بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
รายงานจากท่านอุกบะฮ์ บิน อามิร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขากล่าวว่า
يَقُولُ ثَلاَثُ سَاعَاتٍ كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَنْهَانَا أَنْ نُصَلِّيَ فِيهِنَّ أَوْ أَنْ نَقْبُرَ فِيهِنَّ مَوْتَانَا حِينَ تَطْلُعُ الشَّمْسُ بَازِغَةً حَتَّى تَرْتَفِعَ وَحِينَ يَقُومُ قَائِمُ الظَّهِيرَةِ حَتَّى تَمِيلَ الشَّمْسُ وَحِينَ تَضَيَّفُ الشَّمْسُ لِلْغُرُوبِ حَتَّى تَغْرُبَ
"มีอยู่สามช่วงเวลาที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามพวกเราจากการละหมาดหรือทำการฝังคนตาย คือในขณะที่ดวงอาทิตย์ขึ้นปรากฏจนกระทั่งขึ้นสูง และขณะอูฐยืนร้อน(ตอนเที่ยงตรง)จนกระทั้งดวงอาทิตย์คล้อย และในขณะที่ดวงอาทิตย์เป็นสีเหลืองจนกระทั่งตกดิน" รายงานโดย มุสลิม
ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ กล่าวว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم نَهَى عَنِ الصَّلاَةِ بَعْدَ الْعَصْرِ حَتَّى تَغْرُبَ الشَّمْسُ وَعَنِ الصَّلاَةِ بَعْدَ الصُّبْحِ حَتَّى تَطْلُعَ الشَّمْسُ
"แท้จริงท่านร่อซูลลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามจากการละหมาดหลังอัสริจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตก และห้ามจากการละหมาดหลังซุบฮิจนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้น" รายงานโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม
การห้ามละหมาดในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นมักโระฮ์ตะห์รีม (สิ่งที่ศาสนาห้ามโดยเด็ดขาดแต่ไม่ร้ายแรงถึงขั้นหะรอม) ข้อห้ามดังกล่าวนั้น ยกเว้นช่วงเที่ยงวันของวันศุกร์เพราะมีหะดิษของท่านอบูดาวูดระบุยกเว้นไว้ และยกเว้นกรณีของการละหมาดที่มีสาเหตุอยู่ก่อน เช่น การละหมาดสุริยะคราส , ละหมาดขอฝน , ละหมาดเคารพมัสยิด , ละหมาดสุนัตหลังอาบน้ำละหมาด , การละหมาดชดใช้ที่ขาดมาก่อนหน้านี้ ไมว่าจะเป็นละหมาดฟัรดูหรือสุนัต
ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ نَسِيَ صَلاَةً أَوْ نَامَ عَنْهَا فَكَفَّارَتُهَا أَنْ يُصَلِّيَهَا إِذَا ذَكَرَهَا
"ผู้ใดที่ทิ้งละหมาดหรือนอนหลับเลยเวลาละหมาดหนึ่ง ดังนั้น ค่าปรับของมันก็คือ การที่เขาได้ละหมาดมันเมื่อนึกขึ้นได้" รายงานโดยมุสลิม
ท่านอุมมุสะละมะฮ์ ได้กล่าวท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับการละหมาดสองร่อกะอัตหลังอัสริของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า
يَا بِنْتَ أَبِي أُمَيَّةَ سَأَلْتِ عَنِ الرَّكْعَتَيْنِ بَعْدَ الْعَصْرِ إِنَّهُ أَتَانِي نَاسٌ مِنْ عَبْدِ الْقَيْسِ بِالإِسْلاَمِ مِنْ قَوْمِهِمْ فَشَغَلُونِي عَنِ الرَّكْعَتَيْنِ اللَّتَيْنِ بَعْدَ الظُّهْرِ فَهُمَا هَاتَانِ
"โอ้บุตรีของอบีอุมัยะฮ์ เธอได้ถามถึงสองร่อกะอัตหลังเวลาอัสริ ก็เพราะว่ามีผู้คนจากตระกูลอับดุลกัยซ์ ซึ่งพวกเขาได้มาฉันเพื่อรับอิสลาม ดังนั้น พวกเขาจึงทำให้ฉันยุ่งจนไม่ได้ละหมาดสองร่อกะอัตหลังซุฮ์ริ ดังนั้น ละหมาดสองร่อกะอัตทั้งสอง(ที่ทำหลังอัสริ) ก็คือ (ละหมาดสองร่อกะอัตหลังซุฮ์ริ) อันนี้แหละ" รายงานโดยมุสลิม
และยกเว้นการตอวาฟและละหมาดหลังอัสริที่มัสยิดหะรอม เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لاَ تَمْنَعُوا أَحَدًا يَطُوفُ بِهَذَا الْبَيْتِ وَيُصَلِّي أَىَّ سَاعَةٍ شَاءَ مِنْ لَيْلٍ أَوْ نَهَارٍ
"พวกท่านอย่าห้ามผู้ใดทำการต่อวาฟที่บัยตุลลอฮ์แห่งนี้ และให้เขาละหมาดเวลาใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน" รายงานโดย อบูดาวูด
ส่วนการละหมาดโดยปราศจากสาเหตุอันใดหรือเจตนาที่จะละหมาดในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่ามักโระฮ์ตะห์รีม เช่น เจตนาเข้าไปในมัสยิดเพื่อละหมาดตะฮียาตมัสยิด , ละหมาดสุนัตธรรมดา , ละหมาดอิสติคอเราะฮ์ เป็นต้น
เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لاَ تَحَرَّوْا بِصَلاَتِكُمْ طُلُوعَ الشَّمْسِ وَلاَ غُرُوبَهَا فَإِنَّهَا تَطْلُعُ بِقَرْنَىْ شَيْطَانٍ
"พวกท่านอย่ากำหนดการละหมาดขงพวกท่านในช่วงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก เพราะดวงอาทิตย์กำลังขึ้น(ระหว่าง)สองเขาของชัยฏอน" รายงานโดย มุสลิม
( ดู หนังสือ มุฆนี อัลมั๊วะห์ตาจญ์ ของท่าน อิมาม อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ เล่ม 1 หน้า 260 - 263 ตีพิมพ์ อัตเตาฟีกียะฮ์)
والله أعلى وأعلم