ผู้เขียน หัวข้อ: กุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 3 สูเราะฮฺ อาละอิมรอน  (อ่าน 14257 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 103 - 104


คำอ่าน
103. วะอฺตะศิมูบิหับลิลลาฮิญะมีเอา..วะลาตะฟัรฺเราะกู, วัซกุรูเนียะอฺมะตัลลอฮิอะลัยกุม อิซกุน..ตุมอะอฺดา...อัน..ฟะอัลละฟะบัยนะกุลูบิกุม ฟะอัศบะหฺตุม..บิเนียะอฺมะติฮี..อิควานา, วะกุน..ตุมอะลาชะฟาหุฟเราะติม..มินัน..นาริ ฟะอัน..เกาะซะกุม..มินฮา กะซาลิกะยุบัยยินุลลอฮุละกุมอายาติฮี ละอัลละกุมตะฮฺตะดูน
104. วัลตะกุม..มิน..กุม อุม..มะตุย..ยัดอูนะอิลัลค็อยริวะยะอ์มุรูนะบิลมะอฺรูฟิ วะยันเฮานะอะนิลมุน..กัรฺ วะอุลา...อิกะฮุมุลมุฟลิหูน


คำแปล R1.
103.  And hold fast, all of you together, to the rope of Allah (i.e. This Qur'an), and be not divided among yourselves, and remember Allah's favour on you, for you were enemies one to another but He joined your hearts together, so that, by his Grace, you became brethren (in Islamic Faith), and you were on the brink of a pit of Fire, and He saved you from it. Thus Allah makes his Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.,) clear to you, that you may be guided.
104.Let there arise out of you a group of people inviting to all that is good (Islam), enjoining Al-Ma'ruf (i.e. Islamic Monotheism and all that Islam orders one to do) and forbidding Al-Munkar (polytheism and disbelief and all that Islam has forbidden). And it is they who are the successful.


คำแปล R2.
103. และพวกเจ้าจงยึดมั่นกับเชือก (ศาสนา) ของอัลเลาะฮฺ โดยพร้อมเพรียงกันเถิด และพวกเจ้าอย่าได้แตกแยกกัน และพวกเจ้าจงระลึกถึงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ (ที่ทรงโปรดประทาน) แก่พวกเจ้า เมื่อครั้งพวกเจ้ายังเป็นศัตรูต่อกัน แล้วพระองค์ได้ทรงประสานระหว่างหัวใจของพวกเจ้า ต่อมาพวกเจ้าก็เปลี่ยนมาเป็นพี่น้องกัน โดยความกรุณาของพระองค์ และพวกเจ้าเคยอยู่บนปากเหวแห่งไฟนรก แล้วพระองค์ก็ทรงนำพวกเจ้าออกมาจากมัน เช่นนั้นแหละ อัลเลาะฮฺทรงแจ้งบรรดา (สัญลักษณ์) ที่ชัดแจ้งแก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้รับการชี้นำ
104. และจงให้มีจากพวกเจ้าซึ่งประชาชาติกลุ่มหนึ่งที่ (ทำหน้าที่) เรียกร้อง (ผู้คน) ไปสู่ความดีงาม และใช้ใน (การกระทำแต่) คุณธรรม และห้ามจาก (การกระทำ) สิ่งต้องห้าม และพวกเหล่านั้น ล้วนเป็นพวกที่สมหวัง (โดยแท้จริง)


คำแปล R3.
103.   และสูเจ้าทั้งหลายจงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺให้มั่น และจงอย่าแตกแยกกัน และจงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อสูเจ้าเมื่อสูเจ้าต่างเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้สมานระหว่างหัวใจของสูเจ้าเข้าด้วยกัน แล้วสูเจ้าได้มาเป็นพี่น้องกันด้วยความโปรดปรานของพระองค์ และสูเจ้าได้อยู่บนปากหลุมของไฟและพระงค์ได้ทรงช่วยสูเจ้าให้พ้นจากมัน ดังนั้น อัลลอฮฺได้ทำให้สัญญาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้อยู่ในทางนำ
104.   และควรต้องให้มีจากในหมู่สูเจ้าซึ่งคนกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่เชิญชวนไปสู่ความดีและกำชับกันในสิ่งที่ถูกต้องและห้ามปรามในเรื่องที่ชั่วช้าเลวทราม และพวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ได้รับความสำเร็จที่แท้จริง


คำแปล R4.
103. และพวกเจ้าจงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺโดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน และจำรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีแต่พวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วย ความเมตตาของพระองค์ และพวกเจ้าเคยปรากฏอยู่บนปากหลุมแห่งไฟนรก แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งนรกนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงแจกแจงแก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาโองการของพระองค์เพื่อว่าเพวกเจ้าจะได้รับแนวทางอันถูกต้อง
104. และจงให้มีขึ้นจากพวกเจ้า ซึ่งคณะหนึ่งที่จะเชิญชวนไปสู่ความดีและใช้ให้กระทำสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้กระทำสิ่งที่มิชอบและชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ได้รับความสำเร็จ


คำแปล R5.
๑๐๓. และโอ้เผ่าเอาซ์และเผ่าค๊อซรอจ พวกเจ้าจงถือมั่นในแนวศาสนาของอัลเลาะห์ร่วมกันเถิด แต่จงอย่าแตกแยกกัน หลังจากที่ได้รับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว อีกทั้งจงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ที่มีต่อพวกเจ้าในคราวที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าเคยขับเคี่ยวกันมาเมื่อร้อยยี่สิบปีก่อนอิสลามยุคมูฮำมัด แล้วพระองค์ก็ทรงสมานจิตใจของพวกเจ้าให้เข้ากันได้ด้วยศาสนาอิสลามจนกลับมาเป็นพี่น้องในเครือศาสนาและการปกครองเดียวกันได้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้สมานจิตใจของพวกเจ้าด้วยศาสนาอิสลามทั้ง ๆ ที่สถาณการณ์ของพวกเจ้าก็ไม่ผิดอะไรกับผู้ที่เดินผ่านอยู่บนปากเหวเพลิง พร้อมที่จะหล่นลงไปในหุบเหวแห่งนั้นได้เสมอเพราะความไม่ศรัทธา และพวกเจ้าจะตกลงในเหวเพลิงนั้นในสภาพอย่างอื่นมิได้นอกจากจะตกลงไปตายในสภาพกาฟิรเท่านั้น แต่พระองค์ก็ได้ทรงให้พวกเจ้ารอดพ้นจากเหวเพลิงแห่งนั้นด้วยการดลใจให้พวกเจ้าเกิดความศรัทธาขึ้น ทำนองเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงแจ้งโองการดังกล่าวนี้แหละ อัลเลาะห์ก็จะทรงแจ้งโองการต่าง ๆ ของพระองค์ไว้แก่พวกเจ้าอีก เพื่อว่าพวกเจ้าจักได้รับแนวทางไปสู่ทางอันเที่ยงตรง
๑๐๔. และพวกเจ้าแต่บางส่วนจงเป็นคณะชนที่ชักชวนมนุษย์ให้ไปสู้ศาสนาอิสลาม ใช้พวกเหล่านั้นให้ทำดีและระงับมิให้กระทำการที่ต้องห้าม คณะชนผู้ชักชวนไปสู่การดีก็ดี ผู้ใช้ให้กระทำก็ดี และผู้คอยระงับมิให้ประพฤติชั่วก็ดี ทั้งสามเหล่านั้นแหละคือพวกมีชัย ในประการที่พวกเขาจะได้เข้าสู่สวรรค์ ผู้ที่มีความเหมาะสมยิ่งในหน้าที่ตามที่กล่าวในโองการนี้ควรได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ รู้สถานการณ์ รูกาลเทศะ และรู้นโยบายการปกครองคนเพื่อมิให้ผู้ถูกใช้และถูกห้ามมีใจกำเริบเสิบสานที่จะประกอบการชั่วร้าย



สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 105 - 109


คำอ่าน
105. วะลาตะกูนูกัลละซีนะตะฟัรฺเราะกู วัคตะละฟูมิม..บะอฺดิมาญา...อะฮุมุลบัยยินาต วะอุลา...อิกะละฮุมอะซาบุนอะซีม
106. เยามะตับยัฎฎุวุญูฮู..วะตัสวัดดุวุญูฮฺ ฟะอัม..มัลละซีนัสวัดดัตวุญูฮุฮุม อะกะฟัรฺตุม..บะอฺดะอีมานิกุม ฟะซูกุลอะซาบะ บิมากุนตุมตักฟุรูน
107. วะอัม..มัลละซี นับยัฎฎ็อดวุญูฮุฮุม ฟะฟีเราะหฺมะติลลาฮิ ฮุมฟีฮาคอลิดูน
108. ติลกะอายาตุลลอฮินัตลูฮาอะลัยกะบิลหักกฺ วะมัลลอฮุยุรีดุซุลมัลลิลอาละมีน
109. วะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ วะอิลัลลอฮิตุรฺญะอุลอุมูรฺ


คำแปล R1.
105. And be not as those who divided and differed among themselves after the clear proofs had come to them. It is they for whom there is an awful torment.
106. On the Day (i.e. the Day of Resurrection) when some faces will become white and some faces will become black; as for those whose faces will become black (to them will be said): "Did you reject faith after accepting it? Then taste the torment (in Hell) for rejecting faith."
107. And for those whose faces will become white, they will be In Allah's Mercy (Paradise), therein they shall dwell forever.
108. These are the Verses of Allah: we recite them to you (O Muhammad) in truth, and Allah wills no injustice to the 'Alamin (mankind and jinns).
109. And to Allah belongs all that is in the heavens and all that is in the earth. And all matters go back (for decision) to Allah.


คำแปล R2.
105. และพวกเจ้าจงอย่าเป็นเช่นบรรดาจำพวกที่แตกแยกกันและพิพาทกันภายหลังจากที่บรรดา (สัญลักษณ์) ที่ชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว และพวกเหล่านั้นต้องได้รับโทษอันมหันต์
106. ในวันซึ่งบางใบหน้าขาวผ่อง และบางใบหน้าดำคล้ำ กล่าวคือหมู่ชนที่ใบหน้าดำคล้ำนั้น (พวกเขาจะถูกถามว่า) พวกเจ้าทั้งหลายยังปฏิเสธอีกหรือ หลังจากพวกเจ้าได้ศรัทธาแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษเถิด เพราะเหตุแห่งการปฏิเสธของพวกเจทั้งมวล
107. ส่วนหมู่ชนที่ใบหน้าของพวกเขาขาวผ่องนั้น ย่อมได้อยู่ในความเมตตาของอัลเลาะฮฺ พวกเขาได้เข้าอยู่ในนั้นโดยนิรันดร
108. เหล่านั้นล้วนเป็นโองการแห่งอัลเลาะฮฺซึ่งเราพรรณนาแก่เจ้าโดยสัจจะ และอัลเลาะฮฺหาได้ปรารถนาที่จะอธรรมแก่ชาวโลกทั้งหลายไม่
109. และเป็นสิทธิแห่งอัลเลาะฮฺ สรรพสิ่งในชั้นฟ้าและสรรพสิ่งในพื้นดิน และการงานทั้งหลายย่อมถูกส่งคืนยังอัลเลาะฮฺ


คำแปล R3.
105.   และจงอย่าเป็นเหมือนกับบรรดาผู้ที่แตกแยกกัน และขัดแย้งกันหลังจากที่หลักฐานต่าง ๆ ได้มายังพวกเขาแล้วสำหรับพวกเขาเหล่านี้คือการลงโทษอันมหันต์
106.   ในวันนั้น ใบหน้าของบางคนจะผ่องแผ้วและใบหน้าของบางคนจะหมองคล้ำ สำหรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าหมองคล้ำนั้น (พวกเขาจะถูกถามว่า) “สูเจ้าปฏิเสธหลังจากที่ได้รับความศรัทธาแล้วกระนั้นหรือ? ดังนั้น จงลิ้มรสการลงโทษจากการที่สูเจ้าได้ปฏิเสธ
107.   สำหรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาผ่องแผ้วนั้น พวกเขาอยู่ในความเมตตาของอัลลอฮฺและพำนักอยู่ในนั้นนิรันดร
108.   เหล่านี้คืออายะฮฺต่าง ๆ ของอัลลอฮฺที่เราได้สาธยายมันแก่เจ้าด้วยความจริงและอัลลอฮฺไม่ทรงปรารถนาการอธรรมต่อชาวโลกทั้งมวล
109.   สรรพสิ่งทั้งปวงในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ และยังอัลลอฮฺที่การงานทั้งหลายจะถูกนำกลับ


คำแปล R4.
105. และพวกเจ้าจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่แตกแยกกัน และขัดแย้งกันหลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้วและชน เหล่านี้แหละสำหรับพวกเขา คือการลงโทษอันใหญ่หลวง
106. วันซึ่งบรรดาใบหน้าจะขาวผ่องและบรรดาใบหน้าจะดำคล้ำส่วนผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำนั้น (พวกเขาจะถูกถามว่า) พวกเจ้าได้ปฏิเสธศรัทธา หลังจากที่พวกเจ้าศรัทธาแล้วกระนั้นหรือ? พวกเจ้าจงชิมการลงโทษเถิด เนื่องจากการที่พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา
107. และส่วนบรรดาผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาขาวผ่องนั้น เขาจะอยู่ในความเมตตาของอัลลอฮฺ โดยที่พวกเขาจะอยู่ในความเมตตานั้นตลอดกาล
108. นั่นคือบรรดาโองการของอัลลอฮ์โดยที่เราอ่านโองการเหล่านั้นแก่เจ้าด้วยความจริง และอัลลอฮฺนั้นไม่ทรงประสงค์ซึ่งการอธรรมใด ๆ แก่ประชาชาติทั้งหลาย
109. และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺเท่านั้น และยังอัลลอฮฺนั้นกิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไป


คำแปล R5.
๑๐๕. และโอ้บรรดาชนมุอ์มินพวกเจ้าจงอย่าเป็นเช่นบรรดา ยะฮูดีและนัซรอนี ที่แตกแยกกันและขัดแย้งกัน ในเรื่องของความศรัทธา หลังจากได้มีหลักฐานชัดแจ้งมายังพวกนั้นแล้ว ส่วนการจะแตกแยกและโต้เถียงกันในเรื่องบัญญัติทางปฏิบัตินั้น ย่อมเปิดโอกาสให้กระทำได้ ทั้งนี้เพราะศาสดามูฮำมัดก็ได้แสดงพระวจนะพจน์ไว้ว่า “การขัดแย้งกันของประชากร (ชั้นมุจตะฮิด) ของฉันนั้นจัดว่าเป็นคุณในอันที่จะเกื้อกูลประชากร (ชั้นมุกอลลิด)” และพวกยะฮูดีกับพวกนัซรอนี เหล่านั้นแหละย่อมได้รับโทษทรมานที่ใหญ่หลวง
๑๐๖. ในวันที่มีใบหน้าขาวและใบหน้าดำ คือวันกิยามะฮฺ อันว่าบรรดาชนกาฟิรผู้มีใบหน้าดำนั้น ย่อมถูกให้ลิ้มรสแห่งโทษ ด้วยการถูกโยนลงในขุมนรก ซ้ำร้ายพวกนั้นยังโดนตำหนิในฐานะที่เคยถูกพระองค์ตรัสถามวิญญาณของพวกเขาในวิญญาณโลกว่า ข้านี้มิใช่องค์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าดอกหรือแล้ววิญญาณของพวกเจ้าก็ตอบรับพระวาจาถามนั้นว่า “ใช่” พวกเจ้ายังจะปฏิเสธหลังจากที่พวกเจ้าได้ศรัทธาแล้วในวันรับข้อสัญญากระนั้นหรือ? กระนั้นก็จงชิมรสแห่งโทษทรมานเถิดฐานที่พวกเจ้าไม่ศรัทธา
๑๐๗. ส่วนบรรดาชนมุอ์มินผู้มีใบหน้าขาวเล่า พวกเหล่านี้ย่อมอยู่ในพระกรุณาของอัลเลาะห์ คือ ได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ ดำรงมั่นอยู่ในนั้นนิรันดร
๑๐๘. จากโองการต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้แหละคือโองการของอัลเลาะห์ที่สาธยายถึงเรื่อง ทั้งที่เป็นความผาสุกและโทษทรมานของพวกนั้น เรา (อัลเลาะห์) ก็อ่านมันให้เจ้า (มูฮำมัด) ฟังด้วยความสัจจริงอยู่แล้ว ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นไม่ทรงปรารถนาจะคดโกงเหล่าสหประชาชาติของพระองค์ ทั้งมนุษย์ ยินและมลาอิกะห์ ด้วยการลงโทษใคร ๆ ผู้ไม่มีบาปเลย
๑๐๙. อันการปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดี และกรรมสิทธิ์ทั้งหลายบรรดามีในชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและในแผ่นดินก็ดี เหล่านี้ย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะห์ทั้งสิ้น แล้วภารกิจทั้งหลายของผู้เป็นข้าแห่งพระองค์ย่อมจะถูกให้คืนไปสู่การตัดสินของอัลเลาะห์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 110 - 112


คำอ่าน
110. กุน..ตุมค็อยเราะอุม..มะติน อุคริญัตลิน..นาสิ ตะอ์มุรูนะบิลมะอฺรูฟิ  วะตันเฮานะอะนิลมุน..กะริ วะตุอ์มินูนะบิลลาฮฺ วะเลาอามะนะอะฮฺลุลกิตาบิ ละกานะค็อยร็อลละฮุม มินฮุมุลมุอ์มินูนะ วะอักษะรุฮุมุลฟาสิกูน
111. ลัย..ยะฎุรฺรูกุม อิลลา..อะซา, วะอี..ยุกอติลูกุม ยุวัลลูกุมุลอัดบาเราะ ษุม..มะลายุน..เศาะรูน
112. ฎุริบัตอะลัยฮิมุซซิลละตุ อัยนะมาษุกิฟู..อิลลาบิหับลิม..มินัลลอฮิ วะหับลิม..มินัน..นาสิ วะบา...อูบิเฆาะเฎาะบิม..มินัลลอฮิ วะฎุริบัตอะลัยฮิมุลมัสกะนะฮฺ ซาลิกะบิอัน..นะฮุมกานูยักฟุรูนะบิอายาติลลาฮิ วะยักตุลูนัลอัม..บิยา..อะบิฆ็อยริหักกฺ ซาลิกะบิมาอะศ็อว วะกานูยะอฺตะดูน


คำแปล R1.
110. You [true believers in Islamic Monotheism, and real followers of Prophet Muhammad and his Sunnah (legal ways, etc.)] are the best of peoples ever raised up for mankind; You enjoin Al-Ma'ruf (i.e. Islamic Monotheism and all that Islam has ordained) and forbid Al-Munkar (polytheism, disbelief and all that Islam has forbidden), and you believe in Allah. And had the people of the Scripture (Jews and Christians) believed, it would have been better for them; among them are some who have faith, but most of them are Al-Fasiqun (disobedient to Allah - and rebellious against Allah's Command).
111. They will do you no harm, barring a trifling annoyance; and if they fight against you, they will show you their backs, and they will not be helped.
112. Indignity is put over them wherever they may be, except when under a Covenant (of protection) from Allah, and from men; they have drawn on themselves the Wrath of Allah, and destruction is put over them. This is because they disbelieved in the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah and killed the Prophets without right. This is because they disobeyed (Allah) and used to transgress beyond bounds (in Allah's disobedience, crimes and sins).


คำแปล R2.
110. พวกเจ้าเป็นประชาชาติที่ดีที่สุดที่ถูกให้อุบัติมาเพื่อมนุษยชาติ พวกเจ้าใช้ (ให้กระทำ) แต่คุณธรรม ห้าม (กระทำ) สิ่งต้องห้าม และพวกเจ้ามีศรัทธามั่นในอัลเลาะฮฺ และมาดแม้นชาวคัมภีร์มีศรัทธา สิ่งนั้นก็จักเป็นความดีแก่พวกเขาอย่างแน่นอน เพียงบางส่วนของพวกเขาเท่านั้นเป็นหมู่ชนที่มีศรัทธา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชั่วร้าย
111. พวกเขา (ยะฮูดี) จะไม่ทำอันตรายแก่พวกเจ้าได้เลย นอกจากเพียงก่อความเจ็บช้ำ (ด้วยวาจา เช่น บริภาษ ให้ร้าย นินทา เป็นต้น) และหากพวกเขาทำการรบกับพวกเจ้า พวกเขาก็จะหันหลัง (หนี) พวกเจ้า แล้วหลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ (จากผู้ใดทั้งสิ้น)
112. ความอัปยศได้ถูกประทับแก่พวกเขาไม่ว่าพวกเขาถูกเผชิญหน้า ณ แห่งหนใดนอกจากจะต้องมีเชือก (พันธกรณี) เส้นหนึ่งจากอัลเลาะฮฺ (คือเขาต้องเข้าสู่อิสลาม) และเชือกอีกเส้นหนึ่งจากมนุษย์ (คือพวกเขายอมจำนนอยู่ภายใต้กฎหมายอิสลาม และต้องชำระค่าทำขวัญเป็นรายปี) และพวกเขาย่อมคืนกลับด้วยความกริ้วจากอัลเลาะฮฺ และความอนาถาได้ถูกประทับแก่พวกเขา นั้นเป็นเพราะเหตุว่า พวกเขาปฏิเสธบรรดาโองการของอัลเลาะฮฺ และหากพวกเขาฆาตกรรมชีวิตของบรรดาศาสดาโดยไม่ชอบธรรม นั่นเป็นเพราะพวกเขาฝ่าฝืน และพวกเขาละเมิด (บทบัญญัติของอัลเลาะฮฺ)


คำแปล R3.
110.   สูเจ้าเป็นหมู่ชนที่ดีที่สุดที่ได้ถูกยกขึ้นมาเพื่อมนุษยชาติ สูเจ้ากำชับการดีและห้ามปรามการชั่ว และสูเจ้าศรัทธาในอัลลอฮฺ ถ้าหากบรรดาชาวคัมภีร์ได้ศรัทธาด้วย แน่นอนมันก็จะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าในหมู่พวกเขาจะมีผู้ศรัทธาบางคน แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาก็เป็นผู้ฝ่าฝืน
111.   อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่อาจทำร้ายสูเจ้าได้นอกจากการเราะราน และถ้าหากเขาต่อสู้กับสูเจ้า พวกเขาจะหันหลังให้สูเจ้า และพวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
112.   ความอัปยศได้ถูกฟาดลงมาบนพวกเขาทุกหนแห่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนยกเว้นในกรณีที่พวกเขาได้ที่พึ่งพิงภายใต้ความโปรดปรานของอัลลอฮฺหรือภายใต้การอุปการะของคนอื่น พวกเขาได้ทำให้อัลลอฮฺทรงกริ้ว ดังนั้นความขัดสนจึงได้ถูกฟาดลงมาบนพวกเขา นั่นเป็นเพราะพวกเขาปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺและฆ่านบีของพระองค์โดยไม่เป็นธรรม นั่นเป็นเพราะพวกเขาดื้อดึงและละเมิดเสมอ


คำแปล R4.
110. พวกเจ้านั้น เป็นประชาชาติที่ดียิ่งซึ่งถูกให้อุบัติขึ้นสำหรับมนุษย์ชาติ โดยที่พวกเจ้าใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่มิชอบ และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และถ้าหากว่าบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ศรัทธากันแล้ว แน่นอนมันก็เป็นการดีแก่พวกเขา จากพวกเขานั้นมีบรรดาผู้ที่ศรัทธา และส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้ละเมิด
111. พวกเขาจะไม่ทำอันตรายแก่พวกเจ้าได้เลย นอกจากการก่อความเดือดร้อนเล็ก ๆ น้อยๆ เท่านั้น และหากพวกเขาต่อสู้พวกเจ้า พวกเขาก็จะหันหลังหนีพวกเจ้า แล้วพวกเขาก็จะไม่ได้กรับความช่วยเหลือ
112. ความต่ำช้าได้ถูกฟาดลงบนพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาถูกพบ นอกจากด้วยสายเชือกจากอัลลอฮฺและสายเชือกจากมนุษย์ และพวกเขาจะนำความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไป และความขัดสนก็จะถูกฟาดลงบนพวกเขา นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเคยปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮฺ และฆ่าบรรดานะบีโดยปราศจากความเป็นธรรม นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาดื้อดึง และเคยทำการละเมิด


คำแปล R5.
๑๑๐. โอ้ปวงประชากรของมูฮำมัดว่ากันตามความรู้ซึ้งของอัลเลาะห์แล้ว พวกเจ้าย่อมเป็นประชากรที่ดียิ่งกว่าประชากรของเหล่าศาสดาทั้งหลายซึ่งถูกให้แสดงตนเป็นคุณประโยชน์และก่อความเจริญพัฒนาแก่มวลมนุษย์ คือพวกเจ้าจะใช้มนุษย์เหล่านั้นให้กระทำความดีและจะระงับมิให้กระทำการที่ต้องห้ามทั้งพวกเจ้าก็ยังศรัทธาต่ออัลเลาะห์โดยเกี่ยวโยงไปถึงหลักการศรัทธาต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย เช่น ให้ศรัทธาต่อพระศาสนทูต ต่อคัมภีร์ ต่อการสอบสวนและการตอบสนอง เป็นต้น แต่ถ้าผู้ครองคัมภีร์ทั้งฝ่ายยะฮูดีและนัซรอนีมีความศรัทธาอย่างสมบูรณ์เหมือนความศรัทธาของพวกเจ้าแล้ว ความศรัทธานั้นก็ย่อมดีสำหรับพวกเขายิ่งกว่าที่จะขาดศรัทธา พวกยะฮูดีเหล่านั้นบ้างก็เป็นพวกมุอ์มิน เช่น อับดุลเลาะห์บุตรสลามและคณะ และบางส่วนจากพวกนัซรอนีที่เป็นมุอ์มินก็มี เช่นที่มีนามว่า นะยาซีย์กับหมู่คณะ แต่ส่วนใหญ่จากพวกทั้งสองแล้วเป็นพวกาฟิร
๑๑๑. โอ้มวลชนมุอ์มิน พวกยะฮูดีนั้นจะไม่ก่อการร้ายด้วยวิธีการใด ๆ เช่น ฆ่าและปราบปรามพวกเจ้าเลย นอกจากจะใช้วาทะให้เจ็บแค้น เช่น เอ่ยด่าและอื่น ๆ แต่ถ้าพวกเหล่านั้นรุกรบพวกเจ้า พวกนั้นก็จะให้หลังทิ้งพวกเจ้าไว้เป็นฝ่ายจำนน แต่แล้วพวกยะฮูดีเหล่านั้นจักไม่ได้ความช่วยเหลือให้มีชัยเหนือพวกเจ้าเลย พวกเจ้าเสียอีกกลับจะได้รับความช่วยเหลือให้มีชัยพวกนั้น
๑๑๒. ความตกต่ำไม่ว่าจะเป็นในด้านชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินและครอบครัว ตลอดจนในด้านความเคารพนับถือย่อมตกแก่พวกยะฮูดีนั้นอันจะต้องถูกเผชิญกับมันอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าพวกนั้นจะอยู่ที่ไหนจะต้องตกต่ำเสมอไป เหมือนกับว่าพวกนั้นถูกเขาเอากระโจมมากางครอบขังไว้ ไม่มีอันใดเป็นที่ยึดเหนี่ยวเว้นแต่สองประการคือ ยึดตามแนวสัญญาของอัลเลาะห์ คือให้พวกเหล่านั้นเข้ามารับนับถือศาสนาอิสลามและยึดตามแนวสัญญาของมวลมนุษย์ฝ่ายมุอ์มินที่เคยทำสัญญาสงบศึกโดยมีข้อตกลงว่า พวกนั้นจะต้องชำระเงินรายปีให้ฝ่ายมุอ์มิน นอกจากสองประการดังกล่าวนั้น หาเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้ไม่ พวกนั้นจะกลับไปพร้อมด้วยความกริ้วจากอัลเลาะห์ และซ้ำพระองค์ยังได้ทรงให้ความตกยากตกแก่พวกนั้นเข้าอีก เหมือนดังมีกระโจมมาครอบพวกเขาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะร่ำรวยแสนรวยสักเพียงใดก็ตาม ความตกต่ำก็ดี ความตกยากก็ดี และความโกรธกริ้วจากอัลเลาะห์ก็ดี ทั้งสามประการนี้แหละจึงเป็นเหตุให้พวกนั้นไม่ศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลเลาะห์ และเป็นเหตุให้พวกนั้นจงใจฆ่าเหล่าพระศาสดาอย่างไร้ความเป็นธรรม นี่แหละพวกนั้นจึงได้ทรยศต่อคำบัญชาใช้ของอัลเลาะห์ และล่วงละเมิดจากสิ่งที่ไม่บาปเข้าไปสู่สิ่งที่บาป



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 113 - 115


คำอ่าน
113. ลัยสูสะวา...อา มินอะฮฺลิลกิตาบิ อุมะ..ตุน..กอ...อิมะตุย..ยัตลูนะอายาติลลาฮิ อานา..อัลลัยลิ วะฮุม ยัสญุดูน
114. ยุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิริ วะยะอ์มุรูนะบิลมะอฺรูฟิ วะยันเฮานะอะนิลมุน..กะริ วะยุสาริอูนะฟิลค็อยรอต วะอุลา...อิกะมินัศศอลิหีน
115. วะมายัฟอะลูมินค็อยริน..ฟะลัย..ยุกฟะรูฮุ วัลลอฮุอะลีมุม..บิลมุตตะกีน


คำแปล R1.
113. Not all of them are alike; a party of the people of the Scripture stand for the right, they recite the Verses of Allah during the hours of the night, prostrating themselves in prayer.
114. They believe in Allah and the Last Day; they enjoin Al-Ma'ruf (Islamic Monotheism, and following Prophet Muhammad ) and forbid Al-Munkar (polytheism, disbelief and opposing Prophet Muhammad ); and they hasten in (all) good works; and they are among the righteous.
115. And whatever good they do, nothing will be rejected of them; for Allah knows well those who are Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2).


คำแปล R2.
113. (ชาวคัมภีร์) พวกเขาไม่เท่าเทียมกัน บางคนจากชาวคัมภีร์นั้น เป็นประชากรที่ยืนอยู่ (กับศาสนาอิสลาม) อ่านบรรดาโองการแห่งอัลเลาะฮฺในยามค่ำคืน โดยพวกเขาทำการกราบ (ละหมาด)
114. และพวกเขายอมศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้าย พวกเขาใช้ให้กระทำแต่คุณธรรม ห้ามจากสิ่งต้องห้าม และพวกเขาเร่งรีบในการทำดี และพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติธรรม
115. และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าได้กระทำแน่นอนพวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธสิ่งนั้น และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งกับบรรดาผู้ยำเกรง


คำแปล R3.
113.   พวกชาวคัมภีร์นั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ยึดมั่นแน่วแน่ คนเหล่านี้อ่านอายะฮฺต่าง ๆ ของอัลลอฮฺยามค่ำคืนและพวกเขากราบต่อพระองค์
114.   พวกเขาศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้าย และกำชับการดีและห้ามปรามการชั่ว และแข่งขันกันในการทำความดี พวกเขาเหล่านี้อยู่ในหมู่กัลยาณชน
115.   และความดีอันใดที่พวกเขากระทำจะไม่ถูกปฏิเสธ เพราะอัลลอฮฺทรงรอบรู้ดีถึงพวกสำรวมตนจากความชั่ว


คำแปล R4.
113. พวกเขาหาใช่เหมือนกันไม่ จากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นมีกลุ่มชนหนึ่งที่เที่ยงธรรม ซึ่งพวกเขาอ่านบรรดาโองการของอัลลอฮฺในยามค่ำคืน และพร้อมกันนั้น พวกเขาก็สุญูดกัน
114. พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลก และใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่ไม่ชอบ และต่างรีบเร่งกันในบรรดาสิ่งดีงาม และชนเหล่านี้และอยู่ในหมู่ที่ประพฤติดี
115. และความดีใด ๆ ที่พวกเขากระทำพวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธในความดีนั้นเป็นอันขาดและอัลลอฮฺทรงรู้ดีต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรง


คำแปล R5.
๑๑๓. พวกเหล่านั้นทั้งที่เป็นยะฮูดีและนัซรอนีหามีความทัดเทียมกันไม่ ส่วนหนึ่งจากผู้ครองคัมภีร์เตารอตและอินยีลมีคณะหนึ่งที่เที่ยงธรรม ถือความสัจจริง อาทิเช่น อับดุลเลาะห์บุตรสลามและหมู่คณะอันได้แก่ ซะอ์ละบะห์บุตรสะอิ๊ด และอะซีดบุตรอะบิ๊ด และยะฮูดีคนอื่น ๆ ซึ่งพวกนั้นยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม ๔๐ คนเป็นพวกนะซอรอเมืองนัจรอน ๓๓ คนเป็นพวกฮับซีย์ ส่วนอีก ๓ คนเป็นพวกโรม พวกเหล่านี้นับถือศาสนาของอีซา แต่เชื่อถือนบีมูฮำมัด ซึ่งพวกเหล่านั้นต่างก็อ่านบรรดาโองการของอัลเลาะห์อยู่เกือบตลอดคืน ทั้งดำรงละหมาดกันอีกด้วย
๑๑๔. พวกนั้นมีความศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันอวสาน อีกทั้งใช้มวลมนุษย์ให้กระทำการดีระงับมิให้กระทำการต้องห้ามและชิงกันแสวงความดีประเภทต่าง ๆ เพื่อส่วนตัวและผู้อื่นอีกด้วย และพวกที่มีคุณลักษณะดังกล่าวมาแล้วนั้นแหละเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาผู้ชอบธรรม ประกอบแต่การดีและงดเว้นที่เป็นการชั่วร้ายอย่างเคร่งครัดที่สุด พวกที่ขาดลักษณะดังกล่าวนั้น จึงไม่ใช่พวกกระทำความดี
๑๑๕. และโอ้ประชากรของมูฮำมัด พวกยะฮูดีและพวกนัซรอนี ความดีใดที่พวกเจ้าประกอบกันไว้ พวกเจ้าย่อมจะไม่ถูกปฏิเสธผลบุญแห่งการทำดีนั้นให้สูญเปล่าแต่อย่างใดเลย แต่พวกเจ้าจะต้องได้รับการตอบแทนในความดีที่กระทำไว้ ด้วยว่าอัลเละห์นั้นคือองค์ทรงรู้ยิ่งถึงบรรดาผู้ยำเกรงต่อพระองค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 116 - 117


คำอ่าน
116. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู ลัน..ตุฆนิยะอันฮุม อัมวาลุฮุม วะลา..เอาลาดุฮุม..มินัลลอฮิชัยอา วะอุลา...อิกะอัศหาบุนนาริ ฮุมฟีฮาคอลิดูน
117. มะษะลุมายุน..ฟิกูนะฟีฮาซิฮิลหะยาติดดุนยา กะมะษะรีหิน..ฟีฮาศิรฺรุน อะศอบัตหัรฺษะ ก็อวมิน..เซาะละมู..อัน..ฟุสะฮุม ฟะอะฮฺละกัตฮุ วะมาเซาะละมะฮุมุลลอฮุ วะลากินอัน..ฟุสะฮุมยัซลิมูน


คำแปล R1.
116. Surely, those who reject faith (disbelieve in Muhammad as being Allah's Prophet and in all that which he has brought from Allah), neither their properties, nor their offspring will avail them aught against Allah. They are the dwellers of the Fire, therein they will abide. (Tafsir At-Tabari, Vol. 4, Page 58).
117. The likeness of what they spend in this world is the likeness of a wind which is extremely cold; it struck the harvest of a people who did wrong against themselves and destroyed it, (i.e. the good deed of a person is only accepted if he is a monotheist and believes in all the Prophets of Allah, including Christ and Muhammad). Allah wronged them not, but they wronged themselves.


คำแปล R2.
116. แท้จริงบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย ทรัพย์สินและลูก ๆ ของพวกเขาจะไม่ป้องกันพวกเขาไว้จาก (การลงโทษของ) อัลเลาะฮฺได้สักสิ่งเดียวก็ตาม และพวกเหล่านั้นเป็นชาวนรก พวกเขาต้องเข้าไปอยู่ในนั้นโดยนิรันดร
117. อุปมาของสิ่งที่พวกเขาใช้จ่ายในชีวิตทางโลกนี้ ก็อุปมัยดั่งลมซึ่งมีความเย็นยะเยือกได้พัดกระหน่ำพืชไร่ของกลุ่มชนที่อธรรมแก่ตัวเอง แล้วลมนั้นก็ทำลายพวกเขา และอัลเลาะฮฺไม่ได้อธรรมแก่พวกเขาเลย แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวพวกเขาเอง


คำแปล R3.
116.   แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น สมบัติและลูก ๆ ของพวกเขาจะไม่ช่วยอะไรพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮฺได้เลย พวกเขาเหล่านี้เป็นสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น
117.   อะไรก็ตามที่พวกเขาได้จ่ายไปในชีวิตโลกนี้นั้น เปรียบเสมือนกับลมที่นำความเย็นจัดมากระหน่ำทำลายพืชผลของผู้คนที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง อัลลอฮฺไม่ได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง


คำแปล R4.
116. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นทรัพย์สินของพวกเขา และลูก ๆ ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์ให้พวกเขาพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้อย่างใด เลย และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล
117. อุปมาสิ่งที่พวกเขาบริจาคไปในชีวิตความเป้นอยู่แห่งโลกนี้นั้นอุปมัยลมซึ่ง มีความเย็นจัด ได้ประสบแก่พืชผลของพวกหนึ่งที่อธรรมแก่ตัวเองแล้วได้ทำลายพืชผลนั้น อัลลอฮฺนั้นมิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง


คำแปล R5.
๑๑๖. แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาทุกจำพวกไม่ว่าจะเป็นพวกก็รีเฎาะห์ พวกนะดีร หรือมุชริกกุรอยช์นั้น ถึงทรัพย์สินและลูกหลานของพวกเขาก็ไม่อาจขจัดพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษทรมานของอัลเลาะห์ไปได้แม้สักนิดเดียว และพวกเหล่านั้นแหละคือชาวนรก ดำรงมั่นอยู่ในนั้นนิรันดร อย่างไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตาย
๑๑๗. ทรัพย์ใด ๆ ของบรรดาผู้ไม่มีความศรัทธาตามนัยแห่งโองการที่ ๑๑๖ กล่าวไว้ ซึ่งพวกนั้นจะเสียสละไปในชีวิตปัจจุบันนี้เพื่อสมทบทุนสำหรับก่อการร้ายต่อพระนบีมูฮำมัดก็ดี เพื่อให้เป็นทานบริจาคก็ดี หรือเพื่อจรรโลงการอย่างอื่น ๆ ก็ดี เหล่านี้มีข้ออุปมาเป็นฉันใด ลมที่มีความร้อนแรงหรือเย็นยะเยือกซึ่งพัดมาประสบพืชไร่ของชาวประชาผู้คิดคดแก่ตัวเองในประการที่ไม่ยอมศรัทธาบ้างและเอาแต่ทรยศบ้าง แล้วลมนั้นยังความแหลกลาญให้ก็มีอุปไมยเป็นฉันนั้น พวกนั้นย่อมไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรจากพืชไร่ของตนเหมือนผู้ไม่ศรัทธามิได้รับผลประโยชน์จากการเสียสละนั่นแหละ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นมิได้คดโกงพวกนั้นด้วยการให้ขาดผลประโยชน์จากการเสียสละของพวกนั้นหรอก หากแต่ว่าพวกนั้นคดโกงตนเองที่ไม่ยอมมีศรัทธา อันจะเป็นผลให้ต้องเกิดการสูญเสียผลแห่งการเสียสละ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 118 - 120


คำอ่าน
118. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตัตตะคิซู บิฏอนะตัม..มิน..ดูนิกุม ลายะอ์ลูนะกุมเคาะบาลา วัดดูมาอะนิตตุม ก็อดบะดะติลบัฆฎอ...อุมินอัฟวาฮิฮิม วะมาตุคฟีศุดูรุฮุมอักบัรฺ ก็อดบัยยัน..นาละกุมุลอายาติ อิน..กุน..ตุมตะอฺกิลูน
119. ฮา..อันตุมอุลา...อิ ตุหิบบูนะฮุม วะลายุหิบบูนะกุม วะตุอ์มินูนะบิลกิตาบิกุลลิฮี วะอิซาละกูกุมกอลู..อามัน..นา วะอิซาเคาะเลา อัฎฎูอะลัยกุมุลอะนามิละมินัลฆ็อยซฺ กุลมูตูบิฆ็อยซิกุม อิน..นัลลอฮะอะลีมุม..บิซาติศศุดูรฺ
120. อิน..ตัมสัสกุม หะสะนะตุน..ตะสุอ์ฮุม วะอิน..ตุศิบกุมสัยยิอะตุย..ยัฟเราะหูบิฮา วะอิน..ตัศบิรู วะตัตตะกู ลายะฎุรฺรูกุมกัยดุฮุมชัยอา อิน..นัลลอฮะ บิมายะอฺมะลูนะมุหีฏ


คำแปล R1.
118. O you who believe! Take not as (your) Bitanah (advisors, consultants, protectors, helpers, friends, etc.) those outside your Religion (pagans, Jews, Christians, and hypocrites) since they will not fail to do their best to corrupt you. They desire to harm you severely. Hatred has already appeared from their mouths, but what their breasts conceal is far worse. Indeed we have made plain to you the Ayat (proofs, evidences, verses) if you understand.
119. Lo! You are the ones who love them but they love you not, and you believe in all the Scriptures [i.e. you believe in the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel), while they disbelieve in your Book, the Qur'an]. And when they meet you, they say, "We believe". But when they are alone, they bite the tips of their fingers at you in rage. Say: "Perish in your rage. Certainly, Allah knows what is in the breasts (all the secrets)."

120. If a good befalls you, it grieves them, but if some evil overtakes you, they rejoice at it. But if you remain patient and become Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2), not the least harm will their cunning do to you. Surely, Allah surrounds all that they do.

คำแปล R2.
118. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าอย่าได้ยึดเอาคนนอก (วงการของ) พวกเจ้ามาเป็น “คนใน” แน่นอนพวกเขาจะไม่ยุติการทำลาย (ศาสนาของ) พวกเจ้า พวกเขาชอบ (ใจยิ่งนัก) ตราบใดที่พวกเจ้าประสบความลำเค็ญ ที่จริงแล้วความโกรธแค้นได้เปิดเผยออกมาจากปากของพวกเขาเอง และสิ่งที่หัวใจของพวกเขาปิดซ่อนไว้นั้น ยังมีที่ยิ่งใหญ่กว่านัก แท้จริงเราได้แจ้งบรรดาสัญลักษณ์อันชัดแจ้งแก่พวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าใช้ปัญญาตริตรอง
119. พึงตระหนัก! พวกเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ยังจะรักใคร่พวกเขา (ยะฮูดี) อีกหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้รักพวกเจ้าเลย และพวกเจ้าศรัทธาในคัมภีร์ทุกเล่ม (แต่พวกเขาศรัทธาแต่บางส่วนแห่งคัมภีร์ของพวกเขาเท่านั้น) และเมื่อพวกเขาได้พบพวกเจ้า พวกเขาก็กล่าว (ลวงเจ้า) ว่า “เราศรัทธา” แต่เมื่อพวกเขาปลีกตัวออกไป (จากพวกเจ้า) พวกเขาก็ขบกัดปลายนิ้วมือด้วยความโกรธแค้นพวกเจ้า เจ้าจงประกาศเถิด “พวกเจ้าจงตายไปเพราะความโกรธแค้นของพวกเจ้าเองเถิด” แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง สิ่งที่อยู่ในจิตใจ
120. มาดแม้นความดีงามหนึ่ง (ความสุขความอุดมสมบูรณ์) มาสัมผัสพวกเจ้า สิ่งนั้นก็ทำความเจ็บช้ำแก่พวกเขา (ด้วยความอิจฉาริษยาและอาฆาตแค้น) แต่ถ้ามีความเลวร้าย (ความเดือดร้อน ความยากจน) หนึ่งมาสัมผัสพวกเจ้า พวกเขาก็ดีใจในสิ่งนั้น และหากพวกเจ้ามีความอดทนและมีความยำเกรง แน่นอนแผนการของพวกเขาจะไม่ยังอันตรายแก่พวกเจ้าได้สักสิ่งเดียวก็ตาม แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงห้อมล้อม (ความรู้ของพระองค์) กับสิ่งที่พวกเขาประพฤติ


คำแปล R3.
1.   บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าคบคนอื่นจากพวกของสูเจ้าเป็นเพื่อนสนิท เพราะพวกเขาจะไม่ละทิ้งโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของสูเจ้า พวกเขาปรารถนาสิ่งที่จะเป็นภัยต่อสูเจ้าตามประสงค์ร้ายของพวกเขานั้นเห็นได้ชัดจากปากของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาซ่อนไว้นั้นร้ายยิ่งกว่า แท้จริงเราได้ทำให้สัญญาณของสิ่งเหล่านี้เป็นที่ชัดแจ้งแก่สูเจ้าแล้ว ถ้าสูเจ้าใช้ปัญญา (สูเจ้าก็จะได้ระวังในการคบค้ากับคนพวกนี้)
2.   สำหรับสูเจ้า สูเจ้ารักชอบพวกเขา แต่พวกเขาหารักชอบสูเจ้าไม่ ถึงแม้สูเจ้าจะศรัทธาในคัมภีร์ที่ถูกประทานมาทั้งหมดก็ตาม เมื่อพวกเขาพบสูเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า “เราก็ศรัทธา” (ในนบีและคัมภีร์ของท่าน) แต่เมื่อพวกเขาอยู่ตามลำพัง พวกเขาก็กัดปลายนิ้วด้วยความเคียดแค้นต่อสูเจ้า จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงตายด้วยความเคียดแค้นของพวกท่านเถิด แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอกของพวกท่าน”
3.   ถ้าความดีอันใดประสบแก่สูเจ้า พวกเขาจะขมขื่น แต่ถ้าความทุกข์อันใดประสบแก่สูเจ้า พวกเขาจะดีใจ ถ้าสูเจ้าอดทนและสำรวมตนจากความชั่ว อุบายของพวกเขาจะไม่อาจทำร้ายสูเจ้าได้เลย แท้จริง อัลลอฮฺทรงเป็นผู้สกัดล้อมสิ่งที่พวกเขากระทำ


คำแปล R4.
118. โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าได้ยึดเอาเพื่อสนิทที่รู้เห็นกิจการภายใน อื่นจากพวกของเจ้าเอง ซึ่งเขาเหล่านั้นจะไม่ลดละแก่พวกเจ้าในการก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นพวกเขา ชอบการที่พวกเจ้าลำบาก แท้จริงความเกลียดชังต่างๆ ได้เผยออกมาแล้วจากปากของพวกเขา และสิ่งที่หัวอกของพวกเขาซ่อนไว้นั้นใหญ่ยิ่งกว่า แน่นอนเราได้แจกแจงบรรดาโองการไว้แก่พวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าใช้ปัญญากัน
119. ถึงรู้เถิดว่า พวกเจ้านี้แหละรักใคร่พวกเขาทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รักใคร่พวกเจ้า และพวกเจ้าศรัทธาต่อคัมภีร์ทุกเล่ม และเมื่อพวกเขาพบพวกเจ้าพวกเขาก็กล่าวว่า พวกเราศรัทธากันแล้ว และเมื่อพวกเขาอยู่แต่ลำพัง พวกเขาก็กัดนิ้วมือ เนื่องจากความเคียดแค้นแก่พวกเจ้าจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเจ้าจงตายด้วยความเคียดแค้นของพสกเจ้าเถิด แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในหัวอกทั้งหลาย
120. หากมีความดีใดๆ ประสบแก่พวกเจ้า ก็ทำให้พวกเขาเศร้าใจและถ้าหากความชั่วใด ๆ ประสบแก่พวกเจ้า พวกเขาก็ดีใจเนื่องด้วยความชั่วนั้น และถ้าพวกเจ้าอดทน และยำเกรงแล้วไซร้ อุบายของพวกเขาก็ย่อมไม่เป็นอันตรายแก่พวกเจ้าแต่อย่างใดแท้จริงอัลลอฮ์นั้น ทรงล้อมซึ่งสิ่งที่พวกเขากระทำกัน


คำแปล R5.
๑๑๘. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน พวกเจ้าอย่าเอาคนอื่นจากพวกเจ้าทั้งที่เป็นพวกยะฮูดีและพวกตีสองหน้า (มุนาฟิก) มาเป็นคนสนิท ถึงขนาดกล้าบอกให้พวกนั้นรู้ระแคะระคายของพวกเจ้า พวกนั้นจะไม่ยุติการร้ายให้แก่พวกเจ้าหรอก ทั้งยังอยากจะให้พวกเจ้าตกอยู่ในความบรรลัยเสียอีก อันที่จริงความเป็นศัตรูต่อพวกเจ้าก็แสดงชัดออกมาจากปากของพวกนั้นอยู่แล้วเช่นแสดงออกในรูปของคำนินทาและเอ่ยอาฆาตว่าจะก่อสงครามตลอดจนพูดจาป้ายร้ายให้พวกเจ้าเสียประวัติและพูดบอกให้พวกมุชริกรู้ลับลมคมในของพวกเจ้า และความเป็นศัตรูส่วนที่ยังซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตใจของพวกนั้นเล่า ย่อมใหญ่ยิ่งกว่าส่วนที่เปิดเผยออกจากปากของพวกนั้นเสียอีก แท้จริงเรา (อัลเลาะห์) ก็ได้แจ้งสัญญาณต่าง ๆ ที่บอกถึงอากัปกิริยาแห่งการเป็นศัตรูของพวกนั้นไว้แก่พวกเจ้าแล้ว หากว่าพวกเจ้าใช้ปัญญาพิเคราะห์ดู ให้เข้าใจแจ้งถึงความเป็นศัตรูของพวกนั้น เหตุนี้พวกเจ้าจงอย่าเอาพวกยะฮูดีและพวกตีสองหน้ามาเป็นคนสนิทกับพวกเจ้าเลย
๑๑๙. แน่ะ พวกมุอ์มินเหล่านั้นน่ะ พวกเจ้ายังจะรักใคร่พวกยะฮูดีและพวกตีสองหน้าเหล่านั้นกันอยู่อีก โดยเห็นว่าคนพวกนั้นเป็นเครือญาติใกล้ชิดบ้าง เป็นเพื่อนสนิทบ้างแต่พวกนั้นมิได้รักพวกเจ้าเลย เพราะความขัดแย้งกันในเรื่องของศาสนา ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าก็ศรัทธาต่อบรรดาพระคัมภีร์ทั้งหมด หนึ่งร้อยสี่เล่ม ซึ่งมีบางเล่ม เช่นพระคัมภีร์เตารอตเป็นคัมภีร์ของชาวยะฮูดี พวกเจ้าก็ยังเชื่อ แต่พวกเหล่านั้นหาได้ศรัทธาต่อคัมภีร์อัล-กุรอาน อันเป็นคัมภีร์ที่พวกเจ้าได้รับไม่ ครั้นเมื่อพวกนั้นได้พบพวกเจ้าแล้วก็กล่าวว่า “พวกเราได้ศรัทธา” แต่เมื่อพวกนั้นปลีกตัวไปจากพวกเจ้า พวกนั้นก็กัดนิ้วมือ เนื่องจากฤทธิ์โกรธพวกเจ้าอย่างร้ายแรง ทั้งนี้เพราะความอิจฉาที่พวกเจ้ามีความกลมเกลียวกัน โอ้ มูฮำมัด เจ้าจงบอกแก่พวกนั้นเถิดว่า “พวกเจ้าจงประจำอยู่กับความโกรธแค้นของพวกเจ้าตราบจนวันตายเถิด ทั้งไม่มีโอกาสได้แลเห็นความแตกสามัคคีในหมู่มุอ์มินอย่างที่พวกเจ้าพึงปรารถนาหรอก ด้วยว่าอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งในภาวะแห่งจิตใจ เช่นความโกรธแค้นของพวกนั้นเป็นต้น
๑๒๐. แม้ว่าความดี เช่น การมีชัยและทรัพย์เชลยมาประสบกับพวกเจ้า ความดีนั้นก็จะทำให้พวกนั้นสลดใจ แต่ถ้าความชั่ว เช่นความปราชัยและความแห้งแล้งทุรกันดารมาประสบกับพวกเจ้าพวกนั้นก็พลอยเบิกบานด้วย ทั้งนี้เนื่องจากว่าพวกนั้นเป็นศัตรูต่อพวกเจ้าอย่างสุดยอด ฉะนั้น ขอพวกเจ้าจงอย่าตีสนิทและรักใคร่กับพวกมันเลย จงปลีกตัวออกห่างเสียเถิด และถ้าพวกเจ้าทนความเจ็บแค้นที่พวกนั้นกระทำกับพวกเจ้าได้ และยำเกรงอัลเลาะห์ด้วยการไม่ทำตัวสนิทสนมและไม่รักใคร่พวกนั้นเสียแล้วอุบายของพวกนั้นที่จะทำร้ายพวกเจ้าจะไม่เป็นผลร้ายแก่พวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย ก็อัลเลาะห์นั้นทรงรอบรู้ถึงอุบายต่าง ๆ ที่พวกนั้นกระทำกันอยู่ แล้วพระองค์จะทรงตอบสนองแก่พวกนั้นตามพฤติการณ์เท่าที่กล่าวนั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 121 - 123


คำอ่าน
121. วะอิซเฆาะเดาตะ มินอะฮฺลิกะ ตุเบาวิอุลมุอ์มินีนะมะกออิดะลิลกิตาลิ วัลลอฮุสะมีอุนอะลีม
122. อิซฮัม..มัฏฏอ...อิฟะตานิมิน..กุม อันตัฟษะลา วัลลอฮุวะลียุฮุมา วะอะลัลลอฮิ ฟัลยะตะวักกะลิลมุอ์มินูน
123. วะละก็อดนะเศาะเราะกุมุลลอฮุ บิบัดริว..วะอัน..ตุมอะซิลละตุน..ฟัตตะกุลลอฮะละอัลละกุมตัชกุรูน


คำแปล R1.
121. And (remember) when you (Muhammad) left your household in the morning to post the believers at their stations for the battle (of Uhud). And Allah is All-Hearer, All-Knower.
122. When two parties from among you were about to lose heart, but Allah was their Wali (Supporter and Protector). And in Allah should the believers put their trust.
123. And Allah has already made you victorious at Badr, when you were a weak little force. So fear Allah much [abstain from all kinds of sins and evil deeds which He has forbidden and love Allah much, perform all kinds of good deeds which He has ordained] that you may be grateful.


คำแปล R2.
121. และ (จงระลึกเถิด) เมื่อครั้งที่เจ้าได้ออกไปจากครอบครัวของเจ้าแต่เช้า เพื่อเจ้าเตรียมพร้อมมวลศรัทธาชนทั้งหลาย ในที่อยู่ (ของแต่ละคน) เพื่อแก่การออกรบ และอัลเลาะฮฺทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
122. (จงระลึกเถิด) เมื่อครั้งที่คนสองกลุ่ม (คือตระกูลสะละมะฮฺ และตระกูลฮาริสะฮฺ) จากพวกเจ้า (ในวันทำสงครามอุหุด) รู้สึกย่อท้อ (ไม่อยากรบต่อไป) ทั้ง ๆ ที่อัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองคนทั้งสองกลุ่ม และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งมวล พึงมอบหมายต่ออัลเลาะฮฺเถิด
123. ขอยืนยัน แน่แท้อัลเลาะฮฺได้ช่วยเหลือพวกเจ้า (ให้ได้รับชัยชนะ) ณ ทุ่งบะดัร (ในการทำสงคราม) ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้า (มีกำลังคนและกำลังอาวุธ) ด้อยกว่าพวกนั้น ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงอัลเลาะฮฺเถิด เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ (พระองค์)


คำแปล R3.
121.   โอ้รอซูล จงเอ่ยให้พวกมุสลิมฟังถึงตอนที่เจ้าออกจากครอบครัวของเจ้าแต่เช้าตรู่ และได้จัดวางกำลังผู้ศรัทธาไว้ตามที่มั่นต่าง ๆ สำหรับการสู้รบ (ที่อุฮุด) และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
122.   จำได้ไหมที่ในหมู่พวกเจ้ามีสองกลุ่มที่ลังเล ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเขา และผู้ศรัทธาจะต้องไว้วางใจอัลลอฮฺเท่านั้น
123.   ความจริงอัลลอฮฺได้ทรงช่วยสูเจ้าแล้วที่บัดรฺ เมื่อสูเจ้ามีกำลังน้อยกว่า ดังนั้นจงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺเพื่อที่สูเจ้าจะได้ขอบคุณ


คำแปล R4.
121. และจงรำลึกถึงขณะที่เจ้าจากครอบครัวของเจ้าไปแต่เช้าตรู่ โดยที่เจ้าจะได้จัดให้บรรดามุมินประจำที่มั่นต่างๆ เพื่อการสู้รบและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
122. จงรำลึกขณะที่สองกลุ่มในหมู่พวกเจ้ารู้สึกอ่อนแอและขลาดและอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองทั้งสองกลุ่มนั้นไว้ และแด่อัลลอฮฺนั้นมุมินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด
123. และแน่นอน อัลลอฮฺได้ทรงช่วยเหลือพวกเจ้าที่บะดัรมาแล้วทั้งๆ ที่พวกเข้าเป็นพวกด้อยกว่า ดังนั้นพวกเจ้าพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด หวังว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ


คำแปล R5.
๑๒๑. และโอ้มูฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่เหล่าสาวกน้อยใหญ่ของเจ้าเพื่อให้ระลึกถึงผลของความไม่อดทนที่ผ่านมาแล้วคราวเกิดสงครามที่สมรภูมิอุฮุดเพื่อให้สาวกเหล่านั้นรู้ว่าถ้าพวกตนถือความอดทนอย่างมั่นคงแล้ว อุบายของพวกกาฟิรก็จะไม่เป็นผลร้ายแก่สาวกเหล่านั้นเลย ว่าในขณะนั้นเจ้าได้เดินทางเช้าตรู่จากนครมดีนะห์มาจัดให้มวลมุอ์มินประจำอยู่ ณ จุดยุทธภูมิต่าง ๆ เพื่อการสงคราม ส่วนอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงได้ยินยิ่งซึ่งถ้อยคำต่าง ๆ ของพวกเจ้า ทรงรู้ยิ่งถึงอากัปกิริยาของพวกเจ้า ระยะเวลาที่ว่านี้เป็นระยะเวลาแห่งการทำสงครามที่สมรภูมิอถฮุด ซึ่งพระนบีมูฮำมัดพร้อมด้วยทะแกล้วทหารอีกหนึ่งพันคน หรือเก้าร้อยห้าสิบคนได้เดินทางออกจากนครมดีนะห์ ฝ่ายทหารข้างพวกมุชริกมีประมาณสามพันคน พระนบีมูฮำมัดได้นำพลพรรคของท่านพักอยู่ที่ตอนหนึ่งระหว่างภูเขาในวันที่ ๗ เดือนเชาวาล ปีฮิจเราะห์ศักราช ๓ ทั้งตัวท่านและทหารเหล่านี้ตั้งรับอยู่ชิดภูเขาอุฮุด โดยให้เหล่าทหารนั้นจัดแถว แต่สำหรับพลธนู พระนบีสั่งให้นั่งรายเป็นแถว มีอับดุลเลาะห์บุตรยะบีรเป็นแม่ทัพประจำอยู่เชิงเขาดังกล่าว แล้วพระนบีจึงประกาศว่าท่านทั้งหลายจงยิงธนูออกไปเถิด พวกศัตรูไม่สามารถเขามาสกัดด้านหลังของพวกเราได้หรอก ขออย่างเดียวว่าพวกเจ้าอยู่ประจำที่มั่นโดยไม่คำนึงว่าพวกเราจะพ่ายแพ้หรือจะได้ชัยชนะ
๑๒๒. โอ้มูฮำมัด เจ้าจงกล่าวให้เป็นอุดมคติแก่เหล่าสาวกของเจ้าซิว่า ในขณะนั้นพวกเจ้าทั้งสองฝ่ายมีบนูซะละมะห์คนในเผ่าค๊อซรอจ ทำหน้าที่เป็นปีกขวา และบนูฮาริซะห์คนในเผ่าเอาซ์ทำหน้าที่เป็นปีกซ้าย นึกขยาดต่อการสูรบและคิดจะถอยทัพกลับเพราะเสียขวัญตอนที่ชนมุนาฟิกคนหนึ่งชื่ออับดุลเลาะห์บุตรอุไบย์กับคณะอีก ๓๐๐ คนกำลังถอยทัพกลับ โดยกล่าวว่าจะมีประโยชน์อะไรที่เราจะพาตัวเองและพวกลูกหลานของเราไปถูกฆ่า ถ้าเรารู้เสียแต่แรกว่าจะมารบราฆ่าฟันกับฝ่ายศัตรูแล้ว แน่นอนพวกเราจะไม่ติดตามทัพมากับพวกเจ้าหรอก ครั้นแล้วอบูยาบีรสะละมีย์ก็ว่าแก่อับดุลเลาะห์บุตรอุไบย์ว่า “ฉันขอร้องต่อพวกเจ้าด้วยพระนามของอัลเลาะห์ในการอารักขาพระนบีของพวกเจ้า และตัวของพวกเจ้าเองสักครั้งเถิด” กล่าวคือถ้าพวกเจ้าถอยทัพกลับจะเกิดความเสียหายแก่พวกเจ้าสองประการคือ
๑. พระนบีต้องพ่ายแพ้
๒. พวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษทรมานในวันปรภพ
เนื่องจากพวกเจ้าไม่ออกรบร่วมกับพระนบี ดังนั้นอัลเลาะห์จึงทรงดลใจเหล่าทหารทั้งปีกขวาและปีกซ้ายให้เกิดมีมุมานะหนักแน่นยิ่งขึ้น ไม่ยอมถอยทัพกลับเป็นอันขาด ก็ว่าอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์ทรงเคราะห์พวกทั้งสองที่ทำหน้าที่เป็นปีกขวาและปีกซ้ายมิให้ถอยทัพกลับ และต่ออัลเลาะห์เท่านั้น พวกมุอ์มินจงฝากฝัง เพื่อยึดมั่นในพระองค์ หาใช่อื่นจากพระองค์ไม่

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
ในตอนนั้นพวกมุสลิมเกิดแพ้สงครามที่ภูเขาอุฮุดในวันอาทิตย์ เพราะต่างคนต่างมุ่งหมายจะไปเก็บทรัพย์สินของพวกกาฟิรส่วนที่ถอยทัพกลับและเนื่องจากขัดคำบัญชาของพระนบีมูฮำมัดที่ว่าให้ยืนหยัดอยู่กับที่มั่น เพื่อให้ใจเกิดความเข้มแข็งและอดทนต่อความยากลำบากที่มีขึ้นกับพวกมุอ์มินนั้น จึงมีโองการลงมาว่า

๑๒๓. ข้าขอให้สัตย์ปฏิญาณว่า อันที่จริงนั้นอัลเลาะห์ได้ทรงให้พวกเจ้ามีชัยที่สมรภูมิบัดร์ (ตั้งอยู่ระหว่างนครมักกะห์กับนครมดีนะห์) ในวันที่ ๑๗ เดือนรอมดอน ปีฮิจเราะห์ศักราชสอง ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าก็ด้อยกว่าทั้งในด้านกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ฉะนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์เพื่อว่าพวกเจ้าจักได้ขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เช่น ที่ทรงช่วยให้พวกเจ้าได้มีชัย ณ สมรภูมิบัดร์ เป็นต้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 124 - 127


คำอ่าน
124. อิซตะกูลุลิลมุอ์มินีนะ อะลัย..ยักฟิยะกุม อัย..ยุมิดดะกุม ร็อบบุกุม บิษะลาษะติอาลาฟิม..มินัลมะลา...อิกะติ มุน..ซะลีน
125. บะลา..อิน..ตัศบิรู วะตัตตะกู วะยะอ์ตูกุม..มิน..เฟาริฮิม ฮาซายุมดิดกุม ร็อบบุกุม..บิค็อมสะติอาลาฟิม..มินัลมะลา...อิกะติมุเสาวิมีน
126. วะมาญะอะละฮุลลอฮุ อิลลาบุชรอละกุม วะลิตัฏมะอิน..นะกุลูบุฮุม..บิฮฺ วะมัน..นัศรุอิลลามินอิน..ดิลลาฮิลอะซีซีลหะกีม
127. ลิยักเฏาะอะเฏาะเราะฟัม..มินัลละซีนะกะฟะรู..เอายักบิตะฮุม ฟะยัน..เกาะลิบูคอ...อิบีน


คำแปล R1.
124. (Remember) when you (Muhammad) said to the believers, "Is it not enough for you that your Lord (Allah) should help you with three thousand angels; sent down?"
125. "Yes, if you hold on to patience and piety, and the enemy comes rushing at you; your Lord will help you with five thousand angels having marks (of distinction)."
126. Allah made it not but as a message of good news for you and as an assurance to your hearts. And there is no victory except from Allah, the All-Mighty, the All-Wise.
127. That He might cut off a part of those who disbelieve, or expose them to infamy, so that they retire frustrated.


คำแปล R2.
124. (จงระลึกเถิดมุฮำมัด) เมื่อครั้งเจ้าประกาศแก่ชาวศรัทธาว่า “ยังจะไม่พอเพียงแก่พวกท่านอีกหรือที่จะทรงเสริมกำลังแก่พวกท่าน โดยองค์อภิบาลของพวกท่านด้วยมลาอิกะฮฺจำนวนสามพันซึ่งถูกส่งลงมา
125. ใช่แล้ว หากแม้นพวกท่านมีความอดทนและมีความยำเกรง และถ้าพวกนั้นมีการบุกเข้ามาหาเจ้าอย่างจู่โจม (พร้อมเพรียงกัน) นี้ อัลเลาะฮฺจะทรงเสริมกำลังให้พวกเจ้าอีกห้าพันมลาอิกะฮฺที่มาโดยมีเครื่องหมายเป็นเอกเทศ
126. และอัลเลาะฮฺมิได้บันดาลสิ่งนั้น (การเสริมกำลังด้วยกองทัพมลาอิกะฮฺดังกล่าวเพื่ออื่นใดเลย) นอกจากเพื่อแจ้งข่าวประเสริฐแก่พวกเจ้า และเพื่อหัวใจของพวกเจ้าจะได้สงบมั่นอยู่กับสิ่งนั้น (ไม่สะทกสะท้านอีกต่อไป) และชัยชนะ (ในการรบ) ไม่มี (มาจากใครทั้งสิ้นเว้นแต่จากอัลเลาะฮฺ พระผู้ทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
127. (ชัยชนะที่ทุ่งบะดัรนั้น) เพื่อพระองค์จะทรงทำลายล้างคนเนรคุณกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งจากสงครามนั้นพวกนั้นตาย 70 และถูกจับเป็นเชลย 70 คน) หรือเพื่อให้พวกนั้นประสบความอัปยศ (เพราะแพ้สงคราม) แล้วพวกเขาจะได้กลับไปอย่างผิดหวัง


คำแปล R3.
124.   จงจำเมื่อตอนที่สูเจ้ากล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า “ไม่เพียงพอแก่พวกท่านหรือที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านจะทรงช่วยพวกท่านด้วยการส่งมลาอิกะฮฺลงมาถึงสามพัน?”
125.   แน่นอนถ้าสูเจ้าอดทนและสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ หากพวกเขาโจมตีเจ้าอย่างรุนแรง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าจะช่วยสูเจ้าด้วยมลาอิกะฮฺถึงห้าพันมาเป็นผู้กำราบพวกเขา
126.   อัลลอฮฺมิได้ทำเช่นนี้เพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นข่าวดีแก่สูเจ้าและเพื่อที่หัวใจของสูเจ้าจะได้สงบ และไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ นอกจากที่อัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น
127.   (พระองค์จะช่วยสูเจ้า) เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้ตัดส่วนหนึ่งของบรรดาผู้ปฏิเสธหรือทรงทำให้พวกเขาอัปยศและหันกลับไปด้วยความสิ้นหวัง


คำแปล R4.
124. จงรำลึกถึงขณะที่เจ้า (มุฮัมมัด) กล่าวแก่บรรดามุมินว่า ไม่เพียงพอแก่พวกเจ้าเลยหรือ การที่พระเจ้าของพวกท่านจะหนุนกำลังแก่พวกท่าน ด้วยมะลาอิกะฮฺจำนวนสามพันโดยถูกส่งลงมา
125. เพียงพอแน่นอน หากพวกเจ้าอดทนและยำเกรง และพวกเขาจะ มายังพวกเจ้าทันทีทันใดขณะนี้แล้วพระเจ้าของพวกเจ้าก็จะหนุนกำลังแก่ พวกเจ้าอีก ด้วยจำนวนมะลาอิกะฮฺห้าพัน โดยมีเครื่องหมาย
126. และอัลลอฮฺมิได้ทรงให้กำลังหนุนนั้นมีขึ้น นอกจากเพื่อเป็นข่าวดีแก่พวกเจ้า และเพื่อที่หัวใจของพวกเจ้าจะได้สงบด้วยกำลังหนุนนั้นและความช่วยเหลือทั้งหลายนั้นไม่มี (จากที่อื่นใด) นอกจากที่อัลลอฮฺ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น
127. เพื่อพระองค์จะทรงบั่นทองส่วนหนึ่งออกจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาหรือทรงให้พวกเขาได้รับความอัปยศ แล้วพวกเขาก็จะถอยกลับไปในฐานะผู้ผิดหวัง


คำแปล R5.
๑๒๔. โอ้มูฮำมัด พระองค์ทรงให้พวกเจ้าได้รับชัยชนะในตอนที่เจ้าเอ่ยคำสัญญาแก่พวกมุอ์มินเพื่อให้พวกนั้นเกิดมีใจป้ำว่า การที่องค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้าจะทรงช่วยเหลือด้วยการมีมลาอิกะห์ถูกส่งมาถึงสามพันนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเจ้าอีกหรือ ?
๑๒๕. ใช่ การที่องค์อภิบาลของพวกเจ้าได้ช่วยเหลือนั้นเป็นที่เพียงพออยู่แล้ว อัลเลาะห์ก็ตรัสต่อไปว่า โอ้บรรดาชนมุอ์มินถ้าพวกเจ้าทนที่จะเผชิญกับข้าศึกได้และยำเกรงอัลเลาะห์ในประการที่ขัดแย้งกับพระองค์ อีกทั้งถ้าพวกศัตรูมุชริกเหล่านั้นมาถึงพวกเจ้าขณะนี้อย่างกะทันหันแล้ว องค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้าก็จะทรงช่วยเหลือพวกเจ้าด้วยให้มีมลาอิกะห์ในชุดนักรบมาอีกห้าพัน แล้วพวกมุอ์มินก็มีใจอดทนอัลเลาะห์ทรงให้ข้อสัญญากับมุอ์มินเหล่านั้นว่า จะได้ผลสำเร็จโดยให้เหล่ามลาอิกะห์ขี่ม้าเท้าด่างทั้งสี่ข้าง มีผ้าสีเหลืองหรือขาวโพกศีรษะปล่อยชายลงระหว่างไหล่ทั้งสองข้างมาร่วมรบด้วยพวกมุอ์มิน
๑๒๖. และอัลเลาะห์มิได้ทรงให้การช่วยเหลือพวกเจ้าแบบค่อย ๆ ทยอยมลาอิกะห์มาหนุนนั้นมีขึ้นเพื่ออะไรนอกจากให้เป็นที่ปลื้มปีติแก่พวกเจ้าที่จะได้รับชัยชนะ และเพื่อให้จิตใจของพวกเจ้าสุขุมเยือกเย็นขึ้นเท่านั้น จึงไม่เป็นการน่าวิตกที่ฝ่ายศัตรูจะมีจำนวนมากมายและที่พวกเจ้าจะมีจำนวนน้อยส่วนชัยชนะนั้นจะมีขึ้นมิได้นอกจากโดยการตัดสินของอัลเลาะห์พระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ทรงประณีตแนบเนียนยิ่งในภารกิจต่าง ๆ ของพระองค์ เป็นอันว่าพระองค์จะทรงมอบความมีชัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น หาได้เป็นเพราะมีพลรบจำนวนมหึมาไม่
๑๒๗. ที่พระองค์ทรงให้พวกเจ้ามีชัยพวกศุตรูที่สมรภูมิบัดร์นั้น ก็เพื่อที่พระองค์จะได้ทำลายล้างฝ่ายหนึ่งจากบรรดาผู้เป็นกาฟิรด้วยการให้ถูกฆ่าตายเสียเจ็ดสิบคนให้ตกเป็นเชลยศึกอีกเจ็ดสิบคน หรือเพื่อให้พวกกาฟิรเหล่านั้นตกต่ำลงเพราะความพ่ายแพ้ยับเยินแล้วพวกนั้นจะได้กลับไปอย่างผิดหวังไม่ได้รับสิ่งที่ตนมุ่งหวังไว้แต่อย่างไรเลย




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 128 – 129


คำอ่าน
128.  ลัยสะละกะมินัลอัมริชัยอุน เอายะตูบะอะลัยฮิม เอายุอัซซิบะฮุม ฟะอิน..นะฮุมซอลิมูน
129. วะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎฺ ยัฆฟิรุลิมัย..ยะชา...อุ วัลลอฮุเฆาะฟูรูรฺเราะหีม


คำแปล R1.
128. Not for you (O Muhammad , but for Allah) is the decision; whether he turns in mercy to (pardons) them or punishes them; Verily, they are the Zalimun (polytheists, disobedients, and wrong-doers, etc.).
129. And to Allah belongs all that is in the heavens and all that is in the earth. He forgives whom He wills, and punishes whom He wills. And Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.


คำแปล R2.
128. การนั้นหาใช่เป็นหน้าที่ของเจ้าแต่ประการใดไม่ (หากเป็นหน้าที่ของอัลเลาะฮฺที่จะทรงจัดให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์) ไม่ว่าพระองค์จะทรงรับคำสารภาพผิดแก่พวกนั้น หรือจะทรงลงโทษพวกเขาก็ตาม (เป็นสิทธิของอัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว) เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นผู้ฉ้อฉล
129. และเป็นสิทธิของอัลเลาะฮฺ สรรพสิ่งในชั้นฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน พระองค์ทรงอภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
128.   (โอ้นบี) เจ้าไม่มีอำนาจหน้าที่ใด ๆ ที่จะตัดสินการงาน อัลลอฮฺเท่านั้นที่มีอำนาจที่จะให้อภัยพวกเขาหรือลงโทษพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้อธรรม
129.   และอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าของสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและที่อยู่ในแผ่นดิน พระองค์ทรงอภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ

 
คำแปล R4.
128. ไม่มีสิ่งใดเป็นสิทธิของเจ้า (มุฮัมมัด) จากกิจการเหล่านั้น หรือไม่ก็พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา หรือลงโทษพวกเขาเพราะพวกเขานั้นคือผู้อธรรม
129. และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของ อัลลอฮฺเท่านั้นพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรง อภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีอยู่ว่า ในขณะที่ฟันหน้าทั้งสี่ซี่ของพระนบีมูฮำมัดได้หัก เพราะถูกหินขว้างและที่ใบหน้าของท่านก็เป็นบาดแผลในวันสงครามที่สมรภูมิอุฮุด พระนบีจึงได้พูดว่า พวกที่เอาเลือดมาทาหน้าศาสดาของตนนั้นจะมีชัยได้อย่างไรกัน?
๑๒๘. โอ้มูฮำมัด สำหรับเจ้าย่อมไม่มีสิทธิอะไรทั้งนั้นที่จะทำให้พวกกาฟิรมีความจำเริญรุ่งเรือง และที่จะลงโทษทรมานกาฟิรเหล่านั้นแต่การที่ว่านี้เป็นสิทธิของอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว ฉะนั้นเจ้าจงอดทนจนกว่าพระองค์จะทรงรับรองซึ่งคำสารภาพผิด (เตาบะห์) ของพวกนั้น โดยหันมาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เมื่อพระองค์รับรองซึ่งคำสารภาพผิดของพวกนั้นโดยหันกลับมาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว เจ้าก็จะได้รับความปลื้มปีติ หรือจนกว่าจะทรงลงอาญาพวกเหล่านั้น ด้วยการให้ถูกฆ่าบ้าง ถูกจับเป็นเชลยบ้าง และถูกปล้นบ้าง นั่นแหละจะทำให้เจ้าหมดความเศร้าสลดได้ เพราะแท้จริงพวกเหล่านั้นเป็นพวกคดโกง ในฐานะที่ไม่ยอมเชื่อ
๑๒๙. อันการปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดี และกรรมสิทธิ์ทั้งหลายบรรดามีในชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและในแผ่นดินก็ดี เหล่านี้ย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะห์ทั้งนั้น พระองค์จะทรงอภัยให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ก็ได้ และจะทรงอาญาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ก็ได้ ด้วยอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงยิ่งในการอภัยแก่บรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ ทรงโปรดปรานยิ่งด้วยการประทานความประเสริฐเลิศและคุณงามความดีแก่บรรดาผู้ภักดีต่อพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 130 - 134


คำอ่าน
130. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตะอ์กุลุรฺริบา..อัฎอาฟัม..มุฎออะฟะฮฺ, วัตตะกุลลอฮะละอัลละกุมตุฟลิหูน
131. วัตตะกุน..นาร็อลละตี..อุอิดดัตลิลกาฟิรีน
132. วะอะฏีอุลลอฮะ วัรฺเราะสูละ ละอัลละกุมตุรฺหะมูน
133. วะสาริอู..อิลามัฆฟิเราะติม..มิรฺร็อบบิกุม วะญัน..นะตินอัรฎุฮัสสะมาวาตุวัลอัรฺฎุ อุอิดดัตลิลมุตตะกีน
134. อัลละซีนะยุน..ฟิกูนะฟิสสัรฺรอ...อิ วัฎฎ็อรฺรอ...อิ วัลกาซิมีนัลฆ็อยเซาะ วัลอาฟีนะอะนิน..นาส วัลลอฮุยุหิบบุลมุหฺสินีน


คำแปล R1.
130. O You who believe! Eat not Riba (usury) doubled and multiplied, but fear Allah that you may be successful.
131. And fear the Fire, which is prepared for the disbelievers.
132. And obey Allah and the Messenger (Muhammad) that you may obtain mercy.
133. And march forth in the way (which leads to) forgiveness from your Lord, and for Paradise as wide as are the heavens and the earth, prepared for Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2).
134. Those who spend [in Allah's Cause - deeds of charity, alms, etc.] in prosperity and in adversity, who repress anger, and who pardon men; Verily, Allah loves Al-Muhsinun (the good-doers).


คำแปล R2.
130. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าอย่ากินดอกเบี้ยทบทวีคูณ และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ เพื่อพวกเจ้าจะได้สมหวัง
131. และเจ้าทั้งหลายจงระมัดระวังไฟนรกที่ถูกเตรียมไว้แก่บรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย
132. และเจ้าทั้งหลายจงภักดีต่ออัลเลาะฮฺและต่อศาสนทูต เพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
133. และพวกเจ้าทั้งหลาย จงเร่งรีบเข้าสู่การให้อภัยจากองค์อภิบาลของพวกเจ้าและสู่สวรรค์เถิด ซึ่งความกว้างของมันนั้นเท่ากับฟากฟ้าและผืนปฐพี มันถูกเตรียมไว้แก่เหล่าชนผู้ยำเกรง
134. ซึ่ง (พวกเขา) เป็นผู้บริจาค (ทรัพย์สินของเขา) ทั้งในยามสุขและยามเดือดร้อน และเป็นผู้ระงับความโกรธได้และให้อภัยแก่ผู้อื่น (ไม่คิดจองเวรใคร) และอัลเลาะฮฺทรงรักมวลชนผู้ประพฤติดีทั้งหลาย


คำแปล R3.
130.   บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ากินดอกเบี้ยทบแล้วทบเล่าเป็นทวีคูณ และจงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ เพื่อที่สูเจ้าจะได้รับผลสำเร็จ
131.   และจงป้องกันตัวพวกเจ้าเองให้พ้นจากไฟที่ได้ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ
132.   และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺและรอซูลเพื่อที่พวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
133.   และจงแข่งขันกันสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและสวนสวรรค์ที่กว้างใหญ่ไพศาลดั่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และได้ถูกเตรียมไว้สำหรับผู้สำรวมตนจากความชั่ว
134.   ผู้ที่บริจาคทั้งในยามผาสุกและยามคับแค้น ผู้ที่สามารถข่มตัวเองได้ในยามโกรธและให้อภัยคนอื่น อัลลอฮฺทรงรักผู้กระทำการดี


คำแปล R4.
130. โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินดอกเบี้ยหลายเท่าที่ถูกทบทวีและพวกเขาพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
131. และพวกเจ้าจงเกรงกลัวไฟนรกที่ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเถิด
132. และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
133. และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และไปสู่สวรรค์ซึ่งความกว้างของมันนั้น คือบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยที่มันถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรง
134. คือบรรดาผู้ที่บริจาคทั้งในยามสุขสบาย และในยามเดือดร้อนและบรรดาผู้ข่มโทษและบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลลอฮ์นั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย


คำแปล R5.
๑๓๐. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาพวกเจ้าอย่ากินดอกเบี้ยทับทวีคูณ โดยพวกเจ้าเพิ่มต้นทุนขึ้นให้มากกว่าต้นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์มาชำระคืนเมื่อที่ครบกำหนด และพวกเจ้าก็ยอมยืดเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้อีกชั่วระยะหนึ่ง ดังนี้ถ้าพวกเจ้ากระทำเช่นนั้นบ่อย ๆ ครั้งแล้ว หนี้นั้นย่อมจะทวีคูณมากขึ้น
   สำหรับในแนวปฏิบัติของฝ่ายอิสลามโดยเฉพาะในนิกายของอิมามชาฟิอีย์ ท่านให้คำอัตถาธิบายไว้ว่า
๑. ถ้าฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้มีข้อตกลงกันไว้ว่าตนจะคิดเอาและจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กันและกัน
   ก. โดยที่ฝ่ายลูกหนี้ไม่มีเหตุจำเป็นหรือไม่ตกอยู่ในภาวะคับขันแล้วทั้งฝ่ายรับและให้ดอกเบี้ยย่อมบาป
   ข. โดยที่ฝ่ายลูกหนี้มีเหตุจำเป็นหรือตกอยู่ในภาวะคับขันแล้ว ฝ่ายให้ดอกเบี้ยย่อมไม่บาปแต่ไม่ได้บุญ สำหรับฝ่ายรับดอกเบี้ยมีบาป
๒. ถ้าฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ไม่มีข้อตกลงว่าตนจะคิดเอาและจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กันและกันแล้ว ฝ่ายจ่ายส่วนเกิน (ดอกเบี้ย) เป็นฝ่ายได้บุญ แต่ฝ่ายรับไม่ได้ทั้งบุญและบาป
   และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ในอันที่จะงดเว้นซี่งการกินดอกเบี้ยเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจักได้มีชัยด้วยการได้เข้าสู่สรวงสวรรค์
๑๓๑. และพวกเจ้าจงหวั่นเกรงไฟนรกโดยการออกห่างจากสิ่งอันเป็นเหตุชักนำให้เข้าสู่นรก คือว่าจงห่างเสียจากที่จะอ้างว่าของหะรอมเป็นของหะลาล หรืออ้างเป็นนัยกลับกัน ซึ่งไฟนรกนั้นได้ถูกเตรียมไว้สำหรับพวกกาฟิร กล่าวคือให้พวกเจ้าหวาดเกรงในอันที่ถูกลงอาญานรก
๑๓๒. และพวกเจ้าจงน้อมตามอัลเลาะห์ในประการที่ทรงมีพระบัญชาใช้และห้าม และจงน้อมตามมูฮำมัดพระศาสนาทูตของพระองค์ในประการที่ว่านั้น เพราะถือว่าการน้อมตามพระศาสนทูตนั้นก็เท่ากับน้อมตามอัลเลาะห์เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความโปรดปรานีจากพระองค์
๑๓๓. อีกทั้งพวกเจ้าจงรีบเร่งไปสู่การดีอันเป็นเหตุให้พวกเจ้าได้รับการอภัยจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าและ เป็นเหตุให้ไปสู่สวรรค์ที่กว้างราวกับบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและผืนแผ่นดินโดยเอามาปูแผ่ให้จดกัน ซึ่งสวนสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกเตรียมไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงอัลเลาะห์ด้วยการปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบและงดเว้นจากการชั่วร้ายทั้งปวง
๑๓๔. บรรดาชนผู้หวั่นเกรงไฟนรกก็ดี ผู้น้อมตามอัลเลาะห์และพระศาสนทูตของพระองค์ก็ดีเป็นพวกซึ่งเสียสละไปในทางกุศล ทั้งในคราวร่ำรวยและคราวตกยาก เป็นพวกระงับโทสะได้ แม้กระทั่งรอ่งรอยแห่งการถูกเร้าก็ไม่แสดงออกให้ประจักษ์ ทั้งที่พวกเขาก็สามารถจะจัดการอย่างไร ๆ ตามโทสะได้ เรื่องนี้ท่านอิมามอะห์มัดกับอบูดาวู๊ดและนักรายงานอัล-หะดีธอื่น ๆ ได้เสนอรายงานจากอัล-หะดีธว่า “ผู้ใดระงับโทสะทั้ง ๆ ที่ผู้นั้นก็สามารถจะวู่วามตามโทสะของเขาได้ อัลเลาะห์จะทรงให้จิตใจของผู้นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความปลอดภัยและศรัทธา” และเป็นพวกไม่จองเวรต่อมวลมนุษย์ที่เคยข่มเหงคะเนงร้ายพวกเขา ฝ่ายอัลเลาะห์จะทรงสนองกุศลแก่บรรดาผู้ปฏิบัติการดีงามต่าง ๆ ที่ว่านี้อย่างมั่นคง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 135 - 139


คำอ่าน
135. วัลละซีนะ อิซาฟะอะลูฟาหิชะตัน เอาเซาะละมู..อัน..ฟุสะฮุม ซะกะรุลลอฮะ ฟัสตัฆฟะรูบิซุนูบิฮิม วะมัย..ยัฆฟิรุซซุนูบะอิลลัลลอฮฺ วะลัมยุศิรฺรูอะลามาฟะอะลู วะฮุมยะอฺละมูน
136. อุลา...อิกะญะซา...อุฮุม..มัฆฟิเราะตุม..มิรฺร็อบบิฮิม วะญัน..นาตุน..ตัจญรีมินตะหฺติฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา วะเนียะอฺมะอัจญรุลอามิลีน
137. ก็อดเคาะลัตมิน..ก็อบลิกุมสุนะนุน..ฟะสีรูฟิลอัรฺฎิ ฟัน..เซาะรู กัยฟะกานะอากิบะตุลมุกัซซิบีน
138. ฮาซาบะยานุลลิน..นาสิ วะฮุเดา..วะเมาอิเซาะตุลลิลมุตตะกีน
139. วะลาตะฮินู วะลาตะหฺซะนู วะอัน..ตุมุลอะอฺเลานะ อิน..กุน..ตุม..มุอ์มินีน


คำแปล R1.
135. And those who, when they have committed Fahishah (illegal sexual intercourse etc.) or wronged themselves with evil, remember Allah and ask forgiveness for their sins; - and none can forgive sins but Allah - and do not persist in what (wrong) they have done, while they know.
136. For such, the reward is forgiveness from their Lord, and Gardens with rivers flowing underneath (Paradise), wherein they shall abide forever. How excellent is this reward for the doers (who do righteous deeds according to Allah's Orders).
137. Many similar ways (and mishaps of life) were faced by nations (believers and disbelievers) that have passed away before you (as you have faced in the battle of Uhud), so travel through the earth, and see what was the end of those who disbelieved (in the Oneness of Allah, and disobeyed Him and his Messengers).
138. This (the Qur'an) is a plain statement for mankind, a guidance and instruction to those who are Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2).
139. So do not become weak (against your enemy), nor be sad, and you will be superior (in victory) if you are indeed (true) believers.


คำแปล R2.
135. และ (พวกเขา) เป็นผู้ซึ่ง เมื่อได้กระทำการลามกใด ๆ หรือฉ้อฉลตัวของพวกเขาเอง พวกเขาก็รีบรำลึกถึงอัลเลาะฮฺ แล้วขออภัยในมวลบาปของพวกเขา และใครเล่าที่จะให้อภัยแก่บาปต่าง ๆ นอกจากอัลเลาะฮฺ และพวกเขาไม่หมกมุ่นในพฤติกรรมที่พวกเขาได้กระทำมาก่อนนั้น โดยพวกเขาก็รู้ดี (ว่าเป็นความผิดมหันต์)
136. พวกเหล่านั้น การตอบแทนพวกเขาก็คือการให้อภัยจากองค์อภิบาลของพวกเขาและบรรดาสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าอยู่ในนั้นโดยนิรันดร และ (สิ่งนั้น) เป็นรางวัลอันเยี่ยมยอดที่สุดสำหรับบรรดาผู้ประพฤติ (ดีทั้งหลาย)
137. บรรดาแบบฉบับ (ของอัลเลาะฮฺที่ทรงลงโทษผู้กระทำผิดตามที่กล่าวมา) นั้น ได้เคยล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเจ้าแล้วมากมาย ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงจาริกไปในพื้นพิภพ แล้วจงพินิจพิเคราะห์เถิด ว่าจุดจบของบรรดาผู้กล่าวหาเท็จ (แก่ศาสนทูต) เป็นไปเช่นไร
138. (คัมภีร์อัลกุรอาน) นี้เป็นคำชี้แจงแก่มวลมนุษย์ เป็นสิ่งชี้นำ และเป็นคำเตือนแก่บรรดาผู้ยำเกรงทั้งมวล
139. และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และอย่าเศร้าโศก เมื่อพวกเจ้าก็ (มีเกียรติ) เหนือกว่า (พวกเนรคุณจากการรบจนรับชัยชนะ) หากพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา (โดยแท้จริง)


คำแปล R3.
135.   และบรรดาผู้ที่เมื่อทำการละเมิดหรือสร้างความอธรรมต่อตัวของเขาเองพวกเขาจะรำลึกถึงอัลลอฮฺแล้วขอการอภัยโทษสำหรับความผิดของพวกเขา และผู้ใดเล่าจะอภัยความผิดทั้งหลายนอกจากอัลลอฮฺ และพวกเขาไม่คงดึงดันในความผิดที่พวกเขากระทำทั้ง ๆ ที่รู้
136.   เหล่านี้ การตอบแทนของพวกเขาคือการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาและสวนสวรรค์หลากหลายที่เบื้องล่างมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านและพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น ช่างดีเสียนี่กระไรสำหรับรางวัลของบรรดาผู้กระทำการดี
137.   แน่นอนก่อนหน้าพวกเจ้านั้นได้เคยมีแบบอย่างไว้แล้ว ดังนั้นจงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินและจงดูว่าผลสุดท้ายของพวกที่กล่าวมุสา (ต่อโองการของอัลลอฮฺ) เป็นอย่างไร
138.   นี่เป็นการเตือนอันชัดแจ้งสำหรับมนุษยชาติอละเป็นทางนำและข้อตักเตือนสำหรับผู้ที่ยำเกรงอัลลอฮฺ
139.   และจงอย่าท้อและจงอย่าระทม และสูเจ้าจะเหนือกว่าถ้าสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
135. บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขากระทำสิ่งชั่วใด ๆ หรือ อยุติธรรมแก่ตัวเองแล้ว พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮ์ แล้วขออภัยโทษในบรรดาความผิดของพวกเขา และใครเล่าที่จะอภัยโทษบรรดาความผิดทั้งหลายให้ได้ นอกจากอัลลอฮ์แล้ว และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติในสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติมาโดยที่พวกเขารู้กันอยู่
136. ชนเหล่านี้แหละการตอบแทนแก่พวกเขาคือการอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเขาและบรรดา สวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายในสวนเหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนเหล่านั้นตลอดกาล และรางวัลของผู้ทำงานนั้นช่างเลิศจริงๆ
137. แน่นอนได้ผ่านพ้นมาแล้วก่อนพวกเจ้า ซึ่งแนวทางต่างๆ ดังนั้นพวกเจ้าจงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธเป็นอย่างไร?
138. นี่คือข้อชี้แจงอันชัดเจสำหรับมนุษย์และเป็นคำแนะนำที่ถูกต้อง และเป็นคำตักเตือนสำหรับผู้ยำเกรงทั้งหลาย
139. และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ และพวกเจ้านั้นคือผู้ที่สูงส่งยิ่ง หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๑๓๕. อันว่าบรรดาผู้ซึ่งเมื่อได้ประกอบการบาปอันที่น่ารังเกียจ เช่น การทำประเวณีนอกอนุญาต หรือได้คดโกงตัวเองด้วยการทำบาปที่หย่อนกว่าการทำประเวณีนอกอนุญาต เช่น การแตะต้องผิวกาย การมองดูส่วนของร่างกาย ตลอดจนการจูบผิวกายของหญิงที่ต้องห้าม และพวกนั้นก็นึกถึงข้อสัญญาลงโทษของอัลเลาะห์ขึ้นได้ แล้วจึงขอประทานอภัยซึ่งโทษานุโทษของพวกตน แต่ไม่มีใครที่จะอภัยโทษให้ได้นอกจากอัลเลาะห์พระองค์เดียวเท่านั้น โดยพวกนั้นไม่หมกมุ่นอยู่กับบาปกรรมที่ได้ประกอบกันไว้ทั้งที่พวกตนก็รู้อยู่ว่าเป็นบาป กล่าวคือ ต่างก็ได้ถอนตัวออกจากการประพฤติบาปนั้น ๆ แล้ว
๑๓๖. พวกที่ถูกแจ้งความไว้ในโองการที่ ๑๓๕ เหล่านั้นแหละ ผลสนองก็คือการอภัยจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเขา และสวรรค์อันมีแม่น้ำลำธารไหลอยู่เบื้องล่าง โดยพวกนั้นดำรงมั่นอยู่ในนั้นนิรันดรอย่างไม่มีวันถูกขับไล่ไสส่งและไม่ตาย การให้อภัยก็ดี การให้ได้เข้าสู่สวรรค์ก็ดี ย่อมเป็นผลสนองที่น่าสรรเสริญอยู่แล้วสำหรับบรรดาผู้ประกอบการดีต่าง ๆ นั้น
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เพื่อเป็นการปลอบใจบรรดาชนมุอ์มินที่ต่างได้รับความเศร้าโศกเสียใจอันเนื่องมาแต่การพ่ายแพ้สงคราม ณ สมรภูมิอุฮุด ว่า
๑๓๗. โอ้พวกมุอ์มิน การที่พวกกาฟิรฺมักกะห์ได้ชัยชนะพวกเจ้าแล้วกลับไปอยู่บ้านของพวกตนอย่างสบายอกสบายใจนั้น ไม่ใช่อื่นหรอก นอกจากเป็นการรอลงอาญาเท่านั้น ซึ่งอันที่จริงการอย่างนี้ก็เคยปรากฏเป็นแบบอย่างของอัลเลาะห์มาแล้วในเหล่าประชากรของศาสนทูตก่อนจากพวกเจ้า ฉะนั้นในที่สุดพวกกาฟิรมักกะห์เหล่านั้นย่อมจะถูกเราลงโทษทรมานด้วยการให้เกิดความหายนะบ้าง และด้วยการทำลายล้างชาติบ้างเนื่องจากพวกเหล่านั้นได้ขัดแย้งกับพระศาสดามูฮำมัด ดังนั้นพวกเจ้าจงสัญจรไปมา ณ หน้าแผ่นดิน เพื่อเสาะหาความรู้เกี่ยวกับผลสุดท้ายที่ได้รับ ของประชากรยุคก่อนจากพวกเจ้า หรือจงอ่านประวัติศาสตร์ของประชากรเหล่านั้นจากอัล-กุรอานเถิด แล้วจงมองดูหรือพิเคราะห์ถึงผลที่สุดของพวกที่หาว่าพระศาสนทูตทั้งหลายพูดเท็จว่าเป็นอย่างไร ผลที่สุดก็คือจะได้รับความหายนะและการล้างชาติ ทั้งนี้เพื่อให้พวกเจ้าเกิดความอดทนและเป็นอุดมคติแก่พวกเจ้า ฉะนั้นขอพวกเจ้าจงอย่าเศร้าโศกเสียใจเลยที่พวกกาฟิรเหล่านั้นมีชัยชนะพวกเจ้าในครั้งนี้ ส่วนข้าจะรอเวลาแห่งการลงอาญาพวกเหล่านั้นไว้ก่อนกว่าจะถึงโอกาสนั้น ซึ่งข้าเองย่อมทราบอยู่ก่อนแล้วว่าพวกเหล่านั้นพึงต้องได้รับโทษในภายภาคหน้า
๑๓๘. พระคัมภีร์อัล-กุรอานฉบับนี้เป็นคำชี้แจงสำหรับมวลมนุษย์ให้หมดความพิพักพิพ่วนใจ เป็นแนวนำไปสู่สิ่งที่ศาสนาพึงหมาย และเป็นข้อเตือนสำหรับพวกยำเกรงให้นึกหวาดสิ่งที่ศาสนาไม่ต้องการ

   โองการต่อไปนี้ถูกประทานลงมาในวันเกิดสงครามอุฮุด ขณะที่พระศาสดามูฮำมัดมีคำบัญชาการให้พวกสาวกออกติดตามพวกกาฟิร ทั้ง ๆ ที่สาวกเหล่านั้นก็ได้รับบาดเจ็บตามเนื้อตัวกันอยู่ จึงยังความหนักอกหนักใจแก่พวกสาวกในประการที่จะสนองตามคำบัญชาการนี้
๑๓๙. และโอ้เหล่าสาวก พวกเจ้าจงอย่าท้อแท้กับการสู้รบกับพวกกาฟิร และอย่าได้เศร้าใจในสิ่งที่ได้มาประสบกับพวกเจ้าในสงครามอุฮุดเลย หากว่าพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธาจริง ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าก็ได้รับเกียรติเหนือกว่าในอันที่จะมีชัยชนะพวกกาฟิร



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 140 - 143


คำอ่าน
140. อี..ยัมสัสกุมก็อรหุน..ฟะก็อด มัสสัลก็อวมะก็อรฺหุม..มิสลุฮฺ วะติลกัลอัยยามุ นุดาวิลุฮา บัยนัน..นาสิ วะลิยะอฺละมัลลอฮุลละซีนะอามะนู วะยัตตะคิซะมิน..กุม ชุฮะดา...อ์ วัลลอฮุลายุหิบบุซซอลิมีน
141. วะลิยุมะหฺหิศ็อลลอฮุลละซีนะอามะนู วะยัมหะก็อลกาฟิรีน
142. อัมหะสิบตุม อัน..ตัดคุลุลญัน..นะตะ วะลัม..มายะอฺละมิลลาฮุลละซีนะญาฮะดูมิน..กุม วะยะอฺละมัศศอบิรีน
143. วะละก็อดกุน..ตุม ตะมัน..เนานัลเมาตะ มินก็อบลิ อัน..ตัลก็อวฮุ ฟะก็อดเราะอัยตุมูฮุ วะอัน..ตุมตัน..ซุรูน


คำแปล R1.
140. If a wound (and killing) has touched you, be sure a similar wound (and killing) has touched the others. And so are the days (good and not so good), we give to men by turns, that Allah may test those who believe, and that He may take martyrs from among you. And Allah likes not the Zalimun (polytheists and wrongญdoers).
141. And that Allah may test (or purify) the believers (from sins) and destroy the disbelievers.
142. Do you think that you will enter Paradise before Allah tests those of you who fought (in his cause) and (also) tests those who are As-Sabirin (the patient ones, etc.)?
143. You did indeed wish for death (Ash-Shahadah - martyrdom) before you met it. Now you have seen it openly with your own eyes.


คำแปล R2.
140. หากว่าบาดแผลได้อุบัติแก่พวกเจ้า (ในสมรภูมิอุหุด) แน่นอนบาดแผลทำนองเดียวกันนั้น ก็ย่อมอุบัติแก่พวกนั้นเหมือนกัน (ในสมรภูมิบะดัร) และวันเหล่านั้น เราได้ให้มันหมุนเวียนอยู่ระหว่างมนุษย์ (บางวันชนะบางวันแพ้เช่นกัน) เพื่ออัลเลาะฮฺจะได้ทรง (จำแนกให้มวลมนุษย์) รู้ถึงบรรดาผู้มีศรัทธา และพระองค์ทรงจัดการบางคนของพวกเจ้าให้เป็นผู้เสียสละชีพในทางของพระองค์ (ตายในการรบ) และอัลเลาะฮฺไม่รักบรรดาผู้ฉ้อฉล
141. และเพื่ออัลเลาะฮฺจะทรงชำระมลทินแก่บรรดาผู้ศรัทธา และทรงทำลายบรรดาผุ้เนรคุณ
142. หรือพวกเจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะได้เข้าสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่อัลเลาะฮฺยังมิได้ (จำแนกให้) รู้ชัด (ว่าใครคือ) บรรดาผู้ต่อสู้จากพวกเจ้าทั้งหลาย และ (ยังไม่จำแนกให้) ชัดว่า (ใครคือ) บรรดาผู้อดทน (ที่พร้อมจะออกทำการต่อสู้)
143. ขอยืนยัน แท้จริงพวกเจ้าครุ่นคิดแต่จะตายก่อนหน้าที่พวกเจ้าจะได้ประสบกับมัน อันที่จริงนั้นพวกเจ้าก็ได้เห็นมัน (ความตายนั้น) โดยที่พวกเจ้าเฝ้าดู (ด้วยสายตาตนเองในสงครามต่าง ๆ)


คำแปล R3.
140.   ถ้าหากสูเจ้าได้รับบาดแผล ศัตรูของสูเจ้าก็ได้รับบาดแผลด้วยเช่นกัน เหล่านี้เป็นการขึ้นลงของเวลาที่เราได้หมุนเวียนสับเปลี่ยนมันระหว่างมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทรงทดสอบว่าใครเป็นผู้ศรัทธาและเพื่อที่จะได้ทรงเลือกเอาผู้เป็นพยานแห่งสัจธรรมจากในหมู่สูเจ้า และอัลลอฮฺไม่ทรงรักผู้อธรรม
141.   และเพื่อที่พระองค์จะได้เลือกบรรดาผู้ศรัทธาออกมา และเพื่อทรงบั่นทอนผู้ปฏิเสธลง
142.   หรือสูเจ้าคิดว่าสูเจ้าจะได้เข้าสวรรค์ (โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ)? อัลลอฮฺยังไม่ได้ทดสอบสูเจ้าเพื่อที่จะดูว่าในหมู่สูเจ้านั้น ใครที่พร้อมจะต่อสู้ (ในหนทางของพระองค์) และใครคือผู้ที่อดทน
143.   สูเจ้าได้เคยท้าทายความตายมาแล้วก่อนหน้าที่สูเจ้าจะเผชิญมัน แต่ตอนนี้ สูเจ้าก็ได้เห็นมันปรากฏอยู่ข้างหน้าแล้ว


คำแปล R4.
140. หากประสบแก่พวกเจ้า ซึ่งบาดแผลหนึ่งบาดแผลใด แน่นอนก็ย่อมประสบแก่พวกนั้นซึ่งบาดแผลเยี่ยงเดียวกัน และบรรดาวันเหล่านั้นเราได้ให้มันหมุนเวียนไประหว่างมนุษย์ และเพื่ออัลลอฮ์จะได้ทรงรับรู้บรรดาผู้ที่ศรัทธา แลเพื่อเอาบรรดาผู้เสียชีวิตในสงครามจากพวกเจ้าและอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงรักใคร่ผู้อธรรมทั้งหลาย
141. เพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงขัดเกลาบรรดาผู้ศรัทธาให้บริสุทธิ์ และทรงขจัดบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาให้หมดไป
142. หรือว่าพวกเจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะได้เข้าสวนสวรรค์ ทั้งๆ ที่อัลลอฮ์ยังมิได้ทรงรู้ บรรดาผู้ที่ต่อสู้(ญิฮาด) ในหมู่พวกเจ้าพร้อมกันนั้น พระองค์ก็จะทรงรู้บรรดาผู้ที่อดทนด้วย
143. และแน่นอนพวกเจ้า เคยปรารถนาความตาย ก่อนจากที่พวกเจ้าจะได้พบมัน แล้วแน่นอนพวกเจ้าก็ได้เห็นมันแล้วขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่


คำแปล R5.
๑๔๐. ถึงพวกเจ้าจะได้รับบาดแผลก็ดี และเหตุอื่น ๆ ก็ดีที่สมรภูมิอุฮุด แน่นอนกาฟิรฝ่ายศัตรูเหล่านั้นก็ได้รับบาดแผลด้วยเช่นเดียวกัน ณ สมรภูมิบัดร์ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นเท่าที่ฝ่ายกาฟิรได้รับที่บัดร์ก็หนักเข้าไปอีก เพราะว่าจำนวนหนึ่งของพวกนี้ถูกจับเป็นเชลยศึกเจ็ดสิบคน ถูกฆ่าเสียเจ็ดสิบคน ส่วนมุอ์มินถูกฆ่าในสมรภูมิแห่งนี้เจ็ดสิบคน แต่ถูกจับเป็นเชลยเพียงยี่สิบคนเท่านั้น และวันคืนต่าง ๆ ของพิภพนี้แต่ละวันแต่ละคืนนั้น เราย่อมให้มันเปลี่ยนเวียนอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ ซึ่งในวันหนึ่งกำหนดให้เป็นเคราะห์ดีของพวกนี้ และวันอื่นก็ให้เป็นเคราะห์ดีของพวกโน้นบ้ง เป็นต้น จึงเห็นได้ว่าที่สมรภูมิบัดร์นั้น อาณาจักรมุสลิมเป็นฝ่ายเถลิงอำนาจ แต่ที่สมรภูมิอุฮุด อาณาจักรกาฟิรเป็นฝ่ายเถลิงอำนาจ ทั้งนี้เพื่อมนุษย์จะได้น้อมในคำห้ามอันศาสนาไม่ต้องการ และเพื่อว่าอัลเลาะห์จะได้ทรงสำแดงความรู้แต่อดีตของพระองค์ให้เหล่าข้าพระองค์ทั้งหลายรู้ถึงบรรดาผู้มีศรัทธาว่า เมื่อถึงคราวตกทุกข์ได้ยาก เช่น ในสมรภูมิอุฮุดแล้วมุอ์มินคนไหนจะเป็นผู้มีใจบริสุทธิ์สะอาดกันบ้าง และเพื่อจะให้ทรงเถิดเกียรติพวกเจ้าส่วนหนึ่งที่ตายในสมรภูมิ ส่วนอัลเลาะห์นั้นจะทรงลงโทษพวกกาฟิรผู้คดโกงทั้งหลาย และอะไร ๆ ที่ได้มีพระกรุณาโปรดให้แก่พวกกาฟิร ณ หน้าพิภพนี้ ก็นับเป็นการให้เพื่อรอการลงโทษไปจนถึงวันแห่งการลงโทษ
๑๔๑. และเพื่ออัลเลาะห์จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธามีความหมดจดจากบาป หากว่าผู้ศรัทธาทั้งหลายเป็นฝ่ายปราชัย กับเพื่อให้พวกกาฟิรได้รับความล่มจม หากว่ากาฟิรเป็นฝ่ายปราชัย แต่ความล่มจมที่ฝ่ายกาฟิรจะได้รับนั้นคือ จะค่อย ๆ ขาดอะไร ๆ ลงไปทีละเล็กละน้อย
๑๔๒. ไม่สมควรเลยที่พวกเจ้าจะคิดว่าพวกเจ้าได้เข้าสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าเองก็ยังมิได้ทำการรบและมิได้เป็นผู้ที่มีใจอดทนต่อความรุนแรงของการสงคราม แต่ถ้าหากว่าพวกเจ้าสู้รบพร้อมกับมีใจอดทนแล้ว นั่นแหละพวกเจ้าควรจะคิดเข้าสู่สวรรค์ได้
๑๔๓. และเรา (อัลเลาะห์) จะให้สัตย์ปฏิญาณว่า อันที่จริงแล้วพวกเจ้านี้นึกอยากจะตายก่อนที่พวกเจ้าจะไปเจอะมันเข้า เพราะคะเนโดยจากที่พวกเจ้าเคยพูดว่า “หวังใจว่าสักวันหนึ่งหรอก พวกเราคงตายทำนองเดียวกับการตายในสมรภูมิบัดร์ เพื่อพวกเราจะได้รับเกียรติเหมือนกับพวกที่ตายในยุทธภูมิบัดร์” ความจริงพวกเจ้าก็ได้แลเห็นทางตาย คือการทำสงครามมาอยู่เฉพาะหน้าซึ่งพวกเจ้ากำลังครุ่นคริดอยู่แล้ว แปลว่าพวกเจ้าได้แลเห็นความตายด้วยสายตาของตนเองในขณะญาติพี่น้องของพวกเจ้าถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาพวกเจ้าในสงครามที่สมรภูมิอุฮุด ฉะนั้นควรที่พวกเจ้าจะตรึกตรองดูอาการว่าเป็นอย่างไร แล้วทำไมเล่า พวกเจ้าจึงยอมพ่ายเอาเสียง่าย ๆ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 144 - 146


คำอ่าน
144. วะมามุหัม..มะดุนอิลลาเราะสูล ก็อดเคาะลัตมิน..ก็อบลิฮิรฺรุสุล อะฟะอิม..มาตะ เอากุติลัน..เกาะลับตุม อะลา..อะอฺกอบิกุม วะมัย..ยัน..เกาะลิบ อะลาอะกิบัยฮิ ฟะลัย..ยะดุรฺร็อลลอฮะชัยอา วะสะยัจซิลลาฮุชชากิรีน
145. วะมากานะลินัฟสิน อัน..ตะมูตะ อิลลาบิอิซนิลลาฮิ กิตาบัม..มุอัจญะลา วะมัย..ยุริด ษะวาบัดดุนยา นุอ์ติฮีมินฮา วะมัย..ยุริดษะวาบัลอาคิเราะติ นุอ์ติฮีมินฮา วะสะนัจซิชชากิรีน
146. วะกะอัยยิม..มิน..นะบียิน..กอตะละมะอะฮู ริบบียูนะกะษีรุน..ฟะมาวะฮะนูลิมา..อะศอบะฮุม ฟีสะบีลิลลาฮิ วะมาเฎาะอุฟู วะมัสตะกานู วัลลอฮุยุหิบบุศศอบิรีน


คำแปล R1.
144. Muhammad is no more than a Messenger and indeed (many) Messengers have passed away before him. If He dies or is killed, will you then turn back on your heels (as disbelievers)? and he who turns back on his heels, not the least harm will he do to Allah, and Allah will give reward to those who are grateful.
145. And no person can ever die except by Allah's leave and at an appointed term. And whoever desires a reward in (this) world, we shall give him of it; and whoever desires a reward in the hereafter, we shall give him thereof. And we shall reward the grateful.
146. And many a Prophet (i.e. many from amongst the Prophets) fought (in Allah's Cause) and along with him (fought) large bands of religious learned men. But they never lost heart for that which did befall them  n Allah's way, nor did they weaken nor degrade themselves. And Allah loves As-Sabirin (the patient ones, etc.).


คำแปล R2.
144. มุฮำมัดมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นศาสนทูตคนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้าเขาก็มีบรรดาศาสนทูตได้ล่วงลับไป (เป็นจำนวนมาก) ก็หากเขาตายหรือถูกฆ่า แล้วพวกเจ้าจะพลิกกลับลงบนตาตุ่มทั้งสองของพวกเจ้า (เปลี่ยนกลับไปสู่ศาสนาเดิม) กระนั้นหรือ และใครก็ตามที่พลิกกลับบนตาตุ่มทั้งสองของเขา แน่นอนการนั้นก็หาได้ทำอันตรายแก่อัลเลาะฮฺแต่ประการใดไม่ และอัลเลาะฮฺทรงตอบสนองบรรดาผู้ขอบคุณ
145. และไม่มีสิทธิ์สำหรับชีวิตหนึ่งที่จะตายนอกจากโดยอนุญาตของอัลเลาะฮฺ เป็นกำหนดการที่แน่ชัด และผู้ใดมุ่งหมายผลตอบแทนแห่งโลกนี้ เราก็จักให้เขาจากมัน (โลกนี้) และผู้ใดมุ่งหมายผลตอบแทนแห่งโลกหน้า เราก็จักให้แก่เขาจากมัน (โลกหน้า) และเราจะตอบแทนแก่บรรดาผู้กตัญญู
146. และตั้งมากมายแล้ว ศาสดาที่ทำการรบร่วมกับบรรดาผู้มีจิตมั่นคงกับพระเจ้ามากมาย แต่พวกเขาก็หาได้ครั่นคร้ามต่อเหตุการณ์ที่ประสบแก่พวกเขาในทางของอัลเลาะฮฺไม่ พวกเขาไม่อ่อนแอ (ในการรบ) และพวกเขาไม่ยอมสงบ (แก่เหล่าศัตรู) และอัลเลาะฮฺทรงรักบรรดาผู้อดทนทั้งมวล


คำแปล R3.
144.   มุฮัมมัดมิได้เป็นอื่นใดนอกไปจากรอซูลคนหนึ่ง บรรดารอซูลได้ล่วงลับไปก่อนหน้าเขาหลายคนแล้ว ดังนั้นถ้าหากเขาตายหรือถูกฆ่า สูเจ้าจะหันกลับส้นเท้าของเจ้ากระนั้นหรือ? หากจะมีใครหันส้นเท้ากลับ เขาก็ไม่อาจทำอันตรายใด ๆ ต่ออัลลอฮฺได้เลย และในไม่ช้า อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนผู้กตัญญู
145.   ไม่มีชีวิตใดที่จะตายได้เว้นแต่โดยอนุมัติของอัลลอฮฺ และเวลาแห่งความตายก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และผู้ใดปรารถนาที่จะได้รับรางวัลแห่งโลกนี้ เราก็จะประทานมันให้แก่เขา และผู้ใดปรารถนาที่จะได้รับรางวัลแห่งโลกหน้า เราก็จะประทานมันให้แก่เขา และเราจะตอบแทนผู้กตัญญูอย่างแน่นอน
146.   ก่อนหน้านี้มีกี่นบีแล้วที่มีผู้มั่นคงในศาสนาจำนวนมากได้ร่วมต่อสู้เคียงข้างด้วย พวกเขาไม่ท้อถอยต่อความพ่ายแพ้ที่พวกเขาประสบในทางของอัลลอฮฺ และพวกเขาไม่อ่อนแอ และไม่ยอมจำนน (ต่อความเท็จ) และอัลลอฮฺทรงรักผู้อดทน


คำแปล R4.
144. และมุฮัมมัดนั้นหาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นรอซูลผู้หนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดารอซูลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตาม พวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ? และผู้ใดที่หันสันเท้าทั้งสองของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮฺแต่อย่างใดเลย และอัลลอฮฺนั้นจะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย
145. และมิเคยปรากฏแก่ชีวิตใดที่จะตายนอกจากด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น ทั้งนี้เป็นลิขิตที่ถูกกำหนดไว้ และผู้ใดต้องการผลตอบแทนในโลกนี้ เราก็จะให้แก่เขาจากโลกนี้ และผู้ใดต้องการผลตอบแทนในปรโลก เราก็จะให้แก่เขาจากปรโลกและจะตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย
146. และนะบีกี่มากน้อยแล้ว ที่กลุ่มชนอันมากมายได้ต่อสู้ร่วมกับเขา แล้วพวกเขาหาได้ท้อแท้ไม่ต่อสิ่งที่ได้ประสบแก่พวกเขาในทางของอัลลอฮฺ และพวกเขาหาได้อ่อนกำลังลง และหาได้สยบไม่ และอัลลอฮฺนั้นทรงรักผู้ที่อดทนทั้งหลาย


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีว่า ในขณะที่ไซตอนตนหนึ่งได้ตะโกนจนสุดเสียงเพื่อต้องการกระจายข่าวว่า “มูฮำมัดถูกฆ่าแล้วอย่างแน่นอน” พวกตีสองหน้า (มุนาฟิก) จึงได้พูดจาหว่านล้อมพวกมุอ์มินว่า “ก็ในเมื่อมูฮำมัดถูกฆ่าเสียแล้ว พวกท่านจงคืนมาสู่ศาสนากุฟร์กันเถิด” ครั้นแล้วมีพวกมุอ์มินบางคนยอมกลับใจคืนไปสู่ศาสนาของพวกมัน โองการจากอัลเลาะห์จึงมีมาว่า
๑๔๔. และมูฮำมัดนั้นจะเป็นอื่นนอกจากศาสนทูตนั้นไม่ได้ ซึ่งก่อนจากเขา (มูฮำมัด) ก็เคยมีพระศาสนทูตหลายท่านล่วงลับไปแล้ว ในเมื่อพวกพระศาสนทูตเหล่านั้นได้ล่วงลับไปไม่ว่าจะโดยถึงแก่กรรมหรือถูกฆ่าตาย ย่อมไม่เป็นผลทำให้ศาสนาเสื่อมคลายลงได้เลย และไม่เคยมีประชากรของพระศาสนทูตเหล่านั้นเปลี่ยนใจไปเข้ารับนับถือศาสนากุฟร์ ส่วนมูฮำมัดก็เป็นผู้หนึ่งเหมือนกับพระศาสนทูตทั้งหลายในครั้งอดีต ฉะนั้นถ้าว่าเขา (มูฮำมัด) ได้ตายลงหรือถูกฆ่าตาย พวกเจ้าก็ไม่ควรที่จะหันกลับไปสู่ศาสนากุฟร์เลย และถ้าใครจะหันกลับจากศาสนามูฮำมัดไปเข้ารับนับถือศาสนากุฟร์แล้วไซร้เขาก็ทำให้อัลเลาะห์เดือดร้อนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง แล้วต่อ ๆ ไปพระองค์จะทรงตอบสนองแก่พวกรู้จักบุญคุณ ของพระองค์ที่ได้ทรงให้พวกเขาอดใจแน่วแน่อยู่ในศาสนาของพวกตนในคราวที่ทำสงคราม ณ สมรภูมิอุฮุด
๑๔๕. และใช่ว่าชีวิตหนึ่ง ๆ นั้นจะตายลงได้ก็หาไม่นอกจากโดยการตัดสินของอัลเลาะห์ตามหมายบันทึกที่แน่นอนเท่านั้น ใครจะตายก่อนหรือหลังหมายบันทึกที่ว่านี้ไม่ได้ ทำไมพวกเจ้าจึงยอมแพ้สงครามที่อุฮุดเล่า ทั้ง ๆ ที่การยอมแพ้ก็ช่วยให้พวกเจ้ารอดตายไม่ได้และทั้ง ๆ ที่การยืนหยัดอยู่ท่ามกลางสงครามตามคำบัญชาการของมูฮำมัด ก็มิใช่ว่าจะทำให้ชีวิตของพวกเจ้าตกไปได้เลย ถ้าแหละผู้ใดกระทำการโดยปรารถนาได้อานิสงส์ทางโลกปัจจุบันนี้ ด้วยการไม่ยอมเชื่อฟังคำบัญชาการของมูฮำมัดก็ดี และด้วยการติดตามเก็บทรัพย์สินของฝ่ายกาฟิรที่ต้องยอมทิ้งไว้อย่างเรี่ยรายก็ดี เราจะให้เขาได้สิ่งที่ว่านั้นในภพนี้ แล้วในวันอาคิเราะห์เขาจะไม่ได้รับส่วนใด ๆ เลย แต่ถ้าผู้ใดกระทำการโดยปรารถนาได้อานิสงส์ทางปรภพ ด้วยการยอมยืนหยัดทำสงครามร่วมด้วยพระนบีมูฮำมัด ณ สมรภูมิอุฮุด เราก็จะให้เขาได้รับอานิสงส์นั้นในวันปรภพ แล้วต่อ ๆ ไปเราจะตอบสนองต่อพวกรู้จักบุญคุณ ของเราที่เราได้ดลให้พวกเหล่านั้นยืนหยัดอยู่กับมูฮำมัด

๑๔๖. และมากต่อมากแล้วที่พระศาสดา ซึ่งร่วมด้วยปวงปราชญ์ของพระเจ้าอีกมากหลายได้ถูกฆ่าตายในสงคราม โดยที่ปวงปราชญ์เหล่านั้นมิได้คร้ามต่อสิ่งใด ๆ เช่น บาดแผลและการถูกฆ่าของพระศาสดาและสาวกเป็นต้น ที่ประสบแก่พวกเขาในยามสงคราม ทั้งยังไม่ยอมย่อท้อต่อการสงคราม และไม่ยอมสยบให้ฝ่ายศัตรูเลย ต่างกับพวกเจ้ามากนักที่กำลังร่วมรบอยู่กับมุฮำมัดที่อุฮุด พอแว่วข่าวว่ามูฮำมัดถูกฆ่าแล้วเท่านั้น พวกเจ้าก็ครั่นคร้ามย่อท้อและยอมสยบ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นจะทรงตอบสนองบุญกุศลแก่พวกที่อดทนต่อภยันตรายทั้งหลาย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 147 - 148


คำอ่าน
147. วะมากานะก็อวละฮุม อิลลา..อัน..กอลู ร็อบบะนัฆฟิรฺละนา ซุนูบะนา วะอิสรอฟะนา ฟี..อัมรินา วะษับบิตอักดามะนา วัน..ศุรฺนาอะลัลก็อวมิลกาฟิรีน
148. ฟะอาตาฮุมุลลอฮุ ษะวาบัดดุนยา วะหุสนะษะวาบิลอาคิเราะติ วัลลอฮุยุหิบบุลมุหฺสินีน


คำแปล R1.
147. And they said nothing but: "Our Lord! Forgive us our sins and our transgressions (in keeping our duties to you), establish our feet firmly, and give us victory over the disbelieving folk."
148. So Allah gave them the reward of this world, and the excellent reward of the Hereafter. And Allah loves Al-Muhsinun (the good-doers).


คำแปล R2.
147. และถ้อยคำจำนรรจ์ของพวกเขานั้นมิใช่อื่นใดเลย นอกจากพวกเขากล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดให้อภัยแก่เรา ซึ่งบรรดาโทษานุโทษของเรา และการฟุ้งเฟ้อของเราในการงานของเรา และโปรดยังความแน่นแฟ้นแก่เท้าของเรา (ในเรายืนอย่างมั่นคงในการรบ) และได้โปรดช่วยเหลือเรา (ให้มีชัยชนะ) ต่อกลุ่มชนผู้เนรคุณ
148. ครั้นแล้วอัลเลาะฮฺก็ได้ประทานรางวัลแห่งโลกนี้แก่พวกเขา และรางวัลอันงดงามในโลกหน้า และอัลเลาะฮฺทรงรักบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งมวล


คำแปล R3.
147.   และพวกเขามิได้กล่าวอะไรนอกไปจากการกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเราได้ทรงโปรดอภัยโทษแก่เราสำหรับความผิดของเราและสิ่งที่เราเกินเลยไปในการงานต่าง ๆ ของเรา ได้โปรดให้เรายืนหยัดได้อย่างมั่นคงแน่วแน่ และได้โปรดช่วยเราต่อบรรดาหมู่ชนที่ปฏิเสธด้วยเถิด”
148.   ดังนั้น อัลลอฮฺได้ทรงประทานรางวัลแห่งโลกนี้และรางวัลที่ดีแห่งโลกหน้าให้แก่พวกเขา และอัลลอฮฺทรงรักผู้กระทำการดี


คำแปล R4.
147. และคำพูดของพวกเขามิปรากฏเป็นอื่นใด นอกจากพวกเขากล่าวว่า โอ้พระเจ้า แห่งพวกข้าพระองค์ โปรดได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด ซึ่งบรรดาความผิดของพวกข้าพระองค์ และการที่พวกข้าพระองค์กระทำเกินขอบเขตในกิจการของพวกข้าพระองค์ และโปรดทรงให้เท้าของพวกข้าพระองค์มั่นอยู่ และโปรดทรงช่วยเหลือพวกข้าพระองค์ให้ชนะเหนือกลุ่มชนผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วย
148. แล้วอัลลอฮฺก็ทรงประทานให้แก่พวกเขาซึ่งผลตอบแทนแห่งโลกนี้ และผลตอบแทนที่ดีแห่งปรโลก และอัลลอฮฺนั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย


คำแปล R5.
๑๔๗. และขณะที่ศาสดาของพวกนักปราชญ์ถูกฆ่าพร้อมกับพวกเขาที่กำลังยืนหยัดต่อสู้อย่างอดทนนั้น พวกนักปราชญ์เหล่านั้นจะมีถ้อยคำอย่างใดก็หาไม่ นอกจากเอ่ยว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์ได้โปรดอภัยโทษเล็กโทษน้อยของบรรดาข้าพระองค์และได้โปรดอภัยการล่วงละเมิดขอบเขตโดยกระทำบาปใหญ่หลวงในธุรกิจต่าง ๆ ของบรรดาข้าพระองค์ที่เอ่ยคำวิงวอนนี้เพื่อแสดงว่าในขณะที่ทำการรบอยู่นั้น พวกเขาอาจกระทำผิดอะไรไปบ้าง และเพื่อต้องการขจัดอารมณ์ใฝ่ต่ำให้สูญสิ้นไปจากจิตใจของพวกเขาและขอพระองค์ได้โปรดให้บรรดาข้าพระองค์ยืนหยัดอยู่มั่นคง ด้วยการมีพละกำลังในการทำสงคราม และได้โปรดอำนวยชัยให้บรรดาข้าพระองค์ได้ชัยชนะเหนือมวลชนฝ่ายกาฟิรด้วยเถิด
๑๔๘. ครั้นแล้วอัลเลาะห์ก็ได้ทรงสนองแก่พวกนักปราชญ์เหล่านั้นให้ได้รับอานิสงส์ทางภพนี้กล่าวคือให้ได้รับความมีชัยและได้ทรัพย์สินของฝ่ายกาฟิร และอานิสงส์อันดีงามแห่งปรภพ คือสวรรค์ทั้งอัลเลาะห์จะทรงตอบสนองบุญกุศลแก่ผู้ประพฤติดีงามทั้งหลายอีกด้วย



สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 149 - 151


คำอ่าน
149. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิน..ตุฏีอุลละซีนะ กะฟะรู ยะรุดดูกุม อะลาอะอฺกอบิกุม ฟะตัน..เกาะลิบูคอสิรีน
150. บะลิลลาฮุเมาลากุม วะฮุวัลค็อยรุน..นาศิรีน
151. สะนุลกีฟีกุลูบิลละซีนะกะฟะรุรฺรัวะอฺบะ บิมาอัชเราะกูบิลลาฮิ มาลัมยุนัซซิลบิฮีสุลฏอนา วะมะอ์วาฮุมุน..นารฺ วะบิอ์สะมัษวัซซอลิมีน


คำแปล R1.
149. O you who believe! If you obey those who disbelieve, they will send you back on your heels, and you will turn back (from Faith) as losers.
150. Nay, Allah is your Maula (Patron, Lord, Helper and Protector, etc.), and He is the best of helpers.
151. We shall cast terror into the hearts of those who disbelieve, because they joined others in worship with Allah, for which he had sent no authority; their abode will be the Fire and how evil is the abode of the Zalimun (polytheists and wrongญdoers).


คำแปล R2.
149. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้าภักดีต่อบรรดาผู้เนรคุณ แน่นอนพวกเขาจะทำให้พวกเข้าตลบกลับบนต้นคอของพวกเจ้าเอง (กลับไปนับถือศาสนาเดิม) ครั้นแล้วพวกเจ้าก็จะกลับไปอย่างผู้ขาดทุน
150. แต่ความเป็นจริง! อัลเลาะฮฺเป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้า และพระองคืทรงเป็นผู้ช่วยเหลือที่ดีกว่าบรรดาผู้ช่วยเหลือทั้งหลาย
151. เราจะใส่ความหวาดกลัวลงในหัวใจของบรรดาผู้เนรคุณ เพราะเหตุพวกเขาได้ตั้งภาคีต่ออัลเลาะฮฺ ทั้ง ๆ ที่พระองค์มิได้ลงหลักฐานใด ๆ ในเรื่อง (การตั้งภาคี) นั้น (ให้พวกเขากระทำ) และที่อยู่ของพวกเขาคือขุมนรก และมันเป็นที่อยู่อันเลวของบรรดาผู้อธรรม


คำแปล R3.
149.   บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ถ้าสูเจ้าเชื่อฟังปฏิบัติตามผู้ปฏิเสธ พวกเขาจะทำให้สูเจ้าหันกลับไปสู่การไม่ศรัทธา แล้วสูเจ้าจะกลายเป็นผู้ขาดทุน
150.   แต่ว่าอัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองสูเจ้าและพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ช่วยเหลือ
151.   ในไม่ช้า เราจะเหวี่ยงความตระหนกเข้าไปในจิตใจของบรรดาผู้ปฏิเสธเพราะพวกเขาได้ตั้งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานอำนาจให้แก่มันมาเป็นภาคีเทียบเท่าอัลลอฮฺ และที่พำนักของพวกเขาคือไฟนรก และเป็นที่อยู่อันชั่วช้าของพวกอธรรม


คำแปล R4.
149. โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้าเชื่อฟังบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาแล้ว พวกเขาก็จะให้พวกเจ้ากลับส้นเท้าของพวกเจ้าเสียแล้วพวกเจ้าก็จะกลับเป็นผู้ที่ขาดทุน
150. แต่ทว่าอัลลอฮฺต่างหากคือผู้ช่วยเหลือพวกเจ้า และพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ดีเยี่ยมในบรรดาผู้ช่วยเหลือทั้งหลาย
151. เราจะโยนความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น เนื่องจากการที่พวกเขาให้มีภาคีแก่อัลลอฮฺ ซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ มายืนยันในสิ่งนั้น และที่อยู่ของพวกเขา คือขุมนรก ช่างเลวร้ายจริง ๆ ซึ่งที่อยู่ของบรรดาผู้อธรรม


คำแปล R5.
๑๔๙. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาถ้าว่าพวกเจ้าน้อมตามบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในประการใด ๆ ที่พวกมันบรรชาใช้พวกเจ้า เช่นที่พวกเหล่านั้นเคยบอกพวกเจ้าในวันทำสงครามที่สมรภูมิอุฮุดว่า “พวกเจ้าจงเปลี่ยนใจกลับไปรับนับถือศาสนาบรรพบุรุษของพวกเจ้ากันเถิด” ผู้ไม่ศรัทธาพวกนั้นก็จะสามารถให้พวกเจ้าหันหลังให้ศาสนาอิสลามในคราวทำสงครามที่อุฮุดได้แน่นอน แล้วพวกเจ้าก็จะกลับเป็นฝ่ายขาดทุน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ที่ว่าขาดทุนในโลกนี้ก็เพราะว่าจำต้องน้อมตามศัตรูและจำต้องแสดงตัวขอพึ่งพาอาศัยศัตรูซึ่งทั้งสองนี้เป็นเรื่องที่หนักอกหนักใจสำหรับพวกปัญญาชน ส่วนในโลกหน้าก็เป็นการขาดทุนอีกรูปหนึ่ง คือ จะไม่ได้รับภาคผลตอบแทนที่มั่นคง ทั้งจะต้องตกอยู่ในภาวะแห่งการทรมานอันชั่วร้ายอยู่เสมอไป
๑๕๐. อนึ่งบรรดาผู้ไม่ศรัทธาเหล่านั้นมิเคยได้สงเคราะห์พวกเจ้าแต่ประการใดเลย จึงไม่สมควรที่พวกเจ้าจะน้อมปฏิบัติตามพวกนั้น แต่อัลเลาะห์ทรงเป็นองค์สงเคราะห์ของพวกเจ้า ทั้งทรงเป็นองค์สงเคราะห์ที่ดีเยี่ยมกว่าบรรดาผู้ทรงเคราะห์ทั้งหลาย ฉะนั้นพวกเจ้าจงน้อมตามพระองค์และงดเว้นเสียจากที่จะน้อมตามอื่นจากพระองค์เถิด
๑๕๑. อีกไม่นานหรอก เรา (อัลเลาะห์) จะเอาความหวาดกลัวส่งไปในจิตใจของบรรดาผู้ไม่ศรัทธา ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว พวกกาฟิรนั้นหมายใจไว้ว่า เมื่อพวกตนเคลื่อนกองทัพกลับออกจาสมรภูมิอุฮุดแล้ว ก็จะย้อนกลับไปล้างชาติพวกมุอ์มิน ต่อเมื่อภายหลังที่อัลเลาะห์ได้เอาความหวาดกลัวบรรจุไว้ภายในจิตใจของพวกนั้นแล้ว พวกนั้นก็กลับมีแต่ความหวาดกลัว จึงไม่กล้าย้อนกลับไปกระทำการล้างชาติพวกมุอ์มิน จึงเป็นอันว่าความคิดอันเด็ดขาดที่ว่าจะกลับมาล้างชาติก็ล้มเหลวไป การที่อัลเลาะห์ได้ทรงเอาความหวาดกลัวบรรจุลงในจิตใจของพวกนั้น ฐานที่พวกกาฟิรเหล่านั้นเอาเทวรูปมาตั้งภาคีเสมอด้วยอัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์ก็มิได้ทรงลงหลักฐานไว้ให้เคารพบูชาเทวรูปแต่อย่างใดเลย ส่วนที่พำนักอาศัยของพวกกาฟิรนั้นคือนรก เป็นที่พำนักของพวกกาฟิรที่เลวร้ายและน่ารังเกียจยิ่งนัก




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 152 - 153


คำอ่าน
152. วะละก็อดเศาะดะเกาะกุมุลลอฮุ วะอฺดะฮู..อิซตะหุสสูนะฮุม..บิอิซนิฮฺ หัตตา..อิซาฟะชิลตุม วะตะนาซะอฺตุมฟิลอัมริ วะอะศ็อยตุม..มิม..บะอฺดิ มา..อะรอกุม..มาตุหิบบูนะ มิน..กุม..มัย..ยุรีดุดดุนยา วะมิน..กุม..มัย..ยุรีดุลอาคิเราะฮฺ ษุม..มะเศาะเราะฟะกุมอันฮุม ลิยับตะลิยะกุม วะละก็อดอะฟาอัน..กุม วัลลอฮุซูฟัฎลินอะลัลมุอ์มินีน
153. อิซตุศอิดูนะ วะลาตัลวูนะ อะลา..อะหะดิว..วัรฺเราะสูลุ ยัดอูกุมฟี..อุครอกุม ฟะอะษาบะกุม ฆ็อม..มัม..บิฆ็อม..มิลลิกัยลาตะหฺซะนูอะลามาฟาตะกุม วะลามา..อะศอบะกุม วัลลอฮุเคาะบีรุม..บิมาตะอฺมะลูน


คำแปล R1.
152. And Allah did indeed fulfill his Promise to you when you were killing them (your enemy) with his Permission; until (the moment) you lost your courage and fell to disputing about the order, and disobeyed after He showed you (of the booty) which you love. Among you are some that desire this world and some that desire the Hereafter. Then He made you flee from them (your enemy), that He might test you. But surely, He forgave you, and Allah is Most Gracious to the believers.
153. (And remember) when you ran away (dreadfully) without even casting a side glance at anyone, and the Messenger (Muhammad) was in your rear calling you back. There did Allah give you one distress after another by way of requital to teach you not to grieve for that which had escaped you, nor for that which had befallen you. And Allah is Well-Aware of all that you do.


คำแปล R2.
152. ขอยืนยัน! อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงสัจจริงในสัญญาของพระองค์เสมอ เมื่อเจ้าทั้งหลายได้พิฆาตพวกเหล่านั้นจนราบคาบโดยอนุญาตของพระองค์ จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าได้ท้อถอย (ในการรบ) และพวกเจ้าขัดแย้งกันในงานนั้น (การรบ) และพวกเจ้าก็ฝ่าฝืน (คำสั่งของท่านรอซูลฯที่ให้ตั้งมั่นอยู่ที่เชิงเขาอุหุด) ภายหลังจากที่เราให้พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าชอบ (นั้นคือความพ่ายแพ้ของเหล่าศัตรู) บางคนของพวกเจ้าก็มุ่งปรารถนาโลกนี้ (ต้องการเก็บทรัพย์สินของฝ่ายข้าศึก) และบางคนของพวกเจ้าก็มุ่งปรารถนาโลกหน้า (คือกุศลของการรบ) หลังจากนั้นพระองค์ทรงผันพวกเจ้าจากพวกนั้น (ให้พ่ายพวกนั้นอย่างยับเยิน กลับสู่นครมะดีนะฮฺ) เพื่อพระองค์ทดสอบพวกเจ้า ขอยืนยัน อันที่จริงพระองค์ไดให้อภัยแก่พวกเจ้าแล้ว และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานแก่บรรดาศรัทธาชน (ทั้งมวล)
153. (จงระลึกเถิด) เมื่อครั้งพวกเจ้าทั้งหลายตะเกียกตะกายหนี (พวกข้าศึก) โดยพวกเจ้าไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น และขณะเดียวกันศาสนทูต (มุฮำมัด) ก็เรียกร้องพวกเจ้าในกลุ่มที่อยู่หลังไปจากพวกเจ้า ดังนั้นพระองค์จึงตอบแทนแก่พวกเจ้า โดยให้ประสบความทุกข์ระทมเป็นที่สุด (คือรวมกำลังกันเพื่อตามติดพิชิตข้าศึกไม่ได้) เพื่อพวกเจ้าไม่ต้องเสียใจต่อสิ่งที่ได้หลุดพ้นไปจากพวกเจ้า (ไม่สามารถยึดทรัพย์สินพวกนั้นได้) และไม่ (ต้องเสียใจต่อ) สิ่งที่ประสบแก่พวกเจ้า (คือความพ่ายแพ้ดังกล่าว) และอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งในการกระทำของพวกเจ้าทั้งมวล


คำแปล R3.
152.   และโดยแน่นอนยิ่ง อัลลอฮฺได้ทรงทำให้สัญญาที่ให้ไว้แก่สูเจ้า (ว่าจะช่วยเหลือ) เป็นจริงแล้ว เมื่อสูเจ้าได้จำกัดพวกเขาด้วยอนุมัติของพระองค์ จนกระทั่งเมื่อสูเจ้าท้อแท้และโต้เถียงกันเกี่ยวกับหน้าที่ของสูเจ้าและละเมิดคำสั่งหลังจากที่พระองค์ได้ทรงทำให้สูเจ้าทำสิ่งที่สูเจ้าชอบ เพราะในหมู่สูเจ้ามีผู้ปรารถนาสิ่งในโลกนี้และผู้ปรารถนาชีวิตในโลกหน้า ดังนั้นพระองค์จึงได้ทำให้สูเจ้าได้หลีกถอยจากพวกเขาเพื่อที่จะทดสอบสูเจ้า และโดยแน่นอนยิ่ง ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงอภัยสูเจ้า เพราะอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธา
153.   จงนึกถึงตอนที่สูเจ้าตะกายหนีจนมิได้หันมามองซึ่งกันและกัน และรอซูลได้ร้องเรียกสูเจ้าทางด้านหลัง ดังนั้นพระองค์จึงได้ทำให้สูเจ้าต่างคนต่างต้องเศร้าโศก เพื่อที่สูเจ้าจะได้รับบทเรียนนี้สำหรับอนาคตว่าสูเจ้าจะไม่ระทมต่อสิ่งที่สูเจ้าสูญเสียไปและต่อชะตากรรมที่ประสบแก่สูเจ้า เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ถึงทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ


คำแปล R4.
152. และแน่นอน อัลลอฮฺได้ทรงให้สัญญาของพระองค์สมจริงแก่พวกเจ้าแล้ว ขณะที่พวกเจ้าเข่นฆ่าพวกเขาด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ จนกระทั้งพวกเจ้าขลาดที่จะต่อสู้ และขัดแย้งกันในคำสั่ง และพวกเจ้าได้ฝ่าฝืนหลังจากที่พระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวก เจ้าชอบแล้ว จากนั้นมีผู้ที่ต้องการโลกนี้ และจากพวกเจ้านั้นมีผู้ที่ต้องการปรโลกแล้วพระองค์ก็ทรงให้พวกเจ้าหัน กลับขากพวกเขาเสีย เพื่อที่จะทรงทดสอบพวกเจ้า และแน่นอนพระองค์ได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าแล้ว และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงมีพระคุณแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
153. จงรำลึกถึงขณะที่พวกเจ้าหนีเอาตัวรอด และไม่เหลียวมองคนหนึ่งคนใด ทั้ง ๆ ที่รอซูลกำลังเรียกพวกเจ้าอยู่ทางเบื้องหลังของพวกเจ้า แล้วพระองค์ก็ได้ทรงตอบแทนพวกเจ้าซึ่งความเศร้าโศกอย่างหนึ่ง พร้อมด้วยความเศร้าโศกอีกอย่างหนึ่ง เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ไม่เสียในสิ่งที่หลุดมือพวกเจ้าไป และไม่เสียใจต่อสิ่งที่ประสบแก่พวกเจ้า และอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีลงมาขณะที่ปวงชนมุอ์มินคณะหนึ่งได้ชุมนุมกันหลังที่กลับจากสมรภูมิอุฮุดมาถึงนครมดีนะฮฺแล้ว ในจำนวนนั้น มีผู้หนึ่งพูดกับอีกคนหนึ่งว่า ที่ความพ่ายแพ้มาประสบกับพวกเราครั้งนี้นั้น มีสาเหตุมาอย่างไร ทั้งที่อัลเลาะห์ก็ได้ลงโองการให้แก่นบีมูฮำมัดมาทำสัญญาไว้แก่พวกเรา พระนบีได้มีคำสั่งแก่พวกทหารธนูว่า จงอย่าเคลื่อนที่ไปไหน และตราบใดที่พวกเจ้ามั่นอยู่กับที่พวกเจ้าต้องได้รับชัยชนะเสมอไป พวกเราทั้งหมดก็ได้ตามคำสั่งของพระนบีอยู่แล้ว ทำไมถึงพวกเราแพ้เล่า
   เหตุที่แพ้นั้นมีอยู่ว่า ขณะที่พวกศัตรูดาหน้ากันเข้ามา ทหารธนูจึงยิงระดมกันออกไป ส่วนทหารดาบก็ฆ่าฟันศัตรูจนกระทั่งทหารฝ่ายกาฟิรพ่ายแพ้แตกทัพไป แต่ทหารธนูฝ่ายมุสลิมไม่สาใจติดตามทัพกาฟิรไปอีก ฆ่าพวกกาฟิรตายอีกมากกว่า ๒๐ คน ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ทหารฝ่ายมุสลิมฝ่าฝืนคำสั่งของพระนบีที่ว่าให้มั่นอยู่กับที่

๑๕๒. และข้า (อัลเลาะห์) จะให้สัตย์ปฏิญาณว่า แน่แท้อัลเลาะห์ทรงรับรองข้อสัญญาของพระองค์แก่พวกเจ้าเกี่ยวกับความมีชัยชนะว่าเป็นความสัจจริง ในเมื่อพวกเจ้าประหารพวกกาฟิรเหล่านั้นได้เป็นจำนวนมากด้วยความประสงค์ของพระองค์เท่านั้น อัลเลาะห์ทรงให้พวกเจ้าแลเห็นความมีชัยอันเป็นที่รักชอบของพวกเจ้าแล้ว จนกว่าเมื่อใดพวกเจ้าขยาดต่อการสู้รบและขัดแย้งกันในคำบัญชาการของมูฮำมัดที่ว่า “ให้พวกเจ้ายืนหยัดตั้งรับอยู่ที่เชิงเขาอุฮุด เพื่อระดมยิงธนูฝ่าทัพของพวกข้าศึก ซึ่งจากจำนวนของผู้ขัดขืนคำสั่งของมูฮำมัดนี้ บ้างก็บอกว่าที่พวกเราเคลื่อนทัพนั้น เพราะเห็นว่าพรรคพวกของเรามีชัยแล้ว แต่บางคนก็ว่าพวกเราอย่าได้ขัดคำสั่งของมูฮำมัดเลย” แล้วพวกนั้นได้ทรยศซึ่งคำสั่งของมูฮำมัด ต่างก็ทิ้งที่มั่น เพื่อไปกวาดเอาทรัพย์สินของพวกกาฟิร อัลเลาะห์จึงไม่ทรงให้การช่วยเหลือพวกเจ้าเลย พวกเจ้าจึงแพ้ บางคนจากพวกเจ้าผู้ที่ใฝ่หาสิ่งตอบแทนในภพนี้ โดยเขาจะไม่ยอมยืนหยัดอยู่กับสถานที่ตั้งมั่น เพื่อไปเก็บกวาดทรัพย์สินของกาฟิรก็มี และบางส่วนจากพวกเจ้าที่ใฝ่หาสิ่งตอบแทนในภพหน้า โดยเขาจะยืนหยัดอยู่กับที่มั่นแม้ถึงกับจะถูกฆ่าตาย ณ ที่นั้นก็มี บุคคลที่ว่านี้ เช่น อับดุลเลาะห์ บุตรยุไบร์และหมู่คณะเป็นต้น ครั้นแล้วพระองค์จึงได้ทรงให้พวกเจ้าพ่ายหนีจากพวกกาฟิรนั้น กลับไปยังนครมดีนะห์พร้อมด้วยความปราชัย เพื่อเป็นการให้ความรู้ของพระองค์แต่อดีตได้ประจักษ์แจ้งชัดในรูปของการทดลองพวกเจ้าว่า ใครจะมีใจบริสุทธิ์ และใครไม่มีใจบริสุทธิ์เพราะเห็นแก่ทรัพย์สินของกาฟิร และข้าจะให้สัตย์ปฏิญาณว่า ที่จริงพระองค์ก็ได้ทรงนิรโทษกรรมแก่พวกเจ้าแล้ว เพราะความกรุณาที่พวกเจ้ามีแต่ความโศกเศร้าเสียใจในประการที่เคยได้ขัดคำบัญชาการของมูฮำมัด และว่าอัลเลาะห์นั้นคือพระผู้อำนวยความกรุณาต่อพวกมุอ์มินทั้งหลาย ด้วยการนิรโทษกรรมแก่พวกมุอ์มินเหล่านั้น
๑๕๓. โอ้มวลมุอ์มิน พวกเจ้าจงระลึกถึงข้อตำหนิคราวที่พวกเจ้ากระเถิบถอยหนีพวกข้าศึกอย่างไม่คำนึงถึงใคร โดยที่พระศาสนทูตมูฮำมัดเองก็กำลังเรียกร้องพวกเจ้ามาจากอีกทางหนึ่งของพวกเจ้าว่า “โอ้บรรดาผู้เป็นข้าของอัลเลาะห์ จงเข้ามาสมทบกับพวกฉันทางนี้ ๆ” นั้น อัลเลาะห์จึงได้ทรงให้พวกเจ้าได้ประสบกับความทุกข์โศกหนึ่งคือความพ่ายแพ้ เพราะอีกความทุกข์โศกหนึ่ง คือที่พวกเจ้าทำให้พระศาสนทูตได้รับความทุกข์โศกที่ขัดขืนคำสั่งที่ว่า “ให้ยืนหยัดอยู่กับที่มั่น” เพื่อให้พวกเจ้าเสียใจต่อทรัพย์สินของพวกกาฟิรที่พวกเจ้าหมดโอกาสอย่างหนึ่งและต่อสิ่งที่มาประสบกับพวกเจ้าอีกอย่างหนึ่ง คือการถูกฆ่าและความปราชัย ส่วนอัลเลาะห์นั้นทรงรู้เท่าทันในพฤติการณ์ที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอาลิอิมรอน อายะฮฺที่ 154 - 155


คำอ่าน
154. ษุม..มะอัน..ซะละอะลัยกุม..มินบะอฺดิลฆ็อม..มิ อะมะนะตัน..นุอาสัย..ยัฆชา ฏอ..อิฟะตัม..มิน..กุม วะฏอ...อิฟะตุน..ก็อดอะฮัม..มัตฮุม อัน..ฟุสุฮุม ยะซุน..นูนะบิลลาฮิ ฆ็อยร็อลหักกิ ซ็อน..นัลญาฮิลียะฮฺ ยะกูลูนะ ฮัลละนา มินัลอัมริมิน..ชัยอ์ กุลอิน..นัลอัมเราะ กุลละฮูลิลลาฮฺ ยุคฟูนะฟี..อัน..ฟุสิฮิม..มาลายุบดูนะลัก ยะกูลูนะเลากานะละนามินัลอัมริชัยอุม..มากุติลนาฮาฮุนา กุลเลากุน..ตุม ฟีบุยูติกุม ละบะซัลละซีนะกุติบะอะลัยฮิมุลก็อตลุ อิลามะฎอญิอิฮิม วะลิยับตะลิยัลลอฮุ มาฟีศุดูริกุม วะลิยุมะหฺหิเศาะ มาฟีกุลูบิกุม วัลลอฮุอะลีมุม..บิซาดิศศุดูรฺ
155. อิน..นัลละซีนะตะวัลเลามิน..กุมเยามัลตะก็อลญัมอานิ อิน..นะมัสตะซัลละฮุมุชชัยฏอนุ บิบะอฺฎิมากะสะบู วะละก็อดอะฟัลลอฮุอันฮุม อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุนหะลีม


คำแปล R1.   
154. Then after the distress, He sent down security for you. Slumber overtook a party of you, while another party was thinking about themselves (as how to save their ownselves, ignoring the others and the Prophet) and thought wrongly of Allah - the thought of ignorance. They said, "Have we any part in the affair?" Say you (O Muhammad ): "Indeed the affair belongs wholly to Allah." They hide within themselves what they dare not reveal to you, saying: "If we had anything to do with the affair, none of us would have been killed here." Say: "Even if you had remained in your homes, those for whom death was decreed would certainly have gone forth to the place of their death," but that Allah might test what is in your breasts; and to Mahis that which was in your hearts (sins), and Allah is All-Knower of what is in (your) breasts.
155. Those of you who turned back on the day the two hosts met (i.e. the battle of Uhud), it was Shaitan (Satan) who caused them to backslide (run away from the battlefield) because of some (sins) they had earned. But Allah, indeed, has forgiven them. Surely, Allah is Oft-Forgiving, Most Forbearing.


คำแปล R2.

154. หลังจากนั้น พระองค์ได้ประทานแก่พวกเจ้า ภายหลังจากความทุกข์ตรมนั้น (ได้ผ่านพ้นไปแล้ว) ซึ่งความสงบปลอดภัย นั่นคือบังเกิดความง่วงครอบงำคนกลุ่มหนึ่งจากพวกเจ้า และคนอีกกลุ่มหนึ่งบังเกิดความวิตกกังวลในตัวเอง พวกเขาคิดต่ออัลเลาะฮฺโดยไม่ชอบธรรม แบบพวกอาหรับยุคโง่เขลาคิด (เดาเอาว่าอัลเลาะฮฺไม่ช่วยตามที่ได้สัญญาไว้) พวกเขารำพึงว่า “จะมีสิทธิ์แก่พวกเราจากการ (รบครั้ง) นี้ (ที่จะเสนอแนะยุทธวิธี) สักสิ่งหนึ่งบ้างไหม” เจ้าจงกล่าว (กับพวกเขา) เถิดว่า “แท้จริงการงานทั้งหมดย่อมเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺ (พวกเราไม่มีสิทธิ์เสนอความคิดที่ว่าให้ตั้งรับที่มะดีนะฮฺ) พวกเขาปิดเร้นไว้ในจิตใจของพวกเขา ซึ่งสิ่งที่พวกเขาไม่ยอมเปิดเผยแก่เจ้า พวกเขากล่าวอีกว่า “หากจะมี (สิทธิ์ในการเสนอแนะ) แก่พวกเราจาการนี้สักสิ่งหนึ่ง แน่นอนพวกเรานี้ (คง) ไม่ถูกฆ่า ณ ที่นั้น” เจ้าจงประกาศเถิดว่ามาดแม้นพวกเจ้า (จะเก็บตัว) อยู่ในบ้านเรือนก็ตาม สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แก่พวกเขาว่าจะต้องถูกฆ่าตายก็ต้องปรากฏไปจนถึงที่นอนของพวกเขา (พวกเขาจะหนีมันไม่พ้นหรอก ถึงแม้จะไม่ยอมออกไปในสมรภูมิก็ตาม) และเพื่ออัลเลาะฮฺทรงทดสอบสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเจ้า และเพื่อพระองค์ทรงชำระให้หมดจดแก่สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเจ้า และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่อยู่ในจิตใจ
155. แท้จริงบรรดาผู้หันหลังให้จากพวกเจ้าในวันที่กองทัพทั้งสองได้มาปะทะกัน (ที่อุหุด) นั้น อันที่จริงแล้ว มารร้ายได้ทำให้พวกเขาเพลี่ยงพลั้งเพราะ (ความผิด) บางอย่างที่พวกเขาได้กระทำไว้ (เมื่ออดีต) ขอยืนยัน แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ให้อภัยแก่พวกเขาแล้ว แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัย อีกทั้งทรงสุขุมยิ่ง

คำแปล R3.
154.   ดังนั้นหลังจากความเศร้าโศก พระองค์ได้ทรงประทานความรู้สึกสงบและปลอดภัยให้แกเจ้าบางคนจนงีบไป ในขณะที่บางคนที่ให้ความสำคัญแก่ผลประโยชน์ทางโลกของพวกเขาได้เริ่มความคิดโง่ ๆ เกี่ยวกับอัลลอฮฺซึ่งไม่เป็นความจริง พวกเขาถามว่า “เรามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยไหม?” จงกล่าวเถิด “(ไม่มีใครมีส่วนในเรื่องนี้) อำนาจเหนือเรื่องนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอัลลอฮฺ” พวกเขาไม่เปิดเผยสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นไว้ในใจของพวกเขาแก่เจ้า พวกเขากล่าวว่า “ถ้าหากพวกเรามีส่วนในเรื่องนี้บ้าง พวกเราก็คงไม่ถูกฆ่าที่นี่” จงบอกพวกเขาว่า “ถึงแม้พวกท่านยังคงอยู่ในบ้านของพวกท่าน บรรดาผู้ที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องตายก็จะต้องออกไปตามความต้องการของพวกเขายังสถานที่ที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าพวกเขาจะถูกฆ่า” ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทดสอบสิ่งที่อยู่ในใจของสูเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอก
155.   สำหรับบรรดาผู้ที่หันหลังกลับในวันที่สองกองทัพเผชิญหน้ากันนั้น มารได้ทำให้พวกเขาเพลี่ยงพลั้งด้วยบางสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวาย แต่อย่างไรก็ตาม อัลลอฮฺได้ทรงอภัยพวกเขา เพราะแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงขันติ


คำแปล R4.
154. แล้วพระองค์ก็ทรงประทานแก่พวกเจ้า ซึ่งความปลอดภัย หลังจากความเศร้าโศกนั้น คือให้มีการงีบหลับครอบคลุมกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า และอีกกลุ่มหนึ่งนั้น ตัวของพวกเขาเองทำให้พวกเขากกระวนกระวายใจ พวกเขากล่าวหาอัลลอฮฺ โดยปราศจากความเป็นธรรมอย่างพวกสมัยงมงาย (อัลญาฮิลียะฮฺ) พวกเขากล่าวว่า มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกิจการนั้นเป็นสิทธิของเราบ้างไหม? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริง กิจการนั้นทั้งหมดเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น พวกเขาปกปิดไว้ในใจของพวกเขา สิ่งซึ่งพวกเขาจะไม่เปิดเผยแก่เจ้า พวกเขากล่าวว่าหากปรากฏว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกิจการนั้นเป็นสิทธิของ เราแล้วไซร้ พวกเราก็ไม่ถูกฆ่าตายที่นี่ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แม้ปรากฏว่า พวกท่านอยู่ในบ้านของพวกท่านก็ตาม แน่นอนบรรดาผู้ที่การฆ่าได้ถูกกำหนดแก่พวกเขา ก็จะออกไปสู่ที่นอนตายของพวกเขา และเพื่อที่อัลลอฮฺจะทรงทดสอบสิ่งที่อยู่ในหัวอกของพวกเจ้า และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่หัวอกทั้งหลาย
155. แท้จริงบรรดาผู้ที่อยู่ในหมู่พวกเจ้าที่หันหลังหนีในวันที่สองกลุ่ม เผชิญหน้ากันนั้น แท้จริงชัยฎอนต่างหากที่ทำให้พลั้งพลาดไป เนื่องจากบางสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้เท่านั้น และแน่นอนอัลลอฮฺก็ทรงอภัยให้แก่พวกเขาแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นทรงอภัยโทษ ผู้ทรงหนักแน่น


คำแปล R5.
๑๕๔. ครั้นต่อมาเมื่อสิ้นความทุกข์โศกแล้วพระองค์จึงได้ประทานความสงบใจแก่พวกเจ้า ขนาดที่พวกเจ้า (มุอ์มิน) จำนวนหนึ่งนอนตาหลับ อยู่ภายใต้โล่จนดาบหลุดมือครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเจ้าอีกจำนวนหนึ่งเป็นชนมุนาฟิก หมดกำลังใจไม่นึกอยากได้อะไรทั้งนั้น นอกจากความปลอดภัยเพื่อพวกตน แต่มิใช่เพื่อพระนบีมูฮำมัดและสาวก พวกเหล่านั้นจึงหลับไม่ลง คิดเดาอย่างไม่เป็นสาระต่ออัลเลาะห์ดั่งความคิดของอนารยชนกาฟิรฺ ที่คิดเดาว่ามูฮำมัดนั้นถูกฆ่าหรือว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยต่างเอ่ยว่า เห็นว่าจะมีชัยชนะอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเราเลยสักนิด ตามที่อัลเลาะห์ทรงเคยสัญญาไว้กับพวกเรา โอ้มูฮำมัด เจ้าจงบอกแก่พวกมุนาฟิกเถิดว่า เรื่องอะไรทั้งสิ้นนั้นอยู่ที่การตัดสินของอัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์จะทรงทำอย่างไรก็สุดแต่ความประสงค์ของพระองค์ โดยพวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะซ่อนเร้นสิ่งที่พวกเขาไม่ยอมเปิดเผยแก่เจ้าไว้ในใจ คือจะกล่าวกันอย่างลับ ๆ ระหว่างพวกของตนว่า ถ้าเรื่องอะไรนั้นเป็นสิทธิตามความสมัครใจของพวกเราเองแล้ว พวกเราก็จะไม่ออกไปกระทำสงครามยังสมรภูมิอุฮุดและมิให้ถูกฆ่าเสียที่นั่นหรอก แต่นี่พวกเราต้องออกไปทำสงครามด้วยความจำใจพวกเราจึงถูกฆ่า โอ้มูฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่พวกมุนาฟิกเถิดว่า ถ้าพวกเจ้านั้นจะมีใครสักคนหนึ่งเก็บตัวอยู่ในบ้าน (ของพวกเจ้า ณ นครมะดีนะห์) แต่คนนั้นเมื่อครั้งบรรพกาลได้ถูกกำหนดชะตาชีวิตไว้ว่าจะต้องถูกฆ่าตาย ณ จุดใดจุดหนึ่งแล้ว บรรดาที่ถูกตราไว้ว่าจะถูกฆ่าก็จะต้องไปสู่แดนตายของพวกตนจนได้ พวกนั้นก็จะต้องถูกฆ่าและการเก็บตัวอยู่กับบ้านนั้น ไม่ช่วยให้พวกนั้นรอดตายได้ เพราะว่ากำหนดการณ์ของอัลเลาะห์จะถูกยกเป็นโมฆะย่อมไม่ได้ และพระองค์ก็ทรงปฏิบัติการต่าง ๆ ที่สมรภูมิอุฮุดให้เป็นไปตามประสงค์ของพระองค์ เพื่อที่อัลเลาะห์จะทรงให้ความรู้ของพระองค์แต่อดีตได้ประจักษ์แจ้งชัดแก่พวกเจ้าในรูปแบบของการหยั่งความในใจของพวกเจ้าว่าใครบ้างมีความศรัทธาและใครบ้างที่พูดจากลับกลอก อีกทั้งเพื่อจะได้ทรงจำแนกความศรัทธาและการพูดจากลับกลอกอันมีอยู่ในใจของพวกเจ้าด้วย แหละว่าอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงรู้ยิ่งในภาวะแห่งจิต ซึ่งไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดไปจากความรอบรู้ของพระองค์ได้เลยแม้สักอย่างเดียว เท่าที่พระองค์ได้ทรงทำการในรูปของการทดลองนั้นก็เพื่อต้องการไห้มวลมนุษย์รู้ในกาลปัจจุบันเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงยรู้อยู่แล้วในอดีต
๑๕๕. โอ้มวลมุอ์มิน แท้จริงส่วนหนึ่งของพวกเจ้าที่หันหลังให้การทำสงครามในวันที่กองทัพทั้งสองเกิดประจัญบานกันที่อุฮุดนั้นได้ถูกไซตอนพยายามใช้อุบายบางอย่างยังผลให้เพลี่ยงพล้ำ ฐานที่พวกนั้นขัดขืนคำสั่งการของมูฮำมัดที่บอกว่า “ให้ยืนหยัดอยู่กับที่มั่น” เว้นแต่สาวก ๑๒ คนที่ร่วมอยู่กับพระนบีมูฮำมัดเท่านั้นที่ม่ยอมผินหลังให้ จึงไม่ถูกไซตอนใช้อุบายหลอกลวงและไม่เกิดความพ่ายแพ้อีกด้วย และข้าจะให้สัตย์ปฏิญาณว่าที่จริงอัลเลาะห์ก็ได้นิรโทษกรรมแก่พวกนั้นอยู่แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากพวกนั้นกลับใจและขอพระราชทานอภัยโทษที่พวกตนได้ฝ่าฝืนคำสั่งของพระนบี แท้จริงอัลเลาะห์นั้นคือองค์ยิ่งในการอภัย ทรงสุขุมเยือกเย็นยิ่งในประการที่ใด่วนลงอาญาพวกซึ่งประพฤติการทรยศ




 

GoogleTagged