
وعن انس رضي الله عنه قال:سمعت رسول الله (ص)يقول:قال الله تعال,يابن ادم انك مادعوتنىورجوتنى غفرت لك علىماكان منك ولاابالى,ياابن ادم لوبلغت دنوبك عنان السماءثم استغفرتني غفرت لك ولاابالي,ياابن ادم,انك لواتيتني بقراب الارض خطاياثم لقيتني لاتشرك بي شيئا,لاتيتك بقرابهامغفرة
จากท่านอนัส(ร.ด) กล่าวว่า ฉันไดยินท่านรอซูลลุลอฮ(ซล) กล่าวว่า “อัลลอฮทรงตรัสว่า โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย ตราบใดที่พวกเจ้าขอดุอาอ์ และขอต่อข้าการอภัยโทษที่พวกเจ้าได้กระทำลงไป ซึ่งข้าก็ไม่สนว่าจะมากมายขนาดใหน โอ้ลูกหลานอาดัม ถึงแม้นว่าบาปของเจ้าจะเท่าท้องฟ้า และเจ้าก็ขออภัยโทษต่อข้า ฉะนั้นข้าจะอภัยให้แก่เจ้าและไม่สนใจว่าบาปของเจ้าจะมากมายเท่าท้องฟ้านั้น โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย หากแม้นว่าเจ้ามาหาข้าพร้อมบาปอันมากมายเท่าแผ่นโลก(ทั้งใบ) และมาหาข้าโดยปราศจากการชิริกจากข้า ดังนั้นข้าจะอภัยโทษจากบาปของเจ้าแม้นว่าจะใหญ่เท่าแผ่นโลกนั้นก็ตาม ( ติรมีซี )
-การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ละเลยต่อการกระทำสิ่งที่เป็นวายิบละหมาด(ถือว่าเป็นบาปใหญ่) ฉนั้นเขาผู้นั้นก็จะต้องขออภัยโทษต่ออัลลอฮ(ซ.บ) ถึงอดีตที่ผ่านมาด้วยการอิสติกฟารเพื่อลบล้างอดีตที่ผ่านมา ก็เป็นการเพียงพอสำหรับเขาโดยที่ไม่ต้องย้อนกลับไปทำละหมาดที่ล่วงเลยมา แต่ต้องกระทำอิสติกฟารโดยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ถ้าจะดียิ่งพร้อมทั้งน้ำตา รวมทั้งลำรึกเหตุการณ์ต่างๆและควรตระหนักว่าตัวเองนั้นกระทำผิดอย่างมหันต์ (อิสติกฟารนาซูฮา) อินชาอัลลอฮจากฮาดิษที่กล่าวมาหวังว่าอัลลอฮจะทรงประทานอภัยโทษให้กับเรา
-ประเด็นที่สำคัญก็คือจากปัจจุบันและอนาคตที่จะมาถึง ถ้าหากเราตระหนักถึงความผิดที่ผ่านมาในอดีตและอิสติคฟารแล้ว เราควรที่จะตั้งมั่นทำอาม้าล ให้สมบูรณ์ครบถ้วน เพื่อเป็นเสบียงให้กับเราในวันกิยามัต ทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่ความพยายามของแต่ละคน
-การละหมาดใดๆในช่วงเวลาที่ฮารอม คือ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตก (ในยามที่พระอาทิตย์ขึ้นเราจะมองเห็นด้วยสายเมื่ออยู่บนที่สูงจะเห็นได้ว่าดวงอาทิตย์ขึ้นแต่ยังไม่สุด โดยระหว่างขอบดวงอาทิตย์กับขอบแผ่นดิน ช่วงนี้จะใช้ระยะเวลาไม่นานกว่าดวงอาทิย์จะขึ้นโผล่จากขอบแผ่นดิน และเช่นเดียวกันกับตอนอาทิตย์ตก) เวลานี้ถือว่าเป็นเวลาที่มัคโระห้ามทำการอิบาดัต เพราะเป็นเวลาที่ชัยตอนเริ่มทำงานและใน เวลานั้นดวงอาทิตย์จะคาบเกี่ยวกับเขาของอิบลิสชัยตอน
-นี่เป็นความเห็นของกระผมเอง ผิดหรือถูกนั้นอัลลอฮนั้นผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงอภัย