เอ้ามาฟังวาฮาบีเขาพูดเองดีกว่านะ เปิดใจให้กว้างเข้าไว้..เพื่อน
ถ้าคนเราเปิดใจศึกษา สักนิด คงจะเข้าใจอะไรง่ายๆ ว่าอิสลามไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก มันช่างเรียบง่ายที่สุด
ผมเคยฟัง โต๊ะครูนิอาซิ นิมะ โต๊ะครูที่ชาวซุนนะห์มาเลเชีย ให้ความนับถือมาก
แกได้บอกประโยคหนึ่งว่า "คนที่เค้าเรียนรู้มา เค้าจะเปิดใจโดยง่าย หากมีหลักฐานประกอบอย่างชัดเจน
แต่สำหรับพวกที่ไม่รู้ ไม่เรียน และไม่สนใจ สนใจแต่ บรรพบุรุษที่เค้าสอนมา โดยไม่คิดว่าจะถูกหรือผิด
จะเชื่อแค่ตามนี้ ทั้งๆมีหลักฐานอ้างอิงว่า สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด ไอ้พวกนี้แหล่ะที่หัวใจมันปิด เรื่องมาก ไม่ยอมรับความจริง"
เจอประโยคนี้เข้า ผมทึ่งเลย สุดยอดจริงๆ
ผมยังแปลกใจอยู่ว่า คนที่ชอบต่อว่า วาฮาบีย์ และมักจะยกประเด็นเรื่อง ซีฟัตของ อัลลอฮ์
ว่ามีมือ แบได้ กำได้ สถิต หรือ นั่งบนบันลังค์ ส่วนใหญ่ วาฮาบีย์จะโดนวิภาษประเด็นนี้ว่าเชื่อไปตามนั้น
เชื่ออย่างง่ายๆ โดยไม่มีการตีความ ผมอยากจะบอกว่า "นั้นมันความคิดของมนุษย์ ที่ไปเหมารวมว่า
มือ การนั่ง หรือ สถิตย์ แล้วไปอ้างอิงถึง มือ การนั่ง สถิตย์ ในลักษณะเดียวกับ มัคโลค
ถ้ามองแค่ คำ และ ความหมาย มันคงคิดได้แค่นั้นแหล่ะ แต่ทำไมไม่คิดละว่า
ซีฟัตของอัลลอฮ์นั่น ต่างไปจากมัคโลค มือ เป็นยังไง ไม่ต้องไปตีความ มือ ก็คือมือ
แต่ไม่ใช่ แบบมนุษย์ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเป็นแบบใด วัลลอฮูอะลัม"
ทำไม ถึงไม่วิภาษหล่ะ ซีฟัตอื่นๆ ของอัลลอฮ์ เช่น ซาเมี่ยะ (ได้ยิน), บาซอร์ (ได้เห็น)
พระองค์ใช้ตามอง ใช้หูฟัง หรอ อันนี้เราไม่รู้ พระองค์ทรงเห็น ทรงได้ยิน ทรงมี แต่เป็นอย่างไร วัลลอฮูอะลัม
อิสลามเป็นเรื่องง่าย พระองค์ทรงอยากให้เราเข้าใจโดยง่าย แต่แค่ให้รู้ว่า มีความต่างจากมัคโลค
คุณเชื่ออย่างนี้ไม่ได้หรอ
แล้วคุณลักษณะที่ถูกต้องของพระองค์คืออันใดเล่าครับ พระองค์มีตัวตน หรือไม่มีตัวตน
หรือว่าไม่ใช่มีตัวตน และไม่ใช่ไม่มีตัวตนทั้งสองอย่าง
หรือว่าอัลลอฮฺทรงอยู่ทุกหนทุกแห่งเหรอ แล้วตกลงจักรวาลอยู่ในตัวของพระองค์
หรือพระองค์อยู่ในจักรวาลกันแน่ มีทัศนะใดๆที่อ้างอิงจากความเข้าใจของศอฮาบะฮฺบ้างหรือเปล่า?
ในเมื่อพระองค์ทรงบอกด้วยองค์เองว่าพระองค์ทรงมีมือ วะฮาบียฺอยากเป็นบ่าวที่ดี
วะฮาบียฺก็ศรัทธาตามนั้น แล้วพระองค์ก็ทรงบอกอีกว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์
วะฮาบียฺก็อยากเป็นบ่าวที่ดียิ่งขึ้นไปอีก วะฮาบียฺก็ศรัทธาตามที่พระองค์ทรงบอก
โดยวะฮาบียฺเชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ แต่มือของพระองค์เป็นเช่นไร วัลลอฮุ อะอฺลัม
แต่ไม่เหมือนมัคลูกใดๆในหล้าแน่นอน วะฮาบียฺศรัทธาครบทั้งหมดตามที่อัลลอฮฺทรงบอก
แล้ววะฮาบียฺผิดที่ตรงไหนหรือ??
นบีก็สอนศอฮาบะฮฺทุกเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
แต่นบีกลับไม่เคยสอนศอฮาบะฮฺเลยสักครั้งว่า "มือของพระองค์ ไม่ได้หมายความตามนั้นนะ แต่หมายถึง พลัง"
และศอฮาบะฮฺก็ไม่เคยมีทัศนะในเรื่องของมือว่าเป็นพลัง"
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วะฮาบียฺจะกล้าบังอาจตีความอายะห์ของพระองค์ในเรื่องเล่านั้นได้อย่างไร
จะให้วะฮาบียฺศรัทธาบางอายะห์ แล้วปฎิเสธบางอายะห์ แบบที่พวกยิวเขาทำอย่างนั้นหรือ
แต่บางคนเป็นกระต่ายตื่นตูมกลัวว่า ถ้าบอกว่า พระองค์ทรงมีมือ มีหน้าแล้วก็จำเป็นตัองเปรียบกับมัคลูก
ไม่เปรียบเทียบไม่ได้ เดี๋ยวฟ้าจะถล่มดินจะทลาย เลยรีบชิงปฎิเสธศิฟัตของพระองค์เสียก่อน
โดยไม่มีคำอ้างอิงใดๆจากนบี หรือความเข้าใจของสลัฟเลย
พอกลับมาที่อายะห์ที่บอกว่า พระองค์ทรงเมตตา
ก็ไม่เห็นใครหน้าไหนกลัวว่าเดี๋ยวจะต้องไปเปรียบเทียบกับเมตตาของมัคลูกกันเลย!!!
ฉันใดก็ฉันนั้น วะฮาบีไม่เปรียบเทียบเมตตาของอัลลอฮฺกับมัครูก
ก็ไม่เปรียบเทียบมือของอัลลอฮฺกับมัครูกเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่คุณอ้างจากหนังสือของท่านอิบนุตัยมิยะหฺเพื่อยืนยันแนวคิดของพวกวะฮาบี
ยฺนั้น กลับเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันถึงความเขลาของคุณได้เป็นอย่างดี
ท่านอิบนุตัยมิยะหฺไม่ได้เป็นพวกวะฮาบีย์เลย จะให้ท่านเป็นได้อย่างไร
ในเมื่อท่านเป็นสลาฟี่(ผู้เรียกร้องสู่แนวทางของสลัฟ) และเสียชีวิต ฮ.ศ. 728
แต่เจ้าของแนวคิดวะฮาบียฺ เพิ่งจะเริ่มอุแว้เมื่อปีฮ.ศ. 1115 เท่านั้นเอง
ผมจึงขอสรุปมั่วๆเอาเองว่า วะฮาบียฺ ใกล้ชิดกับสลาฟียฺมากกว่ากลุ่มใดๆในหล้านี้.. ชะเอิงเอย
แต่สำหรับพวกที่ไม่รู้ ไม่เรียน และไม่สนใจ สนใจแต่ บรรพบุรุษที่เค้าสอนมา โดยไม่คิดว่าจะถูกหรือผิด
จะเชื่อแค่ตามนี้ ทั้งๆมีหลักฐานอ้างอิงว่า สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด ไอ้พวกนี้แหล่ะที่หัวใจมันปิด เรื่องมาก ไม่ยอมรับความจริง"
น่าจะพวกคุณมากกว่า เอาแต่สนุกกับกล่าวหาคนอื่นโดยไม่ตูตาม้า ตาเรือ เวลาเขาเอาหลักฐานที่มีน้ำหนักมาอ้างบ้างก็แฉไฉไปเรื่อยไม่ตรงประเด็น
ผมยังแปลกใจอยู่ว่า คนที่ชอบต่อว่า วาฮาบีย์ และมักจะยกประเด็นเรื่อง ซีฟัตของ อัลลอฮ์
ว่ามีมือ แบได้ กำได้ สถิต หรือ นั่งบนบันลังค์ ส่วนใหญ่ วาฮาบีย์จะโดนวิภาษประเด็นนี้ว่าเชื่อไปตามนั้น
เชื่ออย่างง่ายๆ โดยไม่มีการตีความ ผมอยากจะบอกว่า "นั้นมันความคิดของมนุษย์ ที่ไปเหมารวมว่า
มือ การนั่ง หรือ สถิตย์ แล้วไปอ้างอิงถึง มือ การนั่ง สถิตย์ ในลักษณะเดียวกับ มัคโลค
ถ้ามองแค่ คำ และ ความหมาย มันคงคิดได้แค่นั้นแหล่ะ แต่ทำไมไม่คิดละว่า
ซีฟัตของอัลลอฮ์นั่น ต่างไปจากมัคโลค มือ เป็นยังไง ไม่ต้องไปตีความ มือ ก็คือมือ
แต่ไม่ใช่ แบบมนุษย์ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเป็นแบบใด วัลลอฮูอะลัม"นั้นเป็นชีฟัต ของสิ่งถูกสร้างไม่เรียนแล้วยังจินตนาการไปมั่วตามสติปัญญาของสิ่งถูกสร้าง ซึ่งมันไม่ครอบคลุมผู้สร้างอยู่แล้ว
การกล่าวว่า อัลเลาะห์(ซบ) มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ
มีมือ แบได้ กำได้ หรือนั่งบนบังลังค์ เป็นการเชื่อที่บิดอะห์อย่างร้ายแรง
การมอบหมาย ยุคสลัฟ เกี่ยวกับความหมายอายะห์อัลกุรอ่านมูตาชับบิฮาต(อายะห์คลุมเคลือ)นั้น เขาบริสุทธิ์โดยไม่จินตนาการเพราะอิลมูเขาคลอบคลุมเรื่องชีฟัต สิ่งถูกสร้าง มัคโลค ว่างๆก็เถียงมาจะได้อธิบาย
ยกตัวอย่าง มีสัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ก้นทะเลเขาว่าตัวใหญ่มาก มีมือ มีปาก ไม่รู้ลักษณะเป็นอย่างไรแล้วจะถามคุณว่าลักษณะเป็นอย่างไร คุณตอบได้ไหม แน่นอนตอบไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วคุณถามผมต่อ ผมจะตอบว่าไม่รู้ แต่ที่รู้มาว่ามีมือ มีปาก แต่ลักษณะเป็นอย่างไร วัลลอฮุอะห์ลัม ผู้สร้างเท่านั้นที่รู้ แล้วในการตอบของผมกับของคุณก็ต้องจินตนาการภาพ(ในความนึกคิด)ไปด้วยว่าลักษณะเป็นอย่างไรน่า อยากรู้จังเลย แล้วมันจะต่างใหมกับการที่บอกว่า อัลเลาะห์(ซบ) มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ นั้นมีมือแต่ไม่รู้เป็นอย่างไร วัลลอฮุอะห์ลัม เพราะเราเป็นมัคโลคไม่สามารถจินตนาการผู้สร้าง (อาอูซูบิก้ามินั้ลซาลิก)
บอกผมซิว่าคุณไม่ได้จินตนาการว่า มีอวัยวะส่วนหนึ่งยื่นออกจากลำตัวซึ่งเรียกว่ามือแต่ไม่รู้เป็นอย่างไร ซึ่งลักษณะดังกล่าวมุสตาเฮล สติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่ผู้สร้าง เพราะเป็นซีฟัตสิ่งถูกสร้าง เพราะพระผู้เป็นเจ้านั้น ไม่ใช่ ร่างกาย วัตถุ สิ่งของ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ไม่ต้องการสถานที่ ไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการทิศ แต่ทั้งหมดที่กล่าวต้องการพระองค์ เพราะทั้งหมดนั้น พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา ถ้าคุณจะเถียงต่อว่าในเมื่ออายะห์กุรอ่านกล่าวอย่างนั้นจะปฎิเสธได้หรือ ผมก็บอกให้คุณไปเรียนไง มัวแต่ตามจนไม่ลืมหูลืมตา ก็เพราะอายะห์กุรอ่านนั้นมี 2 แบบ 1 คืออายะห์มั๊วกำ อายะห์ที่ซอเฮรเกี่ยวกับกฎเกณร์ ต่างๆ เช่นการละหมาด การถือศีลอด
2 อายะห์ มูตาชับบิฮาต อายะห์ที่คลุมเคลือ เช่น ฮูรุฟ ยา และ ซีน ในซูเราะห์ยาซีน และอายะห์ที่พวกถืออยู่นั้นแหละ
แล้วถ้าจะเถียงต่อว่า สลัฟนั้น ก็มอบหมายแบบพวกคุณ เปล่าเลย ถ้าจะเถียงอย่างนี้ก็ต้องไล่ไปเรียนต่อ สมัยสลัฟนั้น เขามอบหมายโดย ปฎฺิเสธความหมายตามภาษา ก็คือมอบหมายเลยทั้งคำ ไม่แปลก่อนแล้วค่อยมอบหมายอย่างพวกคุณ สมัยสาลัฟเขาบริสุทธิ่ในการคิดเพราะอิลมูเขามากเขารู้ซีฟัดสิ่งถูกสร้างเป็นอย่างไร ผู้สร้างเป็นอย่างไร แต่พวกคุณแปลก่อนแล้วค่อยมอบหมายเช่น والسماء بنيناها باءيد
ซูเราะห์ ซาริยาต อายะห์ 47 (บิอัยดิน)ด้วยมือของพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ)มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ
พวกคุณก็แปลก่อนว่ามือแล้วมอบหมาย(จริงๆแล้วผมไม่ยกอายะห์กุรอ่าน มาหรอกแต่เดี๋ยวพวกคุณจะเถียงอย่างอื่นอีก)
วะฮาบียฺเชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ แต่มือของพระองค์เป็นเช่นไร วัลลอฮุ อะอฺลัม แต่สลัฟยุคก่อนเขานาฟี(ปฎิเสธ) ก่อนแล้วว่า ถ้าความหมายตามภาษาใช่ แต่ในอัลกุรอ่าน วัลลอฮุอะลัม หมายความว่าถ้าจะแปลตามภาษาใช่แต่ถ้าจะให้ความหมายนี้(มือ)กับผู้สร้างไม่ได้ เพราะซีฟัตสิ่งถูกสร้างลองไปหาอ่านดูเห็น พวกคุณอ้างกันเยอะเชียว
โดยวะฮาบียฺเชื่อว่า พระองค์ทรงมีมือ แต่มือของพระองค์เป็นเช่นไร วัลลอฮุ อะอฺลัม
แต่ไม่เหมือนมัคลูกใดๆในหล้าแน่นอน วะฮาบียฺศรัทธาครบทั้งหมดตามที่อัลลอฮฺทรงบอก
แล้ววะฮาบียฺผิดที่ตรงไหนหรือ?? ผิด บิดอะห์ฎอลาละห์ เพราะไม่รู้จัก อันไหนเขาเรียกสิ่งถูกสร้างและลักษณะสิ่งถูกสร้าง แล้วยังไม่รู้จักคุณลักษณะผู้สร้างอีก แถมยังไม่แยกอีก อายะห์ไหนเป็น ฮูก่ม มั๊วกำ อายะห์ไหนเป็น อายะห์คลุมเคลือ มูตาชับบิฮ์ (ในกุรอ่านมีบอกลองไปหาซิ)
นบีก็สอนศอฮาบะฮฺทุกเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
แต่นบีกลับไม่เคยสอนศอฮาบะฮฺเลยสักครั้งว่า "มือของพระองค์ ไม่ได้หมายความตามนั้นนะ แต่หมายถึง พลัง"
และศอฮาบะฮฺก็ไม่เคยมีทัศนะในเรื่องของมือว่าเป็นพลัง" แล้วนบี(ซล)กับซอฮาบะห์เคยบอกเคยสอนไหมว่า มือ เป็นซีฟัตหนี่งของ อัลเลาะห์ (ซบ) มหาบริสุทธิ์จากการเปรียบเทียบใดๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วะฮาบียฺจะกล้าบังอาจตีความอายะห์ของพระองค์ในเรื่องเล่านั้นได้อย่างไร
จะให้วะฮาบียฺศรัทธาบางอายะห์ แล้วปฎิเสธบางอายะห์ แบบที่พวกยิวเขาทำอย่างนั้นหรือ ถ้าปฎิเสธอายะห์ก็ กาเฟรเลย แล้วทำไมไม่เรียนซะก่อน จะรู้เลยอายะห์กุรอ่านทั้งหมดไม่มีขัดแย้งกันเลย
แล้วจะบอกให้ มุสลิมไม่มีเขาปฎิเสธอายะห์กุรอ่านหรอก เพียงแต่บางอายะห์ที่คลุมเคลือเขา สมัยสาลัฟ ก็มอบหมายความหมายให้กับพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) สมัยคอลัฟก็ให้ความหมายที่เหมาะสมกับคุณลักษณะของผู้สร้างซึ่งไม่มีในสิ่งถูกสร้าง นี่ขนาดอุลามาอฺคอลัฟที่เขากลัวจะเกิดความคลุมเคลือในอิสลามช่วงหลังๆนะเนี่ย(เขาถึงตีความออกมาและเขาคอลัฟกับสาลัฟก็ไม่ได้ขัดแย้งประการใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้)ยังมีคนแบบพวกคุณเยอะแยะเลย ทำไมไม่ศึกษาก่อนแล้วค่อยตีโพยตีพายละ
ก็ไม่เห็นใครหน้าไหนกลัวว่าเดี๋ยวจะต้องไปเปรียบเทียบกับเมตตาของมัคลูกกันเลย!!!
ฉันใดก็ฉันนั้น วะฮาบีไม่เปรียบเทียบเมตตาของอัลลอฮฺกับมัครูก
ก็ไม่เปรียบเทียบมือของอัลลอฮฺกับมัครูกเช่นกัน ถ้ายังงั้นก็เรียก ยาเฮลมูร็อกกับแล้วละ อันนี้ช่วยไม่ได้ด้วย
ก็ไม่รู้จัก คุณลักษณะของผู้สร้างกับสิ่งถูกสร้างแล้วจะแยกแยะได้หรือ?
ส่วนเรื่องที่คุณอ้างจากหนังสือของท่านอิบนุตัยมิยะหฺเพื่อยืนยันแนวคิดของพวกวะฮาบี
ยฺนั้น กลับเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันถึงความเขลาของคุณได้เป็นอย่างดี
ท่านอิบนุตัยมิยะหฺไม่ได้เป็นพวกวะฮาบีย์เลย จะให้ท่านเป็นได้อย่างไร คนอะไรเนรคุณ ปฎิเสธได้แม้ผู้นำตัวเอง คุณไม่รู้เลยหรือ ว่ามูฮำหมัด บิน อับดุลวาฮาบ เขานำแบบอย่างส่วนมากมาจากอิบนุตัยมียะห์
หัดลองศึกษาประวัติศาสตร์มังจะได้ออกจากกะลา
แต่เจ้าของแนวคิดวะฮาบียฺ เพิ่งจะเริ่มอุแว้เมื่อปีฮ.ศ. 1115 เท่านั้นเอง
ผมจึงขอสรุปมั่วๆเอาเองว่า วะฮาบียฺ ใกล้ชิดกับสลาฟียฺมากกว่ากลุ่มใดๆในหล้านี้.. ชะเอิงเอยงั้นเจ้าของแนวคิด วาฮาบียะห์ นั้นต้องเรียนกับมลาอิกัตแน่เลย เพราะ ยุคสลัฟนั้น300 ปีกว่าจะถึงยุค มูฮำหมัด บิน อับดุลวาฮาบ
1115 ก็815ปี คนยุดสลัฟก็เสียชีวิตหมดแล้วเพราะไม่มีอายุมากขนาด 815 ปี แล้วผู้นำคุณเรียนที่ไหนละ? ชะเอิงเอย
ขอมาอัฟ ล่วงหน้านะครับ สำหรับบุคคลทั่วไป กับกิริยา(ในข้อความที่ไม่เหมาะสม)ยกเว้นเจ้าของข้อความที่ผมนำมาอ้าง
ถ้าแนวคิดผมผิดเพี้ยนไปจาก อะลิซซุนนะห์ วัลยาอะห์ ก็รบกวนอาจารย์ในเว็บเตือนด้วยนะครับ(ยกเว้น กลุ่มวาฮาบี นะครับ)ขอบคุณอย่างสูงสำหรับเนื้อที่ที่ให้ระบาย วัสลาม
