ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ กล่าวว่า
العلم إن قارنته الخشية فلك ، وإلا فعليك
?ความรู้นั้น หากอยู่พร้อมกับความเกรงกลัว ย่อมเป็นผลดีสำหรับท่าน และหากไม่เป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นโทษแก่ท่าน?
ท่านชัยคุลอิสลาม อับดุลเลาะฮ์ อัชชัรกอวีย์ กล่าวอธิบายว่า ?ความรู้นั้น หากอยู่พร้อมกับความเกรงกลัว ย่อมเป็นผลประโยชน์สำหรับท่านทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และหากไม่เป็นเช่นนั้น ความรู้ก็ย่อมเป็นโทษแก่ท่านทั้งโลกนี้และโลกหน้า ท่านซุฟยาน อัลเษารีย์กล่าวว่า การศึกษาวิชาความรู้ เพื่อให้มีความยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์ด้วยกับความรู้นั้น และแท้จริง ความรู้จะมีความประเสริฐกว่าสิ่งอื่นก็เพราะความรู้ทำให้มีความยำเกรงต่อพระองค์ ดังนั้น หากเจตนา(เป้าหมาย)นี้ได้บกพร่องไปและเจตนาของผู้แสวงหาความรู้ได้เสื่อมลงไปด้วยการที่เขารู้สึกว่าต้องการจะนำความรู้เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายของดุนยา ไม่ว่าจะมาจากเกียรติยศและทรัพย์สิน แน่แท้แล้วว่า ผลการตอบแทนของเขาต้องเป็นโมฆะ การงานของเขาต้องมลายไป และเขาจะได้รับการขาดทุนอย่างชัดแจ้ง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า
مَن كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ الْآخِرَةِ نَزِدْ لَهُ فِي حَرْثِهِ وَمَن كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ الدُّنْيَا نُؤتِهِ مِنْهَا وَمَا لَهُ فِي الْآخِرَةِ مِن نَّصِيبٍ
?ผู้ใดที่มีความุ่งมาดในไร่นา(ภาคผล) แห่งโลกหน้า แน่นอน เราก็จะเพิ่มผลให้เขาในไร่นาของเขายิ่งขึ้น และผู้ใดมุ่งมาดในไร่นา(ภาคผล)แห่งโลกนี้ เราก็จักมอบแก่เขากับบางส่วนจากมัน แต่เขาก็ไม่มีส่วนได้รับใด ๆ ในโลกหน้าเลย? อัชชูรอ 20 ( ดู หนังสือ ชัรหฺ อัลฮิกัม เล่ม 2 หน้า 52)
ท่านอิบนุ อะญีบะฮ์ กล่าวอธิบายว่า ?เพราะความรู้ที่อยู่พร้อมด้วยความเกรงกลัวนั้น จะไม่ทำให้ผู้มีความรู้มีความหลงลืม(กับอัลเลาะฮ์)หรือสาเหตุต่าง ๆ ของมัน และทำให้เขามีความเพียงพอในทุก ๆ สิ่งที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญในการกระทำ โดยที่เขามีความปรารถนาในทุก ๆ สิ่งที่สามารถสร้างความใกล้ชิดต่อผู้อภิบาลของเขา ดังนั้น ความรู้ของเขา จะเป็นตัวช่วยให้ บรรลุ(เป้าหมาย)ถึงการรู้จัก(มะริฟัต)ต่ออัลเลาะฮ์ และมีความใกล้ชิดต่อห้วงความพึงพอพระทัยของพระองค์ เพราะฉะนั้น หากความรู้ไม่อยู่พร้อมกับความเกรงกลัว แน่นอน มันย่อมเป็นความวิบัติแก่เขา เนื่องจากในวันนั้น(โลกหน้า)มันจะเป็นสิ่งที่มายืนยันแก่เขา เพราะการฝ่าฝืนพร้อมกับมีความรู้นั้น ย่อมมีความน่ารังเกียจกว่า การฝ่าฝืนที่อยู่พร้อมกับความไม่รู้(ญาฮิล)? ดู หนังสือ อีกอซุลฮิมัม ฟี ชัรหฺ อัลฮิกัม หน้า 390
ท่าน ชัยค์ ซัรรูก กล่าวว่า ?ความเกรงกลัวจะทำให้เขาแสวงหาเกี่ยวกับโลกหน้า และทำให้มีเป้าหมายเพื่ออัลเลาะฮ์ด้วยกับวิชาความรู้ในทุก ๆ แง่มุม และการขาดความเกรงกลัวนั้น ก็จะมาปฏิเสธสิ่งดังกล่าว ซึ่งมันก็คือโรคและความป่วยไข้ ท่าน อัลฟัฏล์ (ร.ฏ.) กล่าวว่า ผู้มีความรู้ คือแพทย์ของศาสนา ดุนยาคือโรคของศาสนา ดังนั้น เมื่อนายแพทย์ได้นำโรคมาสู่ตัวของเขาเอง แล้วเมื่อไหร่ผู้อื่นจากหาย(จากโรค)? ดู หนังสือ อัลฮิกัม อัลอะฏออียะฮ์ ของท่าน ชัยค์ ซัรรูก หน้า 206
ท่านอุวัยส์ บิน อับดิลลาห์ อัลหุซัยนีย์ กล่าวว่า ?ความเกรงกลัวได้แยกออกจากความรู้ของอิบลีส แล้วมันก็วิบัติ และท่านอย่าเลียนแบบมัน แล้วความรู้ของท่าน ก็จะมีคุณประโยชน์สำหรับท่าน? ดู อัลวาริดาต อัลอุวัยซียะฮ์ อะลา อัลฮิกัม อัลอะฏออียะฮ์ หน้า 13
ท่านได้ทราบในฮิกัมที่ผ่านมาแล้วว่า ความรู้ที่แท้จริงนั้น จำเป็นต้องทำให้ผู้มีความรู้เกิดความเกรงกลัว เนื่องจากอัลเลาะฮ์ทรงตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้มีความรู้ว่า ?แท้จริง บรรดาปวงบ่าวของอัลเลาะฮ์ ที่มีความเกรงกลัวต่อพระองค์นั้น คือบรรดาผู้มีความรู้? ฟาฏิร 28
และท่านก็รู้มาแล้วเช่นกันว่า ผู้ใดที่แสวงหาความรู้ ไม่ว่าจะแขนงใดก็ตาม โดยความรู้นั้นไม่ทำให้เขาเกิดความเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์ ในแก่นแท้ความเป็นจริง เขาย่อมเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้(ญาฮิล) หากแม้นว่าผู้คนจะเรียกว่าเขาเป็นผู้มีความรู้ก็ตาม
แต่ในฮิกัมนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ ก็คือ เมื่อได้ยืนยันแล้วว่า ความรู้ที่ไม่อยู่พร้อมกับความเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์นั้น ไม่ใช่ความรู้อย่างแท้จริง แต่มันเป็นความไม่รู้หรือความโง่เขลา(ญาฮิล) ดังนั้น เพราะเหตุใดความไม่รู้นี้ จึงเป็นข้อยืนยัน(ฮุจญะฮ์)ในการให้โทษแก่เขา? และความไม่รู้นี้ จะยังคงถูกผ่อนปรนให้ โดยผู้ไม่รู้สามารถนำมาอ้างเพื่อขออภัยหรือขอการยกโทษให้แก่เขาได้หรือไม่?
ตอบ ความไม่รู้หรือความเขลาประเภทนี้ ย่อมไม่มีการผ่อนปรนให้ กล่าวคือ ผู้ที่รู้ถึงหลักข้ออ้างอันสมเหตุสมผลต่าง ๆ แล้วเขาไม่ใส่ใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่ได้รับเหล่านั้น แน่นอน เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบจากการไม่ใส่ใจอันนั้น หมายถึง เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบความไม่รู้ของเขาต่อบรรดาผลลัพธ์ดังกล่าว และสิ่งที่ทำให้เขาต้องรับผิดชอบนั้น ก็เพราะว่า เขาทราบถึงหลักสมเหตุสมผลต่าง ๆ แล้ว เนื่องจากการมีหลักข้ออ้างอันสมเหตุสมผล ย่อมทำให้เขาไปสู่ความเป็นผู้รู้ถึงผลลัพธ์ต่าง ๆ เหล่านั้นซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาสามารถที่จะไปสู่จุดนั้นได้ แต่เขากลับเบี่ยงเบน เพิกเฉย และละเลยเกี่ยวกับมัน อันเนื่องมาจากอารมณ์ใฝ่ต่ำและความอคติอันโง่เขลาที่มาชักจูงเขาอยู่
ดังนั้น ความโง่เขลาอันนี้ ก็เป็นสาเหตุมาจากตัวของเขาเอง เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องแบกรับความรับผิดชอบกับมัน
ท่านโปรดพิจารณาคำตรัสของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ที่ทรงวางบทบัญญัติข้อบังคับแก่มนุษย์ทั้งหมดว่า
قُلِ انظُرُواْ مَاذَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَمَا تُغْنِي الآيَاتُ وَالنُّذُرُ عَن قَوْمٍ لاَّ يُؤْمِنُونَ
?จงประกาศเถิด ท่านทั้งหลายจงพิจารณาเถิดว่า อะไรบ้างที่มีอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน(ซึ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์เตือนให้ยอมจำนนในเอกานุภาพและเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์ทั้งสิ้น) และบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ (ที่แสดงถึงเอกานุภาพและเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์) และบรรดา(ศาสนทูต)ผู้ตักเตือนนั้น ย่อมไม่ยังประโยชน์แก่กลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา? ยูนุส 10
อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงบัญชาใช้บรรดาผู้มีสติปัญญาทั้งหมด ให้ทำการใคร่ครวญ พิเคราะห์ถึงมูลเหตุที่สมเหตุผลสมผลและพระองค์ก็ไม่ได้บัญชาใช้พวกเขาไปมากกว่านั้น เพราะผู้มีสติปัญญาที่ได้ใช้สติปัญญามาศึกษาวิเคราะห์ถึงมูลเหตุอันสมผลนี้แล้ว แน่นอนว่า ความรู้ของเขา จักชักนำไปสู่ความมั่นใจต่อบรรดาผลลัพธ์ที่ได้รับ
ดังนั้น จึงดูเหมือนว่า ในขณะที่พระองค์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการพิจารณาด้วยสติปัญญาของพวกเขาว่า อะไรบ้างหรือ? ที่อยู่ในบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดิน แล้วพระองค์ก็ตรัสแก่พวกเขาว่า หากพวกท่านได้กระทำสิ่งดังกล่าวแล้ว(คือพิจารณาด้วยสติปัญญา) พวกเขาก็จะรับรู้ได้ ? ถึงกฎสัมพันธ์ระหว่างมูลเหตุอันสมเหตุสมผลกับบรรดาผลลัพธ์ที่ได้ ? ว่า แท้จริง ให้กับภพจักรวาลนี้มีผู้สร้างมันขึ้นมา และผู้สร้างนั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ทรงความปราณีในการบริหารจัดการ อีกทั้งทรงยุติธรรมในอำนาจคำบัญชาของพระองค์
ดังนั้น ผู้ใดทำการวิเคราะห์ถึงมูลเหตุต่าง ๆ ของพิภพจักรวาลทั้งหลายและเขาก็มีความรอบรู้อย่างครอบคลุมเกี่ยวกับมัน หลังจากนั้น เขาก็หันเหออกจากสิ่งที่นำเขาไปสู่บรรดาผลลัพธ์ต่าง ๆ ในการมีของอัลเลาะฮ์ การรู้จัก(มะริฟัต) และมีความเกรงกลัวต่อพระองค์ แน่นอนว่า เขาย่อมเป็นผู้ที่โง่เขลา และเขาต้องรับผิดชอบจากความโง่เขลาอันนั้น เนื่องจากตัวของเขาก็คือผู้ที่จะมาทำการตัดสินตัวของเขาเองในวันโลกหน้า ซึ่งเป็นวันที่เขาจะได้ทราบอย่างประจักษ์ชัดตามที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า
لَقَدْ كُنتَ فِي غَفْلَةٍ مِّنْ هَذَا فَكَشَفْنَا عَنكَ غِطَاءكَ فَبَصَرُكَ الْيَوْمَ حَدِيدٌ
?แท้จริง เจ้าเคยอยู่ในความหลงลืมต่อสิ่งนี้ แล้วเราก็เปิดผากั้นของเจ้าออกไป ดังนั้น การมองเห็นของเจ้าในวันนี้จึงแหลมคม(ชัดเจน)?
วัลลอฮุอะลัม