ผู้เขียน หัวข้อ: การเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีนั้น ด้วยสติปัญญาหรือด้วยหลักฐาน?  (อ่าน 6982 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อายะฮ์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

การศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์ว่าพระองค์ทรงมี  โดยที่เขาจะพ้นจากการเป็นคนมุก๊อลลิตนั้น  จะต้องสติปัญญาหรือว่ารู้หลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ครับ?
สานุศิษย์

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ผมขอตอบ  จากการอธิบายหนังสือฮิกัม ที่น้อง อัล-ฟารูก ได้นำเสนอไว้นะครับ  ซึ่งมันตรงกับประเด็นที่คุณลายเคงถามครับ

และท่านก็รู้มาแล้วเช่นกันว่า  ผู้ใดที่แสวงหาความรู้  ไม่ว่าจะแขนงใดก็ตาม  โดยความรู้นั้นไม่ทำให้เขาเกิดความเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์   ในแก่นแท้ความเป็นจริง  เขาย่อมเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้(ญาฮิล)  หากแม้นว่าผู้คนจะเรียกว่าเขาเป็นผู้มีความรู้ก็ตาม

แต่ในฮิกัมนี้  ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่  ก็คือ  เมื่อได้ยืนยันแล้วว่า  ความรู้ที่ไม่อยู่พร้อมกับความเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์นั้น  ไม่ใช่ความรู้อย่างแท้จริง  แต่มันเป็นความไม่รู้หรือความโง่เขลา(ญาฮิล)   ดังนั้น  เพราะเหตุใดความไม่รู้นี้ จึงเป็นข้อยืนยัน(ฮุจญะฮ์)ในการให้โทษแก่เขา? และความไม่รู้นี้  จะยังคงถูกผ่อนปรนให้  โดยผู้ไม่รู้สามารถนำมาอ้างเพื่อขออภัยหรือขอการยกโทษให้แก่เขาได้หรือไม่?

ตอบ  ความไม่รู้หรือความเขลาประเภทนี้  ย่อมไม่มีการผ่อนปรนให้  กล่าวคือ  ผู้ที่รู้ถึงหลักข้ออ้างอันสมเหตุสมผลต่าง ๆ  แล้วเขาไม่ใส่ใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่ได้รับเหล่านั้น  แน่นอน  เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบจากการไม่ใส่ใจอันนั้น  หมายถึง  เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบความไม่รู้ของเขาต่อบรรดาผลลัพธ์ดังกล่าว  และสิ่งที่ทำให้เขาต้องรับผิดชอบนั้น  ก็เพราะว่า  เขาทราบถึงหลักสมเหตุสมผลต่าง ๆ แล้ว  เนื่องจากการมีหลักข้ออ้างอันสมเหตุสมผล  ย่อมทำให้เขาไปสู่ความเป็นผู้รู้ถึงผลลัพธ์ต่าง ๆ เหล่านั้นซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า  เขาสามารถที่จะไปสู่จุดนั้นได้  แต่เขากลับเบี่ยงเบน  เพิกเฉย และละเลยเกี่ยวกับมัน อันเนื่องมาจากอารมณ์ใฝ่ต่ำและความอคติอันโง่เขลาที่มาชักจูงเขาอยู่  

ดังนั้น  ความโง่เขลาอันนี้  ก็เป็นสาเหตุมาจากตัวของเขาเอง  เพราะฉะนั้น  เขาจึงต้องแบกรับความรับผิดชอบกับมัน

ท่านโปรดพิจารณาคำตรัสของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ที่ทรงวางบทบัญญัติข้อบังคับแก่มนุษย์ทั้งหมดว่า

    قُلِ انظُرُواْ مَاذَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَمَا تُغْنِي الآيَاتُ وَالنُّذُرُ عَن قَوْمٍ لاَّ يُؤْمِنُونَ

  ?จงประกาศเถิด  ท่านทั้งหลายจงพิจารณาเถิดว่า  อะไรบ้างที่มีอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน(ซึ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์เตือนให้ยอมจำนนในเอกานุภาพและเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์ทั้งสิ้น) และบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ (ที่แสดงถึงเอกานุภาพและเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์) และบรรดา(ศาสนทูต)ผู้ตักเตือนนั้น  ย่อมไม่ยังประโยชน์แก่กลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา?  ยูนุส 10

อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงบัญชาใช้บรรดาผู้มีสติปัญญาทั้งหมด  ให้ทำการใคร่ครวญ  พิเคราะห์ถึงมูลเหตุที่สมเหตุผลสมผลและพระองค์ก็ไม่ได้บัญชาใช้พวกเขาไปมากกว่านั้น  เพราะผู้มีสติปัญญาที่ได้ใช้สติปัญญามาศึกษาวิเคราะห์ถึงมูลเหตุอันสมผลนี้แล้ว  แน่นอนว่า  ความรู้ของเขา จักชักนำไปสู่ความมั่นใจต่อบรรดาผลลัพธ์ที่ได้รับ

ดังนั้น  จึงดูเหมือนว่า   ในขณะที่พระองค์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการพิจารณาด้วยสติปัญญาของพวกเขาว่า  อะไรบ้างหรือ? ที่อยู่ในบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดิน  แล้วพระองค์ก็ตรัสแก่พวกเขาว่า  หากพวกท่านได้กระทำสิ่งดังกล่าวแล้ว(คือพิจารณาด้วยสติปัญญา)  พวกเขาก็จะรับรู้ได้ ? ถึงกฎสัมพันธ์ระหว่างมูลเหตุอันสมเหตุสมผลกับบรรดาผลลัพธ์ที่ได้ ? ว่า  แท้จริง  ให้กับภพจักรวาลนี้มีผู้สร้างมันขึ้นมา  และผู้สร้างนั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ  ทรงความปราณีในการบริหารจัดการ  อีกทั้งทรงยุติธรรมในอำนาจคำบัญชาของพระองค์  

ดังนั้น ผู้ใดทำการวิเคราะห์ถึงมูลเหตุต่าง ๆ ของพิภพจักรวาลทั้งหลายและเขาก็มีความรอบรู้อย่างครอบคลุมเกี่ยวกับมัน  หลังจากนั้น  เขาก็หันเหออกจากสิ่งที่นำเขาไปสู่บรรดาผลลัพธ์ต่าง ๆ ในการมีของอัลเลาะฮ์  การรู้จัก(มะริฟัต) และมีความเกรงกลัวต่อพระองค์  แน่นอนว่า  เขาย่อมเป็นผู้ที่โง่เขลา  และเขาต้องรับผิดชอบจากความโง่เขลาอันนั้น  เนื่องจากตัวของเขาก็คือผู้ที่จะมาทำการตัดสินตัวของเขาเองในวันโลกหน้า  ซึ่งเป็นวันที่เขาจะได้ทราบอย่างประจักษ์ชัดตามที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า

لَقَدْ كُنتَ فِي غَفْلَةٍ مِّنْ هَذَا فَكَشَفْنَا عَنكَ غِطَاءكَ فَبَصَرُكَ الْيَوْمَ حَدِيدٌ

?แท้จริง  เจ้าเคยอยู่ในความหลงลืมต่อสิ่งนี้  แล้วเราก็เปิดผากั้นของเจ้าออกไป  ดังนั้น  การมองเห็นของเจ้าในวันนี้จึงแหลมคม(ชัดเจน)?  

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

ผมขอนำเสนอเพิ่มเติมสักนิด  จากสิ่งที่บังนูรฯ นำเสนอมานั้น  ย่อมชี้ให้เห็นว่า  การศรัทธาว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีและมุสลิมจะพ้นจากระดับขึ้นของคนมุก๊อลลิต(ผู้เลียนแบบการศรัทธาของปู่ย่าตายาย)นั้น  อัลเลาะฮ์ได้ทรงบัญชาใช้แก่ สติปัญญาและหัวใจ  ให้เราใคร่ครวญใตร่ตรอง  การที่อัลเลาะฮ์ทรงใช้ให้มนุษย์ใคร่ครวญและพิจารณานั้น  ต้องด้วยการใช้สติปัญญาและหัวใจในการพิจารณาและน้อมรับผลลัพธ์ที่ได้จากสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาใช้  ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าว  จะเกิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติหากเขาได้กระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาใช้ตามอายะฮ์อัลกุรอานข้างต้น

บางกลุ่มบอกว่า  การศรัทธาว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีนั้น  ด้วยอัลกุรอาน  ไม่ใช่ด้วยสติปัญญา  แต่เราขอชี้แจงอย่างนี้  กล่าวคือ  อัลกุรอานได้กล่าวยืนยันไว้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีจริง แต่ในขณะเดียวกันนั้น  อัลกุรอานก็ใช้ให้สติปัญญาใคร่ครวญและพิจารณาสรรพสิ่งทั้งหลายในฟากฟ้าและแผ่นดิน เพื่อเป็นสื่อและข้อยืนยันว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมี  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้สร้าง  ดังนั้น  สติปัญญาจึงเป็นสิ่งที่มาสนับสนุนและยืนยันบรรดาหลักฐานต่าง ๆ ของอัลกุรอาน

เพราะฉะนั้น  คนบ้า  วิกลจริต  คนปัญญาอ่อน  เป็นต้น  จึงไม่ถูกบังคับใช้ให้ทำการพิจารณาฟากฟ้าและแผ่นดินเพื่อยืนยันถึงการมีอัลเลาะฮ์และเพื่อให้พ้นจากความเป็นคนมุก๊อลลิต  อันเนื่องจากพวก พวกเขาไม่มีสติปัญญาที่สมบูรณ์นั่นเอง

ท่านลองพิจารณา  อีกอายะฮ์หนึ่งที่ อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

والله أخرجكم من بطون أمهاتكم لا تعلمون شيئاً، وجعل لكم السمع والأبصار والأفئدة، لعلكم تشكرون

"และอัลเลาะฮ์ทรงทำให้พวกเขาออกมาจากครรภ์มารดาของพวกเจ้า  โดยที่พวกเจ้าไม่รู้สิ่งใดเลย  และพระองค์ทรงสร้าง บรรดาการได้ยิน  บรรดาการเห็น  และบรรดาหัวใจ  เผื่อพวกเจ้าจะกตัญญูรู้คุณ"

ท่านโปรดพิเคราะห์ว่า  อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงสร้างมนุษย์มา  โดยเขาไม่รู้สิ่งใดเลย  แต่พระองค์ทรง  สร้างสื่อในการเรียนรู้และเข้าใจ  จากการได้ยิน  การได้เห็น  และหัวใจหรือสติปัญญานั่นเอง  เพื่อให้มนุษย์กตัญญูรู้คุณ  ถึงการมีผู้สร้างพวกเขา  การสร้างสัมผัสได้ยิน  ก็คือ การได้ยินได้ฟังอัลกุรอาน  การสร้างสัมผัสเห็น  ก็คือ การได้มองสัมผัสสรรพสิ่งทั้งหลายแห่งจักรวาล  และทรงสร้างหัวใจหรือสติปัญญา(ในความหมายที่เฉพาะของคำว่า"ฟูอาด") เพื่อพิจารณาใคร่ครวญและยอมรับผลจากการพิจารณาที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ว่า  พระองค์ทรงมี  ทรงให้ปัจจัยยังชีพ และอื่น ๆ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสเช่นกันว่า

ولا تقف ما ليس لك به علم، إن السمع والبصر والفؤاد كل أولئك كان عنه مسئولاً

"และเจ้าอย่าตามสิ่งที่ไม่มีความรู้แก่เจ้า แท้จริงหู  ตา และหัวใจ  ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน"

อายะฮ์นี้สอนให้เราทราบว่า  หลักการศรัทธา(อากิดะฮ์) นั้น  ต้องศรัทธาอย่างมีความรู้  ซึ่งความรู้ ณ ที่นี้ คือ  "การศรัทธารู้อย่างมั่นใจและสอดคล้องกับความเป็นจริง"  การศรัทธาด้วยตักการตักลีดเลียนแบบบรรพบุรุษนั้น  เป็นสิ่งที่ต้องห้าม  เนื่องจากเขา(คนมุก๊อลลิต) ไม่ยอมสนองคุณในการใช้ การได้ยิน  การเห็น และหัวใจหรือสติปัญญาใคร่ครวญพิจารณา ตามที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้  ดังนั้น หากเขาไม่ใช้สติปัญญาในการพิจารณาสรรพสิ่งทั้งหลายเพื่อยืนยันในการที่อัลเลาะฮ์ทรงเป็นพระเจ้าและอัลเลาะฮ์ทรงมีนั้น  แน่นอนเหลือว่า  เขาย่อมเป็นผู้เนรคุณ(ไม่ชุโกร)ในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบสติปัญญาให้แก่ท่าน  และสติปัญญาหรือหัวใจของเขา  ก็จะต้องถูกถามในวันโลกหน้า  เพราะฉะนั้น  หากท่านถูกลงโทษ ก็เพราะสาเหตุมาจากตัวของท่านเอง  หาใช่พระองค์จะทรงอธรรมแก่ปวงบ่าวของพระองค์แต่อย่างใด!! วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
แรกเริ่มผมจะรู้มาจากพ่อแม่ และถัดมาก็จากการเรียนรู้จาก ซีฟัต 20 และถัดมาเมือได้เรียนจากอัลกุรอ่านก็ทำให้ผมกระจ่างมากขึ้นและยากิน ครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam
แรกเริ่มผมจะรู้มาจากพ่อแม่ และถัดมาก็จากการเรียนรู้จาก ซีฟัต 20 และถัดมาเมือได้เรียนจากอัลกุรอ่านก็ทำให้ผมกระจ่างมากขึ้นและยากิน ครับ

ลำดับขั้นตอนผิดแล้วครับ  ความจริง  อัลกุรอานเหมือนกับลายแทง  ที่เราต้องค้นหาความเชื่อมั่นศรัทธา  ความเชื่อมั่นศรัทธา  มันเป็นเรื่องของสติปัญญาและหัวใจ  ดังนั้นความเชื่อมั่นศรัทธาในอัลกุรอานจะไม่เป็นผล  นอกจากต้องใช้สติปัญญาและหัวใจ  ทำการยืนยันในการเชื่อมั่น  ฉะนั้น  คนอาหรับที่ไม่ใช่มุสลิมหรือนักบูรพาคดี  เขาอ่านอัลกุรอานได้และรู้ความหมาย  แต่พวกเขาไม่เชื่อในอัลลอฮ์องค์เดียว  เพราะเขาไม่ใช่สติปัญญาและหัวใจในการใตร่ตรองและเชื่อ  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความยากินและเชื่อมั่น 

ท่านลองพิจารณา  อีกอายะฮ์หนึ่งที่ อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

والله أخرجكم من بطون أمهاتكم لا تعلمون شيئاً، وجعل لكم السمع والأبصار والأفئدة، لعلكم تشكرون

"และอัลเลาะฮ์ทรงทำให้พวกเขาออกมาจากครรภ์มารดาของพวกเจ้า  โดยที่พวกเจ้าไม่รู้สิ่งใดเลย  และพระองค์ทรงสร้าง บรรดาการได้ยิน  บรรดาการเห็น  และบรรดาหัวใจ  เผื่อพวกเจ้าจะกตัญญูรู้คุณ"

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสเช่นกันว่า

ولا تقف ما ليس لك به علم، إن السمع والبصر والفؤاد كل أولئك كان عنه مسئولاً

"และเจ้าอย่าตามสิ่งที่ไม่มีความรู้แก่เจ้า แท้จริงหู  ตา และหัวใจ  ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน"

ดังนั้น  ผู้ใดที่ไม่ใช้สติปัญญาทำการใคร่ครวญสรรพสิ่งทั้งหลายเพื่อนำไปสู่การรู้จักอัลเลาะฮ์   ก็แสดงว่าเขากำลังเนรคุณ(ไม่ชุโกร) ต่อเนี๊ยะอฺมัตสติปัญญาที่พระองค์ทรงประทานให้  และถือว่าเขากำลังกลายเป็นคนที่ไม่รู้หรือโง่เขลาตามหลักการของอะกีดะฮ์อิสลาม

ฉะนั้น  ความไม่รู้หรือความเขลาประเภทนี้ ย่อมไม่มีการผ่อนปรนให้ กล่าวคือ ผู้ที่รู้ถึงหลักข้ออ้างอันสมเหตุสมผลต่าง ๆ (คือสรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นมาใหม่ และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น  ต้องมีผู้สร้าง และผู้ที่สร้าง  ก็คืออัลเลาะฮ์ตาอาลา) แล้วเขาไม่ใส่ใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่ได้เหล่านั้น แน่นอน เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบจากการไม่ใส่ใจอันนั้น หมายถึง เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบความไม่รู้ของเขาต่อบรรดาผลลัพธ์ดังกล่าว และสิ่งที่ทำให้เขาต้องรับผิดชอบนั้น ก็เพราะว่า เขาทราบถึงหลักสมเหตุสมผลต่าง ๆ แล้ว เนื่องจากการมีหลักข้ออ้างอันสมเหตุสมผล ย่อมทำให้เขาไปสู่ความเป็นผู้รู้ถึงผลลัพธ์ต่าง ๆ เหล่านั้นซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาสามารถที่จะไปสู่จุดนั้นได้ แต่เขากลับเบี่ยงเบน เพิกเฉย และละเลยเกี่ยวกับมัน อันเนื่องมาจากอารมณ์ใฝ่ต่ำและความอคติอันโง่เขลาที่มาชักจูงเขาอยู่

ดังนั้น ความโง่เขลาอันนี้ ก็เป็นสาเหตุมาจากตัวของเขาเอง เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องแบกรับความรับผิดชอบกับมัน

ท่านโปรดพิจารณาคำตรัสของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ที่ทรงวางบทบัญญัติข้อบังคับแก่มนุษย์ทั้งหมด  ซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานความว่า

أَوَلَمْ يَنْظُرُوا فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ

 "และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185

พระองค์ทรงตรัสว่า

قُلْ سِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَانْظُرُوا كَيْفَ بَدَأَ الْخَلْقَ

"จงประกาศเถิด  พวกเจ้าจงจาริกไปในแผ่นดินเถิด  แล้วจงพิจารณาว่า  พระองค์ทรงบังเกิดสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างไร?" อัลอังกะบูต 20

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

قُلِ انظُرُواْ مَاذَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَمَا تُغْنِي الآيَاتُ وَالنُّذُرُ عَن قَوْمٍ لاَّ يُؤْمِنُونَ

"จงประกาศเถิด ท่านทั้งหลายจงพิจารณาเถิดว่า อะไรบ้างที่มีอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน(ซึ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์เตือนให้ยอมจำนนในเอกานุภาพและเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์ทั้งสิ้น) และบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ (ที่แสดงถึงเอกานุภาพและเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์) และบรรดา(ศาสนทูต)ผู้ตักเตือนนั้น ย่อมไม่ยังประโยชน์แก่กลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา" ยูนุส 10

อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงบัญชาใช้บรรดาผู้มีสติปัญญาทั้งหมด ให้ทำการใคร่ครวญ พิเคราะห์ถึงมูลเหตุที่สมเหตุผลสมผลและพระองค์ก็ไม่ได้บัญชาใช้พวกเขาไปมากกว่านั้น เพราะผู้มีสติปัญญาที่ได้ใช้สติปัญญามาศึกษาวิเคราะห์ถึงมูลเหตุอันสมผลนี้แล้ว แน่นอนว่า ความรู้ของเขา จักชักนำไปสู่ความมั่นใจต่อบรรดาผลลัพธ์ที่ได้รับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
salam
แรกเริ่มผมจะรู้มาจากพ่อแม่ และถัดมาก็จากการเรียนรู้จาก ซีฟัต 20 และถัดมาเมือได้เรียนจากอัลกุรอ่านก็ทำให้ผมกระจ่างมากขึ้นและยากิน ครับ

ซีฟัต 20 ก็เอามาจากอัลกุรอาน  มีหลักฐานระบุจากอัลกุรอานที่เด็ดขาดและชัดเจน  คุณ yala ลองพูดซิครับว่า  ซีฟัต 20 ไม่ได้มีหลักการจากอัลกุรอาน  ไม่งั้นคุณถูกฮุกุ่มจากเราบ้างเป็นแน่  (เอ...? ถูกฮุกุ่มมัรตัดใหมครับที่ว่าซีฟัต 20 ไม่ได้เป็นคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ในอัลกุรอาน??)  no:
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
เอะอะ อะไรก็ท้าตีท้าต่อย ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยว่า ซีฟัต 20 นั้นมันผิด แค่เป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับวิวัฒนาการการเรียนของผมที่เกี่ยวกับชื่อกะทู้ที่ตั้งไว้
การอธิบายซีฟัต 20 ของบางโต๊ะครูจะใช้ อายัต อัลกุรอ่านและอัลฮะดิษที่สานัตเป็นหลัก
และบางโต๊ะครูจะใช้ปัญญาล้วนๆ อันนี่แหละที่ผมได้เรียนมา จากเด็กจนโต และที่ว่ามันผิดขั้นตอน นั้น คุณเรียนตัฟซีรอัลกุรอ่านตั้งแต่เด็กเลยหรือ ....

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
การอธิบายซีฟัต 20 ของบางโต๊ะครูจะใช้ อายัต อัลกุรอ่านและอัลฮะดิษที่สานัตเป็นหลัก
และบางโต๊ะครูจะใช้ปัญญาล้วนๆ อันนี่แหละที่ผมได้เรียนมา จากเด็กจนโต และที่ว่ามันผิดขั้นตอน นั้น คุณเรียนตัฟซีรอัลกุรอ่านตั้งแต่เด็กเลยหรือ """"""""""

ครับบัง โตะคณุแต่ละคนมีความรู้ไม่เท่าเทียมกัน  บังก็ต้องแยกแยะนะครับอย่าเหมารวมทั้หมด


เรื่องซีฟัตยีสิบนั้นผมท่องจนเมื่อยปากครับ  เพราะโตะครูบอกผมว่า ถือว่าเป็นเรื่อง จำเป็นมากที่เราต้องรู้จักในคุณลักษณะของอัลเลาะอันดับแรกเสียก่อนหลังจากปฏิญาณตน

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
แต่ที่หนักขึ้นมาหน่อก็คือ โต๊ะครูที่บอกว่า ถ้าไม่เรียน สีฟัต 20 แล้ว ทำอามัลอีบาดัต จะไม่ถูกตอบรับ

ออฟไลน์ sa27

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 35
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
salam
การอธิบายซีฟัต 20 นั้นมีทั่งที่มองเห็น  และมองไม่เห็น  รู้สึกได้ และรู้สึกไม่ได้  แต่รับรู้และรู้จักได้ ขึ้นอยู่ที่การเข้าใจ  และการรับรู้  ถึงความรู้สึก  และการรู้ตัวที่รู้จักตัวรู้ แต่ข้อสำคัญนั้น  การรู้จักซีฟัต 20 นั้น ไม่ได้หนี้ออกนอกตัวเราเองเลยสักซีฟัต ลองพิจราณาคุณลักษณะ ในตัวให้ดี  แล้วจะจำนนด้วยกับสติปัญญาและหลักฐาน
จากผู้ต้องการรู้จักตัวที่รู้จักตัวรู้
จากผู้ที่ต้องการรู้จักตัวรู้ที่รู้จักตัวรู้

ออฟไลน์ multi

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 413
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
 salam
 ผมเข้าไม่ถึงกับข้อความของคุณsa27 ครับ     dont    get ;D

ออฟไลน์ sa27

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 35
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
salam

ลองค้นหาตัวเอง   แล้วจะเข้าใจคำว่า  รู้จักตนเองรู้จักอัลเลาะห์ 

จากผู้ต้องการรู้จักตัวที่รู้จักตัวรู้
จากผู้ที่ต้องการรู้จักตัวรู้ที่รู้จักตัวรู้

ออฟไลน์ multi

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 413
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
    salam  ลองค้นหาตัวเอง   แล้วจะเข้าใจคำว่า  รู้จักตนเองรู้จักอัลเลาะห์
             อันนี้พอเข้าใจครับ
แต่
            จากผู้ต้องการรู้จักตัวที่รู้จักตัวรู้
               อันนี้ผมงงครับ
  ผมคิดว่าบังคงอยู่แนวทางตอรี กัตเลยเขียนแบบนี้ถ้าผู้อยู่แนวทางตอรีกัตจะเข้าใจ    แต่แนวทางอื่นอาจยังเข้าไม่ถึงน่ะครับยังไงก้อธิบายหน่อยครับ
  alhamdulillah

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
 salam            ท่านนบีกล่าวว่า  ผู้ใดรู้จักตนเอง ผู้นั้นก็รู้จักอัลเลาะห์  คำๆนี้ ไม่มีใครจะเข้าใจได้ดีนอกจากตัวเองของเขา :laugh:

 

GoogleTagged