ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 41 สูเราะฮฺ หา มีม อัสสัจญดะฮฺ หรือ ฟุศศิลัต  (อ่าน 4744 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ ฟุศศิลัต- فصّلت - ถูกจำแนกไว้
เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 54 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺฟุศศิลัต (R4.)
   ซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ที่ให้ความสนใจทางด้านหลักอะกีดะฮฺอิสลามียะฮฺ คือการให้ความเอกภาพ สาสน์ การฟื้นคืนชีพ และการตอบแทน ซึ่งเป็นเป้าหมายของบรรดาซูเราะฮฺที่ให้ความสำคัญต่อหลักการอีมาน
   ซูเราะฮฺได้เริ่มกล่าวถึงอัลกุรอานซึ่งถูกประทานมาจากพระผู้ทรงเมตตาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง และข้อพิสูจน์อันกระจ่างแจ้ง ที่ชี้บ่งถึงความสัจจะของมุฮัมมัด อะลัยฮิศศ่อลาตุวัสสลาม ซึ่งเป็นปาฏิหารอันยืนยงและถาวรแก่ท่านนะบีผู้ประเสริฐ
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงเรื่องอัลวะฮีย์และสาสน์โดยยืนยันถึงข้อเท็จจริงแห่งการเป็นรอซูล และว่าท่านเป็นปุถุชนที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงให้มีลักษณะที่เด่นชัดด้วยการประทานวะฮียฺและเกียรติแก่ท่านด้วยการเป็นนะบี พระองค์ทรงเลือกท่านจากปวงบ่าวทั้งมวลให้เป็นผู้เรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ เป็นผู้ชี้แนะไปสู่ศาสนาศาสนาอันเที่ยงตรงของพระองค์
   ต่อมาซูเราะฮฺได้กล่าวถึงภาพลักษณ์ของการสร้างชีวิตครั้งแรก การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินด้วยรูปแบบที่ละเอียดอ่อนและรัดกุม ซึ่งจะเป็นการตักเตือนบรรดาผู้ผินหลังให้กับสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮฺให้พิจารณาใคร่ครวญและนึกคิดแต่ความมืดมนแห่งการปฏิเสธศรัทธาได้มาปิดกั้นระหว่างพวกเขากับการศรัทธาเสีย จักรวาลทั้งหมดได้กล่าวขวัญถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ยืนยันถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์ญัลละวะอะลา
   ซูเราะฮฺได้เปิดเผยด้วยการกล่าวถึงจุดจบของบรรดาผู้ปฏิเสธ โดยได้ยกอุทาหรณ์ถึงประชาชาติที่มีพลังเข้มแข็งที่สุดที่หยิ่งยะโส คือกลุ่มชนของอ๊าดซึ่งความหยิ่งผยองของพวกเขาถึงขั้นที่พวกเขากล่าวว่า “ผู้ใดมีพลังเข้มแข็งกว่าพวกเรา?” และได้กล่าวถึงสิ่งที่ประสบแก่พวกเขา(อ๊าด)และพวกซะมู๊ด คือความพินาศอย่างย่อยยับขณะที่พวกเขาเพลิดเพลินอยู่ในความละเมิดและปฏิเสธบรรดารอซูลของอัลลอฮฺ
   หลังจากได้กล่าวถึงบรรดาอาชญากรผู้ละเมิดฝ่าฝืน ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงบรรดามุอ์มินผู้ศรัทธายำเกรง ซึ่งพวกเขาได้ยืนหยัดปฏิบัติตามบทบัญญัติของอัลลอฮฺและศาสนาของพระองค์ ดังนั้นอัลลอฮฺจึงทรงยกย่องให้เกียรติแก่พวกเขาด้วยความปลอดภัยและความสงบสุขในสวนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่พำนักของเขา โดยอยู่ร่วมกับบรรดานะบี บรรดาผู้ซื่อสัตย์ยึดมั่นในสัจธรรม บรรดาผู้ตายชะฮีด และบรรดาคนศอและฮฺ
   ต่อมาซูเราะฮฺได้กล่าวถึงสัญญาณต่าง ๆ แห่งจักรวาลที่ปรากฏเป็นภาพลักษณ์แก่สายตาในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เพียบพร้อมด้วยเคล็ดลับและสิ่งแปลกประหลาดมากมาย และท่าทีของผู้ปฏิเสธต่ออายาตต่าง ๆ ที่ประจักษ์แจ้ง
   ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยสัญญาณของอัลลอฮฺที่มีต่อมนุษยชาติว่า พระองค์จะทรงปฺดเผยให้พวกเขาได้เห็นเคล็ดลับบางประการของจักรวาลนี้ในบั้นปลายของวันสิ้นโลก เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงความจริงตามที่อัลกุรอานได้บอกเล่าไว้ “เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราในขอบเขตอันไกลโพ้น และในตัวขงพวกเขาเองจนกระทั่งจะเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พวกเขาว่าอัลกุรอานนั้นเป็นความจริง ยังไม่พอเพียงอีกหรือที่พระเจ้าของเจ้านั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ซูเราะฮฺฟุศศิลัตถูกขนานนามเช่นนี้ เพราะอัลลอฮฺตะอาลาทรงแจกแจงสัญญาณทั้งหลายในซูเราะฮฺนี้ ทรงอธิบายอย่างชัดแจ้งถึงหลักฐานที่บ่งชี้ถึงเดชานุภาพและความเป็นเอกภาพของพระองค์ และทรงพิสูจน์หลักฐานที่ประจักษ์ถึงการมีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ตลอดจนการสร้างจักรวาลอย่างวิจิตรพิสดาร ซึ่งเป็นที่ยืนยันถึงความยิ่งใหญ่แห่งอำนาจของพระองค์

 
----------------------------------------------------


เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 1 - 4




คำอ่าน
1. หา มีม
2. ตัน..ซีลุม..มินัรฺเราะหฺมานิรฺเราะหีม
3. กิตาบุน..ฟุศศิลัต อายาตุฮู กุรฺอานัน อะเราะบียัล ลิก็อวมี..ยะอฺละมูน
4. บะชีร็อว..วะนะซีรอ ฟะอะอฺเราะเฎาะ อักษะรุฮุม ฟะฮุมลายัสมะอูน


คำแปล R1.
1. Ha-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (Alone) knows their meanings.]
2. A revelation from Allah, the Most Beneficent, the Most Merciful.
3. A book whereof the verses are explained in detail; a Qur'an in Arabic for people who know.
4. Giving glad tidings [of Paradise to the one who believes in the Oneness of Allah (i.e. Islamic Monotheism) and fears Allah much (abstains from all kinds of sins and evil deeds) and loves Allah much (performing all kinds of good deeds which he has ordained)], and warning (of punishment in the Hell Fire to the one who disbelieves in the Oneness of Allah), but most of them turn away, so they listen not.


คำแปล R2.
1. ฮา, มีม
2. (อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่) ถูกประทานมาจากพระผู้ทรงเมตตา อีกทั้งทรงกรุณายิ่ง
3. เป็นคัมภีร์ที่ถูกแจกแจงโองการต่าง ๆ ไว้(อย่างชัดเจน) เป็นกุรอานที่ถูกประทานมาด้วยภาษาอาหรับ เป็นกลุ่มชนที่รอบรู้
4. เป็นคัมภีร์ที่นำข่าวประเสริฐมาแจ้งและตักเตือน(ให้ตระหนักถึงโทษทัณฑ์ต่าง ๆ ) แต่แล้วส่วนมากของพวกเขากลับหันหลังให้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยิน (คำประกาศจากอัลกุรอาน)


คำแปล R3.
1. ฮา มีม
2. นี่เป็นการประทานมาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
3. คือคัมภีร์ที่อายะฮฺทั้งหลายของมันได้ให้คำอธิบายไว้อย่างดี คือคัมภีร์กุรอานภาษาอาหรับสำหรับบรรดาผู้มีความรู้
4. เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน แต่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้หันหลังให้มันและไม่สนใจที่จะฟัง


คำแปล R4.
1. ฮามีม
2. (อัลกุรอานนี้) เป็นการประทานลงมาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
3. คัมภีร์ซึ่งอายาตทั้งหลายได้ให้คำอธิบายไว้อย่างละเอียดเป็นอัลกุรอานภาษาอาหรับสำหรับหมู่ชนผู้มีความรู้
4. เป็นการแจ้งข่าวดีและเป็นการตักเตือน แต่ส่วนมากของพวกเขาผินหลังให้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ยิน


คำแปล R5.
๑. ฮา มีม อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวที่ทรงรอบรู้ความหมาย
๒. ที่ถูกประทานลงมาจากพระผู้ทรงเมตตา ทรงกรุณานั้น
๓. คือ คัมภีร์หนึ่งซึ่งบรรดาโองการแห่งคัมภีร์นี้ได้รับการแจกแจง บรรดาบทบัญญัติ ประวัติศาสตร์ และคำเตือนต่าง ๆ ตลอดทั้งสรรพวิชาการทุกแขนง โดยกุรอานเป็นภาษาอาหรับเพื่อกลุ่มชนที่รอบรู้
๔. อัลกุรอานดังกล่าวถูกประทานมาในฐานะแจ้งข่าวดีและตักเตือนให้ตระหนักถึงบาปโทษอันพึงได้รับจากการไม่ศรัทธาแต่แล้วพวกเขาส่วนมากก็หันเหออกจากคัมภีร์ ไม่ให้ความสนใจแต่ประการใด ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รับฟังสัจธรรมแห่งคัมภีร์แบบยอมรับ นอกจากฟังเพื่อการล้อเลียน เย้ยหยันและปฏิเสธ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 5 - 8


คำอ่าน
5. วะกอลูกุลูบุนาฟี..อะกิน..นะติม..มิม..มาตัดอูนา..อิลัยฮิ วะฟี..อาซานินา วักรู..วะมิม..บัยนินา วะบัยนิกะหิญาบุน..ฟะอฺมัลอิน..นะนะอามิลูน
6. กุล อิน..นะมา..อะนะบะชะรุม..มิษลุกุม ยุหา..อิลัยยะ อัน..นะมา..อิลาฮุกุม อิลาฮู..วาหิดุน..ฟัสตะกีมู..อิลัยฮิ วัสตัฆฟิรูฮฺ วัยลุลลิลมุชริกีน
7. อัลละตีนะ ลายุอ์ตูนัซซะกาตะ วะฮุม..บิลอาคิเราะคิ ฮุมกาฟิรูน
8. อิน..นัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ละฮุมอัจญรุน ฆ็อยรุมัมนูน


คำแปล R1.
5. And they say: "Our hearts are under coverings (screened) from that to which you invite us, and in our ears is deafness, and between us and you is a screen, so work you (on your way); Verily, we are working (on our way)."
6. Say (O Muhammad): "I am only a human being like you. It is inspired in me that your Ilah (God) is one Ilah (God - Allah), therefore take Straight Path to Him (with true faith Islamic Monotheism) and obedience to him, and seek forgiveness of Him. And woe to Al-Mushrikun (the disbelievers in the Oneness of Allah, polytheists, idolaters, etc. - see V.2:105).
7. Those who give not the Zakat and they are disbelievers in the Hereafter.
8. Truly, those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism and in his Messenger Muhammad) and do righteous good deeds, for them will be an endless reward that will never stop (i.e. Paradise).


คำแปล R2.
5. และพวกเขากล่าวว่า “หัวใจของพวกเราอยู่ในฝากั้นหลายชั้น(จนเป็นอุปสรรค) ต่อความเข้าใจในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้องพวกเราไปสู่มัน และในหูของเราก็มีความหนวก อีกทั้งระหว่างเรากับท่านนั้นมีฉากกั้น(จนรวมกันไม่ได้) ดังนั้นท่านจงทำไปเถิด(ตามคำสอนของศาสนาของท่าน)ส่วนพวกเราก็ทำ(ไปตามความเชื่อของเราตามเดิม)
6. จงประกาศเถิด! “อันที่จริงฉันเป็นเพียงสามัญชนเยี่ยงพวกท่าน แต่ฉันได้รับโองการมาว่า แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านมีเพียงพระเจ้าเดียวเท่านั้น(คือ อัลเลาะฮฺ) ดังนั้นพวกท่านจงยืนหยัดอยู่กับพระองค์และจงขอนิรโทษต่อพระองค์เถิด! และความหายนะ ย่อมประสบแก่จำพวกตั้งภาคีทั้งปวง”
7. “พวกเขาเป็นพวกไม่บริจาคทานซะกาตและพวกเขาปฏิเสธในเรื่องโลกหน้า”
8. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามนั้น พวกเขาย่อมได้รับรางวัลอันไม่ขาดตอนอย่างแน่นอน


คำแปล R3.
5. พวกเขากล่าวว่า “หัวใจของเราอยู่ในที่ปกปิดจากสิ่งที่ท่านกำลังเรียกร้องไปสู่มัน หูของพวกเราก็หนวก และระหว่างเรากับท่านก็มีสิ่งขวางกั้นอยู่ ดังนั้นท่านจะทำอะไรก็ทำไป เราก็จะทำสิ่งที่เราต้องการ
6. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนพวกท่าน แต่ได้มีวะฮียฺมายังฉันว่า พระผู้อภิบาลของพวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นจงหันหน้ามายังพระองค์แต่เพียงผู้เดียว และจงขออภัยโทษจากพระองค์ และความวิบัติจะมีแก่บรรดาผู้ตั้งภาคี
7. ผู้ที่ไม่จ่ายซะกาตและปฏิเสธโลกหน้า
8. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนโดยไม่ขาดตกบกพร่องอย่างแน่นอน


คำแปล R4.
5. และพวกเขากล่าวว่า หัวใจของเราอยู่ในที่ปกปิดจากสิ่งที่พวกท่านเชิญชวนเราไปสู่สิ่งนั้น และในหูของเราก็หนวก และระหว่างเรากับท่านก็มีม่านกั้นอยู่ ดังนั้นท่านจงทำ (สิ่งที่ท่านพึงกระทำ )เถิด สำหรับพวกเราก็จะทำ (ตามที่เราต้องการจะกระทำ)
6. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ฉันก็คือสามัญชนเยี่ยงพวกท่าน แต่ได้มีวะฮียฺแก่ฉันว่า พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นจงมุ่งตรงสู่พระองค์เถิด และจงขออภัยต่อพระองค์และความวิบัติจงมีแต่บรรดาผู้ตั้งภาคี
7. บรรดาผู้ไม่จ่ายซะกาต และพวกเขา คือพวกปฏิเสธศรัทธาต่อวันปรโลก
8. แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีทั้งหลาย สำหรับพวกเขานั้นจะได้รับรางวัลอย่างมิขาดสาย


คำแปล R5.
๕. และพวกเขากล่าวว่า หัวใจของพวกเราปิดสนิทมองไม่เห็นต่อสิ่งที่พวกท่านเรียกร้องพวกเรา และใบหูของเราก็ตึงฟังคำประกาศของท่านไม่ได้ยิน และระหว่างพวกเรากับตัวท่านนั้นมีฉากกำบังไม่สามารถจะมาบรรจบและประสานกันได้ดังนั้นท่านจงปฏิบัติเถิดตามแนวทางแห่งศาสนาของท่านแท้จริงเราเองก็ปฏิบัติตามแนวทางแห่งศาสนาของเรา ต่างฝ่ายต่างถือศาสนาของตนไป
๖. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิดอันที่จริงตัวฉันนี้เป็นเพียงสามัญชนเยี่ยงท่านทั้งหลาย เพียงแต่ฉันได้รับการดลโองการให้มาประกาศแก่ชาวโลกทั้งหลายว่าความเป็นจริง พระเจ้าของพวกท่านทั้งหลายนั้นคือพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว ดังนั้นพวกท่านจงยืนหยัดอยู่กับพระองค์ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามคำบัญชาทุกประการและท่านทั้งหลายจงขออภัยต่อพระองค์เถิดและความหายนะย่อมประสบแก่บรรดาผู้ตั้งภาคีทั้งหลาย
๗. ซึ่งพวกเขาไม่บริจาคทานซะกาตจากทรัพย์สินที่พวกเขามีอยู่และพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธวันปรภพไม่มีศรัทธาต่อวันนั้น
๘. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติความดีงาม พวกเขาย่อมได้กุศลอันไม่สลาย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 9 - 12


คำอ่าน
9. กุลอะอิน..นะกุม ละตักฟุรูนะ บิลละซีเคาะละก็อลอัรฺเฎาะ ฟีเยามัยนิ วะตัจญอะลูนะ ละฮู..อัน..ดารอ ซาลิกะร็อบบุลอาละมีน
10. วะญะอะละฟีฮา เราะวาสิยะ มิน..เฟากิฮา วะบาเราะกะฟีฮา วะก็อดดะเราะฟีฮา..อักวาตะฮา ฟี..อัรฺบะอะติอัยยาม สะวา..อัลลิสสาอิลีน
11. ษุม..มัสตะวา..อิลัสสะมา...อิ วะฮิยะดุคอนุน..ฟะกอละละฮา วะลิลอัรฺฎิอ์ติยา ฏ็อวอัน เอากัรฺฮา กอละตา..อาตัยนา ฏอ...อิอีน
12. ฟะเกาะฎอฮุน..นะ สับอะสะมาวาติน..ฟีเยามัยนิ วะเอาหา ฟีกุลลิ สะมา...อิน อัมเราะฮษ วะซัยยัน..นัสสะมาอัดดุนยา บิมะศอบีหะ วะหิฟซอ ซาลิกะ ตักดีรุลอะซีซิลอะลีม


คำแปล R1.
9. Say (O Muhammad): "Do you verily disbelieve in Him who created the earth in two days and you set up rivals (in worship) with him? That is the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and All that exists).
10. He placed therein (i.e. the earth) firm mountains from above it, and He blessed it, and measured therein its sustenance (for its dwellers) in four days equal (i.e. All these four 'days' were equal in the length of time), for all those who ask (about its creation).
11. Then He Istawa (rose over) towards the heaven when it was smoke, and said to it and to the earth: "Come both of you willingly or unwillingly." they both said: "We come, willingly."
12. Then He completed and finished from their creation (as) seven heavens in two days and He made in each heaven its affair. And we adorned the nearest (lowest) heaven with lamps (stars) to be an adornment as well as to guard (from the devils by using them as missiles against the devils). Such is the decree of Him the All-Mighty, the All-Knower.


คำแปล R2.
9. จงประกาศเถิด! “หรือพวกท่านจะคัดค้านพระเจ้าผู้ทรงบันดาลแผ่นดินนี้ในสองวาระ และพวกท่านจะอุปโลกน์บรรดาภาคีต่อพระองค์? พระองค์นั้นทรงเป็นองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย
10. และทรงบันดาลไว้ในแผ่นดินซึ่งขุนเขาให้มีอยู่ด้านบนของมัน ทรงประทานความจำเริญไว้ในแผ่นดิน และทรงกำหนดไว้ในนั้นซึงโภคปัจจัยทั้งหลายของมันเพื่อความเท่าเทียมสำหรับบรรดาผู้ขอ (จะได้รับสิ่งดังกล่าวไว้อำนวยประโยชน์แก่ตน) ซึ่งการบันดาลตามที่กล่าวนั้นสำเร็จภายในสี่วาระ
11. หลังจากนั้นพระองค์ทรงมุ่งปรารถนาสู่(การบันดาลฟากฟ้า)โดยขณะนั้นมันยังเป็นหมอกเพลิงอยู่ แล้วพระองค์ทรงตรัสแก่มันและแก่แผ่นดินว่า “เจ้าทั้งสองจงดำเนิน(ตามบัญชาของข้า)เถิด! ทั้งโดยสมัครใจหรือโดยฝืนใจก็ตาม” มันทั้งสองกล่าวว่า “เราทั้งสองขอดำเนินการ(ตามบัญชาของพระองค์)โดยความสมัครใจ”
12. ดังนั้นพระองค์จึงทรงบันดาลพวกมันให้(แยกตัวออกมา)เป็นเจ็ดชั้นฟ้าในสองวาระ และทรงโองการไว้ในฟ้าทุกชั้นซึ่งการงาน(ระบบ)ของมัน และเราได้ประดับฟ้าแห่งโลกนี้ไว้ด้วยดวงประทีป(ดาว)ต่าง ๆ และคอยพิทักษ์ไว้ นั้นเป็นการกำหนดโดยองค์ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง


คำแปล R3.
9. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “พวกท่านปฏิเสธพระผู้สร้างแผ่นดินในสองวัน และตั้งสิ่งอื่นขึ้นมาเท่าเทียมกับพระองค์กระนั้นหรือ?” แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
10. พระองค์ทรงทำให้เทือกเขาตั้งมั่นอยู่เหนือแผ่นดิน (หลังจากสร้างมันขึ้นมา)และได้ประทานความเจริญขึ้นในแผ่นดินและทรงจัดเตรียมปัจจัยยังชีพขึ้นในนั้นอย่างพอเพียงตามความต้องการของบรรดาผู้ขอในเวลาสี่วัน
11. หลังจากนั้นพระองค์ได้ทรงหันมายังฟากฟ้าที่ในตอนนั้นเป็นเพียงหมอกควัน และพระองค์ได้ทรงกล่าวแก่ฟากฟ้าและแผ่นดินว่า “จงมาที่นี่ ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตาม” ทั้งสองกล่าวว่า “เราทั้งสองมาตามคำสั่งแล้ว”
12. หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดภายในสองวัน และในแต่ละชั้นฟ้า พระองค์ได้ทรงกำหนดระเบียบไว้ให้มัน และเราได้ประดับฟ้าชั้นล่างไว้ด้วยแสงสว่างมากมาย และได้ทำให้มันเป็นที่ปลอดภัย นั่นคือการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้

 
คำแปล R4.
9. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านปฏิเสธศรัทธาต่อพระผู้สร้างแผ่นดินเพียงในสองวัน และพวกท่านตั้งภาคีคู่เคียงกับพระองค์กระนั้นหรือ? นั่นคือพระเจ้าแห่งสากลโลก
10. และใน (แผ่นดิน) นั้นพระองค์ทรงทำให้เทือกเขาตั้งมั่นอยู่บนมัน และทรงให้มีความจำเริญในนั้น และทรงกำหนดปัจจัยยังชีพของมันให้มีขึ้นในนั้นในระยะเวลา 4 วัน อย่างทัดเทียมกันแก่บรรดาผู้ไต่ถาม
11. แล้วพระองค์ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้าขณะที่มันเป็นไอหมอก พระองค์จึงตรัสแก่ชั้นฟ้าและแผ่นดินว่า เจ้าทั้งสองจงมาจะโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม มันทั้งสองกล่าวว่า ข้าพระองค์มาอย่างเต็มใจแล้ว
12. ดังนั้นพระองค์ทรงสร้างมันสำเร็จเป็นชั้นฟ้าทั้งเจ็ดในระยะเวลา 2 วัน และทรงกำหนดในทุกชั้นฟ้าหน้าที่ของมัน และได้ประดับท้องฟ้าแห่งโลกนี้ด้วยดวงดาวทั้งหลาย และเป็นการป้องกัน (ให้พ้นจากชัยฏอน) นั่นคือ การกำหนดแห่งพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R5.
๙. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิด หรือว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะเนรคุณต่อพระผู้สร้างแผ่นดินในสองวัน และพวกเจ้าอุปโลกน์ภาคีขึ้นกับพระองค์ พระองค์นั้นย่อมเป็นผู้ทรงอภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย
๑๐. และพระองค์ทรงสร้างไว้ในแผ่นดิน ซึ่งขุนเขาอันมั่นคงจากเบื้องบนของมัน และทรงประทานความเจริญในแผ่นดินนั้น โดยให้มีน้ำและพืชอันอุดมสมบูรณ์และพระองค์ทรงแบ่งสรรในแผ่นดิน บรรดาอาหารที่มีอยู่ในแผ่นดินแก่มวลมนุษย์และสัตว์ทั่วไป โดยจัดความเหมาะสมของอาหารตามความต้องการของมนุษย์และสัตว์ในสี่วันโดยเสมอ ครบถ้วนสำหรับบรรดาผู้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องการสร้างแผ่นดินดังกล่าวไว้แล้ว
๑๑. หลังจากนั้นพระองค์ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้าโดยขณะนั้นมันเป็นหมอกควันที่ลอยคว้างอยู่แล้วพระองค์ก็มีบัญชาแก่มันและแก่แผ่นดินว่า เจ้าทั้งสองจงมาเถิดตามความประสงค์ของข้าโดยความภักดีหรือถูกบังคับก็ตามมันทั้งสองกล่าวว่า เรามาโดยความภักดีมิได้รู้สึกว่าถูกบังคับเลย
๑๒. ดังนั้น พระองค์จึงทรงกำหนดพวกมันขึ้นเป็นเจ็ดชั้นฟ้าในสองวัน และทรงดลการงานของแต่ละชั้นฟ้าไว้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์และพระองค์ทรงประดับฟ้าชั้นโลกไว้ด้วยดวงดาวต่าง ๆ อันเปรียบได้ดั่งบรรดาประทีป และเราได้พิทักษ์ไว้ซึ่งระบบต่าง ๆ ของมันให้ดำเนินไปอย่างมั่นคงนั่นเป็นข้อกำหนดแห่งพระองค์ผู้ทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 13 - 16


คำอ่าน
13. ฟะอินอะอฺเราะฎู ฟะกุลอัน..ซัรฺตุกุม ศออิเกาะตัม..มิษละศออิเกาะติ อาดิว..วะสะมูด
14. อิซญา..อัตฮุมุรฺรุสุลุ มิม..บัยนิอัยดีฮิม วะมินค็อลฟิฮิม อัลลาตะอฺบุดู..อิลลัลลอฮฺ กอลูเลาชา...อะร็อบบุนา ละอัน..ซะละมะลา...อิกะตัน..ฟะอิน..นาบิมา..อุรฺสิลตุม..บิฮีกาฟิรูน
15. ฟะอัม..มาอาดุน..ฟัสตักบะรู ฟิลอัรฺฎิ บิฆ็อยริลหักกิ วะกอลู มันอะชัดดุ มิน..นากูววะฮฺ อะวะลัมยะร็อวอัน..นัลลอฮัลละซี เคาะละเกาะฮุม ฮุวะอะชัดดุ มินฮุมกูวะฮฺ วะกานูบิอายาตินายัจญหะดูน
16. ฟะอัรฺสัลนาอะลัยฮิม รีหัน..ส็อรฺเศาะร็อน..ฟี..อัยยามิน..นะหิสาติล ลิยุซีเกาะฮุมอะซาบัลคิซยิ ฟิลหะยาติดดุนยา วะละอะซาบุลอาคิเราะติ อัคซา วะฮุมลายุน..เศาะรูน


คำแปล R1.
13. But if they turn away, Then Say (O Muhammad): "I have warned you of a Sa'iqah (a destructive awful cry, torment, hit, a thunderbolt) like the Sa'iqah which overtook 'Ad and Thamud (people)."
14. When the Messengers came to them, from before them and behind them (saying): "Worship none but Allah" they said: "If our Lord had so willed, He would surely have sent down the angels. So indeed! We disbelieve in that with which you have been sent."
15. As for 'Ad, they were arrogant in the land without right, and they said: "Who is mightier than us in strength?" See they not that Allah, who created them was mightier in strength than them. And they used to deny Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, revelations, etc.)!
16. So we sent upon them furious wind in days of evil omen (for them) that we might give them a taste of disgracing torment in this present worldly life, but surely the torment of the Hereafter will be more disgracing, and they will never be helped.


คำแปล R2.
13. ดังนั้น หากพวกเขาหันหลังให้ เจ้าก็จงประกาศเถิด! “ฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระวังอสุนีบาต(ที่จะฟาดลงมาทำลายล้างพวกท่าน) ประดุจเดียวกับอสุนีบาต(ที่เคยกระหน่ำ)พวกอ๊าดและสะมู๊ดมาแล้ว
14. เพราะว่าได้มีศาสนทูตต่าง ๆ มา(ประกาศศาสนา)ยังพวกเขา (เพื่อเตือนพวกเขาให้ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้น)ต่อหน้าพวกเขา(ในปัจจุบัน) และเบื้องหลังของพวกเขา(ในโลกหน้า พร้อมทั้งได้ห้ามพวกเขาว่า) “พวกท่านทั้งหลายอย่านมัสการสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากอัลเลาะฮฺ!” แต่พวกเขากล่าวว่า “มาดแม้นพระเจ้าของเราประสงค์ (ที่จะส่งศาสนทูตมายังพวกเราจริง) พระองค์ก็ต้องส่งมลาอิกะฮฺลงมา (แทนที่จะส่งมุฮำหมัดที่เป็นมนุษย์ธรรมดาเยี่ยงพวกเรา) แท้จริงพวกเราทั้งหมดขอปฏิเสธสิ่งที่พวกท่าน(กล่าวว่า) พวกท่านถูกส่งตัวเพื่อนำมันมาประกาศ!”
15. กล่าวคือ พวกอ๊าด แท้จริงพวกเขาเป็นพวกที่ทระนงในแผ่นดินโดยไม่ชอบธรรม และพวกเขากล่าวว่า “ใครเล่าที่จะแข็งแรงยิ่งไปกว่าพวกเรา?” พวกเขาไม่สังเกตดอกหรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺผู้ทรงบันดาลพวกเขามานั้นแหละเป็นผู้ทรงพลังเหนือกว่าพวกเขา และพวกเขาได้คัดค้านบรรดาสัญลักษณ์ของเรา
16. ต่อมา เราได้ส่งมหาวาตภัยให้กระหน่ำพวกเขาติดต่อกันหลายวัน คลุ้งไปด้วยฝุ่น เพื่อเราจักให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันอัปยศในโลกนี้ และขอยืนยัน! ว่าการลงโทษในโลกหน้านั้นอัปยศกว่า โดยที่พวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ เลย


คำแปล R3.
13. ทีนี้ ถ้าหากพวกเขายังหันหลังให้ จงบอกพวกเขาว่า “ฉันขอเตือนพวกท่านถึงการลงโทษอันหนักหน่วงอย่างที่พวกอ๊าดและษะมูดได้รับมาแล้ว
14. เมื่อบรรดารอซูลได้มายังพวกเขาจากทุกด้าน จากทั้งด้านหน้าและด้านหลังโดยกล่าวว่า “จงอย่าเคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกไปจากอัลเลาะฮฺ” พวกเขากล่าวว่า “ถ้าพระเจ้าของเราทรงประสงค์พระองค์ก็น่าจะส่งมลาอิกะฮฺลงมา ดังนั้น เราจึงปฏิเสธสิ่งที่ได้ถูกส่งมากับท่าน”
15. สำหรับพวกอ๊าดนั้น พวกเขาได้ถือตัวเองเป็นใหญ่ในแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิ์ใด ๆ พวกเขาได้กล่าวว่า “ใครมีอำนาจเข้มแข็งยิ่งกว่าเรา?” พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า อัลเลาะฮฺผู้ทรงสร้างพวกเขานั้น มีอำนาจเข้มแข็งยิ่งกว่าพวกเขา? แต่พวกเขาก็ยังคงปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเรา
16. ดังนั้นเราจึงได้ส่งพายุกระหน่ำมาเป็นลางร้ายอยู่หลายวัน ทั้งนี้เพื่อที่เราจะได้ทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันอัปยศในชีวิตโลกนี้ แต่การลงโทษในโลกหน้านั้นยิ่งอัปยศกว่า และที่นั่นพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ


คำแปล R4.
13. แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ก็จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า ฉันขอเตือนพวกท่าน (ให้ระลึกถึงความหายนะเยี่ยงความหายนะของพวกอ๊าดและพวกซะมูด)
14. จงรำลึกเมื่อบรรดาร่อซูลได้มายังพวกเขา (เรียกร้องเชิญชวน) จากทางข้างหน้าพวกเขาและจากทางข้างหลังพวกเขา (โดยกล่าวว่า พวกท่านอย่าได้เคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ พวกเขากล่าวว่า หากพระเจ้าของเราทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์จะต้องส่งมะลาอิกะฮฺลงมา ดังนั้นเราจึงปฏิเสธศรัทธาในสิ่งที่พวกท่านถูกส่งมา
15. ส่วนพวกอ๊าดนั้น พวกเขาได้หยิ่งผยองในแผ่นดินโดยไม่เป็นธรรม และพวกเขากล่าวว่า ผู้ใดจะมีพลังเข้มแข็งกว่าพวกเรา? พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างพวกเขานั้นทรงพลังเข้มแข็งกว่าพวกเขาแต่พวกเขาก็ยังคงปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรา
16. ดังนั้นเราได้ส่งลมพายุที่หนาวเหน็บมีเสียงกึกก้องมายังพวกเขาในหลายวันแห่งความหายนะ เพื่อเราจะให้พวกเขาลิ้มการลงโทษอันน่าอับยศในชีวิตแห่งโลกนี้ และแน่นอนการลงโทษแห่งปรโลกนั้นย่อมอัปยศยิ่งกว่า และพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ


คำแปล R5.
๑๓. หากแม้นพวกเขาชาวมักกะห์ทั้งหลายได้หันเหออกจากการศรัทธาในคำประกาศเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่ได้แจ้งมาแล้วอย่างชัดเจน ดังนั้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศแก่พวกนั้นเถิดว่า ฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ตระหนักถึงโทษภัยที่อัลเลาะห์จะทรงบันดาลให้เกิดขึ้นโดยให้เกิดเป็นเสียงฟ้าผ่าประดุจเดียวกับเสียงฟ้าผ่าพวกอ๊าดและพวกสะมู๊ดในอดีตที่ผ่านมา
๑๔. เมื่อบรรดาศาสนทูตได้มายังพวกเหล่านั้น ทั้งต่อหน้าพวกเขาและเบื้องหลังพวกเขา และประกาศแก่พวกเขาว่า พวกท่านทั้งหลายจงอย่านมัสการสิ่งใดทั้งสิ้นยกเว้นอัลเลาะห์เท่านั้น พวกเขากลับกล่าวแย้งว่า หากแม้นองค์อภิบาลของเรามีความประสงค์ที่จะส่งศาสนทูตมาสั่งสอนพวกเราแน่นอนพระองค์จะต้องประทานมลาอิกะห์ให้ลงมาเป็นศาสนทูตสั่งสอนพวกเรา มากกว่าที่จะให้มนุษย์คนใดมาแน่ ๆ ดังนั้นพวกเราจึงขอปฏิเสธสิ่งที่ท่านทั้งหลายมาประกาศ อันเป็นสิ่งอ้างที่พวกท่านถูกส่งตัวมา
๑๕. ฝ่ายพวกอ๊าดนั้น พวกเขามีความทระนงตนในแผ่นดิน โดยปราศจากสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้นและพวกเขากล่าวว่า ใครกันเล่าที่จะมีพลังเข้มแข็งยิ่งไปกว่าเรา กล่าวกันว่าพวกอ๊าดแต่ละคนนั้นสามารถที่จะสกัดก้อนหินก้อนโต ๆ ออกจากภูเขาด้วยมือของเขาเอง อันแสดงถึงกำลังอันมหาศาลของพวกเขาพวกเขาไม่รู้หรือว่า อัลเลาะห์ผู้ทรงบันดาลพวกเขาต่างหากที่ทรงพลานุภาพยิ่งกว่าพวกเขาและพวกเขาปฏิเสธบรรดาสัญลักษณ์ของเราอันได้แก่ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่แสดงผ่านศาสดา
๑๖. ดังนั้นเราจึงส่งมหาวาตภัยมายังพวกเขาในหลายวัน ซึ่งเป็นความอับโชคแก่พวกเขาเพื่อเราให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษแห่งความอัปยศในชีวิตแห่งโลกนี้ และอันที่จริงการลงโทษของโลกหน้าย่อมอัปยศกว่า และร้ายแรงกว่าในโลกนี้มากมายนักและพวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใดทั้งสิ้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 17 - 18


คำอ่าน
17. วะอัม..มาษะมูดุ ฟะฮะดัยนาฮุม ฟัสตะหับบุลอะมา อะลัลฮุดา ฟะอะเคาะซัดฮุม ศออิเกาะตุลอะซาบิลฮูนิ บิมากานูยักสิบูน
18. วะนัจญัยนัลละซีนะอามะนู วะกานูยัตตะกูน


คำแปล R1.
17. And as for Thamud, we showed and made clear to them the Path of Truth (Islamic Monotheism) through our Messenger, (i.e. showed them the way of success), but they preferred blindness to guidance, so the Sa'iqah (a destructive awful cry, torment, hit, a thunderbolt) of disgracing torment seized them, because of what they used to earn.
18. And we saved those who believed and used to fear Allah, keep their duty to Him and avoid evil.


คำแปล R2.
17. และส่วนพวกสะมู๊ดนั้น แท้จริงเราได้ชี้นำทางแก่พวกเขา แต่พวกเขาชอบที่จะตาบอด(อยู่ในความหลงผิด)มากกว่าการรับสิ่งนำทาง ดังนั้นอสุนีบาตแห่งการลงโทษอันต่ำต้อยจึงได้คร่าพวกเขา เพราะการพากเพียร(อันชั่วร้าย)ของพวกเขา
18. และเราได้ยังความปลอดภัยแก่มวลชนผู้มีศรัทธา และพวกเขามีความยำเกรง(พระเจ้า)


คำแปล R3.
17. สำหรับพวกษะมูดนั้น เราได้แสดงแนวทางที่ถูกต้องให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาชอบที่จะมืดบอดมากกว่าการที่จะเห็นแนวทาง ดังนั้นพวกเขาก็ได้รับการลงโทษอันอัปยศอย่างฉับพลันตามความผิดที่พวกเขาได้ทำไว้
18. และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาและละเว้นจากความผิดให้ปลอดภัย


คำแปล R4.
17. และส่วนพวกซะมูดนั้นเราได้ชี้แนะทางให้แก่พวกเขา แต่พวกเขาชอบเลือกเอาการตาบอดมากกว่าการอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง ดังนั้นความหายนะแห่งการลงโทษที่น่าอดสูก็ได้คร่าพวกเขาตามที่พวกเขาได้แสวงหาเอาไว้
18. และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ยำเกรงให้รอดพ้น (จากการลงโทษนั้น)

 
คำแปล R5.
๑๗. และส่ส่วนพวกสะมู๊ดนั้นที่จริงเราได้ชี้นำพวกเขาให้เข้าสู่ทางนำอันเที่ยงตรงและเป็นสัจจะแต่แล้วพวกเขากับแสดงความรักในความบอดด้วยการเลือกที่จะปฏิเสธและเนรคุณบนทางนำ ดังนั้นเสียงฝ่าผ่าแห่งการลงโทษอันต่ำต้อยก็ได้เอาชีวิตของพวกนั้น เพราะสิ่งที่พวกเขาได้เคยพากเพียรไว้แต่อดีต
๑๘. และเราได้ยังความปลอดภัยแก่บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายและพวกเขามีความยำเกรงในอัลเลาะห์ และสังวรณ์ตนเป็นอันดี




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 19 - 24


คำอ่าน
19. วะเยามะยุหฺชะรุ อะอฺดา..อุลลอฮฺ อิลันนาริ ฟะฮุมยูซะอูน
20. หัตตา..อิซามาญา...อูฮา ชะฮิดะอะลัยฮิม สัมอุฮุม วะอับศอรุฮุม วะญุลูดุฮุม บิมากานูยะอฺมะลูน
21. วะกอลู ลิญุลูดิฮิม ลิมะชะฮิตตุมอะลัยนา กอลู..อัน..เฏาะเกาะนัลลอฮุลละซี..อัน..เฏาะเกาะ กุลละชัยอิว..วะฮุวะเคาะละเกาะกุม เอาวะละมัรฺเราะติว..วะอิลัยฮิตุรฺญะอูน
22. วะมากุน..ตุมตัสตะติรูนะ อัย..ยัชฮะดะอะลัยกุม สัมอุกุม วะลา..อับศอรุกุม วะลาญุลูดุกุม วะลากิน..เซาะนัน..ตุม อัน..นัลลอฮะ ลายะอฺละมุ กะษีร็อม..มิม..มาตะอฺมะลูน
23. วะซาลิกุม ซ็อน..นะกุมุลละซีเซาะนัน..ตุม บิร็อบบิกุม อัรฺดากุม ฟะอัศบะหฺตุม..มินัลคอสิรีน
24. ฟะอี..ยัศบิรู ฟัน..นารุ มัษวัลละฮุม วะอี..ยัสตะอฺติบู ฟะมาฮุม..มินัลมุอฺตะบีน


คำแปล R1.
19. And (remember) the day that the enemies of Allah will be gathered to the Fire, so they will be collected there (the first and the last).
20. Till, when they reach it (Hell-fire), their hearing (ears) and their eyes, and their skins will testify against them as to what they used to do.
21. And they will say to their skins, "Why do you testify against us?" they will say: "Allah has caused us to speak, as He causes all things to speak, and He created you the first time, and to Him you are made to return."
22. And you have not been hiding against yourselves, lest your ears, and your eyes, and your skins testify against you, but you thought that Allah knew not much of what you were doing.
23. And that thought of yours which you thought about your Lord, has brought you to destruction, and you have become (this day) of those utterly lost!
24. Then, if they have patience, yet the Fire will be a home for them, and if they beg for to be excused, yet they are not of those who will ever be excused.


คำแปล R2.
19. และในวันที่ศัตรูของอัลเลาะฮฺถูกต้อนลงนรก แล้วพวกเขาก็ถูกแยกย้าย(คุมขังในที่เฉพาะของแต่ละกลุ่มตามความผิดที่ได้กระทำไว้)
20. จนเมื่อพวกเขาได้มาถึงนรกแล้ว หูของพวกเขา, ตาของพวกเขา และผิวกายของพวกเขาก็เป็นพยานแก่พวกเขา ในสิ่งที่พวกเขาได้เคยประพฤติมา
21. และเขาได้กล่าวแก่ผิวกายของพวกเขาว่า “เหตุใดพวกเจ้าจึงเป็นพยานทิ่มตำเรา?” ผิวกายเหล่านั้นตอบว่า “อัลเลาะฮฺผู้ทรงบันดาลให้ทุก ๆ สิ่งพูด ได้บันดาลให้เราพูดได้! และพระองค์ทรงบันดาลพวกท่านมาแต่ครั้งแรกเริ่ม และพวกท่านถูกนำตัวกลับมายังพระองค์”
22. “และพวกท่านไม่ได้ปกปิด(ในการทำความชั่วช้า) ที่จะมิให้ตาของพวกท่าน, มิให้หูของพวกท่าน และมิให้ผิวกายของพวกท่านได้รู้เห็นเป็นพยาน(ในการกระทำนั้น ๆ ) แต่พวกท่านเข้าใจเอาว่า อัลเลาะฮฺไม่ทรงรู้ถึงการกระทำส่วนมากของพวกท่าน
23. “และความเข้าใจเช่นนั้นของพวกท่าน ซึ่งพวกท่านมีต่อองค์อภิบาลของพวกท่านนั้นได้ทำลายล้างพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจึงเป็นผู้หนึ่งในบรรดาจำพวกที่ขาดทุน”
24. ดังนั้นหากพวกเขามีความอดทน(ต่อการกระทำที่เย้ยการลงโทษของอัลเลาะฮฺ) แน่นอน นรกย่อมเป็นที่อยู่ของพวกเขา และแม้พวกเขาจะขอความกรุณาจากอัลเลาะฮฺ(ในวันนั้น) พวกเขาก็จะไม่ถูกจัดในจำพวกทที่ได้รับความกรุณาเลย


คำแปล R3.
19. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่ศัตรูของอัลลอฮฺจะถูกรวบนวมเข้าด้วยกันเพื่อนำไปสู่ไฟนรก หลังจากนั้น พวกเขาจะได้ถูกจัดแถวจนพร้อมกันทุกคน
20. จนกระทั่งเมื่อพวกเขาทั้งหมดได้มายังที่นั่น หูตาและผิวหนังของพวกเขาจะเป็นพยานยืนยันสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้
21. พวกเขาจะกล่าวกับผิวหนังของพวกเขาว่า “ทำไมเจ้าจึงมาเป็นพยานต่อเรา?” พวกมันจะตอบว่า “อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างให้ทุกสิ่งทุกอย่างพูดองค์นี้แหละที่ให้เราพูด พระองค์คือทรงสร้างพวกเจ้าในขั้นแรก และตอนนี้พวกเจ้าก็ถูกนำกลับมายังพระองค์
22. (ขณะที่อยู่ในโลกพวกเจ้าปิดบังตัวเองในขณะที่ทำความชั่ว) พวกเจ้าไม่คิดว่า หู ตาและผิวหนังของพวกเจ้าเองจะเป็นพยานต่อพวกเจ้า แต่พวกเจ้าคิดว่า แม้แต่อัลลอฮฺก็ทรงไม่รู้การกระทำทั้งหลายของพวกเจ้า
23. ความนึกคิดของพวกเจ้าเกี่ยวกับพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าเช่นนี้แหละที่ทำให้พวกเจ้าได้รับความหายนะและทำให้พวกเจ้าเป็นผู้ขาดทุน”
24. ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะทนได้(หรือไม่ก็ตาม) ไฟนรกก็จะเป็นที่พำนักของพวกเขา และถ้าพวกเขาต้องการจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเอง พวกเขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น


คำแปล R4.
19. และ (จงรำลึกถึง) วันหนึ่งซึ่งเมื่อเหล่าศัตรูของอัลลอฮฺจะถูกชุมนุมเข้าสู่ไฟนรกและ พวกเขาจะถูกจัดแถว ๆ
20. จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงนรก หูของพวกเขา และตาของพวกเขาและผิวหนังของพวกเขาก็จะเป็นพยานคัดค้านพวกเขาตามที่พวกเขาได้กระทำไว้
21. และพวกเขากล่าวแก่ผิวหนังของพวกเขาว่า ทำไมพวกเจ้าจึงเป็นพยานคัดค้านแก่เราล่ะ? พวกมันกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงให้เราพูด ซึ่งพระองค์ทรงให้รู้ทุกสิ่งที่พูด และพระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าเป็นครั้งแรก และยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป
22. และพวกเจ้าก็ไม่เคยปิดปัง (การทำความชั่ว) ว่าหูของพวกเจ้า และตาของพวกเจ้าและผิวหนังของพวกเจ้าจะเป็นพยานคัดค้านพวกเจ้า แต่พวกเจ้านึกคิดว่าอัลลอฮฺไม่ทรงรอบรู้ส่วนมากในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
23. และนั่นและการนึกคิดของพวกเจ้าซึ่งพวกเจ้านึกคิดต่อพระเจ้าของพวกเจ้านั้น เป็นการทำให้พวกเจ้าประสบความหายนะแล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นผู้ขาดทุน
24. ดังนั้น หากพวกเขาอดทน (ต่อการลงโทษ) ได้ ไฟนรกก็คือที่พำนักของพวกเขา และถ้าพวกเขาวิงวอนขอความโปรดปรานพวกเขาก็จะไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้ได้รับความโปรดปราน


คำแปล R5.
๑๙. และจงระลึกเถิด โอ้มุฮำมัดถึงวันซึ่งพระองค์ทรงไล่บรรดาศัตรูแห่งอัลเลาะห์สู่นรก แล้วพวกเขาก็ถูกต้อนไปลงนรก
๒๐. จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มายังนรกแล้วก็จะเป็นพยานแก่พวกเขาโดยหูของพวกเขา ตาของพวกเขา และบรรดาผิวหนังของพวกเขาอันหมายถึงอวัยวะแต่ละส่วนของพวกนั้นในสิ่งที่พวกเขาได้เคยประพฤติมาแต่อดีต
๒๑. และพวกเขาได้รำพึงแก่บรรดาผิวหนังคืออวัยวะทุกส่วนว่าเพราะเหตุใดพวกเจ้าจึงเป็นพยานทิ่มตำความผิดแก่ข้าเล่า บรรดาอวัยวะเหล่านั้นพูดว่าอัลเลาะห์ผู้ทรงดลบันดาลให้พวกเราพูดในวันนี้และพระองค์ทรงสร้างพวกเจ้ามาตั้งแต่ครั้งแรกเริ่ม และพวกเจ้าต้องกลับคืนไปสู่พระองค์
๒๒. และพวกเจ้าทั้งหลายไม่สามารถปิดบังและแฝงเร้นความผิดในการกระทำต่าง ๆ ให้พ้นไปจากการเป็นพยานของหูพวกเจ้าของตาพวกเจ้าและของผิวหนังพวกเจ้าเพื่อยืนยัยความผิด
แก่พวกเจ้า แต่ทว่าพวกเจ้าเข้าใจว่าอัลเลาะห์ไม่รู้ถึงส่วนมากที่พวกเจ้าประพฤติ[/b]
๒๓. และความเข้าใจของพวกเจ้าตามที่กล่าวมานั้น อันเป็นความเข้าใจซึ่งพวกเจ้ามีต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าอย่างผิด ๆ ว่า พระองค์ไม่รู้อะไรมากนัก จักนำความหายนะมาสู่พวกเจ้าเอง ดังนั้นพวกเจ้าจึงเป็นหนึ่งจากบรรดาผู้ขาดทุนทั้งหลายที่จะต้องไปพบกับการลงโทษอันสาหัสของอัลเลาะห์
๒๔. ดังนั้น แม้นพวกเขามีความอดทนต่อการรับโทษนั้น หรือจะไม่สามารถอดทนได้ก็ตามแต่นรกก็คงเป็นที่อยู่ของพวกเขาตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลงและหากพวกเขาขอความยินดีจากอัลเลาะห์เพื่อผ่อนผันพวกเขา และให้โอกาสแก่พวกเขาได้แก้ตัวใหม่แน่นอนพวกนั้นก็หาใช่จะเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาที่ได้รับความยินดีไม่อัลเลาะห์ไม่ทรงประทานความยินดีและการผ่อนผันแก่พวกเขาอีกต่อไป
[/color]



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 25 - 29


คำอ่าน
25. วะก็อยยัฎนา ละฮุมกุเราะนา...อะ ฟะซัยยะนู ละฮุม..มาบัยนะ อัยดีฮิม วะมาค็อลฟะฮุม วะหักเกาะอะลัยฮิมุลก็อวลุ ฟี..อุมะมิน..ก็อดเคาะลัตมิน..ก็อบลิฮิม..มินัลญิน..นิวัลอิน..สฺ อิน..นะฮุมกานูคอสิรีน
26. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ลาตัสมะอู ลิฮาซัลกุรฺอานิ วัลฆ็อวฟีฮิ ละอัลละกุมตัฆลิบูน
27. ฟะละนุซีก็อน..นัลละซีนะกะฟะรู อะซาบัน..ชะดีเดา..วะละนัจญซิยัน..นะฮุม อัสวะอัลละซี กานูยะอฺมะลูน
28. ซาลิกะ ญะซา...อะอฺดา..อิลลาฮิน..นารฺ ละฮุมฟีฮาดารุลคุลดฺ ญะซา...อัม..บิมากานู บิอายาตินายัจญหะดูน
29. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู รต็อบบะนา..อะรินัลละซีนิ อะฎ็อลลานา มินัลญิน..นิ วันอิน..สิ นัจญอัลฮุมา ตะหฺตะอักดามินา ลิยะกูนา มินัลอัสฟะลีน


คำแปล R1.
25. And we have assigned them (devils) intimate companions (in this world), who have made fair-seeming to them, what was before them (evil deeds which they were doing in the present worldly life and disbelief in the reckoning and the Resurrection, etc.) and what was behind them (denial of the matters in the coming life of the Hereafter as regards punishment or reward, etc.). And the word (i.e. the torment) is justified against them as it was justified against those who were among the previous generations of jinns and men that had passed away before them. Indeed they (all) were the losers.
26. And those who disbelieve say: "Listen not to this Qur'an, and make noise in the midst of its (recitation) that you may overcome."
27. But surely, we shall cause those who disbelieve to taste a severe torment, and certainly, we shall requite them the worst of what they used to do.
28. That is the recompense of the enemies of Allah: the Fire, therein will be for them the eternal home, a (deserving) recompense for that they used to deny our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.).
29. And those who disbelieve will say: "Our Lord! Show us those among jinns and men who led us astray, we shall crush them under our feet, so that they become the lowest."


คำแปล R2.
25. และเราได้จัดมิตรสนิทให้แก่พวกเขา (ซึ่งมีทั้งญินและมนุษย์) และพวกนั้นก็ประดับ(ความคิด)แก่พวกเขา(ให้เห็นดีกับความชั่วช้า)ที่มีอยู่ต่อหน้าพวกเขา(ในโลกนี้) และที่มีอยู่ภายหลังพวกเขา(ในโลกหน้า) และประกาศิต(แห่งการลงโทษ) ที่เคยปรากฏในมวลประชาชาติที่ล่วงลับมาแล้วก่อนหน้าพวกเขา ทั้งพวกญินและมนุษย์ ก็ได้ปรากฏขึ้นจริงแก่พวกเขาอีก แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ประสบความขาดทุนโดยแท้
26. และบรรดาจำพวกไร้ศรัทธาได้กล่าวว่า “พวกท่านอย่าฟังกุรอานนี้ และพวกท่านจงทำสิ่งไร้สาระในขณะที่มีการอ่านมัน (เช่น ร้องรำทำเพลงหรือปรบมือ กลบเสียงอัลกุรอาน) เพื่อพวกท่านจะได้ประสบชัยชนะ
27. โดยแท้จริง ว่าเราจักให้พวกไร้ศรัทธาทั้งหลายได้รับการลงโทษอันร้ายแรงที่สุด และเราจะตอบแทนพวกเขาในความเลวร้ายที่พวกเขาได้ประพฤติไว้
28. นั้นเป็นการตอบสนองแก่บรรดาศัตรูของอัลเลาะฮฺ ซึ่งสิ่งนั้นคือนรก! สำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นเมืองถาวรที่พวกเขาต้องไปอยู่ในนั้น เพื่อตอบสนอง เพราะเหตุพวกเขาได้ทำการปฏิเสธบรรดาโองการของเรา
29. และบรรดาพวกไร้ศรัทธากล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา! ขอพระองค์ได้ทรงโปรดให้เราเห็นบรรดาพวกที่เคยทำให้พวกเราหลงผิดเถิด จะเป็นญินหรือมนุษย์ก็ตาม เราจักเหยียบพวกเขาไว้ใต้ฝ่าเท้าของเรา เพื่อเขาทั้งสองพวกจะได้เป็นผู้หนึ่งจากจำพวกที่ตกต่ำที่สุด (โดยตกนรกชั้นต่ำสุด)


คำแปล R3.
25. เราได้ให้พวกเขามีสหายที่ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังพวกเขาดูเป็นสิ่งดีงามแก่พวกเขา ในที่สุดคำบัญชาลงโทษก็เกิดขึ้นจริงกับพวกเขาซึ่งได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพวกญินและมนุษย์ที่ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขา แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นเป็นพวกขาดทุน
26. และบรรดาผู้ปฏิเสธกล่าวว่า “พวกท่านจงอย่าฟังกุรอานนี้ และเมื่อมันถูกอ่านขึ้นมาก็จงส่งเสียงขัดจังหวะมัน เพื่อที่พวกท่านจะได้เหนือกว่า”
27. แน่นอนเราจะให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหล่านี้ได้ลิ้มรสการลงโทษอย่างแสนสาหัสและจะตอบแทนพวกเขาอย่างสาสมสำหรับความชั่วที่พวกเขาได้ทำไว้
28. นั่นคือนรก เป็นสิ่งตอบแทนสำหรับศัตรูของอัลลอฮฺซึ่งในนั้นพวกเขาจะอยู่ตลอดไป นี่เป็นการลงโทษความผิดที่พวกเขาปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเรา
29. และที่นั่น บรรดาผู้ปฏิเสธจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้เราได้เห็นญินและมนุษย์ที่ทำให้พวกเราหลงผิดด้วยเถิด เราจะกระทืบมันเพื่อให้มันจะได้อับอายขายหน้าบ้าง”


คำแปล R4.
25. และเราได้กำหนดสหายไว้สำหรับพวกเขา แล้วพวกเขาก็ทำให้สิ่งที่อยู่ข้างหน้าของพวกเขาและสิ่งที่อยู่เบื้องหนังของพวกเขาให้เป็นที่ลุ่มหลงแก่พวกเขา ดังนั้นพระประกาศิต (การลงโทษ) แก่ประชาชาติต่าง ๆ ของพวกญินและมนุษย์ที่ได้ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขานั้น ก็เป็นการสาสมแก่พวกเขาแล้ว แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน
26. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวว่า พวกท่านอย่าฟังอัลกุรอานนี้ แต่จงทำเสียงอึกทึกในขณะนั้น หวังว่าพวกท่านจะมีชัยชนะ
27. และแน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขาตามความชั่วที่พวกเขาได้กระทำไว้
28. นั่นคือ การตอบแทนแก่เหล่าศัตรูของอัลลอฮฺ คือ ไฟนรก สำหรับพวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกนั้นตลอดกาลเป็นการตอบแทนตามที่พวกเขาปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรา
29. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า ข้าแต่พระจ้าของเราได้โปรดให้เราได้เห็นทั้งสองแห่งหมู่ญินและ มนุษย์ผู้ซึ่งทำให้เราหลงทางเพื่อที่เราจะให้มันทั้งสองอยู่ใต้เท้าของเรา เพื่อว่ามันทั้งสองจะได้อยู่ในหมู่ผู้เลวทรามยิ่ง


คำแปล R5.
๒๕. และเราได้เสริมคู่หูอันได้แก่พวกมารร้ายแก่พวกเขา ดังนั้นมารร้ายเหล่านั้นก็ประดับประดาทางความคิดแก่พวกเขาให้พวกเขาเห็นดีเห็นงามไปกับกิจกรรมทางโลกและการปล่อยตัวตามอารมณ์ใคร่อันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อหน้าพวกเขา และและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในโลกหน้าเบื้องหลังของพวกเขาพวกเขาก็คล้อยตามการยุยงของพวกมารให้เห็นดีงามไปด้วย เช่น ไม่เชื่อถือในเรื่องโลกหน้า การฟื้นจากสุสาน การลงโทษ นรกและสวรรค์และประกาศิตแห่งการลงโทษของอัลเลาะห์ได้ปรากฏจริงแก่พวกเขาในประชาชาติต่าง ๆที่ได้ล่วงพ้นมาก่อนหน้าพวกเขา ทั้งจากพวกญินและมนุษย์ แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน
๒๖. และบรรดาผู้เนรคุณจะกล่าวกับพวกเขากันเองขณะที่พวกเขาได้ยินท่านนบีมุฮำมัดอ่านอัลกุรอาน โดยพวกเขากล่าวว่าท่านทั้งหลาย อย่ารับฟังกุรฺอานนี้และจงละเลยในนั้นอย่าได้สนใจใยดีต่อเนื้อความของอัลกุรอานเป็นอันขาด เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ชนะมุฮำมัด แล้วเขาก็จะได้ยุติการอ่านนั้น ๆ เสีย สาเหตุที่พวกเขาห้ามปรามกันมิให้ฟังอัลกุรอานก็เพราะเมื่อท่านนบีมุฮำมัดอ่านอัลกุรอานทั้งฝ่ายมุอ์มินและกาฟิรก็จะตั้งใจฟัง จนทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนโยนขึ้น พวกนั้นจึงวิตกว่าจะเป็นเหตุให้ผู้คนเข้าอิสลามกันมากขึ้น
๒๗. แท้จริงเราจักให้บรรดาผู้เนรคุณทั้งหลายได้ลิ้มรสการลงโทษอันสาหัสและเราจักตอบสนองพวกเขาไปตามพฤติกรรมที่เลวที่สุดจากสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้เมื่ออดีต
๒๘. นั้นเป็นการตอบแทนแก่บรรดาศัตรูของอัลเลาะห์ คือ นรก พวกเขาจะต้องอยู่ในนั้นเป็นเมืองอันถาวรโดยไม่อาจย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้อีก ทั้งนี้เพื่อตอบแทนกับสิ่งที่พวกเขาได้เคยปฏิเสธบรรดาโองการแห่งอัลกุรอานของเรา
๒๙. และบรรดาผู้เนรคุณได้กล่าวเมื่ออยู่ในนรกว่าโอ้องค์อภิบาลแห่งเราขอพระองค์ได้โปรดดลบันดาลให้เราได้เห็นสองผู้ยังความหลงผิดแก่พวกเราด้วยเถิด หากพวกเราเห็นทั้งสองเมื่อไรนั่นคือคนหน฿งเป็นญินได้แก่อิบลีส และอีกคนเป็นมนุษย์ได้แก่กอบีล เพราะทั้งสองเป็นผู้เริ่มต้นการทำบาปเป็นแบบฉบับติดต่อกันเรื่อยมาแน่นอนพวกเราจักจัดการเขาทั้งสองไว้ใต้เท้าของพวกเรา เพื่อทั้งสองจะได้เป็นหนึ่งจากบรรดาที่ตกต่ำสุด




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 30 - 32


คำอ่าน
30. อิน..นัลละซีนะกอลูร็อบบุนัลลอฮุ ษุม..มัสตะกอมู ตะตะนัซซะลุอะลัยฮิมุลมะลา...อิกะตุ อัลลาตะคอฟู วะลาตะหฺซะนู วะอับชิรูบิลญัน..นะติลละตี กุน..ตุมตูอะดูน
31. นะหฺนุเอาลิยา...อุกุม ฟิลหะยาติดดุนยา วะฟิลอาคิเราะฮฺ วะละกุมฟีฮามาตัชตะฮี..อัน..ฟุสุกุม วะละกุมฟีฮา มาตัดดะอูน
32. นุซุลัม..มินเฆาะฟูรุรฺเราะหีม


คำแปล R1.
30. Verily, those who say: "Our Lord is Allah (Alone)," and Then they Istaqamu, on them the angels will descend (at the time of their death) (saying): "Fear not, nor grieve! But receive the glad tidings of Paradise which you have been promised!
31. "We have been your friends in the life of this world and are (so)in the Hereafter. Therein you shall have (all) that your inner-selves desire, and therein you shall have (all) for which you ask for.
32. "An entertainment from (Allah), the Oft-Forgiving, Most Merciful."


คำแปล R2.
30. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย ได้กล่าวว่า “องค์อภิบาลของเรา คืออัลเลาะฮฺ!” จากนั้นพวกเขาก็ยืนหยัด(มั่นคงกับแนวทางศาสนาอันเที่ยงตรง) แน่นอนที่สุด มลาอิกะฮฺจะลงมา(ปลอบประโลมพวกเขา) โดยพูดว่า “พวกท่านอย่าได้หวาดกลัวและอย่าได้เศร้าโศกไปเลย! และพวกท่านจงปีติยินดีเถิดกับสวนสวรรค์ซึ่งพวกท่านได้เคยถูกสัญญาไว้”
31. “พวกเราล้วนเป็นผู้คอยพิทักษ์พวกท่านทั้งในชีวิตแห่งโลกนี้และในโลกหน้าโดยแท้จริง และพวกท่านย่อมมีสิทธิได้รับในสวรรค์นี้ ซึ่งอารมณ์ของพวกท่านใคร่ได้ และพวกท่านจะได้รับสิ่งที่พวกท่านรียกหาในนั้น”
32. (สิ่งซึ่งอัลเลาะฮฺได้ทรงประทานนั้น)เป็นความกรุณาจากองค์ผู้ทรงให้อภัยผู้ทรงเมตตายิ่ง

 
คำแปล R3.
30. แท้จริงแล้ว พวกคนที่กล่าวว่า “อัลลอฮฺคือพระผู้อภิบาลของเรา” แล้วหลังจากนั้นก็ยืนหยักมั่นคง บรรดามลาอิกะฮฺจะลงมายังพวกเขาและกล่าวว่า “จงอย่ากลัวและระทมทุกข์แต่จงรับฟังข่าวดีเรื่องสวรรค์ที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้
31. เราเป็นสหายของพวกท่านทั้งในชีวิตโลกนี้และในโลกหน้า ที่นั่นพวกท่านจะได้ในสิ่งที่พวกท่านปรารถนาและอะไรก็ตามที่พวกท่านร้องขอ พวกท่านก็จะได้
32. นั่นเป็นการต้อนรับจากพระผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”


คำแปล R4.
30. แท้จริงบรรดาผู้กล่าวว่าอัลลอฮฺคือ พระเจ้าของพวกเราแล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น มะลากิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา (โดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลัวและอย่าเศร้าสลดใจแต่จงต้อนรับข่าวดี คือสวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้
31. พวกเราเป็นผู้อารักขาพวกท่านทั้งในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และปรโลก และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้น จะได้สิ่งที่จิตใจของพวกท่านปรารถนา และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้ในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้อง
32. เป็นการต้อนรับด้วยความเมตตาจากพระผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๓๐. แท้จริงบรรดาผู้ที่กล่าวว่า อันองค์อภิบาลของเรานั้นคืออัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวต่อมาพวกเขาก็ยืนหยัดมั่นคงต่อการภักดีในพระองค์ไม่เสื่อมคลาย เมื่อเขาใกล้ตายจะมีมลาอิกะห์ลงมาให้พรแก่พวกเขาโดยมลาอิกะห์เหล่านั้นกล่าวว่าท่านทั้งหลายอย่ากลัวความตายและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นและท่านทั้งหลายจงมีความสำราญกับสวรรค์ซึ่งท่านทั้งหลายได้ถูกให้สัญญาไว้เถิดและอย่าเศร้าโศกต่อการพลัดพรากจากครอบครัวและทรัพย์สิน
๓๑. พวกเราเป็นผู้พิทักษ์พวกท่านทั้งหลายในชีวิตแห่งโลกนี้และในโลกหน้าและพวกท่านทั้งหลายมีสิทธิได้รับในสิ่งที่อารมณ์ของพวกท่านกระสันหาทุกประการและพวกท่านได้รับสิ่งที่พวกท่านวอนขอในนั้นทุกประการ
๓๒. สิ่งเหล่านั้นถูกจัดเป็นสิ่งต้อนรับแก่พวกท่านทั้งมวลจากองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงอภัยยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 33 - 36


คำอ่าน
33. วะมันอะหฺสะนุ ก็อวลัม..มิม..มัน..ดะอา..อิลัลลอฮิ วะอะมิละศอลิเหา..วะกอละอิน..นะนีมินัลมุสลิมีน
34. วะลาตัสตะวิลหะสะนะตุ วะลัสสัยยิอะฮฺ อิดฟะอฺบิลละตีฮิยะอะหฺสัน ฟะอิซัลละซีบัยนะกะ วะบัยนะฮู อะดาวะตุน..กะอัน..นะฮู วะลียุนหะมีม
35. วะมายุลักกอฮา..อิลลัลละซีนะเศาะบะรู วะมายุลักกอฮา..อิลลาซูหัซซินอะซีม
36. วะอิม..มายัน..ซะฆ็อน..นะกะ มินัชชัยฏอนิ นัซฆุน..ฟัสตะอิซบิลลาฮฺ อิน..นะฮู ฮุวัสสะมีอุลอะลีม


คำแปล R1.
33. And who is better in speech than he who [says: "My Lord is Allah (believes in his Oneness)," And then stands straight (acts upon his order), and] invites (men) to Allah's (Islamic Monotheism), and does righteous deeds, and says: "I am one of the Muslims."
34. The good deed and the evil deed cannot be equal. Repel (the evil) with one which is better (i.e. Allah ordered the faithful believers to be patient at the time of anger, and to excuse those who treat them badly), Then Verily! He, between whom and you there was enmity, (will become) as though He was a close friend.
35. But none is granted it (the above quality) except those who are patient, and none is granted it except the owner of the great portion (of the happiness in the Hereafter i.e. Paradise and in this world of a high moral character).
36. And if an evil whisper from Shaitan (Satan) tries to turn you away (O Muhammad) (from doing good, etc.), then seek refuge in Allah. Verily, He is the All-Hearer, the All-Knower.


คำแปล R2.
33. และใครกันเล่า ที่จะมีถ้อยคำอันงดงามยิ่งไปกว่าบุคคลที่เรียกร้อง(ผู้อื่น)ไปสู่(แนวทางของ)อัลเลาะฮฺ และประพฤติแต่ความดี และเขากล่าวว่า “แท้จริงตัวฉันเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้สวามิภักดิ์”
34. และความดีงามกับความเลวร้ายย่อมไม่เท่าเทียมกัน เจ้าจงตอบโต้(การกระทำอันเลวร้ายของผู้อื่น) ด้วยสิ่งที่ดีงามกว่า (เช่นอโหสิให้เขา) ดังนั้น (เมื่อได้กระทำการดังกล่าว) ผู้ที่เคยมีอริระหว่างตัวท่านกับตัวเขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นประหนึ่งมิตรสนิทโดยพลัน
35. และ(คุณสมบัติอันดีงามเช่นนี้) จะไม่มีผู้ใดรับทอดมาปฏิบัติ นอกจากบรรดาผู้มีความอดทนเท่านั้น และจะไม่มีผู้ใดรับทอดมาปฏิบัตินอกจากผู้มีวาสนาอันยิ่งใหญ่เท่านั้น
36. และหากมีมายาการหนึ่งจากมารร้ายมาก่อกวนเจ้า เจ้าก็จงขอความอารักขาต่ออัลเลาะฮฺเถิด! เพราะแท้จริงพระองค์ทรงได้ยินยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง


คำแปล R3.
33. และใครเล่าที่จะมีคำพูดดีไปกว่าคนที่เชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺและทำความดีและกล่าวว่า “ฉันคือมุสลิม”
34. (นบีเอ๋ย) ความดีและความชั่วนั้นไม่อาจเท่าเทียมกัน จงขับไล่ความชั่วช้าในสิ่งที่ดีที่สุด จะเห็นว่าเขากับคนที่เจ้าเคยเป็นอริกันจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้า
35. แต่ไม่มีใครที่จะบรรลุถึงคุณสมบัตินี้ได้ นอกไปจากบรรดาผู้อดทนและไม่มีผู้ใดที่จะบรรลุถึงตำแหน่งนี้ได้ นอกไปจากบรรดาผู้มีโชคอันใหญ่หลวง
36. และถ้าหากเจ้ารู้สึกว่าถูกยั่วยุจากชัยฏอน ดังนั้นจงขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮฺ พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่ง ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

 
คำแปล R4.
33. และผู้ใดเล่าจะมีคำพูดที่ดีเลิศยิ่งไปกว่าผู้เชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ และเขาปฏิบัติงานที่ดี และกล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อม
34. และความดีและความชั่วนั้นหาเท่าเทียมกันไม่ เจ้าจงขับไล่ (ความชั่ว) ด้วยสิ่งที่มันดีกว่า แล้วเมื่อนั้นผู้ที่ระหว่างเจ้ากับระหว่างเขาเคยเป็นอริกันก็จะกลับกลายเป็นเยี่ยงมิตรที่สนิทกัน
35. และไม่มีผู้ใดได้รับมัน (คุณธรรมดังกล่าว) นอกจากบรรดาผู้อดทน และจะไม่มีผู้ใดรับมันนอกจากผู้ที่มีโชคลาภอันใหญ่หลวง
36. และหากว่าการยุแหย่ใด ๆ จากชัยฏอนมายั่วยุเจ้าเข้า ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R5.
๓๓. และใครกันเล่าที่จะมีวาจาอันเพราะพริ้งยิ่งไปกว่าผู้วอนขอต่ออัลเลาะห์ และประพฤติแต่ความดีงามและเขากล่าวว่า แท้ขริงตัวฉันเป็นหนึ่งจากบรรดาผู้สวามิภักดิ์ในองค์อัลเลาะห์
๓๔. และความดีงามย่อมไม่เสมอทัดเทียมกับความเลวร้ายอย่างแน่นอน ในการตอบแทนแก่ทั้งสองนั้นก็แตกต่างกันเพราะการตอบแทนความดีมีการทวีคูณให้ แต่ความชั่วไม่มีทวีคูณเจ้าจงเผชิญกับความชั่วร้ายของผู้อื่นด้วยพฤติกรรมที่ดีงามที่สุด เช่น ใช้ความอดทนเผชิญกับความโกรธของผู้อื่น ใช้ความสุขุมเผชิญกับความก้าวร้าวของผู้อื่น เป็นต้นดังนั้นสิ่งที่เคยปรากฏระหว่างเจ้าและเขาผู้แสดงความเลวร้ายนั้น อันได้แก่ความเป็นอริต่อกัน ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงมาเป็นมิตรภาพที่มั่นคงประหนึ่งเขาเป็นเพื่อนสนิทกระนั้น
๓๕. และจะไม่มีผู้ใดประสบผลของมันคือการตอบแทนด้วยสิ่งที่ดีกว่าดังกล่าวนอกจากบรรดาผู้มีขันติธรรมเท่านั้น และจะไม่มีผู้ใดประสบผลของมันยกเว้นผู้มีวาสนาอันยิ่งใหญ่เท่านั้นซึ่งพวกเขามีจิตใจอันบริสุทธิ์
๓๖. และหากแม้นจะมีมายาการหนึ่งจากมารร้ายทำให้เจ้าผันผินออกจากหลักการใช้ความดีตอบสนองความเลวข้างต้นนั้นเจ้าก็จงขออารักขากับอัลเลาะห์ให้พ้นจากมายาการนั้นเถิดแล้วพระองค์ก็จะทรงสนองตอบด้วยการอารักขาเจ้าให้พ้นจากมายาการของมารดังกล่าวอย่างแน่นอนแท้จริงพระองค์ได้ยินคำจำนรรจ์ทั้งมวลทรงรอบรู้ในการกระทำทั้งสิ้น



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 12, 2011, 05:13 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 37 - 40


คำอ่าน
37. วะมินอายาติฮิลลัยลุ วัน..นะฮารุ วัชชัมสุวัลเกาะมัรฺ ลาตัสญุดูลิชชัมสิ วะลาลิลเกาะมะริ วัสญุดูลิลลาฮิลละซี เคาะละเกาะฮุน..นะ อิน..กุน..ตุม อียาฮุ ตะอฺบุดูน
38. ฟะอินิสตักบะรู ฟัลละซีนะ อิน..ดะร็อบบิกะ ยุสับบิหูนะละฮุ บิลลัยลิ วัน..นะฮาริ วะฮุมลายัสอะมูน1
39. วะมินอายะติฮี อัน..นะกะตะร็อลอัรเฎาะ คอชิอะตัน..ฟะอิซา..อัน..ซัลนาอะลัยฮัลมา..อะฮฺตัซซัต วะเราะบัต อิน..นัลละซี..อะหฺยาฮา ละมุหฺยิลเมาตา อิน..นะฮูอะลากุลลิ ชัยอิน..เกาะดีรฺ
40. อิน..นัลละซีนะ ยุลหิดูนะ ฟี..อายาตินา ลายัคเฟานะอะลัยนา อะฟะมัย..ยุลกอ ฟิน..นาริ ค็อยรุน อัมมัย..ยะอ์ตี..อามินัย..เยามัลกิยามะฮฺ อิอฺมะลูมาชิอ์ตุม อิน..นะฮู บิมาตะอฺมะลูนะบะชีรฺ


คำแปล R1.
37. And from among his signs are the night and the day, and the sun and the moon. Prostrate neither to the sun nor to the moon, but prostrate to Allah who created them, if you (really) worship Him.
38. But if they are too proud (to do so), then there are those who are with your Lord (angels) glorify Him night and day, and never are they tired.
39. And among his signs (in this), that you see the earth barren, but when we send down water (rain) to it, it is stirred to life and growth (of vegetations). Verily, He who gives it life, surely, (He) is able to give life to the dead (on the Day of Resurrection). Indeed! He is able to do all things.
40. Verily, those who turn away from Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc. by attacking, distorting and denying them), are not hidden from us. Is he who is cast into the Fire better or He who comes secure on the Day of Resurrection? do what You will. Verily! He is All-Seer of what you do (this is a severe threat to the disbelievers).


คำแปล R2.
37. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือกลางคืนและกลางวัน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พวกเจ้าอย่าได้กราบไหว้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่พวกเจ้าจงกราบต่ออัลเลาะฮฺ ผู้ทรงบันดาลสิ่งเหล่านั้นมา หากพวกเจ้านมัสการเฉพาะพระองค์อย่างแท้จริง
38. ดังนั้น หากพวกเขาทระนงตน (ไม่ศรัทธา แต่ก็ไม่ได้ระคายต่อพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ แต่ประการใด ๆ ) ทั้งนี้เพราะมี(มลาอิกะฮฺ)ผู้ที่อยู่ ณ องค์อภิบาลของเจ้า ทำการสดุดีพระบริสุทธิคุณต่อพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวัน (อย่างสม่ำเสมอ) โดยพวกเขาไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย
39. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์ คือ การที่เจ้ามองเห็นแผ่นดินมีแต่ความแห้งแล้ง กันดาร ต่อมาเมื่อเราได้หลั่งน้ำฝนลงมามันก็เกิดการเปลี่ยนสภาพ(โดยมีพืชงอกเงยขึ้นมา) และมีความอุดมสมบูรณ์ แท้จริง พระผู้ทรงชุบชีวิตแก่มันนั้นแหละ ทรงเป็นผู้ชุบชีวิตแก่ผู้ตาย (ให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง) แท้จริง พระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
40. ที่จริงแล้ว บรรดาผู้บิดเบือนโองการต่าง ๆ ของเราย่อมไม่อาจซ่อนเร้นไปจาก(การรับรู้ของ)เราได้ และผู้ที่ถูกโยนลงไปในนรกจะดีกว่าหรือว่าผู้ที่มาสู่วันชาติหน้าโดยปลอดภัยจะดีกว่า? “พวกท่านจงทำตามที่ท่านปรารถนาเถิด! เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นสิ่งที่พวกท่านกระทำเสมอ”


คำแปล R3.
37. ส่วนหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮฺก็คือกลางคืนและกลางวัน และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ดังนั้น จงอย่ากราบต่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่จงกราบต่ออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างพวกมัน ถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้เคารพสักการะพระองค์จริง ๆ
38. แต่ถ้าหากคนพวกนี้แสดงความยโสโอหัง และยังดันทุรังอยู่ก็ไม่เป็นไร เพราะมลาอิกะฮฺที่อยู่ใกล้ชิดพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าก็จะสดุดีพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวันโดยไม่เหนื่อยหน่าย
39. และส่วนหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮฺก็คือ สูเจ้าได้เห็นแผ่นดินที่แห้งแล้ง แต่หลังจากที่เราได้ส่งฝนลงมาบนมัน มันก็จะมีชีวิตและพองขึ้นมา แน่นอนผู้ที่ให้ชีวิตแก่แผ่นดินที่แห้งแล้งนี้แหละที่จะทำให้คนตายมีชีวิตขึ้นมา แท้จริงพระองค์ทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
40. บรรดาผู้บิดเบือนอายะฮฺทั้งหลายของเราไม่สามารถจะซ่อนเร้นไปจากเราได้ (จงคิดเอาเองว่า) ใครดีกว่ากัน คนที่จะถูกโยนลงนรกหรือคนที่ได้รับความปลอดภัยในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ? สูเจ้าจงทำตามที่สูเจ้าต้องการ อัลลอฮฺทรงเฝ้าดูทุกสิ่งที่สูเจ้าทำ


คำแปล R4.
37. และส่วนหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือ การมีกลางคืน และ กลางวัน และดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ พวกเจ้าอย่าได้สุญูด แต่อัลลอฮฺพระผู้ทรงสร้างพวกมัน หากพวกเจ้าจะเคารพภักดีแด่พระองค์เท่านั้น
38. แต่ถ้าพวกเขาหยิ่งยโส กระนั้นก็ดีบรรดาผู้ที่อยู่ ณ ที่พระเจ้าของเจ้า (มะลาอิกะฮฺ) ก็จะแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวัน โดยที่พวกเขาจะไม่เหนื่อยหน่าย
39. และส่วนหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือ เจ้าจะเห็นแผ่นดินแห้งกรัง ต่อเมื่อพระองค์ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาบนมัน มันก็จะมีชีวิตชีวาและให้พืชผล แท้จริง ผู้ซึ่งให้มันมีชีวิตขึ้นมานั้น ก็จะทรงให้ชีวิตแก่คนตายได้อย่างแน่นอน แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง
40. แท้จริงบรรดาผู้บิดเบือนทั้งหลายของเรา พวกเขาจะไม่ซ่อนเร้นไปจากเราได้ผู้ที่ถูกโยนลงในนรกจะดีกว่า หรือผู้ที่มาอย่างปลอดภัยในวันกิยามะฮฺ? จงทำตามสิ่งที่พวกเจ้าปรารถนาเถิด แท้จริงพระองค์ทรงรู้เห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ


คำแปล R5.
๓๗. ละบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือ กลางคืน กลางวัน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งบันดาลของอัลเลาะห์อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเอกานุภาพและเดชานุภาพ อานุภาพของพระองค์ ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงอย่ากราบนมัสการทั้งแก่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นอันขาดและเจ้าทั้งหลายจงกราบนมัสการเฉพาะแต่อัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์ได้บันดาลสิ่งเหล่านั้น หากแม้นพวกเจ้าทำการนมัสการพระองค์พวกเจ้าก็อย่านมัสการสิ่งอื่นใดควบคู่ไปด้วยอีก
๓๘. ดังนั้นถึงแม้พวกเจ้าโอหังไม่ยอมทำการนมัสการอัลเลาะห์ก็หาได้ระคายเคืองต่อเบื้องพระเดชานุภาพของพระองค์ไม่เพราะแท้จริง ณ องค์อภิบาลของเจ้านั้นมีบรรดาผู้ทำการสดุดีพระบพิตธิคุณแด่พระองค์อยู่เป็นจำนวนมหาศาลนั่นคือมลาอิกะห์ทั้งมวล ซึ่งพวกนั้นทำการสดุดี[/b]ทั้งกลางคืนและกลางวัน โดยพวกเขาไม่รู้จักเบื่อหน่ายเลย
๓๙. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือ แท้จริงเจ้าสังเกตเห็นแผ่นดินแห้งแล้งปราศจากพืชพันธุ์ใด ๆต่อมาเมื่อเราได้หลั่งน้ำให้ลงมาจากเมฆเป็นน้ำฝนเหนือมันแผ่นดินนั้นมันก็เกิดการไหวตัวเปลี่ยนสภาพอันแห้งแล้งนั้น และมันก็อุดมสมบูรณ์ขึ้นด้วยพืชชนิดต่าง ๆ งอกเงยขึ้นมาแท้จริงพระผู้ทรงชุบชีวิตแก่มันคือแผ่นดินนั้นย่อมทรงอานุภาพที่จะชุบชีวิตแก่ผู้ที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นจากสุสานอีกอย่างแน่นอน เพราะโดยแท้จริงพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
๔๐. แท้จริงบรรดาผู้บิดเบือนในโองการต่าง ๆ ของเราด้วยเห็นเป็นโองการเท็จที่นบีมุฮำมัดประพันธ์ขึ้นเอง ซึ่งพวกบิดเบือนเหล่านั้นเป็นผู้กระทำผิดรุนแรงพวกเขาไม่อาจแฝงเร้นเหนือเราได้แล้วเราก็จะนำตัวของพวกเขามาลงโทษอย่างแน่นอนเมี่อถึงวันกิยามะห์แล้วใครกันเล่าที่จะประเสริฐกว่า ผู้ที่ถูกโยนลงนรกหรือผู้ที่มาอย่างปลอดภัยในวันกิยามะห์กันแน่ พวกเจ้าจงปฏิบัติเถิดในสิ่งที่พวกเจ้าปรารถนาเพราะแท้จริงอัลเลาะห์ทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติทุกประการ
[/color]

1. เป็นอีกอายะฮฺหนึ่งที่ให้สุญูดติลาวะฮฺ

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 41 - 44


คำอ่าน
41. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู บิซซิกริ ลัม..มาญา...อะฮุม วะอิน..นะฮูละกิตาบุนอะซีซ
42. ลายะอ์ตีฮิลบาฏิลุ มิม..บัยนิยะดัยฮิ วะลามินค็อลฟิฮี ตัน..ซีลุม..มินหะกีมินหะมีด
43. มายุกอลุละกะ อิลลามาก็อดกีละ ลิรฺรุสุลิ มิน..ก็อบลิก อิน..นะร็อบบะกะ ละซูมัฆฟิเราะติว..วะซูอิกอบินอะลีม
44. วะเลาญะอัลนาฮุกุรฺอานัน อะอฺญะมียัลละกอลูเลาลาฟุศศิลัตอายาตุฮู อะอะอฺญะมียู..วะอะเราะบียฺ กุลฮุวัลละซีนะอามะนูฮุเดา..วะชิฟา...อ์ วัลละซีนะลายุอ์มินูนะ ฟี..อาซานิฮิม วักรู..วะฮุวะอะลัยฮิม อะมา อุลา...อิกะยุนาเดานะ มิม..มะกานิม..บะอีด


คำแปล R1.
41. Verily, those who disbelieved in the reminder (i.e. the Qur'an) when it came to them (shall receive the punishment). And verily, it is an honourable respected book (because it is Allah's speech, and He has protected it from corruption, etc.). (See V.15:9]
42. Falsehood cannot come to it from before it or behind it (it is) sent down by the All-Wise, Worthy of all praise (Allah)
43. Nothing is said to you (O Muhammad) except what was said to the Messengers before you. Verily, your Lord is the Possessor of Forgiveness, and (also) the Possessor of painful punishment.
44. And if we had sent this as a Qur'an in a foreign language other than Arabic, they would have said: "Why are not its verses explained in detail (in our language)? What! (a book) not in Arabic and (the Messenger) an Arab?" say: "It is for those who believe a guide and a healing. And as for those who disbelieve, there is heaviness (deafness) in their ears, and it (the Qur'an) is blindness for them. They are those who are called from a place far away (so they neither listen nor understand).


คำแปล R2.
41. แท้จริงบรรดาผู้ไร้ศรัทธาในคำเตือน(จากอัลกุรอาน) เมื่อคำเตือนนั้นได้มาถึงพวกเขาแล้ว(พวกเขาจักถูกลงโทษอย่างสาหัสนัก) ขอยืนยัน! แท้จริงอัลกุรอานนี้เป็นคัมภีร์ที่ทรงอำนาจยิ่ง (ไม่มีคัมภีร์ใดหักล้างได้
42. สิ่งโมฆะจะไม่เข้ามา(เคลือบแฝง)คัมภีร์นี้ทั้งต่อหน้าและเบื้องหลัง(ในทุก ๆ ด้าน) เป็นคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาจากพระผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงได้รับคำสรรเสริญยิ่ง
43. ไม่ถูกกล่าว(วิจารณ์)แก่เจ้า(ด้วยคำพูดอื่นใดทั้งสิ้น) นอกจากเป็นคำพูดที่เคยถูกกล่าวมาแล้วแก่บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้านั่นเอง แท้จริงองค์อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งการให้อภัย และทรงไว้ซึ่งการตอบแทนโทษอันทรมานยิ่ง(แก่พวกที่เนรคุณ)
44. และถ้า(สมมติว่า) เราได้ลงกุรอานมาเป็นภาษาต่างชาติ(อื่นจากภาษาอาหรับ) แน่นอนพวกเขาก็ต้องพูดว่า “ไฉนเล่าบรรดาโองการแห่งอัลกุรอานจึงไม่ถูกแจกแจงให้แจ่มชัด(เป็นที่เข้าใจแก่พวกเรา ด้วยภาษาอาหรับที่เราใช้เป็นประจำ)?” สมควรหรือที่อัลกุรอานเป็นภาษาต่างชาติ แต่ศาสดาผู้ประกาศเป็นชาติอาหรับ? จงประกาศเถิด! คัมภีร์กุรอานเป็นสิ่งชี้นำทางและเป็นสิ่งบำบัดสำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งปวง และบรรดาจำพวกที่ไม่ศรัทธา ย่อมมีความหนวกอยู่ในหูของพวกเขา และพวกเขาตาบอดต่อ(การมองเห็นสัจธรรมของ)อัลกุรอาน พวกเขาเหล่านั้น(หลบหนีจากการฟังอัลกุรอานจนดูประหนึ่ง)ถูกเรียกมาจากสถานที่อันไกลลิบ


คำแปล R3.
41. คนเหล่านี้คือผู้ปฏิเสธการตักเตือนเมื่อมันได้มายังพวกเขา แต่ความจริงแล้ว นี่คือคัมภีร์ที่ทรงอำนาจ
42. ความเท็จไม่สามารถที่จะเข้ามาบังมันได้ ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกประทานมาจากผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
43. (โอ้ นบี) ไม่มีสิ่งใดที่ได้ถูกกล่าวแก่เจ้านอกไปจากสิ่งที่ได้เคยถูกกล่าวแก่บรรดารอซูลก่อนหน้าเจ้า แท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง และเป็นผู้ทรงลงโทษอย่างรุนแรงยิ่งเช่นกัน
44. ถ้าหากเราได้ให้อัลกุรอานนี้มาเป็นภาษาอื่น พวกเขาก็จะกล่าวว่า “ทำไมอายะฮฺทั้งหลายของมันจึงอ่านไม่รู้เรื่อง? อะไรกัน คัมภีร์เป็นภาษาต่างชาติและคนฟังเป็นชาวอาหรับอย่างนั้นหรือ?” จงบอกพวกเขาว่า “กุนอานนี้เป็นทางนำและสิ่งบำบัดรักษาสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา แต่สำหรับบรรดาผู้ไม่ศรัทธานั้น มันเป็นสิ่งที่อุดหูและปิดตาของพวกเขา มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกเรียกจากที่ที่ห่างไกล


คำแปล R4.
41. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อข้อตักเตือน (อัลกุรอาน) เมื่อได้มีมายังพวกเขาและแท้จริงอัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่มีอำนาจยิ่ง
42. ความเท็จจากข้างหน้าและจากข้างหลังจะไม่คืบคลานเข้าไปสู่อัลกุรอานได้ (เพราะ) เป็นการประทานจากพระผู้ทรงปรีชาญาณผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
43. ไม่มีสิ่งใดที่ถูกกล่าวแก่เจ้า เว้นแต่ได้มีการกล่าวขึ้นแล้ว แก่บรรดาร่อซูล ก่อนหน้าเจ้า แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นแน่นอน พระองค์ทรงเป็นผู้อภัย และทรงเป็นผู้ลงโทษอย่างเจ็บปวด
44. และมาตรว่า เราได้ประทานอัลกุรอานมาเป็นภาษาต่างชาติ แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า ทำไมอายาตทั้งหลายของอัลกุรอานจึงไม่ชัดแจ้งเล่า? (อัลกุรอาน) เป็นภาษาต่างชาติ และ (นะบี) เป็นคนอาหรับกระนั้นหรือ? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อัลกุรอานนั้นเป็นแนวทางที่เที่ยงธรรม และเป็นการบำบัดแก่บรรดาผู้ศรัทธา ส่วนบรรดาผู้ไม่ศรัทธานั้น อัลกุรอานจะทำให้หูของพวกเขาหนวก และนัยน์ตาของพวกเขาบอด ชนเหล่านี้จะถูกร้องเรียกจากสถานที่อันไกล


คำแปล R5.
๔๑. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธในคำเตือนจากอัลกุรอานเมื่อคำเตือนนั้นได้มายังพวกเขาแล้วว่าหากพวกเขาปฏิเสธพวกเขาจะต้องเข้านรกอย่างแน่นอนทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงนั้นอัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่เข้มแข็งไม่มีอำนาจใดมาหักล้างได้
๔๒. สิ่งโมฆะทั้งที่ปรากฏต่อหน้าและเบื้องหลังย่อมไม่มาสู่อัลกุรอานได้ เป็นคัมภีร์ที่ถูกประทานมาจากองค์พระผู้ทรงปรีชายิ่ง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญยิ่ง
๔๓. โอ้มุฮำมัด เจ้ามิได้รับคำบัญชาจากอัลเลาะห์ตามที่ดลลงมาเป็นคัมภีร์อัลกุรอานนั้นแตกต่างไปกว่ายุคก่อน ๆ เลยนอกจากเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ถูกบัญชาแก่บรรดาศาสนทูตก่อนเจ้านั่นเอง แท้จริงองค์อภิบาลของเจ้านั้นทรงให้อภัยและทรงอำนาจในการลงโทษอันสาหัสแก่บรรดาผู้กระทำผิดทั้งหลาย
๔๔. และหากแม้นเราบันดาลอัลกุรอานให้เป็นกุรอานภาษาอื่นที่มิใช่ภาษาอาหรับแน่นอนพวกเขาทั้งหลาย ชาวปฏิเสธเหล่านั้นก็ต้องกล่าวว่า ไฉนเล่าบรรดาโองการของคัมภีร์จึงไม่ได้รับการแจกแจงให้เราได้รับความเข้าใจไฉนคัมภีร์จึงเป็นภาษาต่างชาติและศาสดาเป็นคนอาหรับเล่า โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิด คัมภีร์นั้นสำหรับผู้มีศรัทธาเท่านั้น อีกทั้งเป็นสิ่งชี้นำและโอสถบำบัดโรคโง่ และบรรดาผู้ไม่ศรัทธานั้นในหูของพวกเขามีความตึงอื้อจนฟังคำสอนจากอัลกุรอานไม่เข้าใจ และอัลกุรอานนั้นเป็นสิ่งที่บอดเหนือพวกเขา ซึ่งพวกเขาไม่สามารถรับฟังและทำความเข้าใจได้พวกเหล่านั้นเหมือนกับว่าถูกเรียกตัวจากสถานที่อันไกลห่าง ซึ่งแน่นอน พวกเขาย่อมไม่ได้ยิน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 45 - 46


คำอ่าน
45. วะละก็อดอาตัยนามูสัลกิตาบะ ฟัคตุลิฟะฟีฮฺ วะเลาลากะลิมะตุน..สะบะก็อต มิรฺร็อบบิกะ ละกุฎิยะ บัยนะฮุม วะอิน..นะฮุม ละฟีชักกิม..มินฮุมุรีบ
46. มันอะมิละศอลิหัน..ฟะลินัฟสิฮี วะมันอะสา...อะฟะอะลัยฮา วะมาร็อบบุกะบิซ็อลลามิลลิลอะบีด


คำแปล R1.
45. And indeed we gave Musa (Moses) the Scripture, but dispute arose therein. and had it not been for a word that went forth before from your Lord, (the torment would have overtaken them) and the matter would have been settled between them. But truly, they are in grave doubt thereto (i.e. about the Qur'an). [Tafsir Al-Qurtubi, Vol. 15, Page 370]
46. Whosoever does righteous good deed it is for (the benefit of) his own self, and whosoever does evil, it is against his own self, and your Lord is not at all unjust to (His) slaves.


คำแปล R2.
45. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้มอบคัมภีร์(เตารอฮฺ)แก่มูซา แต่แล้ว(พวกพ้องของนบีมูซาเอง) ก็มีการพิพาทกันในนั้น(บ้างก็ศรัทธา บ้างก็คัดค้าน) และมาดแม้นมิได้มีประกาศิตได้ล้วงพ้นมาจากองค์อภิบาลของเจ้า(ว่าจะทำการลงโทษพวกไร้ศรัทธาในโลกหน้า)แล้วไซร้ แน่นอนที่สุดก็จะต้องถูกตัดสินระหว่างพวกเข้า(ให้รับการลงโทษเสียแต่ในโลกนี้เลย) และแท้จริงพวกเขา เป็นผู้อยู่ในความสงสัยอีกทั้งกังขาต่ออัลกุรอาน
46. ผู้ใดประพฤติความดีงาม แน่นอนความดีนั้น(ก็จะส่งผลสนองตอบ)แก่ตัวเขาเอง และผู้ใดประพฤติความชั่วช้า แน่นอน ความชั่วนั้น(ก็จะส่งผลตอบสนอง)เหนือตัวเขาเอง และองค์อภิบาลของเจ้าย่อมไม่อธรรมต่อข้าทาส(ของพระองค์)อย่างแน่นอน


คำแปล R3.
45. ก่อนหน้านี้เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและมันก็เป็นที่ได้รับการถกเถียงกัน ถ้าหากไม่มีบัญชาใดจากพระผู้อภิบาลของเจ้ากำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว การตัดสินก็คงจะทำกันไปแล้วในระหว่างบรรดาผู้โต้เถียง และความจริงก็คือพวกเขาคือผู้ที่อยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับมัน
46. ใครทำความดีก็ได้ดีแก่ตัวเอง และใครทำชั่วอะไรไว้ก็จะได้แก่ตัวเอง พระผู้อภิบาลของเจ้าไม่เคยอธรรมต่อบ่าวของพระองค์


คำแปล R4.
45. และโดยแน่นอน เราได้ประทานคัมภีร์ แต่ได้เกิดมีการขัดแย้งกันขึ้นในนั้น และมาตรฐานว่าคำกล่าวหนึ่งจากพระเจ้าของเจ้ามิได้ถูกบันทึกไว้ก่อนแล้ว ก็คงจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาอย่างแน่นอน และแท้จริงพวกเขานั้นอยู่ในการคลางแคลงสงสัยจากในคัมภีร์นั้น
46. ผู้ใดกระทำความดีก็จะได้แก่ตัวของเขา และผู้ใดกระทำความชั่วก็จะได้แก่ตัวของเขาเอง และพระเจ้าของเจ้านั้นมิทรงอธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์


คำแปล R5.
๔๕. แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์เตาร๊อตแก่นบีมูซา แต่แล้วก็มีผู้พิพาทกันในนั้นว่า เป็นคัมภีร์จริงหรือไม่ เช่นเดียวกับกุรอานนี้เองและมาดแม้นปราศจากประกาศิตอันล่วงมาก่อนหน้าจากองค์อภิบาลของเจ้าแล้วไซร้ ว่าจะยังไม่ลงโทษพวกปฏิเสธอย่างปัจจุบันทันด่วนในโลกนี้ แน่นอนที่สุดก็จะถูกพิพากษาให้มีการลงโทษอย่างปัจจุบันทันด่วนระหว่างพวกเขาในโลกนี้เอง และแท้จริงพวกเขาตั้งอยู่ในความสงสัยในอัลกุรอานว่าเป็นบทประพันธ์ของนบีมุฮำมัดหรือมิฉะนั้นก็เป็นบทกวีหรือวิทยากลอันไร้สาระ
๔๖. ผู้ใดประพฤติความดีงาม แน่นอนความดีนั้นย่อมเป็นคุณแก่เขา และผู้ใดประพฤติชั่ว แน่นอนความชั่วนั้นก็จะเป็นโทษแก่เขา โดยอัลเลาะห์จะตอบแทนไปตามความประพฤติของพวกเขาอย่างครบถ้วนและองค์อภิบาลของเจ้าย่อมไม่อธรรมต่อบ่าวของพระองค์อย่างแน่นอน




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 47 - 49


คำอ่าน
47.   อิลัยฮิยุร็อดดุอิลมุสสาอะฮฺ วะมาตัครุญุมิน..ษะมะรอติม..มินอักมามิฮา วะมาตะหฺมิลุทินอุน..ษา วะลาตะเฎาะอุ อิลลาบิอิลมิฮฺ วะเยามะยุนาดีฮิม อัยนะชุเราะกาอี กอลู..อาซัน..นากะ มามิน..นามิน..ชะฮีด
48.   วะฎ็อลละอันฮุม..มากานูยัดอูนะมิน..ก็อบลุ วะซ็อน..นูมาละฮุมมิม..มะหีศ
49.   ลายัสอะมุลอิน..สานุ มิน..ดุอา..อิลค็อยรฺ วะอิมมัชชะฮุชชัรฺรุ ฟะยะอูสุน..เกาะนูฏ


คำแปล R1.
47. (The learned men) refer to Him (Alone) the knowledge of the Hour. No fruit comes out of its sheath, nor does a female conceive (within her womb), nor brings forth (young), except by his knowledge. And on the Day when He will call unto them (polytheists) (saying): "Where are my (so-called) partners (whom you did invent)?" They will say: "We inform you that none of us bears witness to it (that they are your partners)!"
48. And those whom they used to invoke before will fail them, and they will perceive that they have no place of refuge (from Allah's punishment).
49. Man (the disbeliever) does not get tired of asking good (things from Allah), but if an evil touches him, then he gives up all hope and is lost in despair.


คำแปล R2.
47. อันความรู้เกี่ยวกับการสลายของโลกย่อมคืนกลับสู่พระองค์เพียงผู้เดียว ไม่ว่าผลไม้ใดก็ตามที่ผลิออกจากเปลืกหุ้มของมัน ไม่ว่าหญิงใดก็ตามที่ตั้งครรภ์ แลไม่ว่านางจะคลอดลูกก็ตาม (ทั้งหมดนั้น) นอกจากต้องดำเนินไปตามความรอบรู้ของพระองค์(ทั้งสิ้น) และในวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาว่า “บรรดาภาคีของข้า(ที่พวกเจ้าอุปโลกน์ขึ้นนั้น)อยู่ไหนเล่า?” พวกเขาตอบว่า “พวกเราขอสารภาพต่อพระองค์ว่า พวกเราไม่มีใครสักคนที่จะเป็นสักขีพยาน(ยืนยันในการกระทำของเราเพราะเราทราบว่า สิ่งนั้นเป็นความผิดของเราเอง)”
48. และสิ่งที่พวกเขาได้เคยวอนนมัสการมาเมื่อก่อนนั้น ได้อันตรธานหลบหนีไปจากพวกเขาแล้ว และพวกเขาก็มั่นใจว่า ไม่มีผู้ใดมาป้องกันพวกเขา (ให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะฮฺ)ได้เลย
49. อันมนุษย์นั้นย่อมไม่เบื่อต่อการขอสิ่งที่ดี และเมื่อสิ่งเลวร้ายได้สัมผัสเขา เขาก็เป็นผู้ท้อแท้สิ้นอาลัย


คำแปล R3.
47. อัลลอฮฺเท่านั้นที่เราจะต้องหันไปหา ในเมื่อความรู้เกี่ยวกับยามอวสาน ไม่มีผลไม้ใดที่ออกมาจากเปลือกของมัน และไม่มีผู้หญิงคนใดตั้งครรภ์แล้วคลอดทารกออกมาโดยที่พระอง๕ไม่รู้ ดังนั้นในวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขามาถามว่า “ไหนเล่าสิ่งทั้งหลายที่เป็นภาคกับฉัน?” พวกเขาจะกล่าวว่า “เรายอมรับ” แล้วว่าไม่มีใครในหมู่พวกเราสามารถยืนยันได้”
48. ในตอนนั้น พระเจ้าทั้งหลายที่พวกเขาวิงวอนก่อนหน้านี้จะหนีหายไปจากพวกเขาและพวกเขาจะตระหนักว่า พวกเขาไม่มีทางที่จะหนีไปไหนได้
49. มนุษย์ไม่เบื่อหน่ายต่อการวิงวอนเพื่อสิ่งที่ดี และเมื่อเขาประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน เขาก็สิ้นหวังและหมดอาลัย


คำแปล R4.
47. ความรู้แห่งยามอวสานนั้นถูกอ้างกลับไปยังพระองค์ ไม่มีผลไม้ใดออกมาจากเปลือกของมัน และไม่มีหญิงใดอุ้มครรภ์ หรือคลอดทารกออกมา เว้นแต่ด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และวันที่พระองค์ทรงร้องเรียกพวกเขาว่า ไหนเล่าภาคีทั้งหลายของข้า พวกเขาจะกล่าวว่า เราขอยืนยันต่อพระองค์ว่า ไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเราเป็นพยานได้
48. และสิ่งที่พวกเขาวิงวอนกราบไหว้ ได้เตลิดหนีไปจากพวกเขา และพวกเขาเชื่อมั่นว่า พวกเขานั้นไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้
49. มนุษย์จะไม่เบื่อหน่ายต่อการวิงวอนขอความดี แต่เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่พวกเขาเข้าเขาก็จะท้อถอยหมดอาลัย


คำแปล R5.
๔๗. อันความรอบรู้เกี่ยวกับกำหนดของกาลปรภพ ย่อมคืนสู่พระองค์อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว ไม่มีผู้ใดทั้งสิ้นจะรู้ถึงกำหนดนั้นนอกจากพระองค์เท่านั้น และไม่ว่าผลไม้ใด ๆ ก็ตามที่ผลิออกจากส่วนห่อหุ้มดอกของมันนอกจากต้องเป็นไปตามความรอบรู้ของพระองค์ และไม่ว่าสตรีใดก็ตามที่ตั้งครรภ์และไม่ว่าสตรีใดก็ตามที่คลอดบุตร นอกจากต้องดำเนินไปโดยความรอบรู้ของพระองค์ทั้งสิ้น อัลเลาะห์ทรงทราบว่าสตรีนั้นจะตั้งครรภ์กี่เดือน บุตรในท้องเป็นชายหรือหญิงและจะคลอดเมื่อใด รวมทั้งรายละเอียดอื่น ๆ ซึ่งไม่มีใครสามารถทราบได้ และโอ้มุฮำมัดจงระลึกเถิดถึงวันซึ่งอัลเลาะฮฺทรงประกาศว่า บรรดาภาคีของข้าซึ่งมวลผู้อกตัญญูได้อุปโลกน์ขึ้นนั้น อยู่ไหนเล่า บรรดาพวกเขาผู้กราบไหว้สิ่งจอมปลอมซึ่งอุปโลกน์ขึ้นเป็นภาคีแห่งอัลเลาะห์นั้น ได้กล่าวตอบว่า ณ กาลบัดนี้ พวกเราขอทูลต่อพระองค์ว่า พวกเราไม่มีสักขีพยานใด ๆ ทั้งสิ้นที่จะยืนยันว่าพระองค์มีภาคี ซึ่งผิดกับเมื่อก่อนที่มีคนยืนยันมากมายในความมีภาคีของพระองค์
๔๘. และสิ่งที่พวกเขาเคยวอนนมัสการเมื่อก่อนนั้นได้อันตรธานไปจากพวกเขา และพวกเขามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่จะนำพวกเขาหลบหนีให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้
๔๙. มนุษย์ย่อมไม่เบื่อต่อการขอสิ่งที่ดีให้ประสบแก่ตัวเอง เช่น ขอให้มีทรัพย์สิน ขอให้มีความสุข เป็นต้นและเมื่อความเลวร้าย เช่น ความยากจน ความเจ็บป่วยได้สัมผัสเขา เขาก็รูสึกรันทด ท้อแท้ หมดอาลัยใยดีในตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเมตตาจากอัลเลาะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 50 - 51


คำอ่าน
50.   วะละอินอะซักนาฮุ เราะหฺมะตัม..มิน..นา มิม..บะอฺดิ ฏ็อรฺรอ..อะ มัสสัตฮุ ละยะกูลัน..นะฮาซาลี วะมาอะซุนนุสสาอะตะ กอ..อิมะเตา..วะละอิรฺรุเญียะอฺตุอิลาร็อบบี อิน..นะลีอิน..ดะฮูลัลหุสนา ฟะละนุนับบิอัน..นัลละซีนะกะฟะรู บิมาอะมิลู วะละนุซีก็อน..นะฮุม..มินอะซาบินเฆาะลีซ
51.   วะอิซา..อันอัมนา อะลัลอิน..สานิ อะอฺเราะเฎาะ วะนะอาบิญานิบิฮฺ วะอิซามัสสะฮุชชัรฺรุ ฟะซูดุอา...อินอะรีฎ


คำแปล R1.
50. And truly, if we give him a taste of Mercy from us, after some adversity (severe poverty or disease, etc.) has touched him, he is sure to say: "This is for me (due to my merit), I think not that the Hour will be established. But if I am brought back to my Lord, surely, there will be for me the best (wealth, etc.) with Him. Then, we verily, will show to the disbelievers what they have done and we shall make them taste a severe torment.
51. And when we show Favour to man, He withdraws and turns away, but when evil touches him, then He has recourse to long supplications.


คำแปล R2.
50. ขอยืนยัน! แท้จริงหากเราให้เขาได้ลิ้มรสความกรุณาจากเราภายหลังจากเภทภัยได้สัมผัสเขาแล้ว แน่นอนเขาก็จะกล่าว(อย่างอวดดีว่า) “(ความสุขที่ฉันประสบ)นี้เป็นของฉันเอง (อันได้มาจากความอุตสาหะของฉัน) และฉันไม่คิดเลยว่ากาลปาวสานของโลกนี้จะอุบัติขึ้นได้ และหากฉันถูกนำตัวกลับสู่องค์อภิบาลของฉัน แน่นอนฉันก็จะได้รับสิ่งดีงามจากพระองค์(ประดุจเดียวกับที่ฉันกำลังได้รับอยู่ขณะนี้)” แท้จริงขอยืนยันว่า! เราจะแจ้งให้พวกไร้ศรัทธาทั้งหลายได้ทราบถึงสิ่งที่พวกเขาประพฤติไว้ และเราจะให้พวกเขาลิ้มรสการลงโทษอันมหันต์ที่สุด
51. และเมื่อเราได้ให้ความสุขแก่มนุษย์คนใด เขาก็มักจะหันหลังให้ และนำตัวเขาห่างเหิน(ไม่แสดงความกตัญญู) และเมื่อสิ่งเลวร้ายสัมผัสเขา เขาก็จะวอนขออย่างยืดยาว


คำแปล R3.
50. แต่เมื่อเราได้ให้เขาลิ้มรสความเมตตาจากเราหลังจากความทุกข์ยาก เขาก็กล่าวว่า “ฉันสมควรได้รับสิ่งนี้ และฉันไม่คิดว่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้น แต่ถ้าหากฉันจะถูกนำกลับไปยังพระผู้อภิบาลของฉันจริง ฉันก็จะได้รับการตอบแทนที่ดีที่พระองค์ด้วย” อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือเราจะทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธเห็นถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้ และเราจะทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันแสนสาหัสที่สุด
51. เมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานแก่มนุษย์ เขาก็หันห่างและยิ่งชูคอ แต่เมื่อเขาประสบความชั่ว เขาก็พร่ำวิงวอนขออย่างยืดยาว


คำแปล R4.
50. และเมื่อเราได้ให้เขาลิ้มรสความเมตตาจากเราหลังจากความทุกข์ยากได้ประสบแก่เขา แน่นอนเขาก็จะกล่าวว่า นี่คือความสามารถของฉัน และฉันไม่คิดว่ายามอวสานนั้นจะเกิดขึ้น แต่ถ้าฉันถูกส่งกลับไปยังพระเจ้าของฉัน แน่นอนฉันจะมีคุณความดี ณ ที่พระองค์ ดังนั้นเรา (อัลลอฮฺ) จะให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้รู้เห็นในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ และแน่นอนเราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันรุนแรง
51. และเมื่อเราได้ให้ความโปรดปรานแก่มนุษย์ เขาก็เหินห่างและปลีกตัวออกไปข้าง ๆ และเมื่อความทุกข์ประสบแก่เขา เขาก็เป็นผู้วิงวอนขออย่างยืดเยื้อ


คำแปล R5.
๕๐. ขอสาบาน หากเราให้เขาได้ลิ้มรสแห่งความเมตตาจากเรา ภายหลังจากภยันตรายที่ได้สัมผัสแก่เขาคลี่คลายผ่านไปแล้ว แน่นอนพวกเขาจะรำพึงว่า ความเมตตาของอัลเลาะห์ที่ฉันได้รับ[/b]นี้เป็นของฉัน[/b]เพราะการปฏิบัติดีของฉันเองและฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า กาลปรภพจะอุบัติขึ้น ขอสาบาน หากฉันถูกส่งกลับคืนสู่องค์อภิบาลของฉัน แน่นอน ณ พระองค์นั้นย่อมมีสิ่งดีเยี่ยมสำรองตอบแทนสำหรับฉัน สิ่งนั้นคือสวรรค์ แต่ที่พวกเขาคิดไว้ว่าจะได้สวรรค์เป็นสิ่งตอบแทนนั้น หาเป็นเช่นนั้นไม่ ความเป็นจริง เราจักแจ้งให้เหล่าผู้เนรคุณได้ทราบถึงสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้และจักให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันมหันต์
๕๑. และเมื่อเราได้โปรดปรานแก่มนุษย์คนใดให้เขาได้รับความสุขเขาก็หันเหและนำสีข้างของเขาออกห่าง ในอาการอันยโสโอหัง ไม่รู้สำนึกในพระคุณของพระองค์ และเมื่อความเลวร้ายได้สัมผัสเขา เขาก็พร่ำวอนขออย่างพิรี้พิไรต่ออัลเลาะห์เพื่อหลุดพ้นไปจากความเลวร้ายนั้น ๆ




 

GoogleTagged