ผู้เขียน หัวข้อ: มุสลิมคือพี่น้องของมุสลิม  (อ่าน 1523 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ AKHIR ZAMAN

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
มุสลิมคือพี่น้องของมุสลิม
« เมื่อ: มิ.ย. 07, 2010, 05:00 AM »
0

นี่คือสาเหตุที่อาจารย์ อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง6 จากมหาวิทยาลัยสงขลาวิทยาเขตปัตตานีพูดว่า สิ่งที่คนมุสลิมในภาคใต้ต้องการคือความเคารพ ไม่ใช่ความสงสาร หรือความช่วยเหลือแบบเงินให้ทาน เราควรจะสนับสนุนคำพูดนี้โดยเข้าใจว่าความเคารพคือการเคารพว่าเพื่อนพลเมืองในสามจังหวัดสามารถปกครองตนเอง สามารถเลือกอนาคตตนเอง โดยที่ไม่ต้องมีทหารหรือตำรวจยึดครองเต็มเมือง และโดยที่ไม่ต้องมาพูดกันว่า “เขา” ไม่ใช่ “พวกเรา” เพราะเขามีศักดิ์ศรีในการปกป้องวัฒนธรรมที่ต่างจากกรุงเทพฯ ในรูปธรรมมันหมายความว่าต้องยกเลิกกฏอัยการศึก ต้องถอนทหารและตำรวจออกให้หมด ต้องเปิดเวทีปรึกษาหารือในหมู่พลเมืองในพื้นที่ว่าเขาจะกำหนดอนาคตของเขาอย่างไร และต้องเลิกมองว่าการเจ็บปวดเกลียดชังรัฐไทย หรือการเสนอให้จัดพรมแดนใหม่ด้วยการแบ่งแยกดินแดน เป็นการ “หลงผิด” ถ้าเข้าใจที่มาของพรมแดน เราจะเข้าใจว่าถ้าเราไม่ใช่ชนชั้นปกครอง ไม่มีใครมีส่วนได้อะไรจากการปกป้องพรมแดนไทยในรูปแบบปัจจุบัน และเราจะเข้าใจว่าก้าวแรกในการลดความรุนแรงคือการถอนกองกำลังของรัฐไทย ที่ใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ออกจากพื้นที่เพื่อให้พี่น้องในสามจังหวัดกำหนดอนาคตเองอย่างสันติสุขได้
    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 09, 2010, 12:45 AM โดย AKHIR ZAMAN »

ออฟไลน์ AKHIR ZAMAN

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ใครที่มีโอกาสดูวิดีโอเหตุการณ์ที่ตากใบซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ ที่ช่างภาพโทรทัศน์และชาวบ้านถ่ายมา ซึ่งมีภาพถ่ายการสลายผู้ชุมนุมโดยทหารและตำรวจไทย และการจับคุมวัยรุ่นเพื่อขนขึ้นรถอย่างป่าเถื่อน จะพบว่าสิ่งที่เตะตาที่สุดคือความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์นองเลือด ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่ธรรมศาสตร์
    ในวันที่ ๒๕ ตุลาคมปี๒๕๔๗ กองกำลังของรัฐไทยติดอาวุธครบมือ ได้ล้อมการชุมนุมที่ยังสงบอยู่ ที่ตากใบ เพื่อสลายการชุมนุม การสลายการชุมนุมอาศัยการฉีดน้ำและยิงปืนเข้าไปในฝูงชน ส่วนใหญ่อาจยิงขึ้นฟ้า แต่เรามีภาพการยิงเข้าไปในการชุมนุมโดยตรงด้วย การสลายการชุมนุมครั้งนี้กระทำไป (ตามคำให้การของตำรวจชั้นสูงต่อวุฒิสมาชิกหลายคนเช่น ส.ว. เจิมศักดิ์) เพื่อจับคุม “แกนนำ 100 คนที่ทางการถ่ายรูปไว้ล่วงหน้า) ดังนั้นมีการปิดล้อมไม่ให้คนหนี การสลายการชุมนุมกระทำไปเพื่อจับคนและลงโทษสร้างความกลัวกับชาวภาคใต้ไม่ให้เขากล้าออกมาประท้วงอย่างสันติอีก และไม่ให้กล้าลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน นี่คือนโยบายของรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทุกส่วนของชนชั้นปกครองไทยในช่วงนั้น ถึงแม้ว่าบางคนอาจมองว่าการกระทำที่ตากใบ “แรงไปหน่อย”
   

little cat

  • บุคคลทั่วไป
0
 natural:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 07, 2010, 06:26 AM โดย ^-^Little Cat^-^ »

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
0
เห้นด้วยครับ
มุสลิมต้องการความเคารพ
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ AKHIR ZAMAN

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สิ่งที่พิเศษไปอีกสำหรับกรณีสามจังหวัดภาคใต้ ที่ต่างออกไปจากกรณีคนลาวในอีสาน คนภาคเหนือ หรือคนจีนที่เข้ามาเป็นแรงงานหรือพ่อค้า คือรัฐไทยไม่เคยเคารพคนอิสลามในสามจังหวัดเลย ไม่เคยให้เกียรติกัน ไม่เคยมองว่าเขาเป็นคนร่วมชาติ นี่คือสาเหตุที่รัฐไทยยุคเผด็จการทหารในอดีต เคยบังคับให้คนมุสลิมไหว้พระพุทธรูป เคยปราบปรามชาวบ้านด้วยความรุนแรง และได้นำชาวบ้านพุทธจากอีสานไปตั้งรกรากท่ามกลางหมู่บ้านอิสลามเพื่อเป็นกำลังหนุนในการยึดครองพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดคล้ายกับท่าทีรัฐไทยต่อคนชนเผ่าบนดอยในภาคเหนือหรือคนชนเผ่าตามชายแดนพม่า หรือท่าทีต่อผู้ลี้ภัยเวียดนามและพม่า และท่าทีนี้ถูกถ่ายทอดอย่างเป็นระบบลงไปในทุกส่วนของสังคมไทย นี่คือสาเหตุที่รัฐไทยมองว่าการปกป้องรักษาวัฒนธรรมมุสลิม รวมถึงศาสนา ภาษา หรือวิถีชีวิตต่างๆ ของคนภาคใต้ “เป็นปัญหา” นี่คือสาเหตุที่มีทหารประจำการในแถบนี้อย่างต่อเนื่อง นี่คือสาเหตุที่ตำรวจและทหารใช้ความรุนแรงอย่างไม่เกรงใจใครในกรณีกรือแซะและตากใบ ก็พลเมืองไทยส่วนใหญ่ถูกสอนให้คับแคบดูถูกชาวมุสลิมมาตลอด เวลาประพฤติตัวก็จะคับแคบ เลือกปฏิบัติ อย่างที่เห็นกับตา คนส่วนใหญ่ในภาคกลางและภาคอีสานไทย ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชาวมุสลิมที่เป็นพี่น้องของเราคนส่วนใหญ่มองว่ามุสลิมเป็น “แขก”
สังคมไทยมันเต็มไปด้วยความโง่เขลา คับแคบ และคลั่งชาติอย่างนี้ละทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วคนไทยธรรมดาๆ ก็มีนิสัยใจคอที่อยากเป็นมิตรกับคนอื่นและรักความเป็นธรรม ปัญหาคือรัฐไทยทำให้เพี้ยน

little cat

  • บุคคลทั่วไป
0
ทำไมมักจะมีกระทู้แบบนี้เกิดขึ้นนะ แค่แปลกใจ เหอๆ Oops:

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
0
ไม่ว่าใครก็ต้องการความเคารพทั้งนั้นแหละ แม้แต่คนที่ไม่สนใจศาสนา เราไปตักเตือนเขาบางทีเขายังเคืองเลย

ออฟไลน์ chocolatesunday

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 149
  • "ของหวาน" ที่มีเอกลักษณ์ตรง "ความขม" >o<
  • Respect: +26
    • ดูรายละเอียด
0

 salam

         ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เรามีอยู่มันมีค่าและมีเกียรติขนาดไหน  ต่อให้คนทั้งโลกจะเหยียดหยาดดูถูกขนาดไหน มันก้อเปนเพียงแค่ในมุมมองของสิ่งถูกสร้างที่อ่อนแอเท่านั้น

                                              อย่าได้แคร์   หรือเก็บมาคิดให้น้อยเนื้อต่ำใจ

                 สายตาของพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ต่างหากไม่ใช่หรอที่เราควรจะกังวล

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นด้วยครับ เราต้องให้ความเคารพแก่กัน ไม่ใช่ยืนความช่วยเหลือแต่ในเรื่องวัตถุ - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
0
ไม่ว่าใครก็ต้องการความเคารพทั้งนั้นแหละ แม้แต่คนที่ไม่สนใจศาสนา เราไปตักเตือนเขาบางทีเขายังเคืองเลย

    และเคยได้ยินคำสอนจากบุคคลหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า  "ท่านนบีจะไม่ทำการสอนในขณะที่นักเรียนเบื่อ"

     คนเดินดินว่าการเรียกร้องบางอย่างแบบผิดที่ผิดเวลา  หรือในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังเรียกร้องสู่สันติภาพและสันติวิธี  และศาสนาของเราเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ดังจะเห็นได้จากการให้สลามซึ่งนั่นนับว่าเป็นดุอาอ์(คำอวยพร)  ที่พี่น้องต่างหยิบยื่นให้แก่กันทุกครั้งที่พบหน้ากัน(ถ้าไม่ลืม)    

     ไม่ว่าจะอย่างไรการเรียกร้องต่าง ๆ นั้นเป็นสิทธิที่ชอบธรรมแต่การยัดเยียดความรู้สึกเรียกร้องแบบออกแนวรุนแรงให้กับพี่น้องที่รักสันตินั้นนอกจากจะไม่มีคนเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกร้องแล้ว
      สุดท้ายผู้ทำการเรียกร้องเองอาจได้รับการขนานนามที่เรียกว่า  "กบฏแผ่นดิน"  ซึ่งเชื่อว่าไม่ใครเรียกร้องหรือปรารถนาในสิ่งนั้นเลย

             (ปราชญ์ที่ว่าเก่ง ๆ มาบรรยายผิดที่ผิดเวลา  จากปราชญ์อาจจะกลายเป็น...ได้อย่างไรก็อย่างนั้นนะพี่น้อง)

ด้วยจิตศรัทธาฯ

   วัสสลาม

 loveit:
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: คนมุสลิมต้องการความเคารพ ไม่ใช่การให้ทาน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิ.ย. 07, 2010, 02:34 PM »
0
น้องอาคีรซามานเนี่ยมาแนวเดียวกันกับน้องฮันตูเลยนะเนี่ย

     น่าให้ท่านแอดมินจับไปนั่งคุยพร้อมน้องฮันตูที่  โต๊ะประชุมบอร์ด  น่าจะดี

วัสสลาม
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ AKHIR ZAMAN

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คนมุสลิมต้องการความเคารพ ไม่ใช่การให้ทาน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิ.ย. 07, 2010, 06:28 PM »
0
 salam
เหตุการณ์นองเลือดในภาคใต้ โดยเฉพาะกรณีตากใบ เป็นวิกฤตร้ายแรงสำหรับสังคมเราและรัฐบาลทุกชุด มันเป็นสิ่งที่วัดจุดยืนของบุคคลและองค์กรต่างๆ ด้วย ความสงบไม่เคยเกิดจากการทำสงครามและการคลั่งชาติ ประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพไม่เคยเกิดจากการโกหก การปกปิดความจริงหรือการทำรัฐประหาร ความดีงามของสังคมไม่มีวันเกิดถ้าพลเมืองที่รักความเป็นธรรมกลัว นิ่งเฉย และไม่ออกมาปกป้องอุดมกรณ์ของความเป็นมนุษย์ ความสามัคคีระหว่างคน เกิดขึ้นไม่ได้ถ้ามีการบังคับให้คนอยู่ร่วมกันภายใต้อำนาจของความรุนแรง
وبالله التوفيق والهداية والسلام عليكم

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
Re: คนมุสลิมต้องการความเคารพ ไม่ใช่การให้ทาน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิ.ย. 07, 2010, 08:30 PM »
0
ค่าและเกียตรของเราอยู่ที่พระองค์อัลลอฮ์(ซบ.)จะมองหากมีอีหม่าน ก็มีค่าไม่ว่าโลกนี้หรือโลกหน้า
บรรดาซอฮาบะฮ์จึงรักการพลีชีพเพื่อศาสนา เพราะมั่นใจในการตอบแทน
แต่คนที่ไม่อีหม่านต่อให้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นประธาธิปดีของประเทศไหนก็ตาม
ต่อให้มีอำนาจมากมายแค่ไหน แต่อาจจะไม่มีค่ามีเกียตร ในมุมมองของพระองค์อัลลอฮ์(ซบ.)