ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 47 สูเราะฮฺ มุหัมมัด  (อ่าน 3061 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺมุหัมมัด – (محمد) – ชื่อของท่านศาสนทูต

เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 38 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของสูเราะฮฺ มุฮัมมัด (R4.)
   ซูเราะฮฺมุฮัมมัด เป็นซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺ ซึ่งให้ความสนใจต่อการตราบทบัญญัติเช่นเดียวกับซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺอื่น ๆ สำหรับซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงบัญญัติแห่งการสู้รบ เชลย ทรัพย์สินเชลย และสภาพของพวกมุนาฟิกีน แต่แก่นสำคัญที่ซูเราะฮฺนี้กล่าวถึงก็คือ เรื่องการต่อสู้ดิ้นรนในทางของอัลลอฮฺ
   ซูเราะฮฺได้เริ่มต้นด้วยการเริ่มต้นที่ประหลาด คือ ประกาศสงครามอย่างเปิดเผยกับพวกกุฟฟาร ศัตรูของอัลลอฮฺ และศัตรูของรอซูลของพระองค์ ซึ่งพวกเขาได้ทำสงครามกับอิสลาม โดยปฏิเสธท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยืนหยัดขัดขวางต่อต้านการดะอฺวะฮฺของมุฮัมมัด เพื่อกีดกันมหาชนมิให้เข้ารับนับถือศาสนาของอัลลอฮฺ
   “บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮฺนั้น พระองค์ได้ทรงทำให้การงานของเขาไร้ผล”
   ซูเราะฮฺได้ใช้ให้บรรดามุอฺมินสู้รบกับพวกปฏิเสธศรัทธา และสังหารพวกเขาด้วยคมดาบของบรรดานักต่อสู้ดิ้นรน เพื่อกวาดล้างผืนแผ่นดินให้บริสุทธิ์จากความสกปรกของพวกเขา จนกระทั่งจะไม่ให้เสี้ยนหนามและพลังเหลืออยู่สำหรับพวกเขา แล้วได้เรียกร้องให้จับพวกเขาเป็นเชลยศึกหลังจากได้ฆ่าพวกเขาเป็นจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บจำนวนไม่น้อย “และเมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จงฟันที่คอ (จงฆ่าเสีย) จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าปราบพวกเขาจนแพ้แล้วก็จงจับพวกเขาเป็นเชลย”
   ต่อมาซูเราะฮฺได้ชี้แจงถึงแนวทางแห่งความมีเกียรติและชัยชนะ และได้วางเงื่อนไขในการช่วยเหลือของอัลลอฮฺต่อปวงบ่าวของพระองค์ที่เป็นผู้ศรัทธา ทั้งนี้ด้วยการยึดมั่นต่อบทบัญญัติของพระองค์ และสนับสนุนศาสนาของพระองค์ “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย หากพวกเจ้าสนับสนุน (ศาสนาของ) อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะสนับสนุนพวกเจ้า และจะทรงตรึงเท้าของพวกเจ้าให้มั่นคง”
   ซูเราะฮฺได้ยกอุทาหรณ์แก่พวกกุฟฟารฺมักกะฮฺถึงบรรดาผู้เกรี้ยวกราดที่มีกำลังเข้มแข็งในประชาชาติยุคก่อน ๆ และการที่อัลลอฮฺทรงทำลายล้างพวกเขาเพราะการกระทำผิด และความเกรี้ยวกราดของพวกเขา “พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นเช่นใด? อัลลอฮฺได้ทรงทำลายล้างพวกเขาและสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาก็เป็นเช่นเดียวกัน”
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงโดยละเอียดถึงลักษณะของพวกมุนาฟิกีน โดยถือว่าพวกเขาเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่ออิสลามและมุสลิม และได้เปิดโปงถึงความชั่วและความน่าละอายของพวกเขาเพื่อเตือนมนุษย์ให้รู้ถึงกลอุบายและความชั่วร้ายของพวกเขา “และหากเราประสงค์แน่นอนเราจะเปิดเผยแก่เจ้าแล้วเจ้าก็จะรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอนที่เครื่องหมายของพวกเขา”
   ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการเรียกร้องบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธาให้เจริญรอยตามแนวทางของอัลลอฮฺ และมิให้อ่อนแอต่อหน้าพลังแห่งความชั่วและความอยุติธรรม และเตือนมิให้มีการเรียกร้องไปสู่การประนีประนอมกับเหล่าศัตรู เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งการมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะการมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ย่อมสูญสลายและจบสิ้น และสิ่งที่มีอยู่ที่อัลลอฮฺนั้นเป็นการดีสำหรับคนดีทั้งหลาย
   “ดังนั้นพวกเจ้าอย่าท้อแท้ และเรียกร้องไปสู่การสงบศึก เพราะพวกเจ้าเป็นผู้อยู่เหนือสุด และอัลลอฮฺทรงอยู่ร่วมกับพวกเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงลิดรอนผลตอบแทนแห่งการงานของพวกเจ้า การมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้เป็นแต่เพียงการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงเท่านั้น และหากพวกเจ้าศรัทธาและยำเกรงพระองค์ก็จะทรงประทานรางวัลของพวกเจ้าแก่พวกเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงขอทรัพย์สินของพวกเจ้า”
   เช่นนี้แหละ ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการเรียกร้องไปสู่การญิฮาดต่อสู้ดิ้นรน เช่นเดียวกับได้เริ่มซูเราะฮฺไปสู่การนี้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการผลักดันความปรารถนาอันแรงกล้าของบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธา และเพื่อให้ตอนต้นกับตอนจบสอดคล้องกันอย่างแนบเนียนและรัดกุม


-------------------------------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 1 - 3




คำอ่าน
1. อัลละซีนะกะฟะรู วะศ็อดดูอัน..สะบีลิลลาฮิ อะฎ็อลละอะอฺมาละฮุม
2. วัลละซีนะอามะนูวะอะมิลุศศอลิหาติ วะอามะนูบิมา นุซซิละอะลามุหัม..มะดิว..วะฮุวัลหักกุ มิรฺร็อบบิฮิม กัฟฟะเราะอันฮุม สัยยิอาติฮิม วะอัศบะหะบาละฮุม
3. ซาลิกะบิอัน..นัลละซีนะกะฟะรุตตะบะอุลบาฏิละ วะอัน..นัลละซีนะอามะนุตตะบะอุลหักเกาะ มิรฺร็อบบิฮิม กะซาลิกะยัฎริบุลลอฮุลิน..นาสิ อัมษาละฮุม


คำแปล R1.
1. Those who disbelieve [in the Oneness of Allah, and in the message of Prophet Muhammad], and hinder (men) from the Path of Allah (Islamic Monotheism), He will render their deeds vain.
2. But those who believe and do righteous good deeds, and believe in that which is sent down to Muhammad, for it is the truth from their Lord, He will expiate from them their sins, and will make good their state.
3. That is because those who disbelieve follow falsehood, while those who believe follow the truth from their Lord. Thus does Allah set forth their parables for mankind?


คำแปล R2.
1. บรรดาผู้ไร้ศรัทธาและขัดขวาง (ผู้คนทั้งหลายให้ผินออก) จากแนวทางของอัลละฮฺ อัลเลาะฮฺทรงบันดาลให้การงานของพวกเขาสูญเปล่า (ไม่ได้รับผลตอบแทน)
2. และบรรดาผู้มีศรัทธา และประพฤติแต่ความดีงาม และมีความศรัทธามั่นในคัมภีร์ (อัลกุรอาน) ที่ถูประทานแก่มุฮัมมัด และสิ่งนั้นเป็นสัจธรรมแท้จากองค์อภิบาลของพวกเขา พระองค์ทรงนิรโทษความผิดต่าง ๆ แก่พวกเขาและทรงพัฒนาสภาวการณ์ของพวกเขา (ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า)
3. นั้น! เป็นเพราะว่าผู้ไร้ศรัทธาทั้งหลายได้ประพฤติตามสิ่งโมฆะ และแท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาประพฤติตามแต่สัจธรรมจากองค์อภิบาลของพวกเขาเท่านั้น เช่นนั้น! อัลเลาะฮฺทรงยกอุทาหรณ์แก่มวลมนุษย์ (เพื่อได้ตระหนักถึงสภาพแท้จริงของพวกเขา)


คำแปล R3.
1. บรรดาผู้ปฏิเสธและขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของอัลลอฮฺพระองค์จะทำให้การงานของเขาไร้ผล
2. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีและยอมรับสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่มุฮัมมัด และมันเป็นสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วของพวกเขาให้หมดไปจากพวกเขา และจะทำให้สภาพของพวกเขาดีขึ้น
3. นั่นก็เพราะว่าบรรดาผู้ปฏิเสธได้ปฏิบัติตามความเท็จและบรรดาผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตามสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เช่นนั้นแหละที่อัลลอฮฺทรงเปรียบเทียบให้มนุษย์ได้รู้ถึงสถานภาพที่แท้จริงของพวกเขา


คำแปล R4.
1. บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮฺนั้น พระองค์ได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล
2. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่มุฮัมมัด และว่า อัลกุร อานนั้นเป็นสัจธรรมมาจากพระเจ้าของพวกเขา พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วของพวกเขา ให้ออกไปจากพวกเขาและจะทรงปรับปรุงสภาพของพวกเขาให้ดีขึ้น
3. ทั้งนี้เพราะว่า บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ปฏิบัติตามความเท็จ แต่ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตามสัจธรรมมาจากพระเจ้าของพวกเขา เช่นนี้แหละอัลลอฮ.ทรงยกอุทาหรณ์ทั้งหลายของพวกเขาแก่ปวงมนุษย์


คำแปล R5.
๑. บรรดาผู้เนรคุณและกีดขวางจากแนวทางของอัลเลาะห์นั้น พระองค์ทรงโมฆะผลงานต่าง ๆ ของพวกเขา ที่ได้กระทำขณะยังมีชีวิตเช่น การเลี้ยงอาหารและการสัมพันธ์เครือญาติเป็นต้น การกระทำเหล่านั้นจะไม่ได้รับผลตอบแทนในวันปรภพแต่อย่างใดทั้งสิ้นนอกจากจะได้รับบ้างก็ผลตอบแทนในพิภพนี้ เช่น ได้เพิ่มพูนผลกำไรในการค้า ได้รับความสุขในการดำเนินชีวิตเป็นต้น
๒. และบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติแต่ความดีงามต่าง ๆ และพวกเขายังศรัทธาในคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกประทานแก่นบีมุฮำมัด และคัมภีร์นั้นเป็นสัจธรรมจากองค์อภิบาลของพวกเขา แน่นอนพระองค์ทรงนิรโทษแก่พวกเขาซึ่งความชั่วช้าต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ และทรงพัฒนาจิตใจของพวกเขาให้บริสุทธิ์และดีงามเสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ประกอบกิจกรรมที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของพระองค์
๓. นั้นเป็นเพราะเหตุว่าบรรดาผู้เนรคุณได้เจริญรอยตามสิ่งโมฆะและบรรดาผู้ศรัทธาได้เจริญรอยตามอัลกุรอานซึ่งเป็นสัจธรรมจากองค์อภิบาลของเขา เช่นนั้นแหละที่อัลเลาะห์ทรงยกอุทาหรณ์ของพวกเหล่านั้นแก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย กล่าวคือพวกกาฟิร ถูกโมฆะผลลงาน ส่วนคนมุอ์มินจะได้รับผลตอบแทน และได้รับการอภัยในความผิดพลาดของเขา




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 4 - 6


คำอ่าน
4. ฟะอิซาละกีตุมุลละซีนะกะฟะรู ฟะฏ็อรฺบัรฺริกอบ, หัตตา..อิซา..อัษค๊อน..ตุมูฮุม ฟะชุดดุลวะษาเกาะ ฟะอิม..มามัน..นัม..บะอฺดุ วะอิม..มาฟิดา...อัน หัตตาตะเฎาะอัลหัรฺบุ เอาซาเราะฮา ซาลิกะ วะเลายะชา...อุลลอฮุ ลัน..ตะเศาะเราะมินฮุม วะลากิลลิยับลุวะ บะอฺเฎาะกุมบิบะอฎฺ วัลละซีนะกุติลูฟีสะบีลิลลาฮิ ฟะลัย..ยุฎิลละ อะอฺมาละฮุม
5. สะยะฮฺดีฮิม วะยุศลิหุบาละฮุม
6. วะยุดคิลุฮุมุลญัน..นะตะ อัรฺเราะฟะฮาละฮุม


คำแปล R1.
4. So, when you meet (in fight Jihad in Allah's Cause), those who disbelieve smite at their necks till when you have killed and wounded many of them, then bind a bond firmly (on them, i.e. take them as captives). Thereafter (is the time) either for generosity (i.e. free them without ransom), or ransom (according to what benefits Islam), until the war lays down its burden. Thus [you are ordered by Allah to continue in carrying out Jihad against the disbelievers till they embrace Islam (i.e. are saved from the punishment in the Hell-fire) or at least come under your protection], but if it had been Allah's will, He himself could certainly have punished them (without you). But (He lets you fight), in order to test you, some with others. But those who are killed in the Way of Allah, He will never let their deeds be lost,
5. He will guide them and set right their state.
6. And admit them to Paradise which He has made known to them (i.e. they will know their places in Paradise more than they used to know their houses in the world).


คำแปล R2.
4. ดังนั้น เมื่อพวกเจ้าได้พบกับบรรดาพวกไร้ศรัทธา (ในสมรภูมิ) ก็จงฟันคอ (ของพวกเขา) เถิด จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าเป็นต่อในการรบ พวกเจ้าก็จงจับ (ฝ่ายข้าศึกมาเป็นเชลย) ให้มั่น ซึ่งบางทีพวกเจ้าก็ปล่อยให้เป็นอิสระในภายหลัง และบางทีเจ้าก็เรียกค่าไถ่ (เชลยเหล่านั้นตามควรแก่กรณี) จนกระทั่งการรบได้วางยุทธิปัจจัยของมัน (จนสงบโดยแท้จริง) นั้น! และมาดแม้นอัลเลาะฮฺทรงประสงค์แน่นอนพระองค์ก็ทรงอำนาจที่จะลงโทษพวกเขา (โดยพวกเจ้าไม่ต้องออกไปรบกับพวกเขาเลย เช่น ให้พวกนั้นประสบภัยธรรมชาติเป็นต้น) แต่พระองค์ทรงประสงค์ที่จะทดสอบบางส่วนของพวกเจ้าด้วยกับอีกบางส่วน (ว่าจะมีความอดทนหรือไม่) และบรรดาผู้ถูกสังหารในทางของอัลเลาะฮฺนั้น แน่นอนพระองค์ไม่ทรงให้สูญเปล่าแก่ผลงานของพวกเขา
5. ต่อไปพระองค์จะทรงชี้นำทางพวกเขา และทรงปรับปรุงสภาพการณ์ของพวกเขาให้ดีขึ้น
6. และทรงให้พวกเขาเข้าสวรรค์ตามที่พระองค์ได้ทรงแจ้งลักษณะของมันให้พวกเขารู้จักกัน


คำแปล R3.
4. ดังนั้นเมื่อสูเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธในสนามรบก็จงฟันพวกเขาที่คอ จนกระทั่งเมื่อสูเจ้าปราบพวกเขาจนราบคาบแล้ว ก็จงมัดเชลยให้แน่น หลังจากนั้นสูเจ้าจงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยดีหรือจะยอมรับค่าไถ่ตัวก็ได้ จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลงด้วยการวางอาวุธ สูเจ้าจงทำเช่นนั้นแหละหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงจัดการกับพวกเขาเอง แต่ (พระองค์ได้ใช้วิธีการนี้ก็เพื่อที่) พระองค์จะทรงทดสอบสูเจ้าบางคนด้วยคนอีกกลุ่มหนึ่ง และบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในหนทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะไม่ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล
5. พระองค์จะทรงนำทางพวกเขาและจะทำให้สภาพของพวกเขาดีขึ้น
6. และจะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวรรค์ที่พระองค์ได้ทรงทำให้พวกเขารู้ดีแล้ว


คำแปล R4.
4. และเมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จงฟันที่คอ (จงฆ่าเสีย) จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าปราบพวกเขาจนแพ้แล้ว ก็จงจับพวกเขาเป็นเชลยหลังจากนั้นจะปล่อยเป็นไทหรือจะเรียกเอาค่าไถ่ก็ได้ จนกระทั่งการทำสงครามได้สิ้นสุดลงด้วยการวางอาวุธ เช่นนั้นแหละ และหากอัลลอฮฺทรงประสงค์แน่นอน พระองค์จะทรงตอบแทนการลงโทษพวกเขา แต่ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบบางคนในหมู่พวกเจ้ากับอีกบางคน ส่วนบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าตายในทางของอัลลอฮฺพระองค์จะไม่ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผลเป็นอันขาด
5. พระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่พวกเขาและจะทรงปรับปรุงสภาพของพวกเขาให้ดีขึ้น
6. และจะทรงให้พวกเขาเขาสวนสวรรค์ ซึ่งพระองค์ทรงแจ้งให้พวกเขารู้แล้ว


คำแปล R5.
๔. ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าพบพวกเนรคุณในภาวะสงครามก็จงบั่นต้นคอพวกเขาเสียมิฉะนั้นพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายฆ่าพวกเจ้าเป็นแน่ จนเมื่อพวกเจ้าทำการฆ่าพวกเขาอย่างมากมาย ถึงขั้นที่พวกเขายอมจำนนนก็จงยุติการฆ่าพวกเขาเสีย และจัดการจับพวกเขามาเป็นเชลย แล้วพวกเจ้าจงมัดเชือกพวกเชลยเหล่านั้นเพื่อป้องกันการหลบหนี ครั้นต่อมาพวกเจ้าก็เลือกปฏิบัติต่อเชลยเหล่านั้นโดยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้ อาจจะปล่อยตัวเชลยให้เป็นอิสระโดยไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน และอาจจะเรียกค่าไถ่ตัวด้วยทรัพย์สินหรือด้วยเชลยในฝ่ายมุสลิมที่พวกนั้นจับตัวไว้ก่อน จนกระทั่งสงครามได้วางอาวุธของมันจนสงบราบคาบ วิธีจัดการเกี่ยวกับสงครามตามที่กล่าวมานั้น เป็นความยุติธรรมที่อัลลอฮฺทรงบัญญัติเป็นกฎหมายซึ่งจะต้องปฏิบัติตามนั้นโดยเคร่งครัด และอัลเลาะห์ทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์ย่อมประทานชัยชนะแก่พวกมุสลิมต่อพวกเนรคุณเหล่านั้นโดยไม่ต้องทำสงครามก็ได้ เช่น ชัยชนะของฝ่ายมุสลิมที่มีในสงคราม “คอนดั๊ก” ซึ่งพวกกาฟิรหนีกลับไปโดยไม่ต้องสู้ เพราะเกิดลมพายุใหญ่ในยามกลางคืนโดยอิทธานุภาพแห่งอัลเลาะห์ จนพวกศัตรูเกิดความหวาดกลัวสุดขีด หลบหนีกลับไปอย่างกระเจิดกระเจิง และเช่นสงคราม “กุรอยเซาะฮ์” ซึ่งพวกศัตรูยอมจำนนโดยไม่ทำการรบ และแต่ทว่าพระองค์ประสงค์จะทดสอบพวกเจ้าซึ่งกันและกันว่าพวกเจ้ามีความอดทนและความกล้าหาญที่จะสู้ศึกที่มุ่งทำลายอิสลามหรือไม่ เป็นความพิสูจน์ความศรัทธาอันสูงของพวกเจ้าในอิสลาม และบรรดาผู้ถูกฆ่าตานในทางของอัลเลาะฮ์ แน่นอนพระองค์ย่อมไม่โมฆะผลงานทั้งมวลของพวกเขา ที่ได้ประกอบไว้ในครั้งก่อน ๆ อัลกุรอานบทนี้ลงมาเกี่ยวกับเรื่องสงคราม “อุฮุด” ซึ่งมีฝ่ายมุสลิมเสียชีวิตประมาณ ๗๐ คน และบาดเจ็บอีกมากมาย
๕. พระองค์จะทรงชี้นำพวกเขา และทรงปรับปรุงจิตใจของพวกเขา
๖. และทรงใช้ให้พวกเขาเข้าสวรรค์ซึ่งพระองค์ทรงแนะนำสวรรค์ให้พวกเขารู้จักว่า พวกเขาจะอยู่ในสวรรค์ชั้นใด แล้วพวกเขาก็จำได้เป็นอันดีถึงที่อยู่ของพวกเขา




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิน..ตัน..ศุรุลลอฮะ ยัน..ศุรฺกุม วะยุษับบิตอักดามะกุม
8. วัลละซีนะกะฟะรู ฟะตะอฺสัลละฮุม วะอะฎ็อลละ อะอฺมาละฮุม
9. ซาลิกะบิอัน..นะฮุมกะริฮู มา..อัน..ซะลัลลอฮุ ฟะอะหฺบะเฏาะอะอฺมาละฮุม


คำแปล R1.
7. O you who believe! If you help (in the Cause of) Allah, He will help you, and make your foothold firm.
8. But those who disbelieve (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism), for them is destruction, and (Allah) will make their deeds vain.
9. That is because they hate that which Allah has sent down (this Qur'an and Islamic laws, etc.), so He has made their deeds fruitless.


คำแปล R2.
7. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้าช่วยเหลือ (ศาสนาของ) อัลเลาะฮฺ พระองค์จะทรงช่วยเหลือพวกเจ้า และทรงย้ำจุดยืนของพวกเจ้าให้มั่นคง (ในแนวทางของพระองค์)
8. และบรรดาผู้ไร้ศรัทธาทั้งหลาย แน่นอนความวิบัติย่อมประสบแก่พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงให้สูญเปล่าผลงานทั้งมวลของพวกเขา
9. นั้น! เป็นเพราะพวกเขาชิงชังบทบัญญัติที่อัลเลาะฮฺได้ทรงประทานให้ลงมา ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงมลายผลงานทั้งปวงของพวกเขา


คำแปล R3.
7. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ถ้าหากสูเจ้าช่วยเหลืออัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงช่วยสูเจ้า และจะทำให้เท้าของสูเจ้ามั่นคง
8. ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น พวกเขาจะได้รับความพินาศ และอัลลอฮฺได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาหลงผิดออกไป
9. ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่ยอมรับสิ่งที่อัลลอฮฺได้ประทานมา ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล


คำแปล R4.
7. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย หากพวกเจ้าสนับสนุน (ศาสนาของ) อัลลอฮฺพระองค์ก็จะทรงสนับสนุนพวกเจ้าและจะทรงตรึงเท้าของพวกเจ้าให้มั่นคง
8. ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ความพินาศหายนะจะได้แก่พวกเขาและพระองค์ได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล
9. ทั้งนี้เพราะว่า พวกเขาเกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา พระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล


คำแปล R5.
๗. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายหากแม้นพวกเจ้าช่วยปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ของอัลเลาะห์เพื่อเทิดทูนพระองค์และศาสนาของพระองค์ แน่นอนพระองค์ก็จะทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากความพ่ายแพ้ ความตกต่ำใด ๆ และพระองค์จะทรงทำความแน่นแฟ้นแก่เท้าของพวกเจ้า ในการผนึกกำลังต่อสู้กับฝ่ายศัตรูอย่างเหนียวแน่นและกล้าหาญ
๘. และบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย พวกเขาย่อมได้รับแต่ความพินาศ และพระองค์ทรงโมฆะผลงานทั้งมวลของพวกเขา
๙. นั้นเป็นเพราะเหตุว่า พวกเขารังเกียจสิ่งที่อัลเลาะห์ได้ประทานให้ ดังนั้นพระองค์จึงทรงมลายผลงานของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ไม่ได้รับผลตอบแทนแต่ประการใด ๆ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 10 - 12


คำอ่าน
10. อะฟะลัมยะสีรูฟิลอัรฎิ ฟะยันซุรูกัยฟะกานะอากิบะตุลละซีนะมิน..ก็อบลิฮิม ดัม..มะร็อลลอฮุอะลัยฮิม วะลิลกาฟิรีนะ อัมษาลุฮา
11. ซาลิกะบิอัน..นัลลอฮะ เมาลัลละซีนะอามะนู วะอัน..นัลกาฟิรีนะ ลาเมาลาละฮุม
12. อิน..นัลลอฮะยุดคิลุลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารฺ วัลละซีนะกะฟะรู ยะตะมัตตะอูนะ วะยะอ์กุลูนะ กะมาตะอ์กุลุลอันอามุ วัน..นารุ มัษวัลละฮุม


คำแปล R1.
10. Have they not traveled through the earth, and seen what was the end of those before them? Allah destroyed them completely and a similar (fate waits) the disbelievers.
11. That is because Allah is the Maula (Lord, master, helper, protector, etc.) of those who believe, and the disbelievers have no Maula  (Lord, master, helper, protector, etc.).
12. Certainly! Allah will admit those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous good deeds, to Gardens under which rivers flow (Paradise), while those who disbelieve enjoy themselves and eat as cattle eat, and the Fire will be their abode.


คำแปล R2.
10. แล้วพวกเขามิได้จาริกไปในแผ่นดินบ้างดอกหรือ เพื่อได้พิจารณาถึงจุดจบของบรรดาประชาชาติก่อนหน้าพวกเขาว่าเป็นอย่างไร? อัลเลาะฮฺได้ทำลายล้างพวกเขา และสำหรับพวกไร้ศรัทธาทั้งหลาย ก็จักประสบผลเหมือนกันกับนั้น
11. นั้น! เป็นเพราะว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาศรัทธาชนทั้งปวง และแท้จริงบรรดาจำพวกไร้ศรัทธานั้นย่อมไม่มีผู้คุ้มครองแก่พวกเขาเลย
12. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงบันดาลให้พวกที่มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามได้เข้าสรวงสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน และบรรดาจำพวกที่ไร้ศรัทธา พวกเขาก็จะเสพสุข (ในโลกนี้) และบริโภค (อย่างตะกรุมตะกราม) ประดุจเดียวกับปศุสัตว์ทั้งหลาย และนรกย่อมเป็นที่อยู่ของพวกเขา


คำแปล R3.
10. พวกเขามิได้เดินทางไปในแผ่นดินแล้วดูว่าจุดจบของบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? อัลลอฮฺได้ทรงทำลายพวกเขาและบรรดาผู้ปฏิเสธก็จะพบจุดจบอย่างนั้นเช่นกัน
11. นั่นเพราะว่าอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองและผู้ช่วยเหลือบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอนบรรดาผู้ปฏิเสธไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ
12. อัลลอฮฺจะทรงรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีเข้าสู่สวรรค์ที่ใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นพวกเขาจะได้รับความสุขชั่วคราวแห่งโลกนี้และกินเยี่ยงปศุสัตว์ และที่พำนักสุดท้ายของพวกเขาก็คือนรก


คำแปล R4.
10. พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่า บั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นเช่นใด? อัลลอฮ.ได้ทรงทำลายล้างพวกเขา และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาก็เป็นเช่นเดียวกัน
11. ทั้งนี้เพราะว่าอัลลอฮ.เป็นผู้ทรงคุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอนพวกปฏิเสธศรัทธาไม่มีผู้คุ้มครองสำหรับพวกเขา
12. แท้จริงอัลลอฮ.จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายเข้าสู่สวน สวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะหลงระเริงและกินเยี่ยงปศุสัตว์กัน และไฟนรกคือที่พำนักของพวกเขา


คำแปล R5.
๑๐. แล้วไฉนพวกเขาจึงไม่จาริกไปในแผ่นดินของอัลเลาะห์เพื่อพวกเขาจะได้พินิจพิเคราะห์ถึงประวัติศาสตร์ของบรรพชนในยุคก่อน ๆ ว่า จุดจบของบรรดาชุมชนก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นอย่างไร นั่นคืออัลเลาะห์ได้ทรงทำลายพวกเหล่านั้นจนย่อยยับ เนื่องจากพวกนั้นทระนงตนต่อศาสนทูตของพระองค์ ไม่ยอมรับศรัทธาในคำประกาศของเขาและสำหรับพวกเนรคุณนั้นย่อมประสบเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนั่นเอง คือจะต้องได้รับการลงโทษและถูกทำลายอย่างแน่นอน
๑๑.การลงโทษดังที่กล่าวนั้นเป็นเพราะอัลเลาะห์ทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งมวล และสำหรับพวกเนรคุณพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองเลย เพราะหัวใจของพวกเขาได้มอบแก่วัตถุเคารพต่าง ๆ ยึดมาเป็นพระเจ้าทำการกราบไหว้ ซึ่งพวกเหล่านี้จะคุ้มครองช่วยเหลือผู้ใดหาได้ไม่ ส่วนพวกศรัทธามอบจิตใจทั้งสิ้นแด่อัลเลาะห์ พวกเขาจึงมีพระองค์เป็นที่พึ่ง และพระองค์ทรงช่วยเหลือคุ้มครองตลอดไป
๑๒. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้พวกที่มีศรัทธาและประพฤติความดีงามเข้าสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน และบรรดาพวกเนรคุณจะเสพสุขและกินอยู่ประดุจเดียวกับพวกปศุสัตว์กิน ซึ่งไม่มีเป้าหมายใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากสนองตอบความอยากใคร่ทางอารมณ์แต่เพียงด้านเดียว และนรกย่อมเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเหล่านั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 13 - 15


คำอ่าน
13. วะกะอัยยิม..มิน..ก็อรฺยะติน ฮิยะอะชัดดุ กูวะตัม..มิน..ก็อรฺยะติกัลละตี..อัคเราะญัตกะ อะฮฺลักนาฮุม ฟะลานาศิเราะละฮุม
14. อะฟะมัน..กานะอะลาบัยยินะติม..มิรฺร็อบบิฮี กะมัน..ซุยยินะละฮู สู...อุอะมะลิฮี วัตตะบะอูอะฮฺวาอะฮุม
15. มะษะลุลญัน..นะติลละตี วุอิดัลมุตตะกูน ฟีฮา..อันฮารุม..มิม..มา..อิน ฆ็อยริอาสินิว..วะอันฮารุม..มิลละบะนิลลัมยะตะฆ็อยฺยัรฺเฏาะอฺมุฮู วะอันฮารุม..มินอะสะลิม..มุศ็อฟฟา วะละฮุมฟีฮามิน..กุลลิษษะมะรอติ วะมัฆฟิเราะตุม..มิรฺร็อบบิฮิม กะมันฮุวะคอลิดุน..ฟิน..นาริ วะสุกูมา..อัน หะมีมัน..ฟะก็อฏเฏาะอะ อัมอา...อะฮุม


คำแปล R1.
13. And many a town, stronger than your town (Makkah) (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) which has driven you out we have destroyed. And there was none to help them.
14. Is he who is on a clear proof from his Lord, like those for whom their evil deeds that they do are beautified for them, while they follow their own lusts (evil desires)?
15. The description of Paradise which the Muttaqun (pious - see V.2:2) have been promised is that in it are rivers of water the taste and smell of which are not changed; rivers of milk of which the taste never changes; rivers of wine delicious to those who drink; and rivers of clarified honey (clear and pure) therein for them is every kind of fruit; and forgiveness from their Lord. (Are these) like those who shall dwell for ever in the Fire, and be given, to drink, boiling water, so that it cuts up their bowels?


คำแปล R2.
13. และมี (ชาว) เมืองตั้งมากมายเท่าใดแล้ว ที่พละกำลังแข็งแรงยิ่งกว่าชาวเมืองของเจ้าที่ได้ขับไล่เจ้า เราได้ทำลายล้างพวกเขา แต่แล้วพวกเขาก็ไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือได้เลย
14. แล้วผู้ที่ตั้งมั่นอยู่บนหลักการอันชัดแจ้งจากองค์อภิบาลของเขา จะเหมือนกันหรือกับผู้ที่ถูกประกับความประพฤติอันชั่วช้าแก่เขา และประพฤติตามอารมณ์ของพวกเขาเอง?
15. ลักษณะของสวรรค์ที่ถูกสัญญาไว้แก่พวกยำเกรงนั้นคือ ในนั้นมีธารน้ำหลายสาย มีน้ำซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงสภาพ และธารน้ำอีกหลายสายที่เต็มไปด้วยน้ำนมซึ่งรสชาติไม่เคยเปลี่ยนแปลง อีกทั้งธารน้ำหลายสายที่มีสุราอันยังความโอชาแก่ผู้ดื่มกิน และธารน้ำอีกหลายสายที่มีน้ำผึ้งอันสะอาดบริสุทธิ์ และพวกเขามีผลไม้ทุกชนิดในสวรรค์ และได้รับนิรโทษจากองค์อภิบาลของพวกเขา (บรรดาพวกที่อยู่ในสวรรค์นั้น) จะเปรียบเทียบกันได้หรือกับผู้ที่เข้าอยู่ประจำในนรก และถูกใหเดื่มกินด้วยน้ำร้อนอันเดือดพล่าน แล้วมันได้บาดลำไส้ของพวกเขาขาด?


คำแปล R3.
13. (โอ้ นบี) กี่เมืองมาแล้วที่มีพลังอำนาจเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้าซึ่งขับไสไล่ส่งเจ้า เราได้ทำลายมันราบจนไม่มีผู้ใดที่จะช่วยเหลือมันไว้ได้
14. คนที่อยู่บนทางนำอันชัดเจนจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะเหมือนกับบรรดาผู้ที่การงานอันชั่วร้ายของพวกเขาได้ถูกทำให้เป็นที่ดูดีแก่พวกเขา และผู้ที่กำลังปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขากระนั้นหรือ
15. สวรรค์ที่ได้ถูกสัญญาไว้แก่ผู้ยำเกรงพระเจ้านั้นจะมีน้ำใสบริสุทธิ์ไหลผ่าน และมีธารน้ำนมที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลงไหลอยู่ตลอดเวลา และธารน้ำจัณฑ์อันโอชะแก่ผู้ดื่ม และธารน้ำผึ้งที่สะอาดบริสุทธิ์ และในนั้นจะมีผลไม้ทุกชนิดสำหรับพวกเขา และการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา (ผู้ที่จะเข้าสวรรค์เช่นนี้) จะเหมือนกับบรรดาผู้ที่จะอาศัยอยู่ในนรกตลอดไป และผู้ที่จะได้ดื่มน้ำเดือดที่ตัดลำไส้ของพวกเขากระนั้นหรือ


คำแปล R4.
13. และกี่เมืองมาแล้ว ที่มันมีพลังเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้า ซึ่งมันขับใสเจ้า (มุฮัมมัด)ออกไป เราได้ทำลายล้างพวกเขา ดังนั้น สำหรับพวกเขาจึงไม่มีผู้ช่วยเหลือ
14. ดังนั้นผู้ที่อยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของเขาจะเหมือนกับผู้ที่ ความชั่วแห่งการงานของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่เขา และพวกเขาก็ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขากระนั้นหรือ?
15. อุปมาของสวนสวรรค์ซึ่งบรรดาผู้ยำเกรงได้ถูกสัญญาไว้ในสวนสวรรค์นั้นมีธารน้ำ หลายสายที่ไม่ผันแปร (ทั้งรสและกลิ่น) และธารน้ำนมหลายสาย ที่รสชาติของมันไม่เปลี่ยนแปลง และธารน้ำจัณฑ์ (เหล้า) หลายสายเป็นโอชะอร่อยแก่ผู้ดื่ม และธารน้ำผึ้งที่สะอาดบริสุทธิ์หลายสาย และสำหรับพวกเขาในสวนสวรรค์นั้นมีผลไม้หลายชนิด และการอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเขาจะเหมือนกับผู้ที่พำนักอยู่ในไฟนรก และถูกให้ดื่มน้ำร้อนจัดแล้วมันตัดลำไส้ของพวกเขากระนั้นหรือ?


คำแปล R5.
๑๓. และมีตั้งเท่าไรแล้วชาวเมืองที่มีกำลังกล้าแข็งยิ่งกว่าชาวเมืองมักกะห์ของเจ้าที่ได้ขับเจ้าออกไปซึ่งเราได้ทำลายพวกเหล่านั้น แล้วไม่มีผู้ใดช่วยพวกเขาเลย
๑๔. แล้วผู้ที่ตั้งมั่นอยู่บนหลักฐานอันแจ้งชัดจากผู้ทรงอภิบาลของเขา พวกเขาคือบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายจะเหมือนกับพวกเนรคุณที่ความเลวร้ายแห่งความประพฤติของเขา ถูกประดับแก่เขาจนเห็นดีเห็นงาม กระทำความชั่วนั้นตลอดไปกระนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งสองกลุ่มจะมีฐานะเท่าเทียมกัน
๑๕. คุณลักษณะของสวรรค์ซึ่งถูกสัญญาไว้แก่บรรดาผู้ยำเกรงคือ ในนั้นมีธารน้ำหลากสายซึ่งมีน้ำจืดอันสะอาดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และอีกหลายธารน้ำซึ่งมีน้ำนมที่รสชาติของมันไม่เปลี่ยนแปลง และอีกหลายธารน้ำที่มีสุราอันโอชะแก่ผู้ดื่ม และผู้ดื่มไม่มีอาการเมามายแต่ประการใด ผิดกับสุราในโลกนี้ ซึ่งมีผลทำให้ผู้ดื่มเสียสติสัมปชัญญะจนเมามาย และอีกหลายธารน้ำซึ่งมีน้ำผึ้งอันใสบริสุทธิ์ปราศจากไขมันเจือปน และพวกเขาจะได้รับในสวรรค์นั้นจากผลไม้ทุกชนิดและการให้อภัยจากผู้ทรงอภิบาลของพวกเขา และผู้ใดเข้าสวรรค์ดังที่กล่าวมานี้จะเหมือนกับผู้ที่เข้าอยู่ในนรกกระนั้นหรือ พวกเขาถูกให้ดื่มน้ำเดือด ๆ จากนรก แล้วมันก็ตัดลำไส้ของพวกเขา ขาดเป็นท่อน ๆ ละลายไหลออกมาทางทวาร




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 16 - 19


คำอ่าน
16. วะมินฮุม..มัย..ยัสตะมิอุอิลัยกะ หัตตา..อิซาเคาะเราะญู มินอิน..ดิกะ กอลูลิลละซีนะอูตุลอิลมะ มาซากอละอานิฟา อุลา...อิกัลละซีนะเฏาะบะอัลลอฮุ อะลากุลูบิฮิม วัตตะบะอู..อะฮฺวา...อะฮุม
17. วัลละซีนะฮฺตะเดา ซาดะฮุมฮุดา วะอาตาฮุมตักวาฮุม
18. ฟะฮัลยันซุรูนะ อิลลัสสาอะตะ อัน..ตะอ์ติยะฮุม..บัฆตะฮฺ ฟะก็อดญา..อะ อัชรอฏุฮา ฟะอัน..นาละฮุม อิซาญา...อัตฮุมซิกรอฮุม
19. ฟะอฺลัมอัน..นะฮูลา..อิลาฮะ อิลลัลลอฮุ วัสตัฆฟิรฺลิซัม..บิกะ วะลิลมุอ์มินีนะ วัลมุอ์นินาต วัลลอฮุยะอฺละมุ มุตะก็อลละบะกุม วะมัษวากุม


คำแปล R1.

16. And among them are some who listen to you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) till, when they go out from you, they say to those who have received knowledge: "What has he said just now? Such are men whose hearts Allah has sealed, and they follow their lusts (evil desires).
17. While as for those who accept guidance, he increases their guidance, and bestows on them their piety.
18. Do they then await (anything) other than the Hour, that it should come upon them suddenly? But some of its portents (indications and signs) have already come, and when it (actually) is on them, how can they benefit then by their reminder?
19. So know (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) that La ilaha ill-Allah (none has the right to be worshipped but Allah), and ask Forgiveness for your sin, and also for (the sin of) believing men and believing women. And Allah knows well your moving about, and your place of rest (in your homes).


คำแปล R2.
16. และบางคนจากพวกเขา (ที่มาปรากฏตัวในสถานชุมนุมของเจ้า) ได้แก่ผู้ที่รับฟัง (คำสอนของ) เจ้า จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้ออกไปจากเจ้า พวกเขาก็กล่าวกับบรรดาผู้มีความรู้ว่า “อะไรที่เขา(มุฮัมมัด)ได้กล่าวเมื่อกี้นี้?” พวก(มุนาฟิก)เหล่านั้น เป็นพวกที่อัลเลาะฮฺทรงประทับ(ความมืดบอด)ลงบนหัวใจของพวกเขา และพวกเขาประพฤติตามอารมณ์ของพวกเขาเอง
17. และบรรดาผู้ได้รับการชี้นำ(สู่หนทางอันเที่ยงตรง)นั้น อัลเลาะฮฺได้ทรงเพิ่มพูนสิ่งชี้นำทางแก่พวกเขายิ่งขึ้น และทรงประทานแก่พวกเขาซึ่งความยำเกรงของพวกเขา
18. และพวกเขามิได้รอคอยนอกจากกาลปาวสานโลก ที่จะมาประสบแก่พวกเขาโดยฉับพลัน ที่จริงบรรดาเงื่อนไขต่าง ๆ ของมันนั้นได้ปรากฏขึ้นแล้ว แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรเมื่อ(กาลปาวสานโลกตาม)คำเตือนแก่พวกเขาได้ปรากฏแก่พวกเขา?
19. ดังนั้น เจ้าจงยึดมั่นเถิดว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮฺ และเจ้าจงขออภัยแก่โทษของเจ้า และแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งชายและหญิง และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเจ้า(ในโลกนี้) และที่อยู่ของพวกเจ้า(ในโลกหน้า)


คำแปล R3.
16. มีบางคนที่ฟังเจ้าพูดจนกระทั่งเมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาก็ถามบรรดาผู้มีความรู้ว่า “เมื่อกี้เขาพูดอะไร?” คนเหล่านี้คือผู้ที่อัลลอฮฺทรงปิดผนึกบนหัวใจของพวกเขาและผู้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา
17. ส่วนบรรดาผู้ยอมรับทางนำนั้นอัลลอฮฺจะทรงเพิ่มพูนแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขา และจะประทานความยำเกรงแก่พวกเขา
18. ดังนั้น ตอนนี้ พวกเขาก็แค่คอยยามอวสานที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างฉับพลันทันทีเท่านั้นมิใช่หรือ? ความจริงสัญญาณของมันก็มาแล้ว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว มันจะมีโอกาสอะไรที่พวกเขาจะยอมรับการตักเตือน
19. ดังนั้น (โอ้ นบี) จงรู้ไว้เถิดว่าไม่มีสิ่งใดที่ควรคู่แก่การเคารพสักการะนอกไปจากอัลลอฮฺ และจงขออภัยโทษสำหรับความผิดของเจ้าและสำหรับชายหญิงผู้ศรัทธาด้วย เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสูเจ้าและสถานที่พักของสูเจ้า


คำแปล R4.
16. ในหมู่พวกเขามีผู้เงี่ยหูฟังเจ้าจนกระทั่งเมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาก็จะพูดแก่ผู้มีความรู้ว่า เมื่อกี้นี้เขา (มุฮัมมัด) พูดอะไรกัน ชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ.ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขา และพวกเขาปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา
17. ส่วนผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง พระองค์ทรงเพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา และจะทรงประทานให้แก่พวกเขาซึ่งการยำเกรงของพวกเขา
18. ดังนั้น พวกเขามิได้คอยสิ่งใดนอกจากยามอวสานซึ่งมันจะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหัน แต่ว่าเครื่องหมายต่าง ๆ ของมันได้มีมาแล้ว ดังนั้น เมื่อการตักเตือนของพวกเขาได้มายังพวกเขาแล้วจะเกิดประโยชน์อันใดเล่าแก่พวกเขา?
19. ฉะนั้นพึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ. และจงขออภัยโทษต่อความผิดเพื่อตัวเจ้าและเพื่อบรรดาผู้ศรัทธาหญิง และอัลลอฮ.ทรงรู้ดียิ่งถึงพฤติการณ์ของพวกเจ้าและที่พำนักของพวกเจ้า

คำแปล R5.
๑๖. และพวกเขาบางคนที่มีความสับปลับเป็นผู้ที่รับฟังเจ้า ในคำสอนที่แสดงทางคุตบะฮ์วันศุกร์ จนเมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้าพวกเขาก็กล่าวกับบรรดาศรัทธาชนที่มีความรู้ เช่น อิบนุมัสอูด และอิบนุอับบาส เพื่อเยาะเย้ยและล้อเลียนว่า อะไรหนอที่เขา (มุฮำมัด) ได้กล่าวไว้เมื่อกี้นี้ อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นพวกที่อัลเลาะห์ทรงประทับความมืดบอดไว้บนหัวใจของพวกเขา และพวกเขาประพฤติตามอารมณ์ใคร่ของพวกเขาเอง ไม่ยอมรับในบทบัญญัติและสัจธรรมของอัลเลาะห์แต่ประการใด ๆ
๑๗. และบรรดาผู้ได้รับการชี้นำไปสู่ทางรอด คืออิสลาม พระองค์จะเพิ่มพูนแก่พวกเขาซึ่งการชี้นำยิ่งขึ้น และทรงประทานความยำเกรงแก่พวกเขาให้มีมากขึ้น
๑๘. แท้จริงพวกเขามิได้รอสิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากกาลสลายแห่งโลก ซึ่งจะอุบัติแก่พวกเขาโดยฉับพลัน ซึ่งความจริงบรรดาสัญญาณของมันนั้นได้มาแล้วเป็นจำนวนมาก เช่น การอุบัติของท่านนบีมุฮำมัด การผ่าเดือนและควันไฟ ท่านนบี ซ.ล. กล่าวว่า “กาลสลายของโลกนี้จะไม่อุบัติขึ้นจนกว่ามีสัญญาณครบ ๑๐ ประการเสียก่อน คือ ควันไฟ, สัตว์แห่งแผ่นดิน, แผ่นดินถล่มทางตะวันออก, แผ่นดินถล่มทางตะวันตก, แผ่นดินถล่มที่ริมทะเลอาหระบ, ดึจญาล, ตะวันขึ้นทิศตะวันตก (จากบัยฏอวี) ยะอ์ยูจ-มะอ์ยูจ, การลงมาโดยนบีมูซา (หมายเหตุผู้นำเสนอ ที่ถูกต้อง น่าจะเป็นนบีอีซา) และไฟจะออกมาจากเมืองอะดัน” แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรเล่า เมื่อคำเตือนแห่งพวกเขาจากอัลเลาะห์คือการแตกสลายของโลก ได้มาสู่พวกเขาแล้วซึ่งในขณะนั้น(หมายเหตุของผู้นำเสนอ ต้นฉบับเดิมเป็น - กระนั้น) พวกเขาจะสารภาพโทษไม่ได้อีกแล้ว หากจะสำนึกในความน่ากลัวของวันนั้น ต่องรับสารภาพโทษเสียแต่ในขณะนี้
๑๙. ดังนั้นเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากอัลเลาะห์และเจ้าจงขออภัยแก่บาปของเจ้า และแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งชายและหญิงและอัลเลาะห์ทรงรอบรู้สถานที่ประกอบกิจกรรมของพวกเจ้าในยามกลางวันและที่พักผ่อนหลับนอนของพวกเจ้าในยามกลางคืน พระองค์ทรงรอบรู้ในสภาวการณ์ทั้งหมดของพวกเจ้าทุกกาลเวลา ดังนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงพระองค์เถิด




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 20 - 23


คำอ่าน
20. วะยะกูลุลละซีนะอามะนู เลาลานุซซิลัตสูเราะฮฺ ฟะอิซา..อุน..ซิลัตสูเราะตุม..มุห์กะมะตู..วะซุกิเราะฟีฮัลกิตาลุ เราะอัยตัลละซีนะฟีกุลูบิฮิม..มะเราะฎุย..ยัน..ซุรูนะอิลัยกะ นะเซาะร็อลมัฆชียิอะลัยฮิ มินัลเมาตฺ ฟะเอาลาละฮุม
21. ฏออะตู..วะก็อวลุม..มะอฺรูฟ ฟะอิซาอะซะมัลอัมรุ ฟะเลาเศาะดะกุลลอฮะ ละกานะค็อยร็อลละฮุม
22. ฟะฮัลอะสัยตุม อิน..ตะวัลลัยตุม อัน..ตุฟสิดู ฟิลอัรฺฎิ วะตุก็อฏฏิอู..อัรฺหามะกุม
23. อุลา...อิกัลละซีนะ ละอะนะฮุมุลลอฮุ ฟะอะศ็อม..มะฮุม วะอะอฺมา อับศอเราะฮุม

 
คำแปล R1.
20. Those who believe say: "Why is not a Surah (chapter of the Quran) sent down (for us)? but when a decisive Surah (explaining and ordering things) is sent down, and fighting (Jihad - Holy fighting in Allah's Cause) is mentioned (i.e. ordained) therein, you will see those in whose hearts is a disease (of hypocrisy) looking at you with a look of one fainting to death. But it was better for them (hypocrites, to listen to Allah and to obey Him).
21. Obedience (to Allah) and good words (were better for them). And when the matter (preparation for Jihad) is resolved on, then if they had been true to Allah, it would have been better for them.
22. Would you then, if you were given the authority, do mischief in the land, and sever your ties of kinship?
23. Such are they whom Allah has cursed, so that he has made them deaf and blinded their sight.


คำแปล R2.
20. และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายกล่าวว่า “ไฉนจึงไม่มีคัมภีร์สักบทหนึ่งลงมายังเรา(เพื่อนำมาเป็นกฎหมายสำหรับเรา)?” ครั้นเมื่อมีบทหนึ่งจากคัมภีร์ที่ถูกกำหนดมาเป็นตัวบทกฎหมาย แล้วมีระบุให้ทำการรบ เจ้ากับเห็นบรรดาพวกที่มีความป่วยไข้ในหัวใจเมียงมองมายังเจ้า(ด้วยดวงตาอันเหลือกลาน) ประดุจการมองของผู้ที่เป็นลมเนื่องจากความกลัวตาย อันที่จริงภัยพิบัติได้เข้ามาใกล้พวกเขาเต็มทีแล้ว
21. (พวกเขากล่าวว่า) “การภักดีและคำพูดที่ดีงาม(เป็นหน้าที่โดยตรงของเรา) แต่แล้วเมื่องานการ(รบ)ได้บัญญัติขึ้นแล้วอย่างเด็ดขาด (พวกเขาก็กลับเฉยเมยและไม่พอใจ) ดังนั้นหากพวกเขามีความสัตย์จริงต่ออัลเลาะฮฺ ก็จะเป็นความดีที่สุดสำหรับพวกเขาเอง
22. แล้วพวกเจ้าหวังหรือว่า หากพวกเจ้าได้มีอำนาจขค้นแล้ว พวกเจ้ามามารถบ่อนทำลายในแผ่นดินได้(สำเร็จ) และพวกเจ้าสามารถตัดขาดสัมพันธภาพทางเครือญาติของพวกเจ้าได้?
23. พวกเหล่านั้นเป็นจำพวกที่อัลเลาะฮฺทรงสาปแช่งแล้วทรงทำให้พวกเขาหูหนวกและทำให้ดวงตาของพวกเขามืดบอด


คำแปล R3.
20.   และบรรดาผู้ศรัทธาได้กล่าวว่า “ทำไมจึงไม่มีสักซูเราะฮฺหนึ่งถูกประทานมา (เพื่อสั่งเรื่องการต่อสู้)?” แต่เมื่อได้มีซูเราะฮฺที่ชัดเจนถูกประทานมาและในนั้นได้มีการพูดถึงเรื่องการทำสงครามไว้ เจ้าก็เห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของเขาเป็นโรค มองไปยังเจ้าเหมือนกับผู้กำลังใกล้จะตาย หายนะทั้งนั้นคนพวกนี้
21.   (บนลิ้นของพวกเขาคือ) สัญญาว่าจะปฏิบัติตามและคำพูดที่ดี แต่ถ้าพวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความผูกพันกับอัลลอฮฺอย่างแท้จริง เมื่อคำบัญชาสุดท้ายได้ถูกประทานมา มันก็น่าจะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขา
22.   ตอนนี้จะหวังอะไรจากสูเจ้าได้นอกไปจากว่าถ้าหากสูเจ้าหันหลังให้ สูเจ้าก็จะแพร่ความเสียหายในแผ่นดินและตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของสูเจ้าอีก?
23.   เหล่านี้ก็คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงสาปแช่งและทำให้พวกเขาหูหนวกและตาบอด


คำแปล R4.
20. และบรรดาผู้ศรัทธากล่าวว่า ทำไม่สักซูเราะฮฺหนึ่งจึงไม่ถูกประทานลงมา? ครั้นเมื่อซูเราะฮฺหนึ่งที่รัดกุมชัดเจนถูกประทานลงมา และได้มีการทำสงครามถูกรวมไว้ในนั้น เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีโรคจะจ้องมองไปยังเจ้าเสมือนการมอง ของผู้เป็นลมใกล้จะตาย ดังนั้นความหายนะจงประสบแก่พวกเขาเถิด
21. การเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำพูดที่ดีไพเราะ(นั้นเป็นการที่ดียิ่ง) ดังนั้นเมื่อกิจการใดถูกกำหนดไว้แล้ว หากว่าพวกเขาจริงใจต่ออัลลอฮ.แล้ว ก็จะเป็นการดีแก่เขา
22. ดังนั้น หวังกันว่า หากพวกเจ้าผินหลังให้(กับการอีมานแล้ว)พวกเจ้าก็จะก่อความเสียหายในแผ่นดิน และตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้ากระนั้นหรือ?
23. ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้พวกเขาหูหนวก และทรงทำให้พวกเขาตาบอด


คำแปล R5.
๒๐. และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายที่มีความมุ่งมั่นจะออกสู้ศึกกล่าวว่า ไฉนเล่าบทกุรอานสักบทหนึ่งที่บ่งบอกให้ออกสู้ศึกจึงไม่ถูกลงมาให้ อัลเลาะห์จึงโองการว่า ครั้นเมื่อบทกุรอานที่ถูกบัญญัติเป็นกฎได้ถูกประทานลงมา และมีระบุเรื่องการสู้ศึกในบทนั้น เจ้าก็ได้เห็นบรรดาพวกสับปลับ ที่มีความเจ็บป่วยไข้สิงอยู่ในหัวใจของพวกเขา เมียงมองมายังเจ้า แบบเดียวกับคนสลบเนื่องจากความกลัวตาย และขลาดต่อสงครามอันเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยขอไว้ ดังนั้นที่เหมาะสมยิ่งสำหรับพวกเขา
๒๑. ก็คือเมื่อบทบัญญัติเรื่องการสู้ศึกได้กำหนดขึ้นเป็นการเหมาะสมให้พวกเขาภักดีต่อบทบัญญัติดังกล่าวและมีวาจาที่ดีงามต่อเจ้า มิใช่วาจาถากถาง เยาะเย้ยและล้อเลียน เช่นที่ได้ประพฤติไว้ ครั้นเมื่องานนั้นได้เด็ดขาดแล้วคือการสู้ศึกได้ถูกบัญญัติออกมาเป็นกฎหมายแล้ว ถ้าพวกเขามีความจริงใจต่ออัลเลาะห์โดยยอมรับศรัทธาและภักดีในบทบัญญัตินั้น แน่นอนที่สุดสิ่งนั้นก็จะเป็นความดีเยี่ยมสำหรับพวกเขา
๒๒. แล้ว หรือว่าบางทีพวกเจ้าอาจคาดหวังไว้ว่า หากพวกเจ้าหันหลังให้แก่บทบัญญัติของอัลเลาะห์โดยไม่ศรัทธา และไม่ยอมออกสู้ศึก แล้วพวกเจ้าจะบ่อนทำลายในแผ่นดิน และตัดสัมพันธ์ไมตรีของพวกเจ้าด้วยการกลับคืนสู่พฤติกรรมแบบยุคโง่เขลาในอดีต
๒๓. พวกเหล่านั้นเป็นพวกที่อัลเลาะห์ได้ทรงสาปแช่ง แล้วทรงทำให้พวกเขาหูหนวกและทำให้ตาของพวกเขาบอด ต่อการรับฟังและมองเห็นสัจธรรมอิสลามที่ประกาศโดยนบีมุฮำมัด ซ.ล.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 10, 2011, 09:00 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 24 - 28


คำอ่าน
24. อะฟะลายะตะดับบะรูนัลกุรฺอานะ อัมอะลากุลูบิน อักฟาลุฮา
25. อิน..นัลละซีนัรฺตัดดู อะลา..อัดบาริฮิม..มิม..บะอฺดิ มาตะบัยยะนะละฮุมุลฮุดัชชัยฏอนุ เสาวะละละฮุม วะอัมลาละฮุม
26. ซาลิกะบิอัน..นะฮุม กอลูลิลละซีนะกะริฮุ มานัซซะลัลลอฮุ สะนุฏีอุกุม ฟีบะอฺฎิลอัมริ วัลลอฮุ ยะอฺละมุอิสรอเราะฮุม
27. ฟะกัยฟะอิซาตะวัฟฟัตฮุมุลมะลา...อิกะตุ ยัฎริบูนะวุญูฮะฮุม วะอัดบาเราะฮุม
28. ซาลิกะบิอัน..นะฮุมุตตะบะอู มา..อัสเคาะฏ็อลลอฮะ วะกะริฮู ริฎวานะฮู ฟะอะหฺบะเฏาะอะอฺมาละฮุม


คำแปล R1.
24. Do they not then think deeply in the Qur'an, or are their hearts locked up (from understanding it)?
25. Verily, those who have turned back (have apostated) as disbelievers after the guidance has been manifested to them, Shaitan (Satan) has beautified for them (their false hopes), and (Allah) prolonged their term (age).
26. This is because they said to those who hate what Allah has sent down: "We will obey you in part of the matter," But Allah knows their secrets.
27. Then how (will it be) when the angels will take their souls at death, smiting their faces and their backs?
28. That is because they followed that which angered Allah, and hated that which pleased him. So he made their deeds fruitless.


คำแปล R2.
24. แล้วพวกเขาไม่ใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ? หรือว่าหัวใจ(ของพวกเขา)มีแต่ฝาผิด (จนมืดบอดไปแล้ว)?
25. แท้จริงผู้หวนกลับมาบนเบื้องหลังของพวกเขา (เพื่อคัดค้านอัลกุรอาน) ภายหลังที่สิ่งชี้นำทางได้ปรากฏชัดแก่พวกเขาแล้ว อันมารร้ายได้วางอุบายแก่พวกเขา และได้สร้างจินตนาการอันเพ้อฝันแก่พวกเขา
26. นั้นเป็นเพราะเหตุว่า พวกเขาได้กล่าวแก่บรรดาผู้ที่เกลียดชังอัลกุรอานที่อัลเลาะฮฺได้ทรงประทานลงมาว่า “พวกเราจะเชื่อฟังพวกท่านเพียงบางเรื่องเท่านั้น (คือเฉพาะที่เกี่ยวกับการคัดค้านนบีมุฮัมมัดกับพวก)” และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ความลับต่าง ๆ ของพวกเขา
27. และ(พวกเขาจะปัดป้องเภทภัยที่ประสบแก่เจ้าได้)อย่างไร เมื่อมลาอิกะฮฺได้มาพรากชีวิตของพวกเขาไป โดยตีใบหน้าและข้างหลังของพวกเขา?
28. นั้น! เป็นเพราะเหตุว่า แท้จริงพวกเขาได้ยึดถือตามสิ่งที่เป็นเหตุให้อัลเลาะฮฺทรงกริ้ว และพวกเขาเกลียดชังความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้น พระองค์จึงมลายผลงานต่าง ๆ ของพวกเขา (จนหมดสิ้น)


คำแปล R3.
24.   พวกเขามิได้ใคร่ครวญถึงกุรอานกระนั้นหรือ? หรือว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่?
25.   ความจริงก็คือบรรดาผู้ที่หันกลับหลังจากที่ทางนำเป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว สำหรับพวกเขานั้นชัยฏอนได้ทำให้ทางนี้เป็นที่ง่ายดาย และได้ทำให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของพวกเขายาวนานขึ้น
26.   นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงได้กล่าวแก่บรรดาผู้เกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานมาว่า “เราจะเชื่อฟังพวกท่านในบางเรื่อง” แต่อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงความลับของพวกเขาด้วยเช่นกัน
27.   ดังนั้น จะเป็นเช่นใดเมื่อมลาอิกะฮฺมาเอาวิญญาณของพวกเขาไป โดยตีที่ใบหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขา?
28.   นั่นเพราะว่าพวกเขาปฏิบัติตามแนวทางที่ทำให้อัลลอฮฺทรงกริ้ว และรังเกียจที่จะปฏิบัติตามแนวทางแห่งความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขาทั้งหมดไร้ผล


คำแปล R4.
24. พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ? แต่ว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่
25. แท้จริงบรรดาผู้ผินหลังกลับของพวกเขาหลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องเป็นที่ ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว ชัยฎอนมารร้ายได้ล่อลวง พวกเขาได้ให้ความหวังแก่พวกเขา (ว่าจะมีชีวิตยืนนาน)
26. ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาได้กล่าวแก่บรรดาผู้เกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงประทาน ลงมาว่าเราจะเชื่อฟังปฏิบัติตามในกิจการบางอย่าง แต่อัลลอฮ.ทรงทราบดีถึงความลับของ
พวกเขา
27. แล้ว(สภาพของพวกเขา) จะเป็นเช่นไร เมื่อมะลาอิกะฮ.มาเอาชีวิตของพวกเขาโดยตีใบหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขา
28. ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่จะก่อความกริ้วแด่อัลลอฮ. และพวกเขารังเกียจความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล


คำแปล R5.
๒๔. พวกเขาไม่พินิจพิเคราะห์อัลกุรอานดอกหรือ เพื่อนำสัจธรรมจากนั้นมาดำเนินชีวิต แล้วจะพบกับทางรอดและประสบความสุขโดยแท้จริง หรือว่าบนหัวใจของพวกเขามีสิ่งปิดกั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจอะไรเลย
๒๕. แท้จริงบรรดาผู้หวนกลับหลังสู่สภาพเนรคุณตามเดิมเช่นที่เคยประพฤติเมื่ออยู่ในยุคโง่เขลา ภายหลังจากสิ่งชี้นำทางอันถูกต้องได้ประจักษ์แจ้งแก่พวกเขาแล้ว แน่นอน มารร้ายเท่านั้นที่ยุยงพวกเขาให้เห็นดีกับการกลับไปสู่สภาพเนรคุณอย่างเดิม และมันสร้างความเพ้อฝันแก่พวกเขา ให้คิดผิด ๆ ว่า ยังมีอายุอีกยาวนาน รอให้แก่เสียก่อนก็ได้แล้วค่อยกลับเนื้อกลับตัว
๒๖. การที่พวกสับปลับเหล่านั้นได้คืนกลับไปสู่สภาพเนรคุณดังเดิมตามที่กล่าวมานั้นเป็นเพราะพวกเขาได้กล่าวกับบรรดาพวกมุชริกีนมักกะห์ผู้ที่รังเกียจอัลกุรอานที่อัลเลาะห์ทรงประทานลงมาว่าเราจะขอภักดีพวกท่านในบางกรณี ขอให้พวกท่านมาร่วมมือกันรุกรานมุฮำมัดกับพวก และพยายามยับยั้งผู้คนมิให้เข้าร่วมทำการรบกับพวกเขา และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ถึงความลับของพวกเขา การสมคบของพวกมุนาฟิกีนกับพวกมุชริกีนดังกล่าว กระทำกันอย่างลับ ๆ แต่อัลเลาะห์ก็แจ้งให้รู้ว่า พระองค์ทรงทราบดีที่พวกเขาคบคิดกันนั้นหาได้รอดพ้นไปจากพระองค์ไม่
๒๗. แล้วจะเป็นอย่างไรเล่าเมื่อมลาอิกะห์ได้ทำให้พวกเขาสิ้นชีวิตโดยพวกมลาอิกะห์นั้นตีหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขาด้วยตะพดเหล็กจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วสารพางกายจึงจะเอาวิญญาณออกจากร่างซึ่งบรรดาคนชั่วที่ทำบาปเป็นประจำก่อนตายจะประสบกับความทรมานเช่นนี้ทุกคนไป
๒๘. ที่เขาต้องตายอย่างทรมานเช่นนั้นเป็นเพราะพวกเขาเจริญรอยตามสิ่งที่ทำให้อัลเลาะห์ทรงกริ้ว คือความเนรคุณและการปิดบังลักษณะของนบีมุฮำมัด และเพราะพวกเขารังเกียจความพอพระทัยของพระองค์ ซึ่งพวกเขาจะได้รับทันทีหากมีศรัทธาและยอมภักดี ดังนั้นพระองค์จึงมลายผลงานต่าง ๆ ของพวกเขา มิให้ได้รับผลตอบแทนแต่ประการใด ๆ ในวันปรภพ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 12, 2011, 09:41 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 29 - 32


คำอ่าน
29. อัมหะสิบัลละซีนะฟีกุลูบิฮิม..มะเราะฎุน อัลลัย..ยุคริญัลลอฮุ อัฎฆอนะฮุม
30. วะเลานะชา...อุละอะรอยนากะฮุม ฟะละอะร็อฟตะฮุม..บิสีมาฮุม วะละตะอฺริฟัน..นะฮุม ฟีละหฺนิลก็อวลฺ วัลลอฮุยะอฺละมุอะอฺมาละกุม
31. วะละนับลุวัน..นะกุม หัตตานะอฺละมัลมุญาฮิดีนะมิน..กุม วัศศอบิรีนะ วะนับลุวะ อัคบาเราะกุม
32. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู วะศ็อดดูอัน..สะบีลิลลาฮิ วะชา...กกุรฺเราะสูละมิม..บะอฺดิ มาตะบัยยะนะละฮุมุลฮุดา ลัย..ยะดุรฺรุลลอฮะชัยอา วะสะยุหฺบิฏุ อะอฺมาละฮุม


คำแปล R1.
29. Or do those in whose hearts is a disease (of hypocrisy), think that Allah will not bring to light all their hidden ill-wills?
30. Had we willed, we could have shown them to you, and you should have known them by their marks, but surely, you will know them by the tone of their speech! And Allah knows all your deeds.
31. And surely, we shall try you till we test those who strive hard (for the Cause of Allah) and the patient ones, and we shall test your facts (i.e. the one who is a liar, and the one who is truthful).
32. Verily, those who disbelieve, and hinder (men) from the Path of Allah (i.e. Islam), and oppose the Messenger ( Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) (by standing against him and hurting him), after the guidance has been clearly shown to them, they will not hurt Allah In the least, but he will make their deeds fruitless,


คำแปล R2.
29. หรือว่าบรรดาจำพวก (มุนาฟิก) ที่มีความป่วยไข้ในหัวใจคิดว่า อัลเลาะฮฺจะไม่ให้ความพยาบาทของเขาปรากฏออกมา?
30. และถ้าเราประสงค์เราย่อมทรงอำนาจที่จะให้เจ้าได้เห็นพวกเขา แล้วแน่นอนเจ้าก็รู้จักพวกเขา เพราะเครื่องหมายต่าง ๆ ของพวกเขา และเจ้าจะรู้จักพวกเขาในใจความแห่งคำพูด(อันก้าวร้าว) และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้บรรดาการงานของพวกเจ้า
31. ขอยืนยัน! แท้จริงเราจะทดสอบพวกเจ้า(เรื่อยไป) เพื่อเราจะได้ให้ข้อพิสูจน์(แก่ชาวโลกทั้งหลาย) ถึงบรรดาผู้ต่อสู้จริงจังและบรรดาผู้มีความอดทนในหมู่พวกเจ้าและจนกว่าเราจักเปิดเผยบรรดาข่าวคราวที่เกี่ยวกับพวกเจ้า
32. แท้จริงบรรดาจำพวกไร้ศรัทธา และคอยขัดขวาง(ผู้คนทั้งหลายให้หันเหออก)จากแนวทางของอัลเลาะฮฺและต่อต้านศาสนทูต ภายหลังจากสิ่งชี้นำทางได้ประจักษ์ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว แน่นอนพวกเขาจะไม่สามารถทำอันตรายแก่อัลเลาะฮฺได้สักกรณีเดียวก็ตาม และพระองค์จะทรงมลายผลงานทั้งหลายของพวกเขา


คำแปล R3.
29. บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาเป็นโรคติดต่อคิดหรือว่าอัลลอฮฺจะไม่นำเอาสิ่งสกปรกแห่งหัวใจของพวกเขามาเปิดเผย
30. ถ้าหากเราประสงค์ เราก็สามารถเปิดเผยพวกเขาออกมาให้เจ้าได้เห็นและเจ้าก็จะได้รู้จักพวกเขาจากใบหน้าของพวกเขา และแน่นอน เจ้าจะรู้จักพวกเขาจากลักษณะคำพูดของพวกเขา อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงการงานทุกอย่างของสูเจ้า
31. แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้าเพื่อที่จะประเมินสภาพของสูเจ้าและเพื่อดูว่าในหมู่สูเจ้านั้นใครที่กำลังต่อสู้อย่างเต็มที่และอดทนอย่างสุดกำลัง
32. บรรดาผู้ปฏิเสธและขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของอัลลอฮฺและถกเถียงกับรอซูลผู้นี้หลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้วนั้น ไม่อาจที่จะทำอันตรายใด ๆ ต่ออัลลอฮฺได้เลย แต่แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺจะทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล


คำแปล R4.
29. บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรคคิดหรือว่าอัลลอฮ.จะไม่ทรงนำเอาความอิจฉาริษยาของพวกเขาออกมาให้เป็นที่ประจักษ์
30. และหากเราประสงค์แน่นอนเราจะเปิดเผยพวกเขาแก่เจ้า แล้วเจ้าก็จะรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอนที่เครื่องหมายของพวกเขา และแน่นอนเจ้าจะรู้จักพวกเขาได้ในน้ำเสียงแห่งการพูด และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงการงานของพวกเจ้า
31. และแน่นอนเราจะทดสอบพวกเจ้าจนกระทั่งเราจะได้รู้ถึงบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรน และบรรดาผู้หนักแน่นอดทนในหมู่พวกเจ้า และเราจะทดสอบการงานของพวกเจ้า
32. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮ. และต่อต้านร่อซูลนี้หลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขา แล้ว พวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แก่อัลลอฮ.ได้เลย พระองค์จะทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล


คำแปล R5.
๒๙. หรือว่าบรรดาพวกมุนาฟิกีนที่ในหัวใจของพวกเขามีแต่ความป่วยไข้คิดว่าอัลเลาะห์คงจะไม่นำความอาฆาตแค้นของพวกเขาที่มีต่อนบีมุฮำมัดออกมาแสดงให้ประจักษ์แจ้ง แล้วนำตัวพวกเขาไปทำโทษหรอก
๓๐. และหากเราประสงค์แน่นอนเราจักให้เจ้าได้มองเห็นพวกเขาเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ถึงความเคียดแค้นของพวกเขาที่มีต่อเจ้า แล้วเราก็จักแนะเจ้าให้รู้จักพวกเขา ขอยืนยันเจ้าจะรู้จักพวกเขาเพราะคำพูดเสียดสี ของพวกเขาที่แสดงความดูถูกต่อฝ่ายมุสลิม และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้บรรดาความประพฤติของพวกเจ้า
๓๑. ขอสาบาน แท้จริงเราจักทดสอบพวกเจ้าจนเราประจักษ์ชัดถึงพวกที่ต่อสู้และที่อดทนจากพวกเจ้า ซึ่งคนอย่างนี้เป็นมุสลิมที่แท้จริง ส่วนพวกสับปลับจะหนีทัพไม่ยอมออกมาสู้ศึกด้วย และเราจะแจ้งข่าวของพวกเจ้าให้ประจักษ์ชัดว่า พวกเจ้ามีศรัทธา มีการภักดี และออกทำศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับนบี
๓๒. แท้จริงบรรดาผู้เนรคุณและกีดขวางจากแนวทางของอัลเลาะห์ คอยชักชวนให้ผู้คนออกนอกศาสนาอิสลามและฝืนบทบัญญัติของอิสลาม และพวกเขาได้ทำความหนักใจแก่ศาสนทูตด้วยการฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน ภายหลังจากสิ่งชี้นำได้ประจักษ์แจ้งแก่พวกเขาแล้ว แน่นอนพวกเขาไม่ยังอันตรายแก่อัลเลาะห์สักสิ่งเดียว หากทว่าพวกเขาเองนั่นแหละที่ต้องรับอันตรายจากการกระทำเช่นนั้น นั่นคือต้องเข้าอยู่ในนรกชั่วกาลนาน และพระองค์จะทรงมลายผลงานต่าง ๆ ของพวกเขาที่เคยทำดีไว้ในขณะมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะไม่ได้รับการตอบแทนจากพระองค์แต่ประการใด ๆ ทั้งสิ้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 12, 2011, 09:32 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 33 - 35


คำอ่าน
33. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อะฏีอุลลอฮะ วะอะฏีอุรฺเราะสูละ วะลาตุบฏิลู..อะอฺมาละกุม
34. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู วะศ็อดดูอัน..สะบีลิลลาฮิ ษุม..มะมาตู วะฮุมกุฟฟารุน..ฟะลัย..ยัฆฟิร็อลลอฮุละฮุม
35. ฟะลาตะฮินู วะตัดอู..อิลัสสัลมิ วะอัน..ตุมุลอะอฺเลานะ วัลลอฮุมะอะกุม วะลัย..ยะติเราะกุม อะอฺมาละกุม


คำแปล R1.
33. O you who believe! Obey Allah, and obey the Messenger (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) and render not vain your deeds.
34. Verily, those who disbelieve, and hinder (men) from the Path of Allah (i.e. Islam); Then die while they are disbelievers, Allah will not forgive them.
35. So be not weak and ask not for peace (from the enemies of Islam), while you are having the upper hand. Allah is with you, and will never decrease the reward of your good deeds.


คำแปล R2.
33. โฮ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าจงภักดีต่ออัลเลาะฮฺและจงภักดีต่อศษสนทูตเถิด และพวกเจ้าจงอย่าได้ทำลายการงานต่าง ๆ ของพวกเจ้า (ที่ได้กระทำไว้)
34. แท้จริงบรรดาจำพวกที่ไร้ศรัทธาและคอยขัดขวาง (ผู้คนทั้งหลายให้หันเหออกจาก)แนวทางของอัลเลาะฮฺ แล้วภายหลังจากนั้นพวกเขาก็ตายลงโดยพวกเขายังคงสภาพไร้ศรัทธา แน่นอน อัลเลาะฮฺจะไม่ทรงนิรโทษให้แก่พวกเขาเลย
35. ดังนั้น (โอ้มวลศรัทธาชนทั้งหลาย) พวกเจ้าจงอย่าระย่อ (ในการรบ) และอย่าเรียกร้องไปสู่การเจรจาสันติภาพ (กับฝ่ายข้าศึกในช่วงนั้น เมื่อพิสูจน์แล้วว่า ฝ่ายข้าศึกเป็นฝ่ายที่หลงทาง) และในขณะเดียวกัน พวกเจ้านั้นเป็นฝ่ายที่มีศักดิ์ศรีสูงกว่า และอัลเลาะฮฺทรงอยู่พร้อมกับพวกเจ้า และพระองค์จะไม่ลดพร่องผลงานต่าง ๆ ของพวกเจ้าอย่างแน่นอน


คำแปล R3.
33.   โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเชื่อฟังอัลลอฮฺและจงเชื่อฟังรอซูลผู้นี้ และจงอย่าปล่อยให้การงานของสูเจ้าไร้ผล
34.   สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธและขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของอัลลอฮฺและตายลงในสภาพที่ยังเป็นผูปฏิเสธอยู่นั้น อัลลอฮฺจะไม่มีวันอภัยโทษให้แก่พวกเขา
35.   ดังนั้นสูเจ้าจงอย่าท้อแท้และจงอย่าร้องขอให้ไปสู่สันติ เพราะสูเจ้าจะเหนือกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน อัลลอฮฺทรงอยู่กับสูเจ้าและจะไม่ปล่อยให้การงานของสูเจ้าสูญเปล่า


คำแปล R4.
33. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ.และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซูลคนนี้เถิดและอย่า ทำให้การงานของพวกเจ้าไร้ประโยชน์
34. แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปิดกั้นให้ห่างจากทางของอัลลอฮฺ แล้วพวกเขาตายลงทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่ อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้พวกเขาเลย
35. ดังนั้น พวกเจ้าอย่าท้อแท้และเรียกร้องไปสู่การสงบศึก เพราะพวกเจ้าเป็นผู้อยู่เหนือสุด และอัลลอฮ.ทรงอยู่ร่วมกับพระเจ้าและพระองค์จะไม่ทรงลิดรอนผลตอบแทนแห่งการ งานของพวกเจ้า


คำแปล R5.

๓๓. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงภักดีต่ออัลเลาะห์ และภักดีต่อศาสนทูตเถิด และพวกเจ้าอย่าทำลายผลงานต่าง ๆ ของพวกเจ้าด้วยการเนรคุณและตั้งภาคี ซึ่งสิ่งนี้จะทำลายล้างความดีที่เคยมีอยู่จนหมดสิ้น
๓๔. แท้จริงบรรดาผู้เนรคุณและกีดขวางจากแนวทางของอัลเลาะห์ แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ตายไปโดยพวกเขาคงสภาพเนรคุณไม่ทันได้กลับตัวมาเข้าสู่อิสลาม แน่นอนอัลเลาะห์ไม่ให้อภัยแก่พวกเขา
๓๕. ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายอย่าหมิ่นแคลนการสงครามและอย่าเรียกร้องไปสู่การประนีประนอมกับพวกเนรคุณ ขณะที่การรบกับพวกเขากำลังดำเนินอยู่ และพวกเจ้ามีภาษีเหนือกว่าพวกนั้น ดังนั้นจำต้องบุกตะลุยจนได้รับชัยชนะในที่สุด และอัลเลาะห์ทรงอยู่พร้อมกับพวกเจ้าคอยให้การช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาและพระองค์จะไม่ลดผลกุศลแห่งบรรดาความประพฤติของพวกเจ้าให้น้อยลงมาเลย นอกจากจะมีแต่เพิ่มพูนให้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


สูเราะฮฺ มุหัมมัด อายะฮฺที่ 36 - 38

คำอ่าน
36. อิน..นะมัลหะยาตุดดุนยาละอิบู..วะละฮวฺ วะอิน..ตุอ์มินู วะตัตตะกู ยุอ์ติกุม อุญูเราะกุม วะลายัสอัลกุมอัมวาละกุม
37. อี..ยัสอัลกุมูฮา ฟะยุหฺฟิกุม ตับเคาะลู วะยุคริจญอัฎฆอนะกุม
38. ฮา..อัน..ตุมฮา..อุลา...อิ ตุดเอานะ ลิตุน..ฟิกู ฟีสะบีลิลลาฮฺ ฟะมิน..กุม..มัย..ยับค็อล วัมัย..ยับค็อล ฟะอิน..นะมา ยับเคาะลุอัน..นัฟสิฮฺ วัลลอฮุลเฆาะนียุ วะอัน..ตุมุลฟุเกาะรออุ์ วะอิน..ตะตะวัลเลา ยัสตับดิล ก็อวมัน ฆ็อยเราะกุม ษุม..มะลายะกูนู..อัมษาละกุม

 
คำแปล R1.
36. The life of this world is but play and pastime, but if you believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism), and fear Allah, and avoid evil, He will grant you your wages, and will not ask you your wealth.
37. If He were to ask you of it, and press you, you would covetously withhold, and He will bring out all your (secret) ill-wills.
38. Behold! You are those who are called to spend in the cause of Allah, yet among you are some who are niggardly. And whoever is niggardly, it is only at the expense of his own-self. But Allah is rich (Free of all wants), and you (mankind) are poor. And if you turn away (from Islam and the obedience of Allah), He will exchange you for some other people, and they will not be your likes.


คำแปล R2.
36. อันที่จริง ชีวิตทางโลกนี้เป็นเพียงความสนุกและความเพลิดเพลิน(ชั่วคราว) เท่านั้น และหากพวกเจ้ามีศรัทธาและยำเกรงพระองค์ แน่นอนพระองค์จักทรงประทานรางวัลแก่พวกเจ้า และพระองค์ไม่เคยขอทรัพย์สินต่าง ๆ ของพวกเจ้า(ไปในทางไร้สาระเลย นอกจากทรงบัญญัติให้ใช้จ่ายอย่างมีระเบียบแบบแผนและมีเป้าหมายอันดีงาม)
37. หากว่าพระองค์?รงขอทรัพย์สินจากพวกเจ้าแล้ว พระองค์ทรงมุ่งขอทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเจ้า แน่นอนพวกเจ้าก็ย่อมจะตระหนี่ (ไม่บริจาคตามที่พระองค์ทรงขอ) และความตระหนี่นั้นจะทำให้ความพยาบาท(ในศาสนาอิสลาม)ของพวกเจ้าแสดงออกมาทันที
38. พึงตระหนักเถิด! พวกเจ้าเหล่านี้ถูกเรียกร้องให้ทำการเสียสละ(ทรัพย์สิน)ไปในทางของอัลเลาะฮฺ ซึ่งบางคนจากพวกเจ้าเป็นผู้ที่มีแต่ความตระหนี่ (ไม่ยอมบริจาค) และผู้ใดก็ตามที่ตระหนี่ แน่นอนที่สุดเขาตระหนี่จากตัวของเขาเอง ส่วนอัลเลาะฮฺนั้น พระองค์ทรงมั่งคั่งยิ่งนัก และพวกเจ้าเป็นพวกยากไร้ และหากพวกเจ้าหันหลังให้ (จากหลักอิสลาม) แน่นอนพระองค์จะทรงทดแทน กลุ่มชนอื่น ๆ นอกจากพวกเจ้า (แทนที่พวกเจ้าซึ่งจะถูกทำลายล้างให้สูญสิ้นไป) หลังจากนั้นพวกเขาก็จะไม่เป็นเสมือนพวกเจ้าอีกต่อไป


คำแปล R3.
36. ชีวิตแห่งโลกนี้เป็นแต่เพียงการละเล่นและการสนุกสนานเท่านั้น ถ้าหากสูเจ้าศรัทธาและยำเกรง อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนรางวัลของสูเจ้าแก่สูเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงขอทรัพย์สินของสูเจ้า
37. ถ้าหากพระองค์จะทรงขอทรัพย์สินของสูเจ้าและเรียกร้องมันทั้งหมด สูเจ้าก็จะขี้เหนียว และพระองค์จะทรงนำเอาสิ่งไม่ดีงามของสูเจ้าออกมา
38. พึงรู้ไว้เถิดว่า สูเจ้ากำลังถูกเรียกร้องไปสู่การใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺ แต่กระนั้นสูเจ้าบางคนก็ยังตระหนี่ ดังนั้น ใครก็ตามที่ตระหนี่เขาก็ตระหนี่ต่อตัวของเขาเอง อัลลอฮฺทรงมั่งมีเหลือเฟือ สูเจ้าต่างหากที่ขัดสน ถ้าหากสูเจ้าหันหลังให้ อัลลอฮฺก็จะทรงเอาหมู่ชนอื่นมาแทนสูเจ้า และพวกเขาจะไม่เป็นเช่นสูเจ้า


คำแปล R4.
36. การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นแต่เพียงการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงเท่านั้น และหากพวกเจ้าศรัทธาและยำเกรงพระองค์จะทรงประทานรางวัลของพวกเจ้าแก่พวกเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงขอทรัพย์สินของพวกเจ้า
37. หากพระองค์จะทรงขอทรัพย์สินต่อพวกเจ้าและทรงรบเร้าพวกเจ้า (ให้บริจาค) พวกเจ้าก็จะตระหนี่ และพระองค์จะทรงนำเอาความอึดอัดใจของพวกเจ้าออกมาให้ประจักษ์
38. พึงรู้เถิดว่าพวกเจ้านี้แหละคือหมู่ชนที่ถูกเรียกร้องให้บริจาคในทางของอัล ลอฮ. แต่มีบางคนในหมู่พวกเจ้าเป็นผู้ตระหนี่ ดังนั้น ผู้ใดตระหนี่เขาก็ตระหนี่แก่ตัวของเขาเอง เพราะอัลลอฮ.เป็นผู้ทรงมั่งมี แต่พวกเจ้าเป็นผู้ขัดสนและถ้าพวกเจ้าเผินหลังออก พระองค์ก็จะทรงเปลี่ยนหมู่ชนอื่นแทนพวกเจ้า แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เป็นเช่นพวกเจ้า


คำแปล R5.
๓๖. อันที่จริงชีวิตทางโลกนี้เป็นเพียงของเล่นและเพลิดเพลินเพียงชั่วคราวเท่านั้น หาได้จีรังยั่งยืนแต่ประการใด ๆ ไม่และหากพวกเจ้าศรัทธาและยำเกรงต่ออัลเลาะห์ แน่นอนพระองค์จักทรงประทานผลกุศลแก่พวกเจ้าอย่างมหาศาลในโลกหน้าและพระองค์มิได้ขอทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าเลยนอกจากสั่งให้บริจาคส่วนซะกาตเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น
๓๗. หากพระองค์ขอสิ่งนั้นจากพวกเจ้า จนไม่เหลือสิ่งใดไว้แก่พวกเจ้าเลย แน่นอนพวกเจ้าก็ต้องตระหนี่ไม่ยอมให้ และความตระหนี่นั้นก็จะนำออกมาซึ่งความเคียดแค้นของพวกเจ้าที่มีต่อศาสนาอิสลาม
๓๘. พีงสังวร พวกเจ้าเหล่านี้ถูกเรียกร้องเพื่อพวกเจ้าจะได้เสียสละทรัพย์สินไปในทางของอัลเลาะห์ เช่น บริจาคซะกาต อุทิศทรัพย์สร้างมัสยิด โรงเรียน ช่วยเหลือผู้ยากไร้เป็นต้น ซึ่งพวกเจ้าบางคนก็เป็นผู้ตระหนี่ ไม่ยอมเสียสละตามที่ถูกเรียกร้องนั้น และผู้ใดตระหนี่ เขาก็ตระหนี่ต่อการสร้างคุณประโยชน์แก่ตัวเขาเอง ซึ่งในวันปรภพเขาจะไม่ได้รับภาคผลใด ๆ ทั้งสิ้น และอัลเลาะห์ทรงรวย ส่วนพวกเจ้านั้นยากจน จำต้องพึ่งพาต่อพระององค์เสมอ และหากพวกเจ้าหันเหออกจากอิสลามแน่นอน พระองค์ก็จะทรงเปลี่ยนเอากลุ่มชนอื่นจากพวกเจ้าให้มาแทนที่พวกเจ้าและทำโทษ ทำลายล้างพวกเจ้าให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะไม่เป็นเช่นพวกเจ้า นอกจากทุกคนจะมีศรัทธาและภักดีต่ออัลเลาะห์โดยแท้จริง



(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ
จบสูเราะฮฺที่ 47 มุหัมมัด



 

GoogleTagged