ผู้เขียน หัวข้อ: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่  (อ่าน 9616 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ abiatiya

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 316
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
    • Nurul Islam Patong
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: พ.ค. 02, 2011, 09:45 AM »
+1
:salam:

................. สารพัด รูป ................

เห็นแล้ว เศร้าครับ... เศร้าอย่างซึ้งในจิต.... ผมไม่มีอะไรมาแย้ง หรือ เสริมเพิ่ม ให้วุ่นวาย....แต่
ฟิตนะ ไม่ได้เกิดจากงาน แต่ฟิตนะ มาจากคน คนนี้แหละตัวปัญหา และฝากแบบง่ายๆที่สุด

หัวใจ -> ศรัทธา -> ความอิคลาส
ศรัทธา -> อิคลาสในการทำงาน -> ความพยายามทีบริสุทธิ์

ทุกการงานย่อมเริ่มต้นที่เจตนา
เจตนา มาจากใจ ใจมาจากจิต จิตมาจากวิญญาณ   
วิญญาณ นั่น เป็นตัวตน

ขาดข้อได ไป เป็นไม่ได้ เพราะมันเป็นสามัญที่ต้องมี

อิสลามไม่ได้สอนให้ทำร้ายหัวใจอิสลามด้วยกัน.... แต่คน คือตัวคน.... มันมีชาฮาวัต นีิ แหละ ที่ไปทำร้าย คนแล้ว คนเล่า... เพราะว่า อิสลาม มันไม่ได้ไปอยู่ในหัวใจ หากแต่ อิสลามอยู่ที่ฝีปาก

จงเรียนรู้ให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วปฎิบัติ เมื่อเข้าใจแล้วทำได้แล้ว จึงทำการเผยแพร่

มุสลิมแตก ไม่ใช่ เพราะอิสลาม หากแต่ เพราะ อิสลามไม่ได้อยู่ในใจของมุสลิม

-- Wallahualam -- :"(
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 02, 2011, 09:50 AM โดย zaal »
(\__/)
(='.'=) ไม่มีอะไรสายเกินกว่า 8 โมงเช้า...
(")_(")

ออฟไลน์ abiatiya

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 316
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
    • Nurul Islam Patong
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: พ.ค. 02, 2011, 01:54 PM »
0
กระทู้นี้ ออกไกลจากประเด็นแล้ว เสนอให้คุยในประเด็นเดิมน่ะ หาก ไม่แล้ว เสนอ Lock เนื่องจากการพาดพิงเรื่องนอกประเด็น ส่วนเรื่อง การดะวะฮ์ เสนอเป็นประเด็นใหม่ไป เพื่อความเรียบร้อยของกระทู้เรื่อง และเป็นการเคารพกฏกติการของบอร์ด

หวังว่าจะได้รับความร่วมมือ
(\__/)
(='.'=) ไม่มีอะไรสายเกินกว่า 8 โมงเช้า...
(")_(")

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: พ.ค. 02, 2011, 02:01 PM »
+2
การให้นัฟเกาะฮ์เป็นวาจิบ ส่วนออกดะวะนั้นเป็นฟัรฎุกิฟายะฮ์ในส่วนสังคม แค่เป็นฟัรฎุอัยน์สำหรับครอบครัว โดยเฉพาะสามีที่ต้องทำต่อลูกๆ และภารยา เราอย่าคิดแต่ว่าการดะวะต้องไปออกนอกบ้านเสมอ เอาคนในบ้านก่อนก็ได้ เค้าก็มีสิทธิได้รับฟังคำพูดดีๆ บะยานดีๆ จากเราเหมือนกัน อันนี้หมายถึงในกรณีของคนที่ครอบครัวยังไม่ถึงไหนในเรื่องศาสนานะ แต่หากครอบครัวที่มั่นคงแล้ว นั่นก็อีกประเด็นครับผม - วัสสลามุอลัยกุม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 02, 2011, 02:06 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: พ.ค. 02, 2011, 05:03 PM »
0
ครับ     คุณอัลฟาตอนี

วัสลาม

ออฟไลน์ fathai4

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 18
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: พ.ค. 02, 2011, 07:54 PM »
+1
การให้นัฟเกาะฮ์เป็นวาจิบ ส่วนออกดะวะนั้นเป็นฟัรฎุกิฟายะฮ์ในส่วนสังคม แค่เป็นฟัรฎุอัยน์สำหรับครอบครัว โดยเฉพาะสามีที่ต้องทำต่อลูกๆ และภารยา เราอย่าคิดแต่ว่าการดะวะต้องไปออกนอกบ้านเสมอ เอาคนในบ้านก่อนก็ได้ เค้าก็มีสิทธิได้รับฟังคำพูดดีๆ บะยานดีๆ จากเราเหมือนกัน อันนี้หมายถึงในกรณีของคนที่ครอบครัวยังไม่ถึงไหนในเรื่องศาสนานะ แต่หากครอบครัวที่มั่นคงแล้ว นั่นก็อีกประเด็นครับผม - วัสสลามุอลัยกุม
------------------------------------------------------------------------------------------
งานดะอฺวะ ต้องเริ่มจากในครอบครัวอยู่แล้ว เริ่มจากตัวเอง คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน จึงต้องมีตะเล็มที่บ้านกับที่มัสยิดทุกวัน กัส 1 ทำในเขตหมู่บ้านของเรา ชักชวนผลักดัน ส่งเสริมคนในบ้านให้สละออกไปเพื่อศาสนา จึงเป็นการเริ่มต้นที่ตนเอง ในบ้าน ในครอบครัว ในบ้านนั่นแหละเป็นเรื่องยากเพราะพูดชักชวนให้ทำความดี แต่คนฟังเขารู้ดีว่า คนชวน(คือสามี)ทำได้แล้วหรือเปล่า ทำประจำรึเปล่า

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: พ.ค. 02, 2011, 11:35 PM »
+2
 :salam:

1 ผมเสนอให้ลบกระทู้นี้ไปเลย เพราะคำถามประเภทนี้มีอยู่แล้ว  อีกอย่างคนที่ตั้งคำถามแบบตัดสินคนอื่น ล่อเป้าใว้ ก็ไม่เข้ามาเสวนาด้วยแต่อย่างใด   ตอนนี้ก็มีพี่น้องตอบไปแล้วว่า การทิ้งครอบครัว ขายทรัพย์สิน แล้วไปออกดะอฺวะฮฺ โดยไม่กลับมาเลยนั้น ไม่ใช่หลักการของงานดะอฺวะฮฺ ชัดเจนแล้วนะครับ  หลายๆครั้ง เกิดฟิตนะห์มากมายกับกระทู้แนวนี้ โดยผู้อ้าง ไม่ได้นำหลักฐานมายืนยันแต่อย่างใด ทำให้คนทำงานศาสนาผู้ถูกกล่าวอ้าง ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม โดยไม่มีโอกาสตอบคำถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ส่วนที่ตอบไปวนมากันไม่รู้จักจบสิ้นนั้น เรื่องส่วนตัวส่วนบุคคลทั้งสิ้น แน่นอนหากเราค้นหาความบกพร่องของมนุษย์ย่อมมีแน่นอน ไม่ว่า จะ ดะอฺวะฮฺ อีหม่าม อาจารย์ นักเรียน หรือแม้แต่เราเองที่พยายามจะปรับปรุงนัฟเกาะห์คนอื่นอยู่ก็ตาม  แล้วแต่ใครจะมาก น้อย หรือด้านไหนก็ตาม  เมือเจอแล้วก็ปรับปรุงแก้ใขกันต่อไป ส่วนจะได้ผลหรือไม่อย่างไรนั้นเขากับอัลลอฮฺ ........


..............ส่วนใครที่ยังติดใจว่าคนขึ้นบรรยายพูดแบบนั้นมีจริงหรือ?....ผู้ที่กล่าวอ้างต้องเป็นฝ่ายนำพิสูจน์ นำหลักฐานมา ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกกล่าวหานะครับ


2 หากไม่ลบเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ ก็มาต่อกันเลย

ผมอยากให้ตัดคำว่า ดะอฺวะฮฺออกไปก่อนนะครับ เดียวจะหลงประเด็น เพราะนัฟเกาะฮฺไม่ใช่วายิบเฉพาะคนทำงานดะฮฺวะฮฺเท่านั้น ใช่ไหมครับ

เอาตาม หัวข้อกระทู้เลยนะครับ นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่

หลายท่านตอบไปแล้วว่าเป็น วายิบ

ตอนนี้ ผมอยากให้ผู้รู้มาตอบแบบละเอียดแล้วละครับ

ว่า แค่ไหน อย่างไร และข้อปลีกย่อย ต่างๆครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 05, 2011, 11:24 PM โดย راجيس »

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: พ.ค. 03, 2011, 06:40 PM »
0
:salam:

1 ผมเสนอให้ลบกระทู้นี้ไปเลย เพราะคำถามประเภทนี้มีอยู่แล้ว  อีกอย่างคนที่ตั้งคำถามแบบตัดสินคนอื่น ล่อเป้าใว้ ก็ไม่เข้ามาเสวนาด้วยแต่อย่างใด   ตอนนี้ก็มีพี่น้องตอบไปแล้วว่า การทิ้งครอบครัว ขายทรัพย์สิน แล้วไปออกดะอฺวะฮฺ โดยไม่กลับมาเลยนั้น ไม่ใช่หลักการของงานดะอฺวะฮฺ ชัดเจนแล้วนะครับ  หลายๆครั้ง เกิดฟิตนะห์มากมายกับกระทู้แนวนี้ โดยผู้อ้าง ไม่ได้นำหลักฐานมายืนยันแต่อย่างใด ทำให้คนทำงานศาสนาผู้ถูกกล่าวอ้าง ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม โดยไม่มีโอกาสตอบคำถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ส่วนที่ตอบไปวนมากันไม่รู้จักจบสิ้นนั้น เรื่องส่วนตัวส่วนบุคคลทั้งสิ้น แน่นอนหากเราค้นหาความบกพร่องของมนุษย์ย่อมมีแน่นอน ไม่ว่า จะ ดะอฺวะฮฺ อีหม่าม อาจารย์ นักเรียน หรือแม้แต่เราเองที่พยายามจะปรับปรุงคนอื่นอยู่ก็ตาม  แล้วแต่ใครจะมาก น้อย หรือด้านไหนก็ตาม  เมือเจอแล้วก็ปรับปรุงแก้ใขกันต่อไป ส่วนจะได้ผลหรือไม่อย่างไร ......................ส่วนใครที่ยังติดใจ ว่า คนขึ้นบรรยายพูดแบบนั้นมีจริงหรือ?....ผู้ที่กล่าวอ้างต้องเป็นฝ่ายนำพิสูจน์ นำหลักฐานมา ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกกล่าวหานะครับ

2 หากไม่ลบเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ ก็มาต่อกันเลย

ผมอยากให้ตัดคำว่า ดะอฺวะฮฺออกไปก่อนนะครับ เดียวจะหลงประเด็น เพราะนัฟเกาะฮฺไม่ใช่วายิบเฉพาะคนทำงานดะฮฺวะฮฺเท่านั้น ใช่ไหมครับ

เอาตาม หัวข้อกระทู้เลยนะครับ นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่

หลายท่านตอบไปแล้วว่าเป็น วายิบ

ตอนนี้ ผมอยากให้ผู้รู้มาตอบแบบละเอียดแล้วละครับ

ว่า แค่ไหน อย่างไร และข้อปลีกย่อย ต่างๆครับ



           อินชาอัลลอฮฺ ทางเราจะรับไว้พิจารณาครับ และขอฝากทางสมาชิกช่วยเป็นหูเป็นตาด้วยครับ และหากแจ้งความไม่เหมาะสมประการใด็ช่วยแจ้งมาทางทีมงานทางข้อความส่วนตัวได้ทันทีครับ และขอยืนยันคำเดิมมาตลอดว่า ได้โปรดแยกแยะระหว่าง "พฤติกรรมบุคคลที่อยู่ในกลุ่มนั้นๆ" กับ "อุดมการณ์หลักของกลุ่มนั้นๆ" ให้ออก มิฉะนั้น เรื่องก็จะวนเวียนอยู่ที่เดิม และนำไปสู่ความบาดหมาง และแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: พ.ค. 03, 2011, 06:42 PM »
0
ผมเข้าใจว่า เมื่อพูดถึงกลุ่มตับลีฆทีไร ประเด็นที่จะถูกมองคู่กันด้วยก็เลี่ยงไม่พ้นในเรื่อง "นัฟเกาะฮ์" นั่นเอง และอาจถือเป็นสาเหตุต้นๆ ที่มีการหย่ากัน และผมเชื่อว่ามันเป็นความบกพร่องที่ตัวบุคคลมากกว่าที่อุดมการณ์ของตับลีฆ ซึ่งไ่ม่อาจนำมาเกี่ยวข้องด้วยได้เลย - วัลลอฮุอะอ์ลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: พ.ค. 03, 2011, 09:27 PM »
0
ผมเข้าใจว่า เมื่อพูดถึงกลุ่มตับลีฆทีไร ประเด็นที่จะถูกมองคู่กันด้วยก็เลี่ยงไม่พ้นในเรื่อง "นัฟเกาะฮ์" นั่นเอง และอาจถือเป็นสาเหตุต้นๆ ที่มีการหย่ากัน และผมเชื่อว่ามันเป็นความบกพร่องที่ตัวบุคคลมากกว่าที่อุดมการณ์ของตับลีฆ ซึ่งไ่ม่อาจนำมาเกี่ยวข้องด้วยได้เลย - วัลลอฮุอะอ์ลัม

แต่ผมว่า ประเด็นที่เกิดฟิตนะห์บนกระดานมากที่สุดในกระทู้แนวนี้ คือ ผู้กล่าวอ้างไม่ได้เป็นฝ่ายนำพิสูจน์แต่อย่างใด และจะกลายเป็น ''การปรักปรำผู้อื่น'' แล้วฟิตนะห์ก็ตามมาครับ

ออฟไลน์ peacemaker

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 35
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: พ.ค. 04, 2011, 04:20 AM »
+1
ผมขอเสนอความคิดนัยประเด็นนนี้นะครับ ผิดถูกก็ช่วยติด้วยนะครับอยากจะยกตัวอย่างซัก2-3ประวัตินะครับ
 1.มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนบีขึ้นคุตบะฮ แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากบ้านของท่านนบี เพราะว่าบ้านนบีติดกับมัสยิด ท่านนบีก็สั่งให้อบูฮุรอยรอฮไปดูซิว่าใครร้อง ปรากฎว่าเป็นหลานของท่านนบี คือฮาซัน และฮูเซ็น หลังจากนั้นท่านอบูฮุรอยรอฮก็บอกกับฟาตีมะฮว่า กล่อมให้เด็กเงียบหน่อยเพราะว่าท่านนบีอ่านคุตบะฮไม่ได้ พอบอกเสร็จอบูฮุรอยรอฮก็กลับไป ซักพักพอนบีจะเริ่มอ่านคุตบะฮ เด็กก็ร้องให้อีก นบีก็สั่งให้อบูฮุรอยรอฮกลับไปบอกอีกถีึงสามครั้ง จนกระทั่งว่าสุดท้าย นบีต้องมาเอง แล้วถามว่าทำไมเด็กถึงร้องให้ ฟาตีมะฮตอบว่า ไม่มีนมให้ลูกกิน เพราะว่าไม่มีอาหารจะกิน ก็เลยไม่สามรถจะผลิตน้ำนมได้ ท่านนบีก็เลยบอกว่าไห้เอาน้ำลายไปป้ายที่ปากเด็ก เพื่อจะให้เด็กคิดว่ามันเป็นนม นางฟาตีมะฮบอกว่าแม้กระทั่งน้ำลายก็ไม่มี สุดท้ายนบีก็ถามว่า แล้วท่านอลีไปไหนหรอ นางฟาตีมะฮบอกว่าท่านอลีไปเยเมน เป็นระยะเวลา6เดือนด้วยกัน หลังจากนั้นนบีก็ไม่ได้ว่าอาราย แล้วนบีก็กลับไปขึ้นคุตบะฮ
     อยากถามหน่อยว่าแบบนี้ แสดงว่าท่านอลีไม่ได้ให้นัฟกอฮกับภรรยาช่ายหรอไม่ แล้วทำไมนบีถึงไม่ได้ต่อว่้าท่านอลีเลยแม้แต่น้อย หรอว่าคนที่ออกนัยหนทางของอัลลอฮ สมัยนี้กับสมัยนบีไม่เหมือนกัน แล้วอารายคือบรรทัดฐานของคำว่านัฟกอฮ
  2.มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนบีได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่มัสยิด เป็็นระยะเวลา1เดือนด้วยกัน หลังจากนั้นระหว่างภรรยานบีก็เลยประชุมกันเพื่อที่จะให้คนหนึ่งคนใดไปบอกกับท่านนบี เพราะว่าตอนนี้เราไม่มีอารายจะกินกันแล้ว ถ้าเราจะอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นคนหนึ่งจากภรรยานบีก็ได้ไปหานบี แล้วก็เอ๋ยถึงเรื่องดังกล่าวกับบท่านนบี หลังจากนั้นอัลลอฮก็ลงอายะฮกุรอานมา
    يايهاالنبي قل لازواجك ان كنتن تردن الحياة الدنيا وزينتها فتعالين امتعكن واسرحكن سراحاجميلا وانكنتن تردن الله ورسوله والدارالاخرة فان الله اعد للمحسنات منكن اجرا عظيما
   ความว่า โอ้ผู้เป็นศาสดาจงสอนภรรยาของสูเจ้าเถิดว่า มาตรแม้นพวกเทอปรารถนาชีวิตทางโลกนี้ และสิ่งประดับของมันพวกเทอก็จงมาเถิดฉันจะให้ความสุขฉันจะให้ความสุขแก่พวกเทอและฉันจะปลกปล่อยพวกเทอไปอย่างดี(คือหย่าร้างโดยดี) และหากพวกเทอปรารถนา(รางวัลจากอัลลอฮ)ศาสนทูตของพระองค์ และโลกหน้าที่จริงอัลลอฮได้เตรียมไว้ให้กับพวกเทอที่ประกอบคุณความดีซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่
  แล้วอันนี้หมายความว่าอย่างไนรหรอครับ หรอว่าอันนี้ทำได้เฉพาะท่านนบีอย่างเดว
  3.แล้วท่านนบีอิบรอฮีม อลัยฮิสลาม ไปพระนางฮายัตกับอิสมาอีลไว้กลางทะเลทราย จากไปประมาณ9-11-13ปีตามสายรายงานไม่เท่ากัน ตรงไหนหรอที่นบีอิบรอฮีมให้นัฟกอฮต่อลูกและภรรยาของท่าน บางรายงานบอกว่ามีอินทผลัมอยู่นิสนุง หรอว่าแบบนี้ทำได้เฉพาะท่านนบีอย่างเดว
  4.ตอนที่ท่านอบูบักรอพยพไปกับท่านนบีอบูบักรทิ้งลูกสาวคืออัสมะฮ กับพ่อตาบอดที่ชื่ออบูกุฮาฟาฮ แล้วก็เอาก้อนหินใส่ไว้ที่เก็บตังแล้วเอาผ้าคลุมเผื่อต้องการให้คนตาบอดสบายใจว่า อบูบักรได้ทิ้งทรัพย์สินไว้ให้ ทั้งๆที่อยู่นัยนั้นก็คือก้อนหิน
    แล้วไหนละนัฟกอฮที่ท่านอบูบักทิ้งไว้ให้กับพ่อและลูกสาว
 สุดท้ายนี้เที่ผมนำเสนอผมไม่ได้แนะนาำให้คนละทิ้งการจ่ายนัฟกอฮ แต่นัยบางครั้งเมื่อศาสนามันสำคัญกว่า ความสุขบนดุนยาก็ต้องละทิ้งมันไปบ้าง เพื่อจะเอาการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จากอัลลอฮตาอาลา
  والله اعلم
ดุนยาไม่ช่ายเป๊ปซี่ อย่าเต็มที่กับมันมากนัก

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: พ.ค. 04, 2011, 09:00 AM »
+1
ผมขอเสนอความคิดนัยประเด็นนนี้นะครับ ผิดถูกก็ช่วยติด้วยนะครับอยากจะยกตัวอย่างซัก2-3ประวัตินะครับ
 1.มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนบีขึ้นคุตบะฮ แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากบ้านของท่านนบี เพราะว่าบ้านนบีติดกับมัสยิด ท่านนบีก็สั่งให้อบูฮุรอยรอฮไปดูซิว่าใครร้อง ปรากฎว่าเป็นหลานของท่านนบี คือฮาซัน และฮูเซ็น หลังจากนั้นท่านอบูฮุรอยรอฮก็บอกกับฟาตีมะฮว่า กล่อมให้เด็กเงียบหน่อยเพราะว่าท่านนบีอ่านคุตบะฮไม่ได้ พอบอกเสร็จอบูฮุรอยรอฮก็กลับไป ซักพักพอนบีจะเริ่มอ่านคุตบะฮ เด็กก็ร้องให้อีก นบีก็สั่งให้อบูฮุรอยรอฮกลับไปบอกอีกถีึงสามครั้ง จนกระทั่งว่าสุดท้าย นบีต้องมาเอง แล้วถามว่าทำไมเด็กถึงร้องให้ ฟาตีมะฮตอบว่า ไม่มีนมให้ลูกกิน เพราะว่าไม่มีอาหารจะกิน ก็เลยไม่สามรถจะผลิตน้ำนมได้ ท่านนบีก็เลยบอกว่าไห้เอาน้ำลายไปป้ายที่ปากเด็ก เพื่อจะให้เด็กคิดว่ามันเป็นนม นางฟาตีมะฮบอกว่าแม้กระทั่งน้ำลายก็ไม่มี สุดท้ายนบีก็ถามว่า แล้วท่านอลีไปไหนหรอ นางฟาตีมะฮบอกว่าท่านอลีไปเยเมน เป็นระยะเวลา6เดือนด้วยกัน หลังจากนั้นนบีก็ไม่ได้ว่าอาราย แล้วนบีก็กลับไปขึ้นคุตบะฮ
     อยากถามหน่อยว่าแบบนี้ แสดงว่าท่านอลีไม่ได้ให้นัฟกอฮกับภรรยาช่ายหรอไม่ แล้วทำไมนบีถึงไม่ได้ต่อว่้าท่านอลีเลยแม้แต่น้อย หรอว่าคนที่ออกนัยหนทางของอัลลอฮ สมัยนี้กับสมัยนบีไม่เหมือนกัน แล้วอารายคือบรรทัดฐานของคำว่านัฟกอฮ
  2.มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนบีได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่มัสยิด เป็็นระยะเวลา1เดือนด้วยกัน หลังจากนั้นระหว่างภรรยานบีก็เลยประชุมกันเพื่อที่จะให้คนหนึ่งคนใดไปบอกกับท่านนบี เพราะว่าตอนนี้เราไม่มีอารายจะกินกันแล้ว ถ้าเราจะอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นคนหนึ่งจากภรรยานบีก็ได้ไปหานบี แล้วก็เอ๋ยถึงเรื่องดังกล่าวกับบท่านนบี หลังจากนั้นอัลลอฮก็ลงอายะฮกุรอานมา
    يايهاالنبي قل لازواجك ان كنتن تردن الحياة الدنيا وزينتها فتعالين امتعكن واسرحكن سراحاجميلا وانكنتن تردن الله ورسوله والدارالاخرة فان الله اعد للمحسنات منكن اجرا عظيما
   ความว่า โอ้ผู้เป็นศาสดาจงสอนภรรยาของสูเจ้าเถิดว่า มาตรแม้นพวกเทอปรารถนาชีวิตทางโลกนี้ และสิ่งประดับของมันพวกเทอก็จงมาเถิดฉันจะให้ความสุขฉันจะให้ความสุขแก่พวกเทอและฉันจะปลกปล่อยพวกเทอไปอย่างดี(คือหย่าร้างโดยดี) และหากพวกเทอปรารถนา(รางวัลจากอัลลอฮ)ศาสนทูตของพระองค์ และโลกหน้าที่จริงอัลลอฮได้เตรียมไว้ให้กับพวกเทอที่ประกอบคุณความดีซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่
  แล้วอันนี้หมายความว่าอย่างไนรหรอครับ หรอว่าอันนี้ทำได้เฉพาะท่านนบีอย่างเดว
  3.แล้วท่านนบีอิบรอฮีม อลัยฮิสลาม ไปพระนางฮายัตกับอิสมาอีลไว้กลางทะเลทราย จากไปประมาณ9-11-13ปีตามสายรายงานไม่เท่ากัน ตรงไหนหรอที่นบีอิบรอฮีมให้นัฟกอฮต่อลูกและภรรยาของท่าน บางรายงานบอกว่ามีอินทผลัมอยู่นิสนุง หรอว่าแบบนี้ทำได้เฉพาะท่านนบีอย่างเดว
  4.ตอนที่ท่านอบูบักรอพยพไปกับท่านนบีอบูบักรทิ้งลูกสาวคืออัสมะฮ กับพ่อตาบอดที่ชื่ออบูกุฮาฟาฮ แล้วก็เอาก้อนหินใส่ไว้ที่เก็บตังแล้วเอาผ้าคลุมเผื่อต้องการให้คนตาบอดสบายใจว่า อบูบักรได้ทิ้งทรัพย์สินไว้ให้ ทั้งๆที่อยู่นัยนั้นก็คือก้อนหิน
    แล้วไหนละนัฟกอฮที่ท่านอบูบักทิ้งไว้ให้กับพ่อและลูกสาว
 สุดท้ายนี้เที่ผมนำเสนอผมไม่ได้แนะนาำให้คนละทิ้งการจ่ายนัฟกอฮ แต่นัยบางครั้งเมื่อศาสนามันสำคัญกว่า ความสุขบนดุนยาก็ต้องละทิ้งมันไปบ้าง เพื่อจะเอาการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จากอัลลอฮตาอาลา
  والله اعلم

ความหมายคือ?

- นาฟาเกาะไม่วายิบ?
- นาฟาเกาะวายิบแต่ละทิ้งได้ในบางเหตุการณ์ (สมัยนาบีและซอฮาบะ)?
- นาฟาเกาะวายิบ แต่ละทิ้งได้ด้วยการดะวะฮ์ (ออกดะวะ,เรียนหนังสือ,และบรรดาการดะวะอ์ต่างๆ)?


ที่มาต่างๆเหล่านั้นที่กล่าวมาข้างต้น นักวิชาการอิสลามที่โลกยอมรับอธิบายลักษณะเช่นนี้ว่าอย่างไรครับ

ออฟไลน์ a d n a n

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 698
  • เพศ: ชาย
  • "และคำพูดที่ดี เป็นซอดาเกาะฮฺ" (บุคอรียฺ , มุสลิม)
  • Respect: +13
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: พ.ค. 04, 2011, 03:15 PM »
+1
ซูฟีย์สอนไว้ว่า : การไม่เอาดุนยาก็คือการเอาดุนยาไปอาคีเราะห์

ผมไม่เข้าใจประโยคนี้ อธิบายให้หน่อยสิครับ

ชาวอาริฟบิลละฮ์  มักทำให้จิตใจของพวกเขานั้นไม่หมกมุ่นอยู่กับดุนยา
ตรงกันข้ามพวกเขาจะสาละวนอยู่กับโลกหน้าคือโลกอาคิเราะฮ์มากกว่า
ไม่ได้หมายความว่า ให้หลุดพ้นดุนยาทั้งหมด สิ่งที่หลุดพ้นคือหัวใจที่ใฝ่ต่ำของตัวเองต่างหาก

เอาดุนยาเป็นสถานที่สะสมเสบียงสู่อาคิเราะฮ์
ดุนยาเป็นสิ่งสมมติฐาน อาคิเราะฮ์คือสิ่งจีรัง

เชค อิบรอฮีม บิน อัดฮัม ปราชญ์ซูฟีย์ผู้โด่งดัง  ได้กล่าวว่า.....
เมื่อพวกเจ้าเห็นมนุษย์ได้สาละวนอยู่กับโลกนี้มากนัก พวกเจ้าก็จงสาละวนอยู่กับโลกอาคีเราะฮฺเถิด
และถ้าทุกคนเอาใจใส่เรื่องภาพลักษณ์ภายนอก  พวกเจ้าก็จงให้ความสำคัยต่อเรื่องภานในเถิด (เรื่องจิตใจ)
และเมื่อทุกคนได้สาละวนอยู่กับปัจจัยบนโลกนี้ เจ้าจงสาละวนอยู่กับปัจจัยแห่งกุโบรเถิด
และถ้าทุกคนยุ่งอยู่กับการบริหารกิจการของมนุษย์  เจ้าจงมุ่งสู่การบริหารกิจการต่อพระผู้เป็นเจ้าเถิด
ทุกคนมักจะชอบหยิบเรื่องปมด้อยของคนอื่นมาพูดวิจารณ์  แต่เจ้าจงดูปมด้อยของตนเองเถิด
จงสร้างเสบียงบนโลกนี้  เพื่อนำไปใช้ในโลกหน้า  เพราะโลกนี้ คือ สถานเพาะปลุกสู่โลกหน้าอย่างแท้จริง

จงสาละวนอยู่กับเรื่องสู่อาคีเราะฮฺเถิด

ยังไม่เข้าใจตัวประโยคข้างต้นอยู่ดี ..การไม่เอาดุนยาคือเอาดุนยาไปอาคิเราะห์.. งงๆๆๆๆๆ ???

ก๊ะไม่ผิดหรอกครับ คงเป็นผมเองที่เข้าใจยาก ไม่เป็นไร วันนี้อัลลอฮอาจจะยังไม่เปิดมันสมองอันโง่เขลา ให้ได้เข้าใจ(แค่)ประโยคสั้น ๆ ญาซากัลลอฮุค๊อยร็อน ครับ

มันทำให้ผมคิดว่า บ่อยครั้งที่เราพยายามที่จะอธิบายอะไรบางอย่างให้คนนึงเข้าใจ เรียบเรียงอย่างดี แต่เขาก็ไม่เข้าใจ

บางทีเราไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เราอธิบายด้วยกับความรู้สึกบางอย่าง เขาเข้าใจเรา ซะงั้น

ฮิดายัตอยู่ที่พระองค์จริง ๆ แม้จะด้วย เรื่องของความเข้าใจ


ผมขอเสนอความคิดนัยประเด็นนนี้นะครับ ผิดถูกก็ช่วยติด้วยนะครับอยากจะยกตัวอย่างซัก2-3ประวัตินะครับ
 1.มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนบีขึ้นคุตบะฮ แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากบ้านของท่านนบี เพราะว่าบ้านนบีติดกับมัสยิด ท่านนบีก็สั่งให้อบูฮุรอยรอฮไปดูซิว่าใครร้อง ปรากฎว่าเป็นหลานของท่านนบี คือฮาซัน และฮูเซ็น หลังจากนั้นท่านอบูฮุรอยรอฮก็บอกกับฟาตีมะฮว่า กล่อมให้เด็กเงียบหน่อยเพราะว่าท่านนบีอ่านคุตบะฮไม่ได้ พอบอกเสร็จอบูฮุรอยรอฮก็กลับไป ซักพักพอนบีจะเริ่มอ่านคุตบะฮ เด็กก็ร้องให้อีก นบีก็สั่งให้อบูฮุรอยรอฮกลับไปบอกอีกถีึงสามครั้ง จนกระทั่งว่าสุดท้าย นบีต้องมาเอง แล้วถามว่าทำไมเด็กถึงร้องให้ ฟาตีมะฮตอบว่า ไม่มีนมให้ลูกกิน เพราะว่าไม่มีอาหารจะกิน ก็เลยไม่สามรถจะผลิตน้ำนมได้ ท่านนบีก็เลยบอกว่าไห้เอาน้ำลายไปป้ายที่ปากเด็ก เพื่อจะให้เด็กคิดว่ามันเป็นนม นางฟาตีมะฮบอกว่าแม้กระทั่งน้ำลายก็ไม่มี สุดท้ายนบีก็ถามว่า แล้วท่านอลีไปไหนหรอ นางฟาตีมะฮบอกว่าท่านอลีไปเยเมน เป็นระยะเวลา6เดือนด้วยกัน หลังจากนั้นนบีก็ไม่ได้ว่าอาราย แล้วนบีก็กลับไปขึ้นคุตบะฮ
     อยากถามหน่อยว่าแบบนี้ แสดงว่าท่านอลีไม่ได้ให้นัฟกอฮกับภรรยาช่ายหรอไม่ แล้วทำไมนบีถึงไม่ได้ต่อว่้าท่านอลีเลยแม้แต่น้อย หรอว่าคนที่ออกนัยหนทางของอัลลอฮ สมัยนี้กับสมัยนบีไม่เหมือนกัน แล้วอารายคือบรรทัดฐานของคำว่านัฟกอฮ
  2.มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านนบีได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่มัสยิด เป็็นระยะเวลา1เดือนด้วยกัน หลังจากนั้นระหว่างภรรยานบีก็เลยประชุมกันเพื่อที่จะให้คนหนึ่งคนใดไปบอกกับท่านนบี เพราะว่าตอนนี้เราไม่มีอารายจะกินกันแล้ว ถ้าเราจะอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นคนหนึ่งจากภรรยานบีก็ได้ไปหานบี แล้วก็เอ๋ยถึงเรื่องดังกล่าวกับบท่านนบี หลังจากนั้นอัลลอฮก็ลงอายะฮกุรอานมา
    يايهاالنبي قل لازواجك ان كنتن تردن الحياة الدنيا وزينتها فتعالين امتعكن واسرحكن سراحاجميلا وانكنتن تردن الله ورسوله والدارالاخرة فان الله اعد للمحسنات منكن اجرا عظيما
   ความว่า โอ้ผู้เป็นศาสดาจงสอนภรรยาของสูเจ้าเถิดว่า มาตรแม้นพวกเทอปรารถนาชีวิตทางโลกนี้ และสิ่งประดับของมันพวกเทอก็จงมาเถิดฉันจะให้ความสุขฉันจะให้ความสุขแก่พวกเทอและฉันจะปลกปล่อยพวกเทอไปอย่างดี(คือหย่าร้างโดยดี) และหากพวกเทอปรารถนา(รางวัลจากอัลลอฮ)ศาสนทูตของพระองค์ และโลกหน้าที่จริงอัลลอฮได้เตรียมไว้ให้กับพวกเทอที่ประกอบคุณความดีซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่
  แล้วอันนี้หมายความว่าอย่างไนรหรอครับ หรอว่าอันนี้ทำได้เฉพาะท่านนบีอย่างเดว
  3.แล้วท่านนบีอิบรอฮีม อลัยฮิสลาม ไปพระนางฮายัตกับอิสมาอีลไว้กลางทะเลทราย จากไปประมาณ9-11-13ปีตามสายรายงานไม่เท่ากัน ตรงไหนหรอที่นบีอิบรอฮีมให้นัฟกอฮต่อลูกและภรรยาของท่าน บางรายงานบอกว่ามีอินทผลัมอยู่นิสนุง หรอว่าแบบนี้ทำได้เฉพาะท่านนบีอย่างเดว
  4.ตอนที่ท่านอบูบักรอพยพไปกับท่านนบีอบูบักรทิ้งลูกสาวคืออัสมะฮ กับพ่อตาบอดที่ชื่ออบูกุฮาฟาฮ แล้วก็เอาก้อนหินใส่ไว้ที่เก็บตังแล้วเอาผ้าคลุมเผื่อต้องการให้คนตาบอดสบายใจว่า อบูบักรได้ทิ้งทรัพย์สินไว้ให้ ทั้งๆที่อยู่นัยนั้นก็คือก้อนหิน
    แล้วไหนละนัฟกอฮที่ท่านอบูบักทิ้งไว้ให้กับพ่อและลูกสาว
 สุดท้ายนี้เที่ผมนำเสนอผมไม่ได้แนะนาำให้คนละทิ้งการจ่ายนัฟกอฮ แต่นัยบางครั้งเมื่อศาสนามันสำคัญกว่า ความสุขบนดุนยาก็ต้องละทิ้งมันไปบ้าง เพื่อจะเอาการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จากอัลลอฮตาอาลา
  والله اعلم

ตัวอย่างอันนี้เป็นต้น ผมเข้าใจนะ รู้สึก(อัลลอฮให้)สมองตัวเองจะเปิดรับรูปแบบคำตอบด้วยการยกตัวอย่างประวัติ และเหตุการณ์ในสมัยก่อน

ญาซากัลลอฮุค็อยร็อน สำหรับ ตัวอย่างเหตุการณ์ดี ๆ ที่นำมาเล่าต่อครับ



 อัสสาลามูอาลัยกุม  

วอลัยกุมมสลามวะเราะมาตุลลอฮิวะบารอกาตุฮ

 ผมข้องใจเรื่องนัฟเกาะห์ ที่เกี่ยวกับครอบครัวเรา เช่าการเลี้ยงดูลูก ภรรยาเป็นต้น และทุกสิ่งทุกอย่างที่เรื่องศาสนาอิสลามที่ต้องให้สามีรับผิดชอบต่อครอบครัว ..แต่ในสิ่งที่ผมไปร่วมฟังการบรรยายของบรรดามุสลิมที่ดะวะห์กล่าวหลังละหมาด  ทุกๆครั้งที่เขาบอกว่า  "ให้ทุกคนนั้นต้องออกไปดะวะห์ ทรัพย์สินบนโลกทั้งหมด เช่นที่ดิน  ต่างๆ ก็จงขายไป เพราะ ทรัพย์สินที่อยู่บนโลกนั้นล้วนเป็นมายาทางโลกทั้งนั้น ดังนั้นจงขายไปให้หมดแล้วออกไปดะวะห์ แล้วอย่ากลับมาบ้าน ก็ยิ่งดี  ....ยังกล่าวอีกว่าสมัยท่านนบีและศอฮาบัตต่างๆ ท่านออกดะวะห์ไกลๆทั้งนั้น   ...ส่วนลูก  ภรรยานั้น ก็เป็นตัวการอันดับหนึ่งในการออกไปดะวะห์  ดังนั้นจงละทิ้ง  หรือไม่ต้องสนใจมัน......  เพราะการดะวะห์นั้นคือการทำดี  มีใครบ้างที่บอกว่าดะวะห์ไม่ดี  ถึงแม้ว่าเค้าเองไม่มีสมบัติสักอย่าง  อัลลอฮก็ให้รอซกีให้มีข้าวกินเหมือนกัน  ...เห็นใหม"    

หากท่านสงสัยว่าคนดะวะฮ์นั้น หากเขาทิ้งลูกเมีย ไม่นัฟเกาะ ไม่เอาดุนยา นั้นเป็นสิ่งที่ผิด ใช่ครับ มันผิดจริง แต่ผมไม่เคยเห็นคนดะวะฮ์แบบที่ท่านว่า ?

ท่านสามารถอ้างอิงถึงที่มาที่ท่านกล่าวได้หรือไม่ครับ เพราะการกล่าวในลักษณะดังกล่าวโดยไม่อ้างที่มา ในทางศาสนานั้น หากมันไม่ใช่เรื่องจริง ตัวท่านเองนั้น จะตกอยู่ในกลุ่มผู้โกหก และกำลังใส่ร้ายบรรดามุสลิมที่ทำดะวะฮ์อยู่

 จากคำพูดทั้งหมดนี้  ผมขอถามว่าในแนวทางอิสลามควรเป็นอย่างไร  เพราะคนที่ไม่ทราบอย่างผมจึงต้องรบกวนเรียนถาม  

แนวทางอิสลาม คือ ควรปฏิบัติตัวให้สมบูรณ์ทั้งในเรื่องของการนัฟเกาะ์ห์ การแสวงหาริซกี การมั่นใจในริซกีว่ามาจากอัลลอฮ และการดะวะฮ์ครับ ไม่บกพร่องไปในเรื่องใดเรื่องนึง หรือทั้งหมด

แนะนำให้ศึกษาประวัตินบี และศอฮาบะฮ์ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้มาก ๆ ครับ ในนั้นจะมีสถานการณ์ หลาย ๆ อย่างเป็นคำตอบ และเป็นคำสอนให้กับเรา


  วาอาลัยกุมมุสสาลาม  ขอขอบคุณมากๆครับ  และขอให้องค์อัลลอฮคุ้มครองพวกท่านทั้งหลาย

วอลัยกุมมุสลามวะเราะมาตุลลอฮิวะบารอกาตุฮ อามีนครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 04, 2011, 03:19 PM โดย a d n a n »
หากมาอย่าง " ผึ้ง " ก็จะได้ ~o น้ำหวาน o~ กลับไป oOo หากมาอย่าง " แมลงวัน " ก็จะไม่ได้อะไร นอกจาก

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: พ.ค. 05, 2011, 09:40 PM »
0
ผมเข้าใจว่า เมื่อพูดถึงกลุ่มตับลีฆทีไร ประเด็นที่จะถูกมองคู่กันด้วยก็เลี่ยงไม่พ้นในเรื่อง "นัฟเกาะฮ์" นั่นเอง และอาจถือเป็นสาเหตุต้นๆ ที่มีการหย่ากัน และผมเชื่อว่ามันเป็นความบกพร่องที่ตัวบุคคลมากกว่าที่อุดมการณ์ของตับลีฆ ซึ่งไ่ม่อาจนำมาเกี่ยวข้องด้วยได้เลย - วัลลอฮุอะอ์ลัม

แต่ผมว่า ประเด็นที่เกิดฟิตนะห์บนกระดานมากที่สุดในกระทู้แนวนี้ คือ ผู้กล่าวอ้างไม่ได้เป็นฝ่ายนำพิสูจน์แต่อย่างใด และจะกลายเป็น ''การปรักปรำผู้อื่น'' แล้วฟิตนะห์ก็ตามมาครับ

            แต่ตราบใดที่เท้าของเราไม่ยอมก้าวจากที่ๆ อยู่เดิม เพื่อไปเหยียบบนอีกที่แล้ว ร่างกายของเราก็จะยังอยู่ที่เดิม สายตาของเราที่จะมองไปสิ่งๆ หนึ่งก็ย่อมไม่ดีกว่าคนที่ก้าวไปใกล้สิ่งนั้น และเมื่อสายตาเขาไม่ได้มองสิ่งนั้นในระยะที่ใกล้ สมองของเขาก็คิดได้แต่เพียงแค่ระยะสายตานั้นได้จับต้องถึงเท่านั้น - วัลลอฮุอะอ์ลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: พ.ค. 05, 2011, 10:48 PM »
0
บางเรื่องเป็นการพาดพิงบุคคลที่สามในด้านลบ  เมื่อไม่มีหลักฐานให้ถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธินะครับ  ดังนั้นเราไม่ควรไปประจานหรือปรักปรำผู้บริสุทธิ์โดยไม่ได้พิจารณาให้รู้แน่ชัดก่อนว่าเขาทำจริงหรือไม่นะครับ...

ออฟไลน์ sofie

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: นัฟเกาะห์ เป็นวายิบหรือไม่
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: พ.ค. 06, 2011, 01:35 PM »
0
เข้าใจเจ้าของกระทู้นะค๊ะ.....เค้าก้อเเค่ถามดูเเต่ผู้ตอบบางท่าน ทำไมต้องให้หาหลักฐาน อะไรกันมากมายด้วยค๊ะ (มันก้อเเค่คำถาม ใครต้องการตอบก้อตอบ ทำไมต้องมีอาการว่าใครพูด จริงหรือเปล่า ....ถ่ามีคนเเบบนี้เยอะเเยะอีกหน่อยก้อจะไม่มี นักเรียน หรือผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ถามอะไรเเล้ว ....เเละที่สำคัญนะค๊ะ คนที่พูดเเบบนี้มีนิสัยคนไทยเยอะไปหน่อย)
คุณรู้มั๊ย...บนโลกใบนี้ ยังมีผู้ชายมุสลิมอีกมากมายที่ไม่รับผิดชอบลูก และภรรยา เเละมีนิสัยที่โกหกเป็นเรื่องปกติ เพราะในส่วนลึกๆเเล้วพวกเขาเหล่านั้นเห็นตัวเองว่าคือผู้หาเงิน เเละเป็นผูชาย....อ้อ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนหรอกค่ะ เเต่ที่เห็นๆน่ะ คือญาติสนิท กะเพื่อสนิท ค่ะ
มีสามี เป็นคน อินเดีย ละหมาดมิได้ขาด บวชไม่เคยขาด เเต่จ่ายค่าเลี้ยงดูให้ภรรยา เเค่ ปีละ 8000 บาท ขอย้ำว่า 8000 บาท / ปี ด้วยการเงินและตำเเหน่งเป็นนักบิน บังคับภรรยาทุกอย่าง ไม่เว้นเเม้เรื่องบนเตียง...น้องเราก็กลัวท้องเลยขอคุญเรื่องค่าเลี้ยงดู มันบอกว่าก็ไปเอาออกซิ  น้องสาวเราทำงานเหมือนทาส ของเนมากกว่านี้ก็ไม่ได้ บอกว่าไม่ได้ปั๊มเงินเอง ....ดูมันพูดซิ น้องเราทำงานเป็น management เงินเดือนราว ๆ50000 กว่าบาท ก็เลยต้องเจ็บกะสามีเเย่ๆ

เรื่องจริง ทั้งหมด เพราะไม่รู้จะโกหกไปทำไม บาปมากกด้วย

 

GoogleTagged