ไปอ่านเจอมาแล้วคร้าบ หลักการที่วะฮาบีย์...ยึดมั่นแล้วนำมาตอบโต้อัลอะชาอิเราะฮ์ ฉบับภาษาไทยโดย Yahya Ismael Haskanbancha ดังนั้นขอให้พี่ช่วยชี้แจงให้วะฮาบีย์กระจ่างหน่อยคร้าบ...เพราะรู้สึกว่าพวกเขาโกหกต่ออัลอะชาอิเราะฮ์...แล้วนำมาเป็นหลัก(โกหกอันนี้)เพื่อมาตอบโต้และใส่ใคล้อัลอะชาอิเราะฮ์...
วะฮาบีย์(ที่บอกว่าตนเองอิคลาศ บริสุทธิ์ใจ) ได้เขียนบทความตามนัยยะของความอิคลาศของพวกเขาต่ออัลอะชาอิเราะฮ์ว่า...
หลักสำคัญต่างๆในการตอบโต้กับกลุ่มอะชาอิเราะห์
. القول في بعض الصفات كالقول في بعض
1.การยอมรับคุณลักษณะทุกอย่าง(ที่อัลลอห์และรอซู้ลยืนยัน)นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น
กลุ่มอะชาอิเราะห์นั้นยอมรับว่าอัลลอห์มีคุณลักษณะบางอย่างจริงๆเช่น
การมีชีวิต, การรอบรู้, การได้ยิน, การมองเห็น, การพูด, การมีเจตนา,การทรงอำนาจ แต่ทว่าพวกเขาปฏิเสธในการยอมรับบางคุณลักษณะ เช่น
การรักและพอพระทัยของอัลลอห์, การทรงโกรธกริ้ว,การรังเกียจ โดยพวกเขาพยายามตีความคุณลักษณะเหล่านี้ให้มีความหมายอื่นที่ผันเปลี่ยนออก ไปจากความหมายที่แท้จริง โดยตีความหมายคุณลักษณะเหล่านี้ว่า การมีเจตนา,ความโปรดปราน,การลงโทษ
กลุ่มอะห์ลุสซุนนะห์ได้โต้ตอบการปฏิเสธและไม่ยอมรับคุณลักษณะเหล่านี้ไว้ว่า
"การยอมรับคุณลักษณะใดๆก็ตามย่อมจำเป็นที่จะต้องยอมรับในอีกคุณลักษณะ หนึ่งเช่นกัน" เช่น หากอะชาอิเราะห์ยอมรับคุณลักษณะการมีชีวิตของอัลลอห์ พวกเขาก็ต้องยอมรับคุณลักษณะการมีความรักและพอพระทัยของอัลลอห์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากทั้งสองคุณลักษณะนี้(การมีชีวิตและการมีความรักและพอพระทัยของอัล ลอห์) ต่างก็เป็นคุณลักษณะด้วยกันทั้งสิ้น
หากอะชาอิเราะห์แย้งมาว่า "การมีชีวิตของอัลลอห์เป็นคุณลักษณะที่เป็นจริงและเป็นไปในแบบที่คู่ควรกับ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ส่วนการมีความรักของพระองค์นั้นเป็นคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกับคุณลักษณะของ สิ่งถูกสร้างจึงไม่สามารถยอมรับได้"
จงแย้งกลับไปว่าการมีชีวิตและการมีความรักต่างก็เป็นคุณลักษณะด้วย กันทั้งสอง หากการมีความรักเป็นคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกับคุณลักษณะของสิ่งถูกสร้าง ก็เท่ากับว่าอะชาอิเราะห์กำลังยอมรับว่าการมีชีวิตของอัลลอห์นั้นก็คล้าย คลึงกับการมีชีวิตของสิ่งถูกสร้างเช่นกัน.
الصفات التي وردت في الكتاب والسنة حق يجب الإيمان بها كما جاءت من غير تشبيه ولا تعطيل ولا تحريف ولا تأويل
2.คุณลักษณะต่างๆของอัลลอห์ที่ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานและซุนนะห์เป็นคุณลักษณะที่มีจริงและจำเป็นต้องศรัทธาไปตามที่ได้ถูกกล่าวไว้โดยไม่ทำการเปรียบเทียบ,เปลี่ยนแปลง,บิดเบือนและตีความ.
เช่น อะชาอิเราะห์ปฏิเสธการมีทิศที่อยู่ของอัลลอห์ (อัลญิฮะห์)
จงตอบโต้อะชาอิเราะห์ไปว่า " อะไรคือสาเหตุที่ปฏิเสธการมีทิศที่อยู่ของอัลลอห์" ?
หากพวกเขาตอบว่า " เนื่องจากว่าการยอมรับว่าอัลลอห์มีทิศที่อยู่จะทำให้พระองค์นั้นอยู่ภายในขอบเขตของฟากฟ้าซึ่งพระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าชั้นฟ้าจึงไม่สามารถยอมรับการมีทิศที่อยู่ของอัลลอห์ได้"
จงตอบพวกเขา(อะชาอิเราะห์)ไปว่า " การมีทิศที่อยู่ของอัลลอห์นั้นมีจริง เพราะพระองค์นั้นทรงอยู่เหนือบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระองค์ทั้งหมดและทรงอยู่ เหนือชั้นฟ้าทั้งหมดด้วยเช่นกัน"
إن التعطيل سببه اعتقاد التشبيه
3.สาเหตุของแนวคิดการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของอัลลอห์ออกจากความหมายจริง(ของกลุ่มอะชาอิเราะห์)ก็คือการยึดมั่นในเรื่องการเปรียบเทียบ
กลุ่มอะชาอิเราะห์นั้นเมื่อได้ยินถึงคุณลักษณะต่างๆของอัลลอห์ ถูกกล่าวขึ้นมา สิ่งแรกที่พวกเขากระทำก็คือ พยายามคิดและเปรียบเทียบคุณลักษณะนั้นว่าเป็นคุณลักษณะของสิ่งถูกสร้างด้วย รึไม่? หากเป็นคุณลักษณะของสิ่งถูกสร้างด้วยพวกเขาก็จะไม่ยอมรับและเปลี่ยนแปลงหรือ ตีความคุณลักษณะนั้นๆของอัลลอห์ออกจาก ความหมายที่แท้จริงทันทีเพื่อมิให้อัลลอห์เกิดความคล้ายคลึงกับสิ่งถูกสร้าง เช่น ในอัลกุรอานมีการระบุไว้ว่าอัลลอห์นั้นทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ เมื่อกลุ่มอะชาอิเราะห์ได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็คิดว่าการประทับบนบัลลังก์นั้นเป็นคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกับของสิ่ง ถูกสร้างจึงไม่สามารถยอมรับคุณลักษณะ นี้ได้ ฉะนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะนี้จากการประทับบนบัลลังก์เปลี่ยนไป เป็นการมีอำนาจและครอบครอง ซึ่งแนวคิดนี้ถือเป็นสิ่งที่อันตรายและผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะว่า
- คุณลักษณะต่างๆของอัลลอห์นั้นถูกระบุไว้ในอัลกุรอานและซุนนะห์ และเมื่อมีการกล่าวถึงคุณลักษณะต่างๆของอัลลอห์ ท่านนบีก็ยอมรับและศรัทธาไปตามนั้นโดยมิได้ทำการเปรียบเทียบหรือตีความแต่ อย่างใด.
- การเปลี่ยนแปลงและตีความหมายคุณลักษณะต่างๆของอัลลอห์นั้นเท่ากับว่าเป็นการกล่าวหาท่านนบีมุฮัมมัดว่าปกปิดความจริง และบกพร่องในการเผยแพร่อิสลาม เพราะหากว่าการตีความเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วแน่นอนว่าท่านนบีจะต้องเป็นผู้ แรกที่กระทำ และท่านเองก็จะต้องสั่งใช้ประชาชาติของท่านให้กระทำ แต่ทว่าท่านเองก็มิได้กระทำและมิได้สั่งใช้ให้ประชาติของท่านเปลี่ยนแปลงและ ตีความคุณลักษณะของอัลลอห์เลยแต่อย่างใด.
ฉะนั้นแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่มุสลิมทุกคนจะต้องเชื่อและศรัทธาต่อคุณลักษณะของอัลลอห์ไปตามที่อัลกุรอานและซุนนะห์กล่าวไว้โดยไม่ทำการเปรียบเทียบ,เปลี่ยนแปลง,บิดเบือนและตีความ.
إن آيات الصفات ليست من المتشابه
4.อายะห์อัลกุรอานต่างๆที่ระบุถึงคุณลักษณะของอัลลอห์มิใช่หมายความว่าคุณลักษณะเหล่านั้นละม้ายคล้ายคลึงกับสิ่งใด
กลุ่มอะชาอิเราะห์นั้นมีความเข้าใจที่ผิดพลาดและคลาดเคลื่อนว่าอายะห์อัลกุรอานต่างๆที่ระบุถึงคุณลักษณะของอัลลอห์ นั้นจะต้องละม้ายคล้ายคลึงกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่ผิดพลาดและอันตรายอย่างยิ่ง เพราะการที่อัลลอห์มีคุณลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การประทับบนบัลลังก์, การลงมาสู่ชั้นฟ้าของโลกดุนยาในทุกๆช่วงสุดท้ายของค่ำคืน ฯลฯ การมีคุณลักษณะเหล่านี้มิได้หมายความว่าพระองค์จะต้องคล้ายคลึงกับสิ่งถูก สร้างของพระองค์ เพราะพระองค์ย่อมมีคุณลักษณะเหล่านี้อย่างแท้จริงในรูปแบบที่เหมาะสมและคู่ ควรกับความยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยไม่มีสิ่งใดที่จะมาเสมอเหมือนหรือเทียบเคียงกับพระองค์ ดังที่อัลลอห์ได้ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
{ ليس كمثله شيء و هو السميع البصير }
ความว่า " ไม่มีสิ่งใดที่จะเสมอเหมือนพระองค์อัลลอห์และพระองค์นั้นทรงได้ยินและทรงเห็น " ซูเราะห์ อัชชูรอ อายะห์ที่ 11
ท่านอิหม่ามมาลิกได้ถูกสอบถามเกี่ยวการประทับบนบัลลังก์ของอัลลอห์ ท่านได้ตอบไปว่า"การประทับนั้นเป็นสิ่งที่รู้กัน ส่วนวิธีการประทับนั้นเหนือเกินกว่าสติปัญญาจะคาดคิดได้ และการสอบถามถึงวิธีการประทับนั้นเป็นสิ่งที่อุตริต่อเติมในศาสนา และการอีหม่านศรัทธาในการประทับนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น"
แม้แต่คุณลักษณะเดียวกันของสิ่งถูกสร้างเองยังมีความแตกต่างกัน เช่น มนุษย์มีขา แมวมีขา ไก่มีขา แต่ ทั้งสามก็มิได้มีลักษณะของขาที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันแต่อย่างใด.
بيان حقيقة التأويل لهم
5.จำเป็นที่อะชาอิเราะห์จะต้องเข้าใจความหมายคำว่าการตีความ(อัตตะวีล) อย่างแท้จริง
คำว่า ตะวีล มีความหมายทางภาษาศาสตร์ว่า " การอธิบาย , การขยายความ "
ส่วนความหมายทางศัพท์วิชาการมีความหมายว่า " การผันเปลี่ยนความหมายของคำๆหนึ่งออกจากความหมายที่แท้จริงของมันอันเนื่อง จากมีหลักฐานบ่งบอก "
ซึ่งการผันเปลี่ยนความหมายของคำๆหนึ่งออกจากความหมายที่แท้จริงของมันอันเนื่องจากมีหลักฐานบ่งบอกนั้นมีอยู่ 3 สภาพด้วยกันคือ
1. การผันเปลี่ยนความหมายของคำๆหนึ่งออกจากความหมายที่แท้จริงของมันเนื่องจาก มีหลักฐานบ่งบอกมาจาก อัลกุรอานและซุนนะห์ที่ถูกต้องมาจากท่านนบี
ซึ่งการตีความ( ตะวีล )ในกรณีนี้เป็นการตีความที่ถูกต้องและไม่มีการขัดแย้งกันในหมู่นักวิชาการ อิสลาม โดยการตีตวามลักษณะนี้เรียกว่า ตะวีล ซอเฮี๊ยะห์ หรือตะวีล ก่อรีบ التأويل الصحيح أو التأويل القريب.
2. การผันเปลี่ยนความหมายของคำๆหนึ่งออกจากความหมายที่แท้จริงของมันเนื่องจากการวิเคราะห์ของนักวิชาการว่ามันน่าจะเป็นหลักฐานแต่ในความเป็นจริงแล้วมันมิใช่หลักฐาน
การตีความ ( ตะวีล ) ในกรณีนี้เป็นการตีความที่ห่างไกลจากความถูกต้อง เพราะผู้ที่ตีความนำการตีความมาจากการวิเคราะห์หรือคาดเดาของเขาเองโดยมิได้ ใช้อัลกุรอานและซุนนะห์ของท่านนบีมาเป็นบรรทัดฐานในการตีความ การตีความในลักษณะนี้จึงใช้ไม่ได้ เราเรียกการตีความลักษณะนี้ว่า ตะวีล บะอีด التأويل البعيد .
3. การผันเปลี่ยนความหมายของคำๆหนึ่งออกจากความหมายที่แท้จริงของมันโดยไม่มีหลักฐานใดๆบ่งบอก
การตีความ ( ตะวีล )ในกรณีนี้เป็นการตีความที่ใช้ไม่ได้และถือเป็นการล้อเล่นกับอัลกุรอานและซุนนะห์ของท่านนบี
ตัวอย่าง เช่น การตีความหมายของอายะห์อัลกุรอานที่อัลลอห์ตรัสว่า
( إنَّ الله يأمركم أن تذبحوا بقرةً ) [ البقرة : 67]
ความว่า"แท้จริงอัลลอห์ทรงสั่งใช้ให้พวกท่านเชือดวัวหนึ่งตัว"ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์67
แต่ทว่าพวกชีอะห์หัวรุนแรง (รอฟิเฎาะห์)ได้ตีความหมายคำว่า วัว ในอายะห์นี้เป็นท่านหญิงอาอิชะห์ (วัลอิยาซุบิลลาห์)โดยไม่มีหลักฐานที่ถูกต้องแต่อย่างใด
จุดนี้ถือเป็นการตีความที่ไม่มีหลักฐาน และเป็นการล้อเล่นกับอัลกุรอานและเป็นการดูถูกเหยียดหยามเกียรติของภรรยาท่านนบีอย่างชัดเจน
และการตีความของกลุ่มอะชาอิเราะห์ที่ตีความหมายของคำว่า การประทับของอัลลอห์เป็นการมีอำนาจครอบครอง ถือว่าเข้าข่ายการตีความในลักษณะนี้เนื่องจากไม่มีหลักฐานใดๆจากอัลกุรอาน หรือซุนนะห์ที่บ่งบอกว่าการประทับของอัลลอห์นั้นมีความหมายว่าการมีอำนาจครอบครอง การตีความในลักษณะนี้เรียกว่า ตะวีล ละอิบ تأويل اللعب.
สิ่งที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นหลักสำคัญในการตอบโต้กับกลุ่มอะชาอิเราะห์ในเรื่องการตีความคุณลักษณะต่างๆของอัลลอห์ เราขอดุอาต่ออัลลอห์ให้พระองค์ทรงนำทางเราและท่านทั้งหลายสู่แนวทางอันถูกต้องและยืนหยัดมั่นคงบนแนวทางนั้นด้วยเถิด.
วัลลอหุอะอฺลัม