปฎิบัติ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ ซุนนะใหม่ จะขยันประกอบอมาลมากกว่า ซุนนะเก่า เช่น การละหมาดสุนัต การถือศีลอด เป็นต้น
กลุ่มซุนนะเก่านั้นแบ่งได้หลายกลุ่มหลายสาย ซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม แนวทางบิดอะ แนวทางซุนนะแบบมัซฮับ หรือแบบผสมบางส่วน
ซึ่งหลังจากการมาของกลุ่มซุนนะใหม่ ตามสถานที่ต่างๆ ก็ดี เช่น สุเหร่าขาว ( อยุธยา ) หรือ มัสยิดบางกอกน้อย และ กลุ่มฟุรกอน รวมทั้งศูนย์กลาง เป็นต้น
จากแนวทางที่ได้เน้นการปฎิบัติเป็นหลัก ( ไม่แปลกที่เขาจะเข้าสู่เรื่องคิลาฟ เพราะฟิกนั้นมีความหลากหลายทางทรรศนะอยู่มาก )
ทำให้ บุคคลส่วนใหญ่ ที่ใฝรู้ ใฝ่ธรรม ได้สนใจ ในการเรียนการสอนดังกล่าว ( เนื่องจากเห็นผลจากการกระทำ ไม่มีการแอบอ้างจะละหมาดใช้ โดยไม่ละหมาด หรือหมายถึง รวมเวลาละหมาดโดยไร้เหตุจำเป็น )
บุคคลเหล่านั้น เลือกที่จะตาม กลุ่มต่างๆ ที่มีแนวทาง ที่ดี แนวทางที่ทำให้การปฎิบัติอมาลได้ดีกว่า ซึ่งดูน่าเชื่อถือกว่า
เข้าสู่เรื่อง ฮิลาล... ในหลาย 10 ปี ที่ผ่าน อาจารย์ท่านนึง ได้ นำเสนอ แนวคิด การดูฮิลาล ตามทรรศนะอื่น ( ไม่ใช่ซาฟีอี )
นั้นคือ ทรรศนะ เมื่อเห็นเดือน ก็ให้ตามที่ใดก็ได้ในโลก ดังที่ปรากฎณ์ในปัจจุบัน แต่ด้วยในสมัยก่อนนั้น ซาอุ ยังไม่มีการคำนวณ แบบอาหรับ
กล่าวคือ ซาอุ ยังใช้การคำนวณ ในแบบชาวยิว ซึ่งในภายหลังนั้น กลุ่มที่ได้นำเสนอ แนวคิดตามซาอุ ในเรื่องคำนวณ จึงถูกพี่น้องหลายกลุ่มทำการชี้แจงในเรื่องดังกล่าว
หนึ่งในนั้นคือ อาจารย์ อับดุลการีม วันแอเลาะ ซึ่งได้ทำหนังสือโต้ เกี่ยวกับ การเข้าเดือนโดยใช้การคำนวณ ของนักดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นการคำนวณของประเทศซาอุ ตามหลักของชาวยิว
ไม่นาน อาจารย์ สมชัย เรืองทอง จึงได้ถอนตัวออกมาจากกลุ่มดังกล่าว และกลับมาสู่แนวทาง ซุนนะวัลยะมาอะ ซึ่งหมายถึงกลับมาตาม การดูเดือนในประเทศตัวเองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากตามซาอุ อยู่หลายปีด้วยกัน
เหตุผลที่ท่านได้แยกตัวออกมา เนื่องด้วยจากการได้ศึกษาดาราศาสตร์กับ คุณนคร ทนุวงษ์ ซึ่งเป็นทหารเรือท่านนึงในสมัยนั้น ที่ช่วยให้ท่านได้สนใจวิชาฟะลัก ( ดาราศาสตร์อิสลาม ) ซึ่งภายหลัง อาจารย์ สมชัย เป็นผู้ริเริ่มตั้งชมรมดาราศาสตร์อิสลาม ขึ้นมา
รวมทั้ง หนังสือเล่มเล็ก ของอียิปต์ ฉบับหนึ่ง ซึ่งกล่าวเกี่ยวกับ การเข้าเดือนของประเทศซาอุ
ในเนื้อหาของมัน ที่ถูกนำเสนอ เมื่อกว่า 20 ปี แล้ว นั้น ได้ปรากฎณ์ มาตราฐาน ของการเข้าเดือนของประเทศซาอุ
จากคำทักท้วงของประเทศจอร์แดน ซึ่งได้ทำข้อตักเตือนไปยังซาอุ และได้รับคำตอบชี้แจงมา
เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ ท่านว่า การตามประเทศซาอุ ซึ่งเป็นประเทศที่เข้าเดือนด้วยการคำนวณฮิลาล นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และแน่ชัดด้วยประการทั้งปวงว่า การตามประเทศอื่นๆ ก็ยิ่งไม่ถูกต้อง
ด้วยกับผลของการตามฮิลาล ของทั่วโลก ในครั้งนึง ซึ่งตัวผมเองนั้น เคยได้ชี้แจงไปแล้วหลายครั้งว่า เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนนั้น
มัสยิดอัลอะติก และ มัสยิดบางกอกน้อย หรือ ตามซุนนะใหม่นั้น มีอยู่ปีนึง ที่ถือศีลอดชดใช้กัน เพราะอันเนื่องมาจาก รอมฎอนของปีนั้นมีเพียง 28 วัน
เมื่อเป็นดังกล่าว ทรรศนะ ที่กล่าวว่า ให้ตามฮิลาลในทุกประเทศนั้น จึงไม่ปลอดภัย อันเนื่องด้วยการตามทุกประเทศนั้นทำให้เดือนที่ควรมี 29 และ 30 วันนั้น ขาดหายไป
หลังจากนั้น เป็นต้นมา ชมรมดาราศาสตร์ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำเสนอจุดยืน การดูเดือนในประเทศตัวเอง อย่างเคร่งครัด ตามหลักอิสลาม
และพยายามเดินตามแนวทาง มัซฮับซาฟีอี ในทรรศนะดังกล่าวตลอดมา จนภายหลังนั้น สำนักจุฬาก็ถูกโจมตี จากคนบางส่วนในกลุ่มซุนนะใหม่
หลังจาก อาจารย์ สวาส สุมาลยศักดิ๋ ได้รับตำแหน่งเป็น จุฬาราชมนตรี ก็ได้เกิดข้อพิพาทขึ้นมากมาย จากทั้งกระบวนการ และบุคคลใกล้ชิด
แน่นอนที่สุด กลุ่มซุนนะใหม่บางส่วนนั้น ได้ทำการกล่าวหาโจมตี การเข้าเดือนในทรรศนะแบบเก่า ( ในประเทศตัวเอง ) ด้วยวีธีต่างๆ นาๆ
อาทิ การอ้างว่า จุฬาขาดคุณสมบัติ การอ้างว่า สำนักขุฬา ไม่ดูฮิลาล หรือ แม้แต่การอ้างว่า สำนักจุฬา ไม่ได้ดูทุกเดือน เป็นต้น
ซึ่งภายหลัง จากปากของอาจารย์ท่านนึง กล่าวว่า "สำนักจุฬามีหน้าที่แค่บอกวันดูเดือน วันเข้าเดือนเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิบังคับ"
เมื่ออาจารย์ท่านนี้ได้กล่าวเช่นนั้น บรรดาลูกศิษย์ และลูกหาต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์ สำนักจุฬาตามความสามารถอันจะหามาได้
โดยหลังจากนั้น ก็มีวีดีโอของเขาได้ถูกแจกจ่าย ในเรื่องดาราศาสตร์ ที่เคยโต้กับ อาจารย์อิสมาแอล วิสุทธิปราณี ไว้ ซึ่งอาจารย์อิสมาแอล กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ท่านไม่รู้ดาราศาสตร์
แล้วก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า อาจารย์ท่านนั้นไม่รู้ดาราศาสตร์จริงๆ เพราะเนื่องมาจากว่ ท่านเคยกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องยุ่งยาก"
จากเหตุการณ์ทั้งหมด นำมาสู่การตามผู้นำของฉัน ของใครของมัน ตามอาจารย์ของฉัน ตามผู้รู้ของฉัน ที่ฉันเชื่อถือ
มีสุเหร่าแนวทางซุนนะใหม่ ผุดขึ้นมากมาย นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกับแนวทางที่เน้นปฎิบัติมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น ผู้ที่เคยหลงกลับมาอยู่ในแนวทางอิสลาม ด้วยคำกล่าวที่ว่า "เราตามซุนนะ"
เหตุการณ์ต่อมา คือการแต่งงาน ระหว่างซุนนะเก่า และซุนนะใหม่ ซึ่งมักจะถูกกิน รวบหัวหาง อันเนื่องมาจาก การปฎิบัติอมาลที่ด้อยกว่า
ความรู้ในเรื่องศาสนาน้อยกว่า และความมั่นคงของจิตใจนั้นเทียบกันไม่ได้กับผู้ที่ทำอมาล อยู่เป็นประจำเช่นนี้
ผลพวงของมัน ที่เด่นชัดที่สุด คือการออกอีด นั้นไม่ตรงกัน ในบางปี ซึ่ง ครอบครัวหนึ่งในบางครั้ง จะมี สามี ออกวันนึง ภรรยา ออกวันนึง
เป็นการสูญเสียเอกภาพอย่างชัดเจนที่สุด และแน่แท้มันเป็นเพียงทรรศนะ ของผู้รู้ ในการตามสิ่งเหล่านั้นเท่านั้นเอง
แต่พวกเขานั้น เชื่อมั่น จนเลยเถิดเกินไป จนพร้อมที่จะหาข้ออ้างเพียงเพื่อจะไม่ต้องตามผู้นำประเทศอย่างสำนักจุฬา
หลักจากนั้น แหละ ที่เกิดความคิดของ บุคคลกลุ่มหนึ่ง ผู้ซึ่ง มีเจตนาที่ดี แต่การกระทำไม่บริสุทธิ์
ฮะดิสบทหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "การโกหกนั้น อนุญาติได้ หากเพื่อให้คนคืนดีกัน"
จากฮะดิสบทนี้ เป็นที่มาของความโกลาหล ในสำนักจุฬา และ ความผิดแปลกในประเทศไทย ในเวลาต่อมา
อันจะขอเล่าต่อในครั้งหน้า
อินชาอัลลอฮฺ.
ขอเรียนว่า เรื่องที่เล่านั้น เป็นความจริงตามที่ได้ฟังมาจาก ปากของบุคคลผู้มีชื่อทั้งหลาย รวมทั้งหลักฐานลายลักษ์อักษร หนังสือ เอกสารต่างๆ
และหวังว่า การนำเสนอนี้ จะเป็นแนวทางให้พี่น้องเข้าใจเรื่องราวมากยิ่งขึ้น อีกทางหนึ่ง
แต่เรื่องแท้จริง ในจิตใจของแต่ละบุคคลนั้น เรามิอาจที่จะกล่าวถึงได้
วัลลอฮฺอะลัม..
วัสลาม...