ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 18 สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ)  (อ่าน 17677 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 50 - 53

   

คำอ่าน
50. วะอิซกุลนาลิลมะลา..อิกะติสญุดูลิอาดะมะ ฟะสะญะดู..อิลลา..อิบลีสะ กานะมินัลญิน..นิ ฟะฟะสะเกาะอันอัมริร็อบบิฮฺ อะฟะตัตตะคิซูนะฮู วะซุรฺรียะตะฮู..เอาลิยา..อะมิน..ดูนี วะฮุมละกุมอะดูวฺ, บิอ์สะลิซซอลิมีนะ บะดะลา

คำแปล R1.
50. And (remember) when we said to the angels; "Prostrate to Adam." so they prostrated except Iblis (Satan). He was one of the jinns; He disobeyed the command of his Lord. Will you then take him (Iblis) and his offspring as protectors and helpers rather than Me while they are enemies to you? What an evil is the exchange for the Zalimun (polytheists, and wrong-doers, etc).

คำแปล R2.
50. และเมื่อครั้งที่เราได้รับสั่งแก่มลาอิกะฮฺว่า “พวกเจ้าจงน้อมคารวะแก่อาดัมเถิด !” พวกเขาก็น้อมคารวะเป็นอันดี ยกเว้นอิบลีส มันเป็นส่วนหนึ่งของญิน ดังนั้นมันจึงทรยศต่อคำบัญชาแห่งองค์อภิบาลของมันเอง แล้วพวกเจ้าทั้งหลายยังจะยึดเอามันและผู้สืบตระกูลของมันมาเป็นมิตร โดยละเลยต่อข้ากระนั้นหรือ ? เป็นการแลกเปลี่ยนที่ชั่วช้าที่สุดสำหรับพวกที่ฉ้อฉลทั้งมวล(โดยแทนที่จะยึดอัลเลาะห์เป็นพระเจ้า กลับเปลี่ยนมายึดอิบลีสเป็นสหาย)

คำแปล R3.
50. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้กล่าวแก่บรรดามลาอิกะฮฺว่า “จงโค้งคำนับต่ออาดัม” พวกเขาก็ค้อมคำนับ ยกเว้นอิบลีส มันเป็นหนึ่งในหมู่ญิน ดังนั้นมันจึงเลือกที่จะฝ่าฝืนคำบัญชาของพระผู้อภิบาลของมัน แล้วสูเจ้าจะละทิ้งฉันแล้วหันไปเอามันและลูกหลานของมันมาเป็นผู้คุ้มครองสูเจ้ากระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นศัตรูของสูเจ้า ? การสับเปลี่ยนกันที่พวกอธรรมกำลังทำอยู่นี้ ช่างเป็นสิ่งที่เลวเสียเหลือเกิน

คำแปล R4.
50. และเมื่อเราได้กล่าวแก่มะลาอิกะฮ์ว่า “จงสุญูดคารวะต่ออาดัม” พวกเขาก็แสดงคารวะเว้นแต่อิบลิส มันอยู่ในจำพวกญิน ดังนั้น มันจึงฝ่าฝืนคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าของมัน แล้วพวกเจ้าจะยึดเอามันและวงศ์วานของมัน เป็นผู้คุ้มครองอื่นจากข้ากระนั้นหรือหรือ ? ทั้งๆ ที่พวกมันเป็นศัตรูกับพวกเจ้า มันช่างชั่วช้าแท้ๆ ในการแลกเปลี่ยนสำหรับพวกอธรรม”

คำแปล R5.
๕๐. โอ้ มุฮำมัด และเจ้าจงกล่าวแก่ประชาชนของเจ้าให้ถือไว้เป็นอุดมคติเถิด ในขณะที่เรา(อัลเลาะห์)สั่งแก่เหล่ามลาอิกะห์ว่า พวกเจ้าจงโค้งศีรษะแสดงความเคารพอาดัม พวกมลาอิกะห์เหล่านั้นก็ทำความเคารพ เว้นแต่อิบลีส ทั้งนี้ก็เพราะว่ามัน(อิบลีส)นั้นเป็นบิดาของพวกยิน มันได้ฝืนคำสั่งแห่งองค์พระผู้อภิบาลของมัน โอ้อาดัมและบรรดาอนุชน ผู้อื่นนอกจากข้าแล้ว พวกเจ้ายังจะยึดถือมันและเหล่าอนุชนของมันเป็นผู้พิทักษ์ ซึ่งพวกเจ้าจะเชื่อมันอยู่อีกหรือ ? ทั้งที่พวกมันคือศัตรูของพวกเจ้า ไม่น่าที่พวกเจ้าจะยึดถืออย่างนั้นการเปลี่ยนแปรความเชื่อฟังฝ่ายข้าไปข้างอิบลีสและบรรดาอนุชนของมันนั้น เป็นความเลวร้ายของพวกไร้ธรรมยิ่งนัก

   

คำอ่าน
51. มา..อัชฮัตตุฮุม ค็อลก็อสสะมาวาติ วัลอัรฺฎิ วะลาค็อลเกาะอัน..ฟุสิฮิม วะมากุน..ตุ มุตตะคิซัลมุฎิลลีนะ อะฎุดา

คำแปล R1.
51. I (Allah) made them (Iblis and his offspring) not to witness (nor took their help in) the creation of the heavens and the earth and not (Even) their own creation, nor was I (Allah) to take the misleaders as helpers.

คำแปล R2.
51. ข้ามิได้ให้สิทธิแก่พวกมันที่จะร่วมเป็นสักขีพยาน(รู้เห็น)การสร้างฟ้าและแผ่นดินและสร้างตัวของพวกมันเอง และข้าไม่เอาพวกที่ทำให้ผู้อื่นหลงผิดมาเป็นแขน (คอยช่วยเหลือในกิจการของข้าหรอก)

คำแปล R3.
51. ฉันมิได้เรียกพวกมันให้มาเป็นพยานการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และในการสร้างตัวพวกมันเอง ไม่ใช่ฉันที่เอาบรรดาผู้ทำให้คนอื่นหลงทางมาเป็นผู้ช่วยเหลือ

คำแปล R4.
51. ข้ามิได้เอาพวกมันมาเป็นพยาน ในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แม้ในการสร้างตัวพวกมันเอง และข้ามิได้เอาพวกที่ทำให้ผู้อื่นหลงผิดมาให้ความช่วยเหลือ

คำแปล R5.
๕๑. ข้า(อัลเลาะห์)มิได้ให้พวกมัน(อิบลีสและบรรดาอนุชนของมัน)เข้ามีส่วนรับรู้การสร้างบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและผืนแผ่นดินแม้กระทั่งสร้างตัวของมันเองอีกด้วย ทั้งข้าก็มิได้เกณฑ์เอาพวกชวนให้หลง (เหล่าไซตอน)มาเป็นลูกมือด้วยซ้ำ โอ้อาดัม และบรรดาอนุชน จึงไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกเจ้าจะเชื่อฟังอิบลีสและเหล่าอนุชนของมัน

 

คำอ่าน
52. วะเยามะยะกูลุ นาดูชุเราะกา...อิยัลละซีนะ ซะอัมตุม ฟะดะเอาฮุม ฟะลัมยัสตะญีบูละฮุม วะญะอัลนาบัยนะฮุม..เมาบิกอ

คำแปล R1.
52. And (remember) the Day He will say:"Call those (so-called) partners of mine whom you pretended." Then they will cry unto them, but they will not answer them, and we shall put Maubiqa (a barrier, or enmity, or destruction, or a valley in Hell) between them.

คำแปล R2.
52.  และ(จงระลึก) ในวันที่อัลเลาะฮฺทรงตรัสว่า “พวกเจ้าจงเรียกบรรดาภาคีของพวกเจ้า(ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเทียบเคียงกับข้า)ซึ่งพวกเจ้าคาดคิดเอาเองเถิด” แล้วพวกเขาก็เรียกภาคีเหล่านั้น แต่พวกนั้นหาได้ตอบรับไม่ และเราได้บันดาลความหายนะให้อุบัติขึ้นระหว่างพวกเขา(โดยลงนรกร่วมกัน)

คำแปล R3.
52. (พวกเขาจะทำอะไรในวันที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาจะกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงเรียกบรรดาผู้ที่สูเจ้าคิดว่าเป็นภาคีของฉันมาให้หมด” พวกเขาจะร้องเรียกพวกมัน แต่พวกมันจะไม่ตอบรับและจะมาช่วยเหลือพวกเขา และเราจะทำให้มีช่องว่างแห่งความพินาศกั้นระหว่างพวกมัน

คำแปล R4.
52. และ(จงรำลึก) วันที่พระองค์ตรัสว่าพวกเจ้าจงเรียกคู่ภาคีของข้าที่พวกเจ้ากล่าวอ้าง นั้น” แล้วพวกเขาก็ร้องขอให้พวกมันช่วยเหลือ แต่พวกมันจะไม่ตอบรับพวกเขา และเราได้กำหนดให้มีแหล่งพินาศระหว่างพวกมันเอง?”

คำแปล R5.
๕๒. โอ้มุฮำมัด และเจ้าจงกล่าวแก่ประชากรของเจ้าให้ถือเป็นอุดมคติเถิด ถึงวันที่พระองค์อัลเลาะห์ตรัสแก่เหล่าชนผู้กราบเคารพเทวรูปว่า พวกเจ้าจงประกาศเรียกเหล่าเทวรูป ซึ่งพวกเจ้าถือเอาเป็นภาคีกับข้าที่พวกเจ้าคาดฝันไว้ว่ามันสามารถจะเป็นสื่อกลางขอสงเคราะห์จากข้าไปช่วยพวกเจ้าได้มาซิ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกหาพวกเทวรูปนั้น แต่พวกเทวรูปเหล่านั้นมิได้ตอบรับพวกเขาเลยทั้งนี้เพราะเทวรูปคือวัตถุ หาได้มีจินตนาการใด ๆ ไม่ แล้วเราก็ให้พวกเหล่านั้นทั้งฝ่ายที่ให้ความเคารพและเหล่าเทวรูปผู้ได้รับความเคารพได้อยู่ในห้วงหายนะแห่งหนึ่งในนรกยะอันนำซึ่งพวกเหล่านั้นต้องบรรลัยลาญอยู่ ณ ห้วงหายนะนั้นด้วย



คำอ่าน
53. วะเราะอัลมุจญริมูนัน..นาเราะ ฟะฎ็อลลู..อัน..นะฮุม..มุวากิอูฮา วะลัมยะญิดูอันฮามะอฺริฟา

คำแปล R1.
53. And the Mujrimun (criminals, polytheists, sinners), shall see the Fire and apprehend that they have to fall therein. And they will find no way of escape from there.

คำแปล R2.
53. และบรรดาคนบาปต่างได้มองเห็นนรก แล้วพวกเขาก็เข้าใจเอาว่าพวกเขาต้องตกลงไปแน่ และพวกเขาไม่พบทางเลี่ยงให้พ้นไปจากมันได้เลย

คำแปล R3.
53. ผู้ทำความผิดทั้งหมดจะเห็นไฟในวันนั้นและรู้ว่าพวกเขาจะตกลงไปในนั้น แต่พวกเขาไม่พบทางใดที่จะหนีไปได้

คำแปล R4.
53. และพวกกระทำผิดมองเห็นไฟนรกพวกเขาก็รู้ว่า แน่นอนพวกตนจะตกลงไปในนั้นและพวกเขาจะไม่พบทางรอดจากมันไปได้เลย

คำแปล R5.
๕๓. ครั้นพวกกาฟิร ได้แลเห็นเพลิงจากขุมนรกแต่ไกล ชั่วระยะทางหากจะเดินโดยฝีเท้าอูฐต้องใช้เวลานานถึงสี่สิบปีแล้ว ก็มั่นใจว่า พวกตนนี้ต้องได้ตกอยู่ในขุมนรกแห่งนั้นเสียแล้ว ทั้งพวกเขาจะไม่สบโอกาสให้เลี่ยงพ้นจากมัน(ขุมนรก)ได้เลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 54 - 55



คำอ่าน
54. วะละก็อด ศ็อรฺร็อฟนา ฟีฮาซัลกุรอานิ ลิน..นาสิ มิน..กุลลิมะษัลฺ วะกานัลอิน..สานุ อักษะเราะ ชัยอิน..ญะดะลา

คำแปล R1.
54. And indeed we have put forth every kind of example in this Qur'an, for mankind. But, man is ever more quarrelsome than anything.

คำแปล R2.
54. ขอยืนยัน ! แท้จริงเราได้แจกแจงไว้ในอัลกุรอานนี้สำหรับมวลมนุษย์ จากทุก ๆ อุทาหรณ์ แต่(ปกติ)มนุษย์นั้นชอบโต้เถียงมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

คำแปล R3.
54. เราได้ให้คำอุปมาทุกอย่างในกุรอานที่จะทำให้คนเข้าใจในสาส์นของมัน แต่โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ชอบที่จะโต้เถียงกันในเรื่องต่าง ๆ มากมาย

คำแปล R4.
54. และเราได้ชี้แจงแก่มนุษย์ในอัลกรุอานนี้แต่ละตัวอย่าง แต่มนุษย์นั้นชอบโต้เถียงในเรื่องต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่

คำแปล R5.
๕๔. โดยแน่นอนเรา(อัลเลาะห์)ได้แจงข้อเปรียบเทียบทุกอย่าง ตลอดทั้งสัญญาสนองบุญกุศลและสัญญาการลงโทษ ไว้ในอัล-กุรอานนี้แก่มวลมนุษย์แล้ว ทั้งนี้เพื่อจักให้มวลมนุษย์ได้สยบอยู่ในความเชื่อฟัง แต่ทว่ามนุษย์(พวกกาฟิร)นั้นเอาแต่จะโต้แย้งให้เกิดความหายนะเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อเปรียบเทียบใด ๆ ที่ยกขึ้นอ้าง หรือแม้แต่ข้อสัญญาตอบแทนบุญกุศลและสัญญาการลงโทษ

   

คำอ่าน
55. วะมามะนะอัน..นาสะ อัย..ยุอ์มินู..อิซญา...อะฮุมุลฮุดา วะยัซตัฆฟิรู ร็อบบะฮุม อิลลา..อัน...ตะอ์ติยะฮุม สุนนะตุลเอาวะลีนะ เอายะอ์ติยะฮุมุลอะซาบุกุบุลา

คำแปล R1.
55. And nothing prevents men from believing, now when the guidance (the Qur'an) has come to them, and from asking forgiveness of their Lord, except that the ways of the ancients be repeated with them (i.e. their destruction decreed by Allah), or the torment be brought to them face to face?

คำแปล R2.
55. และไม่(มีสิ่งใด)ห้ามนุษย์ที่จะศรัทธาเมื่อสิ่งชี้นำ(คือกุรอาน)ได้มาปรากฏแก่พวกเขาแล้ว และพวกเขาขออโหสิต่อองค์อภิบาลแห่งพวกเขา นอกจากว่าจะปรากฏ(การทำลายล้างตาม)แบบฉบับแห่งบรรพชนแก่พวกเขา หรือมีการลงโทษมาเผชิญหน้าแก่พวกเขา


คำแปล R3.
55. (คำถามก็คือ)อะไรที่ยับยั้งพวกเขามิให้ศรัทธาในเมื่อได้มีทางนำมายังพวกเขาแล้วและยับยั้งพวกเขาออกจากการขออภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา ? มันไม่มีอะไรนอกไปจากการที่พวกเขาคอยให้สิ่งที่เกิดขึ้นแก่ประชาชาติก่อน ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา หรือไม่พวกเขาก็ต้องได้เห็นการลงโทษมาปรากฏต่อหน้าพวกเขา

คำแปล R4.
55. และไม่มีสิ่งใดที่จะยับยั้งมนุษย์จากการศรัทธา เมื่อแนวทางที่ถูกต้องได้มายังพวกเขา และการขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกเขา เว้นแต่จะให้แบบอย่างแต่เก่าก่อน(การลงโทษ) มายังพวกเขาหรือจะให้การลงโทษมายังพวกเขาต่อหน้าต่อตา

คำแปล R5.
๕๕. และจะไม่เป็นอุปสรรคแก่ปวงชนชาวนครมักกะห์เลย ที่พวกเขาจะมีศรัทธากันในขณะได้มีอัล-กุรอานมายังพวกเขาแล้ว และพวกเขายังจะขออภัยโทษต่อองค์พระผู้อภิบาลของพวกเขาได้อีกด้วย นอกจากจะมีโทษทัณฑ์เรื่องการล้างชาติพันธุ์อันเป็นแบบอย่างที่เราเคยมีไว้แก่ชนรุ่นโบราณ ให้มาสู่พวกเขาหรือจะมีโทษซึ่ง ๆ หน้ามาลงแก่พวกเขาชาวนครมักกะห์ คือโทษที่พวกเหล่านี้ถูกฆ่าตาย ๗๐ คน และถูกจับเป็นเชลยอีก ๗๐ คน ในคราวทำสงครามที่สมรภูมิบัดร์เท่านั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 56 - 57



คำอ่าน
56. วะมานุรฺสิลุลมุรฺสะลีนะ อิลลามุบัชชิรีนะ วะมุน..ซิรีน วะตุญาดิลุลละซีนะกะฟะรู บิลบาฏิลิ ลิยุดหิฎูบิฮิลหักกฺ, วัตตะเคาะซู..อายาตี วะมา..อุน..ซิรูฮุซุวา

คำแปล R1.
56. And we send not the messengers except as giver of glad tidings and warners. But those who disbelieve, dispute with false argument, in order to refute the truth thereby. And they treat My Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), and that with which they are warned, as jest and mockery!

คำแปล R2.
56.  และเรามิได้แต่งตั้งศาสนทูตทั้งหลายลงมา(เพื่อประโยชน์อื่นใด)นอกจากเป็นผู้แจ้งข่าวประเสริฐและเป็นผู้ตักเตือน(มวลชนให้ตระหนักถึงภัยแห่งความเนรคุณ) และบรรดาพวกไร้ศรัทธาจะนำสิ่งไร้สาระมาโต้แย้ง (ต่อคำประกาศของศาสนทูต) เพื่อพวกเขาจะได้ใช้สิ่ง(ไร้สาระนั้น) ทำลายสัจธรรม (แห่งอัลกุรอาน) และพวกเขาได้ยึดเอาโองการต่าง ๆ ของข้า และสิ่งที่พวกเขาถูกตักเตือนนั้น มาทำการเย้ยหยัน(และล้อเลียน)

คำแปล R3.
56. และเรามิได้ส่งบรรดารอซูลมาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน แต่บรรดาผู้ปฏิเสธกลับใช้ความเท็จโต้แย้งเพื่อทำลายสัจธรรมและพวกเขาถือเอาบ่าวของฉันและคำตักเตือนที่ถูกส่งมายังพวกเขาเป็นที่ล้อเล่น

คำแปล R4.
56. และเรามิได้ส่งบรรดาร่อซูลมาเพื่ออื่นใดเว้นแต่เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ ตักเตือน และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะโต้แย้งด้วยความเท็จ เพื่อทำลายล้างสัจธรรมด้วยมัน (ความเท็จ) และพวกเขายึดเอาโองการทั้งหลายของข้าและสิ่งที่ถูกตักเตือนเป็นการล้อเลียน

คำแปล R5.
๕๖. เรา(อัลเลาะห์)มิได้แต่งตั้งศาสนทูตมาเพื่ออะไรนอกจากให้พวกเขาเป็นผู้แจ้งข่าวดีให้ชนมุอ์มินได้ปลื้มปิติด้วยสรวงสวรรค์และเป็นผู้ตักเตือนให้เหล่าชนกาฟิรเกรงกลัวนรก แต่บรรดาชนกาฟิรจะโต้เถียงด้วยข้อเสียเพื่อหักล้างโดยข้ออ้างว่า อัลเลาะห์ไม่น่าจะทรงแต่งตั้งมนุษย์ให้เป็นศาสนทูตเลย พวกท่านเองมิใช่อื่นใด เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานั่นเอง ทั้งนี้เพื่อจะให้อัล-กุรอานเสื่อมเสียลงด้วยข้ออ้างนั้น แล้วพวกกาฟิรเหล่านั้นยังได้เอาบรรดาโองการแห่งอัลกุรอานของข้าและเรื่องนรกที่พวกเหล่านั้นถูกตักเตือนไว้ให้หวาดกลัวเป็นของล้อเล่นอีกด้วย

 

คำอ่าน
57. วะมันอัซละมุมิม..มัน..ซุกกิเราะบิอายาติร็อบบิฮี ฟะอะอฺเราะเฎาะอันฮา วะนะสิยะมาก็อดดะมัตยะดาฮฺ, อิน..นาญะอัลนาอะลากุลูบิฮิม อะกิน..นะตัน อัย..ยัฟเกาะฮูฮุ วะฟี..อาซานิฮิมวักรอ วะอิน..ตัดอุฮุม อิลัลฮุดา ฟะลัย..ยะฮฺตะดู..อิซันอะบะดา

คำแปล R1.
57. And who does more wrong than he who is reminded of the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of his Lord, but turns away from them forgetting what (deeds) his hands have sent forth. Truly, we have set veils over their hearts lest they should understand this (the Qur'an), and in their ears, deafness. And if you (O Muhammad) call them to guidance, even then they will never be guided.

คำแปล R2.
57. และใครเล่าที่จะฉ้อฉลยิ่งไปกว่าบุคคลที่ถูกนำบรรดาโองการแห่งองค์อภิบาลของเขามาเตือน แต่แล้วเขากลับหลังให้ (อย่างไม่ใยดี) ต่อโองการนั้น ๆ และเขาได้ลืมสิ่งที่เขาได้ประกอบไว้ด้วยมือของเขาเองเสียแล้ว ! แท้จริงเราได้สร้างฝาครอบไว้บนหัวใจของพวกเขา ต่อการที่พวกเขาจะเข้าใจ (ในอรรถรสแห่งกุรอาน) และสร้างความหนวกหนักไว้ในหูของพวกเขา และถึงแม้เจ้าจะเรียกร้องพวกเขามาสู่สิ่งชี้นำ แต่ ณ บัดนั้น พวกเขาก็ไม่รับการชี้นำจนตลอดไป

คำแปล R3.
57. และใครเล่าที่จะอธรรมยิ่งกว่าผู้ที่ถูกเตือนด้วยอายะฮฺของพระผู้อภิบาลของเขาแล้วยังหันห่างออกจากมันและลืมบั้นปลายอันชั่วร้ายที่เขาได้เตรียมไว้ด้วยมือของเขาเอง ? สำหรับคนเหล่านั้น เราได้ปิดบังหัวใจของพวกเขาไว้ด้วยสิ่งบิดปังที่จะทำให้พวกเขาไม่เข้าใจและเราได้ทำให้มีของหนักอุดหูพวกเขาอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจะไม่มีวันอยู่ในทางนำที่ถูกต้องไม่ว่าเจ้าจะเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่ทางนำอย่างไรก็ตาม

คำแปล R4.
57. และผู้ใดจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่ถูกตักเตือนให้รำลึก ด้วยโองการทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าของเขา แล้วเขาก็หันหลังห่างออกไป แล้วลืมสิ่งที่มือทั้งสองของเขาประกอบไว้ แท้จริงเราได้ทำฝาปิดบนหัวใจของพวกเขา ในการที่พวกเขาจะเข้าใจมัน และในหูของพวกเขานั้นหนวก และถ้าเจ้าเรียกร้องพวกเขาไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง พวกเขาจะก็ไม่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องนั้นเลย

คำแปล R5.
๕๗. ไม่มีผู้ใดที่คิดคดยิ่งกว่าบุคคลผู้ซึ่งถูกตักเตือนด้วยบรรดาโองการจากองค์พระผู้อภิบาลของเขา แต่เขากลับเบือนหนีเสียจากโองการนั้น แล้วยังลืมนึกถึงสิ่งที่ตนกระทำไว้ อันได้แก่การไร้ศรัทธาและความทรยศด้วย เรา(อัลเลาะห์)ก็ได้ให้มีสิ่งปิดกั้น ขึ้นที่หัวใจของพวกเขาเสียเลย เพื่อมิให้เข้าใจในพระคัมภีร์อัล-กุรอาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเข้าใจในคำสอนจากอัล-กุรอาน ซ้ำที่หูของพวกเขา เรา(อัลเลาะห์)ก็ยังให้ตึงอีก พวกเขาจึงไม่สามารถได้ยินเสียงอ่านอัล-กุรอานเลย และโอ้ มุฮำมัด หากเจ้าจะชักชวนพวกนั้นเข้าไปสู่แนวธรรมซึ่งเที่ยงแท้แล้วไซร้ เมื่อนั้นแหละพวกเขาจะไม่ได้รับแนวธรรมไปตลอดกาลด้วยเหตุว่า หัวใจของพวกเขานั้นมีฝาปิดกั้นและมีหูก็มีอาการหูตึง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 58 - 59

 

คำอ่าน
58. วะร็อบบุกัลเฆาะฟูรุ ซุรฺเราะหฺมะฮฺ เลายุอาคิซุฮุม..บิมากะสะบู ละอัจญะละละฮุมุลอะซาบ บัลละฮุม..เมาอิดุลลัย..ยะญิดู มิน..ดูนิฮีเมาอิลา

คำแปล R1.
58. And your Lord is Most Forgiving, Owner of Mercy. Were He to call them to account for what they have earned, then surely, He would have hastened their punishment. But they have their appointed time, beyond which they will find no escape.

คำแปล R2.
58. และองค์อภิบาลของเจ้าผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงไว้ซึ่งเมตตาธรรม มาตรแม้นพระองค์จะทรงเอาโทษพวกเขาตามที่พวกเขาพากเพียรไว้ (อย่างจริงจังแล้ว) แน่นอนพระองค์ก็จักทรงรีบจัดการลงโทษพวกเขา(เสียแต่ในโลกนี้เลย) แต่ทว่า ! สำหรับพวกเขามีกำหนดสัญญา (ในการลงโทษดังกล่าวในโลกหน้า) ซึ่งพวกเขาจะไม่พบที่พึ่งอื่นใดอีกแล้ว นอกเหนือไปจากพระองค์(เพียงผู้เดียว)

คำแปล R3.
58. พระผู้อภิบาลของเจ้าคือผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตายิ่ง หากพระองค์ประสงค์จะลงโทษพวกเขาสำหรับสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาได้ทำไว้ พระองค์ก็ส่งการลงโทษมายังพวกเขาได้ทันที แต่พระองค์ได้ทรงกำหนดเวลาสำหรับมันไว้แล้ว และพวกเขาจะไม่พบทางหนีไปจากมันได้เลย

คำแปล R4.
58. และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าคือผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ หากพระองค์จะทรงเอาโทษพวกเขา ตามที่พวกเขาได้สะสมเอาไว้แน่นอนพระองค์จะทรงเร่งการลงโทษแก่พวกเขา แต่สำหรับพวกเขามีกำหนดเวลา ซึ่งพวกเขาจะไม่พบที่พึ่งอื่นใดนอกจากพระองค์

คำแปล R5.
๕๘. อันองค์พระผู้อภิบาลของจ้านั้น คือองค์ทรงยิ่งในการอภัยโทษของปวงบ่าวแห่งพระองค์ องค์ผู้ทรงปรานีต่อบ่าวเหล่านั้น แม้นว่าพระองค์จะทรงเอาโทษพวกเขาเสียเลยในภพนี้ ตามผลที่พวกเขาได้กระทำไว้อันมีความทรยศบ้างความไร้ศรัทธาบ้างแล้ว พระองค์ก็ทรงเร่งลงโทษแก่พวกนั้นได้แน่ แต่พระองค์ยังมิทรงเอาโทษพวกเขาในทันที พวกเขาได้รับกำหนดสัญญา จากพระองค์อยู่ว่า จะทรงลงโทษในภาคภพหน้า นอกจากที่ลงโทษแห่งนี้ในภพหน้าแล้ว พวกเขาจะไม่พบที่แห่งใดเป็นแหล่งพึ่งพาอีกเลย

 


คำอ่าน
59. วะติลกัลกุรอ..อะฮฺลักนาฮุม ลัม..มาเซาะละมู วะญะอัลนาลิมะฮฺลิกิฮิม..เมาอิดา

คำแปล R1.
59. And these towns (population, 'Ad, Thamud, etc.) we destroyed when they did wrong. And we appointed a fixed time for their destruction.

คำแปล R2.
59. และบรรดา (ชาว) เมืองเหล่านั้น เราได้ทำลายล้างพวกเขา เมื่อพวกเขาฉ้อฉล (เนรคุณและคัดค้านคำประกาศของศาสดา) และเราได้จัดหมายกำหนดสัญญาไว้ เพื่อการทำลายล้างพวกเขา

คำแปล R3.
59. นั่นไง หมู่ชนที่เราได้ลงโทษ เราได้ทำลายเมื่อพวกเขาได้ก่อความอธรรมขึ้นและเราได้กำหนดเวลาสำหรับการทำลายพวกเขาเอาไว้แล้ว

คำแปล R4.
59. และเมืองเหล่านั้น เราได้ทำลายพวกเขาเมื่อพวกเขาอยุติธรรม และเราได้กำหนดกำหนดเวลาสำหรับความพินาศของพวกเขาไว้แล้ว

คำแปล R5.
๕๙. ฝ่ายปวงชนแห่งแคว้นต่าง ๆ อันได้แก่พวกอ๊าด ประชาชนของนบีชุไอบ์และพวกซะมู๊ด ประชาชนของนบีซอลิห์ ตลอดทั้งพวกอื่น ๆ นั้น เมื่อต่างฝ่ายด่างได้ทรยศขึ้น ไม่ยอมรับศรัทธาต่อเหล่าพระศาสดาของตน เรา (อัลเลาะห์)ก็ได้ทำลายล้างพวกเขาให้ต้องเสียหายไปหมดสิ้นในภาคภพนี้แล้ว ทั้งเรา(อัลเลาะห์)ยังให้กำหนดสัญญาอันแน่นอนเพื่อการทำลายพวกเขา ให้ต้องสูญเสียในวันกิยามะห์อีกด้วย ซึ่งพวกเขานั้นจะขอประวิงกาลให้ช้าไป หรือจะขอเร่งกาลก่อนกำหนดวันย่อมมิได้ ฉะนั้นจึงขอให้ชาวนครมักกะห์จงถือเอาประวัติการณ์แห่งปวงชนของนบีชุไอบ์และปวงชนของนบีซอลิห์ ตลอดจนปวงชนอื่น ๆ อีกเป็นอุดมคติด้วยเถิด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 60 - 62
 

คำอ่าน
60. วะอิซกอละมูซา ลิฟะตาฮุ ลา..อับเราะหุ หัตตา..อับลุเฆาะ มัจญมะอัลบะหฺร็อยนิ เอาอัมฎิยะหุกุบา

คำแปล R1.
60. And (remember) when Musa (Moses) said to his boy-servant: "I will not give up (traveling) until I reach the junction of the two seas or (until) I spend years and years in traveling."

คำแปล R2.
60. และเมื่อครั้งที่มูซาได้กล่าวกับเด็กรับใช้ของเขา (ชื่อยูชะอฺ บินนูน) ว่า “ฉันจะคงเดินทางต่อไป (โดยไม่หยุดพัก) จนกว่าจะบรรลุสู่ที่บรรจบของสองทะเล (คือทะเลโรมกับทะเลเปอร์เซีย) หรือมิฉะนั้นฉันก็จะเดินต่อไปอีกเป็นหลาย ๆ ปี (จนกว่าจะถึงตำแหน่งนั้น)”

คำแปล R3.

60. (ทีนี้จงเล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องราวของมูซา) เมื่อมูซากล่าวแก่คนรับใช้ของเขาว่า “ฉันจะไม่ยุติการเดินทางจนกว่าจะถึงที่สองทะเลมาบรรจบกัน มิเช่นนั้นแล้ว ฉันก็จะเดินทางตอไปอีกหลายปี

คำแปล R4.
60. และจงรำลึกเมื่อมูซาได้กล่าวแก่คนใช้หนุ่ม (ยูชะฮ์ อิบน์นูน) ของเขาว่า “ฉันจะยังคงเดินต่อไปจนกว่าจะบรรลุสู่ชุมทางแห่งสองทะเลหรือฉันจะคงเดินต่อ ไปอีกหลายปี”

คำแปล R5.
๖๐. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงบอกแก่ประชาชนของเจ้าให้ยึดถือไว้เป็นอุดมคติถึงกาลครั้งหนึ่ง ในขณะที่มูซาบอกแก่ชายหนุ่มผู้หนึ่งของเขา ชื่อว่ายูชะอ์บุตรของนูนว่า ฉันยังคงเดินทางอยู่เรื่อยไป จนกว่าจะไปถึงแดนบรรจบกันของทะเลสองแห่ง คือทะเลโรมกับทะเลเปอร์เซียหรือถ้าจุดหมายปลายทางไกลไป ฉันก็จะผ่านเลยไปให้ถึงแม้จะนาน



คำอ่าน
61. ฟะลัม..มา บะละเฆาะ มัจญมะอะ บัยนิฮิมา นะสิยา หูตะฮุมา ฟัตตะเคาะซะ สะบีละฮู ฟิลบะหฺริ สะเราะบา

คำแปล R1.
61. But when they reached the junction of the two seas, they forgot their fish, and it took its way through the sea as in a tunnel.

คำแปล R2.
61. ครั้นเมื่อทั้งสองได้มาถึงที่บรรจบของระหว่างทั้งสอง (ทะเลนั้น) คนทั้งสองก็ลืมปลาของเขาทั้งสองไว้ ดังนั้นมันจึงได้โอกาสของมันกลับลงไปในทะเลโดยปลอดโปร่ง

คำแปล R3.
61. และเมื่อทั้งสองมาถึงบริเวณที่สองทะเลบรรจบกันก็ปรากฏว่าพวกเขาลืมปลาไว้ มันจึงได้มุดหนีไปยังทะเลอย่างว่องไว

คำแปล R4.
61. ดังนั้น เมื่อทั้งสองถึงชุมทางระหว่างสองทะเลแล้วทั้งสองลืมปลาของเขา ดังนั้นมันจึงหาวิธีของมันลงทะเลไปตามทาง

คำแปล R5.
๖๑. ครั้นเมื่อทั้งสอง(มูซากับยูชะอ์)นั้นได้ล่วงเข้าไปถึงแดนบรรจบของทะเลสองแห่งนั้น แดนที่กล่าวมีหินก้อนใหญ่อยู่และมีตาน้ำทิพย์ที่สามารถชุบซากตายให้กลับเป็นขึ้นได้และก่อนออกเดินทางต่อไป เขาทั้งสอง(มูซากับยูชะอ์)ได้ลืมปลาเค็มของเขาไว้ ซึ่งปลานั้นถูกนำไปเป็นเสบียงบรรจุอยู่ในกระเช้าสานด้วยใบอินทผลัม และได้ตั้งไว้ใกล้ตาน้ำทิพย์ เมื่อน้ำทิพย์กระเด็นมาถูกปลา ๆ ก็ดิ้นได้และกระโดดลงทะเล มัน(ปลา)จึงว่ายแหวกทะเลเป็นทางไปตามช่องว่างเปล่าของน้ำ ซึ่งอัลเลาะห์ทรงบันดาลให้เป็นอย่างนั้น แม้ปลาจะว่ายเลยไปแล้ว พระองค์ก็มิได้บันดาลให้น้ำนั้นประสานคืนกลับดังเดิมเลย ครั้นเมื่อออกเดินทางต่อไปไม่ไกลนัก ก็นึกขึ้นได้ว่า ลืมปลาไว้ มูซากับยูชะอ์จึงย้อนทางกลับที่เดิมแต่ไม่ปรากฏเห็นปลา เห็นแต่รอยทางปลา มูซาได้เดินสะกดตามทางปลาทั้งสายตาก็สอดส่ายหาตัวปลาจนกระทั่งไปถึงเกาะแห่งหนึ่งในทะเล ซึ่งที่นั้นมูซาได้พบกับท่านนบีคิดิร

 

คำอ่าน
62. ฟะลัม..มาญาวะซา กอละ ลิฟะตาฮุ อาตินา เฆาะดา..อะนา ละก็อดละกีนา มิน..สะฟะรินาฮาซานะเศาะบา

คำแปล R1.
62. So when they had passed further on (beyond that fixed place), Musa (Moses) said to his boy-servant: "Bring us our morning meal; truly, we have suffered much fatigue in this, our journey."

คำแปล R2.
62. จากนั้นเมื่อทั้งสองได้เดินทางผ่านพ้น(จุดบรรจบของสองทะเล)แล้ว เขาก็กล่าวกับเด็กรับใช้ว่า “เจ้าจงนำอาหารของเรามาให้เราซิ ! เพราะบัดนี้เราได้ประสบกับการอ่อนเพลียจากการเดินทางครั้งนี้ของเราแล้ว”

คำแปล R3.
62. เมื่อทั้งสองเดินต่อไป มูซาก็ได้กล่าวแก่คนใช้ว่า “มากินอาหารเช้ากันเถอะ เราเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้วจากการเดินทาง”

คำแปล R4.
62. ครั้นเมื่อทั้งสองเดินเลยต่อไปอีก เขาได้กล่าวแก่คนใช้หนุ่มของเขาว่า “จงนำอาหารกลางวันของเราออกมา โดยแน่นอน เราได้รับความลำบากจากการเดินทางของเรานี้”

คำแปล R5.
๖๒. เมื่อทั้งสอง (มูซากับยูชะอ์)ได้เดินทางล่วงพ้นไปแล้ว จากที่บรรจบของทะเลสองแห่งดังกล่าวจนถึงเวลาเช้าแห่งวันที่สองของการเดินทาง เขา(มูซา)บอกกับชายหนุ่ม(ยูชะอ์)ของเขาว่า “จงเอาอาหารเช้าสำหรับเราออกมาเถิดระหว่างที่เรากำลังเดินทางอยู่นี้ เรารู้สึกอ่อนเพลียจริง ๆ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 63 - 64

 


คำอ่าน
63. กอละอะเราะอัยตะ อิซอะวัยนา..อิลัศศ็อคเราะติ ฟะอิน..นี นะสีตุลหูตะ วะมาอัน..สานีฮุ อิลัชชัยฏอนุ อันอัซกุเราะฮฺ วัตตะเคาะซะสะบีละฮู ฟิลบะหฺริ อะญะบา

คำแปล R1.
63. He said:"Do you remember when we betook ourselves to the rock? I indeed forgot the fish, none but Shaitan (Satan) made me forget to remember it. It took its course into the sea in a strange (way)!"

คำแปล R2.
63. (เด็กรับใช้)เขากล่าว(ตอบ)ว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าเมื่อขณะที่เราได้พักผ่อนอยู่ที่ชะง่อนหินนั้น ข้าพเจ้าได้ลืมปลาตัวนั้นสนิท และไม่(มีผู้ใด)ทำให้ข้าพเจ้าลืมนึกถึงมันนอกจากมารร้ายเท่านั้น และมันก็ได้โอกาสของมันกลับลงไปในทะเลอย่างน่าประหลาดใจ”

คำแปล R3.
63. คนใช้จึงได้กล่าวว่า “ท่านมิได้สังเกตหรือว่ามีเหตุการณ์ณ์ประหลาดเกิดขึ้นในตอนที่เราแวะพักข้างก้อนหินนั้น ? ฉันได้ลืมปลาเอาไว้และมารร้ายก็ทำให้ฉันลืมเอ่ยบอกเรื่องนี้แก่ท่าน ปลาตัวนั้นได้กระโดดหนีลงทะเลไปอย่างน่าอัศจรรย์”

คำแปล R4.
63. เขากล่าวว่า “ท่านมิเห็นดอกหรือ เมื่อเราพักอยู่ที่ก้อนหิน แท้จริงฉันลืมที่จะพูดถึงเรื่องปลาและไม่มีผู้ใดที่ทำให้ฉันลืมกล่าวถึงมัน นอกจากชัยฏอน และมันก็หาทางลงทะเลไปอย่างน่าประหลาดแท้ ๆ”

คำแปล R5.
๖๓. ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวเตือนมูซาว่า ท่านได้เห็นสภาพความเป็นมาของเราบ้างไหมเล่า ในตอนที่เราได้ไปพักที่หินก้อนใหญ่ในท้องทะเล ฉันได้ลืมปลาไว้มิได้หิ้วมันมาด้วย มิใช่อื่นใดเลยที่ทำให้ฉันต้องลืมนึกถึงมัน(ปลา)นอกจากไซตอนเท่านั้น มันจึงกระโดดหนีแหวกว่ายน้ำไปตามทางว่างเปล่าในทะเลได้อย่างน่าประหลาด

   

คำอ่าน
64. กอละซาลิกะมากุน..นานับฆิ ฟัรฺตัดดาอะลา..อาษาริฮิมาเกาะเศาะศอ

คำแปล R1.
64. [Musa (Moses)] said: "That is what we have been seeking." So they went back retracing their footsteps.

คำแปล R2.
64. มูซากล่าวว่า “นั้นแหละ(คือสภาพและสถานที่ที่ปลาโดดลงทะเลได้)คือสิ่งที่เรากำลังแสวงหา” ดังนั้นคนทั้งสองจึงย้อนกลับไปสู่รอยทางเดิมของทั้งสอง

คำแปล R3.
64. มูซาจึงได้ตอบว่า “นั่นแหละที่เรากำลังตามหา” ดังนั้น ทั้งสองจึงได้เดินย้อนรอยเท้ากลับไปที่เดิม

คำแปล R4.
64. เขากล่าวว่า “นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการหา” ดังนั้น ทั้งสองจึงหวนกลับตามร่องรอยไปที่เดิม”

คำแปล R5.
๖๔. เขา(มูซา)บอกแก่ยูชะอ์ว่า เมื่อปลาหายไปแล้วเช่นนี้ เราก็ต้องติดตามค้นหากลับมา เพราะปลาตัวนี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งสำหรับเราจะค้นหานบีคิดิรให้พบ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 65 - 68



คำอ่าน
65. ฟะวะญะดา อับดัม..มินอิบาดินา..อาตัยนาฮุ เราะหฺมะตัม..มินอินดินา วะอัลลัมนาฮุ มิลละดุน..นาอิลมา

คำแปล R1.
65. Then they found one of Our slaves, on whom We had bestowed mercy from Us, and whom We had taught knowledge from Us.

คำแปล R2.
65. แล้วคนทั้งสองก็พบบ่าวคนหนึ่งจากมวลบ่าวของเรา(คือนบีคิฎิร)ซึ่งเราได้ให้ความกรุณาจากเราแก่เขา และเราได้สอนความรู้จากเราแก่เขา

คำแปล R3.
65. ที่นั่น พวกเขาได้พบบ่าวคนหนี่งของเรา ซึ่งเราได้ประทานความโปรดปรานและสอนความรู้พิเศษแก่เขา

คำแปล R4.
65. แล้วทั้งสองได้พบบ่าวคนหนึ่งจากปวงบ่าวของเรา ที่เราได้ประทานความเมตตาจากเราให้แก่เขา และเราได้สอนความรู้จากเราให้แก่เขา

คำแปล R5.
๖๕. ดังนั้นทั้งสองจึงได้ย้อนรอยตามไปจนถึงที่หินก้อนใหญ่ ณ เกาะกลางทะเล แล้วทั้งสองก็พบกับบ่าวคนหนึ่งในบรรดาบ่าวของเรา ชื่อว่าคิดิร ซึ่งเรา(อัลเลาะห์)ได้อำนวยความปรานีของเราแก่เขา ด้วยให้ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสดา(นบี) ทั้งเรายังได้สั่งสอนเขา(นบีคิดิร)ให้มีความรู้ในสิ่งเร้นลับต่าง ๆ จากเรา(อัลเลาะห์)ด้วย เนื่องจากนบีคิดิรได้ดื่มน้ำทิพย์ เขายังมีอายุยืนยาวไปจนถึงวันกิยามะห์ เรื่องนี้มีอัลหะดีษรายงานมาแต่อัลบุคอรีว่า นบีมูซาได้ยืนขึ้นท่ามกลางพวกในสกุลอิสรออีล ให้โอวาทตักเตือนบุคคลเหล่านั้น เมื่อได้ฟังแล้วทุกคนต่างก็มีหัวใจอ่อนระทวยจนน้ำตาร่วงริน มีชายผู้หนึ่งในหมู่ชนเหล่านั้นเรียนขึ้นว่า โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ ใครเป็นผู้รู้ยิ่ง มูซาตอบว่า ฉันนี่แหละผู้รู้ยิ่ง อัลเลาะห์ทรงดลกระแสโองการถึงมูซาแจ้งว่า ณ แดนที่บรรจบระหว่างทะเลสองแห่ง มีบ่าวของข้าคนหนึ่งชื่อคิดิร เขาเป็นผู้มีความรู้มากกว่าเจ้า มูซาเรียนถามพระองค์ว่า จะมีทางอย่างไรจึงจะเดินทางไปพบชายผู้นี้ได้ พระองค์จึงทรงแนะว่า เจ้าจงเดินทางไปและเอาปลาเค็มไปด้วยตัวหนึ่ง เมื่อทราบดังนั้นก็เริ่มจัดแจงจัดปลาเค็ม กับโรตีลงกระเช้าอันสานด้วยใบอินทผลัม เดินทางจนกระทั่งพบนบีคิดิร

 

คำอ่าน
66. กอละละฮูมูซา ฮัลอัตตะบิอุกะ อะลา อัน..ตุอัลลิมะนิมิม..มาอุลลิมตะรุชดา

คำแปล R1.
66. Musa (Moses) said to him (Khidr) "May I follow you so that you teach me something of that knowledge (guidance and true path) which you have been taught (by Allah)?"

คำแปล R2.
66. มูซาจึงกล่าวแก่เขาว่า “ข้าพเจ้าจะติดตามท่านโดย(มีเงื่อนไข)ขอให้ท่านสอนข้าพเจ้าจากความรู้ที่ถูกต้องที่ท่านถูกสอนไว้จะได้ไหม?”

คำแปล R3.
66. มูซาได้กล่าวแก่เขาว่า “ให้ฉันติดตามท่านไปได้ไหม ทั้งนี้เพื่อที่ท่านจะได้สอนวิทยปัญญาที่ท่านได้ถูกสอนมาให้แก่ฉันบ้าง ?”

คำแปล R4.
66. มูซาได้กล่าวแก่เขาว่า “จะให้ฉันติดตามท่านไปได้ไหม? โดยท่านจะต้องสอนฉันจากสิ่งที่ท่านได้เคยเรียนรู้มา ตามแนวทางที่เที่ยงตรง”

คำแปล R5.
๖๖. มูซาได้ถามเขา(นบีคิดิร)ว่า ฉันจะขอติดตามท่านด้วยได้ไหม โดยท่านต้องสอนฉันให้มีความรู้บางอย่างตามที่ทานเคยรับรู้มาโดยถูกต้อง

   

คำอ่าน
67. กอละ อิน..นะกะลัน..ตัสตะฏีอะ มะอิยะศ็อบรอ

คำแปล R1.
67. He (Khidr) said: "Verily! You will not be able to have patience with me!

คำแปล R2.
67. เขา(นบีคิฎิร)ตอบว่า “ท่านนั้นไม่มีความอดทนพอที่จะร่วม(เดินทาง)กับฉันได้หรอก !”

คำแปล R3.
67. เขาได้ตอบว่า “ท่านไม่สามารถร่วมอดทนกับฉันได้

คำแปล R4.
67. เขากล่าวว่า”แท้จริง ท่านจะไม่สามารถมีความอดทนร่วมกับฉันได้

คำแปล R5.
๖๗. เขา(นบีคิดิร)ตอบคำถามของมูซาว่า ท่านคงจะไม่สามารถอดทนร่วมกับฉันได้เป็นแน่ ทั้งนี้เนื่องด้วยท่านจะได้แลเห็นว่าความรู้ของฉันที่ลึกซึ้งนั้นขัดกับความรู้ผิวเผินของท่าน


คำอ่าน
68. วะกัยฟะตัศบิรุ อะลามาลัมตุหิฏบิฮีคุบรอ

คำแปล R1.
68. "And how can you have patience about a thing which you know not?"

คำแปล R2.
68. และท่านอดทนได้อย่างไรบนสิ่งที่ท่านไม่ได้ตระหนักถึงมันอย่างทั่วถึง

คำแปล R3.
68. และท่านจะมีความอดทนในเรื่องที่ท่านไม่มีความรู้ได้อย่างไร”

คำแปล R4.
68. “และท่านจะอดทนอย่างได้อย่างไร ในสิ่งที่ท่านไม่มีความรู้อย่างละเอียดลออ?”

คำแปล R5.
๖๘. แล้วท่านจะอดทนได้อย่างไร ต่อสิ่งที่ท่านไม่อาจล่วงรู้ข้อเท็จจริงซึ่งลึกซึ้งมากอยู่ภายในเท่าที่ฉันรู้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 69 - 72

 


คำอ่าน
69. กอละสะตะญิดุนี อิน..ชา..อัลลอฮุ ศอบิร็อว..วะลา..อะอฺศีละกะอัมรอ

คำแปล R1.
69. Musa (Moses) said: "If Allah will, you will find me patient, and I will not disobey you in aught."

คำแปล R2.
69. เขาตอบว่า “อินชาอัลเลาะฮฺ ! (หากอัลเลาะฮฺทรงประสงค์) ท่านจะได้พบว่าข้าพเจ้านี้เป็นผู้อดทน และข้าพเจ้าจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอย่างเด็ดขาด”

คำแปล R3.
69. มูซาได้กล่าวว่า “หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ ท่านจะเห็นว่าฉันเป็นคนอดทนและฉันจะไม่ฝ่าฝืนท่านในเรื่องใด ๆ”

คำแปล R4.
69. เขากล่าวว่า “หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ท่านจะพบฉันเป็นผู้อดทน และฉันจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน”

คำแปล R5.
๖๙. เขา(มูซา)ตอบว่า หากอัลเลาะห์ทรงมุ่งประสงค์แล้วไซร้ ท่านจะได้พบเห็นว่าฉันนี้คือผู้อดทน และท่านจะพบอีกว่าฉันจะไม่ฝ่าฝืนท่านในเรื่องใด ๆ ที่ท่านบัญชาใช้ฉันเลย

   

คำอ่าน
70. กอละฟะอินิตตะบะอฺตะนี ฟะลาตัสอัลนี อัน..ชัยอิน หัตตา..อุหฺดิษะ ละกะมินฮุซิกรอ

คำแปล R1.
70. He (Khidr) said: "Then, if you follow me, ask me not about anything till I myself mention it to you."

คำแปล R2.
70. เขากล่าวว่า “ดังนั้นหากท่านจะติดตามฉัน ท่านก็จงอย่าซักถามฉันถึงเรื่องหนึ่ง ๆ (ที่ท่านพบเห็นระหว่างเดินทาง) จนกว่าฉันจะเล่าเรื่องราวให้ท่านฟังเอง”

คำแปล R3.
70. เขากล่าวว่า “เอาละ ถ้าหากท่านต้องการจะติดตามฉันไปละก็ ท่านจงอย่าถามฉันในเรื่องใดจนกว่าฉันจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาเอง”

คำแปล R4.
70. เขากล่าวว่า “ดังนั้น ถ้าท่านติดตามฉันก็อย่าได้ถามฉันถึงสิ่งใด จนกว่าฉันจะเล่าเรื่องนั้นแก่ท่าน”

คำแปล R5.
๗๐. เขา(นบีคิดิร)กล่าว ถ้าท่านจะติดตามฉันไปด้วย ท่านก็จงอย่าถามฉันเลยแม้สักอย่างเดียวที่ท่านคาดคิดว่ามันขัดแย้งกับความรู้สึกภายนอกของท่าน อีกทั้งท่านจงอดทนต่อการจะเอ่ยปากถามฉัน จนกว่าฉันจะพูดชี้แจงแก่ท่านเองถึงสิ่งนั้นว่ามีแนวทางเป็นประการใดและมีเหตุผลเป็นอย่างไร เพื่อให้ท่านรู้แจ้งถึงความถูกต้องของสิ่งนั้น ๆ มูซาจึงต้องยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว เป็นการรักษาจรรยาที่ผู้ต้องการเรียนรู้พึงมีต่อผู้อบรมสั่งสอน

 

คำอ่าน
71. ฟัน..เฏาะละกอ หัตตา..อิซาเราะกิบาฟิสสะฟีนะติเคาะเราะเกาะฮา กอละ อะเคาะร็อกตะฮา ลิตุฆริเกาะ อะฮฺละฮา ละก็อดญิอ์ตะชัยอันอิมรอ

คำแปล R1.
71. So they both proceeded, till, when they embarked the ship, he (Khidr) scuttled it. Musa (Moses) said: "Have you scuttled it in order to drown its people? Verily, you have committed a thing "Imra" (a Munkar - evil, bad, dreadful thing)."

คำแปล R2.
71. แล้วคนทั้งสองก็ออกเดินทาง (โดยมียูซะอฺติดตามไปด้วย) จนกระทั่งทั้งสองได้โดยสารไปในเรือ คิฎิรก็ทำให้เรือนั้นแตก(รั่ว) มูซาจึงถามว่า “ท่านทำให้มันแตกเพื่อมันจะได้นำผู้โดยสารไปจมน้ำตายกระนั้นหรือ ขอสาบาน ! แท้จริงท่านได้ก่อเรื่องใหญ่โตอันน่าตำหนิขึ้นแล้ว !”

คำแปล R3.
71. ดังนั้น ทั้งสองจึงได้ออกเดินทางไปจนกระทั่งเขาทั้งสองได้ลงเรือลำหนึ่ง และคนผู้นั้นได้เจาะรูลำเรือ มูซาจึงได้ร้องออกมาว่า “อะไรกันนี่ ท่านเจาะรูในลำเรือเพื่อที่จะให้คนโดยสารจมน้ำกระนั้นหรือ ? ทำอย่างนี้ก็มีแต่จะพบเรื่องเศร้าแน่ ๆ “

คำแปล R4.
71. ดังนั้นทั้งสองจึงออกเดินทางจนกระทั่งเมื่อทั้งสองลงเรือเขา(เคาะฏิร) จึงเจาะรูมัน เขา(มูซา) กล่าวว่า “ท่านเจาะรูมันเพื่อให้ผู้ที่อยู่ในเรือจมน้ำกระนั้นหรือ? โดยแน่นอนท่านได้นำมาซึ่งสิ่งที่อันตรายยิ่ง”

คำแปล R5.
๗๑. ทั้งสอง(มูซากับนบีคิดิร)พร้อมกับยูชะอ์อีกคนหนึ่ง ได้เดินเลาะไปตามชายทะเล สายตาก็สอดส่ายมองหาเรือทะเลผ่านมาสักลำหนึ่งเพื่อจะอาศัยโดยสาร จนกระทั่งเมื่อพบเรือลำหนึ่งแล่นผ่านมา ทั้งสองพร้อมกับยูชะอ์อีกคนหนึ่ง ได้ขอโดยสารเรือลำนั้นไปด้วย ลูกเรือต่างพูดกันว่า คนทั้งสามคือพวกโจรเพราะได้สังเกตเห็นว่าคนสามคนนี้ไม่มีเสบียงหรือแม้แต่สิ่งของอื่นใด ๆ ติดมืออยู่ด้วยเลย ลูกเรือทั้งหมดจึงขับไล่คนทั้งสามไปให้พ้นจากเรือ ฝ่ายเจ้าของเรือไม่คิดเช่นนั้น เขาบอกว่า ฉันมองดูเค้าหน้าของคนทั้งสามนี้ก็รู้ว่าเป็นพวกนบี ดังนั้นเจ้าของเรือจึงไม่คิดเอาค่าโดยสารจากคนทั้งสาม ต่อมาเรือได้แล่นลงห้วงนำลึก เขา(นบีคิดิร)ก็ได้ทำลายมัน(เรือ)เสียโดยเอาขวานเหวี่ยงอย่างแรงลงไปที่กระดานข้างเรือ กระดานแตกทะลุแผ่นหนึ่งหรือสองแผ่น แต่น้ำทะเลไม่ไหลทะลักเข้าตัวเรือ เขา(มูซา)เอ่ยถามนบีคิดิรว่า ท่านเอาขวานซัดลงไปยังกระดานข้างเรือ จะทำลายมัน(เรือ)เพื่อให้ลูกเรือจมน้ำกันหรือ ? แน่นอนท่านนี้ก่อเรื่องใหญ่โตไม่น่าดูขึ้นเสียแล้ว

   

คำอ่าน
72. กอละอะลัมอะกุล อิน..นะกะลัน..ตัสตะฏีอะ มะอิยะศ็อบรอ

คำแปล R1.
72. He (Khidr) said: "Did I not tell you, that you would not be able to have patience with me?"

คำแปล R2.
72. เขาตอบว่า “ฉันบอกกับท่านแล้วมิใช่หรือว่า ท่านไม่สามารถอดทนพอที่จะร่วมเดินทางกับฉันได้ !”

คำแปล R3.
72. เขาผู้นั้นกล่าวว่า “ฉันมิได้บอกท่านหรือว่าท่านไม่สามารถอดทนร่วมกับฉันได้ ?”

คำแปล R4.
72. เขากล่าวว่า “ฉันมิได้บอกหรือว่า แท้จริงท่านจะไม่สามารถมีความอดทนร่วมกับฉันได้”

คำแปล R5.
๗๒. เขา(นบีคิดิร)บอกแก่มูซาว่า ฉันมิได้เคยบอกแก่ท่านดอกหรือ ? ว่าท่านจะไม่สามารถร่วมอดทนกับฉันได้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 73 -74

   

คำอ่าน
73. กอละลาตุอาคิซนี บิมานะสีตุ วะลาตุรฺฮิกนี มินอัมรี อุสรอ

คำแปล R1.
73. [Musa (Moses)] said: "Call me not to account for what I forgot, and be not hard upon me for my affair (with You)."

คำแปล R2.
73. มูซากล่าวขอโทษว่า “ท่านจงอย่าถือโทษข้าพเจ้าเลย ในสิ่งที่ข้าพเจ้าลืม และท่านอย่ากวดขันข้าพเจ้าให้มีความยากลำบากในการงานของฉัน(ที่จะหาความรู้จากท่าน)”

คำแปล R3.
74. มูซาได้ตอบว่า “ขอจงอย่าตำหนิฉันในสิ่งที่ฉันลืมเลย และจงขออย่าถือสาในสิ่งที่ฉันได้ทำไป”

คำแปล R4.
73. เขา(มูซา) กล่าวว่า “โปรดอย่าเอาโทษกับฉันเลยในสิ่งที่ฉันลืม และอย่าบังคับฉันให้ลำบากใจเรื่องของฉันเลย”

คำแปล R5.
๗๓. เขา(มูซา)กล่าว ขอท่านอย่าได้ถือโทษเลย ที่ฉันได้ลืมเสียแล้วถึงคำรับรองที่ว่าจะไม่พูดจาทักท้วงใด ๆ ต่อการกระทำของท่าน และที่จะระงับการขัดแย้งการกระทำของท่าน ทั้งขอท่านอย่าบีบบังคับฉันให้ต้องลำบากในการร่วมทางมาด้วยกันของฉันกับท่านเลย ขอให้ท่านจงปฏิบัติแก่ฉันอย่างมีการอภัยและเป็นไปโดยง่ายเถิด


คำอ่าน
74. ฟัน..เฏาะละกอ หัตตา..อิซาละกิยา ฆุลามัน..ฟะเกาะตะละฮู กอละ อะเกาะตัลตะ นัฟสัน..ซะกียะตัม..บิฆ็อยรินัฟสิล ละก็อดญิอ์ตะชัยอัน..นุกรอ

คำแปล R1.
74. Then they both proceeded, till they met a boy, He (Khidr) killed him. Musa (Moses) said: "Have uou killed an innocent person who had killed none? Verily, you have committed a thing "Nukra" (a great Munkar - prohibited, evil, dreadful thing)!"

คำแปล R2.
74. และคนทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งเขาทั้งสองได้พบเด็กชายผู้หนึ่ง คิฎิรก็จัดการฆ่าเด็กคนนั้นเสีย มูซาจึงถามว่า “ท่านได้ฆ่าชีวิตอันบริสุทธิ์ โดยมิใช่การฆ่าตกตามกัน (ตามหลักกฎหมาย) ขอสาบาน ! ท่านได้ก่อเรื่องยิ่งใหญ่อันน่าตำหนิอีกแล้ว”

คำแปล R3.
74. หลังจากนั้น เขาทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งเขาทั้งสองพบเด็กชายคนหนึ่งและคนผู้นั้นได้ฆ่าเด็กคนนั้น มูซาจึงได้ร้องออกมาว่า “ท่านฆ่าคนบริสุทธิ์โดยเขาไม่ได้ฆ่าผู้ใดกระนั้นหรือ ? นี่เป็นการโหดร้ายแท้ ๆ ที่ท่านได้ทำไป”

คำแปล R4.
74. ดังนั้นเขาทั้งสองจึงออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งเมื่อทั้งสองพบเด็กคนหนึ่ง เขา(เคาะฏิร)จึงฆ่าเด็กคนนั้นเขา(มูซา)กล่าวว่า “ท่านฆ่าชีวิตบริสุทธิ์โดยมิได้ทำผิดต่อชีวิตอื่นกระนั้นหรือ? โดยแน่นอน ท่านทำสิ่งที่ร้ายแรงยิ่ง”

คำแปล R5.
๗๔. หลังจากทั้งสองสละจากเรือทะเลแล้ว ทั้งสองได้เดินทางไปจนกระทั่งเมื่อได้พบเด็กคนหนึ่งยังเยาว์ กำลังเล่นอยู่กับพวกเด็ก ๆ ด้วยกัน เด็กคนนี้หน้าตาหมดจดกว่าเพื่อน เขา(นบีคิดิร)ก็จับเด็กนั้นนอนตะแคงแล้วเอามีดฆ่าเด็กนั้นเสีย เขา(มูซา)เอ่ยถามนบีคิดิรว่า ท่านฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์สะอาดโดยเด็กผู้นี้ไร้ความผิดฐานฆ่าชีวิตคนมาก่อนหรือ ? แน่นอนท่านนี้ได้ก่อเรื่องไม่น่าดูขึ้นเสียแล้ว



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 75 - 78

   

คำอ่าน
75. กอละอะลัมอะกุลละกะ อิน..นะกะลัน..ตัสตะฏีอะ มะอิยะศ็อบรอ

คำแปล R1.
75. (Khidr) said: "Did I not tell you that you can have no patience with me?"

คำแปล R2.
75. เขา(นบีคิฎิร)กล่าวว่า “ฉันบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่า ท่านนั้นจะไม่สามารถอดทนเดินทางร่วมกับฉันได้”

คำแปล R3.
75. เขาได้ตอบว่า “ฉันไม่ได้บอกท่านหรือว่าท่านไม่สามารถอดทนร่วมกับฉันได้ ?”

คำแปล R4.
75. เขากล่าวว่า “ฉันมิได้บอกหรือว่า แท้จริงท่านจะไม่สามารถมีความอดทนร่วมกับฉันได้”

คำแปล R5.
๗๕. เขา(คิดิร)กล่าวเตือนมูซาอีกครั้งว่า ฉันมิเคยบอกแก่ท่านไว้หรือว่าท่านนั้นจะมิสามารถทนอยู่ร่วมกับฉันได้ ด้วยการงดถามฉัน (การที่ในโองการนี้มีคำว่า “แก่ท่าน”(ละกะ)อยู่ด้วยซึ่งในโองการที่ ๗๒ แห่งบทเดียวกันนี้ไม่มีระบุอยู่ แสดงว่า ท่านนบีคิดิรยังมีความกรุณาและอนุโลมที่จะพูดจาโต้ตอบกับมูซาเป็นกรณีพิเศษอีกครั้งเดียวเท่านั้น และเพื่อเป็นการเตือนมูซาให้ระมัดระวังการที่จะสอดถามอะไรขึ้นอีกต่อไป)

   

คำอ่าน
76. กอละอิน..สะอัลตุกะ อัน..ชัยอิม..บะอฺดะฮา ฟะลาตุศอหิบนี ก็อดบะลัฆตะ มิลละดุน..นี อุซรอ

คำแปล R1.
76. [Musa (Moses)] said: "If I ask you anything after this, keep me not in your company, you have received an excuse from me."

คำแปล R2.
76. นบีมูซากล่าวว่า “หากข้าพเจ้าซักถามท่านในกรณีใด ๆ หลังจากนั้นอีก ท่านก็อย่าคบข้าพเจ้าต่อไป เพราะท่านได้ถึงที่สุดในการแก้ตัวจากฝ่ายข้าพเจ้าแล้ว”

คำแปล R3.
76. มูซาจึงได้กล่าวว่า “หลังจากนี้ ถ้าหากฉันถามสิ่งใดจากท่าน ก็จงอย่าเอาฉันร่วมทางไปกับท่านเลย ฉันแก้ตัวกับท่านมามากพอแล้ว”

คำแปล R4.
76. เขา(มูซา) กล่าวว่า “หากฉันถามสิ่งใดจากท่านหลังจากนี้ท่านอย่าคบฉันเป็นเพื่อร่วมทางอีกเลย แน่นอน ท่านมีข้อแก้ตัวจากฉันพอแล้ว”

คำแปล R5.
๗๖. เขา(มูซา)กล่าวแก่นบีคิดิรว่า ถ้าหากหลังจากนั้น ฉันถามท่านถึงเรื่องใด ๆ อีกก็ตาม ท่านไม่ต้องร่วมทางไปกับฉันก็ได้ ท่านย่อมประจักษ์อยู่แน่นอนแล้วว่า ฉันนี้เองเป็นฝ่ายมีอุปสรรค ที่ได้ตอบโต้กับท่านถึง ๓ หน

 

คำอ่าน
77. ฟัน..เฏาะละกอ หัตตา..อิซา..อะตะยา..อะฮฺละก็อรฺยะตินิสตัฏอะมา..อะฮฺละฮา ฟะอะเบา อัย..ยุฎ็อยยิฟูฮุมา ฟะวะญะดาฟีฮาญิดาร็อย..ยุรีดุ อัย..ยัน..ก็อฎเฎาะ ฟะอะกอมะฮฺ, กอละเลาชิอ์ตะ ลัตตะค็อซตะ อะลัยฮิอัจญรอ

คำแปล R1.
77. Then they both proceeded, till, when they came to the people of a town, they asked them for food, but they refused to entertain them. Then they found therein a wall about to collapse and He (Khidr) set it up Straight. [Musa (Moses)] said: if you had wished, surely, you could have taken wages for it!"

คำแปล R2.
77. แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไป จนกระทั่งทั้งสองได้มาถึงชาวเมืองหนึ่ง(คือเมืองอินฏอกียะฮฺ) ทั้งสองก็เข้าไปขออาหารจากชาวเมืองนั้นรับประทาน แต่คนพวกนั้นปฏิเสธที่จะต้อนรับทั้งสอง ต่อมาทั้งสองได้พบกำแพงด้านหนึ่ง(ของเมืองนั้น)ซวนเซเกือบจะพังลงมา นบีคิฎิรจึงผลักให้มันตรงอย่างเดิม นบีมูซาได้แย้งว่า “หากท่านจะเอาค่าจ้างในการทำเช่นนั้น (ก็เป็นสิทธิ์อันควรที่จะเรียกร้องจากชาวเมือง)”

คำแปล R3.
77. แล้วเขาทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งได้มาถึงชุมชนแห่งหนึ่ง เขาทั้งสองจึงได้ขออาหารจากคนแถวนั้น แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะต้อนรับ ที่นั้นเขาทั้งสองได้เห็นกำแพงแห่งหนึ่งกำลังจะพังลงมา คนผู้นั้นจึงทำให้มันตั้งตรงอีก มูซาจึงได้กล่าวว่า “หากท่านต้องการท่านก็สามารถเรียกร้องค่าแรงตอบแทนได้”

คำแปล R4.
77. ดังนั้นทั้งสองจึงออกเดินทางต่อไป จนกระทั่งเมื่อทั้งสองพบชาวเมืองหนึ่ง ทั้งสองได้ขออาหารจากชาวเมืองนั้น แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะต้อนรับเขาทั้งสองต่อมาเขาทั้งสองได้พบกำแพงแห่งหนึ่ง กำลังจะพังลงมาแล้วเขาก็ทำให้มันตรงเขา(มูซา)กล่าวว่า “ถ้าท่านประสงค์ แน่นอนท่านจะเอาค่าแรงตอบแทนสำหรับมันได้”

คำแปล R5.
๗๗. แล้วเขาทั้งสอง (มูซากับคิดิร)ก็ได้เดินทางจนกระทั่งเมื่อไปถึงชาวชนแห่งแคว้นหนึ่ง ชื่อแคว้น “อินตอกียะห์” ในตอนค่ำที่เมื่อตกกลางคืนแล้วอากาศหนาวเพราะมีฝน ทั้งสองจึงขอให้ชาวเมืองนั้นจัดเลี้ยงอาหารเป็นการต้อนรับ พวกชาวเมืองเหล่านั้นได้ปฏิเสธที่จะจัดเลี้ยงเชาทั้งสอง และ ณ ที่แคว้นนั้นเขาทั้งสองได้พบกำแพงแห่งหนึ่งมีขนาดกำหนดโดยสูงหนึ่งร้อยศอก โดยกว้างห้าสิบศอกและโดยยาวห้าร้อยศอก เป็นกำแพงปรักหักพังที่จวนจะล้มอยู่แล้ว ครั้นแล้วเขา (นบีคิดิร) ก็ได้เอามือประคองผลักคืนให้มันตั้งตรง เขา(มูซา)บอกแก่นบีคิดิรว่าถ้าท่านประสงค์ จะเอามือผลักกำแพงให้คืนตั้งตรงดังเดิมแล้ว ท่านควรจะเอาคำมั่นสัญญาเรื่องค่าจ้างในการนั้นจากชาวเมืองดังกล่าวก็ได้ ทั้งนี้เพราะเหตุที่ชาวเมืองเหล่านั้นมีนิสัยสะเพร่า ไม่รักษาประเพณีการต้อนรับสำหรับแขกผู้พลัดถิ่นมาและเพื่อจะเอาค่าจ้างนั้นสำหรับใช้เป็นค่าอาหารค่ำด้วย


คำอ่าน
78. กอละฮาซาฟิรอกุ บัยนีวะบัยนิก สะอุนับบิอุกะ บิตะอ์วีลิ มาลัมตัสตะฏิอฺ อะลัยฮิศ็อบรอ

คำแปล R1.
78. (Khidr) said: "This is the parting between me and you, I will tell you the interpretation of (those) things over which you were unable to hold patience.

คำแปล R2.
78. นบีคิฎิรจึงกล่าวว่า “นี่เป็นวาระที่ต้องจากกันแล้วระหว่างฉันกับท่าน(แต่ก่อนจากกัน) ฉันจะขอชี้แจงให้ท่านทราบถึงเหตุผลของสิ่งที่ท่านไม่สามารถอดทนต่อมันได้” (สิ่งนั้นคือการกระทำต่าง ๆ ที่ผ่านมาของนบีคิฎิร)

คำแปล R3.
78. อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เอาละทีนี้เราต้องแยกจากกันแล้ว ตอนนี้ฉันจะบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านไม่อาจอดทนได้

คำแปล R4.
78. เขากล่าวว่า “นี่คือการแยกกันระหว่างฉันกับท่าน ฉันจะบอกท่านถึงความหมายที่ท่านไม่สามารถมีความอดทนในสิ่งนั้น ๆ ได้”

คำแปล R5.
๗๘. เขา(นบีคิดิร)กล่าวแก่มูซาว่า บัดนี้ถึงเวลาที่ฉันและท่านปลีกตัวจากกันแล้ว ในตอนที่นบีคิดิรประสงค์จะปลีกตัวแยกทางกับมูซา มูซาบอกแก่เขาว่า ท่านจงให้โอวาทแก่ฉันด้วยซิ นบีคิดิรจึงได้ให้โอวาทแก่มูซาว่า จงยิ้มแต่อย่าหัวเราะ และจงพึ่งแต่ตัวเอง อย่าพูดติเตียนคนอื่น ๆ ที่กระทำพลาดพลั้ง มูซาเอ๋ย จงร้องไห้ เพื่อแก่ความผิดพลาดของท่านเสีย ต่อไปนี้ฉัน(นบีคิดิร)จะเฉลยให้ท่านได้รู้ถึงความลึกลับซับซ้อนสามข้อที่ท่านไม่สามารถอดทนต่อมันได้ โดยจะขอชี้แจงให้ล่วงรู้ถึงความลับและแนวทางของความเป็นไปในสามประการที่ฉันได้กระทำมาแล้วว่า



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 79 - 82

 

คำอ่าน
79. อัม..มัสสะฟีนะตุฟะกานัตลิมะสากีนะ ยะอฺมะลูนะฟิลบะหฺริ ฟะอะร็อดตุ อันอะอีบะฮา วะกานะวะรอ..อะฮุม..มะลิกุย..ยะอ์คุซุ กุลละสะฟีนะติน ฆ็อศบา

คำแปล R1.
79. "As for the ship, it belonged to Masakin (poor people) working in the sea. So I wished to make a defective damage in it, as there was a king after them who seized every ship by force.

คำแปล R2.
79. กล่าวคือ เรือลำนั้น แต่เดิมมันเป็นของบรรดาคนอนาถา (จำนวน 10 คนเป็นพี่น้องกัน) ซึ่งพวกเขาทำงานในทะเล แล้วฉันก็ปรารถนาที่จะทำให้เรือชำรุดเสีย เพราะข้างหลังพวกเขานั้นมีกษัตริย์องค์หนึ่ง คอยดักชิงเรือทุกลำที่มีสภาพดี (ถ้าปล่อยไว้ แน่นอน เรือลำนั้นก็ต้องถูกชิงไปอย่างแน่นอน)

คำแปล R3.
79. เกี่ยวกับเรื่องเรือนั้น มันเป็นของคนยากจนที่ทำงานอยู่ในแม่น้ำใหญ่ ฉันจงใจทำลายมันเพราะข้างหน้าพวกเขานั้นเป็นเขตของกษัตริย์คนหนึ่งซึ่งใช้อำนาจยึดเรือทุกลำ

คำแปล R4.
79. “ส่วนหนึ่งของเรือเดินทะเลนั้น มันเป็นของพวกผู้ขัดสนทำงานอยู่ในทะเล ฉันตั้งใจจะทำให้มันมีตำหนิ เพราะเบื้องหลังพวกเขานั้นมีกษัตริย์องค์หนึ่งคอยยึดเรือดี ๆ ทุกลำโดยใช้อำนาจ

คำแปล R5.
๗๙. อันเรือลำที่กล่าวมานั้น เป็นของบรรดาพี่น้องสิบคนผู้ยากไร้ ได้รับมรดกมาจากบิดาของพวกเขา มีอยู่ห้าคนเป็นผู้พิการด้วยโรคต่าง ๆ กันคือ คนหนึ่งเป็นโรคคุดทะราด คนที่สองตาบอดข้างเดียว คนที่สามขาโขยก สำหรับคนที่สี่เป็นไส้เลื่อน และคนที่ห้าเป็นคนขี้โรคอยู่ตลอดกาล ส่วนอีกห้าคนมีสุขภาพสมบูรณ์ดี ที่สามารถประกอบการอยู่ในท้องทะเลได้ด้วยการรับจ้างขนส่งสินค้าไปมาระหว่างทะเลเปอร์เซียกับทะเลโรม (เมดิเตอเรีเนียน) ฉันต้องการทำให้มัน (เรือนั้น) เป็นตำหนิ ด้วยว่าข้างหน้าของพวกเขาที่จะถึงต่อไปนั้น มีเจ้าเมืองคนหนึ่ง นามว่า ยัยซูร ทรงปกครองนครฆ็อซซานและทรงเป็นชนกาฟิร ที่ดักชิงเอาเรือซึ่งยังมีสภาพดี ๆ ทุกลำ


 

คำอ่าน
80. วะอัม..มัลฆุลามุ ฟะกานะอะบะวาฮุ มุอ์มินํยนิ ฟะเคาะชีนา..อัย..ยุรฺฮิเกาะฮุมา ฏุฆยาเนา..วะกุฟรอ

คำแปล R1.
80. "And as for the boy, his parents were believers, and we feared lest he should oppress them by rebellion and disbelief.

คำแปล R2.
80. และส่วนเด็กผู้ชายคนนั้น (ที่นบีคิฎิรฆ่า) เขามีบิดามารดาเป็นผู้ศรัทธา และเราก็กลัวว่าเขาจะยุยงคนทั้งสองให้ล่วงละเมิดและเนรคุณ

คำแปล R3.
80. ส่วนเรื่องเด็กนั้น พ่อแม่ของเขาเป็นผู้ศรัทธา และเรากลัวว่าเขาจะทำให้พ่อแม่ของเขาต้องฝ่าฝืนขอบเขตและปฏิเสธความศรัทธา

คำแปล R4.
80. “และส่วนเรื่องของเด็กนั้นก็คือ พ่อแม่ของเขาเป็นผู้ศรัทธา เรากลัวว่า เขาจะเคี่ยวเข็ญให้ทั้งสองตกอยู่ในการละเมิดและปฏิเสธศรัทธา”

คำแปล R5.
๘๐. ฝ่ายเด็กคนที่ฉันได้สังหารเขานั้น บิดามารดาของเขาเป็นชนม์ผู้มีศรัทธา (มุอ์มิน) อัลเลาะห์ทรงแจ้งให้ฉันได้ทราบถึงเหตุการณ์ณือันเด็กผู้นี้จะกระทำต่อบิดามารดาของเขาในการภายหน้า ถ้าฉันไม่รีบสังหารเด็กนี้เสียก่อนแล้ว ฉันหวั่นใจว่าเขา(เด็ก)จะบีบบังคับทั้งสองนั้นให้ตกอยู่ในความงมงายและไร้ศรัทธา ทั้งนี้ด้วยเหตุว่าทั้งสองคนรักใคร่บุตรของตัวมาก โดยจะยอมตามใจบุตรที่แม้จะบังคับตนให้ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น

 

คำอ่าน
81. ฟะอะร็อดนา..อัย..ยุบดิละฮุมา ร็อบบุฮุมา ค็อยรอม..มินฮุ ซะกาเตา..วะอักเราะบะรุหฺมา

คำแปล R1.

81. "So we intended that their Lord should change him for them for one better in righteousness and near to Mercy.

คำแปล R2.
81. ดังนั้นเราจึงปรารถนาจะให้องค์อภิบาลของเขาทั้งสองได้เปลี่ยนให้เขาทั้งสองซึ่งลูกที่ดีกว่าเด็กคนนั้น ในความบริสุทธิ์และน่าเมตตายิ่งกว่าเดิม

คำแปล R3.
81. ดังนั้นเราขอให้ผู้อภิบาลของเขาทั้งสองได้ทรงประทานลูกอีกคนหนึ่งซึ่งบริสุทธิ์และเป็นที่เมตตาแก่เขาแทนลูกคนเก่า

คำแปล R4.
81. “ดังนั้นเราปรารถนา(ฆ่าเขาโดยหวัง) ว่าพระผู้เป็นเจ้าของทั้งสองจะทรงเปลี่ยนลูกที่ดีกว่าให้แก่ทั้งสอง มีความบริสุทธิ์กว่าและใกล้ชิดต่อความเมตตา(แก่ทั้งสอง)

คำแปล R5.
๘๑. ดังนั้นเรา(นบีคิดิร)จึงต้องการจะให้อัลเลาะห์องค์พระผู้อภิบาลแห่งทั้งสองคนผู้เป็นบิดามารดาของเด็ก ทรงแปลงเด็กน้อยผู้นี้ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นและเข้าใกล้เมตตาคุณยิ่งขึ้นสำหรับทั้งสองผู้บังเกิดเกล้านั้น ครั้นแล้วก็ทรงบันดาลให้เด็กชายนี้แปรสภาพร่างกายเป็นเด็กหญิง ต่อมาได้สู่สมรสกับศาสดาท่านหนึ่ง เกิดบุตรด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งต่อมาก็ได้รับตำแหน่งเป็นศาสดาด้วย



คำอ่าน
82. วะอัม..มัลญิดารุ ฟะกานัลฆุลามัยนิ บิยะตีมัยนิ วะกานะตะหฺตะฮูกัน..ซุลละฮุมา วะกานะอะบูฮุมาศอลิหัน..ฟะอะรอดะร็อบบุกะ อัย..ยับลุฆอ..อะชุดดะฮุมา วะยัสตัคริญา กัน..ซะฮุมา เราะหฺมะตัม..มิรฺร็อบบิก วะมาฟะอัลตูฮู อันอัมรี ซาลิกะตะอ์วีลุ มาลัมตัสตะฏิอฺอะลัยฮิศ็อบรอ

คำแปล R1.
82. "And as for the wall, it belonged to two orphan boys in the town; and there was under it a treasure belonging to them; and their father was a righteous man, and your Lord intended that they should attain their age of full strength and take out their treasure as a Mercy from your Lord. And I did it not of  my own accord. That is the interpretation of those (things) over which you could not hold patience."

คำแปล R2.
82. และส่วนกำแพงนั้นเล่า มันเป็นของเด็กผู้ชายกำพร้าสองคนซึ่งอยู่ในเมืองนั้น และใต้กำแพงนั้นมีคลังสมบัติสำหรับเขาทั้งสอง(ถูกฝังอยู่) และบิดาของเขาทั้งสองเป็นคนดี แต่องค์อภิบาลของท่านทรงประสงค์ที่จะให้เขาทั้งสองบรรลุวัยฉกรรจ์เสียก่อน จึงจะให้ทั้งสองขุดคลังสมบัติของทั้งสองออกมา ซึ่งเป็นเมตตาธรรมของพระองค์ และฉันมิได้กระทำสิ่งนั้นโดยพลการของฉันเลย นั้นเป็นการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ท่านไม่สามารถจะอดทนต่อมันได้

คำแปล R3.
82. เกี่ยวกับเรื่องกำแพงนั้น มันเป็นของด็กกำพร้าสองคนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองนี้ สมบัติของเด็กทั้งสองฝังอยู่ใต้กำแพงนี้ เนื่องจากพ่อของเขาทั้งสองเป็นคนกี พระผู้อภิบาลของท่านทรงปรารถนาว่าเมื่อเด็กชายทั้งสองนี้เติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาทั้งสองควรจะขุดเอาทรัพย์สมบัติของเขาออกมา ทั้งหมดนี้เป็นความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของท่าน ฉันมิได้ทำสิ่งใดตามอำเภอใจของฉัน นั่นคือความหมายสิ่งที่ท่านไม่สามารถอดทนได้

คำแปล R4.
82. “และส่วนเรื่องของกำแพงนั้น มันเป็นของเด็กผู้ชายกำพร้าสองคนที่อยู่ในเมือง และใต้กำแพงนั้นมีขุมทรัพย์ของเขาทั้งสอง และพ่อของเด็กทั้งสองก็เป็นคนดี ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจองท่านทรงประสงค์ที่จะให้เด็กทั้งสองบรรลุสู่ความเป็น ผู้ใหญ่และจะให้เด็กทั้งสองเอาขุมทรัพย์ของทั้งสองออกมาเอง เป็นความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าของท่าน และฉันมิได้ทำสิ่งนั้นตามความพอใจของฉัน นั่นคือความหมายที่ท่านไม่สามารถมีความอดทนในสิ่งนั้นๆ ได้”

คำแปล R5.
๘๒. ส่วนกำแพงซึ่งจะล้มพังถลายแต่ฉันได้เอามือค้ำประคองให้ตั้งดังเดิม ก็เป็นของเด็กกำพร้าสองคนพี่น้อง คนหนึ่งชื่ออัสร็อมส่วนอีกคนหนึ่งชื่อซ่อรีม เด็กทั้งสองนี้เป็นเด็กดี อาศัยอยู่ในนครแห่งหนึ่ง ซึ่งใต้กำแพงแห่งนั้นมีขุมสมบัติ เป็นเงินบ้างและทองบ้างสำหรับเขา(กำพร้า)ทั้งสองถูกฝังอยู่ ทั้งบิดาของเด็กกำพร้าทั้งสองนั้นยังเป็นคนดีอีก ทั้งฝ่ายอัลเลาะห์องค์พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงมุ่งหมายให้เด็กกำพร้าทั้งสองนี้ได้เข้าสู่วัยที่เติบกล้า และมีกายสมบูรณ์มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว แล้วทั้งสองจะได้ขุดค้นเอาขุมสมบัติของตนที่ถูกฝังซ่อนไว้ อันเป็นความกรุณาจากองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย สำหรับฉันหาได้กระทำการทั้งสามประการที่กล่าวมานั้นคือทำลายเรือจนกระทั่งทะลุ สังหารเด็กและเอามือประคองค้ำกำแพงให้ตั้งตรงดังเดิมตามอำเภอใจไม่ หากแต่ได้กระทำไปตามที่อัลเลาะห์ทรงดลใจเท่านั้น นี่เองคือถ้อยคำชี้เฉลยตามที่ท่านไม่สามารถอดทนต่อการเอ่ยปากถาม เพื่อรู้ข้อเท็จจริงของมันได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 83 - 86

 

คำอ่าน
83. วะยัสอะลูนะกะอัน..ซิลก็อรฺนัยนฺ กุลสะอัตลูอะลัยกุม..มินฮุซิกรอ

คำแปล R1.
83. And they ask you about Dhul-Qarnain. Say: "I shall recite to you something of his story."

คำแปล R2.
83. และพวกเขา (ชาวยะฮูด)จะถามเจ้าเกี่ยวกับ “ซิลก็อรฺนัยน์” (แปลว่า คนสองเขา) เจ้าจงตอบพวกเขาเถิด “ฉันจะแถลงให้พวกท่านได้ทราบเรื่องราวบางส่วนของเขา”

คำแปล R3.
83. และ (โอ้ มุฮัมมัด) พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับซุล-ก็อรฺนัยน์ จงบอกพวกเขาว่า “ฉันจะเล่าเรื่องราวของเขาให้พวกท่านฟัง”

คำแปล R4.
83. และพวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับซุลก็อรนัยน์ จงกล่าวเถิด “ฉันจะเล่าเรื่องของเขาแก่พวกท่าน”

คำแปล R5.
๘๓. โอ้ มุฮำมัด และพวกยะฮูดีเหล่านั้นจะไต่ถามเพื่อกวนใจเจ้าถึงบุคคลผู้หนึ่งมีสมญาว่า “ซุลก็อรนัยน์” ผู้มีนามตัวว่า “อิสกันดัร” เขาเป็นปริยบุคคลของอัลเลาะห์ (วลียุลเลาะห์) แต่มิใช่พระศาสดาของพระองค์ และเป็นผู้หนึ่งในบรรดาบุตรหลานของซาม บุตรของศาสดานูห์ ทั้งเป็นบุตรคนเดียวของแม่ผู้ชรา อิสกันดัรมีผิวกายดำนับถือศาสนาอิบรอฮีม ขณะที่ผู้นี้จะเข้ารับนับถือศาสนานั้น เขาได้น้อมตนเข้ารับต่อหน้าศาสดาอิบรอฮีม ดังนั้นอิบรอฮีมจึงได้อำนวยพรแก่เขา และให้โอวาทแก่เขาไว้หลายประการ นอกนั้นยังได้ร่วมเป็นคู่หูตระเวนไปมา ณ หนแห่งใดกับศาสดาอิบรอฮีมด้วย สำหรับศาสดาคิดิรนั้นเล่าคือที่ปรึกษาของเขา เขาเคยเดินนำทัพร่วมกับศาสดาคิดิร มุฮำมัดเอ๋ยเจ้าจงบอกแก่พวกยะฮูดีให้ทราบด้วยเถิดว่า ฉันจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของผู้นี้ให้พวกท่านได้ทราบไว้ด้วยว่า


คำอ่าน
84. อิน..นามักกัน..นาละฮุฟิลอัรฺฎิ วะอาตัยนาฮุ มิน..กุลลิชัยอิน..สะบะบา

คำแปล R1.
84. Verily, we established him In the earth, and we gave him the means of everything.

คำแปล R2.
84. แท้จริงเรา (อัลเลาะฮฺ) ได้ให้ถิ่นฐานพักพิงแก่เขาในแผ่นดิน (โดยให้มีอำนาจปกครองเมืองในฐานะกษัตริย์) และเราได้มอบให้แก่เขา มีแนวทางแสวงหาทุก ๆ สิ่ง (ที่ปรารถนา)

คำแปล R3.
84. เราได้สถาปนาอำนาจให้แก่เขาบนหน้าแผ่นดิน และได้ประทานปัจจัยทุกอย่างให้แก่เขา

คำแปล R4.
84. แท้จริงเราได้ให้อำนาจแก่เขาในแผ่นดิน และเราให้เขาทุกสิ่งที่เขาต้องการ

คำแปล R5.
๘๔. แท้จริงเรา (อัลเลาะห์) ได้อำนวยความสะดวกแก่เขา(ซุลก็อรนัยน์) ณ แผ่นดิน โดยมีแสงสว่าง ส่องอยู่ที่เบื้องหน้าเขา ส่วนที่เบื้องหลังจะมีแต่ความมืดเป็นอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งเรา(อัลเลาะห์)ยังให้เขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการ อาทิความรู้และอุปกรณ์อื่น ๆ ไว้เป็นปัจจัยนำไปสู่จุดประสงค์อีกด้วย

   

คำอ่าน
85. ฟะอัตบะอะสะบะบา

คำแปล R1.
85. So he followed a way.

คำแปล R2.
85. แล้วเขาก็ตามแนวทางหนึ่ง (เพื่อเดินทางไปยังทิศตะวันตก)

คำแปล R3.
85. ในตอนแรก เขาได้เตรียมการเพื่อออกเดินทาง (ไปทางตะวันตกและมุ่งหน้าไปเรื่อย)

คำแปล R4.
85. ดังนั้น เขาจึงมุ่งไปทางหนึ่ง (ทางทิศตะวันตก)

คำแปล R5.
๘๕. ครั้นแล้วเขา(ซุลก็อรนัยน์)ก็ดำเนินไปตามทางสู่ทิศตะวันตก

   

คำอ่าน
86. หัตตา..อิซาบะละเฆาะมัฆริบัชชัมสิ วะญะดะฮา ตัฆรุบุฟีอัยนินหะมิอะติว..วะวะญะดะอิน..ดะฮาก็อวมา กุลนายาซัลก็อรฺนัยนิ อิม..มาอัน..ตุอัซซิบะ วะอิม..มา..อัน..ตัตตะคิซะฟีฮิมหุสนา

คำแปล R1.
86. Until, when he reached the setting place of the sun, he found it setting in a spring of black muddy (or hot) water. And he found near it a people. We (Allah) said (by inspiration): "O Dhul-Qarnain! Either you punish them, or treat them with kindness."

คำแปล R2.
86. จนกระทั่งเมื่อเขาได้ถึงดินแดนตะวันตก เขาก็พบว่าดวงตะวันลับไปในน่านน้ำอันขุ่นข้น (เมืองชายทะเลในยามตะวันตกก็จะเห็นมันตกลงไปในแม่น้ำ)และเขาได้พบคนกลุ่มหนึ่ง ณ ที่นั้น เราได้ตรัส(แก่ซุลก็อรนัยน์)ว่า “โอ้ ซุลก็อรฺนัยน์ เจ้าอาจจะจัดการลงโทษ (คนพวกนั้น) และเจ้าอาจจะปฏิบัติคุณความดีในหมู่พวกเขาก็ได้ (ตามแต่ที่เจ้าปรารถนา)

คำแปล R3.
86. จนกระทั่งเขาได้มาถึงขอบเขตที่ดวงตะวันตก และพบว่ามันตกลงในน้ำสีดำ และที่นั่น เขาได้พบคนหมู่หนึ่ง เราได้กล่าวแก่เขาว่า “โอ้ ซุล-ก็อรฺนัยน์ เจ้ามีอำนาจที่จะลงโทษพวกเขาและก็สามารถที่จะทำคุณต่อพวกเขาด้วยเช่นกัน”
 
คำแปล R4.
86. จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงดินแดนที่ดวงอาทิตย์ตก เขาพบลงในน้ำขุ่นดำ และพบ ณ ที่นั้นชนหมู่หนึ่ง เรากล่าวว่า (อัลลอฮ์ทรงดลใจเขา) “โอ้ ซุลก็อรนัยน์ เจ้าจะลงโทษพวกเขาหรือทำความดีต่อพวกเขา”

คำแปล R5.
๘๖. จนกระทั่งเมื่อเขา(ซุลก็อรนัยน์)ได้บรรลุถึงแดนตะวันตก เป็นดินแดนเจริญตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล มองดูกว้างไกลสุดสายตาและแลเห็นแต่น้ำอยู่เบื้องหน้า เขาก็พบเห็นมัน(ดวงอาทิตย์)คล้ายกับตกลงในน้ำทะเลซึ่งร้อนโฉ่ และ ณ ที่ชายทะเลแห่งนั้น เขา(ซุลก็อรนัยน์)ยังได้พบกับชนพวกหนึ่งเป็นกาฟิร ไม่เคยมีศาสนทูตท่านใดล่วงเข้าไปถึงเพื่ออบรมสั่งสอนเลยอีกด้วย เมืองชายทะเลที่กลุ่มชนเหล่านี้ตั้งบ้านเรือนอยู่นั้น มีประตูเมืองเรียงรายเลียบชายฝั่งถึงหนึ่งหมื่นสองพันแห่ง พลเมืองมีร่างกายแข็งแกร่งมาก ใช้หนังสัตว์ป่าเป็นอาภรณ์ ในคราวที่ซุลก็อรนัยน์เดินทางไปถึง ก็ยังเคยได้ชักชวนคนเหล่านั้น ให้รับนับถือศาสนาของอิบรอฮีม ประชาชนเหล่านั้นบางพวกที่เชื่อก็มี เราได้กล่าวกับซุลก็อรนัยน์ในรูปของการดลใจ(อิลฮาม)มิใช่โดยวิธีดลกระแสโองการ(อัล-วะห์ยุ)เหมือนกับที่เหล่าศาสดาทั้งปวงพึงได้รับว่า โอ้ซุลก็อรนัยน์ เจ้าอาจจะลงโทษโดยจับเอาตัวพวกนั้นที่ยังดื้อรั้นจะอยู่ในความไร้ศรัทธามาฆ่าเสียก็ได้ และเจ้าอาจจะจัดการให้เป็นคุณในหมู่พวกนั้นด้วยการจับผู้ขอลุแก่โทษแล้ว มาเป็นเพียงเชลยก็ได้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 87 - 91



คำอ่าน
87. กอละอัม..มามัน..เซาะละมะฟะเสาฟะนุอัซซิบุฮู ษุม..มะยุร็อดดุอิลาร็อบบิฮี ฟะยุอัซซิบุฮู อะซาบัน..นุกรอ

คำแปล R1.
87. He said: "As for him (a disbeliever in the Oneness of Allah) who does wrong, we shall punish him; and then he will be brought back unto his Lord; who will punish him with a terrible torment (Hell).

คำแปล R2.
87. (ซุลก็อรฺนัยน์)เขากล่าวว่า “กล่าวคือผู้ใดที่ฉ้อฉล เราจะจัดการลงโทษเขา หลังจากนั้นเขาจะถูกส่งคืนสู่องค์อภิบาลของเขา แล้วพระองค์ก็จะทรงลงโทษเขาอย่างทารุณ(อีกครั้งในขุมนรก)”

คำแปล R3.
87. เขากล่าวว่า “เราจะลงโทษใครก็ตามที่สร้างความอธรรม แล้วเขาผู้นั้นจะถูกนำกลับไปยังพระผู้อภิบาลของเขาและพระองค์จะทรงลงโทษเขาอย่างรุนแรง

คำแปล R4.
87. เขากล่าวว่า “ส่วนผู้ที่อธรรมนั้นเราจะลงโทษเขา แล้วเขาจะถูกกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้าของเขา ดังนั้นพระองค์จะทรงลงโทษเขาซึ่งการลงโทษอย่างรุนแรง

คำแปล R5.
๘๗. เขา(ซุลก็อรนัยน์)กล่าวว่า ฝ่ายผู้ที่มักร้ายด้วยการมุ่งแต่จะสักการบูชาเทวรูปและอื่น ๆ เป็นเจ้านั้นเล่า อีกไม่ช้าเราจะเอาโทษโดยการฆ่าเขาผู้นั้น ครั้นแล้วเขาจะถูกนำคินสู่องค์พระผู้อภิบาลของเขา แล้วพระองค์จะทรงเอาโทษเขาอย่างหนักในขุมนรกด้วย

 

คำอ่าน
88. วะอัม..มามันอามะนะ วะอะมิละศอลิหัน..ฟะละฮูญะซา..อัลหุสนา วะสะนะกูลุละฮู มินอัมรินายุสรอ

คำแปล R1.
88. "But as for him who believes (in Allah's Oneness) and works righteousness, he shall have the best reward, (Paradise), and we (Dhul-Qarnain) shall speak unto him mild words (as instructions)."

คำแปล R2.
88. “และส่วนผู้ที่ศรัทธา และประพฤติแต่ความดี แน่นอนเขาจะได้รับการตอบแทนที่ดีที่สุด และเราจะเจรจากับเขาอย่างง่ายดายในกิจการของเขา

คำแปล R3.
88. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดีนั้น มีการตอบแทนที่ดีสำหรับเขาและเราจะกำหนดงานง่าย ๆ ให้แก่เขา

คำแปล R4.
88. “และส่วนผู้ศรัทธาและประกอบความดีนั้น สำหรับเขาคือการตอบแทนที่ดี และเราจะพูดกับเขาในกิจการงานของเราอย่างง่าย ๆ ”

คำแปล R5.
๘๘. ฝ่ายผู้ที่มีศรัทธาและได้ประพฤติชอบผู้นั้นย่อมได้รับสรวงสวรรค์ เป็นค่าตอบแทน ทั้งเราจะสั่งแก่ผู้มีศรัทธานั้นให้กระทำกิจของเราที่ง่าย ๆ

   

คำอ่าน
89. ษุม..มะอัตบะอะสะบะบา

คำแปล R1.
89. Then he followed another way,

คำแปล R2.
89. หลังจากนั้นเขาก็ตามทาง(ไปทางทิศตะวันออก)

คำแปล R3.
89. แล้วเขาก็ได้เตรียมการ (สำหรับการเดินทัพอีกครั้งหนึ่งและได้มุงหน้าไป)

คำแปล R4.
89. แล้วเขาได้มุ่งไปอีกทางหนึ่ง(ทางตะวันออก)

คำแปล R5.
๘๙. ต่อแต่นั้นเขา (ซุลก็อรนัยน์)ก็ดำเนินไปตามทางสู่ทิศตะวันออก

 

คำอ่าน
90. หัตตา..อิซาบะละเฆาะมัฏละอัชชัมสิ วะญะดะฮาตัฏลุอุ อะลาก็อวมิลลัมนัจญอัลละฮุม..มิน..ดูนิฮาสิตรอ

คำแปล R1.
90. Until, when he came to the rising place of the sun, he found it rising on a people for whom we (Allah) had provided no shelter against the sun.

คำแปล R2.
90. จนกระทั่งเมื่อเขาบรรลุสู่ดินแดนตะวันออก เขาพบว่ามัน (ดวงตะวัน)ขึ้นมาบนคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเรามิได้บันดาลสิ่งปกปิดแก่พวกเขา นอกจากดวงอาทิตย์ (พวกเขาต้องเปลือยกายอยู่ในถ้ำ)

คำแปล R3.
90. จนกระทั่งเขาได้มาถึงขอบเขตที่ดวงตะวันขึ้นที่นั่น เขาได้เห็นดวงตะวันขึ้นเหนือผู้คนหมู่หนึ่งที่เรามิได้ให้ที่กำบังจากแสงแดด

คำแปล R4.
90. จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงดินแดนที่ตะวันขึ้น เขาพบมันขึ้นเหนือกลุ่มชนหนึ่ง เรามิได้ทำที่กำบังแดดให้แก่พวกเขา

คำแปล R5.
๙๐. จนกระทั่งเมื่อเขา(ซุลก็อรนัยนฺ)ได้บรรลุถึงแดนตะวันออก เขาก็พบมัน(ดวงอาทิตย์)ขึ้นอยู่เหนือท้องฟ้า ส่องแสงลงยังชนพวกหนึ่งมีผิวกายดำ ซึ่งอื่นจากดวงอาทิตย์นี้แล้ว เราได้ให้เขามีเครื่องปกปิดใดไม่ อาทิเช่น เสื้อผ้าและที่ร่ม หลบแดดหรือแม้แต่ภูเขา พวกเขานี้จึงต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตอนกลางวัน และออกจากอุโมงในตอนกลางคืน

 

คำอ่าน
91. กะซาลิกะวะก็อดอะหัฏนาบิมาละดัยฮิคุบรอ

คำแปล R1.
91. So (it was)! And we knew all about him (Dhul-Qarnain).

คำแปล R2.
91. เช่นนั้น และเรารู้ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา (ซุลก็อรฺนัยน์)อย่างครอบคลุม(ทุกกรณี)

คำแปล R3.
91. นี่เป็นสภาพของพวกเขา แลเรารู้ดีถึงทุกสิ่งที่ ซุล-ก็อรฺนัยน์ครอบครองไว้

คำแปล R4.
91. เช่นนั้นแหละ เราหยั่งรู้ข่าวคราวที่เกี่ยวกับเขา

คำแปล R5.
๙๑. เรื่องราวของซุลก็อรนัยน์ ที่กล่าวทั้งหมดนั้นก็มีความเป็นไปอย่างนี้แหละ แต่เราก็ให้เขา(ซุลก็อรนัยน์)ได้รู้รอบคอบอีกในสิ่งต่าง ๆ ทั้งในทางปัจจัยทั้งปวงตลอดจนเรื่องการทหารและอื่น ๆ ด้วย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 92 - 94


คำอ่าน
92. ษุม..มะอัตบะอะ สะบะบา

คำแปล R1.
92. Then He followed (another) way,

คำแปล R2.
92. หลังจากนั้นเขาก็ติดตามทาง (อื่นอีกต่อไป)

คำแปล R3.
92. แล้วเขาก็ได้เตรียมการ (สำหรับการเดินทัพอีกครั้งหนึ่งและได้มุ่งหน้าไป)

คำแปล R4.
92. แล้วเขาได้มุ่งไปอีกทางหนึ่ง(ไปทางเหนือ)

คำแปล R5.
๙๒. ต่อแต่นั้นเขา(ซุลก็อรนัยน์)จึงดำเนินไปตามทาง



คำอ่าน
93. หัตตา..อิซาบะละเฆาะบัยนัสสัดดัยนิ วะญะดะมิน..ดูนิฮิมาก็อวมัลลายะกาดูนะ ยัฟเกาะฮูนะก็อวลา

คำแปล R1.
93. Until, when he reached between two mountains, he found, before (near) them (those two mountains), a people who scarcely understood a word.

คำแปล R2.
93. จนกระทั่งเขาได้บรรลุสู่ระหว่างภูเขาสองลูก เขาก็พบคนกลุ่มหนึ่งอยู่ใกล้เคียงกับภูเขาทั้งสองนั้น ซึ่งคนกลุ่มนั้นเกือบจะไม่เข้าใจคำพูด (ที่ซุลก็อรฺนัยน์ใช้สนทนากับพวกเขาเลย เพราะเป็นคนละภาษา)

คำแปล R3.
93. จนกระทั่งเขาได้มาถึงระหว่างภูเขาสองลูกที่เขาพบว่าผู้คนเกือบจะไม่เข้าใจคำพูดใด ๆ

คำแปล R4.
93. จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงบริเวณหว่างภูผาทั้งสอง เขาได้พบชนกลุ่มหนึ่งที่เชิงภูผาทั้งสองนั้นซึ่งพวกเขาเกือบจะไม่เข้าใจคำพูดกันเลย

คำแปล R5.
๙๓. จนกระทั่งเมื่อเขาได้บรรลุถึงที่แห่งหนึ่งอยู่ระหว่างผากำบังเป็นภูเขาทั้งสองข้างและเป็นผาสูงชันมีหินเนื้อแกร่งและลื่นเป็นมัน ที่แห่งนี้เป็นทางสัญจรของเหล่ารี้พลของยะยู๊จและมะยู๊จออกมาก่อกวนความปกติสุขของปวงชนผู้อาศัยอยู่ภายนอกภูเขานั้น เขาก็ได้พบชนพวกหนึ่งใกล้ ๆ กับมันทั้งสอง(ยะยู๊จและมะยู๊จ)เป็นชนซึ่งใช้ภาษาถิ่นเก่าแก่พ้นสมัยที่เกือบจะไม่เข้าใจคำพูดเอาเลย และแม้จะเข้าใจความได้บ้างก็ทั้งยาก

   

คำอ่าน
94. กอลูยาซัลก็อรฺนัยนิ อิน..นะยะอ์ญูญะ วะมะอ์ญูญะ มุฟสิดูนะ ฟิลอัรฺฎิ ฟะฮัลนัจญอะลุละกะค็อรฺญัน อะลา..อัน..ตัจญอะละ บัยนะนา วะบัยนะฮุมสัดดา

คำแปล R1.
94. They said: "O Dhul-Qarnain! Verily! Ya'juj and Ma'juj (Gog and Magog) are doing great mischief in the land. Shall we then pay you a tribute in order that you might erect a barrier between us and them?"

คำแปล R2.
94. พวกเขาพูดว่า “โอ้ ซุลก็อรฺนัยน์ แท้จริงยะอฺยูจ และมะอฺยูจ เป็นพวกบ่อนทำลายในพื้นดิน ดังนั้นพวกเราจะเตรียมค่าตอบแทนไว้ให้ท่าน เพื่อขอให้ท่านสร้างกำแพงขวางกั้นระหว่างพวกเรากับพวกเขาจะได้ไหม”

คำแปล R3.
94. พวกเขาได้กล่าวว่า โอ้ ซุล-ก็อรฺนัยน์ ญะญูจญ์และมะญุจญ์ได้แพร่ความเสียหายไปทั่วแผ่นดิน ดังนั้นเราขอถวายบรรณาการแก่ท่านเพื่อท่านจะได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างเรากับพวกเขา”

คำแปล R4.
94. พวกเขากล่าวว่า “โอ้ซุลก็อรนัย แท้จริงยะอ์ญูจ และมะอ์ญูจนั้นเป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดินนี้ ดังนั้น เราขอมอบบรรณาการแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างพวกเรากับพวกเขา”

คำแปล R5.
๙๔. พวกเหล่านั้นกล่าวแถลงว่า โอ้ซุลก็อรนัยน์ แท้จริงพรรคพวกของยะยู๊จกับมะยู๊จเป็นพวกก่อวินาศขึ้น ณ แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี้ กล่าวคือมันเที่ยวเร่ปล้นและก่อความเดือดร้อน มันกินได้ทั้งพืชผักและไม้สด ๆ ส่วนที่แห้ง ๆ มันจะแบกกลับไปที่พักของพวกมัน พวกเรานี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอเนกอนันต์จากสมัครพรรคพวกของมันทั้งสอง พวกเราจะต้องเสียค่าจ้างให้ท่านด้วยไหมต่อการที่ท่านจะสร้างกำแพงกั้นพวกเรากับพวกมันไว้ ? พวกมันจะได้ไม่สามารถรุกล้ำเข้ามากวนพวกเราได้อีก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 95 - 97


คำอ่าน
95. กอละมามักกัน..นี ฟีฮิร็อบบีค็อยรุน..ฟะอะอีนูนี บิกูวะติน อัจญอัล บัยนะกุม วะบัยนะฮุมร็อดมา

คำแปล R1.
95. He said: "That (wealth, authority and power) in which my Lord had established me is better (than your tribute). So help me with strength (of men), I will erect between you and them a barrier.

คำแปล R2.
95. เขาตอบว่า “ที่องค์อภิบาลของฉันได้ประทานอำนาจแก่ฉันในสิ่งนั้น ย่อมจะดีกว่า (ค่าตอบแทนที่พวกท่านจะมอบให้) ดังนั้นพวกท่านจงช่วยฉันอย่างเข้มแข็งเถิด ฉันจะสร้างปราการ (ขวางกั้น) ระหว่างพวกท่านกับพวกนั้น (โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น)

คำแปล R3.
95. เขาตอบว่า “สิ่งที่พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงประทานแก่ฉันนั้นมากเกินพอแล้ว ดังนั้นพวกท่านจงช่วยฉันด้วยกำลัง และฉันจะสร้างกำแพงกั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา

คำแปล R4.
95. เขากล่าวว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าของฉันได้ให้อำนาจแก่ฉันดียิ่งกว่า ดังนั้นพวกท่านจงช่วยฉันด้วยกำลัง ฉันจะสร้างกำแพงแน่นหนากั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา”

คำแปล R5.
๙๕. เขา(ซุลก็อรนัยน์)ตอบแก่ปวงชนผู้เดือดร้อนว่าสิ่งใด ๆ จะเป็นทรัพย์สินก็ดี หรืออะไรอื่นก็ดี ที่องค์พระผู้อภิบาลของฉันทรงอำนวยไว้แก่ฉัน เพื่อความสะดวกสบายย่อมดีกว่าค่าจ้างที่พวกท่านจะเสนอให้แก่ฉันอยู่แล้ว ฉันไม่อยากได้ค่าจ้างจากพวกท่านดอก เอาเถิด ขอพวกท่านจงร่วมมือกับฉันให้เข้มแข็งหน่อยก็แล้วกัน ในเรื่องตัวบุคคลและวัสดุที่ฉันจะเรียกหาเอาจากพวกท่าน ฉันจะได้สร้างปราการสกัดกั้นพวกท่านกับพวกมันไว้โดยไม่คิดเอาค่าจ้างจากพวกท่านเลย ซุลก็อรนัยน์สั่งพวกนั้นว่า พวกท่านจงไปตระเตรียมหินก้อนโต ๆ พร้อมทั้งเหล็กและทองแดงไว้ให้พร้อมมูล ฉันจะลองไปสอบสภาพและท่าทีพวกของยะยู๊จกับมะยู๊จดูก่อน ว่าแล้วก็เดินทางไปจนกระทั่งย่างเข้าสู่ใจกลางเมืองของพวกมัน เขามองดูเห็นร่างกายของพวกมันตัวหนึ่งสูงเพียงครึ่งของความสูงของบุรุษร่างสันทัดในหมู่ชนพวกนั้นเท่านั้นเอง แต่ทว่ามีเล็บและเขี้ยวเหมือนเสือ มีขนยาวปกคลุมกายเพื่อกันหนาวและร้อนได้ แต่ละตัวมีใบหูกว้างใหญ่ทั้งสองข้าง มันใช้สำหรับปูนอนหูหนึ่ง หูทั้งสองข้างของมันนี้ หูหนึ่งสำหรับห่มกายในฤดูร้อน ส่วนอีกหูหนึ่งสำหรับห่มกายในฤดูหนาว เมื่อซุลก็อรนัยน์ได้สำรวจพบเห็นมาด้วยสายตาจนเองฉะนี้แล้ว ก็กลับมายังสถานที่เดิม วัดระยะยาวของเนื้อที่ที่จะสร้างกำแพง ณ ช่องว่างระหว่างหุบผานั้น และได้ขุดเนื้อที่กว้างลึกลงไปถึงตาน้ำ ครั้นแล้วชาวเมืองได้ถามซุลก็อรนัยน์ว่า ตัวบุคคลคืออะไร? ซุลก็อรนัยน์ตอบก็พวกกรรมกรก่อสร้างนะซิ และยังถามต่อไปอีกว่า แล้ววัสดุเล่าคืออะไร ? คือแผ่นเหล็กและเชื้อเพลิงด้วย


คำอ่าน
96. อาตูนี ซุบะร็อลหะดีด หัตตา..อิซาสาวา บัยนัศเศาะดะฟัยนิ กอลัน..ฟุคู หัตตาอิซาญะอะละฮูนารอน..กอละอาตูนีอุฟริฆอะลัยฮิกิฏรอ

คำแปล R1.
96. "Give me pieces (blocks) of iron," then, when he had filled up the gap between the two mountain-cliffs, he said: "Blow," till when he had made it (red as) fire, he said: "Bring me molten copper to pour over it."

คำแปล R2.
96. พวกท่านจงนำท่อนเหล็กมาให้ฉัน จนเมื่อ(นำท่านเหล็กนั้นมากองเรียง)สูงระหว่างสองด้านของภูเขาแล้ว เขาก็สั่งว่า “ท่านทั้งหลายจง (เอาเครื่องสูบลมมา)เป่าเถิด” จนเมื่อเขาทำ(การลนท่อนเหล็กเหล่านั้น)ให้มัน(แดง)เป็นไฟแล้ว เขาก็กล่าวว่า “พวกท่านจงมาหาฉันซิ ฉันจะเทน้ำทองแดงลงไปบนมัน (เพื่อประสานให้มันผนึกแน่นเป็นกำแพง)

คำแปล R3.
96. ดังนั้น จงเอาแผ่นเหล็กมาให้ฉัน” เมื่อเขาได้ปิดช่องระหว่างภูเขาสองลูกแล้ว เขาก็ได้กล่าวกับผู้คนว่า “ทีนี้จงบีบที่เป่าลม” พวกเขาจึงได้ทำจนกระทั่งมัน (กำแพงเห็ก)ร้อนแดง และเขาได้กล่าวว่า “ไปเอาทองแดงหลอมมาเพื่อฉันจะได้เทลงไปบนมัน”

คำแปล R4.
96. “พวกท่านจงเอาเหล็กท่อนโต ๆ มาให้ฉัน” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้บริเวณภุผาทั้งสองราบเรียบเขาก็กล่าวว่า “จงเป่ามันด้วยเครื่องเป่าลม” จนกกระทั่งเมื่อเขาทำให้มันร้อนเป็นไฟ เขากล่าวว่า “ปล่อยให้ฉันเททองแดงหลอมลงไปบนมัน”

คำแปล R5.
๙๖. พวกท่านจงเอาแผ่นเหล็กมาให้ฉันหลาย ๆ แผ่น พอ ๆ กับหินที่จะใช้ก่อ เขาได้เริ่มเอาแผ่นเหล็กก่อโครงขึ้น และเอาฟืนกับถ่านแทรกลงระหว่างแผ่นเหล็ก จนกระทั่งเมื่อก่อได้สูงเท่าหุบผาสองข้างแล้ว เขาจึงได้ตั้งเตาสูบและติดไฟไว้รายรอบทั้งด้านในและด้านนอก เสร็จแล้วก็สั่งว่า พวกท่านจงสูบ พวกนั้นได้ช่วยกันสูบลมเป่าจนกระทั่งเมื่อมัน(เหล็ก)แดงจัดจนมองดูเป็นไฟ เขา(ซุลก็อรนัยน์)จึงสั่งพวกนั้นอีกว่า พวกท่านจงมาที่ฉันนี่ ฉันจะเทน้ำทองแดงลงไปบนเหล็กแผ่นนั้น น้ำหลอมเหลวของทองแดงได้ไหลซึมไปจับแผ่นเหล็กให้เชื่อมติดเป็นแผ่นเดียวกัน

 

คำอ่าน
97. ฟะมัสฏออู..อัย..ยัซฮะรู วะมัสตะฏออูละฮูนักบา

คำแปล R1.
[size=12pt]97. So they [Ya'juj and Ma'juj (Gog and Magog)] were made powerless to scale it or dig through it.[/size]

คำแปล R2.
97. แล้วพวกเหล่านั้น (ยะอฺยูจ มะอฺยูจ) ก็ไม่มีความสามารถที่จะโผล่ข้ามมาได้ และไม่สามารถที่จะเจาะมันเป็นรู(เพื่อลอดเข้ามา)

คำแปล R3.
97. นี่คือกำแพงที่ญะญูจญ์และมะญูจญ์ไม่สามารถข้ามมาได้และก็ไม่สามารถขุดลอดมาได้

คำแปล R4.
97. ดังนั้น พวกเขา (ยะอ์ญูจและมะอ์ญูจ)ไม่สามารถจะข้ามมันได้ และไม่สามารถจะขุดโพรงผ่านมาได้

คำแปล R5.
๙๗. ครั้นเมื่อพรรคพวกของยะยู๊จกับมะยู๊จมา หมายจะป่ายปีน หรือบุกทะลวงกำแพงเหล็ก แต่แล้วพวกนั้นก็ไม่สามารถจะต่ายขึ้นไปบนหลังกำแพงเหล็กนั้นได้ เนื่องด้วยกำแพงมีความสูงถึงสองร้อยศอก ซ้ำยังแข็งแรงทนทานและลื่นด้วย ทั้งพวกมันยังไม่สามารถทะลายมันให้พังลงได้อีกด้วย เพราะกำแพงนั้นหนามาก



 

GoogleTagged