ท่านอิมาม อิบนุ อะฏออิลและฮ์ ได้กล่าวฮิกัมไว้ว่า
إِذَا أَطْلَقَ اَلثَّنَاءَ عَلَيْكَ وَلَسْتَ بِأَهْلٍ ، فَأثْنِ عَلَيْهِ بِمَا هُوَ أَهْلُهُ
ความว่า " เมื่ออัลเลาะฮฺให้มีการสรรเสริญต่อท่าน โดยที่ท่านไม่มีคุณสมบัตินั้น ท่านก็จงสรรเสริญพระองค์ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงมีคุณสมบัตินั้นเถิด "
ท่านอิบนุอะฏออิลและฮฺได้กล่าวฮิกมะฮฺนี้ เพื่อให้ท่านมีความเข้าใจและนำมาเป็นแนวทางในการป้องกันผลที่จะตามมาเมื่อมีคนได้ให้การสรรญเสริญเยินยอแก่ท่าน ดังนั้น เมื่อท่านรู้ว่าอัลเลาะฮฺทรงให้ผู้คนกล่าวสรรเสริญกับท่านในสภาพที่ท่านไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวเลย ท่านก็จงมุ่งหมายการสรรเสริญกลับไปหาอัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ผู้ทรงเพรียบพร้อมไปด้วยการบรรดาสรรญเสริญทั้งมวล
ท่านได้รู้มาแล้วว่า ผู้คนทั้งหลายไม่ได้ทำการสรรญเสริญท่าน นอกจากเสียว่าอัลเลาะฮฺทรงรักที่จะปกปิดข้อตำหนิของท่านที่คนอื่นไม่รู้ ซึ่งนั่นย่อมเป็นความเมตตา ความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้นความโปรดปรานของพระองค์ไม่ใช่อยู่ที่ผู้คนได้ให้การสรรญเสริญกับท่าน แต่ความโปรดปรานนั้นคือ การที่พระองค์ทรงปกปิดข้อบกพร่องของท่านจากผู้อื่นต่างหาก
ดังกล่าวนี้ เราสามารถแบ่งมนุษย์ออกเป็น สอง ประเภท
ประเภทที่หนึ่ง ผู้ที่คิดตระหนัก เพ่งพิศกับอัลเลาะฮฺและรู้ว่าพระองค์คือผู้ควบคุมให้เป็นไป ให้เคลื่อนไหว และผู้ทรงดลใจ
ประเภทที่สอง ผู้ที่ลืมอัลเลาะฮฺ เห็นและยึดตามเพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอก และเขาก็ถูกพันธนาการอยู่ในห่วงของมัน
ดังนั้น มนุษย์ประเภทแรก คือผู้ที่ลืมและไม่คำนึงว่าการสรรเสริญของมนุษย์อันเนื่องมาจากตัวเขา โดยเพ่งจิตมั่นต่ออัลเลาะฮฺอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นต้องกลับไปยังพระองค์ และเขาได้ทำการขอบคุณและสรรเสริญต่อพระองค์ เพราะฉะนั้น บรรดาการสรรญเสริญที่มีต่อตัวเขา ย่อมเป็นสิ่งที่มาตอกย้ำความเป็นทาสบ่าวของเขาที่มีต่อพระองค์ และยอมจำนนท์ในความบกพร่อง ความอ่อนแอและคุณลักษณะที่บกพร่องของเขาที่มีต่อพระองค์ จากนั้นก็จะเพิ่มพูนสภาวะจิตแห่งความใกล้ชิดและความศรัทธาต่อพระองค์
ส่วนคนประเภทที่สอง เขาคิดว่าการสรรญเสริญด้วยเหตุจากตัวเขาเอง โดยเพิกเฉยจากข้อตำหนิของตัวเขา และหันเหออกจากอัลเลาะฮฺ ดังนั้นการสรรเสริญที่มีต่อเขาจึงทำให้เกิดชิริกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ( الشرك الخفى ) ซึ่งอัลเลาะฮฺได้ทรงกล่าวยืนยันไว้ว่า
( وما يؤمن أكثرهم بالله وهم مشركون )
ความว่า " ส่วนมากจากพวกเขา หาได้ศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺอย่างแท้จริงไม่ นอกจากในขณะเดียวกันนั้น พวกเขาก็เป็นผู้ตั้งภาคี(ชิริกคอฟีย์ ที่อย่ภายในจิตใจ)"
วัลลอฮุอะลัม