السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))8.
ارادة อิรอดัต เจตนา แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเจตนา

ความว่า พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ตราบเท่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยง เว้นแต่พระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้าประสงค์ แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้าเป็นผู้กระทำโดยเด็ดขาด ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
ارادة ความหมาย ของ อิรอดัต หมายถึง การสร้างสิ่งใดๆทั้งมวลนั้น(สิ่งที่เป็นมุมกิน) เป็นการสร้างด้วยกับเจตนาและกุดรัตของพระองค์(เจตนาด้วยกับซ็าต) โดยไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับของผู้ใด และทรงมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน และพระองค์ทรงไม่สร้างสิ่งใดๆโดยเปล่าประโยชน์ และเจาะจงเฉพาะบางส่วนที่เป็น(มุมกิน) และซีฟัตอิรอดัตนั้นมีการเกี่ยวพัน(تعلق)กับซีฟัตกุดรัต และซีฟัต อิรอดัต(เจตนา)นั้นคงเดิมมากับ ซ็าต ไม่ใช่ พึ่งมีหรือเจตนานั้นเกิดเมื่อขณะบังเกิดสิ่งใดๆ แต่เจตนานั้นมีแต่เดิม ก่อนการสร้างสิ่งทั้งมวล(อาซัลลี) ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
1.
صلوحي قديم ซอลูฮี กอดีม ความพร้อมในเจตนาเพียงพอ ที่จะทำให้สิ่งที่ใด มีหรือไม่มี ก็ได้(มุมกิน) ตั้งแต่อดีตกาล ขณะที่ยังไม่มีสิ่งถูกสร้างใดๆ (อาซัลลี)
2.
تنجيزي قديم ตันยีซีกอดีม เจตนาที่จะทำให้สิ่งที่ใด มีหรือไม่มี ก็ได้(มุมกิน) ตั้งแต่อดีตกาล ขณะที่ยังไม่มีสิ่งถูกสร้างใดๆ (อาซัลลี) สำเร็จลุล่วงหรือให้ปรากฎขึ้น(ในอนาคต) เป็นพาดพึงไปสู่ ت
نجيزي حادث ตันยีซีฮาดิษ คือทำให้ปรากฎขึ้น
และบางส่วนนั้นจากมุมกินนัั้น เป็น
วายิบ อาริฎี เป็นวายิบ เนื่องจากสาเหตุที่ มุมกิน นั้น เกี่ยวพัน อิรอดัต พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่กำหนดจะให้ปรากฎขึ้น ก็วายิบที่
จะปรากฎขึ้น ตัว มุมกิน นี้ เป็นเพียงมุมกินเท่านั้น เช่น
ก่อนการบังเกิดท่านนบีมูฮำหมัด(ซล) ณ พระประสงค์ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)(แต่อาซัลลี) มีเจตนาที่จะให้ปรากฎ ณ มักกะห์ เป็นลูกท่านอับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุตตอลิบ และพระนางอามีนะห์ เป็นมารดา เมื่อวันจันทร์ที่ 12 รอบีอุ้ลเอาวาล พศ 1113(โดยประมาณ)
ก็ปรากฎตามวันและเดือนดังกล่าว การบังเกิดท่านร่อซูลนั้น เป็นมุมกิน(สิ่งที่เป็นไปได้และไม่ได้) แต่เกี่ยวพัน กับ พระประสงค์ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)(แต่อาซัลลี) ที่เจตนาจะให้ปรากฎขึ้น ตรงนี้เรียกว่า วายิบ อาริฎี ตัวมุมกิน (การบังเกิดท่านร่อซูลนั้น ) เป็น มุมกิน เท่านั้น
ส่วน มุสตาเฮล เป็น
มุสตาเฮล อาริฎี นั้น
เนื่องมาจากสาเหตุที่ มุมกิน นั้น เกี่ยวพัน กับมุมกินที่อิลมูพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)จะไม่บังเกิดหรือให้ปรากฎขึ้น
ممكن علم الله لم يوجد ฉะนั้น ก็เป็น มุมกิน มุสตาเฮลที่จะปรากฎขึ้น ตัว มุมกิน นี้ เป็นเพียงมุมกินเท่านั้น เช่น
สถานภาพการอีหม่าน ของฟิรอูน นั้นเป็น มุมกิน แต่ ณ อิลมูพระผู้เป็นเจ้านั้น จะไม่บังเกิดขึ้น
ممكن علم الله لم يوجد ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ ก็เป็นมุสตาเฮลที่จะเกิดขึ้น ตรงนี้เรียกว่า มุสตาเฮล อาริฎี ตัวมุมกิน (สถานภาพการอีหม่าน ของฟิรอูน) เป็นมุมกินด้วยตัวของมันเท่านั้น
มุมกิน ที่ อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีพระประสงค์จะให้ปรากฎ นั้นก็ วายิบ(อาริฎี)ปรากฎ และมุมกิน ที่ อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีพระประสงค์จะไม่ให้ปรากฎ ก็เป็น มุสตาเฮล(อาริฎี) ทั้งสองเป็น วายิบ(อาริฎี) และ มุสตาเฮล(อาริฎี) เนื่องจากเกี่ยวพัน กับ อิลมู อัลเลาะห์(ซบ) ถ้าหากว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีพระประสงค์จะให้ปรากฎแล้วไม่ปรากฎ สิ่งนี้เป็นการยืนยันในความไม่รู้ของ อัลเลาะห์(ซบ) ซึ่งเป็นมุสตาเฮล(อากีกี)สติปัญญาไม่ยอมรับ เพราะอัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงซีฟัตอิลมู(ทรงรอบรู้ในทุกๆสิ่งทั้งมวล)
ฉะนั้น อิรอดัตและกุดรัต ไม่เกี่ยวพันتعلق กับ วายิบ ฮากีกี และมุสตาเฮร ฮากีกี หากทั้ง2เกี่ยวพันกันتعلق แล้ว ผลที่ได้รับ จะกลับกัน จากวายิบเป็น มุสตาเฮล ซึ่งสิ่งนี้สติปัญญาไม่ยอมรับ ซึ่งเป็นการปฎิเสธ ความบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า และ ทำให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง (ของใหม่) นั้นเอง ตัวอย่าง ผู้บิดอะห์ อย่างร้ายกาจ ซึ่งไม่ได้ใช้สติปัญญา(แสดงถึงความโง่เขลาอย่างมาก)ที่จะคิดและพิจารณา ถึง วิธิการและขั้นตอน (ซีฟัตวายิบ และ มุสตาเฮล ไม่เกี่ยวพันกันتعلق )
ในการที่กล่าว ว่า พระผู้เป็นเจ้านั้น สามารถให้กำเนิดบุตรได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็แสดงถึงความไม่มีความสามารถ (นะอูซูบิก้ามินั้ลซาลิก(ผู้บิดอะห์))
เพราะถ้าทั้ง 2 (ซีฟัต วายิบ(ฮากีกี)และ มุสตาเฮล(ฮากีกี)) เกี่ยวพันกันتعلقแล้ว ผลที่ได้จะกลับกัน จากซีฟัต มุสตาเฮลเป็นวายิบ ซึ่งเป็นสิ่งสติปัญญาของผู้มีปัญญานั้นไม่ยอมรับว่ามีเด็ดขาด และเป็นสิ่งมุสตาเฮลที่ทั้งสองจะเกี่ยวพันتعلقกัน เพราะไม่ใช่แนวทางหรือช่องทาง เช่น เรือทำไมไม่แล่นอยู่บนถนน ทำไมรถไม่แล่นอยู่ในทะเล หรือ ผู้ถามทำไมไม่ใช้หัว(ศรีษะ)ในการเดิน ถ้าจะถามว่า สิ่งเหล่ามีความสามารถหรือไม่ แน่นอน มีความสามารถในการแล่น หรือเดิน เพียงแต่เป็นช่องทางของละอย่างไม่ตรงหรือไม่ใช่ช่องทางของมันนั่นเอง ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น (เรือ รถ คน) เป็นเพียงมุสตาเฮลด้านอาดัต(ในการที่จะแล่นเรือในถนน วิ่งรถในทะเล ใช้หัวในการเดิน)เท่านั้น(ไม่ใช่มุสตาเฮล)ฮากีกี แต่การเกี่่ยวพันتعلق ระหว่าง ซีฟัตวายิบ และ มุสตาเฮลนั้น เป็น มุสตาเฮล(ฮากีกี)ซึ่งสติปัญญาย่อมไม่ยอมรับว่ามีอย่างเด็ดขาด แน่นอน
เรื่องเล่า(ประวัติ)บันทึกในกีตาบ อากีดะตุ้ลนายีน ในบท อิรอดัต
อิบลีส ละห์นะตุ้ลลอ(ผู้ถูกอัลเลาะห์ ซบ สาปแช่ง) แปลงมาในรูป มนุษย์ นำเปลือกใข่มาชิ้นหนึ่งมาหาท่านนบีอิดรีส(อล) ขณะที่ท่านนบีอิดรีส(อล)นั้น กำลังเย็บเสื้อ โดยทุกการปักเข็มลงเสื้อนั้น ท่านจะกล่าว ซุบฮานั้ลลอฮฺวัลฮัมดุลิ้ลละห์ แล้วอิบลีส ก็ได้ท่าน นบีอิดรีส(อล)ว่า
อิบรีส ละห์นะตุ้ลลอ(ผู้ถูกอัลเลาะห์ ซบ สาปแช่ง) / อัลเลาะห์(ซบ)สามารถทำให้โลกนี้อยู่ในเปลือกใข่ได้หรือเปล่า
นบี อิดรีส (อล) / แท้จริง อัลเลาะห์(ซบ) สามารถทำให้โลกนี้อยู่ในรูเข็ม (พร้อมกับทิ่มตาขวา)
ตาของอิบลีส ละห์นะตุ้ลลอ(ผู้ถูกอัลเลาะห์ ซบ สาปแช่ง) นั้นก็เลยบอดไปข้าง
ท่านนบีอิดรีส(อล)ไม่ได้ขยายความไว้ในเรื่องนี้ แต่ท่าน อีหม่าม อัซอารี (รด)ได้ขยายความไว้ว่า สิ่งนี้(นำโลกใบนี้มาไว้ในเปลือกใข่) ถ้าในสถานภาพที่โลกใบนี้ใหญ่และเปลือกใข่นั้นเล็ก มุสตาเฮล ที่ยีเซมที่ใหญ่ จะเข้าไปอยู่ในยีเรมที่เล็ก
และเป็นมุมกิน เป็นสิ่งที่สติปัญญารับได้ หากว่า พระองค์อัลเลาะห์ประสงค์จะให้ โลกใบนี้เล็กกว่าเปลือกใข่ แล้วนำโลกมาไว้ในเปลือกใข่ หรือ พระองค์ประสงค์ให้เปลือกใข่นั้นใหญ่กว่า โลกใบนี้จนสามารถ นำโลกใบนี้ไปไว้ได้ วัลลอฮุอะห์ลัม
อิรอดัต และคำสั่งนั้น แตกต่างกัน แยกส่วนกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วนดังนี้
ส่วน อิรอดัต แบ่งเป็น 4 ประการ ดังนี้
1. เจตนา(อิรอดัต) และ มีคำสั่งใช้ และ พึงพอพระทัย เช่น สถานภาพอีหม่านของ ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด)
เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้ ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด) มีอีหม่าน
มีคำสั่งใช้ให้ ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด) มีอีหม่าน
พึงพอพระทัย(ยินดี) ในสถานภาพอีหม่านของ ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด)
2. เจตนา(อิรอดัต) และ ไม่มีคำสั่งใช้ และไม่พึงพอพระทัย เช่น สถานภาพ การเป็น กาเฟรของ ฟิรอูน
เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้ ฟิรอูน สถานภาพเป็น กาเฟร
ไม่มีคำสั่งใช้ให้ ให้ ฟิรอูน เป็นกาเฟร
ไม่พึงพอพระทัย(ยินดี) สถานภาพ การเป็น กาเฟรของ ฟิรอูน
3. ไม่มีเจตนา(อิรอดัต) และ ไม่มีคำสั่งใช้ และไม่พึงพอพระทัย เช่น สถานภาพ การเป็น อีหม่านของอบูลาฮับ
ไม่เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้อบูลาฮับ มีอีหม่าน
ไม่มีคำสั่งใช้ให้ ให้อบูลาฮับ เป็นกาเฟร
ไม่พึงพอพระทัย(ยินดี) สถานภาพ การเป็น กาเฟรของอบูลาฮับ
4. ไม่มีเจตนา(อิรอดัต) และ มีคำสั่งใช้ และพึงพอพระทัย เช่น สถานภาพมีอีหม่าน ของ ฟิรอูน
ไม่เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้ ฟิรอูน มีอีหม่าน
มีคำสั่งใช้ให้ ให้ ฟิรอูน มีอีหม่าน
พึงพอพระทัย(ยินดี) เมื่อ ฟิรอูน มีอีหม่าน
ฉะนั้น จะสังเกตุได้ว่า อิรอดัตจะไม่ยืนยันถึงคำสั่งใช้ ตรงนี้เป็นการ ค้านกับ มัซฮับ มัวะตะซิละห์ที่ว่า อิรอดัตนั้นจะยืนยันถึงคำสั่งใช้ด้วย เช่น ถ้ามีคำสั่งใช้(ผ่านท่านนบีมูฮำหมัด ซล)ให้อบูลาฮับนั้นอีหม่าน อบูลาฮับก็อีหม่านเนื่องจากคำสั่งใช้นั้น ถูกยืนยันด้วย อิรอดัต(อัลเลาะห์ ซบ)
มัซฮับ อะลิ้ลซุนนะห์ วัลยามาอะห์นั้น จะแยกออกจากกัน ระหว่าง อิรอดัต(อัลเลาะห์ ซบ) และ คำสั่งใช้ เช่น
การอีหม่ามของฟิรอูน มีคำสั่งใช้ให้ ฟิรอูนอีหม่าน(ผ่านท่านนบี มูซา อล )แต่ ไม่มีเจตนา(อิรอดัต) (อัลเลาะห์ ซบ)ที่จะให้ ฟิรอูนอีหม่่าน ก็เป็นกาเฟรไปสำหรับฟิรอูน ซึ่ง ชี้ให้เห็นว่า มีคำสั่งใช้ แต่ไม่มีเจตนาของ (อัลเลาะห์ ซบ) นี้ก็เป็น อิตติกอต ของ อะลิ้ลซุนนะห์ วัลยามาอะห์ นั้นเอง
ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)
8.
اكره อิกรอฮู แปลว่า ถูกบังคับ
วัลลอฮุอะห์ลัม