ผู้เขียน หัวข้อ: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้  (อ่าน 9099 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ส.ค. 23, 2010, 10:15 PM »
0
มอแกน มอแกลน โอรังลาวต โรฮิงญ่า อยู่บนสยามประเทศเพแหละ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ multi

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 413
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 09:52 AM »
0
ได้ข่าว แว่วๆ ว่ามาจากรัสเซีย

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 07:01 PM »
0
 salam

ท่าน Hantu ถูกแบนแล้วเหรอ oh:

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ส.ค. 24, 2010, 09:09 PM »
0
salam

ท่าน Hantu ถูกแบนแล้วเหรอ oh:

น่าจะถูกเก็บแล้วนะ ถูกอุ้มหายไปไหนไม่รู้ สาว่าอยู่ไปคงจะไปกระทบความมั่นคงภายใน 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ZUHARI

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ส.ค. 25, 2010, 05:55 AM »
0
salam

ท่าน Hantu ถูกแบนแล้วเหรอ oh:

น่าจะถูกเก็บแล้วนะ ถูกอุ้มหายไปไหนไม่รู้ สาว่าอยู่ไปคงจะไปกระทบความมั่นคงภายใน 555


 :ameen:

ที่นี่มีสไนเป้อชุดดำคอยจัดการคนแหกคอกด้วยเหรอช่างน่ากลัว fouet:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 25, 2010, 06:27 AM โดย ZUHARI »

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ส.ค. 25, 2010, 05:51 PM »
0
ที่นี่มีสไนเป้อชุดดำคอยจัดการคนแหกคอกด้วยเหรอช่างน่ากลัว fouet:

ระวังคุณจะโดนจัดการอีกเป็นหนที่สาม ฮึฮึ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 25, 2010, 06:03 PM โดย As-Zaleek »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ZUHARI

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ส.ค. 25, 2010, 09:50 PM »
0

ข้อความโดย: As-Zaleek
ระวังคุณจะโดนจัดการอีกเป็นหนที่สาม ฮึฮึ
[/quote]

ระวังคุณจะโดนขัดคออีกเป็นหนที่สาม แฮ่แฮ่

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ส.ค. 25, 2010, 11:06 PM »
0

มาไวไปไวจริงๆ

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 04:24 AM »
0
เอ้ามาฟังวาฮาบีเขาพูดเองดีกว่านะ เปิดใจให้กว้างเข้าไว้..เพื่อน

ถ้าคนเราเปิดใจศึกษา สักนิด คงจะเข้าใจอะไรง่ายๆ ว่าอิสลามไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก มันช่างเรียบง่ายที่สุด

ผมเคยฟัง โต๊ะครูนิอาซิ นิมะ โต๊ะครูที่ชาวซุนนะห์มาเลเชีย ให้ความนับถือมาก
แกได้บอกประโยคหนึ่งว่า "คนที่เค้าเรียนรู้มา เค้าจะเปิดใจโดยง่าย หากมีหลักฐานประกอบอย่างชัดเจน
แต่สำหรับพวกที่ไม่รู้ ไม่เรียน และไม่สนใจ สนใจแต่ บรรพบุรุษที่เค้าสอนมา โดยไม่คิดว่าจะถูกหรือผิด
จะเชื่อแค่ตามนี้ ทั้งๆมีหลักฐานอ้างอิงว่า สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด ไอ้พวกนี้แหล่ะที่หัวใจมันปิด เรื่องมาก ไม่ยอมรับความจริง"

เจอประโยคนี้เข้า ผมทึ่งเลย สุดยอดจริงๆ

ผมยังแปลกใจอยู่ว่า คนที่ชอบต่อว่า วาฮาบีย์ และมักจะยกประเด็นเรื่อง ซีฟัตของ อัลลอฮ์
ว่ามีมือ แบได้ กำได้ สถิต หรือ นั่งบนบันลังค์ ส่วนใหญ่ วาฮาบีย์จะโดนวิภาษประเด็นนี้ว่าเชื่อไปตามนั้น
เชื่ออย่างง่ายๆ โดยไม่มีการตีความ  ผมอยากจะบอกว่า "นั้นมันความคิดของมนุษย์ ที่ไปเหมารวมว่า
มือ การนั่ง หรือ สถิตย์ แล้วไปอ้างอิงถึง มือ การนั่ง สถิตย์ ในลักษณะเดียวกับ มัคโลค
ถ้ามองแค่ คำ และ ความหมาย มันคงคิดได้แค่นั้นแหล่ะ แต่ทำไมไม่คิดละว่า
ซีฟัตของอัลลอฮ์นั่น ต่างไปจากมัคโลค มือ เป็นยังไง ไม่ต้องไปตีความ มือ ก็คือมือ
แต่ไม่ใช่ แบบมนุษย์ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเป็นแบบใด วัลลอฮูอะลัม"

ทำไม ถึงไม่วิภาษหล่ะ ซีฟัตอื่นๆ ของอัลลอฮ์ เช่น ซาเมี่ยะ (ได้ยิน), บาซอร์ (ได้เห็น)
พระองค์ใช้ตามอง ใช้หูฟัง หรอ อันนี้เราไม่รู้ พระองค์ทรงเห็น ทรงได้ยิน ทรงมี แต่เป็นอย่างไร วัลลอฮูอะลัม

อิสลามเป็นเรื่องง่าย พระองค์ทรงอยากให้เราเข้าใจโดยง่าย แต่แค่ให้รู้ว่า มีความต่างจากมัคโลค
คุณเชื่ออย่างนี้ไม่ได้หรอ
แล้วคุณลักษณะที่ถูกต้องของพระองค์คืออันใดเล่าครับ พระองค์มีตัวตน หรือไม่มีตัวตน
หรือว่าไม่ใช่มีตัวตน และไม่ใช่ไม่มีตัวตนทั้งสองอย่าง
หรือว่าอัลลอฮฺทรงอยู่ทุกหนทุกแห่งเหรอ แล้วตกลงจักรวาลอยู่ในตัวของพระองค์
หรือพระองค์อยู่ในจักรวาลกันแน่ มีทัศนะใดๆที่อ้างอิงจากความเข้าใจของศอฮาบะฮฺบ้างหรือเปล่า?

ในเมื่อพระองค์ทรงบอกด้วยองค์เองว่าพระองค์ทรงมีมือ วะฮาบียฺอยากเป็นบ่าวที่ดี
วะฮาบียฺก็ศรัทธาตามนั้น แล้วพระองค์ก็ทรงบอกอีกว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์
วะฮาบียฺก็อยากเป็นบ่าวที่ดียิ่งขึ้นไปอีก วะฮาบียฺก็ศรัทธาตามที่พระองค์ทรงบอก
โดยวะฮาบียฺเชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ แต่มือของพระองค์เป็นเช่นไร วัลลอฮุ อะอฺลัม
แต่ไม่เหมือนมัคลูกใดๆในหล้าแน่นอน วะฮาบียฺศรัทธาครบทั้งหมดตามที่อัลลอฮฺทรงบอก
แล้ววะฮาบียฺผิดที่ตรงไหนหรือ??
นบีก็สอนศอฮาบะฮฺทุกเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
แต่นบีกลับไม่เคยสอนศอฮาบะฮฺเลยสักครั้งว่า "มือของพระองค์ ไม่ได้หมายความตามนั้นนะ แต่หมายถึง พลัง"
และศอฮาบะฮฺก็ไม่เคยมีทัศนะในเรื่องของมือว่าเป็นพลัง"
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วะฮาบียฺจะกล้าบังอาจตีความอายะห์ของพระองค์ในเรื่องเล่านั้นได้อย่างไร
จะให้วะฮาบียฺศรัทธาบางอายะห์ แล้วปฎิเสธบางอายะห์ แบบที่พวกยิวเขาทำอย่างนั้นหรือ
แต่บางคนเป็นกระต่ายตื่นตูมกลัวว่า ถ้าบอกว่า พระองค์ทรงมีมือ มีหน้าแล้วก็จำเป็นตัองเปรียบกับมัคลูก
ไม่เปรียบเทียบไม่ได้ เดี๋ยวฟ้าจะถล่มดินจะทลาย เลยรีบชิงปฎิเสธศิฟัตของพระองค์เสียก่อน
โดยไม่มีคำอ้างอิงใดๆจากนบี หรือความเข้าใจของสลัฟเลย
พอกลับมาที่อายะห์ที่บอกว่า พระองค์ทรงเมตตา
ก็ไม่เห็นใครหน้าไหนกลัวว่าเดี๋ยวจะต้องไปเปรียบเทียบกับเมตตาของมัคลูกกันเลย!!!
ฉันใดก็ฉันนั้น วะฮาบีไม่เปรียบเทียบเมตตาของอัลลอฮฺกับมัครูก
ก็ไม่เปรียบเทียบมือของอัลลอฮฺกับมัครูกเช่นกัน

ส่วนเรื่องที่คุณอ้างจากหนังสือของท่านอิบนุตัยมิยะหฺเพื่อยืนยันแนวคิดของพวกวะฮาบี
ยฺนั้น กลับเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันถึงความเขลาของคุณได้เป็นอย่างดี
ท่านอิบนุตัยมิยะหฺไม่ได้เป็นพวกวะฮาบีย์เลย จะให้ท่านเป็นได้อย่างไร
ในเมื่อท่านเป็นสลาฟี่(ผู้เรียกร้องสู่แนวทางของสลัฟ) และเสียชีวิต ฮ.ศ. 728
แต่เจ้าของแนวคิดวะฮาบียฺ เพิ่งจะเริ่มอุแว้เมื่อปีฮ.ศ. 1115 เท่านั้นเอง
ผมจึงขอสรุปมั่วๆเอาเองว่า วะฮาบียฺ ใกล้ชิดกับสลาฟียฺมากกว่ากลุ่มใดๆในหล้านี้.. ชะเอิงเอย

แต่สำหรับพวกที่ไม่รู้ ไม่เรียน และไม่สนใจ สนใจแต่ บรรพบุรุษที่เค้าสอนมา โดยไม่คิดว่าจะถูกหรือผิด
จะเชื่อแค่ตามนี้ ทั้งๆมีหลักฐานอ้างอิงว่า สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด ไอ้พวกนี้แหล่ะที่หัวใจมันปิด เรื่องมาก ไม่ยอมรับความจริง"
น่าจะพวกคุณมากกว่า เอาแต่สนุกกับกล่าวหาคนอื่นโดยไม่ตูตาม้า ตาเรือ เวลาเขาเอาหลักฐานที่มีน้ำหนักมาอ้างบ้างก็แฉไฉไปเรื่อยไม่ตรงประเด็น
ผมยังแปลกใจอยู่ว่า คนที่ชอบต่อว่า วาฮาบีย์ และมักจะยกประเด็นเรื่อง ซีฟัตของ อัลลอฮ์
ว่ามีมือ แบได้ กำได้ สถิต หรือ นั่งบนบันลังค์ ส่วนใหญ่ วาฮาบีย์จะโดนวิภาษประเด็นนี้ว่าเชื่อไปตามนั้น
เชื่ออย่างง่ายๆ โดยไม่มีการตีความ  ผมอยากจะบอกว่า "นั้นมันความคิดของมนุษย์ ที่ไปเหมารวมว่า
มือ การนั่ง หรือ สถิตย์ แล้วไปอ้างอิงถึง มือ การนั่ง สถิตย์ ในลักษณะเดียวกับ มัคโลค
ถ้ามองแค่ คำ และ ความหมาย มันคงคิดได้แค่นั้นแหล่ะ แต่ทำไมไม่คิดละว่า
ซีฟัตของอัลลอฮ์นั่น ต่างไปจากมัคโลค มือ เป็นยังไง ไม่ต้องไปตีความ มือ ก็คือมือ
แต่ไม่ใช่ แบบมนุษย์ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเป็นแบบใด วัลลอฮูอะลัม"

นั้นเป็นชีฟัต ของสิ่งถูกสร้างไม่เรียนแล้วยังจินตนาการไปมั่วตามสติปัญญาของสิ่งถูกสร้าง ซึ่งมันไม่ครอบคลุมผู้สร้างอยู่แล้ว
การกล่าวว่า อัลเลาะห์(ซบ) มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ 
มีมือ แบได้ กำได้ หรือนั่งบนบังลังค์ เป็นการเชื่อที่บิดอะห์อย่างร้ายแรง
การมอบหมาย ยุคสลัฟ เกี่ยวกับความหมายอายะห์อัลกุรอ่านมูตาชับบิฮาต(อายะห์คลุมเคลือ)นั้น เขาบริสุทธิ์โดยไม่จินตนาการเพราะอิลมูเขาคลอบคลุมเรื่องชีฟัต สิ่งถูกสร้าง มัคโลค ว่างๆก็เถียงมาจะได้อธิบาย
ยกตัวอย่าง มีสัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ก้นทะเลเขาว่าตัวใหญ่มาก มีมือ มีปาก ไม่รู้ลักษณะเป็นอย่างไรแล้วจะถามคุณว่าลักษณะเป็นอย่างไร คุณตอบได้ไหม แน่นอนตอบไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วคุณถามผมต่อ ผมจะตอบว่าไม่รู้ แต่ที่รู้มาว่ามีมือ มีปาก แต่ลักษณะเป็นอย่างไร วัลลอฮุอะห์ลัม ผู้สร้างเท่านั้นที่รู้ แล้วในการตอบของผมกับของคุณก็ต้องจินตนาการภาพ(ในความนึกคิด)ไปด้วยว่าลักษณะเป็นอย่างไรน่า อยากรู้จังเลย แล้วมันจะต่างใหมกับการที่บอกว่า  อัลเลาะห์(ซบ) มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ  นั้นมีมือแต่ไม่รู้เป็นอย่างไร วัลลอฮุอะห์ลัม เพราะเราเป็นมัคโลคไม่สามารถจินตนาการผู้สร้าง (อาอูซูบิก้ามินั้ลซาลิก)
บอกผมซิว่าคุณไม่ได้จินตนาการว่า มีอวัยวะส่วนหนึ่งยื่นออกจากลำตัวซึ่งเรียกว่ามือแต่ไม่รู้เป็นอย่างไร ซึ่งลักษณะดังกล่าวมุสตาเฮล สติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่ผู้สร้าง เพราะเป็นซีฟัตสิ่งถูกสร้าง เพราะพระผู้เป็นเจ้านั้น ไม่ใช่ ร่างกาย วัตถุ สิ่งของ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ไม่ต้องการสถานที่ ไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการทิศ แต่ทั้งหมดที่กล่าวต้องการพระองค์ เพราะทั้งหมดนั้น พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา ถ้าคุณจะเถียงต่อว่าในเมื่ออายะห์กุรอ่านกล่าวอย่างนั้นจะปฎิเสธได้หรือ ผมก็บอกให้คุณไปเรียนไง มัวแต่ตามจนไม่ลืมหูลืมตา ก็เพราะอายะห์กุรอ่านนั้นมี 2 แบบ 1 คืออายะห์มั๊วกำ อายะห์ที่ซอเฮรเกี่ยวกับกฎเกณร์ ต่างๆ เช่นการละหมาด การถือศีลอด
 2 อายะห์ มูตาชับบิฮาต อายะห์ที่คลุมเคลือ เช่น ฮูรุฟ ยา และ ซีน ในซูเราะห์ยาซีน และอายะห์ที่พวกถืออยู่นั้นแหละ
 แล้วถ้าจะเถียงต่อว่า สลัฟนั้น ก็มอบหมายแบบพวกคุณ เปล่าเลย ถ้าจะเถียงอย่างนี้ก็ต้องไล่ไปเรียนต่อ สมัยสลัฟนั้น เขามอบหมายโดย ปฎฺิเสธความหมายตามภาษา ก็คือมอบหมายเลยทั้งคำ ไม่แปลก่อนแล้วค่อยมอบหมายอย่างพวกคุณ สมัยสาลัฟเขาบริสุทธิ่ในการคิดเพราะอิลมูเขามากเขารู้ซีฟัดสิ่งถูกสร้างเป็นอย่างไร ผู้สร้างเป็นอย่างไร แต่พวกคุณแปลก่อนแล้วค่อยมอบหมายเช่น             والسماء بنيناها باءيد
ซูเราะห์ ซาริยาต อายะห์ 47 (บิอัยดิน)ด้วยมือของพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ)มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ
พวกคุณก็แปลก่อนว่ามือแล้วมอบหมาย(จริงๆแล้วผมไม่ยกอายะห์กุรอ่าน มาหรอกแต่เดี๋ยวพวกคุณจะเถียงอย่างอื่นอีก) วะฮาบียฺเชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ แต่มือของพระองค์เป็นเช่นไร วัลลอฮุ อะอฺลัม แต่สลัฟยุคก่อนเขานาฟี(ปฎิเสธ) ก่อนแล้วว่า ถ้าความหมายตามภาษาใช่ แต่ในอัลกุรอ่าน วัลลอฮุอะลัม หมายความว่าถ้าจะแปลตามภาษาใช่แต่ถ้าจะให้ความหมายนี้(มือ)กับผู้สร้างไม่ได้ เพราะซีฟัตสิ่งถูกสร้างลองไปหาอ่านดูเห็น พวกคุณอ้างกันเยอะเชียว

โดยวะฮาบียฺเชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ แต่มือของพระองค์เป็นเช่นไร วัลลอฮุ อะอฺลัม
แต่ไม่เหมือนมัคลูกใดๆในหล้าแน่นอน วะฮาบียฺศรัทธาครบทั้งหมดตามที่อัลลอฮฺทรงบอก
แล้ววะฮาบียฺผิดที่ตรงไหนหรือ??
ผิด บิดอะห์ฎอลาละห์  เพราะไม่รู้จัก อันไหนเขาเรียกสิ่งถูกสร้างและลักษณะสิ่งถูกสร้าง แล้วยังไม่รู้จักคุณลักษณะผู้สร้างอีก แถมยังไม่แยกอีก อายะห์ไหนเป็น ฮูก่ม มั๊วกำ อายะห์ไหนเป็น อายะห์คลุมเคลือ มูตาชับบิฮ์ (ในกุรอ่านมีบอกลองไปหาซิ)
นบีก็สอนศอฮาบะฮฺทุกเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
แต่นบีกลับไม่เคยสอนศอฮาบะฮฺเลยสักครั้งว่า "มือของพระองค์ ไม่ได้หมายความตามนั้นนะ แต่หมายถึง พลัง"
และศอฮาบะฮฺก็ไม่เคยมีทัศนะในเรื่องของมือว่าเป็นพลัง"

แล้วนบี(ซล)กับซอฮาบะห์เคยบอกเคยสอนไหมว่า มือ เป็นซีฟัตหนี่งของ อัลเลาะห์ (ซบ) มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ
  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วะฮาบียฺจะกล้าบังอาจตีความอายะห์ของพระองค์ในเรื่องเล่านั้นได้อย่างไร
จะให้วะฮาบียฺศรัทธาบางอายะห์ แล้วปฎิเสธบางอายะห์ แบบที่พวกยิวเขาทำอย่างนั้นหรือ

 ถ้าปฎิเสธอายะห์ก็ กาเฟรเลย แล้วทำไมไม่เรียนซะก่อน จะรู้เลยอายะห์กุรอ่านทั้งหมดไม่มีขัดแย้งกันเลย
แล้วจะบอกให้ มุสลิมไม่มีเขาปฎิเสธอายะห์กุรอ่านหรอก เพียงแต่บางอายะห์ที่คลุมเคลือเขา สมัยสาลัฟ ก็มอบหมายความหมายให้กับพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) สมัยคอลัฟก็ให้ความหมายที่เหมาะสมกับคุณลักษณะของผู้สร้างซึ่งไม่มีในสิ่งถูกสร้าง นี่ขนาดอุลามาอฺคอลัฟที่เขากลัวจะเกิดความคลุมเคลือในอิสลามช่วงหลังๆนะเนี่ย(เขาถึงตีความออกมาและเขาคอลัฟกับสาลัฟก็ไม่ได้ขัดแย้งประการใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้)ยังมีคนแบบพวกคุณเยอะแยะเลย ทำไมไม่ศึกษาก่อนแล้วค่อยตีโพยตีพายละ
ก็ไม่เห็นใครหน้าไหนกลัวว่าเดี๋ยวจะต้องไปเปรียบเทียบกับเมตตาของมัคลูกกันเลย!!!
ฉันใดก็ฉันนั้น วะฮาบีไม่เปรียบเทียบเมตตาของอัลลอฮฺกับมัครูก
ก็ไม่เปรียบเทียบมือของอัลลอฮฺกับมัครูกเช่นกัน
ถ้ายังงั้นก็เรียก ยาเฮลมูร็อกกับแล้วละ อันนี้ช่วยไม่ได้ด้วย
ก็ไม่รู้จัก คุณลักษณะของผู้สร้างกับสิ่งถูกสร้างแล้วจะแยกแยะได้หรือ?
ส่วนเรื่องที่คุณอ้างจากหนังสือของท่านอิบนุตัยมิยะหฺเพื่อยืนยันแนวคิดของพวกวะฮาบี
ยฺนั้น กลับเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันถึงความเขลาของคุณได้เป็นอย่างดี
ท่านอิบนุตัยมิยะหฺไม่ได้เป็นพวกวะฮาบีย์เลย จะให้ท่านเป็นได้อย่างไร

คนอะไรเนรคุณ ปฎิเสธได้แม้ผู้นำตัวเอง คุณไม่รู้เลยหรือ ว่ามูฮำหมัด บิน อับดุลวาฮาบ เขานำแบบอย่างส่วนมากมาจากอิบนุตัยมียะห์
หัดลองศึกษาประวัติศาสตร์มังจะได้ออกจากกะลา
แต่เจ้าของแนวคิดวะฮาบียฺ เพิ่งจะเริ่มอุแว้เมื่อปีฮ.ศ. 1115 เท่านั้นเอง
ผมจึงขอสรุปมั่วๆเอาเองว่า วะฮาบียฺ ใกล้ชิดกับสลาฟียฺมากกว่ากลุ่มใดๆในหล้านี้.. ชะเอิงเอย

งั้นเจ้าของแนวคิด วาฮาบียะห์ นั้นต้องเรียนกับมลาอิกัตแน่เลย เพราะ ยุคสลัฟนั้น300 ปีกว่าจะถึงยุค มูฮำหมัด บิน อับดุลวาฮาบ
1115 ก็815ปี คนยุดสลัฟก็เสียชีวิตหมดแล้วเพราะไม่มีอายุมากขนาด 815 ปี แล้วผู้นำคุณเรียนที่ไหนละ? ชะเอิงเอย
 ขอมาอัฟ ล่วงหน้านะครับ สำหรับบุคคลทั่วไป กับกิริยา(ในข้อความที่ไม่เหมาะสม)ยกเว้นเจ้าของข้อความที่ผมนำมาอ้าง
ถ้าแนวคิดผมผิดเพี้ยนไปจาก อะลิซซุนนะห์ วัลยาอะห์ ก็รบกวนอาจารย์ในเว็บเตือนด้วยนะครับ(ยกเว้น กลุ่มวาฮาบี นะครับ)ขอบคุณอย่างสูงสำหรับเนื้อที่ที่ให้ระบาย วัสลาม party:


ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 06:31 AM »
0
^
^
^
รู้ดีเลยนี่ หวังว่าคงไม่ใช่วัฮฮาบีนะ
เปล่าจ๊ะ เป็นแค่เพียงนักเรียนข้างรั้วปอเนาะเท่านั้นเอง
เราไปฟังวาฮาบีพูดอีกหน่อยเหอะนะ เปิดใจไว้ให้กว้างๆอีกหน่อยนะ..

เราขัดแย้งกันเรื่องอะไร...

เป็นที่ชัดเจนและเป็นหลักฐานในตัวเองแล้วว่า สมรภูมิระหว่างบรรดานบีกับเหล่าศัตรูของพวกท่านนั้น
อันที่จริงแล้วมุ่งไปที่เสาหลักสำคัญ
นั่นคือหลักเตาฮีด หลักความเป็นหนึ่งของอัลลอฮฺโดยอิบาดะฮฺทั้งหมดนั้นกระทำต่อพระองค์เพียงผู้เดียว
สมรภูมินี้ไม่ใช่ ความแตกต่างทางนิติศาสตร์ในเรื่องปลีกย่อย ไม่ใช่เรื่องรายละเอียดทางนิติศาสตร์ ไม่ใช่ประเด็นการวินิจฉัยปัญหา
เรายอมรับว่าบทบัญญัติของบรรดานบีมีจำนวนมากมาย ซึ่งมีความสอดคล้องกับแต่ละยุคสมัย แต่ละพื้นที่และมีความละเอียดอ่อน
 
บทบัญญัติเหล่านี้นำมาเพื่อจัดระบบชีวิตมนุษย์ในรูปแบบของชีวิตที่ประกันถึง สิทธิประโยชน์ต่างๆของพวกเขา
เพราะฉะนั้นบรรดานบีนั้นต่างเป็นพี่น้องกันจากหลักเตาฮีดเดียวกันของพวกเขา
ดังที่มีรายงานจากท่านเราะซูล ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม

ว่าเป็นหลักการเดียวกันแม้ว่าหลักชะรีอะฮฺหรือบทบัญญัติของพวกเขาจะมีความ แตกต่างกันในบางส่วน
เมื่อมาพิจารณาตรงนี้ บรรดาผู้ที่สนใจเรื่องราวต่างๆของอิสลามจะไม่มีความเข้าใจเลยกระนั้นหรือ?
พวกเขาจะไม่ฟื้นฟูภารกิจแห่งการเรียกร้องเชิญชวนของบรรดานบีและผู้ดำเนินตามพวกเขา
ตลอดจนต่อสู้ในสมรภูมิเดียวกับที่บรรดานบีต่อสู้เลยกระนั้นหรือ?

พวกเขาจะไม่หยุดยั้งตัวของพวกเขาเองจากการหมกมุ่นอยู่กับประเด็นเล็กน้อยที่
ดึงความสนใจของพวกเขาออกจากประเด็นที่แท้จริงเลยกระนั้นหรือ?

เป็นที่แน่ชัดว่า สมรภูมิอันยิ่งใหญ่แห่งสัจธรรมที่ต่อต้านความเท็จนี้เป็นสิ่งที่นักผู้ปฏิรูป
และนักฟื้นฟูตลอดประวัติศาสตร์ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ตัวอย่างเช่น สมรภูมิที่ชัยคุล อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺต่อสู้กับศัตรูของท่านเป็นสมรภูมิแรกสุดคือสมรภูมิแห่งเตาฮีด

เป็นการทำสงครามกับชิรกฺอิบาดะฮฺทุกรูปแบบ รวมทั้งการกดขี่ข่มเหงและการชักจูงสู่ความหลงผิด

เช่นเดียวกับสมรภูมิที่ดำเนินโดยอิมาม มุฮัมมัด บิน อับดุลวาฮาบ
นักฟื้นฟูคนหนึ่งที่ได้ต่อสู้กับชิรกฺทุกรูปแบบซึ่งฝังรากลึกในคาบสมุทร อาหรับ

เขาเรียกร้องผู้คนไปสู่การอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ตะอาลาเพียงหนึ่งเดียว และละทิ้งการตั้งภาคีและการออกนอกรีตทุกรูปแบบ
 
การต่อสู้ของเขาไม่ใช่ประเด็นทางทัศนะหรือความแตกต่างในแง่นิติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้บุคคลหนึ่งไม่สามารถทึกทักว่า

ตนเองเป็นผู้ดำเนินตามแนวทางชัยคฺ มุฮัมมัด บิน อับดุลวาฮาบ หรือบรรดาสานุศิษย์สำนักคิดทางฟิกฮฺที่เป็นอิสระ
 
แนวความคิดทางฟิกฮฺของพวกเขาก็เหมือนกับบรรดาอิมามต่างๆที่มาก่อนพวกเขา

พวกเขาเลือกสิ่งที่ใกล้เคียงกับหลักฐานมากที่สุด แต่ไม่เคยต้องการที่จะสร้างสำนักฟิกฮฺที่ห้า ดังที่มีการอ้างเท็จกัน

ขณะที่ผู้คนจำนวน มากยังคงสะสมตำรับตำราของชัยคฺ มุฮัมมัด บิน อับดุล วาฮาบ ทั้งอ่านทั้งฟังจนกระทั่งท่องจำมันได้
 
แต่กระนั้นก็ยังมีคนที่ยังไม่รู้หรือไม่เข้าใจถึงถึงธรรมชาติของความขัดแย้ง ที่ชัยคฺกระทำขึ้น แท้จริงพวกเขาจำนวนมากที่มีความรู้

และแสดงตัวว่าเป็นผู้เรียกร้องไปสู่อิสลาม กลับหมกมุ่นอยู่กับการโต้เถียงที่ไร้สาระ การสูญเสียเวลากับคนที่อยู่รอบข้างพวกเขา
 
พวกเขาใช้เวลาไปกับตำรับตำรา วิทยานิพนธ์ การฟังซีดี บนประเด็นปลีกย่อยที่นำไปสู่การโต้เถียงที่สิ้นเปลืองเวลา การถกเถียง

การประณามและการหักล้างกันเพื่อเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆคล้ายกับพายุในถ้วยชา
 

ต่อภาค 2
ตัวอย่างเช่น สมรภูมิที่ชัยคุล อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺต่อสู้กับศัตรูของท่านเป็นสมรภูมิแรกสุดคือสมรภูมิแห่งเตาฮีด
เป็นการทำสงครามกับชิรกฺอิบาดะฮฺทุกรูปแบบ รวมทั้งการกดขี่ข่มเหงและการชักจูงสู่ความหลงผิด


ส่วนเรื่องที่คุณอ้างจากหนังสือของท่านอิบนุตัยมิยะหฺเพื่อยืนยันแนวคิดของพวกวะฮาบี
ยฺนั้น กลับเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันถึงความเขลาของคุณได้เป็นอย่างดี
ท่านอิบนุตัยมิยะหฺไม่ได้เป็นพวกวะฮาบีย์เลย จะให้ท่านเป็นได้อย่างไร
ในเมื่อท่านเป็นสลาฟี่(ผู้เรียกร้องสู่แนวทางของสลัฟ) และเสียชีวิต ฮ.ศ. 728
อ้างจาก ฮันตูหน้าแรก
เป็นการมั่วที่ได้ใจมาก (งง natural: สลัฟมีแค่300ปีหลังฮิจเราะห์ แต่นี่728หลังฮิจเราะห์สงสัยคงข้ามกาลเวลามา)
การต่อสู้ของเขาไม่ใช่ประเด็นทางทัศนะหรือความแตกต่างในแง่นิติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้บุคคลหนึ่งไม่สามารถทึกทักว่า
[/color]
ตนเองเป็นผู้ดำเนินตามแนวทางชัยคฺ มุฮัมมัด บิน อับดุลวาฮาบ หรือบรรดาสานุศิษย์สำนักคิดทางฟิกฮฺที่เป็นอิสระ
[/color]
          มูฮำหมัด บิน อับดุลวาฮาบ  เริ่มต้นการศึกษาที่เมือง มักกะห์ และมาดีนะห์ กับ เชค มูฮำหมัด สุไลมาน กัรดี  ,เชค อับดุลวาฮาบ บิดา , เชค สุไลมาน บินอับดุลวาฮาบพี่ชาย และอาจารย์ทั้งหมดนั้นเป็นอุลามาอฺ อะลิซซุนนะห์ วัลยามาอะห์ ในมัซฮับฮำบาลี (รด)
(ดูเพิ่มเติมที่ الصوعق الهية في الرد على الوهابية แต่งโดยสุไลมาน บิน อับดุลวาฮาบ พี่ชายแท้ๆคนเดียวของมูฮำหมัด บิน อับดุลวาฮาบ)
แล้วไอ้ที่ฮูก่ม บิดอะห์ ต่างๆ ไม่ใช่ประเด็นทางทัศนะหรือความแตกต่างในแง่นิติศาสตร์หรอกหรือ
เรียนอยู่สายฮำบาลี(รด) แต่สุดท้าย เป็นฟิกฮุอิสระ แล้วเอาฮูก่มต่างๆจากไหนละ ที่มาฮูก่มคนทุกมัซฮับถึงแม้ท่านจะรู้ทุกมัซฮับแต่ก็ต้องมีกฎเกณร์แต่ละมัซฮับไม่ใช่หรือ บางอย่างมัซฮับ ฮานาฟี(รด)ทำได้แต่มัซฮับซาฟีอี(รด)ทำไม่ได้แต่นี่คุณเหมารวมโดยเอากฎคุณว่าโดยไม่สนกฎเกณร์ของแต่ละมัซฮับเลย

แนวความคิดทางฟิกฮฺของพวกเขาก็เหมือนกับบรรดาอิมามต่างๆที่มาก่อนพวกเขา[/b[/color]]
แล้วที่ฮูก่มคนนี้คนนั้นที่อยู่ในมัซฮับทั้ง4 เอาฟิกฮจากแนวคิดไหนละ ถ้าเหมือนก็ไม่ต้องฮูก่มคนสังกัดมัซฮับซิถ้าเหมือนอย่างที่กล่าวอ้าง บอกแล้วหลับหูหลับตาจนมั่วไปหมด สับสนๆ
[b]พวกเขาเลือกสิ่งที่ใกล้เคียงกับหลักฐานมากที่สุด แต่ไม่เคยต้องการที่จะสร้างสำนักฟิกฮฺที่ห้า ดังที่มีการอ้างเท็จกัน[/b]
อ้าวได้ตำแหน่ง มุตตาฮิด มุตตอลัก ด้วยหรือ ใครกาลันตี ไม่เห็นได้ข่าว (ถ้าไม่รู้คำว่ามุจตาฮิด ก็ไปเรียนเพิ่มเติมนะ เอะ Oops:ในนี้ก็มีลองหาดู) ในดุนยานี้มี4 มัซฮับแล้วคุณไม่อยู่ใน4 ก็ต้องเป็น 5ซิ จะบอกว่าเป็น6  7  8 ไม่ได้ ยาเฮลมูร็อกกับนะหรือว่าอยู่นอกมัซฮับ เรียกว่านอกกรอบหรือนอกคอกละไม่รู้ซิ ลองคิดดูเองละกัน
[b]แต่กระนั้นก็ยังมีคนที่ยังไม่รู้หรือไม่เข้าใจถึงถึงธรรมชาติของความขัดแย้ง ที่ชัยคฺกระทำขึ้น แท้จริงพวกเขาจำนวนมากที่มีความรู้[/b]
ก็พวกคุณ เล่น ฮูก่มเขาตกนรกใครจะยอม(ถ้าไม่ตาม)
และแสดงตัวว่าเป็นผู้เรียกร้องไปสู่อิสลาม กลับหมกมุ่นอยู่กับการโต้เถียงที่ไร้สาระ การสูญเสียเวลากับคนที่อยู่รอบข้างพวกเขา[/color]
อ้าวก็พวกคุณเริ่มก่อนไม่ใช่ หรือ เขาอยู่ของเขาดีๆมาตั้งแต่อดีต อยู่ดีๆมีมุสลิมกลุ่มหนึ่งมาห้ามทำอย่างโน้น อย่างนี้ บิดอะห์ฎอลาละห์ ฟินนาร แล้วเขาก็ยกหลักฐานมาค้านก็โวยวาย ดออีฟบ้างละ เมาดั๊วบางละ อย่างโน้นอย่างนี้ อยากถามใครหมกมุ่นกับการโต้เถียงกว่ากัน บอกแล้วอย่าหลับหูหลับตาตามก็ไม่เชื่อ

พวกเขาใช้เวลาไปกับตำรับตำรา วิทยานิพนธ์ การฟังซีดี บนประเด็นปลีกย่อยที่นำไปสู่การโต้เถียงที่สิ้นเปลืองเวลา การถกเถียง
การประณามและการหักล้างกันเพื่อเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆคล้ายกับพายุในถ้วยชา

โกหกตัวเองยากหน่อยนะ ไม่ใช่เอาเวลาหาฮาดิษไหนดออีฟ ฮาดิษซอเฮียะห์ แล้วประนามว่า ฎอลาละห์ ฟินนา[/color]รรรรรรรรร
เขาผู้มีความรู้ทั้งอดีตและปัจจุบันสายอะลิซซุนนะห์ วัลยามาอะห์ไม่ได้ประณามใคร แค่เอาหลักฐานมาบอกของเขาก็ทำได้ไม่เป็นไร ของใครก็ของมัน ก็เห็นแต่พวกคุณนะใครไม่ตาม ฎอลาละห์ ฟินนารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร hihi:
ขอมาอัฟ อีกรอบครับ สำหรับคนทั่วไป สำหรับบางสำนวนที่ไม่สุภาพ(ยกเว้นเจ้าของข้อเขียนที่นำมาอ้าง )ไม่เกี่ยวอิลฮามนะ loveit:   ขอต่อเอกองค์อัลเลาะห์(ซบ)ปราศจากการเทียบเคียงใดๆ โปรดประทานเตาเฟก วัลฮีดายะห์ และแนวทางที่ถูกต้องตามท่านร่อซูล(ซล)เพื่อการซาฟาอัตของท่านในวันกียามะห์ต่ออุมะห์ของท่านทั้งในอดีตและปัจจุบันและอนาคต แน่นอนข้าพเจ้าย่อมมีความผิด ก็ขอต่ออัลเลาะห์(ซบ)โปรดอภัยความผิดอันมากมายของข้าพเจ้า(ด้วยกับพระองค์ทรงซีฟัตเราะห์มัตและเราะห์ฮีม)หากพระองค์ไม่ทรงอภัยแน่นอนข้าพเจ้าย่อมได้รับโทษอันรุนแรง(ด้วยกับพระองค์ทรงซีฟัตผู้ทรงลงโทษที่รุนแรงยิ่งนัก)เป็นแน่แท้ ขอต่อพระองค์โปรดลดหย่อนบาลาต่างๆ กับตัวข้าพเจ้าและพี่น้องมุสลิมด้วยบาลาที่เล็กน้อย ขอต่อพระองค์โปรดเพิ่มริสกีที่ฮาลาล โปรดคุ้มครองจากฟิตนะห์ต่างๆด้วยเถิด ขอต่อพระองค์โปรดคุ้มครองความรู้ที่ไม่ยังประโยชน์ต่อตัวข้าพเจ้าและพี่น้องมุสลิมทั้งหลายและทรงเพิ่มความรู้ที่ยังประโยชน์ในดุนยาและอาคิเราะห์ด้วยเถิด ขอต่อพระองค์ให้ข้าพเจ้าและมุสลิมทั้งหลายได้รับชัยชนะในอาคิเราะห์ด้วยกันเนี้ยะมัตอันประเสริฐที่พระองค์ทรงสัญญาด้วยอัลกุรอ่านแก่บ่าวผู้ภักดีต่อพระองค์และร่อซูลด้วยเถิด
ขอซอลาวาตต่อซัยยิดิ้ลมุรซาลีน ผู้ประเสริฐสุดในบรรดามัคโลคที่พระองค์ทรงสร้าง ผู้ที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ให้สิทธิในการซาฟาอัตต่ออุมมะห์ของท่าน (ขอให้ข้าพเจ้าและมุสลิมทั้งหลายได้อยู่ในการซาฟาอัตของท่านด้วยเถิด) นบีลาเซ็มด้วยร่อซูลของอุมมะห์อิสลาม ท่านนบีมูฮำหมัด (ซล) และขอซอลาวาตต่อ อัมบิยา และครอบครัวท่านร่อซูลและนบี และซอฮาบัตของท่าน เอาลิยา ซิดดีกีน ซอลีฮีน อามีน ยาร็อบอาลามีน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 07:22 AM »
0
^
^
^
เ่อ่อออ... บังครับ อ่านดีๆ คนที่ยกมาเขาไม่ใช่วัฮบี เขาแค่ยกมาประชดเฉยๆน่ะครับ
ล่อซะพรุนเลย 5555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

almuminoon

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 09:12 AM »
0
salam

ท่าน Hantu ถูกแบนแล้วเหรอ oh:

น่าจะถูกเก็บแล้วนะ ถูกอุ้มหายไปไหนไม่รู้ สาว่าอยู่ไปคงจะไปกระทบความมั่นคงภายใน 555
salam

ท่าน Hantu ถูกแบนแล้วเหรอ oh:

น่าจะถูกเก็บแล้วนะ ถูกอุ้มหายไปไหนไม่รู้ สาว่าอยู่ไปคงจะไปกระทบความมั่นคงภายใน 555


 :ameen:

ที่นี่มีสไนเป้อชุดดำคอยจัดการคนแหกคอกด้วยเหรอช่างน่ากลัว fouet:

ไม่่ใช่ สไนเปอร์อะไรหรอกครับ แ่ต่เป็น ยามเฝ้าอากีดะห์ ประจำ ธรรมะ สากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อิอิ

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 11:08 AM »
0
^
^
^
เ่อ่อออ... บังครับ อ่านดีๆ คนที่ยกมาเขาไม่ใช่วัฮบี เขาแค่ยกมาประชดเฉยๆน่ะครับ
ล่อซะพรุนเลย 5555

เดี๋ยวก็ออกมาแก้ตัวเองแหละ

ออฟไลน์ Rachyds

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • http://rachyds.siamvip.com
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 11:39 AM »
0

[b]แต่กระนั้นก็ยังมีคนที่ยังไม่รู้หรือไม่เข้าใจถึงถึงธรรมชาติของความขัดแย้ง ที่ชัยคฺกระทำขึ้น แท้จริงพวกเขาจำนวนมากที่มีความรู้[/b]
ก็พวกคุณ เล่น ฮูก่มเขาตกนรกใครจะยอม(ถ้าไม่ตาม)
และแสดงตัวว่าเป็นผู้เรียกร้องไปสู่อิสลาม กลับหมกมุ่นอยู่กับการโต้เถียงที่ไร้สาระ การสูญเสียเวลากับคนที่อยู่รอบข้างพวกเขา[/color]
อ้าวก็พวกคุณเริ่มก่อนไม่ใช่ หรือ เขาอยู่ของเขาดีๆมาตั้งแต่อดีต อยู่ดีๆมีมุสลิมกลุ่มหนึ่งมาห้ามทำอย่างโน้น อย่างนี้ บิดอะห์ฎอลาละห์ ฟินนาร แล้วเขาก็ยกหลักฐานมาค้านก็โวยวาย ดออีฟบ้างละ เมาดั๊วบางละ อย่างโน้นอย่างนี้ อยากถามใครหมกมุ่นกับการโต้เถียงกว่ากัน บอกแล้วอย่าหลับหูหลับตาตามก็ไม่เชื่อ

พวกเขาใช้เวลาไปกับตำรับตำรา วิทยานิพนธ์ การฟังซีดี บนประเด็นปลีกย่อยที่นำไปสู่การโต้เถียงที่สิ้นเปลืองเวลา การถกเถียง
การประณามและการหักล้างกันเพื่อเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆคล้ายกับพายุในถ้วยชา

โกหกตัวเองยากหน่อยนะ ไม่ใช่เอาเวลาหาฮาดิษไหนดออีฟ ฮาดิษซอเฮียะห์ แล้วประนามว่า ฎอลาละห์ ฟินนา[/color]รรรรรรรรร
เขาผู้มีความรู้ทั้งอดีตและปัจจุบันสายอะลิซซุนนะห์ วัลยามาอะห์ไม่ได้ประณามใคร แค่เอาหลักฐานมาบอกของเขาก็ทำได้ไม่เป็นไร ของใครก็ของมัน ก็เห็นแต่พวกคุณนะใครไม่ตาม ฎอลาละห์ ฟินนารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร hihi:
ขอมาอัฟ อีกรอบครับ สำหรับคนทั่วไป สำหรับบางสำนวนที่ไม่สุภาพ(ยกเว้นเจ้าของข้อเขียนที่นำมาอ้าง )ไม่เกี่ยวอิลฮามนะ loveit:   ขอต่อเอกองค์อัลเลาะห์(ซบ)ปราศจากการเทียบเคียงใดๆ โปรดประทานเตาเฟก วัลฮีดายะห์ และแนวทางที่ถูกต้องตามท่านร่อซูล(ซล)เพื่อการซาฟาอัตของท่านในวันกียามะห์ต่ออุมะห์ของท่านทั้งในอดีตและปัจจุบันและอนาคต แน่นอนข้าพเจ้าย่อมมีความผิด ก็ขอต่ออัลเลาะห์(ซบ)โปรดอภัยความผิดอันมากมายของข้าพเจ้า(ด้วยกับพระองค์ทรงซีฟัตเราะห์มัตและเราะห์ฮีม)หากพระองค์ไม่ทรงอภัยแน่นอนข้าพเจ้าย่อมได้รับโทษอันรุนแรง(ด้วยกับพระองค์ทรงซีฟัตผู้ทรงลงโทษที่รุนแรงยิ่งนัก)เป็นแน่แท้ ขอต่อพระองค์โปรดลดหย่อนบาลาต่างๆ กับตัวข้าพเจ้าและพี่น้องมุสลิมด้วยบาลาที่เล็กน้อย ขอต่อพระองค์โปรดเพิ่มริสกีที่ฮาลาล โปรดคุ้มครองจากฟิตนะห์ต่างๆด้วยเถิด ขอต่อพระองค์โปรดคุ้มครองความรู้ที่ไม่ยังประโยชน์ต่อตัวข้าพเจ้าและพี่น้องมุสลิมทั้งหลายและทรงเพิ่มความรู้ที่ยังประโยชน์ในดุนยาและอาคิเราะห์ด้วยเถิด ขอต่อพระองค์ให้ข้าพเจ้าและมุสลิมทั้งหลายได้รับชัยชนะในอาคิเราะห์ด้วยกันเนี้ยะมัตอันประเสริฐที่พระองค์ทรงสัญญาด้วยอัลกุรอ่านแก่บ่าวผู้ภักดีต่อพระองค์และร่อซูลด้วยเถิด
ขอซอลาวาตต่อซัยยิดิ้ลมุรซาลีน ผู้ประเสริฐสุดในบรรดามัคโลคที่พระองค์ทรงสร้าง ผู้ที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ให้สิทธิในการซาฟาอัตต่ออุมมะห์ของท่าน (ขอให้ข้าพเจ้าและมุสลิมทั้งหลายได้อยู่ในการซาฟาอัตของท่านด้วยเถิด) นบีลาเซ็มด้วยร่อซูลของอุมมะห์อิสลาม ท่านนบีมูฮำหมัด (ซล) และขอซอลาวาตต่อ อัมบิยา และครอบครัวท่านร่อซูลและนบี และซอฮาบัตของท่าน เอาลิยา ซิดดีกีน ซอลีฮีน อามีน ยาร็อบอาลามีน
[/quote]



เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

ออฟไลน์ BaE HoK

  • บ้านของผู้ชายอยู่ในมัสยิด มัสยิดของผู้หญิงนั้นคือบ้าน
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮ์ฮาบีย์เขาพูดกันอย่างนี้
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ธ.ค. 17, 2010, 03:25 PM »
0
คนโง่ : ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะ และความบาดหมางแทนความรู้
คนฉลาด : ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้ และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
คนเจ้าปัญญา : ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง อย่างลึกซึ้งแล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม
มนุษย์มีเสรีภาพได้ โดยไม่ต้องยิ่งใหญ่

แต่ มนุษย์ไม่อาจยิ่งใหญ่ได้..

...โดยไม่มีเสรีภาพ

 

GoogleTagged