เราจะเริ่มทำการวิเคราะห์ฮิกัมของท่านอิมาม อิบนุ อะฏออิลและฮ์ ที่ว่า ?หัวใจจะส่องรัศมี(แห่งอีหม่าน)ได้อย่างไร ในเมื่อบรรดาภาพของสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย ได้เกาะประทับอยู่ในกระจกเงาของหัวใจ ??
คำว่า "ภาพโลกหรือภาพของจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งหลาย" นั้นไม่ใช่หมายถึงสิ่งที่เป็นตัวตนเพียงอย่างเดียว ความรู้สึกนึกคิดล้วนเป็นมัคโลค เป็นภาพโลก หรือเป็นสรรพสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างขึ้นเช่นกัน
อย่างเช่นท่านเห็นคนอื่นได้ดีมีเกียรติยศ (นั่นคือมัคโลค) ท่านก็คิดอิจฉาริษยาพวกเขาโดยต้องการให้พวกเขาตกต่ำตกจากตำแหน่งที่พวกเขาดำรงอยู่ (ความคิดที่เกิดขึ้นในจิตเช่นนี้ก็เรียกว่าภาพโลกหรือมัคโลค) ที่มันมาเกาะกุมอยู่ในจิตใจจนทำให้เกิดเป็นความริษยาอันเนื่องมาจากกิเลสและอารมณ์ใฝ่ต่ำนั่นเอง ผู้อิจฉาริษยานี้นั้น เขาไม่มองไปทะลุไปถึงอัลเลาะฮ์ แต่เขามองหยุดเพียงแค่อารมณ์ใฝ่ต่ำของตน ซึ่งหากเขามองทะลุผ่านไปยังอัลเลาะฮ์ เขาก็จะรู้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงประทานเกียรติยศนั้นให้แก่เขา มันเป็นเนี๊ยะมัตที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้ เราไม่มีสิทธิ์ในปฏิเสธเนี๊ยะมัตนั้น (กุฟุรเนี๊ยะมัต) เพราะอัลเลาะฮ์ทรงต้องการที่จะประทานเกียรติยศกับบุคคลที่พระองค์ทรงต้องการ แล้วเราก็จะมองถึงคุณลักษณะของพระองค์ได้ว่า เพราะองค์ทรงทรงประทานเกียรติ المُعِزّ "พระองค์ทรงทำให้เกียรติ" และเราก็จะกลับไปหาพระองค์ได้ทุกช่วงเวลาและทุกช่วงของเหตุการณ์
ตัวอย่างต่อไป หากเราเห็นคนที่เรารักเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ (การเสียชีวิตนั้นเป็นมัคโลคที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างขึ้นและเป็นภาพแห่งโลกชนิดหนึ่งเช่นกัน) เราก็ร้องไห้คร่ำครวญโทษโน้นโทษนี่ กล่าวหาว่าคนนั้นขับรถประมาทบ้างแหละ อ้างว่าหากคนนั้นไม่ชวนขึ้นรถไปก็คงไม่ตายบ้างแหละ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะภาพโลกมันไปเกาะกุมประทับอยู่ที่จิตใจโดยไม่หวนกลับไปหาอัลเลาะฮ์ตาอาลา กิเลสและอารมณ์ใฝ่ต่ำจึงมาครอบงำเป็นจุดดำแผ่ขยายอยู่เรื่อย ๆ ทุกวี่ทุกวัน นี่ถ้าหากเขามองให้กลับทะลุไปหาอัลเลาะฮ์ได้แล้วนั้น เขาก็จะรู้ว่า อัลเลาะฮ์ต่างหากผู้ทรงทำให้ตาย เพราะพระองค์มีพระนามว่า المميت "พระองค์ผู้ทรงทำให้ตาย" เมื่อเป็นดังนี้แล้วเราก็จะไม่ลืมอัลเลาะฮ์ตาอาลา และเราก็จะรู้ถึงฮิกมะฮ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงทำให้เป็นอย่างนั้น เช่นหากญาติคนนั้นไม่ตายไปในช่วงนี้ ต่อไปในอนาคตเขาอาจจะเป็นคนที่พฤติกรรมไม่ดีต่ออัลเลาะฮ์ก็เป็นได้
ตัวอย่างต่อไป บุคคลหนึ่งมีทรัพย์สินมากมาย แล้วหลงไหลในทรัพย์สิน ตระหนี่ไม่ยอมใช่จ่ายไปในหนทางของอัลเลาะฮ์ ดังนั้นทรัพย์สินและความโลบหลงไหลในทรัพย์สิน ก็คือ ภาพโลกที่ถูกสร้างขึ้นนั่นเอง เมื่อกันเกาะกุมภายในจิตใจแล้วมันก็จะทำให้เราตระหนี่หลงไหลในทรัพย์สิน ซะก๊าตก็ไม่ยอมจ่าย ชอบหลีกเลี่ยงโดยทำให้พิกัดของเงินไม่ครบก่อนจะถึงรอบปี ชอบโกงผู้อื่นในทางทรัพย์สิน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นภาพโลกที่มาเกาะกุมจิตใจ แต่หากเขามองผ่านไปยังอัลเลาะฮ์ เขามองว่าอัลเลาะอ์ทรงมีพระนามว่า الرزّاق "พระองค์ผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพยิ่ง" และ الوهاب "พระองค์ผู้ทรงมอบให้ยิ่ง" เขาก็จะรู้ถึงบ่อเกิดหรือผู้ให้ของปัจจัยยังชีพและทรัพย์สินนั้น ความรักความกตัญญูรู้คุณก็จะบังเกิด เฝ้ารอเวลาครบปีเพื่อจะจ่ายซะก๊าตสักที ไม่กล้าที่จะนำทรัพย์ไปใช้ในหนทางมิชอบ นั่นก็เพราะว่าเขาได้มองผ่านไปถึงอัลเลาะฮ์
และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่บังเกิดนอกจากต้องเตาบะฮ์เสียก่อนเพื่อให้ความโสมมของจิตใจหายไป แล้วสภาวะจิตใจที่ดีงามก็จะเข้ามา
วัลลอฮุอะลัม