ตรรกะของคนไม่รู้ศาสนากับความพยายามสร้างภาพอีกประเภทหนึ่ง
คือการที่ นาย ก. พยายามใช้เหตุผลมาเกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนาเพื่อมาสร้างภาพว่าตนเองมีความชอบธรรมตามหลักศาสนาแบบผิด ๆ...
เช่น นาย ก. บอกว่าผู้กำลังถือศีลอดนั้น เขาต้องการเดินทางไกลโดยรถไฟในตอนบ่าย...เมื่อเขาเดินทาง เขาจึงทำการละศีลอด เพราะผู้เดินทางนั้นอนุญาตให้ละศีลอดได้...ดังนั้นนาย ก. จึงมีความชอบธรรมที่จะละศีลอด
แต่เขาไม่รู้ว่าหลักศาสนานั้น...ผู้เดินทางที่ไม่จำเป็นต้องถือศีลอดในช่วงการเดินทาง คือการเดินทางที่เริ่มก่อนแสงอรุณขึ้น...ดังนั้นเมื่อทำการวิเคราะห์คุณสมบัติของนาย ก. ก็จะทราบว่า ผลการไม่รู้ศาสนานั้น...หลักคิดหรือเหตุผลไม่สามารถนำมาเป็นบรรทัดฐานได้และไม่ถูกไว้วางใจ แม้บางทีเขาจะคิดเหตุผลที่บังเอิญถูกต้องก็ตาม...
ถ้าหากเสวนาร่วมกับคนประเภทนี้ สิ่งที่จะได้รับก็คือ...
1- เหตุผลจะอยู่ก่อนหลักศาสนา
2- เขาจะคิดว่า สิ่งที่ตนเองปักธงไว้นั้น ถูกต้องเสมอ..
3- เมื่อคนอื่นไม่สามารถแย้งได้ตามเป้าหมายของเขา ก็จะสร้างภาพกับผู้อื่นว่าเลี่ยงประเด็น...เพื่อพยายามปกปิดข้อบกพร่องของตนเอง
4- เขาจะสนองความคิดของตนเองเพื่อรับใช้เหตุผลที่เขาฟันธงไว้แม้จะขัดกับหลักการก็ตาม...
5- พยายามจับผิดผู้อื่นเพราะคิดว่าเหตุผลตนเองเท่านั้นที่ถูกต้อง...
6- เขาจะชอบวางเงื่อนไขและสร้างกฎเกณฑ์ให้ผู้อื่นทำตาม แต่เมื่อผู้อื่นต้องการมีเงื่อนไขร่วมกันด้วย...เขาจะปิดประตูไม่ตอบรับใด ๆ
7- จะถกเสวนากันไม่รู้เรื่องและไม่ไปสู่สัจธรรม...เพราะการใช้เหตุผลที่อยู่บนพื้นฐานศาสนากับเหตุผลที่ไม่เข้าใจพื้นฐานศาสนานั้น..มันคนละทางกัน...
ผลกระทบต่อบุคคลทั่วไป...คือคนไม่รู้ศาสนานั้นอาจจะหลงเชื่อและคล้อยตาม...ส่วนผู้ที่รู้หลักศาสนา ก็จะสามารถแยกแยะสิ่งถูกผิดได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามหาความชอบธรรมแก่ตนเอง...โดยให้ผู้ไม่รู้ศาสนาหรือต่างศาสนาทำการตัดสินในเหตุผลให้ความคิดของตนเพื่อสร้างภาพให้ดูดีนั่นเอง...