ผู้เขียน หัวข้อ: การไม่ได้ละหมาดวันศุกร์(ที่มีคุตะบะและ2รอกาอัตเลย)..ผิดไหม  (อ่าน 6245 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป

 ;Dบ่าวของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.)
เริ่มทักทาย

 ออฟไลน์



"ด้วยพระนามของอัลเลาะฮ์...ผู้ทรงเมตตากรุณา"

  ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!! « เมื่อ: 22 มิถุนายน 50 , 20:11 » 

--------------------------------------------------------------------------------
วันศุกร์ก็ละหมาด ดุริฮ์ ปกติกนะครับ พอดีไม่ได้ไปหรอก จะเป็นบาปเหมือนกับไม่ละหมาดฟัรดูรึเปล่าครับ ให้ก็ได้ช่วยให้คำตอบที เพื่อความเข้าใจ
    บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
"กระทำความดี...ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดให้ใครอื่นรู้เห็น... อัลเลาะฮ์ (ซบ.) เท่านั้นที่ทรงรู้เห็นการกระทำของเรา"
 
 
zaaq
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 มิถุนายน 50 , 16:07 » 

--------------------------------------------------------------------------------
 

ทำไมถึงไม่ได้ไปนมาซญุมอะห์ ที่มัสยิดละครับ ไม่ใช่นมาซอย่างเดียว ยังมีการฟังคุตบะห์ ( เทศนาธรรม ) เพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจของเราเพิ่มพูนความรู้  และยังได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องมุสลิม ...

เราจะได้ประโยชน์อีกมากมายในการไปนมาซที่มัสยิด เป็นประกาศฐานะการเป็นมุสลิมให้คนในสังคมได้รับรู้ กรณีเราประสบอุบัติเหตุ เป็นการอยู่กลับญะมาอะห์  เป็นอะไรที่ดีๆอีกมากมายในการไปมัสยิด..

จริงๆแล้วรูปแบบเดิมๆเลยคือท่านนบีมุฮำหมัด  กับบรรดาซฮฮาบะห์ได้ทำการนมาซฟัรดูที่มัสยิดเป็นส่วนใหญ่ และยังได้วางแบบแผนและให้เป็นสิ่งจำเป็นแก่มุสลิมเพศชายทุกคนที่ต้องไปนมาซวันศุกร์ที่มัสยิดให้ได้  ห้ามขาดนมาซวันศุกร์ติดต่อกันเกิน 3 ศุกร์  ...

ฉะนั้นถ้าจะถามว่าผิดไหม คำตอบก็คือผิดครับ ( สำหรับเพศชาย ) ที่ไม่ยอมไปนมาซวันศุกร์ที่มัสยิด  ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคเราก็จำเป็นที่จะต้องทำลายอุปสรรคนั้นๆเพื่อไปนมาซวันศุกร์ให้ได้บ้าง  ไม่ใช่ทิ้งไปเลยเพราะนั้นเป็นสิ่งจำเป็นส่วนบุคคลที่จะต้องกระทำให้ได้..

 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
ดอกไม้หลากสีในสวนเดียวกันคือความงดงามแห่งธรรมชาติ
 
 
หนูจำมัย
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #2 เมื่อ: 24 มิถุนายน 50 , 20:04 » 

--------------------------------------------------------------------------------
ผมจะรู้ผู้รู้ยกหลักฐานมาบอกให้ครับ.....   
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
mutmainn
เริ่มคุ้นเคย

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #3 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 09:25 » 

--------------------------------------------------------------------------------

17. คนที่ไม่ละหมาดวันศุกร์ ท่านนบีกล่าวไว้ในหะดีษบันทึกโดยอิมามอะหมัดและมุสลิม ว่า

    لقد هممت أن آمر بالصلاة فتقام ، ثم أخالف إلى منازل قوم لا يشهدون الصلاة ، فأحرق علي

    ความว่า ?ฉันได้ตั้งใจที่จะสั่งให้มีอิมามทำหน้าที่แทนฉัน แล้วไปหาบ้านหรือครอบครัวคนที่บิดพลิ้วไม่ละหมาดญุมุอะฮฺเพื่อเผาบ้านเขา? (แต่นบีไม่ได้ทำ แสดงว่าท่านนบีขู่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง)

    لينتهين أقوام عن ودعهم الجمعات . أو ليختمن الله على قلوبهم

    ความว่า ?คนที่ชอบทิ้งละหมาดวันศุกร์ จะเลิกพฤติกรรมนี้ หรืออัลลอฮฺจะปิดหัวใจของเขา? คือไม่ได้รับทางนำ(ฮิดายะฮฺ)

    ในหะดีษบันทึกโดยอิมามอะหมัด ท่านนบีกล่าวว่า

    من ترك ثلاث جمع تهاونا بها طبع الله على قلبه

    ความว่า ?ใครที่ตั้งใจทิ้งละหมาดวันศุกร์สามครั้ง ด้วยปล่อยปละละเลย(ไม่ให้ความสำคัญ ไม่เอาใจใส่) อัลลอฮฺจะประทับตรา(ปิด)หัวใจของเขา? (คือไม่ได้รับฮิดายะฮฺ)

 เป็นเรื่องที่เราต้องระวัง โดยเฉพาะลูกหลานที่อยู่โรงเรียนที่ไม่ใช่มุสลิม เพราะในมัซหับชาฟิอียฺบอกว่า ละหมาดวันศุกร์ต้องมีมะอฺมูมอย่างน้อยสี่สิบคน นักเรียนที่อยู่ตามสถานศึกษาไม่ต้องละหมาดวันศุกร์เพราะไม่ครบสี่สิบคน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกหลานของเราจึงใช้ชีวิตตั้งแต่บรรลุศาสนภาวะโดยไม่ละหมาดวันศุกร์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นเยาวชนของเราบางคนเดินหน้ามัสยิดโดยไม่เข้าไปละหมาดวันศุกร์ด้วยความเคยชินและไม่เห็นความสำคัญ ดังนั้นที่ถูกต้องคือต้องละหมาดวันศุกร์ มีแค่สองคนก็ให้คุฏบะฮฺและละหมาด (ทัศนะของอุละมาอฺส่วนมากถือว่าสองคนเป็นญะมาอะฮฺแล้ว) ต้องรณรงค์ให้เยาชนของเรารักษาละหมาดวันศุกร์ สำหรับคนที่ทำงานแล้วหรือมีบริษัทของตนเองก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการละหมาดวันศุกร์ทั้งกับตนเองและคนที่อยู่ในบริษัทด้วย   



http://www.islaminthailand.com/text.php?id=299
 
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
นูรุ้ลอิสลาม
สมาชิกถาวร

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #4 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 11:44 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: mutmainn ที่  25 มิถุนายน 50 , 09:25
ดังนั้นที่ถูกต้องคือต้องละหมาดวันศุกร์ มีแค่สองคนก็ให้คุฏบะฮฺและละหมาด (ทัศนะของอุละมาอฺส่วนมากถือว่าสองคนเป็นญะมาอะฮฺแล้ว)


ท่านนบีไม่เคยละหมาดญุมุอัตนอกจาก 40 คนขึ้นไป  นั่นคือซุนนะฮ์ของท่านนบี   "พวกท่านจงละหมาดเหมือนกับที่เห็นฉันละหมาด"   ดังนั้น ท่านนบีไม่เคยละหมาดญุมอัต 2 คนเลยครับ   
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
لا إله إلا الله محمد رسول الله
 
 
นูรุ้ลอิสลาม
สมาชิกถาวร

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #5 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 12:04 » 

--------------------------------------------------------------------------------
นักศึกษามหาลัยที่สามารถไปมัสยิดได้  แล้วไม่ไปละหมาดวันศุกร์ ถือว่าผิดนะครับ
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
لا إله إلا الله محمد رسول الله
 
 
นูรุ้ลอิสลาม
สมาชิกถาวร

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #6 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 12:10 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: mutmainn ที่  25 มิถุนายน 50 , 09:25
เพราะในมัซหับชาฟิอียฺบอกว่า ละหมาดวันศุกร์ต้องมีมะอฺมูมอย่างน้อยสี่สิบคน...เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง....ดังนั้นที่ถูกต้องคือต้องละหมาดวันศุกร์ มีแค่สองคนก็ให้คุฏบะฮฺและละหมาด (ทัศนะของอุละมาอฺส่วนมากถือว่าสองคนเป็นญะมาอะฮฺแล้ว)

http://www.wahabiinthailand.com/text.php?id=299นักปราชญ์ส่วนใหญ่ที่ว่าละหมาดญุมอัต 2 คน ก็ทำได้แล้วนั้น มัซฮับใหนบ้างอ่ะครับ  เห็นบอกว่าส่วนใหญ่  แซะริดอไปเอาคำแอบอ้างนี้มาจากใหนกัน??
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
لا إله إلا الله محمد رسول الله
 
 
mutmainn
เริ่มคุ้นเคย

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #7 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 13:02 » 

--------------------------------------------------------------------------------

มีคำถามถามเชคริฎอ เชิญที่



http://www.forsanelhaq.com/forumdisplay.php?f=74 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
Al yasa
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #8 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 15:08 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ่าน    ไม๋อ้อออก     
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #9 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 16:15 » 

--------------------------------------------------------------------------------
เอ...น้องนูรุ้ลอิสลามครับ..........ชื่อเวปข้างล่างที่น้องแนะนำมานั้น       อาบังปล้ำเข้าอยู่นานแล้ว     เข้าไม่ได้ซะกะที
http://www.wahabiinthailand.com/text.php?id=299



หมายเหตุ....ที่มีครู  ท่านหนึ่งอ้างว่า.....นักปราชญ์ส่วนใหญ่.(หมายถึงในเวปไซด์ข้างบนนี้หรือปล่าวครับที่เป็นส่วนใหม่นะครับ)..ที่ว่าละหมาดญุมอัต 2 คน ก็ทำได้แล้วนั้น.......

ผมว่าคงจะหมกเม็ดตีความหมายคำว่า...ญุมอัตที่มาจากคำว่าญามาอะ ที่แปลวว่า  การรวม กัน ตั้งแต่2คนขึ้นไปเป็น   ญุมอัตที่แปลว่าวันศุกร์นะครับ.....เพราะทำให้ ..... มึนและงง...

กลับกลายเป็นว่า  ...การทำละหมาดวันศุกร์ได้นั้น  ทำได้แค่สองคนก็พอแล้วเหมือนอย่างบางทัศนะที่อ้างมา   ด้วยเอาความหมายที่ว่า..ญุมอัต..ที่แปลว่า วันศุกร์ไปผัดรวมมิตร  กับเงื่อนไขขององค์ประกอบที่ทำการละหมาดวันศุกร์ได้........ 
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
asan
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:
 
  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #10 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 19:21 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: konyakroo ที่  25 มิถุนายน 50 , 16:15
เอ...น้องนูรุ้ลอิสลามครับ..........ชื่อเวปข้างล่างที่น้องแนะนำมานั้น       อาบังปล้ำเข้าอยู่นานแล้ว     เข้าไม่ได้ซะกะที
http://www.wahabiinthailand.com/text.php?id=299



หมายเหตุ....ที่มีครู  ท่านหนึ่งอ้างว่า.....นักปราชญ์ส่วนใหญ่.(หมายถึงในเวปไซด์ข้างบนนี้หรือปล่าวครับที่เป็นส่วนใหม่นะครับ)..ที่ว่าละหมาดญุมอัต 2 คน ก็ทำได้แล้วนั้น.......
ผมว่าคงจะหมกเม็ดตีความหมายคำว่า...ญุมอัตที่มาจากคำว่าญามาอะ ที่แปลวว่า  การรวม กัน ตั้งแต่2คนขึ้นไปเป็น   ญุมอัตที่แปลว่าวันศุกร์นะครับ.....เพราะทำให้ ..... มึนและงง...
กลับกลายเป็นว่า  ...การทำละหมาดวันศุกร์ได้นั้น  ทำได้แค่สองคนก็พอแล้วเหมือนอย่างบางทัศนะที่อ้างมา   ด้วยเอาความหมายที่ว่า..ญุมอัต..ที่แปลว่า วันศุกร์ไปผัดรวมมิตร  กับเงื่อนไขขององค์ประกอบที่ทำการละหมาดวันศุกร์ได้........



......................
konyakroo  ไม่ทิ้งนิสัยเลวๆ โดยการกล่าวหาผู้อื่นเหมือนเดิม ลองมาอ่านข้างล่างนี้لا خلاف بين العلماء في، أن الجماعة شرط من شروط صحة الجمعة؛ لحديث طارق بن شهاب، أن النبي صلى الله عليه وسلم قال: "الجمعة حق واجب، على كل مسلم في جماعة". واختلفوا في العدد، الذي تنعقد به الجمعة إلى خمسة عشر مذهباً، ذكرها الحافظ في "الفتح"، والرأي الراجح، أنها تصح باثنين فأكثر؛ لقول رسول اللّه صلى الله عليه وسلم: "الاثنان فما فوقهما جماعة". قال الشوكاني: وقد انعقدت سائر الصلوات بهما بالإجماع، والجمعة صلاة، فلا تختص بحكم يخالف غيرها، إلا بدليل، ولا دليل على اعتبار عدد فيها، زائد على المعتبر في غيرها، وقد قال عبد الحق: إنه لا يثبت في عدد الجمعة حديث. وكذلك قال السيوطي: لم يثبت في شيء من الأحاديث تعيين عدد مخصوص، انتهى.
وممن ذهب إلى هذا، الطبري، وداود، والنخعي، وابن حزم
ไม่มีการขัดแย้งกันระหว่างนักวิชาการ ว่า การละหมาดรวมกัน (ญะมาอะฮ)นั้น เป็นเงื่อนไขหนึ่งจากบรรดาเงื่อนไขที่ถือว่าการละหมาดญุมอัตนั้นใช้ได้   เพราะมีหะดิษที่รายงานโดยฎอริก อิบนิ ชิฮาบ ว่าท่านนบี  กล่าวว่า " การละหมาดวันศุกร์นั้นเป็นหน้าที่ มุสลิมทุกคน โดยละหมาดรวมกัน" และพวกเขามีความเห็นขัดแย้งกันในจำนวนที่ถือว่าละหมาดญุมอัตใช้ได้ โดยมีถึง 15 ทัศนะด้วยกัน อัลหาฟิซ ได้กล่าวมันไว้ในฟัตหุ้ลบารีย์ว่า " ทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ การละหมาดในวันศุกร์นั้น  จะใช้ได้อย่างน้อยด้วยการละหมาดร่วมกันสองคนหรือมากกว่านั้น เพราะท่านรซูลุ้ลลอฮ  กล่าวว่า "สองคนและเกินกว่าสองคนขึ้นไป ถือว่าเป็นญะมาอะฮแล้ว"
,อัชเชากานีย์ กล่าวไว้ว่า "การละหมาดทั่วๆไป ใช้เป็นญะมาอะฮได้ด้วยการละหมาดสองคน ด้วยมติของบรรดานักวิชาการ และการละหมาดวันศุกร์นั้น เป็นการละหมาดอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีข้อชี้ขาดโดยเฉพาะที่มามีความแตกต่างจากละหมาดอื่นจากมัน นอกจากจะต้องมีหลักฐานบ่งบอกถึงการพิจารณาจำนวนในละหมาดญุมอัต ที่เพิ่มเติมจากสิ่งที่ถูกพิจารณาในละหมาดอื่นจากมัน  และแท้จริง อับดุลหัก กล่าวว่า " ไม่มีหะดิษสักบทหนึ่งที่ยืนยันถึงจำนวนที่ใช้ได้ของละหมาดญุมอัต และเช่นเดียวกัน อัสสะญูฏีย์ ได้กล่าวว่า "ไม่มีหลักฐานอันใดจากบรรดาหะดิษ ที่เจาะจงจำนวนที่แน่นอนเลย, ผู้มีความเห็นเช่นเดียวกันนี้ได้แก่ อัฏฏอ็บรีย์,ดาวูด,อันนะเคาะอีย์และอิบนุหัซมิน - ฟิกอัสสุนนะฮ ของ สัยยิดสาบิก เล่ม 1 เรื่อง ละหมาดญุมอัต
...........
  ข้อความข้างต้น ไม่อนุญาตให้นายkonyakroo  กอ็ปมาวิจารณ์โดยใช้เหตผลอคติของตนเอง แต่อนุญาตให้เอาคำพูดของนักวิชาการที่เป็นภาษาอาหรับและมีแหล่งอ้างอิงมายืนยัน มาหักล้างได้ เพราะที่ผ่านมา ใช้นิสัยแบบนี้มาตลอดเนื่องจากไม่ชำนาญภาษาอาหรับ แต่จะเอาของลูกพี่ที่คอยส่งข้อมูลหลังไมค์ มาโพสต์ เวลามีการเทคทีมกัน   
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
al-azhary
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:


เพียงพระองค์เท่านั้นที่มีอยู่จริง

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #11 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 21:48 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: asan ที่  25 มิถุนายน 50 , 19:21
konyakroo  ไม่ทิ้งนิสัยเลวๆ  เพราะที่ผ่านมา ใช้นิสัยแบบนี้มาตลอดเนื่องจากไม่ชำนาญภาษาอาหรับ แต่จะเอาของลูกพี่ที่คอยส่งข้อมูลหลังไมค์ มาโพสต์ เวลามีการเทคทีมกัน [/b]
บังคนอยากรู้ครับ   เคลียร์ข้อเท็จจริงด่วน  คือบังเคยเทคทีมกับใครหรือไม่? และบังเคยรับข้อมูลหลังไมค์จากใครหรือไม่? ครับ  เพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างบังอะสันกับบังคนอยากรู้นะครับ

ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวไว้อย่างแท้จริงว่า

إياكم والظن، فإن الظن أكذب الحديث، ولا تحسسوا، ولا تجسسوا

"พวกท่านจงระวังการคิดคาดการณ์ไปเอง  แท้จริง  ส่วนมากของการคาดการณ์(ในแง่ลบ)นั้น  เป็นการพูดที่โกหกที่สุด  พวกท่านจะรู้สึกไปเองและพวกท่านอย่าสืบเสาะ(จับผิด)" 

ดังนั้น  ซุนนะฮ์นบีที่สอนให้เราปฏิบัติกับพี่น้องมุสลิมด้วยกันนั้น  หากเราไม่รู้แจ้งเห็นจริง  ก็ไม่สมควรพูด  เพราะชัยฏอนมันมักจะกระซิบกระซาบอยู่ในหัวใจเสมอโดยแท้   ฉะนั้น  บังคนอยากรู้เข้ามาเคลียร์ด่วนครับ  เพื่อความเข้าใจกันดีเกี่ยวกับเรื่องหลังไมค์ที่พวกเรามองกันไม่เห็น     

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

ادْفَعْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ فَإِذَا الَّذِي بَيْنَكَ وَبَيْنَهُ عَدَاوَةٌ كَأَنَّهُ وَلِيٌّ حَمِي

"เจ้าจงตอบโต้ด้วยสิ่งที่ดีงามกว่า  ดังนั้น  ผู้ที่เคยมีอริระหว่างตัวท่านกับเขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นประหนึ่งมิตรสนิทโดยพลัน"  ฟุศศิลัต 34 
 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
หากการเตาบะฮ์ คือ หัวใจที่ร้องไห้ ยากจะเหือดแห้ง



ฮิกัม อิบนุอะฏออิลและฮ์  องค์ความรู้แห่งตะเซาวุฟ 
 
 
al-azhary
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:


เพียงพระองค์เท่านั้นที่มีอยู่จริง

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #12 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 21:54 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: mutmainn ที่  25 มิถุนายน 50 , 09:25
เพราะในมัซหับชาฟิอียฺบอกว่า ละหมาดวันศุกร์ต้องมีมะอฺมูมอย่างน้อยสี่สิบคน นักเรียนที่อยู่ตามสถานศึกษาไม่ต้องละหมาดวันศุกร์เพราะไม่ครบสี่สิบคน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้นที่ถูกต้องคือต้องละหมาดวันศุกร์ มีแค่สองคนก็ให้คุฏบะฮฺและละหมาด (ทัศนะของอุละมาอฺส่วนมากถือว่าสองคนเป็นญะมาอะฮฺแล้ว)
http://www.islaminthailand.com/text.php?id=299


ก่อนอื่นเราต้องแบ่งแยกประเด็นระหว่าง  เงื่อนไขของการละหมาดญุมุอะฮ์เป็นญะมาอะฮ์   กับจำนวนละหมาดญะมาอะฮ์ที่จะทำให้กลายเป็นละหมาดญุมุอะฮ์ขึ้นมา

ประเด็นที่ 1.  การละหมาดญุมุอะฮ์มีเงื่อนไขว่าละหมาดเป็นญะมาอะฮ์   ซึ่งประเด็นนี้นักปราชญ์ต่างมีทัศนะเห็นพร้องกัน   นี่คือประเด็นหนึ่ง

ประเด็นที่ 2 . เมื่อต้องละหมาดญุมุอะฮ์เป็นญะมาอะฮ์แล้ว   จำนวนญะมาอะฮ์กี่คนล่ะ  ถึงจะเป็นละหมาดญุมุอะฮ์ขึ้นมาได้    กรณีนี้  นักปราชญ์แห่งโลกอิสลามมีทัศนะที่แตกต่างกัน

มัซฮับอิมามอบูหะนีฟะฮ์   คือ  ต้องมีมะอ์มูม 3 คน และพร้อมกับอิมามอีกหนึ่งคนเป็น 4  คน 

มัซอับอิมามมาลิก  คือ  ต้องมีผู้ละหมาดญุมุอะฮ์ถึง 12 คน

มัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์  ต้องมีผู้ทำละหมาดญุมุอะฮ์ถึง  40 คน

มัซอับอิมามอะห์มัด  ต้องมีผู้ทำละหมาดญุมุอะฮ์ถึง 40

นั่นคือทัศนะของนักปราชญ์สะละฟุศศอลิห์  จากอิมามทั้ง 4  ซึ่งไม่มีผู้ใดกล่าวเลยว่า  ละหมาดญุมุอะฮ์แค่ 2 คนก็ทำได้แล้ว  ดังนั้น   อะมานะฮ์ในเชิงวิชาการ  ผมขอกล่าวว่า  การละหมาดญุมุอะฮ์ 40  คนนั้น  เป็นทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมาก    การกล่าวว่าละหมาดญุมุอะอ์แค่ 2 ก็ได้แล้วอ้างว่าเป็นทัศนะของนักปราช์ส่วมมากถือว่าเป็นความผิดพลาด 

ทำไมเราต้องมากล่าวว่าทัศนะของของอิมามอัชชาฟิอีย์  40  คนนั้นไม่ถูกต้อง  แล้วทำไมเราไม่พูดด้วยล่ะครับว่าทัศนะของอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล ที่บอกว่าต้องมี 40 คนนั้นไม่ถูกต้องเลยล่ะครับ   ดังนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เคยละหมาดญุมุอะฮ์  2 คนหรือไม่ครับ?  แต่เท่าที่รู้คือ  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่เคยละหมาดญุมุอะฮ์  นอกจาก 40 คนขึ้นไป   ซึ่งท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวไว้ว่า  "พวกท่านจงละหมาดเหมือนกับที่พวกท่านเห็นฉันละหมาด" รายงานโดยบุคอรีย์   เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  เราสมควรหรือไม่ที่จะไปฟันธงว่าต้องละหมาด 40 คนนั้น  ไม่ถูกต้อง   มารยาทในเชิงวิชาการเกี่ยวกับประเด็นฟิกห์ข้อขัดแย้งนั้น  เราสมควรพูดว่า "น้ำหนักน้อยกว่าหรือน้ำหนักมากกว่า"  ไม่ใช่หรือครับ   ไม่สมควรฟันธงนะครับ  เพราะธรรมเนียมปฏิบัติของนักปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมนั้น  เขาจะไม่ไปว่าทัศนะตนเองถูกส่วนทัศนะอื่นผิดไม่ถูกต้อง   

แต่ปัญหาสำคัญจริง ๆ ก็คือ  ละหมาดวันศุกร์ก็ไม่ละหมาด  แถมซุฮ์ริก็ไม่สนใจนี่ซิครับ   
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
หากการเตาบะฮ์ คือ หัวใจที่ร้องไห้ ยากจะเหือดแห้ง



ฮิกัม อิบนุอะฏออิลและฮ์  องค์ความรู้แห่งตะเซาวุฟ 
 
 
...................................

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
asan
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:
 
  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #13 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 22:09 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: al-azhary ที่  25 มิถุนายน 50 , 21:54

 ทำไมเราต้องมากล่าวว่าทัศนะของของอิมามอัชชาฟิอีย์  40  คนนั้นไม่ถูกต้อง  แล้วทำไมเราไม่พูดด้วยล่ะครับว่าทัศนะของอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล ที่บอกว่าต้องมี 40 คนนั้นไม่ถูกต้องเลยล่ะครับ   ดังนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เคยละหมาดญุมุอะฮ์  2 คนหรือไม่ครับ?  แต่เท่าที่รู้คือ  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่เคยละหมาดญุมุอะฮ์  นอกจาก 40 คนขึ้นไป   ซึ่งท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวไว้ว่า  "พวกท่านจงละหมาดเหมือนกับที่พวกท่านเห็นฉันละหมาด" รายงานโดยบุคอรีย์   เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  เราสมควรหรือไม่ที่จะไปฟันธงว่าต้องละหมาด 40 คนนั้น  ไม่ถูกต้อง   มารยาทในเชิงวิชาการเกี่ยวกับประเด็นฟิกห์ข้อขัดแย้งนั้น  เราสมควรพูดว่า "น้ำหนักน้อยกว่าหรือน้ำหนักมากกว่า"  ไม่ใช่หรือครับ   ไม่สมควรฟันธงนะครับ  เพราะธรรมเนียมปฏิบัติของนักปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมนั้น  เขาจะไม่ไปว่าทัศนะตนเองถูกส่วนทัศนะอื่นผิดไม่ถูกต้อง   

แต่ปัญหาสำคัญจริง ๆ ก็คือ  ละหมาดวันศุกร์ก็ไม่ละหมาด  แถมซุฮ์ริก็ไม่สนใจนี่ซิครับ   


.............

น้องบ่าว อัลอัซฮารี ช่วยอธิบายคำว่า" หมกเม็ด"หน่อย  ว่าทำไมนายคนอยากรู้จึงกล่าวหาว่าหมกเม็ด" ดังข้อความข้างล่าง
....ที่มีครู  ท่านหนึ่งอ้างว่า.....นักปราชญ์ส่วนใหญ่.(หมายถึงในเวปไซด์ข้างบนนี้หรือปล่าวครับที่เป็นส่วนใหม่นะครับ)..ที่ว่าละหมาดญุมอัต 2 คน ก็ทำได้แล้วนั้น.......
ผมว่าคงจะหมกเม็ดตีความหมายคำว่า...ญุมอัตที่มาจากคำว่าญามาอะ ที่แปลวว่า  การรวม กัน ตั้งแต่2คนขึ้นไปเป็น   ญุมอัตที่แปลว่าวันศุกร์นะครับ.....เพราะทำให้ ..... มึนและงง...
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
al-azhary
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:


เพียงพระองค์เท่านั้นที่มีอยู่จริง

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #14 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 22:23 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: asan ที่  25 มิถุนายน 50 , 22:09
น้องบ่าว อัลอัซฮารี ช่วยอธิบายคำว่า" หมกเม็ด"หน่อย  ว่าทำไมนายคนอยากรู้จึงกล่าวหาว่าหมกเม็ด" ดังข้อความข้างล่าง
....ที่มีครู  ท่านหนึ่งอ้างว่า.....นักปราชญ์ส่วนใหญ่.(หมายถึงในเวปไซด์ข้างบนนี้หรือปล่าวครับที่เป็นส่วนใหม่นะครับ)..ที่ว่าละหมาดญุมอัต 2 คน ก็ทำได้แล้วนั้น.......
ผมว่าคงจะหมกเม็ดตีความหมายคำว่า...ญุมอัตที่มาจากคำว่าญามาอะ ที่แปลวว่า  การรวม กัน ตั้งแต่2คนขึ้นไปเป็น   ญุมอัตที่แปลว่าวันศุกร์นะครับ.....เพราะทำให้ ..... มึนและงง...


บังอะสันครับ   การเสวนาระหว่างบังอะสันกับบังคนอยากรู้นั้น  กรุณาเครียร์กันเอาเองเถอะครับ   เพราะช่วงหลัง ๆ อุณภูมิมันร้อนกันเหลือเกิน   คือผมอยากเสวนาแบบสบาย ๆ นะครับ  ยังไงบังอะสันก็รอเสวนากับบังคนอยากรู้ก็แล้วกันนะครับ   
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
หากการเตาบะฮ์ คือ หัวใจที่ร้องไห้ ยากจะเหือดแห้ง



ฮิกัม อิบนุอะฏออิลและฮ์  องค์ความรู้แห่งตะเซาวุฟ 
 
 
asan
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:
 
  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #15 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 22:28 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: al-azhary ที่  25 มิถุนายน 50 , 22:23
อ้างจาก: asan ที่  25 มิถุนายน 50 , 22:09
น้องบ่าว อัลอัซฮารี ช่วยอธิบายคำว่า" หมกเม็ด"หน่อย  ว่าทำไมนายคนอยากรู้จึงกล่าวหาว่าหมกเม็ด" ดังข้อความข้างล่าง
....ที่มีครู  ท่านหนึ่งอ้างว่า.....นักปราชญ์ส่วนใหญ่.(หมายถึงในเวปไซด์ข้างบนนี้หรือปล่าวครับที่เป็นส่วนใหม่นะครับ)..ที่ว่าละหมาดญุมอัต 2 คน ก็ทำได้แล้วนั้น.......
ผมว่าคงจะหมกเม็ดตีความหมายคำว่า...ญุมอัตที่มาจากคำว่าญามาอะ ที่แปลวว่า  การรวม กัน ตั้งแต่2คนขึ้นไปเป็น   ญุมอัตที่แปลว่าวันศุกร์นะครับ.....เพราะทำให้ ..... มึนและงง...


บังอะสันครับ   การเสวนาระหว่างบังอะสันกับบังคนอยากรู้นั้น  กรุณาเครียร์กันเอาเองเถอะครับ   เพราะช่วงหลัง ๆ อุณภูมิมันร้อนกันเหลือเกิน   คือผมอยากเสวนาแบบสบาย ๆ นะครับ  ยังไงบังอะสันก็รอเสวนากับบังคนอยากรู้ก็แล้วกันนะครับ 


ดีใจ ที่น้องบ่าวชอบสไตล์แบบสบาย แต่อย่าลืม ช่วยเตื่อน สหายคนอยากรู้ศิษย์เอกด้วยนะครับ ว่า "หะดิษเจ้ากรรม" กับมัซฮับกูเกิ้ล" ยังไม่เคลียนะครับ  คือ ไม่ชอบคนป่วน  ไม่ชอบคนพาล" ไม่ชอบคนหาเรื่อง
 
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
al-azhary
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:


เพียงพระองค์เท่านั้นที่มีอยู่จริง

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #16 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 22:49 » 

--------------------------------------------------------------------------------
บังอะสันครับ  ผมนั้นเตือนกันแล้วครับ  และก็หมดหน้าที่ผมแล้ว  ผมจะไปบีบบังคับให้คนนั้นต้องเป็นอย่างที่ผมต้องการไม่ได้หรอกครับ  หากผู้ใดไม่ทำตามคำแนะนำผลก็จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง  แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มที่ตัวเรามากกว่านะครับ  หากเราใจเย็น ๆ  มีความสุขุม  ปล่อยวางไปบ้าง  ผมว่าอะไร ๆ มันก็ดีขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดอย่างแน่นอนครับ    ผมเชื่ออายะฮ์ดังต่อไปนี้ครับ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

ادْفَعْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ فَإِذَا الَّذِي بَيْنَكَ وَبَيْنَهُ عَدَاوَةٌ كَأَنَّهُ وَلِيٌّ حَمِي

"เจ้าจงตอบโต้ด้วยสิ่งที่ดีงามกว่า  ดังนั้น  ผู้ที่เคยมีอริระหว่างตัวท่านกับเขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นประหนึ่งมิตรสนิทโดยพลัน"  ฟุศศิลัต 34   
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
หากการเตาบะฮ์ คือ หัวใจที่ร้องไห้ ยากจะเหือดแห้ง



ฮิกัม อิบนุอะฏออิลและฮ์  องค์ความรู้แห่งตะเซาวุฟ 
 
 
asan
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:
 
  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #17 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 23:02 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: al-azhary ที่  25 มิถุนายน 50 , 22:49
บังอะสันครับ  ผมนั้นเตือนกันแล้วครับ  และก็หมดหน้าที่ผมแล้ว  ผมจะไปบีบบังคับให้คนนั้นต้องเป็นอย่างที่ผมต้องการไม่ได้หรอกครับ  หากผู้ใดไม่ทำตามคำแนะนำผลก็จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง  แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มที่ตัวเรามากกว่านะครับ  หากเราใจเย็น ๆ  มีความสุขุม  ปล่อยวางไปบ้าง  ผมว่าอะไร ๆ มันก็ดีขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดอย่างแน่นอนครับ    ผมเชื่ออายะฮ์ดังต่อไปนี้ครับ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

ادْفَعْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ فَإِذَا الَّذِي بَيْنَكَ وَبَيْنَهُ عَدَاوَةٌ كَأَنَّهُ وَلِيٌّ حَمِي

"เจ้าจงตอบโต้ด้วยสิ่งที่ดีงามกว่า  ดังนั้น  ผู้ที่เคยมีอริระหว่างตัวท่านกับเขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นประหนึ่งมิตรสนิทโดยพลัน"  ฟุศศิลัต 34   

..............
ขอบใจ ที่พูดแบบนี้ หวังว่า ว่างๆลองไปอ่านของเก่าในเว็บน้องบ่าวเอง,เว็บมรดกและมุสลิมไทยนี้ด้วยนะจ้ะ 
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
al-azhary
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:


เพียงพระองค์เท่านั้นที่มีอยู่จริง

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #18 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 23:24 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: asan ที่  25 มิถุนายน 50 , 23:02
ขอบใจ ที่พูดแบบนี้ หวังว่า ว่างๆลองไปอ่านของเก่าในเว็บน้องบ่าวเอง,เว็บมรดกและมุสลิมไทยนี้ด้วยนะจ้ะ


บังอะสันครับ  เว๊บที่ผมประจำการอยู่นั้น   เราต่างชี้แจงเสมอว่า ช่วงแรก ๆ จะดุเดือดหน่อย  แต่ช่วงหลังเราได้ปรับปรุงแล้ว  ซึ่งเราได้บอกไปอย่างชัดเจนโดยไม่ได้ละอายแต่ประการใด
และคนเราปรับปรุงตัวเองได้ครับ  ไม่เสียหาย  บังอะสันเชื่อผม 
 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
หากการเตาบะฮ์ คือ หัวใจที่ร้องไห้ ยากจะเหือดแห้ง



ฮิกัม อิบนุอะฏออิลและฮ์  องค์ความรู้แห่งตะเซาวุฟ 
 
 
คนหลังเที่ยงคืน
สมาชิกถาวร

 ออฟไลน์



หลังเที่ยงคืน ..ชีวิตแห่งการใคร่ครวญ ชีวิตที่หายไป

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #19 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 23:32 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: al-azhary ที่  25 มิถุนายน 50 , 22:49
.... แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มที่ตัวเรามากกว่านะครับ  หากเราใจเย็น ๆ  มีความสุขุม  ปล่อยวางไปบ้าง  ผมว่าอะไร ๆ มันก็ดีขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดอย่างแน่นอนครับ    ผมเชื่ออายะฮ์ดังต่อไปนี้ครับ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

ادْفَعْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ فَإِذَا الَّذِي بَيْنَكَ وَبَيْنَهُ عَدَاوَةٌ كَأَنَّهُ وَلِيٌّ حَمِي

"เจ้าจงตอบโต้ด้วยสิ่งที่ดีงามกว่า  ดังนั้น  ผู้ที่เคยมีอริระหว่างตัวท่านกับเขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นประหนึ่งมิตรสนิทโดยพลัน"  ฟุศศิลัต 34   


   
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
  - - -- - ------ - -- - - -- ^[สำนึกผิด]^ - - -- - ------ - -- - - --

เตาบะฮฺ

 - - -- - ------ - -- - - -- ^[ประตูสู่ทางรอด]^ - - -- - ------ - -- - - --
 
 
คนหลังเที่ยงคืน
สมาชิกถาวร

 ออฟไลน์



หลังเที่ยงคืน ..ชีวิตแห่งการใคร่ครวญ ชีวิตที่หายไป

   Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #20 เมื่อ: 25 มิถุนายน 50 , 23:37 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: al-azhary ที่  25 มิถุนายน 50 , 23:24
อ้างจาก: asan ที่  25 มิถุนายน 50 , 23:02
ขอบใจ ที่พูดแบบนี้ หวังว่า ว่างๆลองไปอ่านของเก่าในเว็บน้องบ่าวเอง,เว็บมรดกและมุสลิมไทยนี้ด้วยนะจ้ะ


บังอะสันครับ  เว๊บที่ผมประจำการอยู่นั้น   เราต่างชี้แจงเสมอว่า ช่วงแรก ๆ จะดุเดือดหน่อย  แต่ช่วงหลังเราได้ปรับปรุงแล้ว  ซึ่งเราได้บอกไปอย่างชัดเจนโดยไม่ได้ละอายแต่ประการใด
และคนเราปรับปรุงตัวเองได้ครับ  ไม่เสียหาย  บังอะสันเชื่อผม 
 



นับถือครับ ไม่ได้ยอยก แต่กล่าวด้วยใจจริง
 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
  - - -- - ------ - -- - - -- ^[สำนึกผิด]^ - - -- - ------ - -- - - --

เตาบะฮฺ

 - - -- - ------ - -- - - -- ^[ประตูสู่ทางรอด]^ - - -- - ------ - -- - - --
 
 
................

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #21 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 09:34 » 

--------------------------------------------------------------------------------
.....konyakroo  ไม่ทิ้งนิสัยเลวๆ  เพราะที่ผ่านมา ใช้นิสัยแบบนี้มาตลอดเนื่องจากไม่ชำนาญภาษาอาหรับ แต่จะเอาของลูกพี่ที่คอยส่งข้อมูลหลังไมค์ มาโพสต์ เวลามีการเทคทีมกัน [/b] ............

  ..บังหะสัน ครับ...บังจะด่าและกล่าวหาผมอย่างไรก็เชิญเถอะครับ............สำหรับผม..ขอกล่าวว่า.....ญาซากัลลอฮู..คอยรอน.........

ครับ...น้อง..บัง...จะขอทำหน้าที่เคลียร์เองครับน้องอัลอัชฮารีย์ เรื่องที่บังหะสันกล่าวหาว่า .....ผมมีการเทคทีม.....และมีการส่งข้อมูลหลังไมค์นั้น.......ผมขอพูดในฐานนะที่เป็นมุสลิมคนหนึ่งว่า...ไม่เคยมีในสิ่งที่บังหะสันคาดการณ์อย่างนั้นเลย ครับ......และการพูดหลังไมค์นั้น..เป็นแค่การทักทาย.ถามทุกข์สุขฉันท์พี่ฉันท์น้อง ซึ่งมันเรื่องธรรมดา..ส่วนข้อมูลอะไรที่บังเข้าใจผิดนั้น....บอกตรงๆว่า  เราไม่เคยกระทำนิสัยต่ำๆหรือพฤติกรรมที่บังสงวสัยเลยครับ...แต่เท่าบังด่า  ผมด้วยคำหยาบข้างบนนั้น..ผมไม่โกรธหรอกครับ...และจะเห็นว่าผมยังให้วสลามบังตลอด..........แม้ว่าบังจะไม่รับก็ตามผมว่า.......และจากการสังเกตุคำพูดของบังหะสันนั้น ผมว่าในขณะนี้..จิตใจของบังหะสันตกอยู่ในภวังค์แห่งการระแวง.สงสัย..ผู้อื่นตลอดเวลา..


ดังนั้นเป็นสิ่งไม่ผิดที่น้องวอัลอัชฮารีย์ได้ยกการนะศีฮะของท่านท่านนบี (ซล)ที่ว่า


إياكم والظن، فإن الظن أكذب الحديث، ولا تحسسوا، ولا تجسسوا

"พวกท่านจงระวังการคิดคาดการณ์ไปเอง  แท้จริง  ส่วนมากของการคาดการณ์(ในแง่ลบ)นั้น  เป็นการพูดที่โกหกที่สุด  พวกท่านจะรู้สึกไปเองและพวกท่านอย่าสืบเสาะ(จับผิด)" 


บังหะสันครับ..บังจะว่า..ผมมันโง่และไม่เข้าใจภาษาอาหรับนั้น...มันเป็นสิทธิที่บังจะเข้าใจอย่างนั้นกับ...เด็กปอเนาะบ้านๆอย่างผม...ที่สามารถสร้างแงนให้กับบัง บังเลยแปลกใจมาก

จึงคอยจับผิด...สงสัย..ระแวง...ด้วยการโทษสิ่งนั้น  โทษคนนี้...ว่าคอยอย่างนั้น  คอยอย่างนี้..ตาม..สิ่งที่บังคิดในใจตามอารมณ์ของบัง..

บังจึงกล่าวหาและด่าว่า ผมและเปรัยบเทียบกับสิ่งต่ำๆมาตลอดของการเสวนา   ผมนั้นไม่เป็นเช่น..ผู้ที่อวดภูมิที่อ้างตนว่ารู้มากหรอกครับ...และผมไม่เคยสบประมาทใคร.. ........

แต่ก็อยากจะเตือนบังและ ยกคำพูดของท่านผู้รู้คนหนึ่ง ให้บังได้อ่านและได้สะกิดตัวเองเพื่อให้สำนึก...ค่าของคนบ้าง..เท่านั้น.ครับ




ويقظة وعفة ، عدم الرضا منك عنها ، لأن تصحب جاهلا لا يرضى عن نفسه خير لك من أن تصحب عالما يرضى عن نفسه ، وأى جهل لجاهل لا يرضى عن نفسه


?รากฐานเดิมของทุก ๆ การฝ่าฝืน ,การหลงลืม (อัลเลาะฮ์) , และความปรารถนาอันใฝ่ต่ำนั้น  คือ  การพอใจกับจิตใฝ่ต่ำ  และรากฐานของทุก ๆ การภักดี , (มีจิต) ตื่นตระหนัก , และยับยั้งตนเอง(จากความชั่ว)  คือ  การไม่พอใจต่อจิตใฝ่ต่ำที่มาจากท่าน  เพราะการที่ท่านคบเป็นมิตรกับคนไม่รู้ที่ไม่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำของตน  ย่อมดีกว่าสำหรับท่าน  จากการคบเป็นมิตรกับผู้รู้ที่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำของตน  ดังนั้น  ความรู้(ที่มีประโยชน์) อันใดหรือ? ที่จะมีให้กับผู้รู้ที่พอใจจากจิตใฝ่ต่ำของตน  และความไม่รู้(จะเป็นโทษ)อันใดหรือ? ที่มีให้กับคนไม่รู้ที่ไม่พอใจต่อจิตใฝ่ต่ำของตน??

ท่านชัยค์ อะลี อัลบัยยูมีย์  (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) อธิบายว่า ?รากฐานของทุก ๆ การฝ่าฝืน  ,การหลงลืม (อัลเลาะฮ์) , ความปรารถนาอันใฝ่ต่ำ  คือ  การพอใจกับจิตใฝ่ต่ำ  เนื่องจากความพอใจดังกล่าวนั้น  ทำให้น้อมตามคำสั่งใช้ของอารมณ์  ซึ่งจิตใฝ่ต่ำจะใช้ให้ทำความชั่ว  ปกปิดข้อตำหนิ  และทำให้ความน่ารังเกียจของจิตใฝ่ต่ำเห็นเป็นสิ่งดีงาม

 และรากฐานของทุก ๆ ความภักดี (ฏออัต) มีจิตใจที่ตื่นตระหนักในคำสั่งใช้ของพระองค์และยับยั้งตนเองจากความชั่ว  คือ  การไม่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำที่มาจากตัวท่าน  เนื่องจากความไม่พอใจดังกล่าว  จะเป็นตัวผลักดันให้มีการสำรวจข้อบกพร่องของจิตใจและทำการขจัดมันออกไป  โดยเอาสิ่งดีงามมาประดับประดาในจิตใจ  การที่ท่านคบเป็นมิตรกับคนไม่มีความรู้  ไม่ว่าจากคนชรา  ญาติใกล้ชิด  คนรับใช้  ภรรยา  เพื่อน  และคนอื่น ๆ ที่ไม่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำของตน 

ย่อมเป็นการดียิ่งสำหรับท่านในการได้รับผลประโยชน์ในการคบหาเป็นมิตร  มากกว่า  การที่ท่านคบเป็นมิตรกับผู้รู้ที่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำของตน  เนื่องจากผู้ที่โกรธไม่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำของตน  ย่อมเป็นผู้มีความยุติธรรมต่อตนเอง  เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่นและแสวงหาสัจจะธรรมความจริง

 ดังนั้น  ความรู้จะมีประโยชน์อันใดสำหรับผู้มีความรู้ที่พอใจจิตใฝ่ต่ำของตนโดยที่เขากำลังเมินเฉยคุณลักษณะ(อันน่าตำหนิ)ที่อยู่ในหัวใจและไม่ตระหนักถึงคำสั่งใช้ของพระองค์  และความไม่รู้จะเป็นโทษให้กับคนผู้ไม่มีความรู้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่พอใจกับจิตใฝ่ต่ำของตน ? เนื่องจากเขาตระหนักดีถึงลักษณะข้อตำหนิของจิตใจและทราบถึงสิ่งที่ทำให้เขาใกล้ชิดต่อผู้อภิบาลของเขา  ดังนั้น  การปฏิบัติของเขาที่ทำไม่พอใจกับอารมณ์ใฝ่ต่ำนั้น  ย่อมเป็นผลประโยชน์อย่างที่สุด? จาก หนังสือ ฮิดายะตุลอินซาน อิลัลกะรีม อัลมันนาน  หน้า 24 - 25


.......และจะเห็นว่า...ทุกคำพูดของผมนั้นจะอ้างมาจากหลักฐานและคำสอนของผู้รุ้มากกว่าที่จะเอาคำพูดจากอารมณ์ตัวเองมาตัดสินและฮุกมผู้อื่นครับ... .....
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #22 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 09:53 » 

--------------------------------------------------------------------------------
แต่สิ่งที่ผมอยากเข้ามาเพื่อทำความเข้าใจนั้นกับผูที่ตั้งกระทู้นี้ที่ว่า....ถ้าไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย..ผิดไหม..คือถ้าไม่ละหมาดวันศุกร์แต่ละหมาดซุฮริปกตินั้นได้หรือไม่..


นี่ต่างหากละที่ผมจะอยากมีส่วนร่วมในการพูดคุย..ไม่ใช่เข้ามาเพื่อตอบโต้คำหยาบๆหรือกล่าวหาหรือฮุกมพี่น้องบางท่านที่มีความเข้าใจแตกต่างกัน...
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
asan
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์

รางวัล:
 
  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #23 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 10:33 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: konyakroo ที่  26 มิถุนายน 50 , 09:53
แต่สิ่งที่ผมอยากเข้ามาเพื่อทำความเข้าใจนั้นกับผูที่ตั้งกระทู้นี้ที่ว่า....ถ้าไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย..ผิดไหม..คือถ้าไม่ละหมาดวันศุกร์แต่ละหมาดซุฮริปกตินั้นได้หรือไม่..
นี่ต่างหากละที่ผมจะอยากมีส่วนร่วมในการพูดคุย..ไม่ใช่เข้ามาเพื่อตอบโต้คำหยาบๆหรือกล่าวหาหรือฮุกมพี่น้องบางท่านที่มีความเข้าใจแตกต่างกัน...

.................
 อัลหั้มดุลิ้ลละฮ ดีมากถ้าเป็นไปตามที่พูด และที่หลังถ้าจะค้านก็ต้องค้านด้วยหลักฐาน ไม่ใช่การกล่าวหาผู้อื่นว่า หมกเม็ดอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนการที่จะห้ามผมไม่ให้ต่อต้านเรื่อง บิดอะฮ หรือ เรื่องชีริกนั้น คงต้องผิดหวังนะครับท่านผู้อ่าน   
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #24 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 10:38 » 

--------------------------------------------------------------------------------
....... ในเรื่องการละหมาดวันศุกร์นั้นผมเองได้เคยศึกษาถึง  เรื่องนี้ และพบว่า  พี่น้องในมัสหับชาฟีของเราบางส่วนไม่มีการละหมาดวันศุกร์ที่เรากระทำกันอยู่แต่เขาจะละหมาดดุฮริตามปกติ ซึ่งเขาอ้างด้วยเหตุผลที่ดีและน่ารับฟังมาก...ซึ่งเขาเข้าใจตามหลักฐานต่อไปนี้..ซึ่งผมจะทยอยนำมาให้..

พี่น้องได้รับทราบในโอกาสนี้ครับ..แต่สำหรับผมนั้นชอบที่จะศึกษาและค้นคว้ารายละเอียดของพี่น้องที่กระทำไม่เหมือนกัน ด้วยความบริสุทธิใจครับ........

ก่อนอื่นผมขอทำความเข้าใจกับพี่น้องของเราว่าสิ่งที่ผมนำถ่ายทอดนี้...เป็นเพื่อเหตุผลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจต่อพี่น้องในมัสหับของอีม่ามชาฟีอีของเรา(ในประเทศไทย)บางส่วนเท่านั้น..ไม่ได้มีเจตนากล่าวหาหรือดูถูกการกระทำบนความเข้าใจที่แตกต่างกันเลยครับ...เพียงแต่ให้เรารับรู้  การที่เรารุบางอย่าง ถึงการกระทำของพี่น้องฝ่ายหนึ่งที่เขาเหล่านั้นปฏิบัติไม่เหมือนกับเราเท่านั้น...ทั้งนี้เพื่อมีความหวัง และป้องกัน และลดความขัดแย้งและการโจมตีกล่าวหาและการฮุกมต่อพี่น้องบางกลุ่มที่กระทำรูบแบบไม่เหมือนกันอย่างนั้นอย่างนี้...วึ่งผมไม่อยากให้เกิดขึ้น.

---เขากล่าวว่า........

........เรื่องการละหมาดวันศุกร์นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า..มีความเห็นแตกต่างกันมากไม่ว่า.ความเข้าใจในแนวทาหรือมัสหับเดียวกัน   ที่ยังมีความเข้าใจแตกต่างกัน..หรือผู้ที่ไม่มีมัสหับ

ในความแตกต่างของเรื่องละหมาดวันศุกร์ และมีแนวทางการปฏิบัติที่แตกต่างกัน...
ซึ่งเขากล่าวว่าสิ่งเหล่านั้นมันมาจากประเด็นต่อไปนี้..

--เกิดจากการตีความและการแปลความหมายที่แตกต่างกันในโองการอัลญุมอะ...อายะที่9

-เกิดจากการยึดถือจำนวนคนที่ต่างกัน

-เกิดจากความละเอียอ่อนในคุณภาพของผู้ละหมาดที่แตกต่างกัน

-เกิดจากความคิดเห็นที่ต่างกันในเรื่องเงื่อนไขหรือกฏเกณท์จะทำละหมาด2รอกะอัตพร้องคุตะบะหรือว่าจะละหมาดดุฮรีในวันศุกร์
1.จากคำดำรัสกรุอ่านซุเรา อัลญุมอะ  อายะที่9..ที่ว่า...

'" โอ้บรรเดาผู้ศรีทธา ทั้งหลาย  เมื่อเขาได้มีการเรียกร้องเพื่อทำละหมาดในวันศุกร์ แล้ว พวกเจ้าจงรีบเร่งไปสู่การรำลึกเถิดถึงอัลลออ์เถิด"พี่น้องในมัสหับชาฟีอีบางส่วนของเรากล่าวว่า.......อายะนี้ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า  อัลลออ์ให้จะเราต้องมาทำละหมาดวันศุกร์(ในรูบแบบที่เรากระทำกัน) คือ..มีการอ่านคุตบะ(แทน2รอกาอัต)และละหมาดสองรอกะอัตโดยไม่มต้องละหมาดซุฮริตามปกติ.....ดังที่เราๆท่านกระทำกัน..

ค่อยๆตั้งใจฟังนะครับ  ถึงเหตุผลในเรื่อง..ความแปลกแยกที่แตกต่างกันที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ซึ่งพี่น้องของเราชี้แจง.ว่า.....คำที่อัลลลออ์กล่าวว่า...

"เมื่อเขาร้องเรียกเพื่อทำละหมาดวันศุกร์"

อายะท่อนนี้..ชี้ให้เห็นว่า...เมื่อเราได้ยินเสียงอะซานให้มีการละหมาดวันศุกร์(ที่เราได้กระทำกันนั้น)ด้วยอายะต่อมาที่ว่า  " แล้วพวกเจ้าจงรีบเร่งไยงการรำลึกถึงอัลลออ์....ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่า..อัลลอฮ์ให้เรานั้นมีการรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลออ์....ฉนั้นคำว่าการรำลึกถึงอัลลออ์ตรงนี้...หากครบตามกฏเกนณ์ของการละหมาด2รอกาอัตพร้องคุตะบะก็ให้ละหมาดได้เลย...แต่ถ้าไม่ครบตามกฏเกนณ์นั้น...จำเป็นต้องละหมาดซุฮริ...ซึ่งผมจะนำเสนอหลักฐานให้ในโอกาสต่อไปครับ..และคิดว่า คงจะตรงประเด็นของผู้ที่ตั้งกระทู้นี้ 
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #25 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 13:22 » 

--------------------------------------------------------------------------------
ต่อครับ...

..การตีความและการแปลคำว่า...يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِذَا نُودِيَ لِلصَّلَاةِ مِنْ يَوْمِ الْجُمُعَةِ

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อได้มีเสียงร้องเรียก (อะซาน) เพื่อทำละหมาดในวันศุกร์"

ซึ่งจริงๆอายะอ์นี้ยังต้องการรายละเอียดข้อปลีกย่อยต่าง ๆ.มากมาย..

พี่น้องของเรากล่าวว่า..

การตีความหมายและการแปลจากอายะนี้นั้น  นั้นเกิดจากความเข้าใจที่แตกต่างกันซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น  2  ความหมาย

1.การละหมาดวันศุกร์ด้วยการละหมใด2รอกาอัตพร้อมกับคุตะบะโดยไม่คำนึงถึงกฏเกณท์และเงื่อนไขของการละหมาด2รอกาอัตพร้อมมีคุตะบะ  ว่าว่าถูกต้องตามเงื่อนไขหรือไม่อย่างไร


2.ด้วยอ้างหลักฐานและแปลคำว่า...ซอลาตุ้ลยามาอะ...  นั้นแปลว่า...การละหมาดในวันรวมเขา
กล่าวว่าไม่ใช่แปลว่าวันศุกร์เหมือนที่พี่น้องเราเข้าใจกัน.........ผมก็นั่งฟังเลิ้มไปเลยครับ..ว่างๆจะเข้ามาเล่าต่อนะครับ...


.............

 
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
zaaq
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #26 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 16:24 » 

--------------------------------------------------------------------------------
  พี่น้องที่รักทุกท่าน

เราควรคำนึงถึงสิ่งที่เราถกเถียงกัน มันเป็นสิ่งที่ให้คุณค่ากับผู้ที่ตั้งกระทู้ถาม  หรือมันส่งผลดีใดๆบ้างในสังคมมุสลิม ... มันให้ประโยชน์กับผู้อ่านมากน้อยแค่ไหน ?

พี่น้องมุสลิมที่รักและมีเกียรติยิ่ง .. เมื่อไหร่เราจะเชิดชูเกียรติของอัลอิสลามที่ยิ่งใหญ่ กว่าเกียรติยศและศักดิ์ของตัวเราเอง...
เมื่อไหร่เราจะหันหน้ามาปรึกษา ไคร่ครวญ พูดคุยอย่างบริสุทธิ์ใจ   อิค-ลาส และ อัค-ล๊าก คือแบบฉบับจากท่านศาสดามุฮำหมัด   

 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
ดอกไม้หลากสีในสวนเดียวกันคือความงดงามแห่งธรรมชาติ
 
 
navave ( نواوي )
สมาชิกใหม่

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #27 เมื่อ: 26 มิถุนายน 50 , 21:36 » 

--------------------------------------------------------------------------------
 ถ้าขาดละหมาดวันศุกร์เพียง3ครั้งเขาถือว่าเป็นพวกมุนาฟิก :smilewrm:    :
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #28 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:03 » 

--------------------------------------------------------------------------------
ฉนั้น    เป็นที่ทราบกันว่า พี่น้องมัสหับชาฟีอี(รฮ)กล่มหนึ่งในเมืองไทยและก็มีมากหลายทัศนะอีกในหลายประเทศ....ที่พวกเขาไม่ได้ละหมาดวันศุกร์(คือรูปแบบที่มีคุตะบะและตามด้วยละหมาด2รอกาอัต)..แต่พวกเขาจะละหมาดดุฮ์ริตามปกติ..........แต่เฉพาะในวันศุกร์นั้นจะมีคนมามากกว่าวันธรรมดา.ครับ.....

ตรงนี้ก็ขอให้พี่น้องได้โปรดเข้าใจไว้ด้วยว่า...นั้นคือ...ความแตกต่างในการตีความและการเข้าใจในการแปลความหมาย ของคำว่า...ซอลาตุ้ลยามาอะ... 

ซึ่งบรรดาผู้รู้ที่พี่น้องฝ่ายหนึ่งกระทำตามนั้นเขานั้นแปลคำนี้ว่า..การละหมาดรวมกันในวันศุกร์คือ...รูปแบบที่เรากระทำกันมีคุตะบะและมี2รอกออัต..ด้วยเงื่อนไขหรือองค์ประกอบที่ปลีกย่อยต่างกัน

 แต่อีกกลุ่มหนึ่งเขาแปลคำนี้ว่า...การละหมาดในวันรวม.....คือ ละหมาดในวันศุกร์เช่นกันแต่ละหมาดดุฮริรวม.นั้นเอง..โดยพิจรารณาถึงข้อปลีกย่อยต่างๆตามเหตุผลที่เป็นจริง


แต่ก็มีได้ปฏิเสธว่า การกระทำแบบแรกนั้นจะผิดพลาดหรือเลยเถิด.แต่อย่างใด..  แต่เหตุผลที่พี่น้องของเราฝ่ายหนึ่งเข้าใจคำว่า ยามาอะนั้นต้องแปลว่า..ว่าวันรวม..โดยอ้างหะดิสที่ท่านนบี(ซล)ได้ถามท่านซัลมาน อัลฟารีซีย์(รด)ว่า โอ้ซัลมาเอ๋ย..อะไรคือ...เยามัลยามาอะ...ท่านซัลมานตอบว่า..อัลลอฮ์และร้อซุ้ลเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด...แล้วท่านนบีก็ตอบว่า.......มันคือวันที่อัลลออ์ตะอาลา ได้รวมพ่อ-แม่ทั้งสองของพวกท่าน-หรือพ่อของพวกท่านในมัน(วันนั้น)
จาก  ตัฟซีร...ของท่านอิบนุกะซีร  เล่มที่4หน้า.390..

ดังนั้นพี่น้องเขาเรากุ่มนั้นกล่าวว่า..นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนจากท่านบี ที่ให้ความหมายคำๆนี้....ที่ว่า......ซอลาตุ้ลยามาอะ..ต้องแปลว่า..การละหมาดในวันรวมไม่ใช่แปลว่าละหมาดวันศุกร์..โดยเขาอ้างถึงการพาดพิงกับคำ2คำ ตามหลักไวยกรณ์อาหรับหรือวิชานะฮู......


พี่น้องครับที่ผ่านมาจากคำอธิบายข้างบนที่ผมเล่ามานั้นคือ  ...ประเด็นที่หนึ่งของการตีความที่แตกต่างกันในคำๆเดียวกัน..


2.ความแตกต่างในการยึดจำนวนคนที่ต่างกัน ...

จะเห็นว่า  บางพื้นที่ในเมืองไทยไม่ละหมาดวันศุกร์ที่เราๆท่านกระทำนั้น ก็ เพราะว่า พวกเขาเหล่านั้นยึดถือมัซฮับอิมามชาฟิอีย์  คือ.จำนวนผู้ละหมาดไม่ครบ 40 คน  และบางครั้งผู้ที่อยู่ในสถานที่หนึ่งนั้น  ไม่ได้อยู่ในเขตของมัสยิดใดมัสยิดหนึ่งพร้อมทั้งพวกเขาไม่ใช่เป็นคนพื้นที่นั้น ๆ ด้วย  จึงให้ละหมาดซุฮ์ริ  เพราะละหมาดวันศุกร์แทนจากละหมาดซุฮ์ริ  ดังนั้น  หากไม่ครบเงื่อนไขละหมาดวันศุกร์  ก็ให้ละหมาดซุฮ์ริครับนี่คือเหตุผลหนึ่งของพี่น้องมัสหับชาฟีอีที่เรากล่าวถึง..

พี่น้องครับก่อนอื่น ผมขออธิบายในสิ่งที่บรรดาผู้รู้จากมัสหับทั้ง4 ซึ่งเขามีเงื่อนไขของจำนวนของผู้ละหมาดที่ทำให้การละหมาดวันศุกร์สมบูรณ์ได้นั้น  ซึ่งมีทัศนะที่แตกต่างทางฟิกฮ์กันดังนี้

1. มัซฮับหะนะฟีย์  มีทัศนะว่า  ต้องมีมะอ์มูม 3 คน โดยไม่นับอิมาม (รวม 4 คน) และมะอ์มูมเหล่านั้น มีคุณสมบัติที่เป็นอิมามามนำละหมาดวันศุกร์ได้ ทั้งหมด

2. มัซฮับมาลิกีย์  มีทัศนะว่า  ต้องมีมะอ์มูม 12 คน โดยไม่นับอิมาม

3. มัซฮับชาฟิอีย์  มีทัศนะว่า ต้องมีผู้ทำละหมาดญุมุอะฮ์ 40 คน  รวมทั้งอิมามด้วย

4. มัซฮับหัมบาลีย์  มีทัศนะว่า  ต้องมีผู้ทำละหมาดญุมุอะฮ์ 40 คน  รวมทั้งอิมามด้วยเช่นกัน...


.........เราจะเห็นมี  2  ทัศนะที่ให้น้ำหนักว่าต้องมีจำนวนคน40คน จึงละหมาดในรูบแบบที่ว่าได้คือ..มีคุตะบะและตามละหมาด2รอกาอัต............

ซึ่งผมจะได้นำเสนอที่มาของแต่ละทัศนะ...

ก่อนอื่นขอทำคว่ามเข้าใจว่า.มีบางคนได้กล่าวว่า การทำละหมาดในวันศุกร์ที่เราทำๆกันนั้น.ในมัสหับชาฟีอีเองนั้นถือว่ากระทำได้.ถึงแม้จะมีเพียง3คนก็ตาม..การกล่าวอย่างนี้ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อนกับความจริง..

ซึ่งในความเป็นจริงนั้นถ้าเราพิจารณาสถานะของหะดิสตามทัศนะของผู้รู้  เช่น หะดิสที่ว่า...

ท่านอัดารอกูนีย์ กล่าวว่า..อบุบักร์ อันนัยสาบูรี   เล่าให้ฉันฟังว่า..มุฮำมัดบินยะหยาเล่าให้เราฟังว่า..มูฮำมัดบุตรวะฮาบ บุรอาตียะเล่าให้ราฟังว่า..บากียะบุรวะลีดเล่าให้เราฟังว่า  มุอาวียะ   บุตรยะหยา เล่าให้เราฟังว่า มุอาวียะ   บุตรสะอีด...เล่าให้เราฟังว่า..อัซซุรีย์เล่าให้เราฟัง..จาก...อุมมีอับดุลลาฮ์..อัดเดาะสียะกล่าวว่า...ท่านนบีกล่าวว่า....การละหมาดญุมอะะนั้นเป็นสิ่งจำเป็นบนทุกหมู่บ้าน และถึงแม้ว่า..ไม่มีคนในหมู่บ้านนั้นยกเว้น4คน..

หะดิสนี้..ท่านอัดดารุดกุนีย์วิจารณ์ว่า....หมายถึง  หมู่บ้านหรือในเมือง  หะดิสนี้รายงานจาก อัซซุรีย์นั้น..เป็นไปไม่ได้ดจากหนังสือ..สนันอัดดารุกูนีย์ ส่วนที่2หน้าที่7...ท่านอธิบายว่า..อบูอับดถุลลาฮ์นั้นชื่อจริงคือ..มูฮำมัดบุตรสมาอีล อัลอาบาลี เล่ากับเราว่า..อับดุลลอฮ์บุตรมุฮำมัด บุตรคอนีย์สุลกาลาอีย์เล่าว่า..มูซาบุตรมุฮำมัด บุตรอาเตอะ เล่าวว่า..อัลวาลีดบุตร มุฮำมัด เล่ากับเราว่า...อัซซุฮ์รีเล่าว่า.. อูมมูอับดิลลา...อัดเดาะสียะเล่ากับฉันว่า...ท่านนบีกล่าวว่า..การละหมาดญุมอะนั้นจำเป็นต้องบนทุกหมู่บ้าน ที่มีอีมามมและถึงแม้ว่าไม่มีพวกเขายกเว้น4คน..
อัลวาลีดบุตรมุฮำมัด อัลเมากูรี(เป็นผู้ที่)หะดิสของเขาถูกทิ้ง(ไม่สามรถนำมาเป็นหลักฐานได้..และยังมีหลักฐานอีกมาครับที่พี่น้องของเรากล่าวว่า....นี้คือหะดิสที่ท่านอีหม่ามชาฟีอี(รฮ)ละทิ้งมัน..และถือว่าไม่สมบูรณ์............แต่พีน้องฝ่ายที่กล่าวถึงพูดต่ออีกว่า...ส่วนใครจะละหมาดโดยอ้างสายงานนี้ก็ไม่ว่ากัน...แต่สำหรับชุมชนเขานั้นถ้าไม่ได้40คนนั้นถือว่าละหมาดไม่ได้...คือต้องละหมาซุฮรี  ตามปกติ....

........ ว่างๆผมจะนำการพูดคุยและสาเหตุถึงฝ่ายพี่น้องมัสหับชาฟีอี(รฮ)ที่ไม่ละหมาดแบบวันศุกร์ที่เราๆกระทำกัน...มาเล่าต่อเพื่อให้ได้รับทราบในเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่งในมัสหับชาฟีอี ที่เขาละหมาดดุฮรี ตามปกติในวันศุกร์และเพือที่จะให้พี่น้องต่างทัศนะจะได้ไม่ทำการฮุกมเขาว่าพวกเขาไม่ได้ละหมาดวันศุกร์แบบที่เรากระทำกันนั้น  ก็หมายได้หมายความว่าเขาละทิ้งละหมาดศุกร์(ที่มีรูปแบบคตบะและละหมาด2รอกาอัต) ว่าเขาต้องเป็นมุนาฟิก เพียงแต่พวกเขาละหมาดวันศุกร์ด้วยการละหมาดดุฮริตามปกติแทนนั้นก็ด้วยเหตุผลและเงื่อนไขที่ได้กล่าวมาแล้วบางส่วนเท่านั้น     หวังว่าพี่น้องคงจะเริ่มเข้าใจบ้างนะครับ..... อิงชาอัลลออ์
.
..........

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
 ;Dแปลกนะคับ ชาวมุสลิมทุกคน ปากก็บอกนะคับว่าเป็นพี่น้องกัน รักกัน ถ้าความคิดไม่ตรงกัน ต่างคนต่างแนะนำกันด้วยความห่วงใย จะไม่ดีกว่าหรอ สังเกตดูแล้วที่โพสๆ กันมานะคับ กระทู้เขาถามอีกอย่างหนึ่ง แต่คนตอบก็ตอบอีกอย่างหนึ่ง โดยพยายามจับผิดมาซ้ำเติม อย่างกับว่าเป็นศัตรูกัน แนะนำกันดีๆ เถอะคับ ใช้คำพูดที่สุภาพ เตือนกันด้วยความห่วงใย ผมรู้สึกเสียดายนะคับ คนที่มีความรู้ มาทะเลาะกันอย่างนี้ ซึ่งเป็นความรู้ที่อัลลอฮประทานให้คนนั้น คนคนนั้นควรที่จะอัลฮัมดูลิลลาฮฺมากๆ นะคับ 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
 
 
 
HamzaH
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์



และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครอง

  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #30 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 22:23 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: arm2n ที่ เมื่อวานนี้ เวลา 21:59
 แปลกนะคับ ชาวมุสลิมทุกคน ปากก็บอกนะคับว่าเป็นพี่น้องกัน รักกัน ถ้าความคิดไม่ตรงกัน ต่างคนต่างแนะนำกันด้วยความห่วงใย จะไม่ดีกว่าหรอ สังเกตดูแล้วที่โพสๆ กันมานะคับ กระทู้เขาถามอีกอย่างหนึ่ง แต่คนตอบก็ตอบอีกอย่างหนึ่ง โดยพยายามจับผิดมาซ้ำเติม อย่างกับว่าเป็นศัตรูกัน แนะนำกันดีๆ เถอะคับ ใช้คำพูดที่สุภาพ เตือนกันด้วยความห่วงใย ผมรู้สึกเสียดายนะคับ คนที่มีความรู้ มาทะเลาะกันอย่างนี้ ซึ่งเป็นความรู้ที่อัลลอฮประทานให้คนนั้น คนคนนั้นควรที่จะอัลฮัมดูลิลลาฮฺมากๆ นะคับ


เค้าจบกันแล้วล่ะครับ น้อง อามีน...
ขอให้อัลลอฮทรงตอบแทน ความตั้งใจที่ดีของน้องอามีนด้วยนะครับ 
 
  บันทึกการเข้า 

--------------------------------------------------------------------------------
------กุรอ่านไม่ได้มีไว้อ่านเพียงอย่างเดียว--------
[2.11] เมื่อใดก็ตามที่ได้มีการบอกกับพวกเขาว่า จงอย่าสร้างความเสียหาย ขึ้นในแผ่นดิน พวกเขาจะตอบว่า แท้จริงแล้ว เราเป็นผู้ฟื้นฟูต่างหาก
 
 
Goddut
สมาชิกตลอดกาล

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #31 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:53 » 

--------------------------------------------------------------------------------
อ่าน เพลินๆ คิดไปได้ว่า

ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย

หมายถึง ไม่ได้ละหมาดอะไรในวันศุกร์ เลย ทั้งห้าเวลา

แบบนี้บาป ครับ อิอิ ^^
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
konyakroo
ขาประจำ!

 ออฟไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #32 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:35 » 

--------------------------------------------------------------------------------
 ก่อนอื่นผมต้องอภัยต่อพี่น้องที่ติดตามเรื่องราว..เรื่องความเข้าใจ...ของการละหมาดวันศุกร์ที่แตกต่างกันในเวปนี้..ได้โดยต่อเนื่อง   อันเนื่องจาก กระผมไม่อยากให้พี่น้องบางกลุ่ม

และเข้าใจไปในทางที่ทำให้เกิดฟิตนะและเข้าใจวัคตถูประสงค์ของผมแบบผิด เป้าหมาย  .ในการนำเสนอที่เพื่อให้ตรงกับคำถามที่ถุกตั้งขึ้นโดยพี่น้องขอเรา...

ดังนั้น  เพื่อให้การบอกกล่าวของผมเป็นไปอย่างต่อเนื่องผมขอนำกระทู้นี้ไปพูดต่อ..ในเวป  นักเรียนอะลิสซุนนะวัญญามาอะ

http://www.sunnahstudents.com/text.php?id=299


ส่วนใครที่ติดตามและต้องการความเข้าใจในเรื่องนี้เพิ่มเติมก็สามรถเข้าไปดูตามชื่อกระทู้เดิมครับ                 วัสลาม
 
  บันทึกการเข้า 
 
 
 
guru
ขาประจำ!

 ออนไลน์


  Re: ไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เลย ผิดมั้ยครับ !!!
« ตอบ #33 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:56 » 

--------------------------------------------------------------------------------
แล้วจะรู้คำตอบป่าว สงสาร เจ้าของกระทู้


แล้ว ขอแนะนำ ช่วยตั้ง กระทู้           konyakroo   VS asan   ด้วยครับ แยก ต่าง หาก เลยครับ   คนอื่น ขี้ เกียจ อ่าน การ ปะทะ คาร่วง เอ้ย คารม ครับ   
 
 

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
คุณกูรูครับ
...........ผมขอบอกตามตรงนะครับ.......ผมนั้นไม่เคยโกรธกับังหะสันถงขนาด ที่คุณจะตั้งกระทู้ให้ผมกับบังหะสันปะทะคารมกันนะครับ....ผมยังนับถือบังหะสันคือ  โตะหวาของผมคนหนึ่งครับ  และผมยังให้สลามบัง เหมือนเดิมครับ..... ::)


นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
เราต้องรู้ก่อนว่าผู้มีคุณสมบัติอย่างไรที่ไม่เคยละหมาดวันศุกร์ไม่บาป   เช่นสตรี  ทาส  ผู้ป่วยพิการง่อย  ชราภาพตั้งแต่เกิด  ;D  อยู่ป่าคนเดียว   ก็คงไม่บาปหรอกคับหากไม่ทำการละหมาดวันศุกร์  แต่ผมรู้สึกว่าพี่น้องบางท่านอาจจะกลัวที่วะฮาบีย์ชอบนำมาขู่ว่าใครขาด 3 ศุกร์  จะกลายเป็นมุนาฟิก  เพราะไม่ตามมัซฮับวะฮาบีที่บอกว่าละหมาดวันศุกร์ 2 คนก็ใช้ได้แล้ว  แล้ววะฮาบีย์ก็ชอบอ้างว่าตัวเองสะละฟีย์แต่ละหมาดวันศุกร์แค่ 2 คนนั้น  สะลัฟคนใหนเคยทำกันบ้าง  วะฮะบีย์มักชอบอ้างว่า  นบีไม่เคยทำเป็นบิดอะฮ์  ซอฮาบะฮ์ไม่เคยทำเป็นบิดอะฮ์  ตาบิอีนไม่เคยทำเป็นบิดอะฮ์  แล้วละหมาดวันศุกร์ 2 คนล่ะใครเคยทำบ้าง  ท่านนบีบอกว่า ""พวกท่านจงละหมาดเหมือนกับที่พวกท่านเห็นฉันละหมาด" แล้วเราเคยเห็นท่านนบีละหมาดวันศุกร์ 2 คนมั้งล่ะ  แล้ววะฮาบีย์มีสิทธิ์มาว่าได้ยังไงว่า  หากมีสองคนแล้วไม่ละหมาดวันศุกร์เกิดนสามศุกร์ถือว่าเป็นมุนาฟิก   ผมว่าฮุกุ่มมุนาฟิกนี้  นำไปใช้กับวะฮาบีย์ที่ขาดวันศุกร์เกินสามศุกร์โดยมีสองคนดีกว่า   ไม่ต้องเอาทัศนะของตนเองมาฮุกุ่มทัศนะอื่นว่าเป็นมุนาฟิก   ;D

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป


วันนี้ผมพูดคุยและนำสาเหตุถึงฝ่ายพี่น้องมัสหับชาฟีอี(รฮ)ที่ไม่ละหมาดแบบวันศุกร์ที่เราๆกระทำกัน...มาเล่าต่อครับ...เพื่อให้พี่น้อง...ได้รับทราบในเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่งในมัสหับชาฟีอี ที่เขานั้นทำการละหมาดดุฮรี ตามปกติในวันศุกร์.....และเพื่อที่จะให้พี่น้องต่างทัศนะจะได้ไม่ทำการฮุกมเขาว่าพวกเขาไม่ได้ละหมาดวันศุกร์แบบที่เรากระทำกันนั้น .......... ก็หมายได้หมายความว่าเขาละทิ้งละหมาดศุกร์(ที่มีรูปแบบคตบะและละหมาด2รอกาอัต) ว่าเขาต้องเป็นมุนาฟิก เพียงแต่พวกเขาละหมาดวันศุกร์ด้วยการละหมาดดุฮริตามปกติแทนนั้นก็ด้วยเหตุผลและเงื่อนไขที่ได้กล่าวมาแล้วบางส่วนเท่านั้น     

มาว่ากันต่อครับ..
.
   พี่น้องครับ   จากการที่มีผู้รู้บางคนพูดว่าทัศนะ เดิม(กอดีม)ของอีม่ามชาฟีอีนั้น บอกว่าสามารถทำละหมาดวันศุกร์ได้  โดยแค่3คนเท่านั้น  เป็นที่รู้กันว่า  ท่านอีม่ามชาฟีอีนั้นไม่ได้เป็นผู้กล่าวว่า การละหมาดญุมอะ(แบบที่เรากระทำในวันศุกร์ทั่วๆไปนั้น)สามารถกระทำได้ด้วยคนแม้ 3คนเท่านั้น..ซึ่งคำพูดนี้เป็นการแอบอ้างของผู้ไม่หวังดีบางกุล่มเท่านั้น..

สำหรับในเรื่องนี้  ท่านอีม่ามนาวาวีย์   ซึ่งสังกัดในทัศนะของท่านอีม่ามชาฟีอี..ได้ทำการตรวจสอบและค้นคว้าหลักฐานพบว่า..

สิ่งที่ท่านอิบนุลกอศ..ซึ่งท่านได้บันทึกในหนังสือที่ชื่อว่า อัตตัลคีส 
ที่อ้างว่า
เป็นคำพูดของท่านอีม่ามชาฟีอีนั้น  ท่านอีม่ามนาวาวีย์กล่าวว่า   แท้จริงสิ่งนั้นอาจจะเป็นการกล่าวถึง การทำละหมาดทั่วไปแบบญามอะทั่วไป.ซึ่งมีอีม่าม1และมะมูม2 ก็ถือเป็นญามาอะแล้ว    แต่ ไม่ได้หมายถึง...การทำละหมาดวันศุกร์ที่เรากระทำกัน.....ท่านต่ออีกว่านั้นคือ  เป็นคำพูดที่ผิด.เพราะอิบนุลกอศเล่ามาจากหนังสือฟิกฮ์...ซึ่งเป็นคำพูดที่แปลกประหลาด..ที่บรรดาเจ้าของหนังสือฟิกฮ์ทั้งหลายไม่ยอมรับ

และท่านอัลกอฟฟาลได้กล่าวในหนังสือ...วัรฮุตตัลลีสว่าคำพูดของอิบนุลกอสนี้..ผิด...เพราะท่านอีม่ามชาฟีอีไม่เคยกล่าวเช่นนั้น...

แต่ที่รู้ในมัสหับอานาฟีนั้นถือว่าการละหมาดญุมมอัต(ในวันศุกร์)นั้นถือว่าใช้ได้..ท่านเชคอาบูอาลี อัซซัลญีกล่าวในหนังสือชัรฮุตตัลคีสว่า...บรรดาเพื่อนของเราทั้งหลายต่างก็ปฏิเสธในคำกล่วและความเข้าใจของอิบนุลกอสนี้...เขากล่าวว่า...ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนในเรื่องนี้...(การที่ทำละหมาดวันศุกร์ได้ด้วยแค่3คน)

แต่หะดิสที่ซอฮิที่ท่านออิม่ามชาฟีอียึดตามคือ........การละหมาดญุมอะในวันศุกร์นั้นต้องมีจำนวนคน40คนขึ้นไป..  นีคือสิ่งที่ถูกต้องตามทัศนะของเรา..

ทีนี่มาดูหลักฐานที่มาของการละหมาดวันศุกร์ด้วยแค่12คน   ต่อครับ..


ท่านตอบรอนีได้บันทึกว่า  จาก อบีมัสอูด อัลอังศอรีย์กล่าวว่า...คนแรกที่เดินทางจากมาถึงมาดีนะจากพวกมุฮายารีนคือ มิศอับ บุตรอามีร  และเขาคือคนแรกที่ร่วมละหมาดญุมอะในวันศุกร์ก่อนที่ท่านนบี(ซล)จะเดินทางมาถึงและพวกเขามีจำนวน12คน  จากนัยเอาตอร์ส่วนที่3หน้าที่244..แต่หะดิสนี้ท่านเชากานีย์วิจารร์ว่า..อ่อนหลักฐาน...เพราะสายสืบนี้หะดิสนี้มี  ซอและบุตรอาบิลอัคดอรี  และเขานั้นเป็นผู้ที่อ่อนหลักฐาน..

ท่านอีม่ามบุคอรีกล่าวว่ามุอาวียะบุตรอัมรกล่าวว่า..ซาอีดะเล่าให้เราฟังจากฮุศอยนจากสาลิม ลุกอาบิลญะกล่าวว่าญาบิรลูกอับดุลลออ์กล่าวว่า..ในระหว่าที่เรากำลังละหมาดพร้อมกับท่านนบี.(ซล)ทันใด  นั้น มีกองคาราวานกองหนึ่งได้เดินทางมาถึง  ซึ่งได้บรรทุกอาหาร  ดังนั้น บรรดาซอฮาบะที่อยู่ตรงนั้น ก็มุ่งหน้าไปยังกองคาราวานเพื่อแย่งอาหารจนไม่มีใครอยู่ตรงนั้นกับท่านนบี(ซล)ในขณะที่ทำการละหมาดอยู่..ยกเว้นเพียง12คน...หลังจากนั้นอายะกรุอ่านก็ลงมาว่า..

........และเมื่อพวกเขาได้เห็นการค้าและการละเล่น พวกเขาก็กรูกันไปที่นั่น และปล่อยหรือทิ้งให้เจ้าอยู่คนเดียว....
ดู  ศอฮิบคคอรีที่939    ศอฮิมุสลิม..36-38    ฟัตหุลบารีเล่ม3หน้า 90...ซึ่งเป็นหะดิสที่กล่าวถึงการกระทำครั้งนั้นของท่านนบีอย่างชัดเจน...แต่ถ้าเราถามว่าทำไมท่านอีม่ามชาฟีอีไม่เอาสิ่งนี้มาเป็นหลักฐาน....

คำตอบก็คือ...หากมีหลักฐานการละหมาดยุมอะ(ในวันศุกร์ที่เราๆท่านๆกระทำกัน)หรือว่า  เหตุผลเพียงแค่นี้..ก็น่าจะพอแล้วว่าการละหมาดวันศุกร์นั้นทำได้ เพราะมีจำนวน12คนก็ตาม   ...แต่คำถามต่อมานั้นก็คือ..ท่านนบีละหมาดอะไร  รูปแบบไหน หรือว่าการละหมาดญามะอทั่วไปหรือรูบแบบในวันศุกร์ที่เราทำกัน..

อย่าลืมว่าท่านอีม่ามชาฟีอีนั้นท่านเป็นคนละเอียดมากในก่ารตรวจสอบหะดิส เพราะท่านเป็นบคคลที่3ที่รับรู้หะดิสเช่นนี้มากมากไม่ว่าหลักฐานของท่านอีม่ามฮานาฟีของอีม่ามมาลิกก็ตาม..

ซึ่งหลักฐานตรงนี้ ก็มีผู้สนับสนุนมากเช่นท่านอัลยับฮากีซึ่งท่านให้น้ำหนักตรงนี้มากและท่านกล่าวว่า..การวางกฏเกนท์ที่ว่าการละหมาดวันศุกร์นั้นต้องมีคนจำนวน40คนนั้นไม่ถูกต้อง..แต่ท่านกล่าวว่า..ที่ถูกต้องคือต้องมีคนน้อยกว่า40คน..ท่านกล่าวเช่นนั้น.ท่านอิบนุฮายัรก็กล่าวสนับสนุนแนวคิดนี้....


................ฉนั้นในโอกาสต่อไป    ผมจะนำถึงเหตุผลที่ท่านอีม่ามชาฟีอี)รฮ)ไม่เลือกเอาทัศนะที่บอกว่าแค่12คนก็ละหมาดวันศุกร์ได้...อิงชาอัลลออ์.............
.

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
จากที่ผมได้กล่าวผ่านมาแล้วถึงเหตุผลที่ท่านอีม่ามชาฟีอีไม่เอายึดเอาหลักฐานที่ป็นศอหิฮ์ที่เกี่ยวกับการละหมาดญุมอัตเพียง12คนนั้นด้วยเหตุผลส่วนหนึ่งดังนี้ครับ..

1.อ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านนะบีที่ซอฮาบะออกไปยังกอคาราวานจนเหลือเพียง12คน นั้น เป็นเหตุการณ์ที่บรรดาผู้รู้หรืออุลามะที่มีความเข้าใจว่า ที่อัลลอฮ์ลงโองการนี้มาก็เพื่อตำหนิซอฮาบะที่กระทำเช่นนั้น  ซึ่งอัลลออ์กล่าวว่า...จงกล่าวเถิด(โอ้มุฮำมัด) ..สิ่งที่มีอยู่ข้าง อัลลออ์ นั้นดีที่สุดจากการละเล่น และการค้าและอัลลออ์นั้นทรงเป็นเลิศที่สุดจากบรรดาผู้ให้ริสกี....ซุเราะอัลญุมมุอะ อายะที่11.....

จากการที่ซอฮาบะกลุมหนึ่งกล่าวว่าอัลลออ์ทรงตำหนิพวกเขานั้น มีท่านญาบิร  อิบนุอับดุลลาร่วมอยู่ด้วย...

และหลักฐานพร้อมทั้งเหตุผลในการตำหนิเหตุการณ์ดังกล่าว  ซึ่งพอจะสรุปคร่าวๆมีดังนี้..

- ท่านนบีกล่าวว่า. 

 1.1หากไม่เหลือพวกเขาเหล่านี้(ซอฮาบะ12คน) ในมัสยิดข้างท่าน  แนนอน ก้แอนหินจากฟากฟ้าจะพุ่งลงมายังพวกเขา..ดู อัดดุรรุลมังซุลเล่ม6หน้า331

1.2...ขอสาบานกับผู้ที่ตัวข้าอยู่กำมือ(อำนาจ)ของพระองค์ หากพวกเจ้า(ซอฮาบะ12คน)ติดตามกันไปจนไม่เหลือใครอยู่ข้างข้า  สักคน...แน่นอนลำธารจะไหลเป็นไฟให้แก่พวกเจ้า...ดู  อัดดุรรุลมังซุร เล่ม6หน้า332

1.3. ขอสาบานกับผู้ที่ตัวข้าอยู่กำมือ(อำนาจ)ของพระองค์ หากคนสุดท้ายของพวกเจ้าติดตามคนแรกของพวกเจ้าไป แนนอน ลำธารจะลุกเป็นไฟกับพวกเจ้า...

1.4...หากพวกเจ้าติดตามกันไป(จนหมด)แน่นอน ลำธารจะลุกเป็นไฟ   ดู  อัดดุรรุลมังซุร เล่ม6หน้า332..


2.ในรายงานหะดิสที่ผ่านมานั้น

..คำว่าไม่มีเหลืออยู่ร่วมกับท่านนบี (ซล)ยกเว้น12คนซึ่งเข้าใจง่ายๆคือเหลือเพียง 12 คน นั้น แสดงให้เห็นว่า

.ขณะเมื่อเริ่มละหมาดรวมนั้นผู้ที่ละหมาด ทั้งหมดย่อมมิใช่ มีเพียง12คนอย่างแน่นอน...นี่คือ กฏเกนท์ และแสดงว่า  การละหมาดญุอัตวันศุกร์ ของท่านนบีนั้นไม่ใช่ด้วยบุคคลจำนวน12คน เท่านั้น..และถ้าเรานำไปเปรียบเทียบหรือกิยาสกับการทำฮัจย์   

โดยเฉพาะเรื่องอิบาดัตนั้น จะเริ่มกระทำได้นั้นก็ต่อเมือ..มีความสมบูรร์ในเรื่องกฎเกณท์เสียก่อน  เช่น   การทำฮัจย์  หากคนๆหนึ่งจะทำฮัจย์ ตัวเขาต้องมีความพร้อมเสียก่อนเมือเขาพร้อมแล้วจึงจะเดินทางไปทำฮัจย์ได้    และการละหมาดญุมอัตของท่านนบีเช่นกัน..  แนนอนสว่า จะต้องมีความสมบูรรฯก่อนถึงจะมีการลงมือปฏิบัติ และเป็นที่แน่นอนว่า..มิใช่เริ่มละหมาดวันศุกร์ ด้วยจำนวนคน12คน...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
 ;)วันนี้ ผมจะขอนำถึงเหตุผลที่ท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ไม่เลือกเอาทัศนะที่บอกว่าแค่12คนก็  สามารถทำละหมาดวันศุกร์ได้.ในเหตุผลที่2 .ต่อนะครับ

จากหลักฐานในเหตุผลที่..2.นั้น ..ถ้าเรามาพิจารณาต่อก็จะพบว่า...จากการที่ซอฮาบะเหลือเพียง12คน..ในการละหมาดญุมอัตครั้งนั้น...และหากมีคนถามว่า ..แล้วทำไมท่านนบี(ซล)ถึงไม่ล้มเลิกการละหมาดนั้น หากถือว่า จำนวนคน 12 คนนั้น  ไม่ครบเกณท์การละหมาดญุมอัตในวันศุกร์.....

พี่น้องของเราในมัสหับชาฟีอี(รฮ)ตอบบว่า...เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่รู้ว่า อัลลออ์(วบ)และท่านร้อซุ้ลเอง ก็ทรงตำหนิซอฮาบะเหล่านั้นที่หนีออกจากการละหมาดญุมอัตในครั้งนั้น   ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ว่า พี่น้องของเรากล่าวว่า..จากหลักฐานข้างต้นที่จากคำดำรัสของอัลลออ์และวจนะท่านนบีที่ได้ตำหนิซอฮาบะที่กระทำอย่างนั้น ซึ่งเป้นเหตุผลหนึ่งที่ ท่านอีม่ามชาฟอี   เห็นว่า เหตุการณ์ .ในการครั้งนั้น พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย...จากกจำนวนผู้คนที่เหลือแค่12คน  และอีกอย่างคือ
การละหมาดครั้งนั้น  ของท่านนบีเป็นการละหมาด ครั้งต้นๆที่บรรดาซอฮาบะส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจต่อกฏเกณท์ดีพอ  ท่านนบีจึงไม่มีการล้มเลิกและยังถือว่า..ละหมาดนั้นใช้ได้อยู่... ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่า..การที่ซอฮาบะละทิ้งละหมาดไปนั้น ก็เพราะว่า ด้วยความไม่รู้  ซึ่งมีหลักฐานและสาเหตุดังนี้.

รายงานจาก มุตกอตุลบุตรฮิบบาน กล่าวว่า..มีท่านร้อซุ้ลละหมาดญุมมอัต ก่อนการอ่านคุตะบะเหมือนละหมาดอีดทั้งสอง..จนกระทั่งมีในสวันญุมอัตหนึ่ง...และท่านนบี(ซล) กำลังอ่านคุตอบะอยู่..ซึ่งกำลังจะหมาดญุมอัตอยู่แล้ว...และมีผู้ชานยคนหนึ่ง..เข้ามาแลฃ้วพูดว่า..แท้จริงเดียะยะบุตรคอลีฟะเดินทางมาถึงพร้อมกับสินค้า..
และมีเยยะนั้น   เมื่อเขาเดินทางมาถึงครอบครัวของเขาก็จะต้อนรับเขาด้วยกลองยาว..แล้วผู้คนก็ออกไปและพวกเขาไม่เข้าใจ(อะไรอื่น) นอกจาก(เข้าใจว่า) ในการทิ้งคตุบะนั้นไม่เป็นไร(หมายถึงไม่ผิดอะไร)    จาก อัดุรรุลมังซุล เล่ม6หน้า 331

ดังนั้นเป็นที่ชัดเจนว่า  การที่ศฮฮาบะทิ้งคุตะบะนั้นเพราะความไม่รู้ และการที่ท่านนบี(ซล)ไม่ล้มเลิกการละหมาดหรือทำการละหมาดต่อไปนั้น เพราะการกระทำของซอฮาบะที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์  ตรงนี้..เป้นที่มาของการอนุโลมของการไม่รู้ และ ชีเห็นอีกว่า การละหมาดครั้งนั้นที่เหลือเพียง12คนนั้นไม่มช่กฏเกณท์ ของการละหมาดในวันศุกร์ของทัศนะอีม่ามชาฟีอี.ดังนั้นหลักฐานที่ว่าด้วยผู้คน12คนนั้นสามารถละหมาดวันศุกร์ได้นั้น   สำหรับท่านอีม่ามชาฟีอีจึงตกไปในการพิจรารณาด้วยเหตุผลดังกล่าว..

และเป็นที่ชัดเจนว่ามัสหับของอีม่ามชาฟีอีนั้น เลือกกระทำจำนวนผู้คนเมื่อถึงหรือเกิน40คน ด้วยเหตุผลที่ว่า..ท่านนบีไม่เคยละหมาดญุมอัตวันศุกร์ที่มีคนน้อยกว่า40คน......

หลักฐานนี้ท่านอีม่ามนาวาวีย์ยืนยันจากหนังสือ อัลมัจมัวะเล่ม4หน้า260 

ว่า...ไม่เป็นที่อนุญาตด้วยจำนวนคนที่ไม่ถึง40คน(ในการละหมาดวันศุกร์)นอกจากเป้นหลักฐานที่ชัดเจน  และท่านนบีพูดว่า..พวกท่านจงละหมาดเหมือนดังเช่นพวกท่านเห้นว่าฉันละหมาด...

ตอไปนี่คือหลักฐานที่ว่าด้วยการละหมาดญุมอัตในวันศุกร์นั้นต้องประกอบด้วยคน40..ถึงจะกระทำได้..

อ้างจากท่านดารอกตนีย์กล่าวว่า..อบูฮามีด ลูกฮารูน เล่ากับเราว่า อบูยุซุฟลูกอิสมาอีล    ลูกฮัมมาด   ลูกเซด   เล่ากับเราว่า..วาฮับลูก ญานรีร เล่ากับเราว่า..เปาะของฉัน  เล้าให้เราฟังจาก  มุฮำมัด ลูกอิสหาก ว่า มูฮำมัด ลูก อาบีอุมามะ เล่าให้ฉันฟังจากเปาะของเขา  จากอับดุลรอมาน ลูกกะบน ลูก มาลิก  กล่าวว่า...มีฉันเป้นผู้นำทางให้กับพ่อของฉัน เมื่อท่านสูญเสียการมองเห็น   แล้วเมื่อใดที่ฉันพาท่านไปละหมาดญุมอัต แล้วท่านได้ยินเสียงอาซาน ท่านจะขอความดีให้กับอะบีมามะและขออภัยให้ด้วย ซึ่งจะเป็นอยู่อย่างนั้นระยะหนึ่ง(ระหว่างช่วงหนึ่งของแต่ละวันศุกร์)  และท่านจะไม่ได้ยินการอาซานของการละหมาดญุมอัตเว้นแต่ (หากได้ยิน)ท่าน(เปาะของฉัน)  ก็จะทำเช่นนั้น  แล้วฉันก็ถามท่านว่า...โอ้พ่อ ท่านเห็นเป็นอย่างไรหรือกับการขออภัยของท่านที่ขอให้กับอบีมามะในทุกครั้งที่ได้ยินการอาซานของการละหมาดญุมอัต  มันคืออะไร  ...


ท่านกล่าวว่า.........โอ้ลูกรัก เขา(อาบูมามะ)เป็นคนแรกจากผู้ที่รวมตัวกันในที่ลุ่มของหมู่บ้าน  บานียาฎอฮฺ  ที่เรียกกันว่า บึงคอฎีมาต  เขา(ผู้เล่า)  กล่าวว่า..ฉันถามว่า  ในวันนั้น ที่รวมตัวกันั้นพวกท่านมีจำนวนเท่าไรหรือมีกี่คน   ท่านตอบว่า มีบรรดาผู้ชายทั้งหมด 40คน   
และท่านอบูตออยิม มุฮำมัด อาบาดียะกล่าวว่า.......หะดิสนี้ ท่านอบูดาวุด, ท่านอิบนุมายะ, ท่านอิบนุฮิบบาน ,ท่านอัลฮากิม   กล่าวว่า มันซอเหียะ ตามเงื่อนไขหรือกฎเกนท์การคัดเลือกสายรายงานความน่าเชื่อถือ ของท่านอีหม่ามมุสลิม(ซอเหียะมุสลิม)...และท่าอีม่ามบัยฮะกีกล่าวในหนังสือท่านว่า..เป็นหะดิสที่ดี  และซอเหียะ..และมีกล่าวในหนังสือ คีลาฟียะของท่าน ว่า บรรดาสายสืบนี้  เป็นที่น่าเชื่อถือได้[/color]......

.........ว่างๆผมจะนำมาคุยต่อครับ...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ต่อครับ..

เป็นที่รู้ว่าตลอดชีวิตของท่านอีม่ามชาฟีอี นั้นท่านใช้เวลาทุ่มเทกับและคัดหาหะดิสที่ดีที่สุดเพราะท่านเป็นคนละเอียดมากในเรื่องใดๆก็ตาม.ท่สนนอีหม่ามนั้นใช้เวลาพิจรณาสิ่งที่ท่านอีม่ามฮานาฟีและท่านอีม่ามมาลิกเอามาเป็นหลักฐาน  อย่างรอบคอบ  ท่านเห้นว่าทำไม  ท่านอีม่ามมาลิกจึงไม่เอาหลักฐานจากอิม่ามฮานาฟี ที่ท่านกล่าวอ้างว่า การละหมาดญุมอัตนั้นทำได้แล้วแค่มะมูม3คน เพราะเขาถือว่าสายงานที่ท่านฮานฟีนำมานั้นมันดออีฟในสิ่งที่ท่านอ้างมา ..แต่ท่านอิม่ามมาลิกเลือกเอาสายรายงวานที่มี12คน   ในขณะเดียวกันท่านอีม่ามชาฟีอี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ท่าน  กลับไม่เอาหลักฐานนี้มาใช้...

แต่ท่านกลับเลือกหลักฐานที่ด้วยการละหมาดญุมอัตที่ถูกต้องนั้นต้องมี40คนนเท่านั้น...เมื่อท่านได้สืบค้นอย่างละเอียดแล้ว..

ท่านอีม่ามชาฟีอีกล่าวว่า..จากผู้ที่เชื่อถือได่นั้นได้บอกกับสุไลมานลูกมูซาว่า  แท้จริง อุมัร บินอับดุลอะซีซ ได้เขียนสานน์ไปยังชาวประมงที่อยู่ระหว่างชามกับมักกะว่า  พวกท่านจงละหมาดญุมอัต(วันศุกร์นั้น)เมื่อมีครบ40คน  ดูอัลอุม  เล่ม1  ส่วนที1 หน้าที่190..


ท่านอัดดารอกูตนียกล่าวว่า...เขาอ่านให้อบีมูซา(อับดุลรอมาน) ลูกของอับดุลลออ์ ลูกฮารูน อัลอัมบารียฟังและฉันก็ฟังด้วยว่าอิสหาก ลูกคิลิด   ลูกเซด เล่ากับเราว่า อับดิลอะซิซ ลูก อับดิลเราะมาน เล่าให้เราฟังว่าคอศีฟ เล่าให้เราฟังจาก  อาเตาะ ลูก อาบีรอบา จากญาบิร ลูก อับดิลลา กล่าวว่า ซุนนะของท่านนบีกำหนดในทุก3คนให้มรอีม่าม หรือ ในทุก40 คน และจำนวนมากว่าให้ละหมาดญุมมอะ และละหมาดอิดิ้ลอัษฮาและละหมาดอิดี้ลฟริตตรีและแท้จริงพวกเขาเป็นชุมชน...หะดิสนี้  ผู้รู้บอกว่าเป็นดออีฟแต่ที่นำมานั้นก็เพราะว่าในวิชา มุสตอลาหุลหะดิส  หะดิสดออีฟที่เนื่อ้หาเหมือนกัน3บท  มายืนยัยต่อกันสมใรถเป็นหะดิสฮาซันได้

1.หะดิส ฮาซัน ลีฆอยริฮิ เดิมเป้นดออีฟแต่ถ้ามันมีการยืนยันและบ่งบอกในตัวมันก็กลายเป็นฮาซัน(หะดิสที่ดีได้)

2.หะดิสดออีฟก็จริง เมื่อมีสิ่งมายืนยันที่เป็นซอฮิก็กลายเป้นหลักฐานที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น


  ท่านนบีกล่าวว่า..
.. เมื่อคน40คน  รวมตัวกัน แล้ว จำเป็นบนพวกเขาละหมาดญุมอัต..
 และ  ไม่เป็นการละหมาดญุมมอัตนอกจากมี40คน  ..
จาก      เล่ม2หน้96


ต่อไปจะนำเสนอหลักฐานที่ต้องละหมาดญุมมอะได้ด้วยจำนวน50คน..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
หลักฐานการละหมาดญุมอัตวันศุกร์ที่บ่งบอกถึงจำนวน50คน มีดังนี้..

ท่านอัดดารอกุตนี กล่าวว่า...ยะฟัร ลุกบุรกอน เล่าให้เราฟังจาก อัซซุรี เล่าวว่า มูฮำมัด ลูกฮาซัน อันนักกอฉีย์เล่าให้เราฟังว่า  มูฮำมัด ลุก อับดุลเราะมาน อัสสามีย์และอัลฮูเซ็น ลุก  อิดริส  ทั้งสองคนได้กล่าวว่า คอลิดลุกฮัยยายีย ได้เล่าให้เราฟังว่า  พ่อของฉันเล่ามาจากยะฟัร ลุกอัซซูบีร จาก อัลกอวิม  จากอบีมามะ ว่า แท้จริงท่านนบี(ซล)กล่าวว่า ญุมอัตนั้นจำเป้นบนผู้คนจำนวน50คน และไม่จำเป็นในจำนวนที่ตำกว่านี้....

อัดดดารุตกุนีย์กล่าวว่า  หะดิสนี้ถุกทิ้งนำมาเป็นหลักฐานไม่ได้.......และหะดิสนี้ในบางกระแสของท่านอีม่ามฮัมบาลีก้มีรายงานแต่ไม่ค่อยพูดถึง...

แต่ท่านอีม่ามฮัมบาลีมีทัศนะเดียวกับท่านอีม่ามชาฟีอีถึงจำนวนผู้คนที่ละหมาดญุมอัตในวันศุกร์ได้นั้นต้องมีเงื่อนไขว่าครบ40คน


สรุปแล้วสิ่งที่ผมนำมาบอกกับพี่น้องถึงหลักฐานของการที่จะละหมาดวันศุกร์นั้นคือ..3 -12-40-50


แต่จากการวินิจฉัยของบรรดาอุลามะทั้ง4 มัสหับในกรณีของการทำละหมาดญุมอัตในวันศุกร์ได้นั้น  นั้นมีดังนี้..

1.มัซฮับอิมามอบูหะนีฟะฮ์  คือ  ต้องมีมะอ์มูม 3 คน และพร้อมกับอิมามอีกหนึ่งคนเป็น 4  คน 

2.มัซอับอิมามมาลิก            คือ   ต้องมีผู้ละหมาดญุมุอะฮ์ถึง 12 คน

3.มัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์    คือ   ต้องมีผู้ทำละหมาดญุมุอะฮ์ถึง  40 คน

4.มัซอับอิมามอะห์มัด       คือ    ต้องมีผู้ทำละหมาดญุมุอะฮ์ถึง 40  คน...

ซึ่งจากหลักฐานที่นำมาพี่น้องสามารถจะหาทัศนะที่มีน้ำหนักเพื่อนำไปปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องได้..เอง..ครับ...



ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ญะซากัลลอฮ์สำหรับบังคนอยากรู้ที่ได้นำเสนอความรู้เรื่องละหมาดญุมุอะฮ์แก่เรา  :)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องครับ..ต่อไปนี้คือข้อปลีกย่อยและเงื่อนไขพร้อมเหตุผลที่ละเอียดอ่อนของมะมูมที่สามารถเจะละหมาดญุมอะ(วันศุกร์)ได้   ของพี่น้องในทัศนะอีม่ามชาฟีอีกล่มหนึ่ง   ที่ผมขอนำการมาบอกกับกันที่นี้........

....เกิดจากความละเอียดอ่อน..ในคุณภาพของผู้ละหมาด(วันศุกร์)ที่แตกต่างกัน..

พี่น้องเรากล่าวว่า...ปัจจุบันนี้..การละหมาดวันศุกร์ส่วนใหญ่..ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคุณภาพของผู้เข้าร่วมละหมาดวันศุกร์สักเท่าใด..และหลายๆแห่งละเลยในสิ่งนี้..โดยอ้างเหตุผลว่า...ที่ทำนั้นเพราะคนส่วนใหญ่ทั่วโลกเขาทำกัน..หรือด้วยเหตุผลความเข้าใจที่ว่า...การละหมาดญุมอัตินั้นเพียงแค่ 4..หรือ12ก็ทำได้เล้ว 

แม้ในมัสหับของอีม่ามชาฟีอีเอง ก็เช่นกัน...ส่วนมากมักไม่คำนึงถึงความรู้คุณสมบัติของผู้ที่ทำการละหมาดญุมอัตินี้...ว่าเขานั้นมีความรู้พอที่พอจะมีความสามารถทดแทนตำแหน่งเท่าเทียมกันหรือไม่...เพียงอ้างอิงว่าให้ครบจำนวนที่ตนวางไว้เท่านั้น..

ต่อไปนี้จะได้นำหลักฐานแนวคิดที่ว่านี้มาบอกกล่าวกัน..

ก่อนอื่นในการทำอิบาดัตใดก็ตาม ถ้าหากว่าสิ่งที่เรากระทำนั้นไม่ถูกต้องหรือสมบูรร์แล้ว...การปฏิบัติที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงก็จะตามมา...ทุกอิบาดัตนั้น..ไม่ว่าฟัรดูและสุนัตจะต้องมีกฏเกนณ์ของมันและทุกอิบาดัตก็เช่นกัน  จะต้องมีขารัตของมัน  หากเราฝ่าฝืนทำลวกๆด้วยเหตุผลที่อะลุ่มอะล่วยด้วยไม่มีรากฐานของศาสนาแล้ว...ก็เท่ากับเขานั้นฝ่าฝืนต่ออัลลออ์เช่นกัน...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ก่อนอื่นในการทำอิบาดัตใดก็ตามในมัสหับของอีม่ามชาฟีอีนั้น เป้นที่รู้ว่าท่านให้ความสำคัญในทุกๆเรื่องของอีบาดัต

สำหรับผู้ที่มั่นยึดมั่นหรือเคร่งครัดในการปฏิบัตินั้น  ถ้าหากว่าสิ่งที่เรากระทำนั้นไม่ถูกต้องหรือสมบูรณ์แล้ว...
การปฏิบัติที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงก็จะตามมา...ทุกอิบาดัตนั้น..ไม่ว่าฟัรดูและสุนัตจะต้องมีกฏเกนณ์ของมันและทุกอิบาดัตก็เช่นกัน  จะต้องมีขารัตของมัน  หากเราฝ่าฝืนทำลวกๆด้วยเหตุผลที่อะลุ่มอะล่วยด้วยไม่มีรากฐานของศาสนาแล้ว...ก็เท่ากับเขานั้นฝ่าฝืนต่ออัลลออ์เช่นกัน.
....

ซึ่งเขาได้ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่วางไว้..ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่ว่า การปฏิบัตินั้จะไม่ได้รับผลบุญที่ถูกต้องแล้ว..แต่เขายังนำสู่การเป็นบาปต่อกลุ่มชนเหล่านั้นด้วย..

ในการละหมาดญุมอัตวันศุกร์ก็เช่นกัน..การที่จะปฏิบัติให้สมบุรณ์ได้นั้น  แน่นอนที่สุดผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัตินั้นจะต้องปฏิบัติตามกฏเกณท์อย่างระมัดระวัง สิ่งที่จะได้นำเสนอต่อไปนี้คือสิ่งที่ท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ได้รวบรวมกฏเกณท์และเงื่อนไขในคำพูดของท่านดังนี้..

ท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)กล่าวว่า   "แล้วเมื่อมีผู้ชายจำพวน40คน จากผู้คนในหมู่บ้านหนึ่ง  และในคำว่า หมู่บ้าน..นั้นท่านหมายถึงสิ่งปลูกสร้าง และก้อนหิน  และอิฐและมีหลังคาและเป็นเอกเทศ(หมายถึงเปฌนหมู่บ้านที่แยกออกต่างหาก)และมีต้นไม้ (หมายถึงมีเรือกสวนไร่นา)เพราะแท้จริงนี่คือ สิ่งก่อสร้างทั้งหมดและมีบ้านเรือนของพวกเขาอยู่ราวกันและผู้คนในหมู่บ้านไม่มีการเดินทางออกจากหมู่บ้าน ในฤดูหนาวและฤดูร้อน(หมายถึง..ไม่ใช่เป็นพวกเร่ร่อน)ยกว้เนเดินทางเพื่อกิจธุระ.หรือการเดินทางไปทำธุระของชาวบ้านทั้งหลาย   และมีบ้านเรือนของพวกเขาอยู่รวมกันเช่นการอยู่ร่วมกัน...ของหมู่บ้านทั้งหลายแล้วถ้าหากว่า บ้านเรือนของพวกเขาไม่อยู่เขาไม่ร่วมกัน(หมายถึงบ้านแต่ละหลังอยุ่ห่างกันมากเเกนไป)แล้วพวกเขาไม่ใช่ชาวหมู่บ้าน...และ(เท่ากับว่า)พวกเขาไม่ได้อยู่ร่วมกันและพวกเขามีความสมบุรณ์(สามารถทำละหมาดญุมอัติได้)เมื่อพวกเขาครบ40คน..ที่เป็นผู้ชายเป็นไท..ไม่ใช่ทาส ที่บรรลุศาสนาภาวะ  แล้ว เมื่อพวกเขามีครบตามลักษณะเช่น นั้น  ฉัน........อีม่ามชาฟีอี  (รฮ)ขอสาบานด้วยอัลลออ์ว่า..แท้จริงละหมาดญุมอัตินั้นจำเป็นบนพวกเขาแล้ว  เมื่อพวกเขาละหมาดญุมอัติ  แน่นอนละหมาดญุมอัตินั้นเป็นที่ถุกต้องสำหรับเขา...ดูอัล-อุม  เล่ม1 หน้า190-191...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
และนั้นคือกฎเกณท์ การละหมาดญุมอัตวันศุกร์ในทัศนะของท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)..ซึ่งในปัจจุบันกฏเกณท์ทั้งหมดที่ท่านกล่าวมานั้นล้วนสมบูรณ์กันอยู่แล้ว..ในบรรดามัสยิดทั้งหลายที่มีการละหมาดนี้นั้นไม่ว่าเงื่อนไขของจำนวนคน เกี่ยวกับหมู่บ้าน การไม่มีคนเร่ร่อนฯลฯ ซึ่งทุกๆอย่าง ส่วนใหญ่แล้วจะมีความพร้อมทั้งสิ้น แต่มีอยู่อย่างเดียว  ที่มีผู้ที่มีความเคร่งครัด(ในเรื่องการละหมาดญุมอัตวันศุกร์ที่มีคุตบะและ2รอกาอัต)เห็นว่ามันยังไม่สมบูรณ์และมีการบกพร่อง..และเชื่อว่า การละหมาดวันศุกร์ของพี่น้องในมุสลิมบางกลุ่มนั้นยังไม่ถูกต้องในความสมบูรณ์และถือว่าละหมาดวันศุกร์นั้นยังใช้ไม่ได้...แต่ในที่นี่ พูดเฉพาะพี่น้องในทัศนะของท่านอีม่ามชาฟีอี..ที่ถือเงื่อนไขผู้คนครบจำนวน40แล้ว..และถือว่าจำเป็นต้องละหมาดญุมอัตวันศุกร์ได้เท่านั้น..    โดยเฉพาะคุณสมบัติของผู้ที่มาละหมาดญุมอัตวันศุกร์ร่วมกันนั้น  ในเรื่องคุณสมบัติที่พี่น้องของเรากลุ่มหนึ่งกล่าวถึงนั้น  ก็พอจะแยกแยะและสรุปได้ดังนี้..

1.ผู้เข้าร่วมละหมาดวันศุกร์นั้นจักต้องมีความรู้สมบูรณ์และครบถ้วนท่างการศึกษาอิสลาม..ดั่งที่ผู้รู้ได้ให้ทัศนะว่า...และหากพวกเขามีจำนวน40คน เท่านั้น และอันที่จริงมีคนที่ไม่มีความรู้ อ่านไม่ออก1คน หรือมากกว่านั้นในกลุ่มนั้น ของพวกเขา...
ที่ละเลยการศึกษา........ การละหมาดของเขา(ทั้งหมด) ..ใช้ไม่ได้.. เพราะเนื่องมาจากการละหมาดของเขา(คนไม่มีความรู้)นั้นใช้ไม่ได้  และพวกเขาก็มีจำนวนลดลงถึงเงื่อนไข  ทีท่านนบีกล่าวว่า ?ไม่เป็นการละหมาดญุมอัตวันศุกร์ นอกจากมี เมื่อคน40คน ???นี่คือเหตุผลหนึ่งที่พี่น้องของเรากล่าวไว้...


2.ปัญหาและสภาพความเป็นจริง ที่ทุกคนจะต้อง ยอมรับคือ ทุกวันนี้ ความละเอียดอ่อนและความาพิถีพิกชถันในการร่วมละหมาดญุมอัตวันศุกร์ในปัจจุบันนี้นั้น  ไม่มใครสนและปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างในอดีตอย่างจริงจัง   และปัญหาที่ว่าคือ การเน้นเฉพาะจำนวนบุคคลให้ครบ40คน แต่ไม่เน้นคุณสมบัติของผู้ที่จะมาละหมาดดังกล่าวเลย  สักแต่ว่าเมื่อครบจำนวน40คนแล้วก็ถือว่าทำได้และถือว่า เซาะ..แล้ว.....จนหาคนสนใจในเรื่องนี้ได้ยากในปัจจุบันนี้....จนกระทั่งทำให้คนที่มีความเคร่งครัดในเงื่อนไของค์ประกอบในความรู้ และละเอียดอ่อนในการทำอิบาดัตไม่สามารถเข้าร่วมละหมาดญุมอัตในที่นั้นๆได้  เพราะเขาเหล่านั้นถือว่า โดยหลักการแล้ว การทำอีบาดัตใดก็ตามหากไม่ครบกฎเกณท์หรือชารัตของมัน  ก็เท่ากับว่ายังไม่ได้ทำที ซึ่งหากปล่อยให้ผ่านพ้นไป โดยไม่สนใจและไม่มีการชดใช้ ให้ถูกต้อง   วันกียามัติต้องรับผิดชอบ..หรือถ้าหากรู้แน่ชัดแล้วว่า การอีบาดัตนั้นไม่ถูกต้อง แต่ยังดันทำ  ก็เท่ากับว่า..ทำเล่นกับฮุกมชาเราะ(กฏหมายอิสลามของอัลลออ์)ซึ่งโทษทัณท์เป็นอย่างไรนั้นเราๆท่านๆก็รู้กันดี...

แต่ที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบันนี้คือ ข้ออ้างของผู้ที่อ้างว่า  ยังไงๆก็ต้องทำละหมาดญุมอัตวันศุกร์เท่านั้น..    โดยที่ไม่สนใจว่า กฏเกณท์นั้นมันจะถูกต้องหรือสมบุรณ์หรือไม่....

 

GoogleTagged