ผู้เขียน หัวข้อ: ซีฟัต สำหรับ อัลเลาะห์(ซบ) ที่วายิบต้องรู้  (อ่าน 22415 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด

อัสสลามุอลัยกุม ครับ พี่ๆน้องๆ และผู้รู้ในเวปทั้งหลาย
         เนื่องจากผมได้คิดว่า  ซีฟัต วายิบสำหรับอัลเลาะห์(ซบ)และซีฟัตมุสตาเฮลและยาอีส(มุมกิน) ที่มีการอธิบายนั้นยังไม่ค่อยกระจ่างมากนักกระผม ก็ขออนุญาติที่จะอธิบายเพิ่มเติม จาก กีตาบ ฟารีดะห์ ฉบับ ภาษาไทย(ในเวป) ของท่านอาจารย์ การีม  วันแอเลาะ ซึ่งกระผม จะนำหลักฐานจากอัลกุรอ่านประกอบ เพื่อยืนยัน ในแต่ละซีฟัตของซีฟัตวายิบ ถึงแม้กระผมไม่ใช่ผู้รู้ หรือ ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้หรือด้านอื่นๆ แต่กระผม อยากจะทบทวนความรู้ที่มีที่ได้ศึกษามาจากหลายๆท่านอาจารย์  แต่ถ้ามีส่วนใดที่ขัดแย้งหรือไม่ตรงตามทัศนะของท่าน อบู ฮะซัน  อัลอัซฮารีและท่านอบูมันซูร อัลมาตูรีดี ที่รู้จักในนาม มัซฮับอะฮ์ลิซซุนนะห์วัลญามาอะห์ กระผมยึดถืออยู่ ก็รบกวนผู้รู้ ช่วยกรุณา ชี้แนะด้วยนะครับ



بسم الله الرحمن الر حيم
الحمد الله رب العلمين و الصلاة والسلام على الشرف النبياءو المرسلين و على ا له وصحبه اجمعين

          
          ด้วยพระนามอัลเลาะห์ (ซบ) ผู้ทรงยิ่งด้วยความเมตตา (ต่อสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างในดุนยา) และผู้ทรงยิ่งด้วยความกรุณา(ต่อผู้ศรัทธาในวันตัดสิน วันกิยามะห์)
      
        มหาบริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า (ปราศจากการเทียบเคียงใดๆ ทุกประการ) แห่งสากลโลก(ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง) และซอลาวาตและสลามแด่ ผู้ถูกสร้างที่ประเสริฐยิ่ง ท่านนบีมูฮำหมัด(ซล) และบรรดาร่อซูลและนบีทั้งหลาย(อล)  และซอลาวาตแด่ครอบครัวท่านนบี(ซล) บรรดาซอฮาบัต และผู้ประเสริฐที่ภักดีต่ออัลเลาะห์(ซบ)และร่อซูล(ซล)ทั้งหลาย


          ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

        1. وجود วูยูด แปลว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีอยู่จริง (ซ๊าต)
             ومامن اله الا الله  ซูเราะห์ อาละอินรอม อายะห์ที่ 62
            ความว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจากอัลเลาะห์(ซบ)

         "มี" ( وجود ) ในที่นี้ หมายถึง สถานภาพการมีอัลเลาะห์ (ซบ) ที่แท้จริง หรือที่เรียกว่า "การมีอัลเลาะห์(ซบ) แบบฮากีกี" ( حققى ) คือ มี โดยไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีจุดเริ่มต้นของการมี    ซึ่งจะแตกต่างจากการมี ของสิ่งอื่นๆทั้งหมด ซึ่ง สภาพการมีของสิ่งอื่นๆ(นอกจาก อัลเลาะห์(ซบ) ) นั้นเป็นการมีที่มีจุดเริ่มต้น และมีจุดสิ้นสุด สิ่งที่ดูด้วยตาและได้ยิน รวมทั้งใช้สติปัญญานั้น เพื่อ พิสูจน์การมี ของสิ่งอื่นๆ ย่อมชัดเจนแล้วว่าต้องมีจุดเริ่มต้น และสิ้นสุด
                      
         ยกตัวอย่างเช่น การมีของดุนยาหรือโลกใบนี้    ทุกๆคนที่มีสติปัญญาย่อมรู้ดีว่า โลกใบนี้นั้นมีจุดเริ่มต้น แต่จะมีจุดสิ้นสุดเมื่อไรนั้น เป็นเรื่องอนาคต(อัลเลาะห์ ซบ เท่านั้นที่รู้เวลา) แต่สักวันต้องสลายหรือสิ้นสุดลง

           ฉะนั้นการมีของดุนยาหรือโลกใบนี้ เป็นการมี ตามช่วงเวลา  (การมีในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น) ตรงนี้ ชี้ให้เห็น ว่าเป็น การมีอยู่ที่ อยู่กับช่วงเวลา ซึ่งแตกต่าง กับ การมี อยู่ ของอัลเลาะห์(ซบ)  ซึ่งเป็นการมีที่ไม่มีช่วงเวลา(ตลอด)มากำกับ หรือ ภาษา คณิตศาสตร์ เขาเรียก อินฟีนีตี้  ไม่มีเวลามากำกับนั้นเอง

           ถ้าเราจะใช้ สติปัญญาลองคิดดู  พิจารณาดู
         900000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000 ปี

           ถ้าเอา สิ่งที่มีอยู่ในโลกใบนี้ มาเปลี่ยนเป็นหมึก แล้วเอาเขียนเลข 0 (สีแดง) เพื่อจะบ่งบอกถึงระยะเวลาที่นานๆๆๆๆๆแค่ไหนก็ตาม    จงรู้ไว้ การมีของอัลเลาะห์(ซบ)  นั้นก็อยู่นอกเหนือจากนั้น(เวลา) คือมีก่อนนั้น(เวลา) และหลังจากนั้น(เวลา)


         ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

         1. อาดัม ( عدم ) แปลว่า  การไม่มีอยู่พระผู้เป็นเจ้า

         วัลลอฮุอะห์ลัม - อินซาอัลเลาะห์ครับ กระผมจะค่อยๆทยอยให้ครบ ครับ วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 26, 2011, 04:06 PM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
อัสสลามุอลัยกุมครับ

                                   ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

2.          قدم         กิดำ แปลว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้น ดั้งเดิม
                
                                 هوالاول والاخر والظهر والباطن وهو بكل شيء عليم
                                             ซูเราะห์ฮะดีด อายะห์ที่ 3
                    ความว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ทรงเป็นองค์แรก และ องค์สุดท้ายและทรงเปิดเผยและทรงเร้นลับและพระองค์  เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

      قدم  ในที่นี้หมายความว่า  การดังเดิมของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ไร้จุดเริ่มต้น หรือไม่มีจุดเริ่มต้น หรือไม่มีจุดกำเนิดนั้นเอง
ดังเดิมคือ การมีอยู่ของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)มีมาก่อน ทุกสรรพสิ่งทั้งมวล ก็คือในอดีตย้อนกลับไป ณ จุดเริ่มต้น (อิมกาน)นั้นไม่สรรพสิ่งใดๆ ที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ได้สร้างไว้ มีแต่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
 
       ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลา หรือ อะรัซ นั้นมีจุดกำเนิดทั้งสิ้น ก็คือสิ่งถูกสร้าง

     ดังเดิม นั้นเป็น แบ่ง 3 ลักษณะ
    1.  ดังเดิมซาติ คือ ดังเดิมโดยไร้จุดเริ่มต้น หรือ ไร้จุดกำเนิด ดังเดิมนี้ มีเฉพาะ ซ็าตพระผู้เป็นเจ้าพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)เท่านั้น
    2.  ดังเดิม เวลา คือ ดังเดิมโดยกาลเวลา หรือ มีจุดกำเนิด เช่น โลกใบนี้ ดังเดิม ก็คือ มีโลกใบนี้ก่อนที่จะมีสรรพสิ่งอาศัยอยู่บนโลก  
    3.  ดังเดิมต่อๆกัน คือ ดังเดิมโดยกาลเวลาที่ติดต่อกันหรือ พาดพิงกัน  เช่น พ่อนั้น เดิมก่อน(เกิดก่อน) ลูก
            
                           ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

2.  ฮูดุส แปลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่  
   คือ สติปัญญาไม่ยอมรับ พระผู้เป็นเจ้ามีจุดกำเนิด ถ้าสิ่งใดมีจุดกำเนิดหรือจุดเริ่ม นั้นก็ไม่ใช่ พระผู้เป็นเจ้านั้นเอง
                                  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 15, 2011, 12:25 AM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                 ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

3.     بقاء            บะกอ แปลว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงถาวรตลอดไป ไม่เสื่อมสภาพหรือสูญสิ้น
     
                                                   كل شيء هالك الا وجهه
                                          ซูเราะห์ อัลเกาะศ็อศ อายะห์ที่88
                     ความหมายว่า ทุกๆสรรพสิ่งนั้นพินาศยกเว้น ซ็าตของพระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะห์ ซบ) 
                                           
                                         
                                            ويبقى وجهه ربك ذو الجلل والاكرام
                                           ซูเราะห์ อัร เราะห์มาน อายะห์ที่ 37
            ความหมายว่า และพระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นทรงมีอย่างถาวร พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ และทรงมีเกียรติยิ่ง       

  ความหมาย ของคำว่า    ถาวร นั้น หมายถึง การมีอยู่อย่างไม่สิ้นสุดของพระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะห์ ซบ)  ทุกๆสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ไม่ว่าจะด้วยตา หู หรือ ร่างกาย หรือ สติปัญญา นั้น ย่อมมีการสิ้นสุด ยกเว้น พระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะห์ ซบ) เท่านั้นที่ยังคงอยู่ ไม่มีการอวสานสำหรับพระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะห์ ซบ)       อินฟีนีตี้

       สวรรค์ และ นรก นั้น มีจุดเริ่มต้น แต่ไม่สิ้นสุดนั้น   หมายถึง การไม่สิ้นสุด ณ ฮูก่มซาเราะห์(การกล่าวของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ในอัลกุรอ่านและในฮะดิษท่าน ร่อซูล(ซล)) ด้วยกับ เจตนาของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ที่จะคงไว้ตลอด แต่ ในด้านสติปัญญานั้น ยอมรับว่า มีการสิ้นสุด ตราบใดที่พระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะห์ ซบ) มีเจตนาที่จะให้สิ้นสุด เพราะการมี สวรรค์ หรือ นรกนั้น มีด้วยกับพลานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะห์ ซบ) ไม่ได้มีด้วยกับอำนาจของตัว สวรรค์ หรือ นรก เอง


                              ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

3.    فناء  แปลว่า สิ้นสุด หรือ สลาย ดับสูญไป ไม่ยั่งยืน (สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่ามีการสิ้นสุดหรือสลายไปของพระผู้เป็นเจ้า เพราะสิ่งที่สลาย หรือเสียหายนั้นไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้า อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรถาวร

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
0
อัลหัมดุลิลลาฮฺ ยังงัยก็ขอรบกวนบังอีกนิด ให้ช่วยแยกระหว่างส่วนที่เป็นเนื้อหาคำแปลของหนังสือฟะรีดะฮ์ กับคำอธิบายของบัง เพื่อที่ทางทีมงานจะได้รวบรวม และแยกส่วนได้อย่างถูกต้องครับ - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
 :salam:ครับ
ผมไม่ได้แปล จากหนังสือ ฟารีดะห์ หรือเล่มอื่น ๆ ครับ เพียงเอาความเข้าใจส่วนตัวที่ได้เรียนหนังสือ ฟารีดะห์ และหนังสือ อื่นๆ มารวบรวมไว้ในสมองอันน้อยนิดอันนี้
โดยที่ผมพยายามอธิบายในเชิงคำพูดทั่วไป เพื่อเข้าใจง่ายๆ ฉะนั้น ผมก็ไม่สามารถแยกได้ว่า ส่วนใหนเป็นส่วนของหนังสือ ฟารีดะห์ และส่วนไหนเป็นของหนังสืออื่นๆ เพราะส่วนมาก ก็เหมือนกันครับ ในเนื่อหา แต่ผมอธิบายเพิ่มจากความเข้าใจส่วนตัวครับ
   
      ที่ผมบอกว่าอธิบายเพิ่มจากหนังสือ ฟารีดะห์ ภาษาไทยนั้น ก็หมายความว่า ผมจะอธิบายให้กว้างมากขึ้นคือ พยายามให้คนทั่วไปเข้าใจกันง่ายขึ้นอีกนิดนะ
แต่ผมไม่ได้อธิบายแบบขยายความตามหนังสือครับ  เพราะท่านอาจารย์ อัซอารี ท่านได้ขยายความไว้ให้แล้วครับ
     
      ผมแค่อยากให้เป็นทางเลือกหนึ่งจากหลายทางเลือกของผู้ที่สนใจในเว็ปนี้ ได้เข้ามาอ่านกันครับ
   
      ฉะนั้น ถ้าท่านจะก็อปหรือทำเป็นเอกสารอะไรก็แล้วแต่  ผมขอแนะนำ คุณ ฟาตอนี ก็อปส่วนเนื้อหาของหนังสือ ฟารีดะห์ ฉบับ ภาษาไทย แล้ว เอาคำขยายความตรงนี้โดยตัดต่อเอาเองก็ได้ครับ แทรกไประหว่างข้อๆ ไป เพิ่มตรงข้อนั้นๆไป ก็ได้ครับ เช่น ซีฟัตที่ 1 วูยูด ในหนังสือ ฟารีดะห์ ว่าอย่างไร แล้ว ท่านฟาตอนี ก็เสริมคำขยายความตรงข้อ วูยูด โดยที่ท่่าน ฟาตอนี ก็ตัดต่อเองเลยครับ ใช้ความรู้ส่วนตัวของท่านไปด้วยเสริมกันไปให้กว้างขึ้น เข้าใจมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านก็ อัลฮำดุลิ้ลละห์ครับ 

      แต่ถ้าท่าน ฟาตอนี หมายถึงว่า การที่ผมนั้นอ้างหนังสือ ฟารีดะห์ นั้น จำเป็น ต้องมีตัวบทด้วยอันนี้ ก็สุดวิสัย ผมคงต้องเติมชื่อหนังสือ อื่นๆอีกหลายเล่มทีเดียว
หรือทางสุดท้ายคงต้อง ตัด การอ้างหนังสือ ออกไปนะครับ เพราะไม่รู้จริงๆว่า จะแยกเนื้อหาคำแปลกับคำอธิบายยังไง ขอมาอัฟ จริงๆ  natural: วัสลาม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
0
งั้นตามแต่ที่บังจะสะดวกละกัน อินชาอัลลอฮฺ เดียวผมจะทำตามคำแนะนำของบังครับ ส่วนในเรื่องการอ้างอิงคำธิบายประกอบหนังสือฟะรีดะฮ์ฯ ฉบับแปลไทยนั้น เดียวผมจะแชร์คำอธิบายจากแหล่งที่ๆ ที่พี่น้องนำเสนอกันในเว็บนี้ แล้วผมจะเรียบเรียงด้ววสำนวนของผมอีกที อินชาอัลลอฮฺ เมื่อเสร็จก็จะเอามานำเสนอในเว็บเพื่อให้วิจารณ์กันครั้ง แล้วเมื่อเสร็จและผ่าน ก็จะได้ทำเป็น "พีดีเอฟ" หรือรูปแบบอื่นๆ มาให้พี่น้องโหลดไปอ่านและปรินต์กัน

       ผมไม่รบกวนแล้วนะ เชิญบังอธิบายต่อเลยครับ มาอัฟด้วยที่แทรกรบกวนครับ - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
   السلام عليكم ورحمةالله وبركاة

                                       ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))            
                            

4.        مخالفته تعالى للحوادث            มูคอล่าฟาตูฮูตาอาลาลิ้ลฮาวาดิษ แปลว่า  พระผู้เป็นเจ้า อัลเลาะห์(ซบ)ทรงแตกต่่างกับทุกๆสิ่งที่เป็นของใหม่

                                                          ليس كمثله شيء وهو السميع البصير
                                                        
                                                                ซูเราะห์ ซูรอ อายะห์ที่ 11

                                  ความว่า   ไม่มีสิ่งใดๆเสมอเหมือนพระองค์ และ พระองค์ ผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น                      

 ความหมาย  ของคำว่า  แตกต่างกับของใหม่  จะให้ชัดเจนจำเป็นต้องรู้ คุณลักษณะที่มีให้กับของใหม่ก่อน ก็คือซึฟัต ของ ใหม่หรือสิ่งถูกสร้างนั้นเอง

    ซีฟัต ของใหม่ (สิ่งถูกสร้าง) ประกอบด้วย
      
     عرض  อะรอด   คือ  สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ ไม่มีร่างหรือซ็าตของตัวเอง จำเป็นต้องสถิตอยู่กับสิ่งอื่นๆ มีขนาดเท่ากับสิ่งอะรอดนั้นสถิต ไม่ยั่งยืน ย่อยสลายตามกาลเวลาทั้งอะรอดและสิ่งอะรอดสถิต
 เช่น  สีที่ติดอยู่กับสิ่งอื่นๆ(ยีเรม)  ตัวอย่างคือ สีที่ติดอยู่กับใบไม้(สีเขียวหรืออื่นๆ) ตัวสีเรียก อะรอด  ตัวซ็าตใบไม้เรียก ยีเรม อะรอดนั้นก็ขนาดเท่ากับยีเรม(ใบไม้ทั้งใบสีเขียวหรืออื่นๆ)และก็อายุในการย่อยสลายเท่ากัน    

    جرم   ยีเรม  คือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่   มีลักษณะที่แยกออกจากกันได้(ผ่า หรือ ตัด หรืออื่นๆ)  ต้องการที่ว่างเพื่อตัวเอง(เช่น ก้อนหินขนาด 10 ซม ก็ต้องการพื้นที่ 10 ซมเพื่อตัวเองนั้นเอง) ต้องมีหรือควบคู่กับอะรอดด้วยเสมอ เช่น ร่างกายมนุษย์  ต้นไม้ ภูเขา โลก ดวงอาทิตย์

    جسم   ยีเซม คือ นั้นมี2 ลักษณะ  
1.   คือ ยีเรมซ้อนๆกัน
2.   คือ เรือนร่างที่โปร่งแสง ที่ละเอียด เช่น มลาอิกะห์ แสง  รัศมี
   كلية    กุลลียะห์  คือ  สิ่งที่มีขนาดใหญ่

   جزئية    ยุซอียะห์   คือ สิ่งที่มีขนาดเล็ก

ทั้งหมดที่กล่าวนั้น จะไม่พ้นไปจาก 3 สิ่ง นี้คือ  

1.   นิ่ง  
2.   ขยับ
3.   นิ่งและขยับ  

ทั้งหมดที่กล่าวนั้นจะครอบคลุมไปด้วย  กาลเวลา(ซึ่งถูกสร้าง) (เวลามีการเดินหรือเคลื่อนไหวตามนัยยะ) รวมทิศทุกทิศ
ท้องฟ้า แผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ระหว่างทั้งสอง  ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกสร้างด้วย พระผู้สร้าง อัลเลาะห์(ซบ)ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร
                 بسم الله الرحمن الر حيم
   الذي خلق السماوت و الارض وما بينهما في ستةائيام ثم استوى على العرش

                                              ซูเราะห์อัลฟุรกอน อายะห์ ที่ 59
 พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่มีอยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น ในระยะเวลา6วัน แล้วพระองค์ทรงอำนาจปกครองเหนืออรัช



   และทั้งหมดนี้ คือ ของใหม่ หรือสิ่งถูกสร้างขึ้นมา  ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า อัลเลาะห์(ซบ)ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรนั้น ทรงแตกต่างกับสิ่งดังกล่าวทั้งหมด ดังอายะห์
                                                 ليس كمثله شيء وهو السميع البصير
                        
                                                  ซูเราะห์ ซูรอ อายะห์ที่ 11

                                  ความว่า   ไม่มีสิ่งใดๆเสมอเหมือนพระองค์ และ พระองค์ ผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น  



                                                 ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)
      
  4.   مماثلته تعالى للحوادث         พระผู้เป็นเจ้า เสมือน ของใหม่หรือเป็นของใหม่(ถูกสร้างขึ้น)        


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 15, 2011, 09:09 PM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                     السلام عليكم ورحمةالله وبركاة


                                 ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))        

5.        قيامه بالنسه   กียามูฮูบินนัซซี แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงดำรงด้วยพระองค์เองในทุกๆสภาพ ทุกๆสถานะ ทั้งมวล

                                                                         الله لا اله الا هوالحي القيوم  
                                                                     ซูเราะห์ อาละห์ อิมรอม อายะห์ ที่ 2
                            ความว่า    ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจาก พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงเป็น ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง

                                                                          ان الله لغني عن العالمين
                                                                      ซูเราะห์ อังกะบูต อายะห์ที่ 6
                                              ความว่า  แท้จริง พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงมั่งมีเหนือประชาชาติทั้งหลาย
                                                      (พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ไม่ได้ต้องการสิ่งใดๆจากสิ่งถูกสร้างเลย)

 ความหมาย    การดำรงด้วยพระองค์เองนั้น หมายถึง การที่พระองค์ทรงดำเนินกิจการใดๆโดยไม่มี สื่อกลาง และไม่ต้องการสิ่งใดๆทั้งมวลจากผู้ถูกสร้าง  หากพระองค์ นั้น ต้องการจากสิ่งอื่นๆแล้ว นั้นก็หมายถึง สิ่งอื่นๆมีอำนาจ มากกว่า และสิ่งนั้นก็ต้องอยู่เหนือกว่า สิ่งนั้นก็ต้องเป็นพระเจ้า และหากสิ่งนั้นต้องการจากสิ่งอื่นๆอีก ก็จะกลายเป็น ทอดๆ ไป  เรื่อยๆ ๆ  ไม่สิ้นสุด ซึ่งเป็นมุสตาเฮร(สิ่งที่สติปัญญาไม่ยอมรับว่ามี) เพราะไม่มี  ผู้บรรดาลโดยไม่ต้องการที่แท้จริง
      
  ฉะนั้น ความต้องการจากสิ่งอื่นๆทั้งมวล ไม่ใช่ คุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ถาวร  แต่เป็นเป็นคุณสมบัติของสิ่งถูกสร้างทั้งมวล ที่ต้องการจากพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงยิ่งใหญ่ เกรียงไกร
                                                                                     الله صمد
                                                                                ซูเราะห์ อิคลาส
                                                     ความว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงเป็นที่พึ่ง(แก่ทุกสิ่งที่ถูกสร้างทั้งมวล)
                                    

 การดำเนินการของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น เป็นการดำเนินการโดยไม่ผ่านสื่อกลาง เพื่อยืนยันการที่ไม่ต้องพึ่งสิ่งใด  และยึนยันความเป็นเจ้าดังนี้

                                          انماامره اذااراد شئا ان يقول له كن قيكون
                                                       ซูเราะห์ ยาซีน อายะห์ ที่ 82
   ความว่า  แท้จริงพระบัญชาของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา


แต่สิ่งถูกสร้าง ต้องอาศัย สื่อกลาง หรือเครื่องมือในการดำเนินการใดๆเช่น  การเขียนหนังสือ ก็ต้องอาศัย ปากกาในการเขียนเป็นต้น





                                                    ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

5.            احتياج الى الغير   เอียะติยาญุอิลั้ลฆอยร์  แปลว่า    พึ่งพาอาศัยสิ่งอื่นๆ   คือ  พระผู้เป็นเจ้า    ไม่ได้ดำรงด้วยตนเอง  (ต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งอื่น)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 20, 2011, 01:21 AM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                   السلام عليكم ورحمةالله وبركاة


                             ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))        

6.   وحد            วาเฮ็ด          แปลว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงมี 1 เดียวเท่านั้น (พระผู้เป็นเจ้านั้นมี 1 เดียวเท่านั้น)
    
                                                                    و الهكم اله وحد
                                                             ซูเราะห์ บากอเราะห์ อายะห์ ที่ 163
                                     ความว่า พระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้านั้น มี เพียงองค์เดียว (เท่านั้น)


ความหมาย ของคำว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)องค์เดียวนั้น หมายถึง พระผู้เป็นเจ้านั้นต้องมี 1 เดียวเท่านั้น ทั้งซ็าต ซีฟัต และ การกระทำ
อธิบาย  
                     คำว่า ซ็าต                           หนึ่งเดียว คือ  ซ็าต พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ไม่ใช่ชนิด เยาฮะรุ้ลฟิร็อด (ยีเรม)ที่เป็นก้อนหรือเป็นชนิดเดียวกันทั้งซ็าต หรือเป็น ยีเซม ที่ซ้อนๆกันของ ยีเรม รวมกันเป็น ยีเซม และก็ไม่ใช่ ชนิด แสง รัศมี ท้องฟ้า แผ่นดิน และก็ไม่ใช่สิ่งใดๆทั้งมวล เหมือนกับซ็าต พระผู้เป็นเจ้า
         ฉะนั้น ไม่มีใครรู้ได้ถึง ซ็าตที่แท้จริงพระผู้เป็นเจ้า แม้ในวันอาคิเราะห์ก็ตาม  (เพียงแต่ได้เห็น ตามพระประสงค์ของพระองค์อัลเลาะห์ ที่จะให้มุฮฺมินได้เห็นในวันอาคิเราะห์ ณ สวรรค์เท่านั้น )
        
                ท่านร่อซูล(ซล)ได้กล่าวว่า  تفكروافى نعمة الله ولا تفكروافى ذات الله        
           ความว่า  พวกท่านจงคิดพิจารณาถึง เนี้ยะมัต ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) พวกท่านอย่าคิดพิจารณาถึง ซ็าต พระผู้เป็นเจ้า  

                     ท่านร่อซูล(ซล)ได้กล่าวว่า  تفكروافى الخلق  ولا تفكروافى الخالق فانه لا تحيط به الفكرة        
                  
          ความว่า   พวกท่านจงคิดพิจารณาถึงสิ่งถูกสร้าง พวกท่านอย่าคิดพิจารณาถึง ผู้ที่สร้าง แท้จริงนั้น พวกท่าน ไม่สามารถจะคิดพิจารณาครอบคลุมถึงผู้สร้างได้

           แล้วยังปฎิเสธลักษณะเหล่านี้ด้วย
        كم المتصل فى الذات       คือ การซ้อนๆกันของซ็าต หรือ ซ็าตแยกออกจากกันได้  เช่น ยีเซม  ยีเรม  

       كم المنفصل فى الذات     คือ ซ็าต นั้นมี หลายๆ ซ็าตเหมือนๆกัน คือมี จำนวน มากกว่า 1 นั้นเอง




                      ซีฟัต หนึ่งเดียว  นั้น คือ ซีฟัตที่คงเดิม และถาวร ที่มีมากับ ซ็าตมหาบริสุทธิ์ นั้น หนึ่งเดียว ไม่มีจำนวนนับ เช่น  กุดรัต ก็มี กุดรัตเดียว  อิรอดัต ก็มี อิรอดัตเดียว    ฉะนั้น จะปฎิเสธลักษณะเหล่านี้
 

         كم المتصل فى الصفات  คือ การที่มี ซีฟัต ที่เป็นลักษณะเดียวกัน หลายๆ ซีฟัตเช่น กุดรัต มี 2  อิรอดัด มี 3 เป็นต้น

  
         كم المنفصل فى الصفات   คือ การที่มี ซีฟัต นั้น เหมือนกับ ซีฟัตสิ่งถูกสร้าง เช่น กุดรัตของมัคโล็คเหมือนกับ กุตรัดพระผู้เป็นเจ้า เป็นต้น

                    การกระทำ หนึ่งเดียว คือ การกระทำที่มาจากผู้สร้าง(ผู้กระทำ)หนึ่งเดียว ไม่มีการมีส่วนร่วมกันในการกระทำต่างๆ(ฮากีกี)
และก็ปฎิเสธ ลักษณะเหล่านี้
        
           كم المتصل فى الافعال  แบ่งเป็น 2 ลักษณะ
1   การกระทำใดๆ นั้น โดยการมีส่วนร่วมกัน ระหว่างพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งถูกสร้าง เช่น การที่คนๆหนึ่งกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยกับการกระทำของคนๆนั้นและด้วยอนุมัติของพระผู้เป็นเจ้าในการกระทำนั้น เป็นต้น(ด้านฮากีกี)
2    พิจารณาในด้าน การกระทำหลายการกระทำที่เกิดขึ้น ที่เรามองเห็นได้ยิน และสัมผัสได้นั้นมีมาก ฉะนั้นการกระทำที่มีมากเหล่านี้จะไปปฎิเสธ การกระทำหนึ่งเดียว(วะฮ์ดาตุ้ลอัฟอาล)ซึ่งไม่ใช่ จุดมุ่งหมาย ณ  ตรงนี้    
แต่ให้มองในลักษณะการมีส่วนร่วมในการกระทำ จากพระผู้เป็นเจ้าและบ่าวผู้ถูกสร้าง เช่น การที่คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จในกิจการใดๆก็ตาม การพยายาม(กอซ้อดหรือเหนียต)ในการกระทำ เป็นผลจากบ่าวผู้ถูกสร้าง (ผลจากการพยายามของบ่าวจะได้รับ เช่น ตออัตได้เข้าสวรรค์ เนรคุณ ตกนรก ) ความสำเร็จในการกระทำเป็นผลจากพระผู้เป็นเจ้า เป็นต้น ตรงนี้เป็นการมองให้เกิด (วะฮ์ดาตุ้ลอัฟอาล) จริงๆ เพราะการกระทำหนึ่งเดียวนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า
ตรงนี้ อนุญาตให้ อิตติกอต หรือให้ตามนี้ เพราะ เป็นทัศนะ มัซฮับ อะห์ลิ้ล ซุนนะห์วัลยามาอะห์


          كم المنفصل فى الافعال  คือ เป็น การกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ไม่ใช่เป็นการกระทำที่มีส่วนร่วมกันระหว่างมัคโล็คกับพระผู้เป็นเจ้า เช่น การที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดไหม้   โดย เป็นการกระทำของไฟเองโดยลำพัง หรือ การทีคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จในกิจการใดๆก็ตาม เพราะการกระทำของคนๆนั้นโดยลำพัง

บรรดา  كم   ทั้งหมด ถูกปฎิเสธทั้งหมดยกเว้น   كم متصل فى الافعال    ข้อ2      เท่านั้น




                                                ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

6.  ตะอัตดุด   เป็นจำนวนนับ มากกว่าหนึ่ง หมายถึง การที่พระผู้เป็นเจ้านั้น มี มากกว่าหนึ่ง

                       การมีพระผู้เป็นเจ้ามากกว่า 1   เพราะถ้ามีมากกว่า 1 นั้น สิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดต้องพินาศอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่าง  ถ้ามีพระเจ้า 2 องค์ ที่อำนาจเท่ากัน(ถ้าไม่เท่ากันก็แสดงว่าผู้มีอำนาจมากกว่าเป็นพระเจ้านั้นเอง) องค์หนึ่งต้องที่กระทำสิ่งหนึ่งแต่อีกองค์หนึ่งไม่ต้องการกระทำ ฉะนั้น การกระทำนั้นย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะด้วยการคานกันระหว่าง ทั้งสอง และถ้าในกรณีที่มีสิ่งมี (สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว)  แล้วองค์หนึ่ง จากทั้ง 2 ต้องการที่จะสลายไปแต่ อีกองค์ ไม่ต้องการให้สลาย แน่นอน ผลสุดท้าย ก็เกิดการพินาศสิ้น ด้วยการคานกัน ระหว่างอำนาจทั้ง 2  นั้นเอง  
        ฉะนั้น การกระทำใดๆก็ตามในดุนยานี้หรือ อื่นๆ(สิ่งถูกสร้างทั้งหมด)นั้น หากกระทำด้วยผู้กระทำที่มีอำนาจเท่ากัน 2 องค์ขึ้นไปแล้วย่อมเกิดการพินาศสิ้นแน่นอน    
    สติปัญญา ของผู้มีปัญญา ย่อมพิจารณารู้ ถึงสิ่งนี้(มีมากกว่า 1) สติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีอย่างเด็ดขาด แน่นอน
    

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 17, 2011, 02:01 AM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                السلام عليكم ورحمةالله وبركاة

    ซีฟัตวายิบสำหรับ   พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่จำเป็นต้องรู้  20 ประการนั้น แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
    1. นัซซียะห์     จะมี     1. วูยูด 

    2. ซัลบียะห์     จะมี     1. กิดำ     2. บะกอ   3. มูคอลาฟาตูฮู ตะอาลา ลิ้ลฮาวาดิษ     4. กียามูฮู บิน นัซซี        5. วะห์ดานียะห์ 

    3. มะอานี       จะมี     1. กุดรอตุ  2. อิรอดาตุ 3.อิลมุ  4.ฮายาตุ   5.กาลามุ  6.ซามีอุ   7. บะซีรุ
 
    4. มะนาวียะห์   จะมี     1. เกานูฮูกอดิรอน  2.เกานูฮูมูรีดัน  3.เกานูฮูอาลีมัน    4.เกานูฮูฮัยยัน  5.เกานูฮูมูตะกัลลีมัน  6.เกานูฮูบะซีรอน  7.เกานูฮูซามีอัน

  ที่กล่าวมานั้น 1- 6  ซีฟัต 
   
  1.  วูยูด                                       แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงมี   
 
  2.  กิดำ                                       แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเดิม   ไร้จุดเริ่มต้น
 
  3.  บะกอ                                     แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงถาวร  ไร้จุดสิ้นสุด

  4.  มุคอลาฟาตูฮู ตาอาลา ลิ้ลฮาวาดิษ     แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงแตกต่างกับของใหม่

  5.  กียามูฮู บิน นัซซี                         แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง
 
  6. วะห์ดานียะห์                               แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเอกะ   หนึ่งเดียว


  ในที่นี้ จะขอ กล่าวถึง ส่วนที่ 1 และ 2
           
               ส่วนที่ 1 คือ นัซซียะห์  คือ ซีฟัต วูยูด  การมีของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้นเป็น เป็นการยืนยันการมี ที่มีตัวตนจริงๆ เป็นการยืนยันในการมีที่แท้จริง  ซึ่งจะแตกต่างจากส่วนที่เหลือยกเว้นซัลบียะห์ เพราะส่วนที่เหลือยกเว้นซัลบียะห์(อีก14ซีฟัต) เป็นการมีที่พาดพิดไปสู่ ตัวตน(ซ็าต) แต่เป็นการมีที่ไม่มีตัวตนของตนเอง เช่น ซีฟัต กุดรัต นั้น มี แต่กุดรัต นั้นไม่มีตัวตนของตนเองแต่เป็นการมี ที่พาดพิง สู่ ซ็าต คือบอกคุณลักษณะของ ซ็าตนั้นเอง 
   
              ถ้าการ มี กุดรัต มีตัวตนของตนเอง ก็ เป็น การมี ซ็าตกุดรัต 1 ซ็าต  ซ็าต อัลเลาะห์(ซบ) 1 ซ็าต รวมเป็น 2  ซึ่งตรงนี้เป็นมุสตาเฮร สติปัญญาไม่ยอมรับ  ฉะนั้น การมี กุดรัต เป็นการมีที่ มีจริงๆแต่มีใน ลักษณะที่มีให้กับ ซ็าต อัลเลาะห์(ซบ) นั้นเอง

             สรุป นัซซียะห์ คือ อีน  หรือ ซ็าต ตัวตนจริงๆ ไม่มีการพาดพึงไปสู่สิ่งใดๆทั้งมวล  ซ็าต หรือ ตัวตน มีพระนาม ว่าอัลเลาะห์(ซบ)และอีก 98 พระนาม

                             ท่านร่อซูล(ซล)ได้กล่าวว่า  تفكروافى نعمة الله ولا تفكروافى ذات الله        
           ความว่า  พวกท่านจงคิดพิจารณาถึง เนี้ยะมัต ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) พวกท่านอย่าคิดพิจารณาถึง ซ็าต พระผู้เป็นเจ้า 

                     ท่านร่อซูล(ซล)ได้กล่าวว่า  تفكروافى الخلق  ولا تفكروافى الخالق فانه لا تحيط به الفكرة       
                 
      ความว่า   พวกท่านจงคิดพิจารณาถึงสิ่งถูกสร้าง พวกท่านอย่าคิดพิจารณาถึง ผู้ที่สร้าง แท้จริงนั้น พวกท่าน ไม่สามารถจะคิดพิจารณาครอบคลุมถึงผู้สร้างได้


ถ้าเกิดคำถาม ในใจท่านว่า
                  ใครเป็นคนสร้างท่าน (ท่านตอบว่า อัลเลาะห์(ซบ) ) ใครเป็นคนสร้างโลกนี้ (ท่านตอบว่า อัลเลาะห์(ซบ) )
               
                  แล้วใครเป็นคนสร้าง อัลเลาะห์  ท่านจงขอความคุ้มครองต่อ อัลเลาะห์(ซบ) ให้พ้น จากไซตอน มารร้าย เถิด เพราะแน่แท้แล้วว่า
               
                          ท่านนั้นโดยซัยตอน ล่อลวงให้เกิด การสงสัย เคลือบแคลง 
                 
                   นะอูซูบิก้ามินั้ลซาลิก(ข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายขอความคุ้มครองต่อพระองค์ อัลเลาะห์ (ซบ)ผู้ทรงยิ่งใหญ่ เกรียงไกร
                    ให้พ้นจากการล่อลวงในจิตใจข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายของซัยตอนมารร้าย ผู้ถูกสาปแช่งด้วยเถิด อามีน)


   ส่วนที่ 2  ซัลบียะห์  คือ  กิดำ   บะกอ   มูคอลาฟาตูฮู ตาอาลา ลิ้ลฮาวาดิษ   กียามูฮู ตาอาลา บินนัซซี    วะห์ดานียะห์

       ซัลบียะห์ เป็น ซีฟัต ที่ไม่มีตัวตน และไม่ได้พาดพิงไม่ยัง ซ็าต อัลเลาะห์(ซบ) แต่เป็น ซีฟัต ที่ปฎิเสธกับคุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมที่มีให้กับ อัลเลาะห์(ซบ)
   
                                                         صفة دالة على نفى مالا يليق بالله عزوجل

         เช่น ถ้ามีคนกล่าวว่า อัลเลาะห์(ซบ) มีจุดเริ่มต้น แต่เริ่มต้นก่อน โลกใบนี้(ซีฟัตที่ไม่เหมาะ)  เราก็จะปฎิเสธไป เพราะ ว่า อัลเลาะห์(ซบ) กิดำ คงเดิมไม่มีจุดเริ่มต้น นั้นเอง

        เช่น ถ้ามีคนกล่าวว่า  อัลเลาะห์(ซบ) นั้น สถิตอยู่บนบัลลังค์   เราก็จะปฎิเสธไป  เพราะว่า อัลเลาะห์(ซบ) แตกต่างกับสิ่งใหม่   และ อัลเลาะห์(ซบ)นั้น ดำรงด้วยพระองค์เอง (ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งใหม่ที่ถูกสร้าง)

        เช่น ถ้ามีคนกล่าวว่า  อัลเลาะห์(ซบ) นั้น มี 2      เราก็ปฎิเสธไป    เพราะว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้น เอกะ   1 เดียวเท่านั้น

 สรุป ซัลบียะห์ เป็น การปฎิเสธสิ่งที่ไม่เหมาะให้ดำรงกับ พระผู้เป็นเจ้า นั้นเอง ซีฟัตทั้ง 5 นี้ด้านฮากีกี(สิ่งที่แท้จริง)นั้นมีให้เฉพาะพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น วัลลอฮุอะลัม 

   

 
 

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                          السلام عليكم ورحمةالله وبركاة


                                      ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

7.     قدرة      กุดรัต  แปลว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงพลานุภาพ  อำนาจทั้งมวล

                                                             وكان الله على كل شيء قدير

                                                             ซูเราะห์   อัลอะหฺซาบ อายะห์ 27
                                              ความว่า  และ อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง

ความหมาย ของ กุดรัต นั้น หมายถึง การมีพลานุภาพทีเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งมวลของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร ที่มีอยู่ถาวรและดังเดิมด้วย
กับ ซ็าตที่ยิ่งใหญ่ นาม พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร   พลานุภาพของ(พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร) นี้จะสัมพันธิ์หรือเกี่ยวพัน หรือร่วมอยู่ด้วย تعلق กับเจตนาของ(พระผู้เป็นเจ้า อัลเลาะห์(ซบ)) และ ทุกสรรพสิ่งทั้งมวลที่ถูกสร้าง ที่ตามองเห็น หูได้ยิน ประสาทสัมผัสทั้งหมด และสติปัญญาที่พิจารณาได้ทั้งหมด และสิ่งอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ (มุมกิน) ซึ่งจะแบ่งออก( تعلق  การสัมพันธิ์ดังนี้   )

1.          صلوحي قديم      ซอลูฮี กอดีม พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)มีความพร้อมในความสามารถ(กุดรัต)เพียงพอที่จะสร้างสิ่ง(มุมกิน) มีหรือไม่มี ก็ได้  ตั้งแต่อดีตกาล  ขณะที่ยังไม่มีสิ่งถูกสร้างใดๆ (อาซัลลี) ไม่ใช่ความพร้อม(กุดรัต)ที่จะทำให้มีหรือไม่มี(มุมกิน) เพิ่งมี(กุดรัต)ขณะที่สิ่งถูกสร้างได้ถูกสร้าง แต่ความพร้อม(กุดรัต)นี้ มีมาพร้อมกับ ซ็าต และคงเดิมไร้จุดกำเนิด นั้นเอง

2.    تنجيزي حادث      ตันยีซีฮาดิษ คือ ความสำเร็จลุล่วง หรือ การปรากฎของสิ่งถูกสร้างทั้งมวล ด้วยกับ กุดรัตและอิรอดัตของ พระผู้เป็นเจ้า อัลเลาะห์(ซบ)ที่เจตนาให้บังเกิด แบ่งออกเป็น 3 ส่วน

  2.1  ทำให้ปรากฎขึ้น จากสิ่งที่ไม่มีอยู่   เช่น  การบังเกิดของนบีอาดำ  ซึ่งแต่เดิมนั้น ไม่มีอยู่
  2.2  ทำให้ไม่มี จากสิ่ง ที่ปรากฎอยู่     เช่น  การไม่มี(เสียชีวิต)ของท่านนบีอาดำ ก็คือ ท่านนบีอาดำ หายไป จากการที่ ท่านนบีอาดำนั้นปรากฎอยู่
  2.3  ทำให้มีอีกครัังหลัง(รอบ2)จากไม่มี เช่น การบังเกิดอีกครั้ง(จากกุโบร์)ของท่านนบีอาดำในวัน กิยามะห์    

3.             قبضة         ก็อปดอฮฺ คือ กรรมสิทธิ ของพระองค์ อัลเลาะห์(ซบ) ในทุกๆสิ่งที่ถูกสร้างที่จะทำการใดๆก็ได้ (ด้วยกับกุดรัตและอิรอดัตของพระองค์) แบ่งออกดังนี้

   3.1   ในสถาพภาพที่ มีหรือ ไม่มี ก็ได้(มุมกิน) นั้น อยู่ในช่วงที่ให้ ปรากฎในอนาคตข้างหน้า   หากพระประสงค์จะทำให้ไม่มีถาวรก็ได้ หรือ หากพระประสงค์จะให้มีก็ได้ ทั้งหมดก็ด้วยกรรมสิทธิ(ในอำนาจ)และ  (ด้วยกับกุดรัตและอิรอดัตของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ เท่านั้น )  

   3.2  ในสถาพภาพที่ มีหรือ ไม่มี ก็ได้(มุมกิน) นั้น  ปรากฎอยู่ มีอยู่ หากพระประสงค์จะทำให้มีถาวรก็ได้ ด้วยกับกุดรัตและอิรอดัตของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ
หากพระประสงค์จะทำให้ไม่มี ก็ได้ ด้วยกับกุดรัตและอิรอดัตของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ  ทั้งหมดก็ด้วยกรรมสิทธิ(ในอำนาจ) ของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ เท่านั้น

   3.3  ในสถาพภาพที่ มีหรือ ไม่มี ก็ได้(มุมกิน) นั้น  ไม่มี        หากพระประสงค์จะทำให้ไม่มีถาวรก็ได้ ด้วยกับกุดรัตและอิรอดัตของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ
และ หากพระประสงค์จะทำให้มีก็ได้ ด้วยกับกุดรัตและอิรอดัตของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ  ทั้งหมดก็ด้วยกรรมสิทธิ(ในอำนาจ) ของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ เท่านั้น

   3.4  ทำให้มีอีกครัังหลัง(รอบ2)จากไม่มี เช่น การบังเกิดอีกครั้ง(จากกุโบร์)ของท่านนบีอาดำในวัน กิยามะห์ หากพระประสงค์จะทำให้มีถาวรก็ได้ หรือ
หากพระประสงค์จะทำให้ไม่มีถาวรก็ได้ โดยอยู่นอกเหนือ ฮูก่มซาเราะห์ ที่พระองค์ทรงกำหนด เพราะทั้งหมดนั้น  ก็ด้วยกรรมสิทธิ(ในอำนาจ) ของพระองค์อัลเลาะห์  ซบ เท่านั้น                


                                           ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

7.  عجز   แปลว่า อ่อนแอ  ไม่มีความสามารถ
                        
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 18, 2011, 08:49 PM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                              السلام عليكم ورحمةالله وبركاة

                                               ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

8.       ارادة        อิรอดัต เจตนา  แปลว่า   พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเจตนา

                                                                          

     ความว่า พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ตราบเท่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยง เว้นแต่พระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้าประสงค์ แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้าเป็นผู้กระทำโดยเด็ดขาด ตามที่พระองค์ทรงประสงค์


        ارادة    ความหมาย ของ อิรอดัต หมายถึง การสร้างสิ่งใดๆทั้งมวลนั้น(สิ่งที่เป็นมุมกิน) เป็นการสร้างด้วยกับเจตนาและกุดรัตของพระองค์(เจตนาด้วยกับซ็าต) โดยไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับของผู้ใด และทรงมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน และพระองค์ทรงไม่สร้างสิ่งใดๆโดยเปล่าประโยชน์ และเจาะจงเฉพาะบางส่วนที่เป็น(มุมกิน) และซีฟัตอิรอดัตนั้นมีการเกี่ยวพัน(تعلق)กับซีฟัตกุดรัต    และซีฟัต อิรอดัต(เจตนา)นั้นคงเดิมมากับ ซ็าต ไม่ใช่ พึ่งมีหรือเจตนานั้นเกิดเมื่อขณะบังเกิดสิ่งใดๆ แต่เจตนานั้นมีแต่เดิม ก่อนการสร้างสิ่งทั้งมวล(อาซัลลี)  ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้    

1.    صلوحي قديم      ซอลูฮี กอดีม ความพร้อมในเจตนาเพียงพอ ที่จะทำให้สิ่งที่ใด มีหรือไม่มี ก็ได้(มุมกิน)  ตั้งแต่อดีตกาล  ขณะที่ยังไม่มีสิ่งถูกสร้างใดๆ (อาซัลลี)

2.    تنجيزي قديم       ตันยีซีกอดีม   เจตนาที่จะทำให้สิ่งที่ใด มีหรือไม่มี ก็ได้(มุมกิน)  ตั้งแต่อดีตกาล  ขณะที่ยังไม่มีสิ่งถูกสร้างใดๆ (อาซัลลี) สำเร็จลุล่วงหรือให้ปรากฎขึ้น(ในอนาคต) เป็นพาดพึงไปสู่ تنجيزي حادث  ตันยีซีฮาดิษ คือทำให้ปรากฎขึ้น  

 

และบางส่วนนั้นจากมุมกินนัั้น เป็น

           วายิบ อาริฎี  เป็นวายิบ เนื่องจากสาเหตุที่ มุมกิน นั้น เกี่ยวพัน อิรอดัต พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่กำหนดจะให้ปรากฎขึ้น ก็วายิบที่
จะปรากฎขึ้น  ตัว มุมกิน นี้ เป็นเพียงมุมกินเท่านั้น เช่น

                 ก่อนการบังเกิดท่านนบีมูฮำหมัด(ซล) ณ พระประสงค์ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)(แต่อาซัลลี) มีเจตนาที่จะให้ปรากฎ ณ มักกะห์ เป็นลูกท่านอับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุตตอลิบ และพระนางอามีนะห์ เป็นมารดา เมื่อวันจันทร์ที่ 12 รอบีอุ้ลเอาวาล พศ 1113(โดยประมาณ)
ก็ปรากฎตามวันและเดือนดังกล่าว  การบังเกิดท่านร่อซูลนั้น เป็นมุมกิน(สิ่งที่เป็นไปได้และไม่ได้) แต่เกี่ยวพัน กับ  พระประสงค์ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)(แต่อาซัลลี) ที่เจตนาจะให้ปรากฎขึ้น ตรงนี้เรียกว่า  วายิบ อาริฎี   ตัวมุมกิน (การบังเกิดท่านร่อซูลนั้น ) เป็น มุมกิน เท่านั้น


           ส่วน มุสตาเฮล  เป็น มุสตาเฮล อาริฎี นั้น
          เนื่องมาจากสาเหตุที่ มุมกิน นั้น เกี่ยวพัน กับมุมกินที่อิลมูพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)จะไม่บังเกิดหรือให้ปรากฎขึ้น   ممكن علم الله لم يوجد  
 ฉะนั้น ก็เป็น มุมกิน มุสตาเฮลที่จะปรากฎขึ้น ตัว มุมกิน นี้ เป็นเพียงมุมกินเท่านั้น เช่น

          สถานภาพการอีหม่าน ของฟิรอูน  นั้นเป็น มุมกิน แต่ ณ อิลมูพระผู้เป็นเจ้านั้น จะไม่บังเกิดขึ้น   ممكن علم الله لم يوجد ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ ก็เป็นมุสตาเฮลที่จะเกิดขึ้น  ตรงนี้เรียกว่า มุสตาเฮล อาริฎี  ตัวมุมกิน (สถานภาพการอีหม่าน ของฟิรอูน) เป็นมุมกินด้วยตัวของมันเท่านั้น

         มุมกิน ที่ อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีพระประสงค์จะให้ปรากฎ นั้นก็ วายิบ(อาริฎี)ปรากฎ  และมุมกิน ที่  อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีพระประสงค์จะไม่ให้ปรากฎ ก็เป็น มุสตาเฮล(อาริฎี) ทั้งสองเป็น วายิบ(อาริฎี) และ มุสตาเฮล(อาริฎี) เนื่องจากเกี่ยวพัน กับ อิลมู อัลเลาะห์(ซบ)  ถ้าหากว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีพระประสงค์จะให้ปรากฎแล้วไม่ปรากฎ สิ่งนี้เป็นการยืนยันในความไม่รู้ของ อัลเลาะห์(ซบ) ซึ่งเป็นมุสตาเฮล(อากีกี)สติปัญญาไม่ยอมรับ เพราะอัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงซีฟัตอิลมู(ทรงรอบรู้ในทุกๆสิ่งทั้งมวล)

     ฉะนั้น  อิรอดัตและกุดรัต ไม่เกี่ยวพันتعلق กับ วายิบ ฮากีกี และมุสตาเฮร ฮากีกี หากทั้ง2เกี่ยวพันกันتعلق แล้ว ผลที่ได้รับ จะกลับกัน จากวายิบเป็น มุสตาเฮล ซึ่งสิ่งนี้สติปัญญาไม่ยอมรับ ซึ่งเป็นการปฎิเสธ ความบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า และ ทำให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง (ของใหม่) นั้นเอง

   ตัวอย่าง ผู้บิดอะห์ อย่างร้ายกาจ ซึ่งไม่ได้ใช้สติปัญญา(แสดงถึงความโง่เขลาอย่างมาก)ที่จะคิดและพิจารณา ถึง วิธิการและขั้นตอน (ซีฟัตวายิบ และ มุสตาเฮล ไม่เกี่ยวพันกันتعلق )
ในการที่กล่าว ว่า  พระผู้เป็นเจ้านั้น สามารถให้กำเนิดบุตรได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็แสดงถึงความไม่มีความสามารถ (นะอูซูบิก้ามินั้ลซาลิก(ผู้บิดอะห์))
  
    เพราะถ้าทั้ง 2 (ซีฟัต วายิบ(ฮากีกี)และ มุสตาเฮล(ฮากีกี)) เกี่ยวพันกันتعلقแล้ว ผลที่ได้จะกลับกัน จากซีฟัต มุสตาเฮลเป็นวายิบ ซึ่งเป็นสิ่งสติปัญญาของผู้มีปัญญานั้นไม่ยอมรับว่ามีเด็ดขาด  

    และเป็นสิ่งมุสตาเฮลที่ทั้งสองจะเกี่ยวพันتعلقกัน เพราะไม่ใช่แนวทางหรือช่องทาง เช่น เรือทำไมไม่แล่นอยู่บนถนน  ทำไมรถไม่แล่นอยู่ในทะเล  หรือ ผู้ถามทำไมไม่ใช้หัว(ศรีษะ)ในการเดิน ถ้าจะถามว่า สิ่งเหล่ามีความสามารถหรือไม่  แน่นอน มีความสามารถในการแล่น หรือเดิน เพียงแต่เป็นช่องทางของละอย่างไม่ตรงหรือไม่ใช่ช่องทางของมันนั่นเอง  ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น (เรือ รถ คน) เป็นเพียงมุสตาเฮลด้านอาดัต(ในการที่จะแล่นเรือในถนน วิ่งรถในทะเล ใช้หัวในการเดิน)เท่านั้น(ไม่ใช่มุสตาเฮล)ฮากีกี แต่การเกี่่ยวพันتعلق ระหว่าง ซีฟัตวายิบ และ มุสตาเฮลนั้น เป็น มุสตาเฮล(ฮากีกี)ซึ่งสติปัญญาย่อมไม่ยอมรับว่ามีอย่างเด็ดขาด แน่นอน

  เรื่องเล่า(ประวัติ)บันทึกในกีตาบ อากีดะตุ้ลนายีน ในบท อิรอดัต

   อิบลีส ละห์นะตุ้ลลอ(ผู้ถูกอัลเลาะห์ ซบ สาปแช่ง)   แปลงมาในรูป มนุษย์ นำเปลือกใข่มาชิ้นหนึ่งมาหาท่านนบีอิดรีส(อล) ขณะที่ท่านนบีอิดรีส(อล)นั้น กำลังเย็บเสื้อ โดยทุกการปักเข็มลงเสื้อนั้น ท่านจะกล่าว ซุบฮานั้ลลอฮฺวัลฮัมดุลิ้ลละห์  แล้วอิบลีส ก็ได้ท่าน นบีอิดรีส(อล)ว่า

      อิบรีส  ละห์นะตุ้ลลอ(ผู้ถูกอัลเลาะห์ ซบ สาปแช่ง)   /   อัลเลาะห์(ซบ)สามารถทำให้โลกนี้อยู่ในเปลือกใข่ได้หรือเปล่า
    
      นบี อิดรีส (อล)                                        /   แท้จริง อัลเลาะห์(ซบ) สามารถทำให้โลกนี้อยู่ในรูเข็ม (พร้อมกับทิ่มตาขวา)
 
  ตาของอิบลีส ละห์นะตุ้ลลอ(ผู้ถูกอัลเลาะห์ ซบ สาปแช่ง) นั้นก็เลยบอดไปข้าง
 
       ท่านนบีอิดรีส(อล)ไม่ได้ขยายความไว้ในเรื่องนี้  แต่ท่าน อีหม่าม อัซอารี (รด)ได้ขยายความไว้ว่า  สิ่งนี้(นำโลกใบนี้มาไว้ในเปลือกใข่) ถ้าในสถานภาพที่โลกใบนี้ใหญ่และเปลือกใข่นั้นเล็ก มุสตาเฮล ที่ยีเซมที่ใหญ่ จะเข้าไปอยู่ในยีเรมที่เล็ก

      และเป็นมุมกิน เป็นสิ่งที่สติปัญญารับได้ หากว่า พระองค์อัลเลาะห์ประสงค์จะให้ โลกใบนี้เล็กกว่าเปลือกใข่ แล้วนำโลกมาไว้ในเปลือกใข่ หรือ พระองค์ประสงค์ให้เปลือกใข่นั้นใหญ่กว่า โลกใบนี้จนสามารถ นำโลกใบนี้ไปไว้ได้  วัลลอฮุอะห์ลัม


   อิรอดัต และคำสั่งนั้น แตกต่างกัน แยกส่วนกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วนดังนี้

      
 ส่วน อิรอดัต แบ่งเป็น 4 ประการ ดังนี้
1. เจตนา(อิรอดัต) และ มีคำสั่งใช้ และ พึงพอพระทัย เช่น สถานภาพอีหม่านของ ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด)
    เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้  ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด)  มีอีหม่าน
    มีคำสั่งใช้ให้  ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด)  มีอีหม่าน
    พึงพอพระทัย(ยินดี) ในสถานภาพอีหม่านของ ท่านอบูบากัร อัดซิกดิก(รด)

2. เจตนา(อิรอดัต) และ ไม่มีคำสั่งใช้ และไม่พึงพอพระทัย เช่น สถานภาพ การเป็น กาเฟรของ ฟิรอูน
    เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้ ฟิรอูน สถานภาพเป็น กาเฟร
    ไม่มีคำสั่งใช้ให้  ให้ ฟิรอูน เป็นกาเฟร
    ไม่พึงพอพระทัย(ยินดี)  สถานภาพ การเป็น กาเฟรของ  ฟิรอูน


3. ไม่มีเจตนา(อิรอดัต) และ ไม่มีคำสั่งใช้ และไม่พึงพอพระทัย เช่น สถานภาพ การเป็น อีหม่านของอบูลาฮับ
    ไม่เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้อบูลาฮับ มีอีหม่าน
    ไม่มีคำสั่งใช้ให้  ให้อบูลาฮับ เป็นกาเฟร
    ไม่พึงพอพระทัย(ยินดี)  สถานภาพ การเป็น กาเฟรของอบูลาฮับ

4.  ไม่มีเจตนา(อิรอดัต) และ มีคำสั่งใช้ และพึงพอพระทัย  เช่น สถานภาพมีอีหม่าน ของ ฟิรอูน
      ไม่เจตนา(อิรอดัต)ที่จะให้ ฟิรอูน มีอีหม่าน
      มีคำสั่งใช้ให้  ให้ ฟิรอูน มีอีหม่าน
      พึงพอพระทัย(ยินดี) เมื่อ ฟิรอูน มีอีหม่าน

              ฉะนั้น จะสังเกตุได้ว่า อิรอดัตจะไม่ยืนยันถึงคำสั่งใช้ ตรงนี้เป็นการ ค้านกับ มัซฮับ มัวะตะซิละห์ที่ว่า อิรอดัตนั้นจะยืนยันถึงคำสั่งใช้ด้วย เช่น ถ้ามีคำสั่งใช้(ผ่านท่านนบีมูฮำหมัด ซล)ให้อบูลาฮับนั้นอีหม่าน อบูลาฮับก็อีหม่านเนื่องจากคำสั่งใช้นั้น ถูกยืนยันด้วย อิรอดัต(อัลเลาะห์ ซบ)

              มัซฮับ อะลิ้ลซุนนะห์ วัลยามาอะห์นั้น จะแยกออกจากกัน ระหว่าง อิรอดัต(อัลเลาะห์ ซบ) และ คำสั่งใช้ เช่น

  การอีหม่ามของฟิรอูน  มีคำสั่งใช้ให้ ฟิรอูนอีหม่าน(ผ่านท่านนบี มูซา อล )แต่ ไม่มีเจตนา(อิรอดัต) (อัลเลาะห์ ซบ)ที่จะให้ ฟิรอูนอีหม่่าน ก็เป็นกาเฟรไปสำหรับฟิรอูน  ซึ่ง ชี้ให้เห็นว่า มีคำสั่งใช้ แต่ไม่มีเจตนาของ (อัลเลาะห์ ซบ)  นี้ก็เป็น อิตติกอต ของ อะลิ้ลซุนนะห์ วัลยามาอะห์ นั้นเอง
    
    
    
                                   ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

  
8.      اكره    อิกรอฮู  แปลว่า  ถูกบังคับ
  

                                             วัลลอฮุอะห์ลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 18, 2011, 08:51 PM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                        السلام عليكم ورحمةالله وبركاة

                                     ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))



9.    علم          อิลมู แปลว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งมวล

                                                               وهو بكل شيء عليم

                                                 ซูเราะห์ บากอเราะห์ อายะห์ที่ 29
                                       ความว่า  และพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ) นั้น ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

           علم      อิลมู หมายความว่า การที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่อยู่ใน ชั้นฟ้าและแผ่นดิน ทั้งหมด และอิลมู นี้เป็นซีฟัต ดังเดิมมากับซ็าต ของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)  และอิลมู นี้เป็นซีฟัตที่เกี่ยวพัน(تعلق)กับ ซีฟัตกุดรัตและอิรอดัตในการบังเกิดทุกสรรพสิ่ง ที่ปรากฎอยู่ และหายไป(เดิมนั้นมีอยู่ เช่นผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว)
ตังแต่ อดีตกาล(อะซัลลี)(ในการเกี่ยวพัน(تعلق)กับกุดรัตและอิรอดัต)ที่ไม่มีสิ่งใดๆปรากฎอยู่ยกเว้น   พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)เท่านั้น

                  ความรู้ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น สามารถ รู้ได้ถึง การเดินของมดสีดำ บนหินสีดำ ในค่ำคืนที่มืดสนิท และ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้นยังรอบรู้ถึง อิริยาบทของแบคทีเรียที่ติดอยู่กับขาของจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่สุด(ต้องใช้กล้อง จุลทรรศ์ ที่ขยายเป็นล้านเท่าในการดู)  ความคิดของมนุษย์  เวลาในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมไปถึง สิ่งที่ไม่สิ้นสุดด้วย เช่น เนี้ยะมัต สวรรค์ (สำหรับมุมิน)  อะซาบ นรก(สำหรับกาเฟร) ที่คงอยู่ตลอดกาล(ตามพระประสงค์ของ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) )
             
                  สรุป ไม่มีสิ่งใดๆ ที่ตามองเห็น หูได้ยิน ประสาทสัมผัสที่มีทั้งหมด และสติปัญญาคิด ก้นบึงหัวใจ(ส่วนลึกในการคิด) ทุกสรรพสิ่งทั้งมวล อยู่นอกเหนือ อิลมู  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)

                  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงรู้โดยไม่ได้ ใช้ ตาในการมอง และ ได้ยินด้วยหู และด้วยการคิดพิจารณา พิเคราะห์  หรือ ไม่อาจกล่าวได้ว่า ยากหรือง่ายในการที่จะรู้  แต่ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงรู้ด้วยกับ ซ็าตของพระองค์ โดยปราศจากเครื่องมือใดๆทั้งสิ้น  เพราะการใช้เครื่องมือนั้น เป็น ซีฟัต ของสิ่งถูกสร้าง
เช่น การมองของมนุษย์ด้วยตา การได้ยินด้วยหู ถ้าไม่มี ตา และ หู(ทั้ง 2 นั้นเป็นเครื่องมือนำไปสู่การ ที่จะรู้ )ก็ไม่สามารถดูและได้ยินได้

                  ความรู้ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้น มาดังเดิมกับซ็าตของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)และ ถาวร พร้อมกับ ซ้าตของพระองค์  ความรู้นี้ จะเกี่ยวพัน  เฉพาะกับ تنجيزي قديم   ตันยีซี กอดีม เท่านั้น  เพราะ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงรอบรู้ในสิ่งที่จะถูกสร้างในอนาคต ทั้งมวล

               
    تنجيزي قديم       ตันยีซีกอดีม   เจตนาที่จะทำให้สิ่งที่ใด มีหรือไม่มี ก็ได้(มุมกิน)  ตั้งแต่อดีตกาล  ขณะที่ยังไม่มีสิ่งถูกสร้างใดๆ (อาซัลลี) สำเร็จลุล่วงหรือให้ปรากฎขึ้น(ในอนาคต) เป็นพาดพึงไปสู่ تنجيزي حادث  ตันยีซีฮาดิษ คือทำให้ปรากฎขึ้น 

     
                                      ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)


9.          جهل        ญะห์ลุน   แปลว่า ไม่รู้    สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่า พระผู้เป็นเจ้า ไม่รอบรู้

                                                 วัลลอฮุอะห์ลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
0
หากไม่เป็นการรบกวนมากนัก ก็อยากให้บัง ช่วยนำเสนอเกี่ยวกับหุกุมต่างๆ ที่ใช้ในวิชานี้ด้วย เช่น หุกุมอะกัล, หุกุมอาดะฮ์, หุกุมอาริฎ, หุกุมชะเราะอ์ เป็นต้นต่อไปจากนี้ไปด้วย แต่ให้แยกกระทู้ต่างหากจะดีกว่า รบกวนจริงๆ นะครับ เพราะมีอีกหลายคนที่สับสนในเรื่องหุกมพวกนี้ แล้วมักจะตัดสินบางสิ่งที่มันผิดกับสถานภาพที่แท้จริงของมันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งมันก็มีผลต่ออกีดะฮ์ของเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
หากไม่เป็นการรบกวนมากนัก ก็อยากให้บัง ช่วยนำเสนอเกี่ยวกับหุกุมต่างๆ ที่ใช้ในวิชานี้ด้วย เช่น หุกุมอะกัล, หุกุมอาดะฮ์, หุกุมอาริฎ, หุกุมชะเราะอ์ เป็นต้นต่อไปจากนี้ไปด้วย แต่ให้แยกกระทู้ต่างหากจะดีกว่า รบกวนจริงๆ นะครับ เพราะมีอีกหลายคนที่สับสนในเรื่องหุกมพวกนี้ แล้วมักจะตัดสินบางสิ่งที่มันผิดกับสถานภาพที่แท้จริงของมันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งมันก็มีผลต่ออกีดะฮ์ของเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย - วัสสลามุอลัยกุม

 :salam: ครับ
 
  ก็คิดไว้เหมือนกันครับ  แต่ หลังจบ ตรงนี้ไปก่อนละกันครับ (ซีฟัต 20 )   อินซาอัลเลาะห์ ครับ   วัสลาม

 

GoogleTagged