بسم الله الرحمن الرحيم
قال المصنف رحمه الله تعالي ونفعنا بعلومه فى الدارين
11. และ 12. ซะมะ แปลว่า ได้ยิน และ บาศ๊อร แปลว่า เห็น
ทั้งสองซีฟัตนี้เป็นซีฟัตที่มีมาแต่เดิม ต่างก็สถิตอยู่ที่ซ๊าตของอัลเลาะฮ์ มีหน้าที่เปิดเผยให้พระองค์ทรงได้ยิน และเห็นของที่มี ไม่ว่าจะเป็นซ๊าต(ตัวของสิ่งของ) เป็นสี เป็นเสียง หรืออื่น ๆ ทั้งสองซีฟัตนี้มีหน้าที่เปิดเผย إنكشاف (อินกิชาฟ) เช่น(เดียวกับ) หน้าที่ تعلق ของอินมุน (อัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้) เป็นต้น
และเราจำเป็นจะต้องเอี๊ยะติกอดว่า إنكشاف (อินกิชาฟ) ที่ได้มาจากสะมะนั้น ไม่ใช่หรือไม่เหมือนกับ إنكشاف (อินกิชาฟ) ที่ได้จากบะศ๊อร และ إنكشاف (อินกิชาฟ) ที่ได้จากทั้งสองนี้ก็ไม่เหมือนกับ إنكشاف (อินกิชาฟ) ที่ได้มาจาก อินมุน
และ إنكشاف (อินกิชาฟ) ทั้งสามนี้ จะเป็นเช่นไรนั้น เป็นสภาพที่เราจะได้มอบแด่พระองค์ท่าน
สำหรับ สะมะ(อัลเลาะฮ์ทรงได้ยิน) และบะศ๊อร (อัลเลาะฮ์ทรงเห็น) มีสามหน้าที่ تعلق คือ. -
(1) تعلق تنجيزى قديم (ตะโล๊ะ ตันญีซีย์ ก่อดีม) คือ تعلق หรือหน้าที่ของทั้งสอง (สะมะและบะศ๊อร) ที่มีต่อซาตของอัลเลาะฮ์ และบรรดาซีฟัตของพระองค์
(2) تعلق صلوحى قديم (ตะโล๊ะ ซุลูฮีย์ ก่อดีม) คือ تعلق หรือหน้าที่ของสะมะและบะศ๊อร ที่มีต่อพวกเราก่อนจากมีพวกเรา(ขึ้นมา)
(3) تعلق تنجيزى حادث (ตะโล๊ะ ตันญีซีย์ หาดิษ) คือ تعلق หรือหน้าที่ของสะมะและบะศ๊อร ที่มีต่อพวกเราหลังจากมีพวกเราแล้ว
และซีฟัตมุสต้าฮีลที่ตรงกันข้ามกับ ซะมะ คือ "หนวก" และที่ตรงกับข้ามกับบะศ๊อร คือ "บอด" สำหรับหลักฐานซะมะและบะศ๊อร คือ อัลกุรอานที่ว่า
وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ
"และพระองค์ทรงยินยิ่งอีกทั้งทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11
และหลักฐานของ "ซะมะ" และ "บะศ๊อร" นั้น หากพระองค์ไม่ทรงคุณลักษณะทั้งสองนี้ แน่แท้พระองค์ก็ต้องหนวก และบอด ซึ่งเป็นเรื่งอที่เป็นไปไม่ได้
والله تعالى أعلى وأعلم