ผู้เขียน หัวข้อ: จริงหรือไม่ ? ที่ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเป็น นบี เพราะมี มัวะญีซาต  (อ่าน 21130 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ก็มีความเป็นไปได้นะ เพราะรู้สึกว่า หลายๆ คำสอนของพุทธจะคล้ายกับอิสลาม และแก่นของพุทธเองนั้น จะไม่สอนให้คนยึดติดกับวัตถุ และไม่สนับสนุนเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องงมงาย สอนให้คนรู้จักใช้สติปัญญา และคนในยุคหลังพระพุทธเจ้า อาจจะทำการเปลี่ยนแปลงบางประการทีพวกเขาเห็นว่าสมควร จึงทำให้มีการเปลี่ยนไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อย แล้วก็เกิดการผสมผสานกับนวคิดเดิมของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นที่รับศาสนาพุทธไป - วัลลอฮุอะอ์ลัม - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ dee benu

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 40
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
โอยไม่เป็นครับ คุนละศะนะเป็นนบีมีอยู่4 ประการครับ ถ้าไม่มีก็อย่าว่านะ เป็นนบี


(เขียนว่า   คุณลักษณะ   loveit:)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 11, 2010, 05:34 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
ก็มีความเป็นไปได้นะ เพราะรู้สึกว่า หลายๆ คำสอนของพุทธจะคล้ายกับอิสลาม และแก่นของพุทธเองนั้น จะไม่สอนให้คนยึดติดกับวัตถุ และไม่สนับสนุนเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องงมงาย สอนให้คนรู้จักใช้สติปัญญา

ทุกศาสนาเขาก็สอนอย่างนั้น

และมั่นใจหรือค่ะว่าใช้ปัญญา
ชาดกมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญของพุทธศาสนา มาจากคำว่า “ ไตร” แปลว่า สาม + ปิฎก  หมายถึงตะกร้าหรือคัมภีร์   ประกอบด้วย  

             “พระวินัยปิฎก”  ซึ่งว่าด้วยวินัยหรือศีลของพระภิกษุและภิกษุณี  

             “พระสุตันตปิฎก”  ว่าด้วยพระธรรมเทศนาทั่ว ๆ ไป   และ          

             “พระอภิธรรมปิฎก”   ว่าด้วยธรรมชั้นสูง

           ส่วนประเภทของชาดก มี ๒ ประเภท  คือ  นิบาตชาดก ถือว่าเป็นพุทธวจนะที่แท้จริงมีอยู่ในพระไตรปิฎก ๕๔๗ เรื่อง  คนทั่วไปนิยมเรียก  “พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ” และ พาหิรกชาดก (ปัญญาสชาดก) มี  ๕๐  เรื่อง


เขามักอ้างว่าศาสนาของเขาพิสูจน์ได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

แต่ถ้าเราวิเคราะห์ดูแล้ว  ชาดกที่อยู่ในพระไตปิฎกทั้ง547ชาติมันเป็นไปได้หรือไม่
คนเราไม่ได้มีอายุชาติละปีนะค่ะ
ตีอย่างต่ำว่ามีอายุซัก30ปี  30x547= 16,418ปี


สมัยก่อนพุธศักราช16,418ปี  ตัวละครในชาดกกลับมีเรื่องราวและอารยธรรมที่คล้ายคลึงกัน
มันตรงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์  ประวัติศาสตร์หรือไม่

และที่เขาบอกว่ามีเหตุมีผลสามารถพิสูจน์ได้ทางหลักการวิทยาศาสตร์
สอนให้ไม่ศรัทธาพระเจ้าเพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
แต่เขากลับอธิบายไม่ได้ว่าถ้ามีการเวียนว่ายตายเกิดจริง   แล้วก่อนการมีโลกใบนี้  ก่อนที่มนุษย์จะเกิด
พวกเขาอยู่ที่ไหน


สุดท้ายนี้

คุณคิดว่านบีของคุณเคยเกิดเป็นสัตว์หรือป่าวละ

เท่านั้นก็จบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 11, 2010, 06:45 PM โดย tatcha_jah ~♪ »
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

ออฟไลน์ FA-TI-MAH

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ถึง แม่นาง tatcha_jah ~♪

     ไอ้ที่คุณว่ามาทั้งหมดน่ะ มันเป็นข้อมูลหลังจากที่เขาสังคายนาแล้ว คือถูกดัดแปลงโดยคนรุ่นหลัง ทำให้ข้อเท็จจริงมันคลาดเคลื่อน แต่พุทธแท้ๆ เขาไม่ได้สอนเรื่องอดีตชาติ หรือการเวียนว่ายตายเกิดเลย  เจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนจะตรัสรู้ (หมายถึงได้รับวะฮีย์จากอัลลอฮ์) นั้น ตามประวัติเล่าว่า ท่านพบเทวทูตทั้ง 4 หรือก็คือ มะลาอิกัตชั้นหัวหน้าทั้ง 4 ท่าน ได้แก่ ยิบรออีล อิสรอฟีล มีกาอีล และอิซรออีล นั่นเอง
      ดิฉัน ของ คอนเฟิร์ม ค่ะว่า "สิทธัตถะเป็นนบีเพราะมีมัวะญิซาต"
    
     ฉะนั้นการกล่าวว่า "คุณคิดว่านบีของคุณเคยเกิดเป็นสัตว์หรือป่าวละ" จึงเป็นคำถามของคนที่ออกจะคิดน้อยไปหน่อยล่ะกระมังคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 11, 2010, 08:12 PM โดย FATIMAH »

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio

เอาแล้วไง ฟัตวาออกมาแล้ว

แล้วที่บอกว่าตำราเกี่ยวกับศาสนาพุทธเดี๋ยวมันโดนดัดแปลง สังคายนา ไม่ทราบว่าคุณ deedee ไปเอาข้อมูลข้อเท็จจริงข้อมูลที่เป็นพุทธแท้ๆ มาจากไหนละครับ

ผมจะได้ไปลองหาศึกษาดูบ้าง

ออฟไลน์ FA-TI-MAH

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

เอาแล้วไง ฟัตวาออกมาแล้ว

แล้วที่บอกว่าตำราเกี่ยวกับศาสนาพุทธเดี๋ยวมันโดนดัดแปลง สังคายนา ไม่ทราบว่าคุณ deedee ไปเอาข้อมูลข้อเท็จจริงข้อมูลที่เป็นพุทธแท้ๆ มาจากไหนละครับ

ผมจะได้ไปลองหาศึกษาดูบ้าง

โปรดไปดูในหนังสือ ...

1.  "พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า" โดย "จามเช็ด"

2.  หนังสือ "อิสลามศาสนาแห่งสากลโลก"

3.  หนังสือ "นบีมุฮัมมัีดในคัมภีร์พระเวทและคัมภีร์ปุราณะ"  แปลโดย อ.บรรจง

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio

......
.......
   อนึ่ง มีผู้เขียนหนังสือเรื่อง "พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า" แปลโดย "จามเช็ด" จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นนบี ซึ่งมีอัลลอฮ์เป็นเจ้า ผู้ทรงประทานวะฮีย์นั้นให้
.......
.......
จาก http://www.kledthaishopping.com/product-th-467573-250323-พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า.html บอกไว้ว่า
รายละเอียด: แต่งโดย จามเช็ด เค. ฟอสดาร์
แปลโดย วิเชียร แก่นทองหลาง

อ้างถึง
เนื่องจากมีการอ้างอิงคัมภีร์ศาสนาพุทธอย่างกว้างขวางเพื่อสนับสนุนงานนิพนธ์ ดังนั้นโดยพื้นฐาน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นงานเขียนด้านธรรมมะ ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเรื่องที่ชี้ชวนให้ลองศึกษา อย่างไรก็ตาม เนื้อหาที่ผู้เขียนนำเสนอ ซึ่งแสดงโดยชัดแจ้งให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายและชะตากรรมของมวลมนุษยชาติในแง่มุมของศาสนานั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในความรู้สึกของมนุษย์ เนื้อหายังได้รวมรายละเอียดครอบคลุมถึงผลสำเร็จของมนุษย์ ทั้งในเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม

มั่นใจได้ไงว่าคำภีร์ที่เป็นแหล่งอ้างอิงจะเป็นคำภีร์ที่เขียนมาจากสิทธัตถะจริงๆ ไม่ได้ถูกสังคายนา

และก็คัมภีร์พระเวทและ็คัมภีร์ปุราณะที่ผมทราบมามันเป็นหนังสือของฮินดูเขา เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้

อินชาอัลลอฮ เสารนี้ผมจะม. ธรรมศาสตร์ จะลองเข้าหอป๋วยไปหาหนังสือพวกนี้ดู หรือถ้าพี่น้องทราบว่าหอสมุดที่ไหนมีหนังสือทั้งสามเล่มนี้ก็ช่วยบอกกล่าวกันหน่อยละกัน

ถ้าไม่เป็นการลำบากก็อยากให้ FATIMAH ใบ้สักหน่อยนึงว่าเรื่องที่เกี่ยวกับซิฟัตนบี คำสอนพระเจ้าองค์เดียว ปฏิเสธเรื่องราวในชาดกที่เกี่ยวกับกลับชาติมาเกิิด นั้นอยู่ในเล่มไหนหน้าไหน

และก็ ถ้าสิทธัตถะเป็นนบีหรือเป็นรอซุลมันจะทำไมกับตัวเราเหรอ

ออฟไลน์ FA-TI-MAH

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
        ในศาสนาพุทธ คำว่า "พุทธ" (Buddha)  หมายถึง "นบี, ผู้รู้แจ้ง"  คำว่า "อันติมพุทธ" (Antim Buddha) หมายถึง "นบีสุดท้าย" ก่อนที่พระพุทธเจ้า (เคาตมพุทธ) จะเสียชีวิต ท่านได้ให้คำทำนายแก่ "นันทะ" สานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดของท่านว่า

        "โอ้ นันทะ ฉันมิได้เป็น "พุทธ" (นบี) คนแรก ในโลกนี้ และฉันก็ไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย วันข้างหน้าจะมี "พุทธ" (นบี) ท่านหนึ่งปรากฏขึ้นในโลกนี้ซึ่งจะมาสอนสัจธรรม (อิ้ลมุนหะกีกี) และการทำทาน (ซะกาต) เขาเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์และสูงส่ง หัวใจของเขาจะสะอาด เขาจะมีความรู้วิทยปัญญา เขาจะเป็นผู้นำและผู้ชี้ทางมนุษย์ทั้งมวล เขาจะสอนสัจธรรมเช่นเดียวกับที่ฉันได้สอนสัจธรรม  เขาจะให้แนวทางดำเนินชีวิตแก่โลก ซึ่งจะสะอาดบริสุทธิ์และสมบูรณ์ในเวลาเดียวกัน นันทะเอ๋ย ชื่อของเขาคือ "ไมเตรยะ"    
                                              (Gospel of Buddha by Carus,p.217)

        ตามหลักนิรุกติศาสตร์ คำว่า "พุทธ" หมายถึงคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากวิทยญาณ ดังนั้น วอร์เรน (Warren) จึงกล่าวไว้ในหนังสือ Muhammad in the Buddhist Scriptures (มุฮัมมัดในคัมภีร์ของชาวพุทธ) หน้า 1 ว่า : "มนุษย์เท่านั้นที่สามารถจะเป็น "พุทธ" (นบี) เทพเจ้าไม่อาจเป็นได้"

ลักษณะของ "พุทธ" (นบี)
        1. "พุทธ" (นบี) มาจากครอบครัวผู้ปกครองและมั่งคั่ง
        2. "พุทธ" (นบี) มีลูก
        3. "พุทธ" (นบี) มีภรรยา และครอบครัว และเป็นผู้ปกครอง
        4. "พุทธ" (นบี) ใช้ชีวิตปกติของตนเองอย่างสมบูรณ์ (Warren, Muhammad in the Buddhist Scriptures, หน้า 79)
        5. "พุทธ" (นบี) ทำงานของตนเอง (The Dhammapada. (ธัมปทา) S.B.E. เล่ม 10 หน้า 67)
        6. "พุทธ" (นบี) เป็นผู้เผยแผ่ และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้เผยแผ่ "ตถาคต (พุทธ) เป็นเพียงผู้เผยแผ่" (The Dhammapada. (ธัมปทา) S.B.E. เล่ม 10 หน้า 67)
        7. เมื่อ"พุทธ" (นบี) แยกตัวไปปลีกวิเวก พระเจ้าได้ส่งมลาอิกะห์และญินมายังท่าน (Saddharma Pundrika (สัทธรรม  ปุณทริกา)  S.B.E. เล่ม 10 หน้า 225)
        8. "พุทธ" (นบี) ทุกท่าน เตือนผู้คนถึง "พุทธ" (นบี) คนก่อนๆ และได้เตือนผู้คนถึงการหลอกลวงของมารร้าย (ชัยตอน) ที่นำความหายนะและการทำลายมาโดยการส่งเสริมการทำบาป (Carus,Gospel of Buddha หน้า 254)
        9. ผู้ปฏิบัติตาม "พุทธ" (นบี) จะได้ความสมบูรณ์ พวกเขาจะไม่หลงผิด
      10. มี "พุทธ" (นบี) แค่คนหนึ่งในโลก ในเวลาหนึ่ง
      11. ลักษณะสำคัญของ  "พุทธ" (นบี) ก็คือ ท่านไม่มีครูในโลก

ลักษณะของไมเตรยะพุทธ
        1. ไมเตรยะ หมายถึง "ความเมตตา"
        2. อันติมพุทธไมเตรยะ จะมีลักษณะทุกอย่างของพุทธดังกล่างข้างต้น
        3. ไมเตรยะ จะประชุมใต้ต้นโพธิ์ ในหนังสือ Taka Kasu หน้า 213 ต้นโพธิ์มีสองประเภท คือ ต้นโพธิ์แห่งโลกนี้ และต้นโพธิ์แห่งโลกหน้า  พุทธได้ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์  ส่วนต้นโพธิ์แห่งโลกหน้าแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวางมาก หลักจากตรัสรู้แล้ว พุทธได้จ้องมองต้นโพธิ์ด้วยสายตานิ่ง
        4. เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้วกระดูกคอของพุทธแข็งแรงมาก ด้วยเหตุผลนี้เองในการหันคอของท่าน ท่านจึงได้หันทั้งร่างกาย (Dhammapada. S.B.E. เล่ม 11 หน้า 64 เชิงอรรถ)
 ดังนั้น ไมเตรยะ (นบีมุฮัมมัด ซ.ล.) จึงต้องมีลักษณะนี้ด้วย

นบีมุฮัมมัดในฐานะไมเตรยะ
        ตอนนี้เราก็สามารถตรวจสอบว่าใครที่มีลักษณะของไมเตรยะ ทั้งหมดตามคำพยากรณ์ดังกล่าว และนอกจากนั้นแล้ว ยังมีลักษณะของ "พุทธ" ทั้งหมดด้วย
        1.) พระเจ้าได้กล่าวถึงนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ว่า "และพระองค์ได้พบว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้าแล้วทรงให้เป็นที่พึ่งดอกหรือ?" (อัลกุรอาน 93 : 6)  ก่อนหน้าที่ท่านจะมาเป็นนบี ท่านก็มีรายได้มั่งคั่งอย่างเพียงพอ ท่านมีม้าหลายตัว ท่านเคยใช้อูฐที่มีชื่อเสียงตัวหนึ่ง ชื่อ "กอส วะฮ์" ท่านขี่อูฐตัวนี้เมื่อตอนท่านอพยพออกจากกมักกะห์ไปสู่มาดินะห์  ท่านมีอูฐตัวเมียอีก 20 ตัว ซึ่งท่านเอานมของมันมาใช้สำหรับเลี้ยงลูกและแขกของท่าน ท่านมีแพะตัวเมีย 7 ตัวแต่ไม่มีควาย เพราะควายไม่มีในอาราเบีย   ท่านมีสวนอินทผลัม 7 สวน แต่ท่านได้ใช้มันเป็นทาน ท่านเป็นเจ้าของที่ดิน 3 ผืน มีบ่อน้ำหลายแห่ง เราต้องอย่าลืมว่าการเป็นเจ้าของบ่อน้ำเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งในอาราเบีย เพราะน้ำเป็นสิ่งที่มีค่ามากในอาราเบีย ซึ่งเป็นแผ่นดินทะเลทราย
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 11, 2010, 09:45 PM โดย FATIMAH »

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
การเวียนว่ายตายเกิด  เป็นความเชื่อที่สืบทอดมาจากฮินดู ซึ่งมาก่อนศาสนาพุทธ แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าได้ถูกสังคยนาให้มีขึ้นในตอนหลัง

และก็ไม่เคยได้ยินว่าคำสอนของเจ้าชายสิทธะ มาลบล้างความชื่อนี้


อะกีดะฮฺอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่อง "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

คามกัณฑ์ในมหาปรินิพพานสูตร ฯ

"ดูกรอานนท์ อย่างไรเล่า ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง  มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็น ที่พึ่งอยู่ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนา  ในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ เป็นผู้มีเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก อย่างนี้แล อานนท์ ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี โดยที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่ง  อื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุของเราที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาจักปรากฏอยู่ในความเป็นยอดยิ่ง ฯ"

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗  ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต  คาถาธรรมบท ภิกขุวรรคที่ ๒๕

                      " ดูกรภิกษุ เธอนั้นผู้มีตนอันคุ้มครองแล้ว มีสติ จักอยู่เป็นสุข    ต น แ ล เ ป็ น ที่ พึ่ ง ข อ ง ต น 
                        ตนแลเป็นคติของตน เพราะเหตุนั้น ท่านจงสำรวมตน เหมือนพ่อค้าระวังม้าดีไว้ "


อะกีดะฮฺแบบนี้ขัดกับอะกีดะฮฺของเราหรือไม่

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
ที่วงเล็บนบีต่อท้ายคำว่าพุทธเนี่ยะจะสื่อถึงอะไรครับ

อ้างถึง
ลักษณะของไมเตรยะพุทธ
        1. ไมเตรยะ หมายถึง "ความเมตตา"
        2. อันติมพุทธไมเตรยะ จะมีลักษณะทุกอย่างของพุทธดังกล่างข้างต้น
        3. ไมเตรยะ จะประชุมใต้ต้นโพธิ์ ในหนังสือ Taka Kasu หน้า 213 ต้นโพธิ์มีสองประเภท คือ ต้นโพธิ์แห่งโลกนี้ และต้นโพธิ์แห่งโลกหน้า  พุทธได้ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์  ส่วนต้นโพธิ์แห่งโลกหน้าแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวางมาก หลักจากตรัสรู้แล้ว พุทธได้จ้องมองต้นโพธิ์ด้วยสายตานิ่ง
        4. เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้วกระดูกคอของพุทธแข็งแรงมาก ด้วยเหตุผลนี้เองในการหันคอของท่าน ท่านจึงได้หันทั้งร่างกาย (Dhammapada. S.B.E. เล่ม 11 หน้า 64 เชิงอรรถ)
 ดังนั้น ไมเตรยะ (นบีมุฮัมมัด ซ.ล.) จึงต้องมีลักษณะนี้ด้วย
ไหนหลักฐานที่ว่ารอซูลของเรามีลักษณะตามสี่ข้อนี้ครับ

ยังไม่ตอบผมเลย ถ้าพุทธเป็นนบีแล้วจะทำไมครับ หรือว่าเราต้องศึกษาอากีดะฮกันใหม่

ออฟไลน์ FA-TI-MAH

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เรียน ท่าน hiddenmin ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

      ที่ท่านได้กรุณาเรียนถามเดี๊ยนว่า  "พุทธเป็นนบีแล้วจะทำไมครับ หรือว่าเราต้องศึกษาอากีดะฮกันใหม่" เดี๊ยนของนำเรียนแด่ ท่าน hiddenmin ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง ว่า หากมีการค้นคว้าและพิสูจน์ได้ว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นนะบีจริงแล้ว ก็เพียงประดับความรู้ให้เราได้รับทราบว่า ในประวัติศาสตร์โลก พระเจ้าท่านส่งนบีนามว่า สิทธัตถะ แปลว่า ผู้ขอสำเร็จ มาอีกองค์หนึ่ง (แต่บ้างก็ว่าเป็นนบี ซุ้ลกิฟลี) ยิ่งไปกว่านั้น เรายังต้องศึกษาหรือค้นหาว่าทำไมศาสนาเขาถึงได้กร่อนไปเพราะสาเหตุอะไร แล้วก็เอามาเป็นอุทาหรณ์สอนใจในการใช้ป้องกันไม่ให้เกิดการกัดกร่อนศาสนาในตัวเรา และก็ในสังคมมุสลิมของเรา (ไม่ใช่ในกระดาษ เพราะว่าถ้าในตัวบุคคลมุสลิมทั้งหมดเสื่อม กระดาษที่จารึกประวัติศาสตร์ก็จะถูกปลอมไปด้วย เพราะว่าคนน่ะเขียนหนังสือในกระดาษ ไม่ใช่หนังสือเขียนคน  ศาสนาในตัวคนถ้ามันเสื่อมเขียนอะไรออกมามันก็เสื่อมไปหมด)
        ไม่รู้ว่าตรงนี้หรือเปล่าที่อิบนุตัยมียะห์เขียนระวังเรื่องบิดอะห์ในลักษณะป้องปรามแรงไป จึงเป็นช่องทางให้ลัทธิวะฮาบีย์เอามาขยายผลลงหู่ก่มกันจนสุดโต่งไปในปัจจุบันนี้ซึ่งทำลายความสามัคคีและสร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิมด้วยกัน (การสร้างความแตกแยกไม่ใช้หน้าที่ของมุสลิม เป็นหน้าที่ของอิบลีสชัยตอน อย่าไปแย่งหน้าที่มัน ) เราน่ะควรรณรงค์ให้คนในสังคมมุสลิมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตามแบบอย่างท่านนบี (ซ.ล.) จะดีกว่า

       ส่วนที่ท่านกรุณาถามว่า ไหนหลักฐานที่ว่ารอซูลของเรามีลักษณะตามสี่ข้อนี้ที่เดี๊ยนยกมาข้างต้น เดี๊ยนมีคำอธิบายแด่ท่านโดยละเอียด และสามารถคลายความสงสัยได้ทุกข้อ แต่ขอให้เดี๊ยนว่างกว่านี้อีกสักนิด เพราะเมื่อยมือตอนพิมพ์ พอหายเมื่อยเมื่อไหร่จะมาพิมพ์อธิบาย ย.ห. อย่าห่วงค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 11, 2010, 11:09 PM โดย FATIMAH »

ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
ถึงแม่นัง deedee

ถึง แม่นาง tatcha_jah ~♪
    
     ฉะนั้นการกล่าวว่า "คุณคิดว่านบีของคุณเคยเกิดเป็นสัตว์หรือป่าวละ" จึงเป็นคำถามของคนที่ออกจะคิดน้อยไปหน่อยล่ะกระมังคะ

ดิฉันว่าอะไรคุณสักคำหรือยังค่ะ


คุณเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นนบีของคุณ
ดิฉันก็เข้าใจว่านบีของคุณเคยเกิดเป็นสัตว์
เพราะพระพุทธเจ้าเคยเกิดมาตั้ง 547ชาติ
เป็นทั้งช้าง  นก  ลิง  ฯลฯ

อ่อ
แล้วที่คุณบอกว่าดิฉันคิดน้อย
คุณนั้นแหละที่คิดน้อย
ขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังสอนศาสนาพระราชบิดาและพระญาติวงศ์ที่เมืองกบิลพัสดุ์ แล้วทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ปราบพยศพระญาติวงศ์ผู้ใหญ่ที่แสดงความกระด้างกระเดื่องเกิดฝนโบกขรพรรษตกลงมาเลยทำให้พระญาติเหล่านั้นละทิฐิมานะ ถวายมนัสการแด่พระองค์โดยทั่วกัน พระสงฆ์สาวกเห็นอัศจรรย์จึงทูลถามขึ้น พระองค์ทรงตรัสว่าฝนนี้เคยตกมาก่อน
เมื่อเราเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรโพธิสัตว์พระสงฆ์ทูลอาราธนาจึงตรัสเล่าเรื่องเวสสันดรชาดก  

แสดงว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมาตั้งแต่ยังไม่นิพพานแล้ว...ย้ำ!!!ยังไม่นิพพาน
คุณน่าจะเข้าใจนะค่ะ...น่าจะศึกษาให้ดีกว่านี้แล้วค่อยมาเกรียน
อ่อ
อีกอย่างนึง...เรื่องชาดกอยู่ในคัมภีร์ไตรปิฏก...คัมภีร์เขาประกาศอยู่ท่นโท่
ว่าหลักอากีดะฮ์คือเชื่อเรื่องไม่มีพระเจ้าและมีการกลับชาติมาเกิด




นี้ขนาดมีนบีที่เคยเป็นสัตว์นะเนียะ
แล้วคนศรัทธาจะขนาดไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 11, 2010, 10:56 PM โดย tatcha_jah ~♪ »
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
เกิดมาพึ่งเคยจะได้ยิน "ซุ้ลกิฟรี"

อย่าลืมตอบคำถามนี้ด้วยละแล้วก็จะได้ถามคำถามอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน
ที่วงเล็บนบีต่อท้ายคำว่าพุทธเนี่ยะจะสื่อถึงอะไรครับ
...
....
.....

ก๊ะ tatcha_jah แนวจริงๆ รู้เรื่องอะไรแบบนี้ด้วย นึกถึงตัวเองตอนประถมไปแข่งธรรมะทางก้าวหน้าแล้วขำ

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
อันนี้ด้วยละ รีบหน่อยก็ดีเพราะอาจจะไปเย็นพรุ้งนี้เลย

....
....
ถ้าไม่เป็นการลำบากก็อยากให้ FATIMAH ใบ้สักหน่อยนึงว่าเรื่องที่เกี่ยวกับซิฟัตนบี คำสอนพระเจ้าองค์เดียว ปฏิเสธเรื่องราวในชาดกที่เกี่ยวกับกลับชาติมาเกิิด นั้นอยู่ในเล่มไหนหน้าไหน
....
....

ออฟไลน์ FA-TI-MAH

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ถึงแม่นัง deedee

ถึง แม่นาง tatcha_jah ~♪
    
     ฉะนั้นการกล่าวว่า "คุณคิดว่านบีของคุณเคยเกิดเป็นสัตว์หรือป่าวละ" จึงเป็นคำถามของคนที่ออกจะคิดน้อยไปหน่อยล่ะกระมังคะ

ดิฉันว่าอะไรคุณสักคำหรือยังค่ะ


คุณเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นนบีของคุณ
ดิฉันก็เข้าใจว่านบีของคุณเคยเกิดเป็นสัตว์
เพราะพระพุทธเจ้าเคยเกิดมาตั้ง 547ชาติ
เป็นทั้งช้าง  นก  ลิง  ฯลฯ

อ่อ
แล้วที่คุณบอกว่าดิฉันคิดน้อย
คุณนั้นแหละที่คิดน้อย
ขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังสอนศาสนาพระราชบิดาและพระญาติวงศ์ที่เมืองกบิลพัสดุ์ แล้วทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ปราบพยศพระญาติวงศ์ผู้ใหญ่ที่แสดงความกระด้างกระเดื่องเกิดฝนโบกขรพรรษตกลงมาเลยทำให้พระญาติเหล่านั้นละทิฐิมานะ ถวายมนัสการแด่พระองค์โดยทั่วกัน พระสงฆ์สาวกเห็นอัศจรรย์จึงทูลถามขึ้น พระองค์ทรงตรัสว่าฝนนี้เคยตกมาก่อน
เมื่อเราเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรโพธิสัตว์พระสงฆ์ทูลอาราธนาจึงตรัสเล่าเรื่องเวสสันดรชาดก  

แสดงว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมาตั้งแต่ยังไม่นิพพานแล้ว...ย้ำ!!!ยังไม่นิพพาน
คุณน่าจะเข้าใจนะค่ะ...น่าจะศึกษาให้ดีกว่านี้แล้วค่อยมาเกรียน
อ่อ
อีกอย่างนึง...เรื่องชาดกอยู่ในคัมภีร์ไตรปิฏก...คัมภีร์เขาประกาศอยู่ท่นโท่
ว่าหลักอากีดะฮ์คือเชื่อเรื่องไม่มีพระเจ้าและมีการกลับชาติมาเกิด




นี้ขนาดมีนบีที่เคยเป็นสัตว์นะเนียะ
แล้วคนศรัทธาจะขนาดไหน

ไอ้ที่คุณหาว่า นบี เคย เป็นสัตว์ ชาติก่อน ไม่ใช่ความเชื่อของ พุทธแท้ แต่ 547 ชาติของคุณอะไรนั่น มันเป็นความเชื่อที่ชาวทิเบต อันเป็นต้นตำรับแห่งการบิดเบือนที่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ดัดแปลงมาต่างหากเล่า ตรงนี้ เดี๊ยนก็พูดไปแล้ว แต่ทำไมคุณจึงยังเอาของปลอมมาค้านเดี๊ยนอยู่ล่ะย๊ะ

        คุณควรลองไปอ่านพระไตรปิฎกฉบับที่ยังไม่สังคายนาดูบ้าง และก็ควรหัดแปลภาษาสันสกฤตดูของแท้ ไม่ใช่เอาจากภาษามคธ ทีโคตรจะ คด เลย มาค้านเดี๊ยนย่ะ  ถ้าอ่านพระไตรปิฎกฉบับประชาชนจะได้เค้านิดๆ ว่ามีพระเจ้าแต่ไม่ชัดเจนเพราะโดนสังคายนามาตั้งแต่พุทธศักราช 925 โดยชาวกรีกที่มาสอนปั้นพุทธรูปมาทำการสอนสังคายนา

 

GoogleTagged