ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบายตอนที่ 59 สูเราะฮฺ อัลหัชรุ  (อ่าน 2772 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลหัชรุ (  الحشر การชุมนุม หรือ การเนรเทศ)

เป็นสูเราะฮฺมะดะนียะฮฺมี 24 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัลฮัชรฺ (R4.)
   ซูเราะฮฺ อัลฮัชรฺ เป็นซูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ ที่ให้ความสนใจทางด้านการตราบทบัญญัติเช่นเดียวกับซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺอื่น ๆ แกนหลักของซูเราะฮฺนี้คือการกล่าวถึงสงครามบะนีอัลนะฎีรฺ ซึ่งเป็นตระกูลหนึ่งของชาวยะฮูด ที่ผิดสัญญากับท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านจึงให้พวกเขาออกจากนครอัลมะดีนะฮฺ ดังนั้นอิบนุอับบาสจึงเรียกซูเราะฮฺนี้ว่า “ซูเราะฮฺบะนีอัลนะฎีรฺ” ในซูเราะฮฺได้กล่าวถึงพวกมุนาฟิกีนที่ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับพวกยะฮูด โดยสรุปแล้วคือ ซูเราะฮฺที่เกี่ยวกับสงคราม การเสียสละและทรัพย์สินเชลย
   ซูเราะฮฺเริ่มด้วยการให้ความบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺ และแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ จักรวาลทั้งผองที่ประกอบด้วยมนุษย์ สัตว์ พืชพันธุ์และวัตถุ ต่างก็ยืนยันให้ความเป็นเอกภาพต่ออัลลอฮฺ เดชานุภาพของพระองค์และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ “สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน ต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮฺ และพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ"
   ต่อจากนั้น ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงร่องรอยบางอย่างแห่งเดชานุภาพของพระองค์และปรากฏการณ์แห่งอำนาจของพระองค์ด้วยการขับไล่พวกยะฮูดให้ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้สร้างป้อมปราการไว้อย่างแข็งแรง พวกเขามีความเชื่อมั่นว่าพวกเขามีอำนาจ มีความเข้มแข็ง ไม่มีผู้ใดจะมีอำนาจเหนือพวกเขาได้ แต่อำนาจของอัลลอฮฺและการลงโทษของพระองค์ได้มาหาพวกเขาโดยที่พวกเขามิได้คาดคิดมาก่อนเลย “พระองค์เป็นผู้ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกอะฮฺลุลกิตาบออกจากบ้านเรือนของพวกเขาเป็นครั้งแรกของการถูกไล่ออกเป็นกลุ่ม ๆ"
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงเรื่องทรัพย์สินเชลยที่ยึดมาได้ โดยชี้แจงถึงเงื่อนไขและบทบัญญัติของทรัพย์สินนั้น ๆ และได้เปิดเผยถึงเคล็ดลับในการกำหนดทรัพย์สินเชลยให้แก่ผู้ยากจนขัดสนเพื่อมิให้ผู้มั่งมีกระทบกระเทือนจิตใจ และเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างชนชั้นต่าง ๆ ในสังคม อันจะก่อให้เกิดผลดีแก่ทั้งสองฝ่าย และบรรลุถึงซึ่งผลประโยชน์ทั่วไป “และสิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงให้รอซุลของพระองค์ยึดมาได้จากชาวเมือง (พวกกุฟฟาร) เป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และรอซูลและญาติสนิท และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน"
   ซูเราะฮฺได้กล่าวสรรเสริญบรรดาสาวกของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยกล่าวถึงชื่อเสียงเกียรติยศของบรรดาชาวมุฮาญิรีน และความดีงามของบรรดาชาวอันศอร บรรดาชาวมุฮาญิรีนได้อพยพออกจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อแสดงซึ่งความรักต่ออัลลอฮฺ บรรดาชาวอันศอรได้ช่วยเหลือสนับสนุนศาสนาของอัลลอฮฺ โดยให้ความช่วยเหลือพี่น้องพวกเขาชาวมุฮาญิรีนด้วยทรัพย์สมบัติและที่พัก ทั้ง ๆ ที่พวกเขา (ชาวอันศอร) ก็ยากจนและมีความต้องการ (สิ่งที่ยึดมาได้จากพวกยะฮูด) เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสน ซึ่งถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา และทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและความยินดีของพระองค์
   ในทางตรงกันข้าม เมื่อกล่าวถึงบรรดาชาวมุฮาญิรีนและบรรดาชาวอันศอร ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงพวกมุนาฟิกีนที่สารเลว ซึ่งพวกเขาได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับพวกยะฮูด เป็นปฏิปักษ์ต่ออิสลาม โดยยกอุทาหรณ์ถึงพวกเขาที่ลักษณะคล้ายชัยฏอนที่ล่อลวงมนุษย์ให้หลงผิดและปฏิเสธศรัทธาแล้วมันก็ปลีกตัวและทำให้เขาผิดหวัง นี่คือสภาพของพวกมุนาฟิกีนกับพี่น้องของพวกเขาคือพวกยะฮูด “เจ้ามิเห็นดอกหรือว่าบรรดาผู้กลับกลอกกล่าวแก่พี่น้องของพวกเขาที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่อะฮฺลุลกิตาบว่า หากพวกท่านถูกไล่ออก แน่นอนเราก็จะออกไปพร้อมกับพวกท่านด้วย...”
   ซูเราะฮฺได้สั่งสอนบรรดามุอฺมิน ให้ระลึกถึงวันอันน่าสะพรึงกลัวในวันนั้น ซึ่งบรรพบุรุษและเครือญาติจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่เขาเลย เกียรติยศและทรัพย์สมบัติก็จะไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน และได้ชี้แจงถึงข้อแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวสวรรค์กับชาวนรก และทางกลับของบรรดาผู้มีความสุขและบรรดาผู้มรความทุกข์ในโลกแห่งความยุติธรรมและการตอบแทน “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่า อะไรบ้างที่ตนได้เตรียมไว้สำหรับวันพรุ่ง (วันกิยามะฮฺ)”
   ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการกล่าวถึงพระนามอันสวยงามของอัลลอฮฺและคุณลักษณะอันสูงส่งของพระองค์ และการให้ความบริสุทธิ์แต่พระองค์ จากลักษณะที่บกพร่องและหย่อนยาน “พระองค์คืออัลลอฮฺซึ่งมีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์” เช่นนี้แหละการเริ่มต้นของซูเราะฮฺได้สอดคล้องกัน ตอนจบ เป็นการสอดคล้องกันอย่างสวยงามยิ่ง


เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺอานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ฟังเสียงการอ่านสูเราะฮฺ อัลหัชรฺ โดย อิมาม อะลี อัลหุซัยฟีได้ที่ ลิงก์นี้

http://173.193.202.112/hthfi/059.mp3

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 1-3




คำอ่าน
1. สับบะหะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฎิ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม
2. ฮุวัลละซีอัคเราะญัลละซีนะกะฟะรู มินอะฮฺลิลกิตาบิ มิน..ดิยาริฮิม ลิเอาวะลิลหัชรฺ, มาเซาะนันตุมอัย..ยัครุญู วะซ็อน..นู..อัน..นะฮุม..มานิอะตุฮุมคุศูนุฮุม..มินัลลอฮฺ, ฟะอะตาฮุมุลลอฮุ มินหัยษุ ลัมยะหฺตะสิบู วะเกาะซะฟะฟีกุลูบิฮิมุรฺรัวะอฺบะ ยุคริบูนะบุยูตะฮุม บิอัยดีฮิม วะอัยดิลมุอ์มินีน ฟะอฺตะบิรู ยา..อุลิลอับศอรฺ
 3. วะเลาลา..อัน..กะตะบัลลอฮุอะลัยฮิมุลญะลา...อะละอัซซะบะฮุมฟิดดุนยา วะละฮุมฟิลอาคิเราะติอะซาบุน..นารฺ

คำแปล R1.
1. Whatsoever is in the heavens and whatsoever is on the earth glorifies Allah. And He is the All-Mighty, the All-Wise.
2. He it is who drove out the disbelievers among the people of the Scripture (i.e. the Jews of the tribe of Bani An-Nadir) from their homes at the first gathering. You did not think that they would get out. And they thought that their fortresses would defend them from Allah! But Allah's (torment) reached them from a place whereof they expected it not, and He cast terror into their hearts, so that they destroyed their own dwellings with their own hands and the hands of the believers. Then take admonition, O you with eyes (to see).
3. And had it not been that Allah had decreed exile for them, He would certainly have punished them in this world, and in the hereafter theirs shall be the torment of the Fire.


คำแปล R2.
1.   สรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดินล้วนถวายสดุดีพระบพิทธิคุณแด่อัลเลาะฮฺ (ทั้งสิ้น) และพระองค์ทรงอำนาจที่สุด ทรงปรีชาญาณที่สุด
2.   พระองค์ทรงให้ชาวคัมภีร์ที่ไร้ศรัทธาได้ออกมาจากบ้านเมืองของพวกเขา ในตอนเริ่มชุมนุม (เพื่อทำศึกกับฝ่ายมุสลิม)  (โอ้ชาวมุสลิมทั้งหลาย) พวกเจ้าไม่คาดคิด (มาก่อน) ว่าพวกเขาจะออกมา (เพราะพวกนั้นมีจำนวนพลมากกว่า และมีการเตรียมพร้อมที่เข้มแข็ง) และพวกเขาคาดคิดเอาว่า พวกเขานั้น ค่ายของพวกเขา (อันแข็งแกร่ง) สามารถป้องกันพวกเขาให้ปลอดภัยจาก (การลงทัณฑ์ของ) อัลเลาะฮฺได้ ดังนั้นอัลเลาะฮฺจึงทำลายล้างพวกเขาโดยพวกเขาคาดไม่ถึง และทรงประจุความหวาดกลัวไว้ในหัวใจของพวกเขา พวกเขาทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยมือของพวกเขาเอง และด้วยมือของฝ่ายศรัทธาชน ดังนั้นพวกเจ้าจงพินิจพิเคราะห์เถิด โอ้ผู้มีวิจารณญาณทั้งหลาย
3.   และหากแม้นมิใช่เพราะอัลเลาะฮฺได้ทรงลิขิตความพลัดพรากไว้แก่พวกเขาแล้ว แน่นอนที่สุดพระองค์จักทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้ และพวกเขายังต้องได้รับโทษจากนรกในโลกหน้าอีกด้วย


คำแปล R3.
1. ทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินได้สดุดีอัลลอฮฺเพราะพระองค์เท่านั้นคือผู้ทรงอำนาจและผู้ทรงปรีชาญาณ
2. พระองค์คือผู้ทรงขับบรรดาผู้ปฏิเสธในหมู่ชาวคัมภีร์ออกมาจากบ้านเรือนของพวกเขาในการบุกครั้งแรก สูเจ้าไม่คิดว่าพวกเขาจะออกไปและพวกเขาเองก็เช่นกันที่คิดว่าป้อมปราการของพวกเขาจะคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮิได้ แต่อัลลอฮฺก็ได้มายังพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน และพระองค์ได้ทรงสร้างความหวาดกลัวขึ้นในหัวใจของพวกเขาด้วยการที่พวกเขาทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของพวกเขาเองโดยมือของพวกเขาและโดยมือของบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้นสูเจ้าจงจำใส่ใจไว้โอ้ผู้มีตาที่จะดู
3. ถ้าหากอัลลอฮฺไม่ได้ทรงกำหนดการเนรเทศไว้สำหรับพวกเขา พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้แล้ว และแน่นอน ในโลกหน้านั้นมีการลงโทษในนรกสำหรับพวกเขาอยู่


คำแปล R4.
1. สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ.และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
2. พระองค์เป็นผู้ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกอะฮฺลุลกิตาบออกจากบ้าน เรือนของพวกเขา เป็นครั้งแรกของการถูกไล่ออกเป็นกลุ่มๆ พวกเจ้ามิได้คาดคิดกันเลยว่าพวกเขาจะออกไป (ในสภาพเช่นนั้น)  และพวกเขาคิดว่าแท้จริงป้อมปราการของพวกเขานั้นจะป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นจาก การลงโทษของอัลลอฮฺได้แต่การลงโทษของอัลลอฮฺได้มีมายังพวกเขาโดยมิได้คาดคิด มาก่อนเลย และพระองค์ทรงทำให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา โดยพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง และด้วยน้ำมือของบรรดามุอฺมิน จงยึดถือเป็นบทเรียนเถิด โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายเอ๋ย
3. และหากมิใช่เพราะอัลลอฮฺได้ทรงกำหนดการเนรเทศแก่พวกเขาแล้ว แน่นอนพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้ และสำหรับพวกเขาในปรโลกนั้นก็คือการลงโทษด้วยนรก


คำแปล R5.
๑. ได้ทำการแซ่ซ้องสดุดีพระบพิตรธิคุณแด่อัลเลาะห์โดยสรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดินทั้งหมด และพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด ทรงปรัชาญาณที่สุด
๒. พระองค์ทรงขับบรรดาพวกเนรคุณที่เป็นชาวคัมภีร์พวกยิวเผ่านะฎีรให้ออกไปจากหมู่บ้านของพวกเขา สำหรับการขับครั้งแรกนี้ พวกนี้ถูกขับออกจากมดีนะห์ไปอยู่ใน อัซริอาต ภายใต้ปกครองของซาม แต่เดิมพวกเผ่านะฎีรนี้ อยู่ในหมู่บ้านห่างจากมดีนะห์ ๒ ไมล์พวกนี้สืบเชื้อสายถึงนบีฮารูณ และแต่เดิมพวกเขารู้เรื่องที่จะมีนบีมาเกิดโดยศึกษาจากคัมภีร์เตารอต และพวกเขาก็เฝ้ารอคอยการมาของนบีคนใหม่ จนเมื่อนบีมุฮำมัดมาสู่มดีนะห์ พวกเขาก็ตระบัตสัตย์กับตัวเองและมีการทำสัญญาสันติภาพระหว่างฝ่ายมุสลิมกับพวกนี้ และสัญญานั้นที่จริงแล้วฝ่ายมุสลิมเสียเปรียบ แม้กระนั้นพวกนี้ก็ผิดสัญญาจนได้ ท่านนบีมุฮำมัด จึงนำทหารล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ ๒๑ วัน และขับพวกเขาออกนอกมะดีนะห์ไปอยู่ที่อื่นตามที่กล่าวแล้ว พวกเจ้าไม่คิดเลยว่าพวกนั้นจะออกไปจากหมู่บ้านนั้นเลย เพราะพวกเขามีจำนวนมาก มีอาวุธเหลือเฟือ และเข้มแข็งมาก และพวกเขาคิดว่าแท้จริงพวกเขานั้นมีค่ายของพวกเขาป้องกันพวกเขาไว้จากอัลเลาะห์ได้ จากนั้นอัลเลาะห์ได้ประทานแก่พวกเขาโดยพวกเขาคาดไม่ถึงเลย เพราะพวกเขามีมากกว่าและหมู่บ้านก็ใกล้เคียงกับพันธมิตรของพวกเขา คือพวกยิวกุรอยเซาะห์และคอยบัร ยิ่งกว่านั้นยังมีพวกมุนาฟิกีนสัญญาจะช่วยเหลืออีกมากมาย แต่ฝ่ายนบีมุฮำมัดมีจำนวนพลเพีบงกระหยิบมือเดียว แล้วฝ่ายนบีก็ได้รับชัยชนะดังกล่าวแล้ว และพระองค์ทรงประจุความหวาดกลัวไว้ในหัวใจของพวกเขา อันเนื่องมาจากสาเหตุที่หัวหน้าของพวกเขาถูกฆ่าตายในการศึกครั้งนั้น หัวหน้าชื่อ “กะอับ บิน อัซร็อฟ” ฆ่าโดย “มุฮำมัด บิน มัสละมะฮ์” กับพวกอีก ๔ คน พวกเขาทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยมือของพวกเขาเองและมือของบรรดาฝ่ายศรัทธา ดังนั้นพวกเจ้าจงวิเคราะห์เถิด โอ้ผู้มีวิจารณญาณทั้งหลาย
๓. และมาดแม้นมิใช่เพราะอัลเลาะห์ได้ทรงลิขิตแก่พวกเขาไว้แล้วให้ย้ายที่อยู่ แน่นอนพระองค์ก็ต้องลงโทษพวกเขาในโลกนี้ ให้เหมือนเช่นพวกยิวกุรอยเซาะห์ที่ถูกฆ่า ถูกจับเป็นเชลย และในโลกหน้าพวกเขาต้องได้รับการลงโทษของนรกอีก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:27 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 4-6

คำอ่าน
4. วะเลาลา..อัน..กะตะบัลลอฮุ อะลัยฮิมุลญะลา..อะ ละอัซซะบะฮุมฟิดดุนยา วะละฮุมฟิลอาคิเราะติอะซาบัน..นารฺ
5. ซาลิกะบิอัน..นะฮุม ชา...กกุลลอฮะวะเราะสูละฮู วะมัย..ยุชาก..กิลลาฮะ ฟะอิน..นัลลอฮะ ชะดีดุลอิกอบ
6. มาเกาะฏ็ออฺตุม..มินลีนะติน เอาตะร็อกตุมูฮา กอ...อิมะตัน อะลาอุศูลิฮา ฟะบิอิซนิลลาฮิ วะลิยุคซิยัลฟาสิกีน

คำแปล R1.
4. That is because they opposed Allah and his Messenger (Muhammad). And whosoever opposes Allah, and then verily, Allah is severe in punishment.
5. What you (O Muslims) cut down of the palm-trees (of the enemy), or you left them standing on their stems, it was by leave of Allah, and in order that He might disgrace the Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).
6. And what Allah gave as booty (Fai') to his Messenger (Muhammad) from them, for which you made no expedition with either cavalry or camelry. But Allah gives power to his Messengers over whomsoever He wills. And Allah is able to do all things.


คำแปล R2.
4.   นั้นเป็นเพราะพวกเขาได้ต่อต้าน (คำบัญชาของ) อัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และผู้ใดก็ตามที่ทำการต่อต้านอัลเลาะฮฺ ที่จริงแล้วอัลเลาะฮฺทรงตอบแทนโทษอย่างร้ายแรงที่สุด
5.   อันต้นอินทผลัมต้นใดที่พวกเจ้าได้ตัดมันหรือพวกเจ้าทิ้งปล่อยมันไว้ให้ยืนบนโคนลำต้นของมัน(ดังเดิม) แน่นอน นั้นเป็นไปโดยอนุมัติของอัลเลาะฮ (ทั้งสิ้น) และเพื่อพระองค์จักทรงตอบแทนบรรดาผู้ฝ่าฝืนทั้งมวล
6.   และทรัพย์สินใดที่อัลเลาะฮฺได้ทรงโปรดแก่ศาสนทูตของพระองค์จากพวกเขา (ด้วยการยึดทรัพย์ที่พวกศัตรูทิ้งไว้โดยไม่ได้ทำสงคราม พวกเจ้าย่อมไม่มีสิทธิในทรัพย์สินนั้น) เพราะว่าพวกเจ้ามิได้ควบขี่เพื่อ (การได้มาซึ่งทรัพย์สิน)นั้น ทั้งม้าและสัตว์พาหนะอื่นใด และแต่ทว่าอัลเลาะฮฺทรงประทานอำนาจแก่ศาสนทูตของพระองค์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง


คำแปล R3.
4. ทั้งหมดนี้ก็เพราะพวกเขาต่อต้านอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และใครก็ตามที่ต่อต้านอัลลอฮฺ (ควรรู้ว่า) อัลลอฮฺก็ทรงเฉียบขาดในการลงโทษ
5. ต้นอินทผลัมอะไรก็ตามที่สูเจ้าโค่นมันลงมาหรืออะไรก็ตามที่สูเจ้าปล่อยให้มันยืนต้นอยู่บนรากของมันก็โดยอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น และ (อัลลอฮฺทรงอนุมัติ) ก็เพื่อที่จะทำให้บรรดาผู้ฝ่าฝืนได้รับความอัปยศ
6. และทรัพย์สินที่อัลลอฮฺได้ทรงเอาจากพวกเขามาให้รอซูลของพระองค์นั้น มิใช่สิ่งที่สูเจ้าจะควบม้าหรืออูฐออกไปเอามันมา แต่อัลลอฮฺได้ทรงทำให้บรรดารอซูลของพระองค์มีอำนาจเหนือผู้ใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์และอัลลอฮฺทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง


คำแปล R4.
4. ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาต่อต้านอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ และผู้ใดต่อต้านอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ
5. การที่พวกเจ้าโค่นต้นอินทผลัมหรือปล่อยให้มันยืนไว้บนรากของมันนั้น เนื่องด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และเพื่อพระองค์จะทำให้บรรดาผู้ฝ่าฝืนได้รับอัปยศ
6. และสิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงให้รอซูลของพระองค์ยึดมาได้จากพวกเขา (พวกยะฮูด) พวกเจ้ามิได้เหน็ดเหนื่อยด้วยการขี่ม้าหรือขี่อูฐออกไป แต่อัลลอฮฺทรงให้บรรดารอซูลของพระองค์มีอำนาจเหนือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง


คำแปล R5.
๔. ดังกล่าวมา ที่อัลเลาะห์ทรงลงโทษผู้ละเมิดนั้นเป็นเพราะแท้จริงพวกเขาได้ขัดขืนอัลเลาะห์ และศาสนทูตของพระองค์และผู้ที่ฝ่าฝืนอัลเลาะห์จะต้องโทษอย่างแน่นอน แท้จริงอัลเลาะห์ทรงลงโทษรุนแรงยิ่ง
๕. ไม่ว่าพวกเจ้าจะตัดต้นอินทผลัมทิ้งไป หรือพวกเจ้าปล่อยมันไว้ให้ยืนอยู่บนลำต้นของมัน แน่นอนมันเป็นไปอย่างนั้นได้โดยอนุมัติของอัลเลาะห์นั่นเอง และเพื่อพระองค์ทรงตอบแทนแก่บรรดาพวกทรชนที่สับปลับ
๖. และสิ่งใดที่อัลเลาะห์ได้ทรงโปรดปรานแก่ศาสนทูตของพระองค์ ด้วยการริบทรัพย์สินจากพวกเขามาเป็นของศาสนทูต ที่จริงแล้วพวกเจ้ามิได้ควบขี่เพื่อการนั้นเลย ทั้งม้าและบรรดาพาหนะอื่นใดก็ตาม เพราะการริบทรัพย์สินของพวกเผ่านะฎีร นั้น ไม่ได้ทำการต่อสู้กันเลย และแต่ทว่าอัลเลาะห์ทรงประทานอำนาจแก่บรรดาศาสนทูตของพระองค์บนสิ้งที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะห์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 7-8

คำอ่าน
7. มาอะฟา..อัลลอฮุ อะลาเราะสูลิฮี มินอะฮฺลิลกุรอ ฟะลิลลาฮิ วะลิรฺเราะสูลิ วะลิซิลกุรบา วัลยะตามา วัลมะสากีนิ วับนิสสะบีลิ กัยลายะกูนะดูละตัม..บัยนัลอัฆนิยา...อิมิน..กุม, วะมา..อาตากุมุรฺเราะสูลุ ฟะคุซูฮุ วะมานะฮากุมอันฮุ ฟัน..ตะฮู วัตตะกุลลอฮฺ อิน..นัลลอฮะชะดีดุลอิกอบ
8. ลิลฟุเกาะรอ..อิลมุฮาญิรีนัลละซีนะอุคริญู มิน..ดิยาริฮิม วะอัมวาลิฮิม ยับตะฆูนะฟัฎลัม..มินัลลอฮิ วะริฎวาเนา..วะยัน..ศุรูนัลลอฮะ วะเราะสูละฮฺ อุลา...อิกะฮุมุศศอดิกูน

คำแปล R1.
7. What Allah gave as booty (Fai') to his Messenger (Muhammad) from the people of the townships, - it is for Allah, his Messenger (Muhammad), the kindred (of Messenger Muhammad), the orphans, Al-Masakin (the poor), and the wayfarer, in order that it may not become a fortune used by the rich among you. and whatsoever the Messenger (Muhammad) gives you, take it, and whatsoever he forbids you, abstain (from it) , and fear Allah. Verily, Allah is severe in punishment.
8. (And there is also a share in this booty) for the poor emigrants, who were expelled from their homes and their property, seeking bounties from Allah and to please Him. And helping Allah (i.e. helping his religion) and his Messenger (Muhammad). Such are indeed the truthful (to what they say);-


คำแปล R2.
7. ทรัพย์สินใดที่อัลเลาะฮฺทรงโปรดแก่ศาสนทูตของพระองค์ (โดยได้มา) จากชาวเมือง (แบบมิได้ทำการรบ) แน่นอนทรัพย์ส่วนนั้นย่อมเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺ, ของศาสนทูต, ของเครือญาตฺ(ของศาสนทูต), ของลูกกำพร้า, ของคนอนาถา และของคนเดินทาง (ที่ขัดสน) ทั้งนี้เพื่อทรัพย์สินดังกล่าวจะได้ไม่หมุนเวียนกันแต่เฉพาะคนรวย ๆ ในหมู่พวกเจ้าเท่านั้น และสิ่งใดก็ตามที่ศาสนทูตได้นำมายังพวกเจ้า พวกเจ้าก็จงยึดมันไว้เถิด ส่วนสิ่งใดที่เขาห้ามพวกเจ้าไว้มิให้กระทำมัน พวกเจ้าก็จงยุติเสีย และจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตอบแทนโทษรุนแรงเป็นที่สุด
8. (การให้ทานนั้น) สำหรับบรรดาผู้ยากไร้ที่อพยพมา ซึ่งพวกเขาถูกขับออกจากบ้านเมืองของพวกเขาและจากทรัพย์สินของพวกเขา พวกเขามีความมุ่งหวังแต่เฉพาะความโปรดปรานและความพึงพระทัยจากอัลเลาะฮฺเท่านั้น อีกทั้งพวกเขามุ่งช่วยเหลือ (ศาสนาของ) อัลเลาะฮฺ และช่วยเหลือศาสนทูตของพระองค์ พวกเหล่านั้นเป็นพวกที่มีความสัตย์จริงโดยแท้


คำแปล R3.
7. อะไรก็ตามที่อัลลอฮฺได้เอาจากพวกที่ตั้งถิ่นฐานอยู่มาให้รอซูลของพระองค์นั้นเป็นของอัลลอฮฺและรอซูลและญาติสนิทและเด็กกำพร้าและคนขัดสนและคนเดินทาง ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้ไม่หมุนเวียนอยู่ในหมู่ผู้มั่งมีของสูเจ้าเท่านั้น ดังนั้น อะไรก็ตามที่รอซูลให้สูเจ้า ก็จงรับไว้และอะไรก็ตามที่เขาห้ามสูเจ้าก็จงละเว้นเสีย จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺทรงเฉียบขาดในการลงโทษ
8. (ยิ่งไปกว่านั้น ทรัพย์สินทั้งหลาย) เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ยากจนซึ่งถูกขับไล่ออกมาจากบ้านของพวกเขาและทรัพย์สินของพวกเขา พวกเขาแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและความพอพระทัยจากพระองค์และพร้อมที่จะช่วยเหลืออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ พวกเขาเหล่านั้นคือผู้สัตย์จริง


คำแปล R4.
7. และสิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงให้ร่อซูลของพระองค์ยึดมาได้จากชาวเมือง(พวกกุฟฟาร)เป็นสิทธิของอัลลอฮฺและรอซูลและญาติสนิทและเด็กกำพร้าและผู้ขัดสนและ ผู้เดินทาง เพื่อมันจะมิได้หมุนเวียนอยู่ในระหว่างผู้มั่งมีของพวกเจ้าเท่านั้น ดังนั้นอันใดที่เราะสูลได้นำมายังพวกเจ้าก็จงยึดเอาไว้ และอันใดที่ท่านได้ห้ามพวกเจ้าก็จงละเว้นเสีย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิดแท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ
8. (สิ่งที่ยึดมาได้จากพวกยะฮูด) เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสนซึ่งถูกขับไล่ออกบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา และทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และความยินดีของพระองค์และช่วยเหลืออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้สัตย์จริง


คำแปล R5.
๗. สิ่งใดที่อัลเลาะห์ได้โปรดปรานแก่บรรดาศาสนทูตของพระองค์โดยริบมาจากชาวเมืองต่าง ๆ โดยไม่ได้ทำการรบ แน่นอนมันเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์และของศาสนทูต อีกทั้งเครือญาติของศาสนทูต บรรดาเด็กกำพร้า บรรดาคนอนาถาและผู้เดินทางโดยจัดแบ่งออกเป็นห้าส่วน สี่ส่วนมอบแก่ศาสดานำไปจัดการแจกจ่ายตามแต่พระองค์ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งส่วนให้แบ่งปันแก่บรรดาผู้ที่ระบุไว้นอกจากท่านศาสดา ทั้งนี้เพื่อทรัพย์นั้นจะได้ไม่หมุนเวียนกันอยู่แต่ระหว่างพวกคนรวยจากพวกเจ้าด้วยกันเองแล้วกีดกันบรรดาคนยากจน และสิ่งที่ศาสนาทูตได้นำมาให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงยึดมั่นไว้ และปฏิบัติโดยเคร่งครัด และสิ่งที่ศาสนทูตได้ห้ามพวกเจ้าไว้ พวกเจ้าก็จงยุติเสีย และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ แทจริงอัลเลาะห์ทรงลงโทษรุนแรงยิ่งนัก
๘. บรรดาสิ่งบริจาคนั้นจะต้องมอบให้แก่บรรดาผู้ยากไร้ซึ่งอพยพมาจากมักกะห์ซึ่งพวกเขาถูกขับออกมาจากบ้านเมืองของพวกเขาเอง และทรัพย์สินของพวกเขา โดยพวกเขามุ่งหวังความโปรดปรานจากอัลเลาะห์ และความยินดีของพระองค์ และพวกเขาช่วยส่งเสริมแนวทางของอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ พวกเหล่านั้นเป็นผู้สัตย์จริงโดยแท้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 18, 2013, 04:10 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 9

คำอ่าน
9. วัลละซีนะตะเบาวะอุดดาเราะวัลอีมานะ มิน..ก็อบลิฮิม ยุหิบบูนะ มันฮาญะเราะอิลัยฮิม วะลายะญิดูนะฟีศุดูริฮิมหาญะตัม..มิม..มา..อูตู วะยุอ์ษิรูนะอะลา..อัน..ฟุสิฮิม วะเลากานะบิฮิม เคาะศอเศาะฮฺ, วะมัย..ยูเกาะชัวะหฺหะนัฟสิฮี ฟะอุลา..อิกะฮุมุลมุฟลิหูน

คำแปล R1.
9. And those who, before them, had homes (in Al-Madinah) and had adopted the faith, love those who emigrate to them, and have no jealousy in their breasts for that which they have been given (from the booty of Bani An-Nadir), and give them (emigrants) preference over themselves, even though they were in need of that. And whosoever is saved from his own covetousness, such are they who will be the successful.

คำแปล R2.
9.และบรรดา (ชาวอันซอร) ที่พำนักอยู่ในเมือง (มะดีนะฮฺ) และมีจิตศรัทธามั่น (ในศาสนา) ก่อนหน้าพวกเขา (ชาวอพยพจะมาถึง) นั้น มีความรักต่อผู้ที่มุ่งอพยพมายังพวกเขา และพวกเขาไม่มีความต้องการ (ผลประโยชน์ใด ๆ) ในหัวใจของพวกเขาจากสิ่งที่พวกเขาพึงได้รับ (จากชาวอพยพเลย) และพวกเขาให้ความสำคัญแก่ชาวอพยพเหนือกว่าตัวของพวกเขาเองเสียอีก และมาดแม้นว่าพวกเขาจะประสบความขัดสนสักปานใดก็ตาม และผู้ใดก็ตามที่ระงับความละโมบของตัวเองไว้ได้ (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีความต้องการสิ่งนั้น) แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นผู้สมหวังโดยแท้จริง

คำแปล R3.
9. (และก็เช่นกันสำหรับ) บรรดาผู้ศรัทธาก่อนที่บรรดาผู้อพยพจะมาถึงและยังอยู่ในแผ่นดินแห่งการอพยพ พวกเขารักบรรดาผู้ที่อพยพมายังพวกเขา และไม่มีความต้องการใด ๆ ในใจของพวกเขาสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้รับ และพวกเขาเห็นคนอื่นสำคัญกว่าตัวเองถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะขัดสนอยู่ก็ตาม และคนที่ปกป้องตัวเองให้พ้นจากความโลภในตัวของเขานั้น พวกเขาคือผู้ประสบความสำเร็จโดยแท้จริง

คำแปล R4.
9. และบรรดาผู้ที่ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นครมะดีนะฮ.(ชาวอันศอร)และพวกเขา ศรัทธาก่อนหน้าการอพยพของพวกเขา(ชาวมุฮาญิรีน)พวกเขารักใคร่ผู้ที่อพยพมายัง พวกเขาและจะไม่พบความต้องการหรือความอิจฉาอยู่ในทรวงอกของพวกเขาในสิ่งที่ ได้ถูกประทานให้และให้สิทธิผู้อื่นก่อนตัวของพวกเขาเองถึงแม้ว่าพวกเขายังมี ความต้องการอยู่มากก็ตามและผู้ใดปกป้องการตระหนี่ที่อยู่ในตัวของเขาชนเหล่า นั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ

คำแปล R5.
๙. และบรรดาจำพวกอันศอรผู้ตั้งถิ่นฐานในเมืองมดีนะห์และพวกเขามีศรัทธาในอิสลามก่อนหน้าพวกนั้น-ชาวมักกะห์จะอพยพมามดีนะห์ พวกเขามีความรักบรรดาผู้ที่อพยพมายังพวกเขา และพวกเขาไม่มีความต้องการผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ จากพวกมุฮาญิรีน ในหัวใจของพวกเขาเองเลย จากทรัพย์สินที่พวกนั้นนำมา และพวกเขาให้ความสำคัญแก่ชาวมุฮาญิรีนเหนือกว่าตัวของพวกเขาเอง และแม้นพวกเขามีความจำเป็นสักปานใด พวกเขาก็ไม่สนใจ และผู้ใดรักษาตัวเองไว้มิให้ตระหนี่ แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นพวกประสบชัยชนะโดยแท้จริง

สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 10


คำอ่าน
10. วัลละซีนะญา..อู มิม..บะอฺดิฮิม ยะกูลูนะร็อบบะนัฆฟิรฺละนา วะลิอิควานินัลละซีนะสะบะกูนาบิลอีมาน วะลาตัจญอัลฟีกุลูบินา ฆิลลัลลิลละซีนะอามะนู ร็อบบะนา..อิน..นะกะเราะอูฟุรฺเราะหีม


คำแปล R1.
10. And those who came after them say: "Our Lord! Forgive us and our brethren who have preceded us in faith, and put not in our hearts any hatred against those who have believed. Our Lord! you are indeed full of kindness, Most Merciful.
คำแปล R2.
10.   และบรรดา (คนมุสลิม) ที่มาภายหลังจากพวกนั้นกล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเราได้โปรดนิรโทษแก่เราและแก่บรรดาญาติพี่น้องของเราที่ได้ล่วงหน้าเราไปแล้วในการศรัทธา และขอพระองค์อย่าบันดาลความอาฆาตแค้นในหัวใจของพวกเราให้มีต่อบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งมวล โอ้องค์อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์ทรงปราณียิ่ง พระองค์ทรงเมตตายิ่ง

คำแปล R3.
10. (และเช่นเดียวกันสำหรับ) บรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขาซึ่งกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเราโปรดประทานอภัยแก่เราและแก่พี่น้องของเราผู้เข้ารับการศรัทธาก่อนหน้าเรา และโปรดอย่าได้ทรงให้มีความเคียดแค้นใด ๆ ต่อบรรดาผู้ศรัทธาเกิดขึ้นในหัวใจของเราด้วยเถิด ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R4.
10. และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขาโดยพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราทรงโปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเราผู้ซึ่งได้ศรัทธา ก่อนหน้าเรา และขอพระองค์อย่าได้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเราแท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R5.
๑๐. และบรรดาชาวมุสลิมที่มาภายหลังจากพวกเขา ชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรตราบถึงวันกิยามะห์ พวกเขาจะกล่าววอนขอต่ออัลเลาะห์ว่า โอ้พระผู้ทรงอภิบาลของเราโปรดให้อภัยแก่พวกเราและแก่บรรดาพี่น้องของเราที่ได้ศรัทธาล่วงหน้าก่อนพวกเรา และขอพระองค์อย่าได้บันดาลไว้ในหัวใจของเราซึ่งความโกรธแค้นต่อบรรดาผู้มีศรัทธาด้วยกัน โอ้ผู้ทรงอภิบาลของเราแท้จริงพระองค์ทรงความปราณียิ่งอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 11-13

คำอ่าน
11. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะ นาฟะกูยะกูลูนะลิอิควานิฮิมุลละซีนะกะฟะรูมินอะฮฺลิลกิตาบิ ละอินอุคริจญตุม ละนัครุญัน..นะมะอะกุม วะลานุฏีอุฟีกุมอะหะดันอะบะดา, วะอิน..กูติลตุม ละนัน..ศุร็อน..นะกุม วัลลอฮุยัชฮะดุ อิน..นะฮุมละกาซิบูน
12. ละอินอุคริญู ลายัครุญูนะมะอะฮุม วะละอิน..กูติลู ลายัน..ศุรูนะฮุม ละอิน..นะเศาะรูฮุม ละยุวัลลุน..นัลอัดบารฺ, ษุม..มะลายุน..เศาะรูน
13. ละอัน..ตุมอะชัดดุเราะฮฺบะตัน..ฟีศุดูริฮิม..มินัลลอฮฺ ซาลิกะบิอัน..นะฮุมก็อวมุลลายัฟเกาะฮูน

คำแปล R1.
11. Have you (O Muhammad) not observed the hypocrites who say to their friends among the people of the Scripture who disbelieve: "(By Allah) if you are expelled, we (too) indeed will go out with you, and we shall never obey any one against you, and if you are attacked (in fight), we shall indeed help you." but Allah is witness, that they verily, are liars.
12. Surely, if they (the Jews) are expelled, never will they (hypocrites) go out with them, and if they are attacked, they will never help them. And if they do help them, they (hypocrites) will turn their backs, so they will not be victorious.
13. Verily, you (believers in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) are more awful as a fear In their (Jews of Bani An-Nadir) breasts than Allah. That is because they are a people who comprehend not (the majesty and power of Allah).


คำแปล R2.
11.   เจ้าไม่สังเกตจำพวกบรรดาสับปลับบ้างหรือ? พวกเขากล่าวกับพี่น้องชาวคัมภีร์ผู้ไร้ศรัทธาของพวกเขาว่า “ขอสาบานหากแม้นพวกท่านถูกขับไล่ออกไป (จากบ้านเมือง) เราก็จะขอออกไปพร้อมกับพวกท่านด้วย และเราจะไม่ขอน้อมภักดีต่อผู้ใดใน (การที่จะทำการขัดขวาง) พวกท่าน และหากพวกท่านถูกทำศึกพวกเราก็จะช่วยรบกับพวกท่านอย่างแน่นอน” แล้ะอัลเลาะฮฺทรงประจักษ์ว่าพวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มุสา
12.   ขอยืนยัน แท้จริงหากพวกเขา (ชาวยิว) ถูกขับออกไป (จากมะดีนะฮฺจริง) แน่นอนพวก (สับปลับ)เหล่านั้นก็จะไม่ออกไปพร้อมกับพวกเขาหรอก และหากพวกเขาถูกทำศึก พวกเหล่านั้นก็จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา (แต่ประการใด ๆ ) จนแม้หากพวกนั้นช่วยรบ (กับพวกเขาจริงตามที่พูดไว้) พวกเขาก็จะหันหลังหนี (ในขณะที่อยู่ระหว่างการรบ) แล้วภายหลัง พวกเขาก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ (ให้ชนะในการศึกเลย)
13.   แท้จริงพวกเจ้านั้นเป็นที่ครั่นคร้ามในหัวใจของพวกเขา (ชาวสับปลับ-ชาวยิว) ยิ่งกว่าอัลเลาะฮฺเสียอีก นั้นเป็นเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่เข้าใจ (อะไรเลย


คำแปล R3.
11. เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ที่ทำตัวเป็นผู้ตลบตะแลงกระนั้นหรือ? พวกเขากล่าวแก่บรรดาพี่น้องผู้ปฏิเสธของพวกเขาในหมู่ชาวคัมภีร์ว่า “ถ้าหากพวกท่านถูกขับไล่ออกไป เราก็จะออกไปกับพวกท่านด้วยและเราจะไม่ฟังผู้ใดเกี่ยวกับพวกท่าน และถ้าหากพวกท่านถูกโจมตี เราจะช่วยเหลือท่าน” แต่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก
12. ถ้าหากพวกเขาถูกขับไล่ คนเหล่านี้ก็จะไม่มีวันออกไปกับพวกเขา และถ้าพวกเขาถูกโจมตี คนเหล่านี้ก็จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา และถึงแม้พวกเขาจะช่วยเหลือคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ก็จะหันหลังหนี แล้วพวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากที่ไหนเลย
13. ในหัวอกของพวกเขานั้นมีความหวาดหวั่นสูเจ้ามากกว่าที่พวกเขามีต่ออัลลอฮฺเสียอีก ทั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นผู้ไม่มีความเข้าใจ


คำแปล R4.
11. เจ้ามิเห็นดอกหรือว่าบรรดาผู้กลับกลอกกล่าวแก่พี่น้องของพวกเขาที่ปฏิเสธ ศรัทธาในหมู่อะฮฺลุลกิตาบว่า หากพวกท่านถูกไล่ออกแน่นอนเราก็จะออกไปพร้อมกับพวกท่านด้วย และเราจะไม่เชื่อฟังปฏิบัติตามผู้ใดเป็นอันขาดเกี่ยวกับพวกท่าน และหากพวกท่านถูกโจมตีแน่นอนเราจะช่วยเหลือพวกท่าน และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่า แท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จ
12. หากพวกเขาถูกขับไล่ออกไปบรรดาผู้กลับกลอกเหล่านั้นก็จะไม่ออกไปพร้อมกับพวก เขาและถ้าพวกเขาถูกโจมตีบรรดาผู้กลับกลอกก็จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา(ยะฮูดบะนี นะฎีร)และหากบรรดาผู้กลับกลอกช่วยเหลือพวกเขาแน่นอนบรรดาผู้กลับกลอกก็จะผิน หลังหนีออกไปพวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
13. แน่นอนพวกเจ้านั้นเป็นที่หวาดเกรงในทรวงอกของพวกเขายิ่งกว่าที่พวกเขามีต่ออัลลอฮฺ ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่เข้าใจ


คำแปล R5.
๑๑. โอ้มุฮำมัด เจ้าไม่เห็นบรรดาพวกสับปลับดอกหรือ คืออับดุลเลาะฮ์ บินอุบัยย์หัวหน้ายิวในมดีนะห์ ได้ส่งคนไปบอกกับพวกยิวเผ่านะฎีรขณะที่พวกนั้นถูกล้อมโดยกองทัพมุสลิมว่า พวกเขากล่าวแก่บรรดาพี่น้องผู้เนรคุณจากชาวคัมภีร์ของพวกเขาว่า แท้จริงหากแม้นพวกเจ้าถูกเนรเทศออกไปจากเมืองของพวกท่านไปสู่เมืองอื่น แน่นอนเราก็จะออกไปพร้อมกับพวกท่านด้วย และพวกเราจะไม่เชื่อฟังผู้ใดทั้งสิ้นในการต่อต้านพวกท่านจนตลอดไป และหากพวกท่านถูกทำสงครามพวกเราก็จะช่วยพวกท่าน และอัลเลาะห์ทรงเป็นสักขีพยานว่า แท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้มุสาโดยแท้
๑๒. ขอยืนยันว่า แท้จริงหากพวกเขาถูกเนรเทศออกไปจากบ้านเมือง พวกนั้นก็จะไม่ออกไปพร้อมกับพวกเขาหรอกและหากพวกเขาถูกทำสงคราม พวกนั้นจะไม่ช่วยเหลือพวกเขาแต่ประการใด ๆ และถ้าสมมตว่าพวกนั้นช่วยพวกเขาจริงตามสัญญา พวกนั้นก็จะหันหลังหนี หลังจากนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใดเลย
๑๓. โอ้มวลมุสลิมทั้งหลาย เพราะพวกเจ้านั้น ในหัวใจของพวกเหล่านั้นมีความครั่นคร้ามต่อเจ้ายิ่งกว่าความเกรงกลัวอัลเลาะห์เสียอีก เพราะการลงโทษของอัลเลาะห์นั้นพวกเขามองไม่เห็นและรู้สึกว่าอยู่ห่างไกล ที่เป็นเช่นนี้นั้น ก็เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่มีความเข้าใจ ในหลักการที่แท้จริงว่าอัลเลาะห์เป็นพระเจ้า นบีมุฮำมัดเป็นศาสนทูต อัลกุรอานเป็นบทคัมภีร์ของอัลเลาะห์และอิสลามเป็นศาสนาที่แท้จริง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 14-17

คำอ่าน
14. ลายุกอติลูนะกุม ญะมีอัน อิลลาฟีกุร็อม..มุหัศเสาะนะติน เอามิว..วะรอ..อิญุดุรฺ บะอ์สุฮุมบัยนะฮุมชะดีด ตะหฺสะบุฮุมญะมีเอา..วะกุลูบุฮุมชัตตา ซาลิกะบิอัน..นะฮุม ก็อวมุลลายะอฺกิลูน
15. กะมะษะลิลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม เกาะรีบัน ซากูวะบาละอัมริฮิม วะละฮุมอะซาบุนอะลีม
16. กะมะษะลิชชัยฏอนิ อิซกอละลิลอิน..สานิกฟุรฺ ฟะละม..มากะฟะเราะ กอละอิน..นี..บะรี..อุม..มิน..กะ อิน..นี..อะคอฟุลลอฮะ ร็อบบัลอาละมีน
17. ฟะกานะอากิบะตุฮุมา..อัน..นะฮุมาฟิน..นาริ คอลิดัยนิฟีฮา วะซาลิกะญะซา...อุซซอลิมีน

คำแปล R1.
14. They fight not against you even together, except in fortified townships, or from behind walls. Their enmity among themselves is very great. You would think they were united, but their hearts are divided, that is because they are a people who understand not.
15. They are like their immediate predecessors (the Jews of Bani Qai nuqa', who suffered), they tasted the evil result of their conduct, and (in the hereafter, there is) for them a painful torment;-
16. (Their allies deceived them) like Shaitan (Satan), when he says to man: "Disbelieve in Allah." but when (man) disbelieves in Allah, Shaitan (Satan) says: "I am free of you, I fear Allah, the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists)!"
17. So the end of both will be that they will be in the Fire, abiding therein. Such is the recompense of the Zalimun (i.e. polytheists, wrong-doers, disbelievers in Allah and in his Oneness, etc.).


คำแปล R2.
14.   (พวกยิวและพวกมุนาฟิกเหล่านั้น) พวกเขาไม่กล้าทำศึกกับพวกเจ้าโดยพร้อมกัน (อย่างเปิดเผย) ดอก นอกจาก (จะต่อสู้อยู่) ในเมืองที่ถูกทำค่ายป้องกันไว้อย่างแข็งแรงเท่านั้น หรือจากเบื้องหลังขอกกำแพง (ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้าในสมรภูมิ) พิษสงของพวกเขา ร้ายแรงเฉพาะในระหว่างพวกเขากันเองเท่านั้น เจ้าคิดว่าพวกเขามีความพรักพร้อมสามัคคีเป็นอันดี แต่ความจริงหัวใจของพวกเขาแตกแยกกัน เป็นเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่ใช้ปัญญา
15.   (พวกยิวบะนินนะฎีรนั้น) ประดุจดังกลุ่มชาวยิว (บะนีกอยนะก้ออฺ ที่ถูกขับไปจากมะดีนะฮฺ) เมื่อก่อนหน้าพวกเขาไม่นาน ซึ่งพวกเขาได้ลิ้มรสผลลัพธ์แห่งการงานของพวกเขา (ที่ได้ประกอบแต่ความชั่วร้ายไว้) และพวกเขาจะต้องได้รับการลงโทษอันแสนสาหัส (ในวันชาติหน้า)
16.   (พวกยิวและพวกสับปลับนั้น) ประดุจเดียวกับมารร้ายเมื่อมันกล่าวยุยงกับมนุษย์ว่า “จงเนรคุณเถิด” ต่อมาเมื่อมนุษย์เนรคุณจริง มันก็พูดว่า “ข้าไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเพราะข้ากลัวอัลเลาะฮฺ ผู้ทรงอภิบาลโลกทั้งหลาย”
17.   ดังนั้นผลลัพธ์ของทั้งสองจึงอยู่ในนรกโดยนิรันดร และนั่นคือการตอบแทนบรรดาพวกทุจริตทั้งมวล


คำแปล R3.
14. พวกเขาจะไม่แห่กันออกมาต่อสู้กับสูเจ้าข้างนอก ถ้าพวกเขาจะสู้ พวกเขาก็จะสู้ในถิ่นที่ตั้งที่ได้รับการป้องกันอย่างแข็งแรง หรือไม่ก็จากหลังกำแพง พวกเขาเป็นศัตรูกันเองอย่างรุนแรง เจ้าคิดว่าพวกเขารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในขณะที่หัวใจของพวกเขาแตกแยกกัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญา
15. พวกเขาเป็นเหมือนกับบรรดาผู้ได้ลิ้มรสผลชั่วจากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไว้ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันเจ็บปวด
16. พวกเขาเป็นเหมือนกับชัยฏอนผู้สั่งมนุษย์ให้ปฏิเสธ และเมื่อมนุษย์ได้ปฏิเสธมันก็กล่าวว่า “ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกท่าน ฉันกลัวอัลลอฮฺ พระผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลกต่างหาก”
17. ดังนั้น จุดสุดท้ายของพวกเขาทั้งสองก็คือพวกเขาจะได้อยู่ในนรกตราบนิรันดรกาล และนั่นคือสิ่งตอบแทนสำหรับผู้ทำความผิด


คำแปล R4.
14. พวกเขาทั้งหมดจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้าเว้นแต่ในเมืองที่มีป้อมปราการหรือจาก เบื้องหลังของกำแพง การเป็นศัตรูระหว่างพวกเขากันเองนั้นรุนแรงยิ่งนัก เจ้าเข้าใจว่าพวกเขารวมกันเป็นปึกแผ่นแต่ (ความจริงแล้ว) จิตใจของพวกเขาแตก แยกกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ
15. (สภาพของพวกเขา) ประหนึ่งอุปมาสภาพของบรรดา (พวกยิว) ก่อนหน้าพวกเขาเพียงเล็ก น้อยซึ่งพวกเขาได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งการงานของพวกเขาและการลงโทษอันเจ็บปวดจะ ได้แก่พวกเขา
16. ประหนึ่งเช่นชัยฏอนเมื่อมันกล่าวแก่มนุษย์ว่าจงปฏิเสธศรัทธาเถิด ครั้นเมื่อเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้วมันจะกล่าวว่า แท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากท่าน แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮฺ พระเจ้าแห่งสากลโลก
17. ดังนั้นบั้นปลายของพวกเขาทั้งสองคือพวกเขาทั้งสองจะอยู่ในนรกเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล และนั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้อธรรม


คำแปล R5.
๑๔. พวกเหล่านั้น ชาวยิวและชาวมุนาฟิกีนจะไม่ทำสงครามต่อพวกเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งหมด นอกจากพวกเขาจะทำสงครามโดยพร้อมกันนั้นก็เฉพาะเมื่อเขาอยู่ในเมืองที่ถูกป้องกันอย่างแข็งแกร่ง หรือจากเบื้องหลังของกำแพงที่แข็งแรง เพราะการรบของพวกเขาในระหว่างพวกเขากันเองนั้น ร้ายกาจยิ่งนัก เจ้าจึงคิดว่าพวกเขามีความพร้อมเพรียงกัน ทั้ง ๆ ที่หัวใจของพวกเขามีแต่ความแตกแยก ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะพวกเขานั้นเป็นกลุ่มชนที่ไม่ใช้ปัญญาตริตรองสิ่งใดเลย
๑๕. พวกยิวเหล่านั้น ประดุจดังพวกยิวเผ่านะฎีร ที่กล่าวไว้ก่อนหน้าพวกเขาในเวลาอันใกล้ ที่พ้นมาในโองการก่อนพวกเขาได้ลิ้มรสภัยแห่งการงานของพวกเขา และพวกเขาได้รับการลงโทษอันทรมานยิ่ง
๑๖. และเปรียบเทียบพวกยิวที่ชอบฟังคำเสนอของพวกมุนาฟิกีน ก็ประดุจดังมารร้ายเมื่อมันกล่าวยุยงมนุษย์ว่า เจ้าจงเนรคุณเถิด ครั้นเมื่อเขาเนรคุณ มันก็กล่าวว่า แท้จริงข้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับเจ้าแล้ว เพราะแท้จริงข้ามีความเกรงกลัวอัลเลาะห์เป็นพระผู้ทรงอภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย มีระบุในหะดีษว่า มนุษย์ที่ถูกยุยงดังกล่าวได้แก่บาทหลวงของพวกยิว ซึ่งทำพิธีศาสนาอยู่ในอาศรมเป็นประจำ ต่อมามีหญิงคนหนึ่งมาขอให้เขาทำพิธีให้นางหายจากโรคที่นางเจ็บป่วยอยู่ ขณะทำการพยาบาลกันอยู่ มารร้ายก็ยุให้เข้าประเวณีกับนางจนนางตั้งครรภ์ เขากลัวความลับจะแตก มารร้ายจึงยุให้เขาฆ่านางเพื่อปิดปาก เขาก็จัดการฆ่า ครั้นแล้วมารร้ายก็นำเรื่องไปโพนทะนาแก่ประชาชนจนเกิดความเจ็บแค้นและรวมกำลังขึ้นมาเพื่อประชาทัณฑ์บาทหลวงให้ตาย มารร้ายจึงบอกกับบาทหลวงว่า ถ้ายอมกราบมันเขาจะพ้นประชาทัณฑ์ นั้นเขาก็ยอมกราบโดยดี
๑๗. ดังนั้นผลสุดท้ายของทั้งสอง ผู้ใช้ให้เนรคุณและผู้เนรคุณ แท้จริงทั้งสองก็ตกอยู่ในนรก โดยเข้าประจำอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร และนั่นแหละเป็นการตอบแทนจำพวกฉ้อฉลที่ไม่ศรัทธาอัลเลาะห์และศาสนทูต



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 18-19

คำอ่าน
18. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนุตตะกุลลอฮะ วัลตัน..ซุรฺนัฟสุม..มาก็อดดะมัดลิฆ็อด วัตตะกุลลอฮฺ อิน..นัลลอฮะเคาะบีรุม..บิมาตะอฺมะลูน
19. วะลาตะกูนูกัลละซีนะ นะสุลลอฮะ ฟะอัน..สาฮุม อัน..ฟุสะฮุม อุลา...อิกะฮุมุลฟาสิกูน

คำแปล R1.
18. O you who believe! Fear Allah and keep your duty to Him. And let every person look to what He has sent forth for the morrow, and fear Allah. Verily, Allah is All-Aware of what you do.
19. And be not like those who forgot Allah (i.e. became disobedient to Allah) and He caused them to forget their own selves, (let them to forget to do righteous deeds). Those are the Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
18.   โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งมวล จงยำเกรงอัลเลาะฮฺเถิด และแต่ละชีวิตจงพินิจพิเคราะห์ในสิ่งที่ได้กระทำล่วงพ้นไปเพื่อวันพรุ่งเถิด (ว่ากระทำอะไรไปแล้วบ้าง?) และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตระหนักที่สุด ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
19.   และพวกเจ้าอย่าได้เป็นเช่นบรรดาจำพวกที่ลืมอัลเลาะฮฺ แล้วอัลเลาะฮฺก็ทำให้พวกเขาลืมตัวเอง พวกเหล่านั้นเป็นพวกฝ่าฝืนโดยแท้


คำแปล R3.
18. โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวอัลลอฮฺและขอให้ทุกคนได้พิจารณาถึงสิ่งที่เขาได้ทำไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ จงเกรงกลัวอัลลอฮฺเถิด เพราะอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่สูเจ้าทำ
19. จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาผู้หลงลืมอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺได้ทำให้พวกเขาหลงลืมตัวเอง พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R4.
18. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ยพวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่าอะไรบ้างที่ตนได้เตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้ (วันกิยามะฮฺ) และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
19. และพวกเจ้าอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮมิฉะนั้นอัลลอฮจะทรงทำให้พวกเขาลืมตัวของพวกเขาเองชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R5.
๑๘. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์เถิด และแต่ละชีวิตจงพินิจพิเคราะห์ถึงสิ่งที่ได้กระทำผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อเตรียมตัวไว้ในวันพรุ่ง คือวันกิยามะห์ และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์เถิด เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
๑๙. และพวกเจ้าจงอย่าเป็นเช่นบรรดาจำพวกที่ลืมอัลเลาะห์ ไม่นึกถึงพระองค์ และพระองค์ก็ทำให้พวกเขาลืมตัวเอง ไม่ยอมทำการภักดีต่ออัลเลาะห์ ที่จะยังประโยชน์ให้ตนในปรภพ พวกเหล่านั้นเป็นพวกที่ทรยศโดยแท้จริง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 20-21

คำอ่าน
20. ลายัสตะวี..อัศหาบุน..นาริ วะอัศหาบุลญัน..นะฮฺ อัศหาบุลญัน..นะติฮุมุลฟา...อิซุน
21. เลาอัน..ซัลนา ฮาซัลกุรฺอานะอะลาญะบะลิลละเราะอัยตะฮู คอชิอัม..มุตะศ็อดดิอัม..มินค็อชยะติลลาฮฺ วะติลกัลอัมษาลุ นัตริบุฮาลิน..นาสิ ละอัลละฮุมยะตะฟักกะรูน

คำแปล R1.
20. Not equal are the dwellers of the Fire and the dwellers of the Paradise. It is the dwellers of Paradise that will be successful.
21. Had we sent down this Qur'an on a mountain, you would surely have seen it humbling itself and rending asunder by the fear of Allah. Such are the parables which we put forward to mankind that they may reflect.


คำแปล R2.
20. ชาวนรกและชาวสวรรค์ย่อมไม่ทัดเทียมกัน เพราะชาวสวรรค์นั้นเป็นพวกที่ประสบชัยชนะโดยแท้จริง
21. มาดแม้นเราได้ลงอัลกุรอานนี้มายังภูเขา แน่นอนเจ้าก็จะเห็นมันนอบน้อมและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะความยำเกรงอัลเลาะฮฺ และอุทาหรณ์เหล่านั้น เรายกมันมาแสดงแก่มนุษย์เพื่อพวกเขาจักได้ตริตรอง


คำแปล R3.
20. ชาวนรกและชาวสวรรค์นั้นไม่อาจเหมือนกันได้ ชาวสวรรค์เท่านั้นที่เป็นผู้ได้รับความสำเร็จที่แท้จริง
21. ถ้าหากเราได้ส่งกุรอานนี้ลงมาบนภูเขา เจ้าก็จะได้เห็นมันยอมสยบและแตกออกเป็นเสี่ยงจากความกลัวอัลลอฮฺ และนั่นเป็นการอุปมาที่เราได้นำมาแสดงให้มนุษย์ได้รู้เพื่อที่พวกเขาจะได้พิจารณา (ตัวของเขาเอง)


คำแปล R4.
20. บรรดาชาวนรกกับบรรดาชาวสวนสวรรค์นั้นไม่เหมือนกันดอก บรรดาชาวสวนสวรรค์พวกเขาเป็นผู้ได้รับความสำเร็จ
21. หากเราประทานอัลกุรอานนี้ลงมาบนภูเขาลูกหนึ่ง แน่นอนเจ้าจะเห็นมันนอบน้อมแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ เนื่องเพราะความกลัวต่ออัลลอฮฺ อุปมาเหล่านี้เราได้ยกมันมาเปรียบเทียบสำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้พิจารณา ใคร่ครวญ

 
คำแปล R5.
๒๐. ย่อมไม่ทัดเทียมกัน บรรดาชาวนรกและบรรดาชาวสวรรค์ เพราะว่าบรรดาชาวสวรรค์นั้นพวกเขาเป็นพวกที่ประสบชัยชนะ ได้ทุกสิ่งที่ตนปรารถนา
๒๑. หากว่าเราได้ลงอัลกุรอานนี้บนภูเขา แน่นอนเจ้าก็ต้องเห็นว่ามันแสดงความนอบน้อม อีกทั้งแตกสลายเนื่องเพราะความเกรงกลัวอัลเลาะห์ ดังนั้นพวกท่านจงสนใจและเอาใจใส่ในการอ่านอัลกุรอาน เพราะอัลกุรอานมีฐานันดรและพลานุภาพอันยิ่งล้น และบรรดาตัวอย่างเหล่านั้น มันยกมันขึ้นมาแด่มวลมนุษย์เพื่อพวกเจ้าจะได้ตริตรอง


สูเราะฮฺ อัลหัชรฺ อายะฮฺที่ 22-24


คำอ่าน
22. ฮุวัลลอฮุลละซีลาอิลาฮะอิลลาฮุวะอาลิมุลฆ็อยบิวัชชะฮาดะฮฺ ฮุวัรฺเราะหฺมานุรฺเราะหีม
23. ฮุวัลลอฮุลละซีลาอิลาฮะอิลลาฮู, อัลมะกุลกุดดูสุสสะลามุลมุอ์มินุลมุฮัยมินุลอะซีซุลญับบารุลมุตะกับบิรฺ สุบหานัลลอฮฺอัมมายุชริกูน
24. ฮุวัลลอฮุลคอลิกุล บาริอุล มุศ็อววิรุละฮุล..อัสมา...อุลหุสนา ยุสับบุหุละฮุมาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม


คำแปล R1.
22. He is Allah, than whom there is La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshipped but He) the All-Knower of the unseen and the seen (open). He is the Most Beneficent, the Most Merciful.
23. He is Allah than whom there is La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshipped but He) the King, the Holy, the one free from all defects, the giver of security, the watcher over his creatures, the All-Mighty, the Compeller, the Supreme. Glory be to Allah! (High is He) above all that they associate as partners with Him.
24. He is Allah, the Creator, the Inventor of all things, the Bestower of forms. To Him belong the best Names. All that is in the heavens and the earth glorify Him. And He is the All-Mighty, the All-Wise.


คำแปล R2.
22. พระองค์คืออัลเลาะฮฺพระผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ทรงรอบรู้สิ่งลี้ลับและสิ่งเปิดเผย พระองค์ทรงยิ่งในพระเมตตาธิคุณ และทรงยิ่งในพระกรุณาธิคุณ
23. พระองค์อัลลอฮฺทรงเป็นพระเจ้าซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ทรงอำนาจปกครอง ทรงมหาบริสุทธิ์ ทรงเป็นสันติภาพ ทรงประสาทสันติภาพ ทรงควบคุม ทรงอำนาจ ทรงมหิทธิผล ทรงยิ่งใหญ่ อัลเลาะฮฺทรงบริสุทธิ์เกินกว่าที่พวกเขาตั้งภาคีไว้
24. พระองค์อัลเลาะฮฺทรงบันดาล ทรงประดิษฐ์ ทรงกำหนดรูปสัณฐาน พระองค์ทรงพระนามอันไพจิต (ถึง 99 พระนาม) สรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดินต่างกล่าวสดุดีพระบพิทธิคุณแด่พระองค์ และพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด ทรงปรีชาญาณเป็นที่สุด


คำแปล R3.
22. พระองค์คืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่เร้นลับและสิ่งที่มองเห็น พระองค์เป็นผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตา
23. พระองค์คืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งความปลอดภัย ผู้ประทานความสันติ ผู้ทรงพิทักษ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปฏิบัติตนตามประกาศิต และผู้ทรงเป็นใหญ่เสมอ พระองค์ทรงบริสุทธิ์เหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับพระองค์
24. พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงวางแผนการสร้าง ผู้ทรงทำให้มันเป็นไปตามนั้น ผู้ทำให้เป็นรูปร่าง ของพระองค์คือพระนามอันประเสริฐทั้งหลาย อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดและผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R4.
22. พระองค์คืออัลลอฮซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ผู้ทรงรอบรู้สิ่ง เร้นลับและสิ่งเปิดเผยพระองค์คือผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอ
23. พระองค์คืออัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงความศานติสุข ผู้ทรงคุ้มครองการศรัทธา ผู้ทรงปกปักรักษาความปลอดภัย ผู้ทรงความยิ่งใหญ่ ภูมิใจมหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺให้พ้นจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์
24. พระองค์คืออัลลอฮผู้ทรงสร้างผู้ทรงให้บังเกิดผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่างสำหรับ พระองค์คือพระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
๒๒. พระองค์คืออัลเลาะห์ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ และสิ่งเปิดเผย พระองค์ทรงไว้ซึ่งความเมตตาอันสูงสุด ทรงไว้ซึ่งความกรุณาเป็นที่สุด
๒๓. พระองค์คืออัลเลาะห์ พระผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงปกครอง พระองค์ทรงบริสุทธิ์ พระองค์ทรงสันติภาพ พระองค์ทรงให้ความปลอดภัย พระองค์ทรงสังเกตการงานของบ่าว พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ อัลเลาะห์ทรงบริสุทธิ์สูงส่ง เกินกว่าที่พวกเขาตั้งภาคีไว้
๒๔. พระองค์คืออัลเลาะห์ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงบังเกิด ผู้ทรงกำหนดรูปทรง พระองค์ทรงมีพระนามอันไพจิตรทำการแซ่ซร้องสดุดีพระบพิตรธิคุณแด่พระองค์ โดยสรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดิน และพระองค์ทรงอำนาจมากที่สุด ทรงปรีชาญาณยิ่ง


(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ
จบสูเราะฮฺที่ 59 อัลหัชรฺ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:27 PM โดย webmaster »

 

GoogleTagged