ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 43 อัซซุครุฟ  (อ่าน 4478 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัซซุครุฟ - الزّخرف - เครื่องประดับ
เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 89 อายะฮฺ


ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัซซุครุฟ (R4.)

   ซูเราะฮฺ อัซซุครุฟ เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ที่ถือเอาหลักการอะกีดะฮฺอิสลามียะฮฺและหลักการศรัทธาเป็นเรื่องสำคัญ เช่น เรื่องของความศรัทธาต่อความเป็นเอกภาพ ต่อสาส์น ต่อการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน เช่นเดียวกับซูเราะฮฺ มักกียะฮฺอื่น ๆ
   ซูเราะฮฺได้เปิดเผยเพื่อยืนยันถึงแหล่งที่มาของอัลวะฮียฺ และความจริงของอัลกุรอาน ซึ่งอัลลอฮฺทรงประทานลงมาให้แก่ท่านนะบีผู้อ่านไม่ออกเขียนไม่เป็นด้วยสำนวนที่ชัดเจน และข้อชี้แจงที่ชัดแจ้ง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นปาฏิหาริย์ที่กระจ่างชัดแกท่านนะบีที่เป็นชาวอาหรับ
   จากนั้นได้เปิดเผยหลักฐานต่าง ๆ แห่งเดชานุภาพและความเป็นเอกภาพของอัลลอฮฺตะอาลา ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ในภูเขาและที่ราบลุ่ม ท้องทะเลและแม่น้ำ ในน้ำที่ไหลรินมาจากฟากฟ้าและเรือเดินสมุทรที่อยู่ในท้องทะเล ในปศุสัตว์ซึ่งอัลลอฮฺทรงอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์เพื่อให้พวกเขาใช้กินมัน และใช้เป็นพาหนะสำหรับขี่มัน
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงสังคมสมัยญาฮิลียะฮฺที่ใช้ชีวิตอยู่กับการเชื่อถืออย่างงมงายและการบูชารูปปั้นเจว็ด โดยที่พวกเขาเกลียดบุตรหญิง แต่ในเวลาเดียวกันก็จัดสรรบุตรหญิงให้แก่อัลลอฮฺด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา โดยอ้างว่ามะลาอิกะฮฺเป็นบุตรหญิงของอัลลอฮฺ อัลอายาตได้ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเพื่อขจัดความเชื่อถือที่ไม่ถูกต้องของพวกเขา และเพื่อชี้นำจิตใจให้กลับคืนสู่ธรรมชาติและข้อเท็จจริงที่แน่นอน
   ซูเราะฮฺได้กล่าวโดยบ่งถึงการเรียกร้องของอัลค่อลีล อิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม ซึ่งพวกมุชริกีนได้อ้างว่าพวกเขาสืบเชื้อสายและมีแนวทางเดียวกับเขา ซูเราะฮฺได้ปฏิเสธข้ออ้างอันเหลวไหลของพวกเขา และได้ชี้แจงว่าอิบรอฮีมนั้นเป็นคนแรกที่ปลีกตัวจากการเชื่อถือรูปปั้นเจว็ด
   ซูเราะฮฺได้เปลี่ยนมาทำลายล้างข้อสงสัยที่ไม่อยู่ในร่องรอย ซึ่งพวกมุชริกีนช่วยกันกุขึ้นมาเกี่ยวกับสาส์นของท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยพวกเขาเสนอแนะให้มีการประทานสาส์นลงมาแก่บุคคลที่มีชื่อเสียงเกียรติยศและมีฐานะ มิใช่ประทานลงมาแก่ผู้กำพร้าบิดามารดา และยากจน เช่น มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อัลอายาตได้ตอบโต้และยืนยันว่า ชื่อเสียงเกียรติยศและฐานะมิใช่เรื่องวัดความมีเกียรติของมนุษย์ และการครอบครองตำแหน่งสูง ๆ แต่ประการใด และว่าโลกดุนยานั้น เพราความไร้ค่าและความน่าชังของมัน หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์จะทรงให้อย่างอุดมสมบูรณ์แก่พวกกุฟฟาร และจะทรงระงับการให้แก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่เป็นผู้ศรัทธา
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงเรื่องราวของ “มูซากับฟิรเอานฺ” เพื่อยืนยันถึงข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวมาแล้ว นั่นคือฟิรฺเอานฺผู้หยิ่งยโส มีความภูมิใจและโอหังต่อมูซาในอำนาจการปกครองของเขา เช่นเดียวกับบรรดาหัวหน้าของกุเรชที่แสดงต่อท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้น บั้นปลายของเขาก็คือการจมน้ำตายและความพินาศอย่างย่อยยับ
   ซูเราะฮฺได้จบลงบด้วยการชี้แจงบางส่วนของวันปรโลกและความน่ากลัวของวันนั้น และได้ชี้แจงถึงสาพของผู้กระทำผิด โดยที่พวกเขาโอดครวญตะเกียกตะกายอยู่ในขุมนรก
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ซุเราะฮฺ อัลซุครุฟถูกขนานนามเช่นนี้เพราะในซูเราะฮฺได้มีการยกอุทาหรณ์อย่างน่าประทับใจถึงความเพริศแพร้วของโลกดุนยาที่ล่อลวง และจะสูญสลายไปในที่สุด ความเพริศแพร้วดังกล่าวได้ทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่เคลิบเคลิ้มไปกับมัน ทั้ง ๆ ที่โลกดุนยานั้นไม่มีคุณค่าเลย ณ ที่อัลลอฮฺ ดังนั้นอัลเลาะฮฺจึงประทานให้ทั้งคนดีและคนชั่ว ด้วยเหตุนี้ คนดีและคนชั่วจะได้รับความดีในโลกดุนยานี้ ส่วนในปรโลก อัลลอฮฺจะไม่ทรงประทานความดีแก่ผู้ใดเลย นอกจากปวงบ่าวของพระองค์ผู้ศรัทธา ผู้ยำเกรงเท่านั้น โลกดุยานั้นจะต้องพินาศสูญสลาย ส่วนปรโลกนั้นจะอยู่ยงคงต่อไปตลอดกาล

   
----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 1 – 5


คำอ่าน
1. หา มีม
2. วัลกิตาบิลมุบีน
3. อิน..นาญะอัลนาฮุ กุรฺอานัน อะเราะบียัล ละอัลละกุมตะอฺกิลูน
4. วะอิน..นะฮู ฟี..อุม..มิลกิตาบิ ละดัยนา ละอะลียุลหะกีม
5. อะฟะนัฎริบุ อัน..กุมุซซิกเราะ ศ็อฟหัน อัน..กุน..ตุม ก็อวมัม..มุสริฟีน


คำแปล R1.
1. Ha-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (Alone) knows their meanings].
2. By the manifest Book (that makes things clear, i.e. This Qur'an).
3. We verily, have made it a Qur'an in Arabic, that you may be able to understand (its meanings and its admonitions).
4. And verily, it (this Qur'an) is in the mother of the Book (i.e. Al-Lauh Al-Mahfuz), before us, indeed exalted, full of wisdom.
5. Shall we then (warn you not and) take away the reminder (this Qur'an) from you, because you are a people Musrifun.


คำแปล R2.
1. ฮา, มีม
2. ขอยืนยันในคัมภีร์(อัลกุรอานที่แจ้งชัด)
3. แท้จริงเราได้บันดาลคัมภีร์นั้นให้เป็นกุรอานภาษาอาหรับ เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าใจ
4. และแท้จริงอัลกุรอานมีปรากฏอยู่ในแม่บทแห่งคัมภีร์ซึ่งอยู่ที่เราเอง แน่นอนยิ่ง เป็นคัมภีร์อันสูงส่ง เป็นคัมภีร์ที่ยิ่งด้วยวิทยญาณ
5. (สมควร)หรือที่เราจะเพิกเฉยคำเตือน(แห่งอัลกุรอาน)จากพวกเจ้าทั้งหลาย เพียงเพราะสาเหตุที่พวกเจ้าเป็นกลุ่มชนที่ล่วงละเมิด


คำแปล R3.
1. ฮา มีม
2. ขอสาบานด้วยคัมภีร์อันชัดเจนนี้
3. เราได้ทำกุรฺอานเป็นภาษาอาหรับ เพื่อที่สูเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าใจมัน
4. และความจริงแล้ว อัล-กุรอานได้อยู่ใน อุมมุลกิตาบ ซึ่งอยูที่เรา เป็นคัมภีร์อันสูงส่งและเต็มไปด้วยวิทยปัญญา
5. ตอนนี้จะให้เราหันเหและหยุดส่งข้อตักเตือนนี้มายังสูเจ้าเพียงเพราะสูเจ้าเป็นผู้ฝ่าฝืนกระนั้นหรือ?


คำแปล R4.
1. ฮามีม
2. ขอสาบานด้วยคัมภีร์อันชัดแจ้ง
3. แท้จริงเราได้ทำให้คัมภีร์เป็นกุรฺอานภาษาอาหรับ เพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญา
4. และแท้จริงอัลกุรอานนั้นอยู่ในแม่บทแห่งคัมภีร์ (อัลลูฮุลมะฮฺฟูซ ) ณ ที่เรา คือสูงส่งพรั่งพร้อมด้วยปรัชญา
5. ดังนั้นจะให้เราหันเหข้อตักเตือนนี้จากพวกเจ้าเสียทีเดียว เพราะพวกเจ้าเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืนกระนั้นหรือ


คำแปล  R5.
๑. ฮา มีม อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงทราบความหมายแห่งอักษรนี้
๒. ขอสาบานด้วยคัมภีร์กุรอานอันแจ้งชัด
๓. แท้จริงเราได้บันดาลมัน เป็นกุรอานภาษาอาหรับ เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้ใช้ปัญญาตริตรองถึงเนื้อความแห่งโองการได้เข้าใจอย่างง่ายดาย
๔. และแท้จริงกุรอานนั้นได้ปรากฏแล้วในแม่บทแห่งคัมภีร์คือเลาฮูลมะห์ฟู๊ซแผ่นจารึกซึ่งมีอยู่ที่เราเอง แน่นอนเป็นคัมภีร์อันสูงส่งกว่าคัมภีร์อื่น ๆ อีกทั้งชี้ขาดข้อบัญญัติต่าง ๆ ไว้พร้อมมูล โดยยกเลิกบทบัญญัติในคัมภีร์อื่น ให้ยึดถือบทบัญญัติแห่งคัมภีร์อัลกุรอานเป็นเด็ดขาด
๕. โอ้ชาวเนรคุณแห่งมักกะห์ เราเพิกถอนบทตักเตือนคืออัลกุรอานออกจากพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าเป็นกลุ่มชนที่ฟุ้งเฟ้อในการตั้งภาคีกระนั้นหรือ ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เราเมตตาพวกเจ้า ปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเจ้าให้เจริญขึ้น จึงประทานอัลกุรอานแก่พวกเจ้า และกำชับให้เข้าสู่ทางรอดโดยแท้จริง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 6 - 8


คำอ่าน
6. วะกัมอัรฺสัลนา มิน..นะบียยิน..ฟิลเอาวะลีน
7. วะมายะอ์ตีฮิม..มิน..นะบียิน อิลลากานูบิฮี ยัสตะฮฺซิอูน
8. ฟะอะฮฺลักนา..อะชัดดะมินฮุม..บัฏเชา..วะมะฎอ มะษะลุลเอาวะลีน


คำแปล R1.
6. And how many a Prophet have we sent amongst the men of old.
7. And never came there a Prophet to them but they used to mock at him.
8. Then we destroyed men stronger (in power) than these, and the example of the ancients has passed away (before them).


คำแปล R2.
6. และมีศาสดาจำนวนตั้งมากมายเท่าไรแล้วที่เราได้ส่งมา(ประกาศศาสนา)ในบรรพชนในอดีต
7. และไม่ว่าจะเป็นศาสดาคนใดก็ตามที่มายังพวกเขา นอกจากพวกเขาต้องเย้ยหยันต่อเขาเสมอ
8. ดังนั้น เราจึงทำลายล้างผู้ที่มีพละกำลังร้ายกาจที่สุดจากพวกเขา และอุทาหรณ์แห่งมวลบรรพชนได้ผ่านพ้นมาแล้ว(ในอดีตอย่างมากมาย)


คำแปล R3.
6. กี่นบีแล้วที่เราได้ส่งมายังหมู่ชนก่อนหน้านี้
7. ไม่เคยมีเลยที่เมื่อมีนบีคนหนึ่งได้มายังหมู่ชนของเขา และพวกเขาจะไม่เยาะเย้ยเขา
8. ดังนั้น เราจึงได้ทำลายพวกเขาถึงแม้พวกเขาจะมีอำนาจเข้มแข็งกว่า มีตัวอย่างของหมู่ชนก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมากมายแล้ว

 
คำแปล R4.
6. และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ส่งนะบีมาในชนชาติรุ่นก่อน ๆ
7. และไม่มีนะบีคนใดที่ได้มายังพวกเขาเว้นแต่พวกเขาจะได้เยาะเย้ยเขา (นะบี)
8. ฉะนั้นเราจึงได้ทำลาย (หมู่ชน) ซึ่งเข้มแข็งทางสมรรถภาพมากกว่าพวกเขา และอุทาหรณ์ของชนชาติรุ่นก่อน ๆ ก็ได้ล่วงลับไปแล้ว


คำแปล  R5.
๖. และจำนวนตั้งเท่าไรแล้ว ที่เราได้ส่งศาสดาทำหน้าที่ประกาศสัจธรรมของเราในมวลบรรพชนเมื่ออดีต
๗. และไม่มีศาสดาคนใดมายังพวกเขาเพื่อทำหน้าที่ประกาศสัจธรรมนอกจากพวกเขาจะต้องเย้ยหยันศาสดานั้น ๆ ด้วยหัวใจคัดค้านและดื้อดึง
๘. ต่อมาเราก็ทำลายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากพวกเขาอย่างรุนแรง และข้อเปรียบเทียบของบรรดาบรรพชนในอดีตได้มีปรากฏผ่านพ้นมาแล้วอย่างชัดเจนในอัลกุรอาน โดยเล่าถึงประวัติและลักษณะทั่วไปของกลุ่มชนเหล่านั้น ตลอดจนสาเหตุที่พวกเขาถูกทำลายจนสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์มนุษยชาติ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 6 - 8


คำอ่าน
6. วะกัมอัรฺสัลนา มิน..นะบียยิน..ฟิลเอาวะลีน
7. วะมายะอ์ตีฮิม..มิน..นะบียิน อิลลากานูบิฮี ยัสตะฮฺซิอูน
8. ฟะอะฮฺลักนา..อะชัดดะมินฮุม..บัฏเชา..วะมะฎอ มะษะลุลเอาวะลีน


คำแปล R1.
6. And how many a Prophet have we sent amongst the men of old.
7. And never came there a Prophet to them but they used to mock at him.
8. Then we destroyed men stronger (in power) than these, and the example of the ancients has passed away (before them).


คำแปล R2.
6. และมีศาสดาจำนวนตั้งมากมายเท่าไรแล้วที่เราได้ส่งมา(ประกาศศาสนา)ในบรรพชนในอดีต
7. และไม่ว่าจะเป็นศาสดาคนใดก็ตามที่มายังพวกเขา นอกจากพวกเขาต้องเย้ยหยันต่อเขาเสมอ
8. ดังนั้น เราจึงทำลายล้างผู้ที่มีพละกำลังร้ายกาจที่สุดจากพวกเขา และอุทาหรณ์แห่งมวลบรรพชนได้ผ่านพ้นมาแล้ว(ในอดีตอย่างมากมาย)


คำแปล R3.
6. กี่นบีแล้วที่เราได้ส่งมายังหมู่ชนก่อนหน้านี้
7. ไม่เคยมีเลยที่เมื่อมีนบีคนหนึ่งได้มายังหมู่ชนของเขา และพวกเขาจะไม่เยาะเย้ยเขา
8. ดังนั้น เราจึงได้ทำลายพวกเขาถึงแม้พวกเขาจะมีอำนาจเข้มแข็งกว่า มีตัวอย่างของหมู่ชนก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมากมายแล้ว

 
คำแปล R4.
6. และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ส่งนะบีมาในชนชาติรุ่นก่อน ๆ
7. และไม่มีนะบีคนใดที่ได้มายังพวกเขาเว้นแต่พวกเขาจะได้เยาะเย้ยเขา (นะบี)
8. ฉะนั้นเราจึงได้ทำลาย (หมู่ชน) ซึ่งเข้มแข็งทางสมรรถภาพมากกว่าพวกเขา และอุทาหรณ์ของชนชาติรุ่นก่อน ๆ ก็ได้ล่วงลับไปแล้ว


คำแปล  R5.
๖. และจำนวนตั้งเท่าไรแล้ว ที่เราได้ส่งศาสดาทำหน้าที่ประกาศสัจธรรมของเราในมวลบรรพชนเมื่ออดีต
๗. และไม่มีศาสดาคนใดมายังพวกเขาเพื่อทำหน้าที่ประกาศสัจธรรมนอกจากพวกเขาจะต้องเย้ยหยันศาสดานั้น ๆ ด้วยหัวใจคัดค้านและดื้อดึง
๘. ต่อมาเราก็ทำลายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากพวกเขาอย่างรุนแรง และข้อเปรียบเทียบของบรรดาบรรพชนในอดีตได้มีปรากฏผ่านพ้นมาแล้วอย่างชัดเจนในอัลกุรอาน โดยเล่าถึงประวัติและลักษณะทั่วไปของกลุ่มชนเหล่านั้น ตลอดจนสาเหตุที่พวกเขาถูกทำลายจนสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์มนุษยชาติ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 9 - 11


คำอ่าน
9. วะละอิน..สะอัลตะฮุม..มันเคาะละก็อสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะ ละยะกูลุน..นะ เคาะละเกาะฮุน..นัลอะซีซุลอะลีม
10. อัลละซี ญะอะละ ละกุมุลอัรฺเฎาะ มะฮฺเดา..วะญะอะละละกุม ฟีฮาสุบุลัล ละอัลละกุม ตะฮฺตะดูน
11. วัลละซี นัซซะละมินัสสะมา...อิ มา...อัม..บิเกาะดะริน..ฟะอัน..ชัรฺนาบิฮี บัลดะตัม..มัยตา กะซาลิกะตุคเราะญูน


คำแปล R1.
9. And indeed if you ask them, "Who has created the heavens and the earth?" they will surely say: "The All-Mighty, the All-Knower created them."
10. Who has made for you the earth like a bed, and has made for you roads therein, in order that you may find your way,
11. And who sends down water (rain) from the sky in due measure. Then we revive a dead land therewith, and even so you will be brought forth (from the dead),


คำแปล R2.
9. ขอยืนยัน! แท้จริงหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครหนอที่บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน” แน่นอนที่สุด พวกเขาก็ต้องตอบว่า “พระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้ยิ่งได้บันดาลสิ่งเหล่านั้นไว้!”
10. ซึ่งพระองค์ทรงบันดาลแผ่นดินให้เป็นที่พำนักอาศัยสำหรับพวกเจ้า และทรงบันดาลเส้นทางต่าง ๆ ไว้ในนั้น เพื่อพวกเจ้าจักได้รับการชี้นำทาง(ในการสัญจรไปยังสถานที่ต่าง ๆ )
11. และพระองค์ทรงหลั่งน้ำฝนให้ลงมาจากฟ้า โดยอัตราส่วนที่แน่ชัด แล้วเราก็โปรดปรานให้แผ่นดินที่เคยแห้งแล้ง เกิดความสมบูรณ์ขึ้นเพราะน้ำฝนนั้น เช่นนั้น! ที่พวกเจ้าจะถูกนำตัวออก(จากสุสานในวันชาติหน้า)


คำแปล R3.
9. ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้?” แน่นอนพวกเขาจะตอบว่า “พระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้เป็นผู้สร้างมัน”
10. พระองค์คือผู้ทรงทำให้แผ่นดินนี้เป็นเปลสำหรับสูเจ้า และทรงทำให้มีหนทางในนั้นสำหรับสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ถูกนำทางไปยังจุดหมายของสูเจ้า
11. ผู้ทรงประทานน้ำลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณที่กำหนด และด้วยน้ำนั้น เราได้ทำให้ผืนดินที่แห้งแล้งกลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สูเจ้าทั้งหลายจะถูกนำออกมาอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกันนี้แหละ


คำแปล R4.
9. และหากเจ้าถามพวกเขาใครเล่าเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินนี้ แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า พระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้ทรงสร้างมันเหล่านั้น
10. ผู้ทรงทำให้แผ่นดินแผ่กว้างสำหรับพวกเจ้า และทรงทำให้มีถนนหนทางในแผ่นดินนั้นสำหรับพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะบรรลุสู่เป้าหมาย
11. และเป็นผู้ทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณ และด้วยน้ำนั้นเราได้ทรงทำให้แผ่นดินที่แห้งแล้งมีชีวิตชีวาขึ้น เช่นนั้นแหละพวกเจ้าจะถูกให้ออกมา (จากกุบูร)


คำแปล  R5.
๙. ขอสาบาน มาดแม้นพวกเจ้าถามพวกเขาชาวเนรคุณทั้งหลายว่าใครหนอที่สร้างฟ้าและแผ่นดิน แน่นอนพวกเขาจะตอบว่าอัลเลาะห์ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้ ทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นเพียงพระองค์เดียว
๑๐. พระองค์ทรงเป็นผู้บันดาลแผ่นดินให้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเจ้า และสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างมีความสุขและอุดมสมบูรณ์เปรียบดังที่นอนทารกซึ่งอาศัยหลับนอนบนนั้นอย่างสุขสบายและพระองค์ทรงบันดาลหนทางต่าง ๆ ในแผ่นดินไว้แก่พวกเจ้าสำหรับสัญจรตามใจปรารถนาทั้งนี้เพื่อพวกเจ้าจะได้รับการชี้นำในการดำเนินชีวิตทางโลกและดำเนินธุระต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
๑๑. และทรงหลั่งน้ำฝนให้ลงมาจากฟากฟ้า โดยถูกกำหนดอัตราและเวลาไว้อย่างแน่นอนแล้วเราก็ชุบชีวิตโดยน้ำนั้นแก่บ้านเมืองที่พื้นดินทั่ว ๆ ไปแห้งแล้งเหมือนว่าตายไปแล้วให้กลับมาชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่นนั้นเหมือนกัน ที่เจ้าทั้งหลายจะถูกนำตัวออกจากสุสานในวันกิยามะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 12 - 14


คำอ่าน
12. วัลละซี เคาะละก็อลอัซวาญะกุลละฮา วะญะอะละกุม..มินัลฟุลกิ วัลอันอามิ มาตัรฺกะบูน
13. ลิตัสตะวู อะลาซุฮูริฮี ษุม..มะตัซกุรู นิอฺมะตะร็อบบิกุม อิซัสตะวัยตุม อะลัยฮิ วะตะกูลู สุบหานัลละซี สัคเคาะเราะละนาฮาซา วะมากุน..นาละฮูมุกรินีน
14. วะอิน..นา..อิลาร็อบบินา ละมุน..เกาะลิบูน*


คำแปล R1.
12. And who has created all the pairs and has appointed for you ships and cattle on which you ride,
13. In order that you may mount firmly on their backs, and then may remember the favour of your Lord when you mount thereon, and say: "Glory to Him who has subjected this to us, and we could never have it (by our efforts)."
14. And verily, to our Lord we indeed are to return!


คำแปล R2.
12. และพระองค์บันดาลคู่สรรพสิ่งต่าง ๆ ทุกชนิด และทรงบันดาลไว้สำหรับพวกเจ้า เรือและปศุสัตว์ซึ่งพวกเจ้าใช้ขี่โดยสาร
13. เพื่อพวกเจ้าจะอาศัยอยู่บนหลังของมัน หลังจากนั้น พวกเจ้าก็จะระลึกถึงความโปรดปรานแห่งองค์อภิบาลของพวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าได้ขึ้นไปนั่งบนมัน และพวกเจ้าก็กล่าวว่า “ความบริสุทธิ์อย่างยิ่งเป็นของพระผู้ทรงอำนวยสิ่งนี้แก่เรา ทั้ง ๆ ที่พวกเราไม่เคยมีอำนาจบังคับมันมาก่อนเลย
14. และแท้จริงพวกเราล้วนต้องกลับคืนสู่องค์อภิบาลของเรา(ทั้งสิ้น)


คำแปล R3.
12. ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมาเป็นคู่และทรงทำให้เรือและปศุสัตว์เป็นพาหนะสำหรับสูเจ้าเพื่อใช้ขับขี่
13. เพื่อที่เมื่อสูเจ้านั่งอยู่บนหลังของมัน สูเจ้าจะได้ระลึกถึงความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงให้พาหนะนี้เป็นประโยชน์แก่เรา มิเช่นนั้นแล้วเราจะไม่สามารถควบคุมมันได้
14. และวันหนึ่งเราจะต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของเรา


คำแปล R4.
12. และเป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทั้งหมดเป็นคู่ ๆ และทรงทำให้เรือและปศุสัตว์สำหรับพวกเจ้าเป็นสิ่งที่พวกเจ้าใช้ขี่เป็นพาหนะ
13. เพื่อพวกเจ้าจะได้นั่งอยู่บนหลังของมันอย่างมั่นคง แล้วพวกเจ้าจะได้รำลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าของพวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าได้นั่งขี่บนมันอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าก็จะกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์ผู้ทรงให้พาหนะนี้เป็นความสะดวกแก่เรา และเรานั้นไม่สามารถจะควบคุมมันได้
14. และแท้จริงเราจะต้องเป็นผู้กลับไปสู่พระเจ้าของเราอย่างแน่นอน


คำแปล  R5.
๑๒. และทรงบันดาลคู่ต่าง ๆ ของสรรพสิ่งทั้งหลาย เช่น มีผู้ชายคู่ผู้หญิง มีตัวผู้คู่ตัวเมีย มีสีขาวคู่กับสีดำ เป็นต้น และทรงบันดาลแก่พวกเจ้าทั้งหลายจากเรือและปศุสัตว์ให้เป็นพาหนะที่พวกเจ้าขับขี่เพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จในด้านธุรกิจและการสัญจร
๑๓. เพื่อพวกเจ้าทั้งหลายจะได้อาศัยบนหลังของมัน หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะได้รำลึกถึงความโปรดการุณแห่งองค์อภิบาลของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าได้อาศัยบนมัน และพวกเจ้าทั้งหลายจะได้กล่าวด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ว่าทรงบริสุทธิ์ยิ่งนักอัลเลาะห์ผู้ทรงอำนวยสิ่งนี้แก่เรา และเราไม่มีความสามารถสำหรับมันที่จะจับมาขี่หรือบังคับมันให้วิ่งไปไหนมาไหนได้เลย หากพระองค์ไม่อำนวยให้
๑๔. และแท้จริงพวกเราย่อมหวลกลับไปสู่องค์อภิบาลของเราเพื่อรอรับการตัดสินของพระองค์โดยไม่อาจหลบเลี่ยงได้


*ใช้เป็นดุอาอุ์(บทขอพร)ในการขับขี่พาหนะ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 15 - 17


คำอ่าน
15. วะญะอะลูละฮู มินอิบาดิฮี ญุซอา อิน..นัลอิน..สานะ ละกะฟูรุม..มุบีน
16. อะมิตตะเคาะซะมิม..มา ยัคลุกุ บะนาติว..วะอัศฟากุม..บิลบะนีน
17. วะอิซาบุชชิเราะ อะหะดุฮุม..บิมาเฎาะเราะบะ ลิรฺเราะหฺมานิ มะษะลัน..ซ็อลละ วัจญฮุฮู มุสวัดเดา..วะฮุวะกะซีม


คำแปล R1.
15. Yet they assign to some of his slaves a share with Him (by pretending that He has children, and considering them as equals or co-partners in Worship with Him). Verily, man is indeed a manifest ingrate!
16. Or has He taken daughters out of what He has created, and He has selected for you sons?
17. And if one of them is informed of the news of (the birth of) that which he set forth as a parable to the Most Beneficent (Allah) (i.e. of a girl), his face becomes dark, gloomy, and he is filled with grief!


คำแปล R2.
15. และพวกเขา(ชาวภาคี)ได้อุปโลกน์บางอย่างจากข้าทาสของพระองค์ ให้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของพระองค์ (เช่น เชื่อว่ามลาอิกะฮฺเป็นบุตรของอัลเลาะฮฺ เป็นต้น) แท้จริงมวลมนุษย์เป็นผู้อกตัญญูที่ชัดแจ้งที่สุด
16. สมควรหรือที่พระองค์จะทรงยึดเอาบางสิ่งที่พระองค์บันดาลไว้ขึ้นมาเป็นบุตรี และทรงคัดเลือกพวกเจ้าให้มีบุตรชาย(ซึ่งเป็นเพศที่มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าในทัศนะของพวกเจ้า)
17. และเมื่อคนหนึ่งจากพวกเขาได้รับข่าว(ว่าภรรยาเขาได้รับบุตรหญิงซึ่งเป็น)สิ่งที่เขาได้ยกอุทาหรณ์แด่พระผู้ทรงเมตตา ใบหน้าของเขาก็พลันหมองคล้ำตลอดเวลา และเขาต้องกล้ำกลืนความโกรธไว้


คำแปล R3.
15. (ถึงแม้จะรู้และตระหนักถึงเรื่องนี้) พวกเขาก็ได้ทำให้บ่าวบางคนของพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของพระองค์ ความจริงแล้วมนุษย์นั้นเนรคุณอย่างชัดแจ้ง
16. อัลลอฮฺจะเอาสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาเป็นลูกสาว และทรงให้สูเจ้ามีลูกชายกระนั้นหรือ?
17. ในขณะที่มีใครบางคนในหมู่พวกเขาได้รับข่าวอย่างเดียวกับที่พวกเขากล่าวถึงพระผู้ทรงกรุณา ใบหน้าของเขากลับหมองคล้ำและเต็มไปด้วยความเศร้า


คำแปล R4.
15. และพวกเขาได้ตั้งบางส่วนจากปวงบ่าวของพระองค์คู่เคียงกับพระองค์ แท้จริงมนุษย์นั้นเนรคุณอย่างชัดแจ้ง
16. หรือว่าพระองค์ยึดเอาลูกหญิงจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างและพระองค์ทรงเลือกลูกชายให้แก่พวกเจ้า
17. และเมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวตามที่เขาได้ตั้งอุปมาพระผู้ทรงกรุณาปรานี ใบหน้าของเขากลายเป็นหมองคล้ำ และเศร้าสลด


คำแปล  R5.
๑๕. และชาวเนรคุณทั้งหลายพวกเขาได้อุปโลกน์บางข้าทาสของพระองค์นั่นคือ ที่พวกเขาบางลักทธิมีความเชื่อมั่นว่ามลาอิกะห์เป็นบุตรหญิงของอัลเลาะห์ แท้จริงมนุษย์เป็นผู้เนรคุณอย่างชัดแจ้งต่ออัลเลาะห์ ในการที่อุปโลกน์เช่นนั้น เพราะอัลเลาะฮฺทรงบริสุทธิ์เกินกว่าสิ่งที่พวกเขาเชื่อถือ
๑๖. จะเป็นไปได้หรือ ที่พระองค์อัลเลาะห์ทรงเอาบางสิ่งที่พระองค์บันดาลคือมลาอิกะห์ขึ้นมาเป็นแต่ทรงเลือกบุตรชายแก่พวกเจ้า
๑๗. และเมื่อคนใดคนหนึ่งของพวกนั้นได้รับข่าวดี]/b]ว่าตัวเองได้บุตรหญิงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้ยกอุทาหรณ์แก่อัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตาตามที่เขากล่าวว่ามลาอิกะห์เป็นบุตรหญิงแน่นอน ใบหน้าของเขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นหมองคล้ำด้วยความไม่พอใจที่ตัวเองได้บุตรหญิงแทนที่จะได้บุตรชาย และเขามีแต่ความอาดูร




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 18 - 20


คำอ่าน
18. อะวะมัย..ยุนัชชะอุ ฟิลหิลยะติ วะฮุวะฟิลคิศอมิ ฆ็อยรุมุบีน
19. วะญะอะลุลมะลา...อิกะตัลละซีฮุม อิบาดุรฺเราะหฺมานิ อินาษา อะชะฮิดู ค็อลเกาะฮุม สะตุกตะบุ ชะฮาดะตุฮุม วะยุสอะลูน
20. วะกอลู เลาชา..อัรฺเราะหฺมานุ มาอะบัดนาฮุม มาละฮุม..บิซาลิกะมินอิลมิน อินฮุมอิลลายัครุศูน


คำแปล R1.
18. (Do they then like for Allah) a creature who is brought up in adornments (wearing silk and gold ornaments, i.e. women), and in dispute cannot make herself clear?
19. And they make the angels who themselves are slaves to the Most Beneficent (Allah) females. Did they witness their creation? Their evidence will be recorded, and they will be questioned!
20. And they said: "If it had been the will of the Most Beneficent (Allah), we should not have worshipped them (false deities)." They have no knowledge whatsoever of that. They do nothing but lie!


คำแปล R2.
18. สมควรหรือที่(จะพูดว่าอัลเลาะฮฺมีบุตรี ซึ่งเป็น)บุคคลที่ถูกเลี้ยงดูในเครื่องประดับ ในขณะที่ตัวเขานั้น ในขณะโต้แย้งก็หามีหลักฐานอันแจ่มชัดไม่?
19. และพวกเขาได้ยึดมั่นว่ามลาอิกะฮฺซึ่งเป็นข้าทาสของอัลเลาะฮฺเป็นผู้หญิง พวกเขาได้ประจักษ์พยานในการกำเนิดของพวกนั้นกระนั้นหรือ? อันการอ้างอิงของพวกเขา(ที่มดเท็จ)จะต้องถูกบันทึกไว้ และพวกเขาจะถูกสอบถาม
20. และพวกเขากล่าวว่า “มาดแม้นพระผู้ทรงเมตตาประสงค์ แน่นอนเราก็ไม่นมัสการต่อมลาอิกะฮฺเหล่านั้น” ที่จริงนั้น พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย พวกเขานั้นเป็นเพียงพวกที่กุความเท็จขึ้นมาเท่านั้นเอง


คำแปล R3.
18. พวกเขาจะเอาลูกหลานที่ถูกเลี้ยงดูมาท่ามกลางเครื่องประดับและไม่สามารถที่จะโต้เถียงอะไรได้ (มาให้อัลลอฮฺ) กระนั้นหรือ
19. พวกเขาได้ถือว่ามลาอิกะฮฺผู้เป็นบ่าวของพระผู้ทรงกรุณาเป็นเพศหญิง พวกเขาเห็นการสร้างมลาอิกะฮฺกระนั้นหรือ? หลักฐานของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้และพวกเขาจะถูกเรียกมาสอบสวน
20. พวกเขากล่าวว่า “หากพระผู้ทรงกรุณาปรานีประสงค์ พวกเราก็จะไม่เคารพสักการะมลาอิกะฮฺเหล่านั้น” พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้นนอกจากจะเดาส่งเดชกันเอาเอง


คำแปล R4.
18. และผู้ที่ถูกเติบโตเลี้ยงดูมาท่ามกลางเครื่องประดับ และในการโต้ถียงก็ไม่มีอะไรชัดแจ้ง (จะตั้งให้เป็นภาคีต่ออัลลอฮฺ) กระนั้นหรือ
19. และพวกเขาได้ตั้งมะลาอิกะฮฺ ซึ่งพวกเขาเป็นบ่าวของพระผู้ทรงกรุณาปรานีว่าเป็นเพศหญิง และพวกเขารู้เห็นเป็นพยานในการสร้างพวกเขาทั้งหลาย (มะลาอิกะฮฺ) กระนั้นหรือ ? การเป็นพยานของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้และพวกเขาจะถูกสอบสวน
20. และพวกเขากล่าวอีกว่า หากพระผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงประสงค์พวกเราจะไม่เคารพสักการะพวกเขาดอก (มะลาอิกะฮฺ) พวกเขาไม่มีความรู้อันใดในเรื่องนั้น พวกเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากคาดคะเนเท่านั้น


คำแปล  R5.
๑๘. และจะเป็นไปได้หรือที่พวกเนรคุณได้อุปโลกน์แก่บุคคลเพศหญิงที่ถูกเลี้ยงในสิ่งประดับ ให้เป็นบุตรของอัลเลาะห์ทั้ง ๆ ที่พวกนั้นปราศจากความชัดเจนในการโต้เถียง เพราะเป็นหญิงที่มีสติปัญญาด้อยกว่าเพศชาย
๑๙. และพวกเขาได้อุปโลกน์มลาอิกะห์ซึ่งเป็นข้าทาสของอัลเลาะห์[/b]ผู้ทรงเมตตาให้เป็นเพศหญิง พวกเขาได้มองเห็นการกำเนิดของพวก[/b]มลาอิกะห์เหล่านั้นกระนั้นหรือจึงรู้ว่ามลาอิกะห์เป็นเพศหญิงตามที่พวกเขาเข้าใจการยืนยันของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้ และพวกเขาจะถูกสอบถามในโลกหน้าถึงเรื่องราวที่เขาได้แพร่หลายอย่างผิด ๆ เช่นนั้น
๒๐. และพวกเขาชาวเนรคุณ ผู้กราบไหว้มลาอิกะห์กล่าวว่ามาดแม้นอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตามีความปรารถนา แน่นอนเราก็ไม่นมัสการพวกมลาอิกะห์เหล่านั้นดังนั้นที่เราทำการกราบไหว้นมัสการมลาอิกะห์ก็เป็นไปโดยความพอพระทัยและความปรารถนาของอัลเลาะห์นั่นเอง อันที่จริงพวกเขาเหล่านั้น ไม่มีความรู้ใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งนั้นเลย เท่าที่พวกเขากล่าวว่า การกราบไหว้มลาอิกะห์เป็นไปโดยความพอพระทัยของอัลเลาะห์นั้น เป็นไปโดยความโง่เขลาของพวกเขาโดยแท้จริงพวกเขาไม่มีอะไรเลย นอกจากกล่าวมุสาเท่านั้น ดังนั้น พวกเขาจึงต้องรับโทษอันสาหัสเนื่องจากการมุสานั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 21 - 25


คำอ่าน
21. อัมอาตัยนาฮุม กิตาบัม..มิน..ก็อบลิฮี ฟะฮุม..บิฮี มุสตัมสิกูน
22. บัลกอลู..อิน..นาวะญัดนา..อาบา..อะนา อะลาอุม..มะติว..วะอิน..นาอะลาอาษาริฮิม..มุฮฺตะดูน
23. วะกะซาลิกะ มา..อัรฺสัลนามิน..ก็อบลิกะ ฟีก็อรฺยะติม..มิน..นะซีริน อิลลากอละ มุตเราะฟูฮา..อิน..นาวะญัดนา..อาบา..อะนา อะลาอุม..มะติว..วะอิน..นาอะลา..อาษาริฮิม..มุกตะดูน
24. กอละ อะวะเลาญิอ์ตุกุมบิอะฮฺดามิม..มา วะญัตตุม อะลัยฮิอาบา..อุกุม กอลู..อิน..นาบิมาอุรสิลตุม..บิฮี กาฟิรูน
25. ฟัน..ตะก็อมนา มินฮุม ฟันซุรฺกัยฟะ กานะอากิบะตุลมุกัซซิบีน


คำแปล R1.
21. Or have we given them any Book before this (the Qur'an), to which they are holding fast?
22. Nay! They say: "We found our fathers following a certain way and religion, and we guide ourselves by their footsteps."
23. And similarly, we sent not a Warner before you (O Muhammad) to any town (people) but the luxurious ones among them said: "We found our fathers following a certain way and religion, and we will indeed follow their footsteps."
24. (The Warner) said: "Even if I bring you better guidance than that which you found your fathers following?" They said: "Verily, we disbelieve in that with which you have been sent."
25. So we took revenge of them, and then see what was the end of those who denied (Islamic Monotheism).



คำแปล R2.
21. หรือว่าเราได้เคยมอบคัมภีร์เล่มใดแก่พวกเขามาก่อนหน้าอัลกุรอาน แล้วพวกเขาก็ยึดถือคัมภีร์นั้น
22. (ที่จริงไม่มีคัมภีร์เล่มใดมาก่อนเลย) ทว่า! พวกเขาพูดว่า “แท้จริงพวกเราได้พบว่า บรรพบุรุษของเรายึดถืออยู่กับแนวทางของศาสนาหนึ่ง และพวกเราได้รับการชี้นำทางตามรอยของพวกเขา”
23. และเช่นนั้น! เรามิได้แต่งตั้งศาสดาผู้ประกาศเตือนในเมืองหนึ่งเมืองใด นอกจากบรรดาผู้มั่งคั่งในเมืองนั้นพากันพูดว่า “แท้จริงพวกเราได้พบบรรพบุรุษของเรายึดมั่นอยู่บนแนวทางศาสนาหนึ่ง และแท้จริงพวกเราก็ถือตามร่องรอยของพวกเขา”
24. ศาสดาผู้นั้นประกาศว่า “ฉันมิได้นำหลักการที่ถูกต้องกว่าที่พวกท่านพบบรรพบุรุษของพวกท่านยึดมั่นอยู่ดอกหรือ?” พวกเขาตอบว่า “แท้จริงพวกเราขอปฏิเสธในหลักการที่พวกท่านได้ถูกส่งตัวให้นำมาเผยแพร่!”
25. ครั้นแล้วเราจึงตอบแทนการคัดค้านของพวกเขาด้วยการลงโทษ ดังนั้นเจ้าจงพิจารณาเถิดว่า จุดจบของบรรดาจำพวกที่ว่า (ศาสดา)มุสานั้นเป็นอย่างไร?


คำแปล R3.
21. เราได้ประทานคัมภีร์เล่มหนึ่งแก่พวกเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งพวกเขายึดถือมันเป็นหลักฐาน (สำหรับการเคารพสักการะมลาอิกะฮฺ) กระนั้นหรือ?
22. เปล่าเลย แต่พวกเขากล่าวว่า “เราได้เห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในหนทางนี้มาก่อน ดังนั้นเราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขา”
23. แม้กระนั้นก็ตาม ก่อนหน้าสูเจ้า เมื่อใดก็ตามที่เราได้ส่งผู้ตักเตือนไปยังเมืองใด ผู้คนที่มั่งคั่งฟุ่มเฟือยในเมืองนั้นจะกล่าวว่า “เราได้พบว่าบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้มาก่อน และเราเพียงแต่ปฏิบัติตามแนวทางของพวกเขาเท่านั้น”
24. (นบีทุกคน) จะถามพวกเขาว่า “แล้วถ้าฉันนำแนวทางที่ถูกต้องกว่าแนวทางที่พวกท่านเห็นบรรพบุรุษของพวกท่านกำลังปฏิบัติอยู่มาให้พวกท่านเล่า?” พวกเขาตอบว่า “เราปฏิเสธสิ่งที่ถูกส่งมากับท่าน”
25. ดังนั้นเราจึงได้ตอบแทนพวกเขา จงดูเอาเองก็แล้วกันว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นเป็นเช่นไร


คำแปล R4.
21. หรือว่าเราได้ประทานคัมภีร์เล่มนึ่งแก่พวกเขาก่อนหน้านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงยึดถือคัมภีร์นั้นไว้อย่างมั่นคง
22. เปล่าเลย พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้ ดังนั้นเราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขา
23. และเช่นนั้นแหละ เรามิได้ส่งผู้ตักเตือนคนใดก่อนหน้าเจ้าไปยังเมืองใด เว้นแต่บรรดาผู้ฟุ่มเฟือยของมัน (เมืองนั้น) จะกล่าวว่า แท้จริงเราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้ ดังนั้นเราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขา
24. เขา (รอซูลของพวกเขา ) กล่าวว่าหากว่าฉันได้นำมาให้พวกท่าน ซึ่งแนวทางที่ถูกต้องกว่าที่พวกท่านได้พบเห็นบรรพบุรุษของพวกท่านยึดถืออยู่ เล่า ? พวกเขากล่าวว่าแท้จริงเราเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่พวกท่านถูกส่งมานั้น
25. ดังนั้นเราได้ตอบแทนพวกเขา บัดนี้จงดูเถิดว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะเป็นเช่นไร


คำแปล  R5.
๒๑. หรือว่าเราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขาที่ระบุว่าให้นมัสการสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะห์ก่อนหน้าอัลกุรอานมาก่อนแล้วพวกเขาก็ยึดมั่นในคัมภีร์นั้นซึ่งความเป็นจริงก็ยังไม่เคยปรากฏว่ามีคัมภีร์ใดบ้างที่ระบุเช่นนั้น นอกจากเป็นความโง่เขลาและมุสาของพวกเขาเอง
๒๒. แต่พวกเขากล่าวว่าที่เราทำการกราบไหว้สิ่งต่าง ๆ นอกจากอัลเลาะห์นั้นเป็นเพราะแท้จริงพวกเราได้พบว่าบรรพบุรุษของเรามีความเชื่อมั่นอยู่บนลัทธิหนึ่งและพวกเราก็ได้รับการชี้นำให้ประพฤติตามร่องรอยของพวกเขาการกราบไหว้สิ่งต่าง ๆ ของพวกเราจึงประพฤติไปตามบรรพบุรุษของเราเท่านั้น หาได้มีเหตุผลอื่นใด หรือได้มาจากคัมภีร์เล่มใดไม่
๒๓. และเช่นนั้น เรามิได้ส่งศาสนทูตผู้ทำการตักเตือนมาก่อนหน้าเจ้าในประชาชาติก่อน ๆ โดยประชาชาติเหล่านั้นยอมรับโดยดีก็หาไม่ นอกจากบรรดาผู้มั่งคั่งแห่งพวกเขาจะพากันกล่าวปฏิเสธคำประกาศของศาสนทูตนั้น ๆ และให้เหตุผลว่าแท้จริงเราได้พบว่าบรรพบุรุษของเราตั้งมั่นอยู่บนลัทธิหนึ่งและเราก็ขอเจริญรอยตามพวกเขาอย่างเคร่งครัดสืบทอดต่อไป เราไม่ตามท่าน
๒๔. โอ้มุฮำมัด พึงกล่าวกับกลุ่มชนของเจ้าเถิดว่า และหากว่าเราได้นำศาสนาที่เที่ยงแท้กว่าลัทธิที่พวกเจ้าได้พบว่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าตั้งมั่นอยู่บนนั้นมาประกาศแก่พวกเจ้า แล้วพวกเจ้ายังจะไม่ศรัทธาอีกกระนั้นหรือ พวกเขาตอบว่า แท้จริงพวกเราขอปฏิเสธสิ้นเชิงในสิ่งที่ท่านและบรรดาศาสนทูตทั้งหลายนำมาประกาศ
๒๕. แท้จริงเราจึงได้ลงโทษบางส่วนของพวกเขาบรรดาที่ปฏิเสธในยุคก่อน ๆ ดังนั้นเจ้าจงพิจารณาเถิดว่า ผลสุดท้ายของบรรดาผู้กล่าวหาว่าศาสนทูตกล่าวเท็จนั้นเป็นอย่างไรบ้างซึ่งพวกเหล่านั้นต้องประสบเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน คือประสบความหายนะในโลกนี้ และถูกลงโทษอย่างแสนทรมานในโลกหน้า




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 26 - 29


คำอ่าน
26. วะอิซกอละอิบรอฮีมุ ลิอะบีฮิ วะก็อวมิฮีอิน..นะนีบะรอ...อุม..มิม..มาตะอฺบุดูน
27. อิลลัลละซี ฟะเฏาะเราะนี ฟะอิน..นะฮู สะยะฮฺดีน
28. วะญะอะละฮา กะลิมะตัม..บากิยะตัน..ฟีอะกิบิฮี ละอัลละฮุม ยัรฺญิอูน
29. บัลมัตตะอฺตุ ฮา..อุลา..อิ วะอาบา..อะฮุม หัตตาญา...อะฮุมุลหักกุ วะเราะสูลุม..มุบีน


คำแปล R1.
26. And (remember) when Ibrahim (Abraham) said to his father and his people: "Verily, I am innocent of what you worship,
27. "Except Him (i.e. I Worship none but Allah Alone) who did create me, and verily, He will guide me."
28. And He made it [i.e. La ilaha ill-Allah (none has the right to be worshipped but Allah Alone)] a word lasting among his offspring (true Monotheism), that they may turn back (i.e. to repent to Allah or receive admonition).
29. Nay, but I gave (the good things of this life) to these (polytheists) and their fathers to enjoy, till there came to them the Truth (the Qur'an), and a Messenger (Muhammad) making things clear.


คำแปล R2.
26. และเมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวกับบิดาของเขาและพวกพ้องของเขาว่า “แท้จริงฉันขอปลีกตัวออก(ไม่ขอเกี่ยวข้อง)จากสิ่งที่พวกท่านทำการนมัสการกัน”
27. ยกเว้นพระผู้ทรงบันดาลฉันเท่านั้น เพราะแท้จริงพระองค์ จะต้องชี้นำ(ทางอันถูกต้อง)แก่ฉันอย่างแน่นอน
28. และอิบรอฮีมได้ประดิษฐานหลักเอกภาพให้เป็นถ้อยคำอันอมตะในพงษ์พันธุ์สืบถัดต่อจากเขา เพื่อเขาจะได้กลับคืน(สู่หลักดังกล่าว หากมีผู้ใดเฉไฉไปสู่การตั้งภาคี)
29. (แต่พวกนั้นส่วนใหญ่ไม่ยอมกลับเข้าสู่หลักเอกภาพ และข้าก็ไม่เร่งรัดในการลงโทษ) ทว่า! ข้าได้ลดความสุขแก่พวกเหล่านี้ และบรรพบุรุษแก่พวกเขาตราบถึงวาระที่สัจธรรม(แห่งอัลกุรอาน)ได้มาถึงพวกเขา และมีศาสนทูตคนหนึ่งที่มีความซื่อสัตย์(คือนบีมุฮำมัดมาประกาศสัจธรรมดังกล่าวแก่พวกเขา)


คำแปล R3.
26. จงนึกถึงเมื่อตอนที่อิบรอฮีมได้กล่าวแก่บิดาและคนของเขาว่า “ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ
27. นอกจากผู้ทรงสร้างฉันมาเท่านั้น พระองค์เท่านั้นที่จะทรงนำทางฉัน”
28. และอิบรอฮีมได้ทิ้งถ้อยคำดังกล่าวนี้ไว้ในหมู่ลูกหลานของเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมาสู่มัน
29. (แม้กระนั้นก็ตาม เมื่อผู้คนเริ่มสักการบูชาสิ่งอื่น ฉันก็ไม่ได้ทำลายพวกเขา) แต่ฉันยังคงให้พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขามีความสุขต่อไป จนกระทั่งสัจธรรมและรอซูลผู้อธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจนได้มายังพวกเขา


คำแปล R4.
26. และจงรำลึกถึงเมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวแก่บิดาของเขา และหมู่ชนของเขาว่า แท้จริงฉันขอปลีกตัวจากสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดี
27. นอกจาก (อัลลอฮฺ) ซึ่งทรงบังเกิดฉันเท่านั้น เพราะแท้จริงพระองค์จะทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ฉัน
28. และเขา (อิบรอฮีม) ได้ทำให้คำกล่าว (ชะฮาดะฮฺ) อยู่คงต่อไปในลูกหลานของเขา หวังว่าพวกเขาจะกลับมาสำนึกผิด
29. ยิ่งกว่านั้น ข้าได้ให้พวกเขาเหล่านั้น และบรรพบุรุษของพวกเขาหลงระเริงอยู่จนกระทั่งได้มีสัจธรรม (อัลกุรอาน) และรอซูล ผู้ประกาศสาส์นอย่างชัดแจ้งมายังพวกเขา


คำแปล  R5.
๒๖. และจงระลึกเถิด โอ้มุฮำมัด เมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวกับบิดาของเขาและพรรคพวกของเขาซึ่งเป็นผู้กราบไหว้รูปเคารพต่าง ๆ และมีเทวสถานอันยิ่งใหญ่ว่า แท้จริงตัวฉันขอปลีกตัวไม่เกี่ยวข้องด้วยประการทั้งปวงจากสิ่งที่ท่านทั้งหลายนมัสการ
๒๗. นอกจากฉันจะขอนมัสการเฉพาะแต่อัลเลาะห์ผู้ทรงบันดาลฉันมาแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น เพราะแท้จริงพระองค์จะทรงชี้นำฉันไปสู่แนวทางของศาสนาอันเที่ยงตรง
๒๘. และพระองค์ทรงบันดาลถ้อยคำแห่งเอกภาพนั้น ให้เป็นถ้อยคำอันจีรังในเผ่าพันธุ์ของเขาโดยเผ่าพันธุ์ของนบีอิบรอฮีม มีผู้ศรัทธาในอัลเลาะห์ผู้เป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียวสืบทอดติดต่อกันมาโดยตลอด เพื่อพวกเขาชาวมักกะห์เหล่านั้นจะได้กลับคืนจากการกราบไหว้รูปเคารพต่าง ๆ และหันมานมัสการแต่อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว อันเป็นหลักคำสอนเดิมของนบีอิบรอฮีม ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาเอง
๒๙. แต่ว่า ข้าได้ประทานความสุขสำราญแก่พวกเขาชาวมักกะห์ผู้เนรคุณและบรรพบุรุษของพวกเขาโดยให้มีอายุยืนนาน มีทรัพย์สินมากมาย มีสุขภาพสมบูรณ์ และปล่อยให้ทำการกราบไหว้สิ่งจอมปลอมต่าง ๆ โดยไม่ถูกทำโทษแต่ประการใด ๆ จนกระทั่งสัจธรรมแห่งอัลกุรอานและศาสนทูตมุฮำมัดได้มายังพวกเขาเพื่อประกาศหลักสัจธรรมแก่พวกเขา



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2011, 05:03 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 30 - 32


คำอ่าน
30. วะลัม..มาญา...อะฮุมุลหักกุ กอลูฮาซาสิหฺรู..วะอิน..นาบิฮีกาฟิรูน
31. วะกอลูเลาลานุซซิละ ฮาซัลกุรฺอานูอะลาเราะญุลิม..มินัลก็อรฺยะตัยนิ อะซีม
32. อะฮุมยักสิมูนะเราะมะตะร็อบบิก นะหฺนุเกาะสัมมนาบัยนะฮุม..มะอีชะตะฮุม ฟิลหะยาติดดุนยา วะเราะฟะอฺนาบะอฺเฎาะฮุม เฟาเกาะบะอฺฎิน..ดะเราะญาติลลิยัตตะคิซะ บะอฺฎุฮุม..บะอฺฎ็อน..สุครียา วะเราะหฺมะตุร็อบบิกะ ค็อยรุม..มิมมายัจญมะอูน


คำแปล R1.
30. And when the Truth (this Qur'an) came to them, they (the disbelievers in this Qur'ฟn) said: "This is magic, and we disbelieve therein."
31. And they say: "Why is not this Qur'an sent down to some great man of the two towns (Makkah and Ta'if)?"
32. Is it they who would portion out the Mercy of your Lord? It is we who portion out between them their livelihood in this world, and we raised some of them above others in ranks, so that some may employ others in their work. But the Mercy (Paradise) of your Lord (O Muhammad ) is better than the (wealth of this world) which they amass.


คำแปล R2.
30. และเมื่อสัจธรรม(อัลกุรอาน)ได้มาถึงพวกเขา พวกเขากลับกล่าวว่า “นี่เป็นมายากลและแท้จริงพวกเราต้องคัดค้านมัน”
31. และพวกเขากล่าวว่า “(หากอัลกุรอานนี้เป็นสิ่งรับรองความเป็นศาสดาของคนใดคนหนึ่งแล้ว) ไฉนเล่า อัลกุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมาแก่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่(ด้วยอำนาจและฐานะ) จากสองเมือง(คือมักกะฮฺและฏออีฟ)
32. พวกเขา (มีสิทธิ์)แบ่งปันพระเมตตาธิคุณแห่งองค์อภิบาลของเจ้า(แก่ผู้ที่พวกเขาประสงค์) กระนั้นหรือ? ความจริงเราต่างหากที่ทำการแบ่งสรรระหว่างพวกเขา ซึ่งปัจจัยความเป็นอยู่ในชีวิตทางโลกนี้ และเราได้ยกย่องฐานันดรแก่บางส่วนของพวกเขา จะได้ยึดเอาอีกบางส่วนเป็นเครื่องอำนวยประโยชน์(ในด้านความเป็นอยู่ เช่น มีนายจ้าง ลูกจ้าง เป็นต้น) และพระเมตตาธิคุณ แห่งองค์อภิบาลของพวกเจ้านั้น ย่อมประเสริฐเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาทำการรวบรวมไว้

  
คำแปล R3.
30. แต่เมื่อสัจธรรมได้มายังพวกเขา พวกเขากลับกล่าวว่า “นี่เป็นมายากล และเราขอปฏิเสธที่จะเชื่อมัน”
31. พวกเขากล่าวว่า “ทำไมกุรอานนี้จึงไม่ถูกส่งมายังคนสำคัญของสองเมืองนี้?”
32. พวกเขากระนั้นหรือที่เป็นผู้แบ่งปันความเมตตาของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า? เราต่างหากที่เป็นผู้จัดสรรการทำมาหากินของพวกเขาในชีวิตแห่งโลกนี้ และเราได้ทำให้บางคนในหมู่พวกเขาเหนือกว่าบางคนหลายชั้น ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาบางคนจะได้นำอีกบางคนมาใช้งาน และความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นมีคุณค่ายิ่งใหญ่กว่าความมั่งคั่งที่พวกเขาสะสมไว้


คำแปล R4.
30. ครั้งเมื่อได้มีสัจธรรมมายังพวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า นี้คือมายากล และแท้จริง พวกเราเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสัจธรรมนั้น
31. และพวกเขากล่าวว่า ทำไมอัลกุรอานนี้จึงไม่ถูกประทานลงมาให้แก่ชายผู้มีความสำคัญแห่งสองเมืองนี้
32. พวกเขาเป็นผู้แบ่งปันความเมตตาแห่งพระเจ้าของเจ้า กระนั้นหรือ? เราต่างหากที่เป็นผู้จัดสรรการทำมาหากินของพวกเขาระหว่างพวกเขาในการมีชีวิต อยู่ในบนโลกนี้ และเราได้เชิดชูบางคนในหมู่พวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนหลายชั้น เพื่อบางคนในหมู่พวกเขาจะเอาอีกบางคนมาใช้งาน และความเมตตาของพระเจ้าของเจ้านั้นดียิ่งกว่าที่พวกเขาสะสมไว้


คำแปล  R5.
๓๐. และเมื่อสัจธรรมมายังพวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่าสิ่งนี้เป็นเพียงวิทยากลและแท้จริงพวกเราขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงไม่ขอศรัทธาเด็ดขาด
๓๑. และพวกเขากล่าวว่า ไฉนเล่าอัลกุรอานนี้จึงมิถูกประทานลงมาให้แก่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่สักคนหนึ่งจากสองเมืองมักกะห์และฏออิฟ หากเป็นคัมภีร์ที่มาจากพระเจ้าจริง และการที่มุฮำมัดซึ่งเป็นคนสามัญธรรมดามาประกาศว่าได้รับโองการแห่งคัมภีร์เหล่านั้นจากพระเจ้า จึงเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ เขากุขึ้นเองต่างหาก พวกอาหรับมักกะห์พูดถึงผู้ยิ่งใหญ่นั้น พวกเขาหมายถึง “อัลวะลีด บิน มุฆีเราะห์” ซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองมักกะห์ และ เอาเราะห์ บินมัสอูด” ผู้ครองเมืองฏออิฟ
๓๒. หรือว่าพวกเขาทำการแบ่งปันความเมตตาแห่งองค์อภิบาลของเจ้าได้ตามใจหมายโดยไม่ต้องรอให้องค์อภิบาลเป็นผู้แบ่งปัน แม้กระทั่งการแต่งตั้งผู้ใดเป็นศาสนทูตก็เป็นความเมตตาอย่างหนึ่งของพระองค์ เราต่างหากที่ทำการแบ่งปันระหว่างพวกเขาในการดำรงชีพของพวกเขาในชีวิตแห่งโลกนี้ และเรายกย่องฐานันดรของบางคนให้เหนือกว่าบางคน เพื่อพวกเขาจะได้รับการอำนวยซึ่งกันและกันในด้านการดำเนินชีวิต เช่น คนที่มีฐานะด้อยกว่า จะได้เป็นลูกจ้าง คนที่มีฐานะดีกว่าก็ได้เป็นนายจ้าง เป็นต้น และความเมตตาแห่งองค์อภิบาลของเจ้านั้น ย่อมประเสริฐล้ำกว่าสิ่งที่พวกเขารวบรวมไว้ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือบริวาร หรือสิ่งอื่น ๆ ก็ตาม เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งสมมติชั่วคราว แล้วไม่นานมันก็จะเสื่อมสลาย มิฉะนั้นพวกเขาก็ตายไปก่อน ส่วนความเมตตาของอัลเลาะห์ทั้งที่ประทานในโลกนี้อันได้แก่สัจธรรมของศาสนา และประทานในโลกหน้า อันได้แก่ความสุขในสวรรค์ย่อมจีรังและประเสริฐกว่าอย่างแน่นอน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 24, 2011, 10:26 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 33 - 35


คำอ่าน
33. วะเลาลา..อัย..ยะกูนัน..นาสุ อุม..มะเตา..วาหิดะตัลละญะอัลนาลิมัย..ยักฟุรุ บิรฺเราะหฺมานิ ลิบุยูติฮิม สุกุฟัม..มิน..ฟิฎเฎาะติว..วะมะอาริญะ อะลัยฮายัซฮะรูน
34. วะลิบุยูติฮิม อับวาเบา..วะสุรุร็อน อะลัยฮายัตตะกิอูน
35. วะซุครุฟา วะอิน..กุลลุ ซาลิกะลัม..มา มะตาอุลหะยาติดดุนยา วัลอาคิเราะตุ อิน..ดะร็อบบิกะ ลิลมุตตะกีน


คำแปล R1.
33. And were it not that all mankind would have become of one community (all disbelievers, desiring worldly life only), we would have provided for those who disbelieve in the Most Beneficent (Allah), silver roofs for their houses, and elevators (and stair-ways, etc. of silver) whereby they ascend,
34. And for their houses, doors (of silver), and thrones (of silver) on which they could recline,
35. And adornments of gold. Yet all this (i.e. the roofs, doors, stairs, elevators, thrones etc. of their houses) would have been nothing but an enjoyment of this world. And the Hereafter with your Lord is only for the Muttaqun.


คำแปล R2.
33. และมาดแม้นมิใช่เพราะมวลมนุษย์จะรวมเป็นประชาชาติ(ที่นับถือศาสนาผิด ๆ )เดียวกันแล้วไซร้ แน่นอนเราก็จะบันดาลไว้สำหรับผู้ที่อกตัญญูต่อพระผู้ทรงเมตตาให้มีหลังคาบ้านของพวกเขาเป็นเงิน และบันไดที่พวกเขาใช้ขึ้นลงบ้าน(ก็ให้เป็นเงินหมดเหมือนกัน)
34. และจะทำให้บ้านของพวกเขามีประตูและเตียงนอนที่พวกเขาเอนกายบนมัน (ทำมาจากเงิน)
35. และเครื่องประดับอื่น ๆ อีก แต่ว่าแท้จริงแล้ว ทุกสิ่งนั้นมิใช่อื่นใดเลย นอกจากเป็นเครื่องเสพสุข แห่งชีวิตทางโลกนี้เท่านั้น และโลกหน้า(อันบรมสุข) ณ องค์อภิบาลของเจ้านั้น (ถูกเตรียมไว้แล้ว) สำหรับมวลผู้ยำเกรง


คำแปล R3.
33. แต่ถ้าเราไม่เกรงว่ามนุษยชาติจะเป็นหมู่ชนที่ปฏิบัติเหมือนกันทุกอย่างแล้ว เราก็จะทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธความกรุณาปรานีของเรามีบ้านที่หลังคาทำด้วยเงินและทองคำและบันไดขึ้นชั้นบน
34. และทำให้บ้านของพวกเขามีประตูและเตียงที่พวกเขาเอนนอน (ทั้งหมดทำด้วยเงินและทองคำ)
35. และสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นแค่เพียงปัจจัยแห่งชีวิตโลกนี้ และโลกหน้าที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นมีไว้สำหรับผู้เกรงกลัวอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
33. และหากมิใช่มนุษย์ทั้งหลายจะได้เป็นประชาชาติหนึ่งเดียวกันแล้ว แน่นอนเราจะให้ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานีมีบ้านของพวกเขา หลังคาทำด้วยเงิน และบันไดที่พวกเขาขึ้น (ก็ทำด้วยเงิน)
34. และบ้านของพวกเขามีประตูและเตียงนอน (ทำด้วยเงิน) ซึ่งพวกเขาจะนอนเอกเขนกบนมัน
35. และ (เราจะให้เครื่องประดับแก่พวกเขาที่ทำด้วย) ทองคำ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวแห่งชีวิตในโลกนี้เท่านั้น ส่วนในปรโลก ณ ที่พระเจ้าของเจ้านั้นสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง


คำแปล  R5.
๓๓. และหากแม้นไม่เป็นเหตุให้มวมนุษย์ต้องเป็นประชาชาติเดียวกันที่ตั้งมั่นอยู่บนลัทธิเนรคุณพระเจ้าแล้ว แน่นอนที่สุด เราก็จะบันดาลให้แก่บุคคลที่เนรคุณต่อองค์พระผู้ทรงเมตตาให้บ้านเรือนของพวกเขามีหลังคาและบันไดซึ่งพวกเขาใช้ขึ้นบนมันที่ทำด้วยเงิน
๓๔. และให้บ้านเรือนของพวกเขามีประตูและเตียงนอนที่เขาเอนกายบนมันเป็นเงิน
๓๕. และเป็นสิ่งประดับคือ ทอง เพราะสิ่งดังกล่าวนั้นหาประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้เลย ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า นอกจากเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นสนองความอยากใคร่เท่านั้นเอง และบรรดาสิ่งเหล่านั้นจะใช้บริโภคก็ไม่ได้ อุปโภคก็ไม่ได้นอกจากทำให้ความใคร่ที่ถูกสมมติขึ้นนั้นได้รับการตอบสนอง ซึ่งหากอัลเลาะห์ไม่เกรงว่าสิ่งดังกล่าวจะเป็นเหตุทำให้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายจะกลายเป็นผู้เนรคุณ พระองค์ก็จะให้พวกเนรคุณทั้งหลายมีสิ่งเหล่านั้นโดยครบถ้วนเพราะความไร้คุณค่าของมัน และแท้จริงทุกสิ่งนั้นมิได้เป็นอะไรเลยนอกจากเป็นสิ่งอภิรมย์แห่งชีวิตของโลกนี้เท่านั้น และโลกหน้า ณ อัลเลาะห์นั้นพระองค์ทรงเตรียมสวรรค์ไว้สำหรับบรรดาผู้ยำเกรง


-------------------------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 36 - 40


คำอ่าน
36. วะมัย..ยะอฺชุ อัน..ซิกริรฺเราะหฺมานิ นุก็อยยิฎ ละฮูชัยฏอนัน..ฟะฮุวะละฮูเกาะรีน
37. วะอินธธฮุม ละยะศุดดูนะฮุม อะนิสสะบีลิ วะยะหฺสะบูนะ อัน..นะฮุม..มุฮฺตะดูน
38. หัตตา..อิซาญา..อะนา กอละยาลัยตะบัยนี วะบัยนะกะ บุอฺดัลมัชริก็อยนิ ฟะบิอ์สัลเกาะรีน
39. วะลัย..ยัน..ฟะอะกุมุลเยามะ อิซเซาะลัมตุม อัน..นะกุม ฟิลอะซาบิมุชตะริกูน
40. อะฟะอัน..ตะตุสมิอุลศุม..มะ เอาตะฮฺดิลอุมยะ วะมัน..กานะฟีเฎาะลาลิม..มุบีน


คำแปล R1.
36. And whosoever turns away (blinds himself) from the remembrance of the Most Beneficent (Allah) (i.e. this Qur'an and worship of Allah), we appoint for him Shaitan (Satan - devil) to be a Qarin (an intimate companion) to him.
37. And verily, they (Satans / devils) hinder them from the Path (of Allah), but they think that they are guided aright!
38. Till, when (such a one) comes to us, He says [to his Qarin (Satan / devil companion)] "Would that between me and you were the distance of the two easts (or the east and west)" a worst (type of) companion (indeed)!
39. It will profit you not this Day (O you who turn away from Allah's remembrance and his worship, etc.) as you did wrong, (and) that you will be sharers (you and your Qarin) in the punishment.
40. Can you (O Muhammad) make the deaf to hear, or can you guide the blind or him who is in manifest error?


คำแปล R2.
36. และผู้ใดก็ตามที่ละเลยต่อ(อัลกุรอานซึ่งเป็น) คำเตือนของพระผู้ทรงเมตตา แน่นอนที่สุดเราก็จะกำหนดมารร้ายไว้แก่เขาแล้วมันก็เป็นสหายสนิทของเขา(ตลอดไป)
37. และแท้จริงพวกมันนั้นจะขัดขวางพวกเขาไว้จากแนวทาง(ของอัลเลาะฮฺ อันเที่ยงแท้) ในขณะที่พวกเขาเองก็คิดว่า ตัวของพวกเขาเป็นผู้ได้รับการชี้นำ(ทางอันถูกต้องแล้ว)
38. จนกระทั่งเมื่อเขา (ผู้หลงผิด) ได้มาหาเรา (ในวันชาติหน้า) เขาก็กล่าว(กับมารร้ายของเขา)ว่า “โอ้! ระหว่างข้ากับเจ้าน่าจะห่างไกลกันคนละทิศ แท้จริงเจ้านั้นเป็นเพื่อนที่เลวที่สุด!”
39. (มีผู้กล่าวแก่เขาว่า) “และในวันนี้(สิ่งที่พวกเจ้าคิดนั้น)จะไม่อำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าเลย เมื่อพวกเจ่าได้ทุจริต(ต่อตัวเอง)เพราะแท้จริงพวกเจ้าต่างก็ร่วมกันตกอยู่ในการลงโทษ(ของนรกพร้อมกัน)”
40. แล้วเจ้าจะทำให้คนหูหนวกได้ยินหรือ หรือว่าเจ้าสามารถนำทางคนตาบอดได้ รวมทั้งบุคคลที่ตกอยู่ในความหลงทางอย่างแจ้งชัด?


คำแปล R3.
36. คนที่ไม่ใส่ใจคำตักเตือนของพระผู้ทรงกรุณาปรานีเราจะให้ชัยฏอนตัวหนึ่งมายังเขาและมันจะเป็นสหายของเขา
37. ชัยฏอนเหล่านี้จะขัดขวางพวกเขาจากหนทางที่เที่ยงตรงในขณะที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
38. ในที่สุดเมื่อเขาได้มายังเรา เขาจะกล่าวแก่สหายของเขาว่า “หากระหว่างฉันกับเจ้ามีระยะทางห่างกันดังทิศตะวันออกกับตะวันตกก็จะดีหรอก เจ้านี่ช่างเป็นสหายที่ชั่วร้ายที่สุด”
39. (และจะมีคำกล่าวแก่พวกเขาว่า) “เมื่อสูเจ้าทำผิดมันก็ไม่เป็นประโยชน์อันใดเลยแก่สูเจ้าในวันนี้ เพราะสูเจ้าและชัยฏอนของสูเจ้าก็เป็นหุ้นส่วนกันในการได้รับโทษเหมือนกัน”
40. ตอนนี้ เจ้า (นบี) จะทำให้คนหูหนวกได้ยิน หรือชี้ทางให้คนตาบอด และคนที่หลงผิดอย่างชัด ๆ กระนั้นหรือ?


คำแปล R4.
36. และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปราณี เราจะให้ชัยฏอนตัวหนึ่งแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นสหายของเขา
37. และแท้จริง พวกมันจะขัดขวางพวกเขาออกจากทางที่ถูกต้อง แต่พวกเขาคิดว่า พวกเขานั้นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
38. จนกระทั่งเมื่อเขาได้มายังเรา (ในวันกิยามะฮฺ) เขาจะเปรยขึ้นว่า อนิจจา ถ้าระหว่างฉันกับเจ้ามีระยะทางห่างกันเช่นทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกก็จะดี ชั่วช้าแท้ ๆ สหายเช่นนี้
39. และในวันนี้มันจะไม่เกิดผลอันใดเลยแก่พวกเจ้า เพราะพวกเจ้าได้อธรรม (แก่ตัวเอง) แม้ว่าพวกเจ้าจะมีหุ้นส่วนร่วมกันในการได้รับโทษก็ตาม
40. แล้วเจ้าจะทำให้คนหูหนวกได้ยินหรือคนตาบอดได้เห็นทาง และผู้ที่อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้งกระนั้นหรือ?


คำแปล  R5.
๓๖. และบุคคลใดละเลยต่อการระลึกถึงองค์ผู้ทรงเมตตา แน่นอนเราจะส่งเสริมมารร้ายให้แก่เขา ดังนั้นมันจะเป็นคู่คิดของเขาในการกระทำต่าง ๆ คอยชักนำยั่วยุและหลอกลวงให้กระทำความผิดต่อแนวทางของศาสนาอิสลาม
๓๗. และแท้จริงพวกมารร้ายเหล่านั้นจะคอยกีดกันพวกเขาให้ออกนอกแนวทางของศาสนาอิสลามโดยพวกเขายังคิดว่าพวกเขาเป็นผู้ได้รับการชี้นำโดยแท้จริง
๓๘. จนกระทั่ง เมื่อเขาผู้ละเลยต่อการระลึกถึงอัลเลาะห์ได้มาหาเรา เขาก็รำพึงว่า โอ ข้าพเจ้าคิดว่าระหว่างข้าพเจ้ากับพระองค์นั้นจะอยู่ห่างกันเหมือนสองทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เพราะการยุยงของมารร้ายให้คิดอย่างนั้น แท้จริงมันเป็นคู่คิดที่เลวที่สุด
๓๙. และในวันนี้ความเศร้าโศกที่พวกเจ้ามีอยู่นั้นไม่อำนวยคุณใด ๆ แก่พวกเจ้าเลย เพราะพวกเจ้าได้อธรรมต่อตัวเอง ด้วยการละเลยการระลึกถึงอัลเลาะห์ ไม่สนใจอัลกุรอานและตั้งภาคีแก่อัลเลาะห์แน่นอนยิ่ง พวกเจ้ากับมารร้ายนั้นต้องร่วมกันอยู่ในการลงโทษของไฟนรก โดยไม่แยกจากกันเหมือนที่เคยประพฤติในโลกนี้
๔๐. เป็นไปได้หรือที่เจ้าจะทำให้คนเนรคุณซึ่งเปรียบประดุจดังคนหูหนวกได้ยิน หรือเจ้าจะชี้นำแก่คนตาบอด และผู้ที่ตกอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้งซึ่งบุคคลเหล่านั้นมีความหลงงมงายดำมืดในจิตใจ จนไม่สามารถเข้าใจคำสอนคำตักเตือนของเจ้าได้




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 41 - 44


คำอ่าน
41. ฟะอิม..มานัซฮะบัน..นะบิกะ ฟะอิน..นามินฮุม..มุน..ตะกิมูน
42. เอานุริยัน..นะกัลป์ละซี วะอัดนาฮุม ฟะอิน..นาอะลัยฮิม..มุกตะดิมูน
43. ฟัสตัมสิกบิลละซี..อูหิยะอิลัยกะ อิน..นะกะอะลาศิรอฏิม..มุสตะกีม
44. วะอิน..นะฮูละซิกรุลละกะ วะลิก็อวมิกะ วะเสาฟะตุสอะลูน


คำแปล R1.
41. And even if we take you (O Muhammad) away, we shall indeed take vengeance on them.
42. Or (if) we show you that wherewith we threaten them, then verily, we have perfect command over them.
43. So hold you (O Muhammad) fast to that which is inspired in you. Verily, you are on a Straight Path.
44. And verily, this (the Qur'an) is indeed a reminder for you (O Muhammad) and your people (Quraish people, or your followers), and you will be questioned (about it).


คำแปล R2.
41. ซึ่งบางทีเราก็จะทำให้เจ้าเสียชีวิต(ก่อนที่เจ้าจะพบเห็นการลงโทษพวกคัดค้าน) โดยแท้จริงแล้ว เราต้องจัดการตอบแทนโทษพวกเขาอย่างแน่นอน
42. หรือมิฉะนั้น เราก็จะทำให้เจ้าได้เห็น(การลงโทษ) ซึ่งเราได้สัญญาไว้แก่พวกเขา โดยแท้จริงแล้ว เราเป็นผู้ทรงอำนาจ(ที่จะจัดการลงโทษ)เหนือพวกเขา
43. ดังนั้นเจ้าจงยึดมั่นเถิดกับสิ่งที่ข้าดลมายังเจ้า  เพราะแท้จริงเจ้านั้น อยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรงแล้ว
44. และแท้จริงอัลกุรอานนี้ เป็นเกียรติคุณสำหรับเจ้า และสำหรับกลุ่มชนของเจ้าและต่อไปพวกเจ้าจะต้องถูกสอบสวน


คำแปล R3.
41. เราจะต้องลงโทษพวกเขาอย่างสาสม ไม่ว่าเราจะเอาเจ้าไปจากโลกนี้
42. หรือจะให้เจ้าเห็นบั้นปลายของพวกเขาที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา แท้จริง เรามีอำนาจเต็มที่เหนือพวกเขา
43. ดังนั้นจงยึดมั่นในวะฮียฺที่ได้ถูกส่งมายังเจ้า แท้จริง เจ้าอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง
44. แท้จริงคัมภีร์นี้คือคำตักเตือนสำหรับเจ้าและผู้คนของเจ้า และไม่ช้าพวกเขาจะถูกเรียกมาสอบสวน


คำแปล R4.
41. มาตรว่าเราได้ยึดเอาชีวิตเจ้าไป แน่นอนเราก็จะตอบแทนพวกเขาให้สาสม
42. หรือเราจะแสดงให้เจ้าเห็นการลงโทษซึ่งเราได้สัญญากับพวกเขาไว้ แท้จริงเรานั้นมีอนุภาพเหนือพวกเขา
43. ดังนั้นจงยึดมั่นตามที่ได้ถูกวะฮียฺแก่เจ้า แท้จริงเจ้านั้นอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรง
44. และแท้จริงอัลกุรอานคือข้อตักเตือนแก่เจ้าและแก่หมู่ชนของเจ้า และพวกเจ้าจะถูกสอบสวน


คำแปล  R5.
๔๑. ดังนั้นหากเราทำให้เจ้าสูญสิ้นเสียชีวิตก่อนหน้าที่จะลงโทษพวกเนรคุณเหล่านั้น เจ้าก็ไม่ต้องเศร้าเสียใจหรอก เพราะแท้จริงเราจักต้องลงโทษพวกเขาอย่างแน่นอนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
๔๒. หรือเราจะให้เจ้าเห็นการลงโทษซึ่งเราได้สัญญาไว้แก่พวกเขาโดยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ดูสภาพของพวกเขาที่ถูกลงโทษตามสัญญานั้น เพราะแท้จริงเราเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือพวกเขาการที่เราจะกำหนดให้เป็นไปอย่างไรย่อมเป็นอำนาจของเราเพียงฝ่ายเดียว
๔๓. ดังนั้นเจ้าจงยึดมั่นต่อสิ่งที่เจ้าได้รับการดลโองการมา นั่นคือกุรอานแท้จริงเจ้านั้นอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรงแล้วรวมทั้งบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วย
๔๔. และแท้จริงอัลกุรอานอันเป็นสิ่งที่เจ้าได้รับการดลโองการมานั้น ย่อมเป็นกิติคุณแก่เจ้า และแก่กลุ่มชนของเจ้า และพวกเจ้าทั้งหลายจะต้องได้รับการสอบถามในโลกหน้าถึงความศรัทธาที่พวกเจ้าได้ให้แก่อัลกุรอาน




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 45 - 49


คำอ่าน
45. วัสอัลมันอัรฺสัลนามิน..ก็อบลิกะมิรฺรุสุลินา อะญะอัลนามิน..ดูนิรฺเราะหฺมานิ อาลิฮะตัย..ยุอฺบะดูน
46. วะละก็อดอัรฺสัลนามูสาบิอายาตินา..อิลาฟิรฺเอานะ วะมะละอิฮี ฟะกอละอิน..นี เราะสูลุ ร็อบบิลอาละมีน
47. ฟะลัม..มาญา...อะฮุม..บิอายาตินา..อิซาฮุม..มินฮายัฎหะกูน
48. วะมานุรีฮิม..มินอายะติน อิลลาฮิยะอักบะรุ มินอุคติฮา วะอะค็อซนาฮุม..บิลอะซาบิ ละอัลละฮุมยัรฺญิอูน
49. วะกอลู ยา..อัยยุฮัสสาหิรุดอุละนา ร็อบบิกะบิมาอะฮิดะ อิน..ดะกะ อิน..นะนาละมุฮฺตะดูน


คำแปล R1.
45. And ask (O Muhammad) those of Our Messengers whom we sent before you: "Did we ever appoint Aliha (gods) to be worshipped besides the Most Beneficent (Allah)?"
46. And indeed we did send Musa (Moses) with Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) to Fir'aun (Pharaoh) and his chiefs (inviting them to Allah's Religion of Islam) He said: "Verily, I am a Messenger of the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and All that exists)."
47. But when he came to them with Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) behold! They laughed at them.
48. And not an Ayah (sign, etc.) we showed them but it was greater than its fellow, and we seized them with torment, in order that they might turn [from their polytheism to Allah's Religion (Islamic Monotheism)].
49. And they said [to Musa (Moses)]: "O you sorcerer! Invoke your Lord for us according to what He has covenanted with you. Verily, we shall guide ourselves (aright)."


คำแปล R2.
45. และเจ้าจงถามผู้ที่เราได้แต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตมาก่อนหน้าเจ้า จากบรรดาศาสนทูตทั้งหลายว่า! เราเคยอุปโลกน์สิ่งอื่นนอกจากพระผู้ทรงเมตตาขึ้นมาเป็นพระเจ้าเพื่อนมัสการบ้างไหม?
46. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้ส่งมูซาให้นำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเรามายังฟิรเอาน์กับพวกของเขา แล้วเขาก็ประกาศตัวเองว่า “แท้จริงฉันนี้เป็นทูตแห่งองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย”
47. ครั้นเมื่อมูซาได้นำสัญลักษณ์ของเรามาถึงพวกเขา พลันพวกเขาก็หัวเราะเยาะสัญลักษณ์เหล่านั้น
48. และเรามิได้ให้พวกเขามองเห็นสัญลักษณ์หนึ่งใดเลย นอกจากสัญลักษณ์นั้นจะต้องยิ่งใหญ่ชัดเจนกว่าสัญลักษณ์ที่ผ่านพ้นไปแล้ว และเราได้จัดการลงโทษพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้กลับคืน(สู่อัลเลาะฮฺด้วยการสารภาพผิดเสีย)
49. และพวกเขากล่าว(กับมูซา)ว่า “โอ้มายากร! (ผู้ชาญฉลาด)จงวอนขอต่อองค์อภิบาลของท่านให้(พระองค์ทรงประทาน)แก่เราตามที่ทรงสัญญาไว้แก่ท่านเถิด! แท้จริงเราจะเป็นผู้รับการชี้นำ(ตามคำสอนของท่าน) อย่างแน่นอน


คำแปล R3.
45. เจ้าจะถามรอซูลทั้งหลายที่เราส่งมาก่อนหน้าเจ้าก็ได้ว่า เราเคยแต่งตั้งพระเจ้าใดอื่นให้มาเป็นที่สักการะบูชานอกไปจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีหรือไม่?
46. และเราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่าง ๆ ของเรามายังฟิรฺเอาน์และเสนาบดีของเขา และเขาได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “ฉันเป็นศาสนทูตของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก”
47. ครั้นเมื่อเขาได้แสดงสัญญาณต่าง ๆ ของเราให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาก็หัวเราะเยาะเขา
48. เราได้แสดงสัญญาณครั้งแล้วครั้งเล่าแก่พวกเขา ซึ่งแต่ละสัญญาณก็ยิ่งใหญ่กว่าสัญญาณก่อน ๆ และเราได้ลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษที่พวกเขาอาจสำนึกผิด
49. (เมื่อใดก็ตามที่การลงโทษมายังพวกเขา) พวกเขากล่าวว่า “ท่านนักมายากล โปรดวิงวอนพระผู้อภิบาลของท่านให้พวกเราตามอำนาจที่ท่านได้รับจากพระองค์ด้วยเถิด แล้วเราจะเป็นผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง”


คำแปล R4.
45. และเจ้าจงถามผู้ที่เราได้ส่งมาก่อนเจ้าจากบรรดารอซูลของเราว่า เราได้ตั้งพระเจ้าหลายองค์อื่นจากรพะผู้ทรงกรุณาปราณี เพื่อเคารพบูชากระนั้นหรือ?
46. และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง ๆ ของเราไปยังฟิรเอานฺ และบรรดาผู้นำของเขา แล้วเขากล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นร่อซูลของพระเจ้าแห่งสากลโลก
47. ครั้งเมื่อเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง ๆ ของเรา แล้วพวกเขาก็หัวเราะเยาะต่อสัญญาณนั้น ๆ
48. และเรามิได้แสดงสัญญาณอันใดแก่พวกเขา เว้นแต่ว่าแต่ละอันจะยิ่งใหญ่กว่าอีกอันหนึ่งและเราได้คร่าพวกเขาด้วยการลง โทษ หวังว่าพวกเขาจะกลับมาสำนึกผิด
49. และพวกเขากล่าวว่า โอ้มายากรเอ๋ย โปรดวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านแก่พวกเราด้วย ตามที่พระองค์ได้ทรงทำสัญญากับท่าน แท้จริงเราจะเป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง


คำแปล  R5.
๔๕. โอ้มุฮำมัด และเจ้าจงถามถึงประวัติของศาสนทูตต่าง ๆ ในยุคก่อนซึ่งเป็นผู้ที่เราได้ส่งเขามาประกาศศาสนาก่อนหน้าเจ้า จากบรรดาศาสนทูตทั้งมวลว่า เราเคยบันดาลไว้ นอกจากองค์ผู้ทรงเมตตา บรรดาพระเจ้าที่พวกเขานมัสการบ้างหรือ ดังนั้นในค่ำอิสร๊ออ์ ศาสนทูตมุฮำมัดจึงสอบถามบรรดาศาสนทูตอื่น ๆ ที่บัยติลมักดิส เมื่อบรรดาศาสนทูตเหล่านั้นนับแต่อาดัมถึงอีซาทำละหมาดตามหลังท่าน ถึงประวัติของพวกเหล่านั้น
๔๖. และแท้จริงเราได้ส่งมูซา ให้นำโองการของเรามายังฟิรเอาน์ และพวกพ้องของเขา ดังนั้นเขาจึงกล่าวประกาศตัวเองให้ฝ่ายนั้นทราบว่าอันที่จริงฉันนี้เป็นศาสนทูตแห่งองค์อภิบาลของโลกทั้งหลาย
๔๗. แต่แล้วเมื่อนบีมูซา[/b]เขาได้นำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเรามายังพวกเขา พลันพวกเขาก็หัวเราะเยาะ[/b]และสบประมาทล้อเลียนเป็นที่สนุกสนาน
๔๘. และไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ใด ๆ ก็ตามที่เราบันดาลให้พวกเขามองเห็น นอกจากสัญลักษณ์นั้นจะต้องยิ่งใหญ่กว่าสัญลักษณ์ก่อนเสมอ เช่นบันดาลให้เกิดน้ำท่วมเฉพาะบ้านของชาวอียิปต์จนพวกนั้นลอยคอในน้ำ บันดาลให้เกิดตั๊กแตนลงมาทำลายพืชติดต่อกันถึง ๗ วัน ให้เกิดตัวเหาเป็นฝูง ๆ ลงมา ๗ วัน ให้มีคางคกเป็นฝูง ๆ ๗ วัน และให้น้ำดื่มมีเลือด ๗ วัน
๔๙. และพวกเขากล่าวกับนบีมูซาว่า โอ้นักวิทยากล ท่านจงวอนขอต่อพระเจ้าของท่านให้อุบัติสิ่งที่ท่านได้สัญญาจากตัวของท่านเองสิว่าให้พวกเราได้พ้นไปจากภัยพิบัติที่ได้ประสบแก่พวกเราหากพวกเรามีศรัทธา เพราะแท้จริงพวกเราเป็นผู้ศรัทธาที่ได้รับการชี้นำแล้วดังนั้นนบีมูซาจึงขอพรแก่พวกนั้นให้น้ำหยุดท่วมเป็นปกติ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 50 - 54



คำอ่าน
50. ฟะลัม..มา กะชัฟนาอันฮุมุลอะซาบะ อิซาฮุม ยัน..กุษูน
51. วะนาดาฟิรฺเอานุ ฟีก็อวมิฮี กอละยาก็อวมิ อะลัยสะลี มุลกุมิศเราะ วะฮาซิฮิลอันฮารุ ตัจญรีมินตะหฺตี อะฟะลาตุบศิรูน
52. อัมอะนะค็อยรุม..มินฮาซัลละซี ฮุวะมะฮีน วะลายะกาดุยุบีน
53. ฟะเลาลา..อุลกิยะอะลัยฮิ อัสวิเราะตุม..มิน..ซะฮะบิน เอาญา...อะมะอะฮุลมะลา...อิกะตุ มุกตะรินีน
54. ฟัสตะค็อฟฟะก็อวมะฮู ฟะอะฏออูฮฺ อิน..นะฮุมกานูก็อวมัน..ฟาสิกีน


คำแปล R1.
50. But when we removed the torment from them, behold! They broke their covenant (that they will believe if we remove the torment for them).
51. And Fir'aun (Pharaoh) proclaimed among his people, saying: "O my people! Is not mine the dominion of Egypt, and these rivers flowing underneath me. See you not then?
52. "Am I not better than this one [Musa (Moses)], who is Mahin [has no honour nor any respect, and is weak and despicable] and can scarcely express himself clearly?
53. "Why then are not golden bracelets bestowed on him, or angels sent along with him?"
54. Thus he [Fir'aun (Pharaoh)] befooled and misled his people, and they obeyed him. Verily, they were ever a people who were Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
50. ครั้นเมื่อเราได้คลี่คลายโทษทัณฑ์ไปจากพวกเขา(ตามคำขอของมูซษ) พลันพวกเขาก็ผิดสัญญา (ไม่ทำตามที่พูดไว้
51. และฟิรเอาน์ได้ประกาศในหมู่ชนของเขา โดยเขากล่าวว่า “โอ้ กลุ่มชนของฉัน! อาณาจักรอียิปต์มิใช่เป็นของข้าดอกหรือ และบรรดาธารน้ำเหล่านี้ ล้วนไหลอยู่จากเบื้องใต้ของข้า แล้วพวกเจ้าไม่เห็นหรือ?
52. ทว่าข้าเป็นผู้ประเสริฐกว่ามูซาซึ่งมีฐานะอันต่ำต้อย และเป็นคนที่พูดเกือบไม่ชัด
53. (หากเขาเป็นศาสนทูตจริง)แล้วไฉนจึงไม่มีกำไลทองคำถูกสวมใส่อยู่ที่เขา หรือมิฉะนั้น ก็มีมลาอิกะฮฺมาอยู่เป็นเคียงคู่พร้อมกับเขา(เพื่อเป็นสักขีพยานว่า เขาเป็นศาสนทูตจริง)?
54. แล้วฟิรเอาน์ก็ย้ำในความโง่เขลาของกลุ่มชนของเขา(ว่าอาจตกเป็นเหยื่อความคิดของมูซาได้) ซึ่งพวกนั้นก็ภักดีต่อเขา เพราะความจริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ฝ่าฝืน(ต่อบทบัญญัติของอัลเลาะฮฺ)


คำแปล R3.
50. แต่เมื่อเราได้ทำให้การลงโทษหมดไปจากพวกเขา พวกเขาก็ผิดสัญญาอีก
51. วันหนึ่งฟิรเอาน์ได้ประกาศท่ามกลางผู้คนของเขาว่า “ประชาชนของฉัน อาณาจักรแห่งอียิปต์นี้มิใช่ของฉันกระนั้นหรือ? แม่น้ำลำคลองเหล่านี้มิได้ไหลอยู่ภายใต้ฉันหรือ? พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า
52. ฉันดีกว่าคนผู้นี้ซึ่งต่ำต้อยและพูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ?
53. ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมไม่มีกำไลทองส่งมาให้เขาหรือมีมลาอิกะฮฺคอยเฝ้ารับใช้เขาล่ะ?”
54. ดังนั้น เขาได้หลอกลวงผู้คนของเขา และพวกเขาก็เชื่อฟังเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R4.
50. ครั้งเมื่อเราได้ปลดเปลื้องการลงโทษให้พ้นไปจากพวกเขาแล้ว เมื่อนั้นพวกเขาก็ผิดสัญญา
51. และฟิรเอานฺได้ประกาศท่ามกลางหมู่ชนของเขา เขากล่าวว่า หมู่ชนของฉันเอ๋ยอาณาจักรแห่งอียิปต์นี้มิได้เป็นของฉันดอกหรือ? และแม่น้ำเหล่านี้ไหลผ่านเบื้องล่าง(วังของ)ฉัน พวกท่านไม่เห็นดอกหรือ
52. ยิ่งกว่านั้นฉันยังดีกว่าคนนี้ ซึ่งเขาต่ำต้อย และแทบจะพูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ
53. ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมจึงไม่สวมกำไลทองให้เขาเล่า? หรือมีมะลาอิกะฮฺติดตามมาอยู่กับเขา
54. ด้วยเหตุนี้เขา (ฟิรเอานฺ) ได้หลอกลวงหมู่ชนของเขา แล้วพวกเขาก็เชื่อฟังเขา แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน


คำแปล  R5.
๕๐. ต่อมาเมื่อเราได้คลี่คลายการลงโทษให้พ้นไปจากพวกเขาโดยให้น้ำหยุดท่วมพลันพวกเขาก็ละเมิดสัญญาของตัวเองด้วยการแสดงความเนรคุณและปฏิเสธคัดค้านคำประกาศของนบีมูซาต่อไป
๕๑. และฟิรเอาน์ได้ประกาศในหมู่ชนของเขาด้วยความยโสและอวดดีว่าก็ข้ามิใช่หรือที่เป็นกษัตริย์แห่งอียิปต์ และบรรดาแม่น้ำเหล่านี้ล้วนไหลอยู่จากเบื้องใต้แห่งบัลลังก์ ไฉนพวกเจ้าจึงไม่มองดูและพินิจใคร่ครวญให้ดี เพื่อยอมรับในอำนาจของข้า
๕๒. พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าตัวข้านี้ดีเลิศกว่ามูซาผู้อ้างตัวเป็นทูตพระเจ้าผู้นี้ซึ่งเป็นผู้ต้อยต่ำและเขาเกือบจะพูดให้ชัดเจนไม่ได้
๕๓. แล้วไฉนเล่าตัวเขาจึงไม่ถูกสวมใส่กำไลทองตามแบบฉบับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายให้สมกันกับที่เขาอ้างตัวเองเป็นทูตพระเจ้าหรือจึงไม่มีมลาอิกะห์เคียงคู่มากับเขาเพื่อยืนยันและเป็นสักขีพยานว่าเขาเป็นทูตพระเจ้าโดยแท้จริง
๕๔. จากนั้นฟิรเอาน์เขาก็ขู่พรรคพวกของเขาและบังคับให้ทุกคนปฏิเสธ และก้าวร้าวนบีมูซาซึ่งพวกนั้นก็ภักดีต่อเขาเป็นอันดี โดยแต่ละคนร่วมกันคัดค้านก้าวร้าวและยกโกหกนบีมูซาอย่างพร้อมเพรียงกันแท้จริงพวกเหล่านั้นล้วนเป็นกลุ่มชนที่ชั่วร้ายไม่ยอมรับศรัทธาในสัจธรรม




 

GoogleTagged