ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ กล่าวว่า
أخرج من أوصاف بشريتك عن كل وصف يناقض عبوديتك ، لتكون لنداء الحق مجيباَ ، ومن حضرته قريباَ
?ท่านจงนำออกกับคุณลักษณะความเป็นมนุษย์ของท่าน จากทุก ๆ คุณลักษณะที่ค้านกับความเป็นทาสบ่าวของท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นผู้ที่ตอบรับให้กับการเรียกของอัลเลาะฮ์ และเป็นผู้ใกล้ชิดจากความปกเกล้าจากพระองค์?
ท่านอิมาม อัซซัรรูก อธิบายว่า ?คุณลักษณะความเป็นมนุษย์นั้น มีอยู่ 2 ประเภท
หนึ่ง บรรดาคุณลักษณะที่สอดคล้องกับความเป็นทาสบ่าว เช่น การฏออัต การหลีกเลี่ยงจากความชั่วและการตื่นตัว (จิตใจระลึกอัลเลาะฮ์)เสมอ
สอง บรรดาคุณลักษณะที่คัดค้านกับความเป็นทาสบ่าว เช่น การฝ่าฝืน มีอารมณ์ใฝ่ต่ำ และลืม (รำลึกถึงอัลเลาะฮ์)
ดังนั้นการออกจากคุณลักษณะที่คัดค้าน(ความเป็นบ่าว)นั้น ด้วยการปฏิบัติคุณลักษณะที่สอดคล้อง(กับความเป็นบ่าว) ซึ่งท่านถูกบัญชาใช้ด้วยกับสิ่งดังกล่าว เนื่องจากมีสาเหตุหนึ่งที่ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้กล่าวไว้ความว่า ?เพื่อท่านจะได้เป็นผู้ตอบรับให้กับการเรียกของพระองค์และเป็นผู้ใกล้ชิดจากความปกเกล้าจากพระองค์?
สำหรับการเรียกของอัลเลาะฮ์ ก็คือ คำดำรัสของพระองค์ที่ผ่านทางท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งด้วยคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า ( يا بنى أدم ?โอ้ลูกหลานอาดัมทั้งหลาย?... يا أيها الناس ?โอ้บรรดามนุษย์ทั้งหลาย?... يا أيها الذين أوتوا الكتاب ?โอ้บรรดาชาวคัมภีร์ทั้งหลาย"
บางท่านอาจจะถามว่า "บรรดาคุณลักษณะเหล่านี้ จะถูกนับว่าเป็นคุณลักษณะอุปนิสัยตามธรรมที่อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงสรรสร้างให้ หรือเป็นคุณลักษณะที่นนุษย์ได้กระทำขึ้นเองจนเป็นอุปนิสัยของเขา?"
ตอบ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมา โดยอยู่ในสภาพที่น้อมรับและเตรียมพร้อมให้กับบรรดาคุณลักษณะเหล่านั้น ซึ่งดังกล่าว อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
إِنَّا خَلَقْنَا الْإِنسَانَ مِن نُّطْفَةٍ أَمْشَاجٍ نَّبْتَلِيهِ فَجَعَلْنَاهُ سَمِيعاً بَصِيراً
"แท้จริง เราได้บันดาลมนุษย์ มาจากหยดอสุจิที่ผสม(ระหว่างอสุจิของฝ่ายชายและรังไข่ของฝ่ายหญิง) โดยเราจะทดสอบเขา และเราได้บันดาลให้เขาให้เป็นผู้ได้ยินอีกทั้งมองเห็น" อัลอินซาน 2
หมายถึง ในตัวของอสุจิที่ปฏิสนธิกับรังไข่ของฝ่ายหญิงที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น จะมีเซลล์(หน่วยของมีชีวิตที่มีขนาดเล็ก) ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในแต่ละเซลล์จะมีนิวเคลียสซึ่งจะอยู่ส่วนกลางของเซลล์ ซึ่งในนิวเคลียสนี้ จะมี ดีเอ็นเอ DNA (หน่อยพันธุกรรม) และใน ดีเอ็นเอ ก็จะมีโครโมโซม CHROMOSOME (สารพันธุกรรม) และบนโครโมโซมก็จะมีสารพันธุกรรมหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "ยีน" GENE ซึ่งยืนตัวนี้จะมีคุณลักษณะทางพันธุกรรมที่เข้ามามีบทบาทต่อคุณลักษณะธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยหรือรูปร่างสันฐาน แล้วมนุษย์ก็เกิดขึ้นมาจากสิ่งดังกล่าว และพระองค์ก็ทรงให้มนุษย์แบกรับคุณลักษณะเหล่านั้น โดยประทานให้เขามีสติปัญญา ได้ยินและมีการมองเห็นเพื่อเป็นสื่อในการเรียนรู้ แล้วพระองค์ก็ทรงผลักให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในสนามแห่งการทดสอบ
พระองค์ทรงตรัสอีกว่า
وَنَفْسٍ وَمَا سَوَّاهَا فَأَلْهَمَهَا فُجُورَهَا وَتَقْوَاهَا
"และขอยืนยันกับชีวิต(มนุษย์) และผู้ที่ทรงสรรสร้างมัน แล้วทรงบันดาลให้มันมี(การรู้จัก)ความดื้นรั้นและความยำเกรงของมัน(ระคนกันไป)" อัชชัมชิ 7- 8
และพระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
وَأُحْضِرَتِ الأَنفُسُ الشُّحَّ
"และบรรดาชีวิต(มนุษย์)ถูกทำให้มีอุปนิสัยตระหนี่" อันนิซาอฺ 128
ความหมายเราก็คือ มนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาในลักษณะที่มีความเตรียมพร้อมที่จะตอบรับคุณลักษณะที่ดีและไม่ดี ดังนั้น การอบรมบ่มนิสัยและสภาวะสังคมรอบข้างย่อมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดสิ่งดังกล่าว
และบางท่านอาจจะถามเช่นกันว่า "เหตุใดที่พระองค์ทรงสร้างให้มนุษย์อยู่บนคุณลักษณะที่ไม่ดี หลังจากนั้น พระองค์ทรงสั่งใช้ให้หลุดพ้นจากมัน?"
การตอบคำถามนี้ จะไม่สมบูรณ์ นอกจาก ด้วย 2 ประการ
ประการแรก แก่นแท้ของบรรดาคุณลักษณะเหล่านี้ - โดยไม่พิจารณาถึงการนำปฏิบัติอย่างเลยเถิดและนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องแล้ว - มันยังเป็นผลดีในแง่บวก อีกทั้งมีคุณประโยชน์ในการดำรงค์ชีวิต ทั้งในด้านของปัจเจกชนและกลุ่มชนโดยรวม ดังนั้น หากความเห็นแก่ตัวไม่มีความรู้สึกอยู่ในศักยภาพของความเป็นมนุษย์แล้ว แน่นอนเขาก็จะไม่ให้ความสำคัญและไม่ดูแลเอาใจใส่ต่อตนเองและไม่สนใจครอบครองทรัพย์สินและปกป้องสิทธิ์ที่เขาพึงได้รับ หากเขาไม่มีความตระหนี่อยู่เลย เขาก็จะใช้จ่ายทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้ทุ่มเทเหน็ดเหนื่อยกว่าจะได้มันมา หากเขาไม่มีความรักในทรัพย์สินเลย เขาก็จะไม่ขนขวายแสวงหามัน แผ่นดินจะไม่ได้รับการทำนุบำรุงด้วยการเพาะปลูก การดำรงชีวิตก็จะไร้เสถียรภาพ และหากไม่มีความโกรธเลย กล่าวคือ ผู้ถูกอธรรมไม่นำความโกรธไปใช้ในการปกป้องสิทธิของตนเอง แน่นอน ความอธรรมย่อมแผ่ขยาย บรรดาสิทธิต่าง ๆ จะถูกริดรอน และทั้งที่ทราบกันดีว่า ความโอหัง ลำพอง ความอิจฉาริษยา ซึ่งทั้งหมดนั้น เป็นกิ่งก้านสาขาและผลสืบเนื่องมาจาก อุปนิสัยหลัก นั่นก็คือ ความเห็นแก่ตัว
และแน่นอนว่า ในตัวของคุณลักษณะเหล่านี้ ก็มีคุณประโยชน์และมีบทบาทในแง่บวกต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์และการอยู่ร่วมในสังคมของพวกเขา และสำหรับอัลเลาะฮ์ ตะอาลา นั้น พระองค์ย่อมมีเคล็ดลับอันงดงามแล้วในการให้มนุษย์มีความเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับมันอย่างแน่นอน แต่ทว่าการไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยและขาดปัจจัยต่าง ๆ ที่มากำชับและขัดเกลา ทำให้จิตใจอันขุ่นมัวเข้ามาครอบงำแล้ว ก็ย่อมทำให้เกิดการละเมิดขอบเขตที่ดีงาม ยาบำบัดที่มีคุณประโยชน์จะกลับกลายเป็นยาพิษที่อันตราย
ประการที่สอง คำถามดังกล่าวนี้ สมควรที่จะออกมาจากบุคคลที่ไม่ทราบว่า อัลเลาะฮ์ ตะอาลา จะทรงให้ปวงบ่าวของพระองค์ทรงพื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในวันโลกหน้า เพื่อจะได้รับผลการตอบแทน ซึ่งหากทำดีย่อมได้รับผลการตอบแทนดีและหากทำชั่วย่อมได้รับผลการตอบแทนที่ชั่วร้าย แต่ผู้ที่ตระหนักดีว่า การที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างให้มนุษย์อยู่บนธรรมชาติของบรรดาคุณลักษณะมันน่าตำหนิเหล่านี้และในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงใช้ให้หลุดพ้นออกไปจากมันนั้น ก็เพราะว่า พระองค์ทรงตระเตรียมผลการตอบแทนอย่างสมบูรณ์แก่เขาในวันกิยามะฮ์ ตอบแทนความสุขแก่ผู้ประพฤติความดีงามและลงโทษผู้ประพฤติความชั่ว ดังนั้นหากมนุษย์ไม่ถูกบัญชาใช้ให้มีการทุ่มเทความพยายามในการหลีกห่างจากคุณลักษณะอันน่าตำหนิเหล่านี้ แล้วสิ่งอันใดเล่าที่จะนำมาเป็นสัญญาในการให้ผลบุญและการตอบแทน?
เมื่อท่านทราบดีว่า โลกดุนยาแห่งนี้คือโลกแห่งการเพียรพยายามและอุตสาหะ มันเป็นสนามแห่งการทดสอบที่มนุษย์ถูกผลักให้ไปอยู่และท่านได้ทำกากรพิจารณา คำตรัสของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ความว่า
يَا أَيُّهَا الْإِنسَانُ إِنَّكَ كَادِحٌ إِلَى رَبِّكَ كَدْحاً فَمُلَاقِيهِ
"โอ้มวลมนุษย์ แท้จริงเจ้าเป็นผู้บากบั่นสู่องค์อภิบาลของเจ้าอย่างจริงจัง แล้วเจ้าก็ต้องได้พบพระองค์อย่างแน่นอน" อัลอินชิกอก 6
แน่นอน ท่านจะทราบได้ว่า เหตุใดพระองค์ทรงวางบทบัญญัติใช้ให้มีความเพียรพยายามในการหลุดพ้นจากบรรดาคุณลักษณะที่น่าตำหนิและท่านจะรู้ว่าการดำเนินชีวิตของมนุษย์บนผืนแผ่นดินนี้หากไม่มีบทบัญญัติใช้ที่ไม่มีผลการตอบแทนจากสิ่งดังกล่าว ย่อมเป็นความไร้สาระที่ไม่มีประโยชน์อันใด
นอกเหนือจากนี้ การถูกบัญญัติใช้ให้หลีกห่างจากบรรดาคุณลักษณะเหล่านี้นั้น มิใช่หมายความว่า ต้องถอนรากถอนโคนมันออกไป เพราะสิ่งนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ และตราบใดที่ความเป็นมนุษย์ยังคงหมายถึงผู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยอยู่บนบรรดาคุณลักษณะเหล่านี้ตามที่เราได้บอกให้ทราบแล้วในคำตอบประการแรก คือ แก่นแท้ของอุปนิสัยหรือคุณลักษณะเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นคุณลักษณะที่เลว แต่มันต้องการไปยังวิธีการขัดเกลาและอบรมบ่มนิสัย เพื่อไม่ให้ล่วงละเมิดขอบเขตที่กำหนดไว้ และเพื่อไม่ให้การดำเนินชีวิตที่เป็นยาบำบัดกลับกลายเป็นยาพิษอันตราย ดังนั้น การอบรมบ่มนิสัยและขัดเกลาบรรดาคุณลักษณะเหล่านี้แหละ เขาเรียกว่า การ "ญิฮาด" ต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะฮ์
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
قَدْ أَفْلَحَ مَن تَزَكَّى وَذَكَرَ اسْمَ رَبِّهِ فَصَلَّى
"แน่แท้ ผู้ชำระมนทิลตนเอง ย่อมประสบความสมหวัง และเขาได้กล่าวรำลึกพระนามแห่งองค์อภิบาลของเขา แล้วเขาก็ทำการละหมาด" อัลอะลา 14 - 15
พระองค์ตรัสเช่นกันว่า
قَدْ أَفْلَحَ مَن زَكَّاهَا وَقَدْ خَابَ مَن دَسَّاهَا
"แน่แท้ ผู้ชำระจิตใจจนสะอาด เขาย่อมประสบความสมหวัง และผู้ทำความหมักหมมแก่มัน เขาย่อมขาดทุน" อัชชัมซิ 9 - 10
ในคำกล่าวของท่านอิมาม อิบนุ อะฏออิลและฮ์ที่ว่า "เพื่อท่านจะได้เป็นผู้ตอบรับให้กับการเรียกของอัลเลาะฮ์ และเป็นผู้ใกล้ชิดจากการปกเกล้าของพระองค์" เป็นการบ่งถึง มุสลิมนั้น ไม่ว่าเขาจะทำความดีมากมายและทำอิบาดะฮ์อย่างสม่ำเสมอโดยที่บรรดาความดีและการทำอิบาดะฮ์ของเขานั้น ไม่ทำเข้าใกล้อัลเลาะฮ์ ตะอาลา แสดงว่าเขายังมีบรรดาคุณลักษณะอันน่าตำหนิที่มาคัดค้านกับความเป็นบ่าวที่ยอมจำนนท์ต่ออัลเลาะฮ์
และผู้ที่มีบรรดาคุณลักษณะเช่นนี้ เขาย่อมมีความสุขกับการทำอิบาดะฮ์ด้วยเพียงรูปภายนอกเท่านั้น เพราะหากว่า บรรดารากฐานแห่งความบริสิทธิ์ใจ(อิคลาศ)ต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา ได้แผ่ขยายไปสู่หัวใจแล้ว แน่นอน บรรดารากแห่งความความบริสุทธิ์ใจนั้น จะทำให้เกิดความเร้าร้อน ยิ่งกว่านั้น มันยังมาเผาผลาญต่อต้านบรรดาคุณลักษณะอันน่าตำหนิเหล่านั้น จนกระทั่งสามารถสยบและพิชิตมันได้
การละหมาดที่มุสลิมได้นำมาแสดงความเป็นบ่าวต่ออัลเลาะฮ์และเขาได้กระทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลักดันให้เขาเป็นบ่าวต่อพระองค์อย่างแท้จริงนั้น จำเป็นต้องปลูกจิตสำนึกและความรู้สึกความบ่าวของเขาในขณะที่ทำการละหมาด ทำการร่อกั๊วะ และซุญูด และเมื่อศักยภาพของเขาได้หล่อหลอมความสัจธรรมในการยอมจำนนท์เป็นต่อพระองค์แล้ว แน่นอน ความรู้สึกยะโสอวดใหญ่ย่อมไม่มีสถานที่ให้อาศัยอยู่ในหัวใจของเขาได้เลย
แน่แท้ บรรดาอิบาดะฮ์อื่น ๆ ก็เฉกเช่นเดียวกัน ซึ่งหากมุสลิมคนหนึ่งได้ทำอิบาดะฮ์ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริงแล้ว เขาต้องพิชิตบรรดาคุณลักษณะอันน่าตำหนิเหล่านี้ได้อย่างแน่นอนและสามารถนำมันกลับมาอยู่ขอบเขตที่มีคุณประโยชน์ และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ บ่าวก็จะเป็นผู้ตอบรับให้กับการเรียกของอัลเลาะฮ์ และเป็นผู้ใกล้ชิดจากการปกเกล้าของพระองค์
วัลลอฮุอะลัม