ผู้เขียน หัวข้อ: หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 3: รุก่นและหลักสำคัญของอิสลาม  (อ่าน 4375 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ItQan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 177
  • Reflection
  • Respect: +50
    • ดูรายละเอียด


عَنْ أَبِي عَبْدِ الرَّحْمَنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا قَالَ: سَمِعْت رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم  يَقُولُ: " بُنِيَ الْإِسْلَامُ عَلَى خَمْسٍ: شَهَادَةِ أَنْ لَا إلَهَ إلَّا اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ، وَإِقَامِ الصَّلَاةِ، وَإِيتَاءِ الزَّكَاةِ، وَحَجِّ الْبَيْتِ، وَصَوْمِ رَمَضَانَ".


รายงานจากอบี อับดิรเราะห์มาน อับดิลลาฮ์ บิน อุมัร บิน อัลค็อฏฏ็อบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า อิสลามนั้นถูกสร้างอยู่บนห้าประการด้วยกันคือ การกล่าวปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และแท้จริง มุฮัมหมัดนั้นเป็นร่อซูลของอัลเลาะฮ์ การดำรงการละหมาด การจ่ายซะกาต การทำฮัจญ์ และการถือศีลอดเดือนรอมะฎอน

ความสำคัญของหะดีษ

หะดีษดังกล่าวนี้ถือเป็นหะดีษที่มีความยิ่งใหญ่มาก เป็นหนึ่งในหลักการต่างๆ ของอิสลามและรวบรวมไว้ซึ่งฮุก่มต่างๆ เนื่องจากการรู้จักศาสนา และสิ่งที่มันตั้งอยู่ และศูนย์รวมของหลักการต่างๆ นั้นก็มีอยู่ในหะดีษบทนี้ หลักการต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกกล่าวอยู่ในตัวบทของอัลกุรอ่าน

ความเข้าใจจากหะดีษบทนี้

1. อาคารแห่งอิสลาม
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้เปรียบอิสลามที่ท่านนำมา (และเป็นสิ่งซึ่งที่นำพามนุษยชาติออกจากวงจรแห่งการปฏิเสธ และทำให้พวกเขาคู่ควรแก่การเข้าสวรรค์และห่างไกลจากไฟนรก) กับอาคารที่มั่นคง (มุห์กัม) ซึ่งยืนอยู่บนรากฐานที่แข็งแรงห้าประการด้วยกัน และท่านยังได้อธิบายว่า รากฐานเหล่านี้คือ

1.1  การปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์และแท้จริงมุฮัมหมัดเป็นร่อซูลของอัลเลาะฮ์
และจุดมุ่งหมายของมันก็คือการยอมรับต่อการมีอยู่ของอัลเลาะฮ์ตะอาลา และการเป็นเอกะของพระองค์ การศรัทธาต่อการเป็นนบีของมุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม และศาสน์ของท่าน และหลักการข้อนี้นั้นเป็นเหมือนกับรากเมื่อเทียบกับหลักการข้ออื่นๆ ท่านนบี อะลัยฮิศศ่อลาตุ วัสสลาม ได้กล่าวว่า

أمرت أن أقاتل الناس حتى يشهدوا أن لا إله إلا الله وأن محمدا رسول الله
“ฉันถูกใช้ให้ทำสงครามกับมนุษย์ จนกว่าเขาจะปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และแท้จริงมุฮัมหมัดนั้นเป็นร่อซูลของอัลเลาะฮ์” รายงานโดยท่านอัลบุคอรีย์และมุสลิม และท่านนบี ยังได้กล่าวอีกว่า
 
من قال لا إله إلا الله مخلصا دخل الجنة
“ผู้ใดกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์อย่างบริสุทธิ์ใจ เขาจะได้เข้าสวรรค์” หะดีษศ่อฮิห์ บันทึกโดยท่านอัลอัซซาร

1.2  การดำรงการละหมาด
จุดมุ่งหมายคือ การรักษาและดำรงไว้ซึ่งการละหมาดในเวลาของมัน รวมถึงการปฏิบัติการละหมาดอย่างสมบูรณ์ตามเงื่อนไขและหลักการ รักษาไว้ซึ่งมารยาทและสิ่งที่สนับสนุนให้กระทำในละหมาด เพื่อให้การละหมาดนั้นเกิดผลขึ้นในจิตใจของมุสลิม โดยเขาจะละทิ้งสิ่งที่น่ารังเกียจและถูกปฏิเสธทั้งหลาย อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงตรัสว่า “เจ้าจงอ่านสิ่งที่ถูกวะฮีย์ลงมาแก่เจ้าจากคัมภีร์ และจงดำรงการละหมาด (เพราะ) แท้จริงการละหมาดนั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่ว...” (อัลอังกะบูต อายะห์ 45) และการละหมาดนั้นถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการเป็นมุสลิม และเป็นสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธา ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัมได้กล่าวว่า “ระหว่างคนคนหนึ่งและระหว่างการตั้งภาคีและการปฏิเสธนั้นคือการทิ้งละหมาด” รายงานโดยมุสลิมและท่านอื่นๆ และท่านร่อซูลยังได้กล่าวอีกว่า “การละหมาดคือเสาของศาสนา” หะดีษหะซัน รายงานโดยอบูนุอัยม์

1.3  การจ่ายซะกาต
นั่นก็คือการเอาสัดส่วนที่ถูกกำหนดไว้จากทรัพย์สิน - จากผู้ที่ครบพิกัด และครบเงื่อนไขของการเป็นวาญิบและการจ่าย – ให้กับคนยากคนจนและผู้ที่มีสิทธิได้รับ อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงตรัสว่า “และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้จ่ายซะกาต” (อัลมุอฺมินูน อายะห์ที่ 4) และทรงตรัสว่า “และบรรดาผู้ที่ในทรัพย์สินของพวกเขามีส่วนที่ถูกกำหนดไว้” (อัลมะอาริจญ์ อายะห์ที่ 24) และมันคืออิบาดะห์มาลียะห์ (อิบาดะห์ในรูปแบบของทรัพย์สิน) ที่จะทำให้บรรลุซึ่งความยุติธรรมในสังคม และขจัดความยากจนและแร้นแค้น และนำมาซึ่งความรัก ความเอื้ออาทร และการให้เกียรติระหว่างบรรดามุสลิม

1.4  การทำฮัจญ์
นั้นก็คือการมุ่งหน้าไปยังมัสยิดอัลหะรอมในเดือนต่างๆ ของการทำฮัจญ์ อันได้แก่เดือนเชาวาล ซุลเกียะห์ดะห์ และสิบวันแรกของเดือนซุลฮิจญะห์ และปฏิบัติศาสนกิจตามที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮฺได้ทำการชี้แจงไว้ การทำฮัจญ์นั้นเป็นอิบาดะห์ในรูปแบบของทรัพย์สินและร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดคุณประโยชน์ต่างๆ มากมายสำหรับปัจเจกชนและสังคม และเหนือสิ่งอื่นใดมันคือการประชุมแห่งอิสลามครั้งใหญ่ และเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับการพบปะระหว่างบรรดามุสลิมจากทุกประเทศ อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงตรัสว่า “และจงประกาศแก่มนุษย์ทั่วไปเพื่อการทำฮัจญ์ พวกเขาจะมาหาเจ้าโดยทางเท้า และโดยทางอูฐเพรียวทุกตัว จะมาจากทางไกลทุกทิศทาง เพื่อพวกเขาจะได้มาร่วมเป็นพยานในผลประโยชน์ของพวกเขา และกล่าวพระนามอัลเลาะฮ์ในวันที่รู้กันอยู่คือวันเชือด ตามที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาจากสัตว์สี่เท้า ดังนั้นพวกเจ้าจงกินเนื้อของมัน และจงให้อาหารแก่ผู้ยากจนขัดสน” (อัลฮัจญ์ อายะห์ที่ 27-28) เนื่องจากสิ่งดังกล่าวนี้ ผลบุญของการทำฮัจญ์นั้นจึงยิ่งใหญ่และมีการตอบแทนที่เต็มเปี่ยม ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า “...และสิทธิของอัลเลาะฮ์ที่มีแก่มนุษย์นั้น คือการมุ่งสู่บ้านหลังนั้น อันได้แก่ผู้ที่สามารถหาทางไปยังบ้านหลังนั้นได้...” (อาลิอิมรอน อายะห์ที่ 97)

1.5  การถือศีลอดเดือนรอมะฎอน
การถือศีลอดเดือนรอมะฎอนนั้นถูกกำหนดเป็นฟัรฎูในปีที่สองของฮิจเราะห์ศักราช ด้วยพระดำรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า “เดือนรอมะฎอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้น ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น...” (อัลบะกอเราะฮ์ อายะห์ที่ 185) และมันคืออิบาดะห์ที่มีการชำระล้างหัวใจ และทำให้จิตวิญญาณสูงส่ง และทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี ผู้ใดที่ปฏิบัติมันตามคำสั่งใช้ของอัลเลาะฮ์และมุ่งหวังความโปรดปรานของพระองค์แล้ว มันย่อมเป็นการลบล้างบาปต่างๆ ของเขา และเป็นสาเหตุให้เขาได้เข้าสวรรค์ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า “ผู้ใดที่ถือศีลอดเดือนรอมะฎอนด้วยความศรัทธาและมุ่งหวัง (ความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์) แล้ว บาปต่างๆ ที่เขาได้กระทำมาก่อนหน้านั้นจะถูกอภัยโทษให้สำหรับเขา”

2.  หลักการต่างๆ ของอิสลามนั้นมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
ผู้ใดก็ตามที่ทำหลักการต่างๆ เหล่านี้อย่างสมบูรณ์ เขาคือมุสลิมที่มีศรัทธาสมบูรณ์ และผู้ใดทิ้งมันโดยทั้งหมด เขาคือผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาเฟร) อย่างเด็ดขาด และผู้ใดก็ตามที่ปฏิเสธข้อใดข้อหนึ่ง เขาก็ไม่ใช่มุสลิมตามการลงมติของปวงปราชญ์ และผู้ใดก็ตามที่เชื่อมั่นหลักการต่างๆ ทั้งหมด และละเลยประการหนึ่งประการใดจากหลักการต่างๆ นั้น (ยกเว้นการให้คำปฏิญาณ) ด้วยความเกียจคร้าน เขาคือคนฟาซิก และผู้ใดก็ตามที่เขาได้นำมาเพียงการกระทำและกล่าวด้วยกับลิ้นโดยเสแสร้งแล้ว เขาคือมุนาฟิก

3.  เป้าหมายของการทำอิบาดะห์ต่างๆ
จุดมุ่งหมายของอิบาดะห์ในอิสลามนั้นมิใช่เพียงรูปหรือลักษณะภายนอก หากแต่คือเป้าหมายและความหมายที่อยู่พร้อมกับการดำรงไว้ซึ่งอิบาดะห์ ดังนั้นการละหมาดที่ไม่ได้ห้ามการทำความชั่วและสิ่งที่น่ารังเกียจจึงไม่มีประโยชน์อันใด เช่นเดียวกับการถือศีลอดของผู้ที่ไม่ละทิ้งการเป็นพยานเท็จก็ไม่ยังประโยชน์อันใดเช่นกัน และดังเช่นที่การทำฮัจญ์หรือการจ่ายซะกาตจะไม่ถูกตอบรับหากกระทำไปเพื่อการโอ้อวดและอยากมีชื่อเสียง และสิ่งดังกล่าวนี้ก็มิได้หมายความว่าให้ทิ้งอิบาดะห์ต่างๆ เหล่านี้เมื่อมันไม่บรรลุผล แต่จุดประสงค์คือให้จิตใจพยายามทำอิบาดะห์ด้วยความอิคลาส และพยายามทำให้บรรลุเป้าหมายของการทำอิบาดะห์

4. แขนงต่างๆ ของการอิหม่าน
สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาในหะดีษนั้นไม่ใช่เป็นทั้งหมดในอิสลาม แต่ที่นำมากล่าวจำกัดไว้นั้นเนื่องจากความสำคัญของมัน ยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายนอกจากเหนือไปจากนี้ ท่านนบี (อะลัยฮิศศ่อลาตุ วัสสลาม) ได้กล่าวว่า “การอิหม่านนั้นมีเจ็ดสิบกว่าแขนง” รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
หะดีษนี้ยังบอกให้เราทราบว่า อิสลามนั้นคือการศรัทธามั่นควบคู่การปฏิบัติ ดังนั้นการปฏิบัติโดยปราศจากการศรัทธาจึงไม่มีประโยชน์อันใด เช่นเดียวกับที่ไม่มีการศรัทธาที่ปราศจากการปฏิบัติ

อ้างอิง: ดร. มุศตอฟา อัลบุฆอ, อัลวาฟีย์ ฟี ชัรหฺ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ (เบรุต: ดาร อิบนิกะษีร, พิมพ์ครั้งที่ 11, ค.ศ. 1999), หน้า 20 - 23
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 09, 2011, 10:36 AM โดย ItQan »
أللهم اخرجنا من ظلمات الوهم وأكرمنا بنور الفهم ... آمين يارب العالمين
โอ้อัลเลาะฮ์ ขอพระองค์ทรงให้เราออกห่างจากความมืดมนแห่งความคิดคลุมเครือ  และให้เกียรติเราได้วยรัศมีแห่งความเข้าใจ... อามีน ยาร็อบ

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
0
ญะซากั้ลลอฮฺ
 myGreat: myGreat: myGreat: ฮะดีษที่3 แล้ว
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
0
หวังว่าคงจะมาครบทุกหะดิษนะครับ  อย่าขาดตอนละ  เดี๋ยวคนอ่านจะขาดใจ..เหอะๆ mycry mycry
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 29, 2010, 10:35 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
0
นี่ถ้ามีไฟล์เสียงมาลงมั้งก็น่าจะดีนะครับ  เพราะสังเกตดูแล้วช่วงนี้ ไม่ค่อยมีใครเอาไฟล์เสียงบรรยายมาโพสต์กันเลย loveit: loveit:
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
0
 salam

อ่านแล้วครับ รับความรู้แล้วครับ ขอบคุณครับ

นอกเหนือจากหะดีษแล้ว ผมชอบประโยคนี้ครับ

อ้างถึง
อิสลามนั้นคือการศรัทธามั่นควบคู่การปฏิบัติ ดังนั้นการปฏิบัติโดยปราศจากการศรัทธาจึงไม่มีประโยชน์อันใด เช่นเดียวกับที่ไม่มีการศรัทธาที่ปราศจากการปฏิบัติ

วัสสลาม

 

GoogleTagged