salam...
ผมขอเล่าตอนที่ผมเป็นทหารเกณฑ์อยู่นะครับ.................

เหลืออีกประมาณเดือนสองเดือนก่อนที่ผมจะปลด..............

พระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จลงมาที่นราธิวาสหลายท่าน...............

รวมระยะเวลาแล้วประมาณ 10 วัน..................

ทีนี้ก็มีคำสั่งให้ทหารนย.ไปอารักขาถวายความปลอดภัย...............

(นย.เป็นเจ้าภาพ)
พลทหารก็โดนกันไปถ้วนหน้าแหละครับ...รวมทั้งผมด้วย....................

ทีนี้ที่ๆชุดของผมไปวางตำแหน่งอยู่บริเวณป่าหน้าสนามบิน...............

พื้นที่ตรงนั้นพื้นดินเป็นทราย(ทรายแบบชายหาด).......มีหนองนำเยอะกระจัดกระจายไปทั่ว................

อากาศร้อนมากๆๆในตอนเช้า.....ตอนกลางคืนก็หนาวได้ใจมาก...............

ที่แถวนั้นมีกูโบร์ด้วย 2 แห่ง....ทราบทีหลังว่าเป็นกูโบร์ไม่มีญาติ.................
ไม่มีใครรู้ว่าคนตายเป็นใคร.......หลายรายก็ถูกฆาตกรรมด้วย..............

(เยอะเอาการอยู่)
ข้อมูลนี้เด็กวัยรุ่นแถวนั้นที่มาหาของป่า....เล่าให้ฟัง..............

ไม่มีคนอาศัยอยู่แถวนั้น....ถึงมีก็อยู่ไกลประมาณ 500-600 เมตรได้มั้ง.................

วันที่เข้าไปวางตัวเป็นวันสุดท้ายของการถือศีลอด.....วันรุ่งขึ้นเป็นวันรายอ..............

พวกผมส่วนใหญ่เลยได้รายอในป่าแทน....................

เข้าเรื่องเลยดีกว่า..............

มันเป็นแค่คืนแรกกับคืนสุดท้ายแค่นั้นเอง.....................

คืนแรก...ไอเราจะไปเข้าห้องนำ....ปกติทหารจะไปไหนอย่างน้อยๆต้องไปกัน 2 คน...............

ก็เดินไปไกลจากที่ตั้งแคมป์หน่อยหนึง....หาแหล่งนำด้วย............

(ตอนเข้าไปวางตัวเป็นช่วงมัฆริบ...เลยหาแหล่งนำไม่เจอ)
ทีนี้พอเรียบร้อย...ก็เดินกลับ...แต่ไม่รู้ทำไมเดินผ่านที่ตั้งแคมป์ไปเหมือนกับมองไม่เห็น....................

ไปโผล่ที่กูโบร์ที่อยู่ตรงทางเข้าป่าแทน..........ทีนี้เรา 2 คนก็รู้ว่าเดินหลงมา.............

ไอเพื่อนไม่รู้นะว่ามันคิดอะไร....แต่ผมก็เสียวน้อยๆเหมือนกัน............
เดินหลงได้ไง.....แถมมาโผล่ที่กูโบร์อีก.........มันแปลกดีแฮะ.............

กูโบร์กับที่ตั้งแคมป์อยู่ห่างกันประมาณ 30 เมตร...............

พอหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...................

แต่เวลากลางวันนี้...มักจะฝันแปลกๆ...ฝันเกี่ยวกับคนฆ่ากัน.....บ่อยด้วย..........

คือช่วงกลางวัน......เกือบทุกคนมักจะนอนไม่ก็เหลือไว้คนเดียวที่ไม่นอน...........

ถ้ามีคนมาตรวจเห็นพวกเรานอนทั้งหมด.....เหงื่อก็จะท่วมตัวพวกเราในเวลาไม่เกิน 3 นาทีแน่นอน................

ทีนี้มาถึงคืนสุดท้าย............

ถ้าเป็นทหารแล้วไม่มีเวรยามก็คงไม่ใช่ทหาร................

เวรยามต้องเข้าแทบจะทุกคืนครับ....คนละ 2 ชั่วโมง...............

ผลัดแรกจะเริ่มที่ 2 ทุ่มและสุดท้ายที่ผลัด 5 หกโมงเช้า.................

เข้าผลัดละ 4 คนเข้าด้วยกัน 2 ที่....ทหาร 1 คนกับข้าราชการ 1 คนเข้าตรงที่ตั้งแคมป์...อีกสองคนไปเฝ้าสะพาน.............

ทีนี้ไอเราต้องละหมาดแล้วก็มีอาม้าลส่วนตัวหลังอีชาอฺด้วย..................

จะเข้ายามตามที่เขาตั้งไว้ก็ลำบาก....เลยต้องแลกเวรยามกันกับเพื่อน..............
ถ้าผลัด1จะไม่เข้าเลยเนื่องจากมันจะชนกับอีชาอฺและอาม้าล...............

ถ้าผลัด 2 ก็ไม่ไหว...ง่วงนอนต้องหลับซักงีบก่อน................

ถ้าผลัดสุดท้ายก็จะไปชนกับซุบฮี..............
สรุปก็คือถ้าไม่เข้าเที่ยงคืนถึงตีสองก็ต้องไปเข้าตีสองถึงตีสี่...........

แต่ถ้าเทียบสองผลัดนี้แล้ว....ผลัดตีสองมันจะง่ายสำหรับละหมาดซุบฮีมากกว่า.........

(สำหรับตัวผมนะ)
ส่วนใหญ่ก็เลยต้องเข้าผลัดตีสองถึงตีสี่..........................

คือถ้าตื่นแล้วมันจะง่ายมากกว่าปลุกให้ตื่นละหมาด...................

ออกยามเสร็จไปล้างหน้าแปรงฝันเอานำละหมาดที่ลำธารแถวนั้น..............

กลับมาที่เปลก็ได้เวลาละหมาดพอดี............ประมาณ4ครึ่งกว่าเขาก็อาซานแล้ว..............

อยู่ในป่าได้ยินเสียงอาซานแต่ไปละหมาดที่มัสยิดด้วยไม่ได้...........

ปกติเพื่อนๆผมมันจะจับคู่กางเต็นท์นอน......แต่ผมไม่ขยันเก็บช่วงเช้าๆ...........

เลยไปกางเปลนอนใต้พุ่มไม้ใหญ่กับเพื่อนอีกสองสามคน............

เพื่อกันฝนกันลมกลางคำกลางคืนก็กางผ้ากันฝนไว้ด้านบน................

สำหรับตัวผมเองเป็นคนร้อนใน...แพ้มากเรื่องอากาศหนาว..............

เวลานอนก็นอนชุดปฎิบัติงานเลยแล้วใส่เสื้อกันฝนมอไซด์ลายทหารทับไปอีกเป็นสามชั้น..................

ช่วยผมได้ในระดับหนึ่ง......แต่ถ้าใส่มันกลางวัน...ก็บ้าไปแล้ว...............

ที่นั่นกลางคืนหนาวมาก....อยู่ไม่ไกลจากทะเล....ไม่ค่อยมีต้นไม้ด้วย...............

เวลาลมทะเลพัดมา....ก็ไดเร็กตรงมาที่แคมป์พวกเราเลยครับ..................

คืนสุดท้ายนั้น..........ผมเข้ายามผลัดตีสองถึงตีสี่ตรงที่แคมป์กับจ่า...........
ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ.....ถึงมีก็คงไม่สนครับ...เนื่องจากง่วงนอน...หนาว..............

เข้ายามก็นั่งดูนาฬิกา....เมื่อไหร่หนอจะถึงตีสี่.....จะได้ไปงีบซักนิดก่อนละหมาด..............

คืนนั้นไม่รู้เป็นไง...ไม่ไหวง่วงนอนมาก....ทั้งที่ก็นอนหัวคำแล้ว................

พอถึงเวลาก็ไปปลุกเพื่อนสองคนไปเข้ายามที่สะพาน..................

สองคนนี้นอนด้วยกันแล้วก็เข้ายามพร้อมกันด้วย................

ผมไม่อยากนอนเปล...เลยขอพวกมันนอนในเต็นท์แทน.....ซึ่งมันอุ่นกว่า................

แล้วบอกยามอีกคนที่มาเข้ายามที่แคมป์ให้ปลุกด้วยถ้าได้ยินเสียงอาซาน...............

ปกติเวลาผมนอน...มีนำละหมาดตลอด.....ถ้าหลังอีชาอฺละหมาดเสร็จทำอาม้าลเสร็จก็เข้านอนเลย..........

ทำอาดับก่อนนอนเรียบร้อย.......แต่พอเข้ายาม......มันเป็นธรรมดา...กลางคืนหนาวเลยปวดปัสสาวะ.............

ต้องไปปัสสาวะทั้งก่อนเข้ายามและหลังออกยาม...............

ถ้าไม่นอนต่อ...ไปเตรียมตัวละหมาดก็ไม่เป็นไร....แต่ถ้านอนต่อ...ก็ไม่มีนำละหมาด...............

ทีนี้พอไปนอน...ก็นอนแบบตื่นๆหลับๆ.....สุดท้ายรู้สึกเหมือนว่าโดนทับหายใจไม่ออก.................

แล้วตอนนั้นนอนตะแคงซ้ายด้วย..........เป็นช่วงเดียวกันที่ผมลืมตาขึ้นมา............

แจ๊กพอตเลยครับ...............

เจอผู้หญิงผมยาวหน้าขาวหน่อยนอนตะแคงขวาหันมาทางผม....................

ช่วงนั้นผมมั่นใจว่า...ถึงผมจะง่วงแต่ผมก็ยังมีสติ.....ไม่ได้ฝันแน่ๆ......................

ผมก็มูจะครั้งหนึ่งแล้วผมก็หลับต่อ....ทำเป็นไม่สนใจ................

(ตอนโดนทับก็เริ่มมูจะแล้ว)
ประกอบกับง่วงด้วย...เลยไม่มีอารมย์จะกลัว.................

ตื่นอีกทีก็ประมาณตี 5 ลุกมาละหมาดเรียบร้อยแล้วก็จัดเครื่องนอนรอคำสั่งตอไป............

ปล.เรื่องนี้สำหรับผมสอนให้รู้ว่า........อย่าทำเป็นเล็กกับนำละหมาด....................

ปล.ขออภัยด้วยถ้าเขียนมายาวมาก...ทั้งๆที่เรื่องมันก็แค่นิดเดียว..................

ปล.สุดเซ็งมากเรื่องหนึ่งในคืนวันรายอคือ...............

มีคนในพื้นที่ฉลองรายอเมาแล้วขับมอไซด์ตกถนนใกล้กับสะพานที่ไปเฝ้า................

wassalam...