ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายตอนที่ 33 สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ  (อ่าน 4827 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ  - (الأحزاب) – พันธมิตรสงคราม

เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 73 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ (R4.)
   ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบเป็นซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺซึ่งประมวลไว้ด้วยการตราพระบัญญัติเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของประชาชาติอิสลาม เช่นเดียวกับซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺอื่น ๆ สำหรับซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงการดำรงชีวิตของบรรดามุสลิมทั้งในด้านส่วนตัวและในด้านที่เกี่ยวกับผู้อื่นโดยทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งได้วางระเบียบการปกครองเอาไว้เพื่อคุ้มครองสังคมให้มีความสงบสุข และยกเลิกขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่อดีต เช่น การเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม การกล่าวซิฮาร (การกล่าวคำหย่าแบบสมัยญาฮิลียะฮฺ ) คือฝ่ายชายกล่าวกับภริยาของเขาว่า “เธอเป็นเสมือนหลังของมารดาของฉัน” การเชื่อมั่นว่าคนหนึ่งมีสองหัวใจ ตลอดจนลบล้างความเชื่อถืออย่างคร่ำครึและล้าหลังของสังคมญาฮิลียะฮฺซึ่งเป็นที่แพร่หลายอยู่ในขณะนั้น

หัวข้อใหญ่ ๆ ของซูเราะฮฺนี้อาจสรุปได้ดังนี้
1. ข้อชี้แนะต่าง ๆ ของมารยาทอิสลาม
2. กฎระเบียบการปกครองและการตราพระบัญญัติ
3. การกล่าวถึงเรื่องของสงครามอัลอะหฺซาบและบะนีกุร็อยเซาะฮฺ
    เรื่องที่หนึ่ง ได้กล่าวถึงมรรยาทของสังคมบางอย่าง เช่น มรรยาทการรับเชิญไปกินเลี้ยง มารยาทการปกปิดร่างกายของสตรีและหิญาบ และการแต่งตัวของสตรี มรรยาทการปฏิบัติและการยกย่องให้เกียรติแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ตลอดจนมรรยาทอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสังคม
   เรื่องที่สอง ได้กล่าวถึงระเบียบข้อบัญญัติบางประการ เช่น บัญญัติเกี่ยวกับการกล่าว “ซิฮาร” การเลี้ยงลูกคนอื่นเป็นบุตรบุญธรรม เรื่องเกี่ยวกับมรดก การสมรสกับสตรีที่ถูกหย่าจากบุตรบุญธรรม การมี๓รรยาหลายคนของท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเคล็ดลับของเรื่องนั้น บัญญัติเกี่ยวกับการขอพรให้ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บัญญัติเกี่ยวกับการคลุมศีรษะของสตรี บัญญัติเกี่ยวกับการเชิญไปกินเลี้ยงและอื่น ๆ อีก
   เรื่องที่สาม ซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวอย่างละเอียดถึงสงครามสนามเพลาะที่เรียกกันว่า สงคราม “อัลอะหฺซาบ” และได้วาดเค้าโครงให้เห็นภาพลักษณ์อย่างละเอียดถึงการรวมกันของพลังพวกที่ฝ่าฝืนและพลังแห่งความชั่ว เพื่อต่อต้านบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธา โดยเปิดโปงสิ่งซ่อนเร้นของพวกมุนาฟิกีน และได้เตือนพวกเขาให้ตระหนักถึงแนวทางการปฏิบัติที่มีเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายตรงข้ามด้วยการส่งมะลาอิกะฮฺและลมพายุมา นอกจากนั้นยังกล่าวถึงสงครามบะนีกุร็อยเซาะฮฺ และการที่พวกยะฮูดบิดพลิ้วสัญญาที่มีต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบถูกเรียกชื่อนี้เพราะว่าพวกมุชริกีนได้รวมกันเป็นสมัครพรรคพวกเพื่อต่อต้านบรรดามุสลิมในทุก ๆ ด้าน พวกกุฟฟารมักกะฮฺได้ร่วมกับตระกูลฆ้อฏฟาน บะนีกุร็อยเซาะฮฺ และพวกอันธพาลอาหรับ เพื่อทำสงครามกับบรรดามุสลิมีน แต่ทว่าอัลลอฮฺทรงตอบโต้พวกเหล่านั้นให้ประสบกับความปราชัยในการทำสงครามครั้งนี้ เป็นการพอเพียงแก่บรรดามุอฺมินที่ได้เห็นสิ่งปาฏิหาริย์อย่างชัดแจ้ง


-----------------------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


------------------------------------------------


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 1 - 3




คำอ่าน
1. ยา..อัยยุฮัน..นะบียุตตะกิลลาฮะ วะลาตุฏิอิลกาฟิรีนะ วัลมุนาฟิกีน, อิน..นัลลอฮะกานะอะลัมันหะกีมา
2. วัตตะเบียะอฺมายูหา..อิลัยกะ มิรฺร็อบบิก, อิน..นัลลอฮะบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรอ
3. วะตะวักกัลอะลัลลอฮิ วะกะฟาบิลลาฮฺวะกีลา


คำแปล R1.
1. O Prophet (Muhammad)! Keep your duty to Allah, and obey not the disbelievers and the hypocrites (i.e., do not follow their advices). Verily! Allah is ever All-Knower, All-Wise.
2. And follow that which is inspired in you from your Lord. Verily, Allah is Well-Acquainted with what you do.
3. And put your trust in Allah, and sufficient is Allah as a Wakil (Trustee, or Disposer of affairs).


คำแปล R2.
1. โอ้ศาสดา จงยำเกรงอัลเลาะฮฺเถิดและอย่าเชื่อฟังพวกไร้ศรัทธาและพวกสับปลับ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
2. และจงตามโองการที่ถูกดลแก่เจ้าจากองค์ออภิบาลของเจ้า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
3. และเจ้าจงมอบหมายแด่อัลเลาะฮฺ ก็พอแล้วที่ทรงเป็นผู้รับมอบหมาย


คำแปล R3.
1. โอ้ นบี จงเกรงกลัวอัลลอฮฺและจงอย่าเชื่อฟังบรรดาผู้ปฏิเสธและผู้ตลบตะแลง แท้จริงแล้วอัลลอฮฺเท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้เป็นผู้ทรงปรีชาสามารถ
2. และจงปฏิบัติตามสิ่งที่เจ้าได้รับวะฮีย์จากพระผู้อภิบาลของเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ในสิ่งที่เจ้ากระทำ
3. จงวางใจในอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺเท่านั้นก็พอแล้วที่จะเป็นผู้ปกป้อง


คำแปล R4.
1. โอ้ นะบี! จงยำเกรงอัลลอฮฺ และอย่าเชื่อฟังพวกปฏิเสธศรัทธาและพวกมุนาฟิกีน แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
2. และจงปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกวะฮีแก่เจ้า จากพระเจ้าของเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
3. และจงมอบความไว้วางใจแด่อัลลอฮฺและพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครอง


คำแปล R5.
๑. โอ้นบีมุฮำมัด จงยำเกรงอัลเลาะห์โดยตลอดไปเถิด และเจ้าจงอย่าภักดีต่อเหล่าผู้เนรคุณ และบรรดาผู้กลับกลอกทั้งหลายในกิจกรรมที่ฝืนต่อบทบัญญัติของเจ้าที่ได้รับบัญชามาจากอัลเลาะห์ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงเป็นผู้รอบรู้ยิ่งทรงพระปรีชายิ่ง
๒.และเจ้าจงประพฤติตามสิ่งที่ได้ถูกดลโองการมายังเจ้าจากผู้ทรงอภิบาลของเจ้า สิ่งนั้นคืออัลกุรอาน แท้จริงอัลเลาะห์ทรงตระหนักยิ่งต่อสิ่งที่พวกเขาทั้งหลายประพฤติ
๓. และเจ้าจงมอบหมายงานและภารกิจต่าง ๆ ของเจ้าแด่อัลเลาะห์ และย่อมเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับอัลเลาะห์ที่จะเป็นผู้ได้รับมอบหมายงานและภารกิจเหล่านั้น โดยเจ้าไม่ต้องมอบหมายแก่ผู้ใดทั้งสิ้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 4 - 6


คำอ่าน
4. มาญะอะลัลลอฮุ ลิเราะญุลิม..มิน..ก็อลบัยนิ ฟีเญาฟิฮี วะมาญะอะละ อัซวาญะกุมุลลา...อี ตุซอฮิรูนะ มินฮุน..นะ อุม..มะฮาติกุม วะมาญะอะละ อัดอิยา...อะกุม อับนา...อะกุม ซาลิกุม ก็อวลุกุม บิอัฟวาฮิกุม วัลลอฮุยะกุลุงหักเกาะ วะฮุวะยะฮฺดิสสะบีล
5. อุดฮุฮุม ลิอาบา...อิฮิม ฮุวะอักสะฏุอิน..ดัลลอฮฺ, ฟะอิลลัมตะอฺละมู วะอาบา...อะฮุม ฟะอิควานุกุมฟิดดีนิ วะมะวาลีกุม วะลัยสะอะลัยกุมญุนาหุน..ฟีมา..อัคเฏาะอ์ตุม..บิฮี วะลากิม..มาตะอัม..มะดัตกุลูบุกุม, วะกานัลลอฮุเฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
6. อัน..นะบียุ เอาลาบิลมุอ์มินีนะมินอัน..ฟุสิฮิม, วะอัซวาญุฮู..อุม..มะฮาตุฮุม วะอุลุลอัรฺหามิบะอฺฎุฮุม เอาลาบิบะฮฺฎิน..ฟีกิตาบิลลาฮิ มินัลมุอ์มินีนะ วัลมุฮาญิรีนะ อิลลา..อัน..ตันตัฟอะลู..อิลา..เอาลิยา..อิกุม..มะอฺรูฟา, กานะซาลิกะบิลกิตาบิ มัสฏูรอ


คำแปล R1.
4. Allah has not put for any man two hearts inside his body. Neither has He made your wives whom you declare to be like your mothers' backs, your real mothers. [Az-Zihar is the saying of a husband to his wife, "You are to me like the back of my mother" i.e. you are unlawful for me to approach.], nor has he made your adopted sons your real sons. That is but your saying with your mouths. But Allah says the truth, and He guides to the (right) way.
5. Call them (adopted sons) by (the names of) their fathers, that is more just with Allah. But if you know not their father's (names, call them) your brothers in faith and Mawalikum(your freed slaves). And there is no sin on you if you make a mistake therein, except in regard to what your hearts deliberately intend. And Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.
6. The Prophet is closer to the believers than their own selves, and his wives are their (believers') mothers (as regards respect and marriage). And blood relations among each other have closer personal ties in the decree of Allah (regarding inheritance) than (the brotherhood of) the believers and the Muhajirun (emigrants from Makkah, etc.), except that you do kindness to those brothers (when the Prophet joined them in brotherhood ties). This has been written in the (Allah's Book of Divine) decrees (Al-Lauh Al-Mahfuz)."


คำแปล R2.
4. อัลเลาะฮฺไม่ทรงบันดาลสองหัวใจไว้ในร่างชายคนเดียว และพระองค์ไม่ทรงบัญญัติให้คู่ครองของพวกเจ้าที่พวกเจ้าเปรียบบางคนของพวกนางเหมือนหลังมารดาต้องเป็นมารดาของพวกเจ้า(จริงตามการเปรียบนั้นแต่ประการใด ๆ)และพระองค์ไม่ทรงบัญญัติให้ลูกบุญธรรมของพวกเจ้าเป็นลูกจริง ๆ ของพวกเจ้า(การเรียกผู้อื่นเป็นลูก)นั้นเป็นเพียงคำพูดของพวกเจ้ากับปากของพวกเจ้าเองเท่านั้น(แต่จะเปลี่ยนฐานะมาเป็นลูกหาได้ไม่)และอัลเลาะฮฺทรงตรัสแต่ความจริง และพระองค์ทรงชี้นำแนวทาง(อันเป็นสัจจะ)
5. พวกเจ้าจงเรียกพวกเขา(โดยใส่พ่วงคำว่า “บุตร-บิน”) แต่บิดาจริงของพวกเขา(อย่าพ่วงกับชื่อของพ่อบุญธรรม) นั้นเป็นที่เที่ยงธรรมยิ่ง ณ อัลเลาะฮฺ แต่ถ้าพวกเจ้าไม่รู้จักพ่อของพวกนั้น ก็(จงเรียกพวกเขาเหมือนเช่น)พี่น้องของพวกเจ้าในศาสนา(เดียวกัน)และ(เรียกพวกเขาว่า)ผู้ถูกปกครองของพวกเจ้า(อย่างใดอย่างหนึ่ง)และไม่เป็นบาปแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยผิดพลาดมาก่อน แต่ทว่า(ที่จะถูกถือเป็นบาปก็ต่อเมื่อการกระทำนั้น ๆ มาจาก)สิ่งที่หัวใจของเจ้าเจตนา และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
6. ผู้เป็นศาสดาย่อมคุ้มครองมวลประโยชน์ของศรัทธาชนได้ยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเองเสียอีก และบรรดาคู่ครองของเขา(ศาสดา)ย่อมมีฐานะเป็นมารดาของพวกเขา(มวลศรัทธาชน) และบรรดาผู้เป็นเครือญาติย่อมทรงสิทธิ์(ในมรดก)ของกันและกัน ตามปรากฏในคัมภีร์แห่งอัลเลาะฮฺ จากบรรดาผู้มีศรัทธา(ในศาสนาเดียวกัน)และบรรดาผู้อพยพ(ที่มิใช่เครือญาติ)ยกเว้นในกรณีที่พวกเจ้าจะปฏิบัติการดีต่อบรรดามิตรสหายของพวกเจ้า(ที่มิได้เป็นเครือญาติก้อาจช่วยพวกเขาได้ด้วยการทำพินัยกรรมให้)สิ่งนั้นได้ถูกบันทึกไว้แล้วในคัมภีร์(แห่งอัลเลาะฮฺ)


คำแปล R3.
4. อัลลอฮฺมิได้ทรงทำให้คนผู้หนึ่งมีสองหัวใจในร่างกายของเขา และพระองค์มิได้ทรงทำให้บรรดาภรรยาของสูเจ้าซึ่งสูเจ้าหย่าโดยการซิฮารฺเป็นแม่ของสูเจ้า และก็มิได้ทรงทำให้ลูกบุญธรรมของสูเจ้าเป็นลูกแท้ ๆ ของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่สูเจ้ากล่าวออกมาจากปากของสูเจ้า แต่อัลลอฮฺทรงกล่าวสิ่งที่เป็นความจริง และพระองค์เท่านั้นที่ทรงนำไปสู่ทางที่ถูกต้อง
5. จงเรียกบุตรบุญธรรมของสูเจ้าตามชื่อพ่อของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่ยุติธรรมกว่าในสายตาของอัลลอฮฺ และถ้าหากสูเจ้าไม่รู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร พวกเขาก็เป็นพี่น้องในศาสนาของสูเจ้าและเพื่อนของสูเจ้า และไม่มีข้อตำหนิอันใดแก่สูเจ้าถ้าหากสูเจ้ากล่าวอะไรบางสิ่งโดยไม่เจตนา แต่สูเจ้าจะถูกตำหนิอย่างแน่นอนสำหรับสิ่งที่สูเจ้ากล่าวออกไปด้วยเจตนาด้วยหัวใจของสูเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ
6. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาแล้ว นบีนั้นมาก่อนพวกเขาเอง และบรรดาภรรยาทั้งหลายของนบีก็เป็นแม่ของพวกเขา แต่ตามคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นมีสิทธิเหนือกันและกันมากกว่าบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้อพยพ อย่างไรก็ตามสูเจ้าก็อาจทำดีต่อเพื่อน ๆ ของสูเจ้าได้ นี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์


คำแปล R4.
4. อัลลอฮฺมิได้ทรงทำให้ชายใดมีสองหัวใจในทรวงอกของเขา และพระองค์มิได้ทรงทำให้ภริยาของพวกเจ้าซึ่งพวกเจ้าหย่าพวกเธอ (ด้วยการกล่าวซิฮารฺ) ว่าเป็นแม่ของพวกเจ้า และพระองค์มิได้ทรงทำให้การเรียก   (ลูกบุญธรรม) ของพวกเจ้าว่าเป็นลูก (ที่แท้จริง) ของพวกเจ้า นั่นคือการกล่าวของพวกเจ้าด้วยปากของพวกเจ้าและอัลลอฮฺนั้นตรัสสัจจะ และพระองค์ทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง
5. จงเรียกเขาเหล่านั้นตาม (ชื่อ) พ่อของพวกเขา มันเป็นการเที่ยงธรรมกว่า ณ ที่อัลลอฮฺหากพวกเจ้าไม่รู้จักพ่อ (จริง ๆ) ของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาก็คือพี่น้องร่วมในศาสนาของพวกเจ้าและผู้ใกล้ชิดของพวกเจ้าและไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าผิดพลาดในเรื่องนั้น แต่สิ่งที่จิตใจของพวกเจ้ามีความมุ่งหมายต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
6. นะบีนั้นเป็นผู้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธายิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง และบรรดาภริยาของเขา (นะบี) คือมารดาของพวกเขาและเครือญาติร่วมสายโลหิต บางคนในหมู่พวกเขาใกล้ชิดกับอีกบางคนยิ่กว่าบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้อพยพ ในบัญญัติของอัลลอฮฺ เว้น แต่พวกเจ้าจะกระทำความดีแก่สหายสนิทของ พวกเจ้า นั่นได้มีบันทึกไว้แล้วในคัมภีร์

 
คำแปล R5.
๔. อัลเลาะห์ไม่ทรงบันดาลแก่ชายหนึ่งถึงสองหัวใจในร่างของเขา โองการนี้คัดค้านคำพูดของชายผู้หนึ่งจากพวกกาฟิรที่อ้างว่า ตัวของเขามีถึงสองหัวใจที่จะใช้พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ซึ่งประเสริฐกว่าสติปัญญาของนบีมุฮำมัดมากนัก และพระองค์ไม่ทรงบันดาลให้คู่ครองของพวกเจ้าที่พวกเจ้าเปรียบบางคนจากพวกนางเหมือนหลังของมารดาต้องเป็นมารดาของพวกเจ้าเอง ตามที่ได้เปรียบไว้จริง ๆ การเปรียบภริยาตนกับหลังหรืออวัยวะส่วนอื่นของมารดานั้น ในยุคสมัยก่อนอิสลามถือว่าภรรยานั้นขาดจากกันแต่ในกฎหมายอิสลามกำหนดเพียงให้สามีผู้เปรียบดังกล่าวนั้นต้องชำระค่าปรับตามธรรมเนียมคือการปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ ถ้าไม่สามารถก็ให้ถือศีลอดสองเดือนติดต่อกัน และถ้าไม่สามารถก็ให้อาหารแก่คนยากจนหกสิบคนคนละหนึ่งทะนานและไม่ถือว่าภรรยาที่ถูกเปรียบกับมารดาของสามีนั้นขาดจากกันกับสามี และพระองค์นั้นมิทรงบันดาลให้บุตรบุญธรรมของพวกเจ้าเป็นบุตรของพวกเจ้าจริง ๆ ตามที่เรียกขานกัน โองการนี้ประทานเกี่ยวกับ “ไซ๊ด์บินฮาริซะฮ์” ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของท่านนบีมุฮำมัด ซ.ล. และใคร ๆ ก็เรียกขานว่า “ไซ๊ด์บุตรมุฮำมัด” นั่นเป็นเพียงคำพูดด้วยปากของพวกเจ้าซึ่งมิอาจเปลี่ยนแปลงสถานะต่าง ๆ ทางกฎหมายให้เป็นไปดั่งที่เรียกได้ แม้ภริยาของบุตรบุญธรรมที่หย่าร้างกันแล้วก็ยังมีโอกาสสมรสกับพ่อบุญธรรมได้ และอัลเลาะห์ทรงดำรัสสัจธรรม และพระองค์ทรงชี้นำ แนวทางแห่งศาสนาอันเที่ยงแท้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย จนแม้แต่กรณีอันเกิดแก่ “ไซ๊ด์บินฮาริซะฮ์” ซึ่งภริยาของเขา คือ “ไซนับ บินติยะห์ซิน” ได้สมรสกับท่านนบีมุฮำมัด ซ.ล. หลังจากที่นางได้หย่าขาดจากไซ๊ด์แล้ว ต่อมาพวกกาฟิรและมุนาฟิกก็วิพากษ์พฤติการณ์ดังกล่าวในทางเสื่อมเสียแก่ท่านนบีมุฮำมัด ซ.ล.
๕. พวกเจ้าทั้งหลาย โอ้ชนยะฮูดและมุนาฟิก จงเรียกพวกเขาผู้เป็นบุตรบุญธรรมนั้นโดยให้พาดพิงแด่บิดาผู้ให้กำเนิดจริงของพวกเขา ซึ่งการเรียกเช่นนั้นมันเป็นสิ่งที่เที่ยงตรงที่สุด ณ อัลเลาะห์ และถูกต้องกว่าที่จะพาดพิงกับบิดาบุญธรรม แต่แท้จริงหากแม้นพวกเจ้าไม่รู้ จักบิดาผู้ให้กำเนิดจริงของพวกนั้น จนไม่อาจจะพาดพิงได้ถูกต้อง พวกนั้นก็คือพี่น้องของพวกเจ้าในศาสนานั่นเอง ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกพวกเขาโดยพาดพิงในฐานะเป็นพี่น้องกัน เช่น เรียกว่า “พี่ น้อง” เป็นต้น และเป็นลูกน้าชายของพวกเจ้าโดยให้เรียกว่า “ลูกน้าชาย” เป็นต้น และย่อมไม่เกิดโทษแก่พวกเจ้าทั้งหลายในสิ่งที่พวกเจ้าผิดพลาดต่อมัน ในกรณีที่เรียกพวกนั้นโดยไม่พาดพิงกับบิดาผู้ให้กำเนิดจริงดังกล่าว และแต่ว่าสิ่งที่จิตใจของพวกเจ้ามุ่งเจตนาที่จะเรียกขานให้ผิดไปจากที่ได้บัญญัติไว้แล้วนั้น พวกเจ้าก็จะต้องรับโทษอย่างแน่นอน และอัลเลาะห์ทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
๖. ผู้เป็นนบีนั้นย่อมบังควรสำหรับศรัทธาชนทั้งหลายที่จะพึงภักดียิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง ผู้มีศรัทธาแท้จึงต้องเชื่อฟังนบีมากกว่าที่จะคล้อยตามความต้องการของตนเอง และจำเป็นต้องปรับจิตใจให้คล้อยตามคำสอนของท่านนบี และภรรยาของเขาผู้เป็นนบีก็คือมารดาของพวกเขาผู้มีศรัทธานั่นเอง ซึ่งจะแต่งงานกันไม่ได้ตลอดไป และบรรดาผู้เป็นเครือญาติบางคนของพวกเขาย่อมบังควรกับอีกบางคน ในการรับมรดกของกันและกันตามปรากฏในคัมภีร์แห่งอัลเลาะห์ ยิ่งกว่าบรรดาผู้ศรัทธาและอพยพทั้งหลายที่เดินทางมาจากมักกะห์ ซึ่งการรับมรดกในฐานะเป็นผู้ศรัทธาเดียวกันเช่นนี้ได้บัญญัติไว้แต่เริ่มต้นแห่งการอพยพมาสู่มดีนะห์ แต่ก็ถูกยกเลิก เว้นแต่ที่พวกเจ้าจะพึงกระทำความดีต่อวงศ์ญาติที่หมดสิทธิ์รับมรดกของพวกเจ้าเอง ก็ย่อมจะได้รับอนุญาตให้กระทำได้ ด้วยการทำพินัยกรรมทิ้งไว้ ส่วนสิทธิทางมรดกนั้นไม่มีโอกาสอีกต่อไป ปรากฏการณ์แห่งการยกเลิกสิทธิทางมรดกดังกล่าวนั้นได้ถูกบันทึกไว้ในเลาหุลมะฮ์ฟูซ อันเป็นคัมภีร์บันทึกทุกสิ่งทุกอย่าง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 7 - 8


คำอ่าน
7. วะอิซอะค็อซนา มินัน..นะบียีนะ มีษาเกาะฮุม วะมิน..กะ มิน..นูหิ วะอิบรอฮีมะ วะมูศา วะอีสับนิมัรฺยัม วะอะค็อซนามินฮุม..มีษาก็อน เฆาะลีซอ
8. ลิยัสอะลัศศอดิดีกีนะ อัน..ศิดกิฮิม, วะอะอัดดะลิลกาฟิรีนะ อะซาบันอะลีมา


คำแปล R1.
7. And (remember) when we took from the Prophets their covenant, and from you (O Muhammad), and from Nuh (Noah), Ibrahim (Abraham), Musa (Moses), and 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary). We took from them a strong covenant.
8. That He may ask the truthful (Allah's Messengers and his Prophets) about their Truth (i.e. the conveyance of Allah's message that which they were charged with). And He has prepared for the disbelievers a painful torment (Hell-fire).


คำแปล R2.
7. และเมื่อครั้งที่เราได้เอาสัญญาต่อบรรดาศาสดาทั้งหลาย ต่อเจ้า, ต่อนูห์, ต่ออิบรอฮีม, ต่อมูซาและต่ออีซาบุตรมัรยัม และเราได้เอาสัญญาอันคงมั่นต่อพวกเขา(เพื่อให้พวกเขารับข้อสัญญาไปประพฤติอย่างเคร่งครัด)
8. เพื่อพระองค์จะได้ถามบรรดาผู้มีสัจจะทั้งหลายถึงความมีสัจจะนั้น ๆ ของพวกเขาเอง และพระองค์ได้ทรงเตรียมการลงโทษอันแสนสาหัสไว้แก่มวลผู้ไร้ศรัทธา


คำแปล R3.
7. และ (โอ้ นบี) จงนึกถึงพันธสัญญาที่เราได้ให้นบีทั้งหลายทำกับเรา และที่เราได้ให้เจ้าและนูฮฺและอิบรอฮีมและมูซาและอีซาบุตรของมัรฺยัมทำกับเรา เราได้ให้พวกเขาทุกคนทำสัญญาอย่างมั่นคงไว้กับเรา
8. ทั้งนี้เพื่อ (พระผู้อภิบาลของพวกเขา) จะได้ถามบรรดาผู้สัตย์จริงของพวกเขา ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น พระองค์ได้ทรงเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้สำหรับพวกเขาแล้ว


คำแปล R4.
7. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาของพวกเขาจากบรรดานะบี และจากเจ้า และจากนูหฺ และอิบรอฮีม และมูซา และอิซา อิบนฺมัรยัม และเราได้เอาคำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นจากพวกเขา
8. เพื่อพระองค์จะทรงสอบถามบรรดาผู้สัตย์จริง เกี่ยวกับความสัตย์จริงของพวกเขา และพระองค์ทรงเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา


คำแปล R5.
๗. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงระลึกถึงเมื่อเราได้เอาสัญญาต่อบางคนจากบรรดาศาสนทูตและต่อเจ้า และต่อนูห์ และต่ออิบรอฮีม และต่อมูซา และต่ออีซาบุตรของมัรยัม ให้พวกเขานมัสการอัลเลาะห์ และเรียกร้องเชิญชวนชวนให้มนุษย์ทั้งหลายทำการนมัสการในพระองค์ และเราสัญญาต่อพวกเขาอย่างมั่นคงให้ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว
๘. เพื่อพระองค์จะถามสัจจชนทั้งหลาย อันได้แก่บรรดาศาสนทูตทั้งมวล ถึงสัจจะของพวกเขาว่าได้รับไปปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญาแล้ว และพระองค์ทรงเตรียมการลงโทษอันทรมานยิ่งแก่บรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 9 - 11


คำอ่าน
9. ยา..อัยยุฮัลละซีนะ อามะนุซกุรู เนียะอฺมะตัลลอฮิอะลัยกุม อิซญา...อัตกุมญุนูดุน..ฟะอัรฺสัลนา อะลัยฮิมรีเหา..วะญุนูดัลละฮุมตะเร็อวฮา วะกานัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะบะชีรอ
10. อิซญา...อูกุม..มิน..เฟากิกุม วะมินอัสฟะละมิน..กุม วะอิซซาเฆาะติลอับศอรุ วะบะละเฆาะติลกุลูบุลหะนาญิเราะ วะตะซุน..นูนะบิลลาฮิซุนูนา
11. ฮุนาลิกับตุลิยัลมุอ์มินูนะ วะซุลซิลูซิลซาลัน..ชะดีดา


คำแปล R1.
9. O you who believe! Remember Allah's Favour to you, when there came against you hosts, and we sent against them a wind and forces that you saw not [i.e. troops of angels during the battle of Al-Ahzab (the confederates)]. And Allah is ever All-Seer of what you do.
10. When they came upon you from above you and from below you, and when the eyes grew wild and the hearts reached to the throats, and you were harbouring doubts about Allah.
11. There, the believers were tried and shaken with a mighty shaking.


คำแปล R2.
9. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย จงระลึกถึงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺที่ทรงโปรดแก่พวกเจ้าเถิด เมื่อครั้งบรรดาไพร่พล(ของพวกข้าศึกในสงคราม “คอนดัก – คูล้อมเมือง”)ได้มายังพวกเจ้า (โดยล้อมมดีนะฮฺและเตรียมโจมตี) แต่แล้วเราก็ส่งลมและไพร่พลซึ่งพวกเจ้ามองไม่เห็นมาโจมตีพวกเหล่านั้น(จงแตกกระเจิงไปโดยไม่ได้ทำการรบแต่ประการใด) และอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
10. เมื่อพวกนั้นได้มาประชิดพวกเจ้าจากด้านเหนือและด้านใต้ของพวกเจ้า และเมื่อสายตาทั้งหมด(ของพวกเจ้า)จ้องมอง(ไปยังข้าศึก)และหัวใจทั้งมวล(ของพวกเจ้า)ขึ้นไปสู่คอหอย(ด้วยความตระหนกในจำนวนข้าศึกอันมากมายเหนือกว่าถึง 12,000 ต่อ 3,000 คน)และพวกเจ้ามีทัศนคติต่ออัลเลาะฮฺต่าง ๆ นานา
11. ณ ที่นั้น บรรดาศรัทธาชนทั้งหลายถูกทดสอบ และพวกเขาถูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง (ด้วยความหวาดหวั่น)


คำแปล R3.
9. โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงนึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงแสดงแก่สูเจ้า เมื่อไพร่พลศัตรูมายังสูเจ้า เราได้ส่งพายุมายังพวกเขา และไพร่พลอีกมากมายที่สูเจ้ามองไม่เห็น และอัลลอฮฺนั้นทรงเฝ้าดูทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ
10. เมื่อพวกศัตรูบุกมายังสูเจ้าจากข้างบนและจากข้างล่างของสูเจ้า สูเจ้าตาเหลือกเพราะความกลัวและหัวใจจุกอยู่ที่ลำคอและสูเจ้าเริ่มสงสัยเกี่ยวกับอัลลอฮฺ
11. ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาจึงได้ถูกทดสอบและได้รับความหวั่นไหวอย่างรุนแรง


คำแปล R4.
9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้าขณะที่กองทัพข้าศึกเข้ามา รุกรานพวกเจ้า แล้วเราได้ส่งลมพายุพัดใส่พวกเขา และกำลังทหารที่พวกเจ้ามองไม่เห็น และอัลลอฮฺทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
10. เมื่อพวกเขายกทัพมายังพวกเจ้า ทั้งจากทางข้างบนของพวกเจ้า และจากทางข้างล่างของพวกเจ้าและเมื่อนัยน์ตาได้เหลือกลานและหัวใจได้มาจุกอยู่ที่ลำคอ และพวกเจ้านึกคิดกันต่าง ๆ นานา เกี่ยวกับอัลลอฮฺ
11. ณ ที่นั้นขณะนั้น บรรดาผู้ศรัทธาได้ถูกทดลอง และพวกเขาถูกทำให้เคลื่อนไหวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


คำแปล R5.
๙. โอ้ผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงรำลึกถึงความโปรดปรานแห่งอัลเลาะห์ที่ประทานแก่พวกเจ้าเถิด เมื่อครั้งที่บรรดากองทัพของเหล่าผู้เนรคุณได้มาประชิดพวกเจ้าในสงครามคอนดั๊กในเดือนเซาวาลปีที่ ๔ หรือปีที่ ๕ ซึ่งข้าศึกมีจำนวนถึง ๑๒,๐๐๐ คน การทำสงครามครั้งนี้ท่านศาสดาและมวลมุสลิมร่วมกันขุดคูล้อมเมืองมะดีนะฮ์ โดยคำแนะนำของซัลมานฟาริซี(ชาวเปอร์เซีย) แล้วเราก็ส่งลมพายุให้กระหน่ำพัดอย่างรุนแรงเหนือพวกเขา จนพังทลายกระโจมที่พักของเหล่าข้าศึก และเราส่งกองทัพมลาอีกัตซึ่งพวกเจ้ามองพวกเขาไม่เห็นให้มาช่วยเหลือพวกเจ้าในการทำศึกครั้งนี้จนเหล่าข้าศึกต้องเผ่นหนีโดยไม่มีการรบ หลังจากที่ตั้งมั่นล้อมเมืองมะดีนะฮ์ไว้ถึง ๑๕ วัน และอัลเลาะห์ทรงเล็งเห็นสิ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติในการขุดคูล้อมเมืองในครั้งนั้น โดยแต่ละคนจะจัดสรรกันเองคนละ ๔ ศอก ใช้เวลา ๖ วันจึงแล้วเสร็จ
๑๐. เมื่อพวกข้าศึกเขามาสู่พวกเจ้าจากด้านบน และด้านล่างของพวกเจ้า นั่นคือ ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกซึ่งข้าศึกจำนวน ๑๒,๐๐๐ คนตามที่กล่าวไว้นั้นประกอบด้วยคนอาหรับก๊กต่าง ๆ  เช่น พวกกุไรซ์ ยิวนะฎีร และกุรอยเซาะห์ ส่วนมุสลิมมีกำลังพลทั้งสิ้น ๓,๐๐๐ คน และเมื่อสายตาทั้งหลายได้จ้องมองไปที่กำลังของข้าศึกอันมรจำนวนมากมายมหาศาล และหัวใจได้ขึ้นมาอยู่ที่ยอดคอหอยด้วยความหวาดหวั่น เนื่องด้วยกำลังของฝ่ายมุสลิมมีจำนวนน้อยกว่ากำลังของข้าศึกตั้งหลายเท่า และพวกเจ้าก็เข้าใจในอัลเลาะห์ต่าง ๆ นานา มีความสับสนในความรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ความมั่นใจในชัยชนะระคนความหวาดระแวงว่าจะพ่ายแพ้ สลับกับความหวาดกลัว
๑๑. ณ ที่นั้น บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายถูกทดสอบ ว่าจะเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามโดยบริสุทธิ์ใจหรือเป็นแต่เพียงทีท่าศรัทธาแบบกลับกลอก และพวกเขาถูกสั่นสะท้านอย่างรุนแรงด้วยความหวาดหวั่น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 12 - 15


คำอ่าน
12. วะอิซยะกูลุลมุนาฟิกูนะ วัลละซีนะฟีกุลูบิฮิม..มะเราะฎุม..มาวะอะดะนัลลอฮุ วะเราะสูลุฮู..อิลลาฆุรูรอ
13. วะอิซกอละติฏฏอ...อิฟะตุม..มินฮุม ยา..อะฮิละ ยัษริบะ ลามุกอมะละกุม ฟัรฺญิอู, วะยัสตะอ์ซินุ ฟะรีกุม..มินมินฮุมุน..นะบียะ ยะกูลูละ อิน..นะบุยูตะนา เอาเราะตู..วะมาฮิยะบิเอาเราะฮฺ อี..ยุรีดูนะอิลลาฟิรอรอ
14. วะเลาดุคิลัตอะลัยฮิม..มินอักฏอริฮา ษุม..มะสุอิลุลฟิตนะตะ ละอะเตาฮา วะมาตะลับบะษูบิฮา..อิลายะษีรอ
15. วะละก็อดกานู อาฮะดุลลอฮะ มิน..ก็อบลุ ลายุวัลลูนะลอัดบาเราะ วะกานะอะฮดุลลฮิ มัสอูลา


คำแปล R1.
12. And when the hypocrites and those in whose hearts is a disease (of doubts) said: "Allah and his Messenger promised us nothing but delusions!"
13. And when a party of them said: "O people of Yathrib (Al-Madinah)! There is no stand (possible) for you (against the enemy attack!) Therefore Go back!" and a band of them ask for permission of the Prophet saying: "Truly, our homes lie open (to the enemy)." and they Lay not open. They but wished to flee.
14. And if the enemy had entered from All sides (of the city), and they had been exhorted to Al-Fitnah (i.e. to renegade from Islam to polytheism) they would surely have committed it and would have hesitated thereupon but little.
15. And indeed they had already made a Covenant with Allah not to turn their backs, and a Covenant with Allah must be answered for.


คำแปล R2.
12. และเมื่อครั้งพวกสับปลับและพวกที่มีความป่วยไข้ในหัวใจพากันกล่าวว่า “อัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์มิได้สัญญา(อันจริงแท้)แก่พวกเราเลย นอกจากเป็นเพียงการหลอกลวงเท่านั้น”
13. และเมื่อครั้งที่คนกลุ่มหนึ่งจากพวกเขา(พวกสับปลับ)ได้กล่าวว่า “โอ้ชาวยัซริบ ที่แห่งนี้หาใช่ที่ของพวกท่านไม่ ดังนั้นพวกท่านจงกลับเสียเถิด และมีอีกกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาขออนุญาตต่อศาสดา(เพื่อกลับ)โดยกล่าวว่า “แท้จริงบ้านเรือนของเราน่าหวาดกลัว” ทั้งที่มันหาได้น่าหวาดกลัวไม่ พวกเขามิได้ปรารถนาสิ่งใดเลย นอกจากการหลบหนี(จากการสู้รบ)เท่านั้น
14. และหากมีศัตรูบุกเข้ามาโจมตีพวกเขาจากมุมต่าง ๆ ของเมืองนั้น (ยัสริบ)แล้วพวกเขาถูกชวนให้ก่อวิกฤติการ(ด้วยการรุกรานมุสลิม) แน่นอนพวกเขาย่อมดำเนินการนั้นทันที และพวกเขามิได้ประวิงเวลาแห่งการก่อวิกฤติการนั้นไว้ได้ นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
15. ทั้ง ๆ ที่ว่า พวกเหล่านั้นแต่เดิมก็ได้ร่วมปฏิญาณต่ออัลเลาะฮฺว่าพวกเขาจะไม่หันหลังหนี(ออกจากการสู้ศึก)และปฏิญญาแห่งอัลเลาะฮฺ(ที่พวกเขาเข้าร่วม)นั้น ย่อมถูกสอบถามอย่างแน่นอน(ในวันชาติหน้า)

 
คำแปล R3.
12. จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวกตลบตะแลงและบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรคกล่าวว่า สัญญาที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ทไว้กับพวกเขานั้น มิใช่อะไรนอกไปจากการหลอกลวง
13. เมื่อกลุ่มหนึ่งของพวกเขาได้กล่าวว่า “ชาวยัษริบเอ๋ย พวกเจ้าไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่ได้หรอก ดังนั้นจงกลับไปเสีย” และกลุ่มหนึ่งของพวกเขาก็ขออนุญาตนบีโดยกล่าวว่า “บ้านของเราไม่ปลอดภัย” ทั้ง ๆ ที่มันปลอดภัยอยู่ แท้จริงแล้วพวกเจ้าต้องการที่จะหนี (แนวรบ)
14. ถ้าหากพวกศัตรูบุกเข้ามาจากทุกด้านของเมือง แล้วหลังจากนั้นคนเหล่านี้ถูกยุให้ทรยศ พวกเขาก็จะทำอย่างแน่นอนและจะไม่ลังเลที่จะเป็นผู้มีส่วนในนั้น
15. แท้จริงพวกเขาได้ทำสัญญาไว้กับอัลลอฮฺแล้วว่าพวกเขาจะไม่หันหลังให้ และสัญญาที่ได้ทำไว้กับอัลลอฮฺนั้นจะต้องถูกสอบถาม


คำแปล R4.
12. และจงรำลึกถึง เมื่อพวกมุนาฟิกีนและบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรค กล่าวว่า “อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์มิได้สัญญาแก่เราอย่างใด นอกจากการหลอกลวงเท่านั้น”
13. และจงรำลึกถึง เมื่อกลุ่มหนึ่งจากพวกเขา (มุนาฟิกีน) กล่าวว่า “โอ้ชาวยัษริบเอ๋ย! ไม่มีที่ตั้งมั่นสำหรับพวกท่านแล้ว (เพื่อต่อสู้กับข้าศึก) จงกลับไปเสียเถิด” และกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาจะขออนุญาตกับท่านนะบีว่า“บ้านของพวกเราไม่มีอะไรปก ปิด ไม่มั่นคง” และมันมิได้เป็นเช่นนั้น พวกเขามิได้ประสงค์สิ่งใด นอกจากการหนี (จากการทำสงคราม)
14. และถ้ามีการรุกรานมายังพวกเขาจากรอบนอกเมืองของมัน แล้วพวกเขาได้ถูกปลุกปั่นให้ก่อความไม่สงบ แน่นอน พวกเขาจะกระทำทันที และพวกเขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อย
15. และโดยแน่นอนพวกเขาได้ให้สัญญาต่ออัลลอฮฺมาก่อนแล้วว่า พวกเขาจะไม่หันหลังกลับ และสัญญาของอัลลอฮฺนั้นจะถูกสอบถาม


คำแปล R5.
๑๒. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงรำลึกถึงเมื่อพวกกลับกลอกและบรรดาผู้มีความป่วยในหัวใจกล่าวว่า อัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์มิได้ให้สัญญาแก่พวกเราโดยมีเป้าหมายที่แท้จริงตามสัญญานั้นเลย นอกจากเป็นการลวงโดยไร้สาระและโมฆะทั้งสิ้น
๑๓. และเมื่อคนกลุ่มหนึ่งจากพวกนั้น(พวกกลับกลอก) ได้กล่าวว่า โอ้ชาวยัซริบซึ่งเป็นชื่อเดิมของนครมะดีนะฮ์ปัจจุบันไม่มีที่อยู่สำหรับพวกเจ้าทั้งหลายอีกแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงกลับไปบ้านเรือนของพวกเจ้าเถิด ทั้งนี้เมื่อพวกเขาได้อกเดินทางร่วมกับท่านศาสดานบีมุฮำมัดสู่ซอกเขานอกเมืองมะดีนะฮ์เพื่อทำศึกและอีกกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาขออนุญาตต่อนบีมุฮำมัดเพื่อกลับบ้าน พวกเขากล่าวว่า แท้จริงบ้านเรือนของเราที่อยู่ในมะดีนะฮ์นั้นวังเวง ไม่ปลอดภัยเลยเพราะบ้านเรือนของพวกเรามีผนังเตี้ย ๆ และอยู่ชานเมือง เป็นที่น่าหวาดกังวลว่าพวกขโมยโจรจะเข้าไปลักขโมยสิ่งของในบ้านของเรา แต่ความเป็นจริงบ้านของพวกนั้นมันมิวังเวงเลย พวกเขาไม่ประสงค์อื่นใดทั้งสิ้น นอกจากต้องการจะหลบหนีจากการทำศึกเท่านั้นเอง
๑๔. และมาดแม้นมีศัตรูบุกเข้านครมะดีนะห์เพื่อโจมตีเหนือพวกเขาจากแต่ละด้านของมัน (มะดีนะห์) แล้วพวกเขาก็ถูกขอจากพวกที่โจมตีนั้นเพื่อปฏิบัติการอันเป็นการตั้งภาคีเทียบเทียมอัลเลาะห์ ที่ก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้น แน่นอนพวกเขาก็จะดำเนินมันทันที แต่พวกเขามิได้อาศัยอยู่ในนครมะดีนะห์นั้น เพื่อประกอบกรรมอันเป็นการตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์ดังกล่าวแล้ว นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
๑๕. ขอสาบาน แท้จริงพวกเขาได้สัญญาต่ออัลเลาะห์ไว้แล้วเมื่อก่อนหน้าที่จะถึงการทำศึก “คอนดั๊ก” ว่าจะไม่ถอยหลังหนีในการทำศึกเป็นอันขาด และสัญญาแห่งอัลเลาะห์ย่อมถูกนำมาสอบถามในวันปรภพว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตามหรือไม่



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 16 – 20


คำอ่าน
16. กุลลัย..ยัน..ฟิอุกุมุลฟิรอรุ อิน..ฟะร็อรฺตุม..มินัลเมาติ อะวิลก็อตลิ วะอิซัลลาตุมัตตะอูนะ อิลลาเกาะลีลา
17. กุลมัน..ซัลละซี ยะอฺศิมุกุม..มินัลลอฮิ อินอะรอดะบิกุมสู...อัน เอาอะรอดะบิกุมเราะหฺมะฮฺ วะลายะญิดูนะละฮุม..มิน..ดูนิลลาฮิ วะลีเยา..วะลานะศีรอ
18. ก็อดยะอฺละมุลลอฮุลมุเอาวิกีนะมิน..กุม วัลกอ...อิลีนะลิอิควานิฮิม ฮะลุม..มะอิลัยนา วะลายะอ์ตูนัลบะอ์สะ อิลลาเกาะลีลา
19. อะชิหฺหะตันอะลัยกุม วะอิซาญา...อัลค็อวฟุ เราะอัยตะฮุมยัน..ซุรูนะ อิลัยกะ ตะดูรุ อะอฺยุนุฮุม กัลป์ละซียุฆชาอะลัยฮิ มินัลเมาตฺ, ฟะอิซาซะฮะบัลค็อวฟุ สะละกูกุม..บิอัลสินะติน หิดาดิน อะชิหฺหะตัน อะลัลค็อยรฺ, อุลา...อิกะ ลัยุอ์มินู ฟะอะหฺบะฏ็อลลอฮุ อะอฺมาละฮุม วะกานะซาลิกะ อะลัลลอฮิยะสีรอ
20. ยะหฺสะบูนัลอะหฺซาบะ ลัมยัซฮะบู วะอียะอ์ติลอะหฺซาบุ ยะวัดดุเลาอัน..นะฮุม บาดูนะฟิลอะอฺรอบิ ยัสอะลูนะอันอัม..บา...อิกุม วะเลากานูฟีกุม..มากอตะลูอิลลาเกาะลีลา


คำแปล R1.
16. Say (O Muhammad to these hypocrites who ask your permission to run away from you): "Flight will not avail you if you flee from death or killing, and then you will enjoy no more than a little while!"
17. Say: "Who is he who can protect you from Allah if He intends to harm you, or intends Mercy on you?" and they will not find, besides Allah, for themselves any Wali (Protector, Supporter, etc.) or any helper.
18. Allah already knows those among you who keep back (men) from fighting in Allah's Cause, and those who say to their brethren "Come here towards us," while they (themselves) come not to the battle except a little.
19. Being miserly towards you (as regards help and aid In Allah's Cause). Then when fear comes, you will see them looking to you, their eyes revolving like (those of) one over whom hovers death, but when the fear departs, they will smite you with sharp tongues, miserly towards (spending anything in any) good (and only covetous of booty and wealth). Such have not believed. Therefore Allah makes their deeds fruitless, and that is ever easy for Allah.
20. They think that Al-Ahzab (The confederates) have not yet withdrawn, and if Al-Ahzab (The confederates) should come (again), they would wish they were in the deserts (wandering) among the bedouins, seeking news about you (from a far place); and if they (happen) to be among you, they would not fight but little.


คำแปล R2.
16. จงประกาศเถิด “การหลบหนีจะไม่อำนวยคุณแก่พวกท่านเลย ไม่ว่าพวกท่านจะหนีจากความตายหรือจากการถูกสังหารก็ตาม และบัดนั้น พวกท่านก็จะไม่ได้รับความสุข นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
17. จงประกาศเถิด “ใครบ้างเล่าที่จะปกป้องพวกท่านให้พ้นจาก(การลงโทษของ)อัลเลาะฮฺ หากพระองค์ประสงค์ที่จะลงโทษพวกท่าน หรือประสงค์จะประทานความเมตตาแก่พวกท่าน และพวกเขาจะไม่พบอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮฺ ที่จะคุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขาได้
18. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ถึง(ความต้องการของ)พวก(สับปลับ)ที่คอยขัดขวาง(มิให้สู้รบกับฝ่ายรอซูล)จากพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่คอยบอกกับพี่น้องของตนเองว่า “จงมาร่วมกับเราเถิด” และพวกเขามิได้มาสู่การสู้รบ นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
19. (ที่เขาแสดงออกเช่นนั้น)เป็นเพราะความตระหนี่(ที่จะให้ความช่วยเหลือ)แก่พวกเจ้า ดังนั้น เมื่อความกลัวได้มา(สู่พวกเขาจากกองทัพของฝ่ายศัตรู) เจ้าก็เห็นพวกเขาเมียงมองมายังเจ้า ซึ่งสายตาของพวกเขากลับกลอก(อย่างหวาดกลัว)ประหนึ่งผู้ที่ถูกครอบงำด้วยความตาย ครั้นเมื่อความน่ากลัวได้สูญหายไปแล้ว พวกเขาก็ก่อความเจ็บช้ำแก่พวกเจ้าด้วยลิ้นอันคมคาย(คือใช้วาจาก้าวร้าว) เพราะความตระหนี่ต่อสิ่งที่ดี(อันได้แก่ทรัพย์สงคราม)พวกเหล่านั้นหาได้มีศรัทธาไม่ ดังนั้นอัลเลาะฮฺจึงทรงมลายผลงานของพวกเขา และการนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายยิ่งนักสำหรับอัลเลาะฮฺ
20. พวกเขา(มุนาฟิก)คิดว่าบรรดาไพร่พล(ของข้าศึก)คงจะไม่ไปไหน และหากบรรดาไพร่พลเหล่านั้นบุกเข้ามา แน่นอนพวกเขาก็จะชอบใจ หากพวกเขาได้หลบออกไปอยู่ร่วมกับพวกชนบท(เพื่อเว้นการสู้ศึก) ซึ่งพวกเขาจะคอยถามข่าวคราวของพวกเจ้า และมาดแม้นพวกเขาได้เข้าอยู่ในกลุ่มพวกเจ้า พวกเขาก็ไม่สู้ศึกหรอก นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R3.
16. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากพวกท่านหนีจากความตายหรือการเข่นฆ่า การหนีของพวกท่านจะไม่ยังประโยชน์อันใดแก่พวกท่าน พวกท่านจะได้รื่นเริงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
17. จงถามพวกเขา “ใคร่เล่าที่สามารถปกป้องพวกท่านจากอัลลอฮฺ ถ้าหากพระองค์ประสงค์จะให้พวกท่านลำเค็ญหรือทรงปรารถนาที่จะเมตตาพวกท่าน?” แท้จริงแล้วพวกเขาไม่สามารถที่จะพบใครเป็นผู้ปกป้องและผู้ช่วยเหลือพวกเขาได้ นอกไปจากอัลลอฮฺ
18. อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าใครในหมู่สูเจ้าที่สร้างอุปสรรค(ในการทำสงคราม) ผู้ที่กล่าวแก่พี่น้องของพวกเขาว่า “มาหาพวกเราสิ” และพวกเขาไม่ได้เข้ามาร่วมต่อสู้นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
19. พวกเขาไม่เต็มใจมาร่วมกับสูเจ้าเมื่อมีอันตรายเกิดขึ้น เจ้าจะเห็นพวกเขามองไปยังเจ้า ดวงตาของพวกเขากลอกกลิ้งเหมือนกับผู้ที่กำลังเป็นลมใกล้ตาย แต่เมื่ออันตรายผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาก็จะออกมาต่อว่าเจ้าอย่างเผ็ดร้อนด้วยความอยากได้ในทรัพย์สิน คนเหล่านี้มิได้ศรัทธาแต่อย่างใด ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้ทำให้การงานของเขาไร้ผล และนี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับอัลลอฮฺ
20. พวกเขาคิดว่าไพร่พลที่ร่วมกันมารุกรานนั้นยังไม่ได้ถอยไป และถ้าหากพวกศัตรูเหล่านั้นกลับมาโจมตีอีก พวกเขาก็อยากจะอยู่ในทะเลทรายกับพวกเบดูอิน และคอยถามข่าวเกี่ยวกับสูเจ้าจากที่นั่น อย่างไรก็ตามถึงแม้พวกเขาจะอยู่กับสูเจ้า พวกเขาก็จะไม่ต่อสู้ นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R4.
16. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า “การหนีนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกท่าน หากพวกท่าน (ต้องการ) จะหนีจากความตาย หรือการรบราฆ่าฟันกัน และเมื่อนั้นพวกท่านจะไม่ได้ รื่นเริงกัน นอกจาก (ใน) เวลาอันเล็กน้อย”
17. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “ใครเล่าจะปกป้องพวกท่านให้พ้นจากอัลลอฮฺไปได้ หากพระองค์ทรงปรารถนาให้ความเสียหายแก่พวกท่าน หรือหากพระองค์ทรงปรารถนาให้ความเมตตาแก่พวกท่าน” และพวกเขาจะไม่พบใครอื่นจากอัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครองและเป็นผู้ช่วยเหลือแก่ พวกเขา
18. แน่นอน อัลลอฮฺทรงรู้บรรดาผู้ขัดขวางในหมู่พวกเจ้า และผู้ที่กล่าวแก่พี่น้องของพวกเขาว่า “มาหาพวกเราทางนี้” และพวกเขาจะไม่มาร่วมกันต่อต้านข้าศึก นอกจากจำนวนเล็กน้อย
19. เป็นคนตระหนี่กับพวกเจ้า ครั้นเมื่อความกลัว (อันตราย) ปรากฏขึ้น เจ้าจะเห็นพวกเขาจ้องมองไปยังเจ้าสายตาของพวกเขาเกลือกกลิ้งเสมือนผู้มี อาการร่อแร่ใกล้จะตายต่อเมื่อความกลัว (อันตราย) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาก็พูดจาถากถางพวกเจ้าด้วยสำนวนที่เผ็ดร้อน เป็นคนตระหนี่ในเรื่องทรัพย์สิน (ของที่ยึดมาได้จากการทำสงคราม) ชนเหล่านั้นพวกเขามิได้ศรัทธา อัลลอฮฺจึงทรงให้การงานของพวกเขาไม่บังเกิดผลและนั่นเป็นเรื่องง่ายดายแก่อัลลอฮฺ
20. พวกเขาคิดว่าพวกพรรคต่าง ๆ เหล่านั้นยังมิได้ถอยกลับออกไป และหากว่าพวกพรรคต่าง ๆ เหล่านั้นหวนกลับมาอีก พวกมุนาฟิกีนก็คาดหวังกันว่า หากพวกเขาได้ไปอยู่ร่วมกับอาหรับชนบทเพื่อคอยสืบเสาะหาข่าวของพวกเจ้า และหากว่าพวกเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเจ้า พวกเขาก็จะไม่ต่อสู้เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R5.
๑๖. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิดว่า การหนีสงครามนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้า แม้พวกเจ้าหนีความตายหรือการถูกฆ่า พวกเจ้าก็ไม่อาจหนีได้ และบัดนั้นที่พวกเจ้าหนีสงคราม พวกเจ้าจะไม่ได้รับความสุขเลย นอกจากเพียงเล็กน้อย
๑๗. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิดว่า ใครเล่าที่สามารถปกปักพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ แน่นอนไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องพวกเจ้าได้ แม้นพระองค์ประสงค์จะประทานความเลวร้ายแห่งความพ่ายแพ้สงครามให้ประสบกับพวกเจ้าหรือทรงประสงค์จะประทานความเมตตาให้ประสบกับพวกเจ้า แน่นอนจะไม่มีผู้ใดทั้งสิ้นขัดขวางปรากฏการณ์ดังกล่าวและพวกเขาไม่ประสบเพื่อตัวของพวกเขาเองว่า นอกจากอัลเลาะห์แล้วจะมีผู้ใดอีกที่จะเป็นผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือพวกเขา แน่นอนไม่มีใครทั้งสิ้นนอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น
๑๘. ที่จริงอัลเลาะห์ทรงรู้ถึงบรรดาผู้คอยห้ามมวลมุสลิมมิให้ทำสงครามร่วมกับรอซูลุลเลาะห์ ซึ่งพวกที่ห้ามนั้นก็มาจากพวกเจ้านั้นเอง และอัลเลาะห์รู้ดีบรรดาผู้ที่กล่าวกับพี่น้องของตนที่เป็นมุสลิมว่า เจ้าจงมาทางเราเถิด พฤติกรรมเยี่ยงนี้เป็นพฤติกรรมกลับกลอกของเหล่ามุนาฟิกีนที่ประสงค์ร้ายต่ออิสลามและพวกเขามิได้มาสู่สงครามร่วมกับรอซูล นอกจากเพียงเล็กน้อยไม่กี่คน
๑๙. เพราะความตระหนี่ของพวกที่สำแดงออกเหนือพวกเจ้าต่อการที่จะช่วยทำสงครามร่วมกัน แล้วเมื่อความน่ากลัวจากกองทัพอันยิ่งใหญ่ของพวกเนรคุณทั้งหลายได้ปรากฏขึ้น เจ้าก็เห็นพวกนั้นมองมายังเจ้าโดยการกลอกลูกตาของพวกเขากลับไปกลับมา ประดุจผู้ที่ถูกห้อมล้อมเหนือเขาโดยความตาย ต่อเมื่อความน่ากลัวได้สูญสิ้น โดยได้รับชัยชนะในการทำสงคราม และได้ทรัพย์เชลยศึกเป็นเครื่องกำนัล พวกเขาก็ยังความเจ็บช้ำแก่พวกเจ้า โดยใช้ลิ้นอันคมเชือดเฉือนพวกเจ้าทั้งหลาย เพราะความตระหนี่ต่อความดี อันได้แก่ทรัพย์เชลยศึกที่พวกเขาควรสะสมไว้ พวกเหล่านั้นไม่มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์และรอซูล ดังนั้นอัลเลาะห์จึงลบเลือนผลอานิสงค์แห่งบรรดาการปฏิบัติของพวกเขา พวกเขาจะไม่ได้รับผลตอบแทนในวันปรภพเลย ทั้งนี้เพราะพวกเขาขาดศรัทธาในอัลเลาะห์และรอซูลนั่นเอง และสิ่งดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกินสำหรับอัลเลาะห์
๒๐. บรรดาพวกมุนาฟิกีนทั้งหลายพวกเขาคิดว่าบรรดากองทัพของข้าศึกที่รวมกันเป็นจำนวนถึง ๑๒,๐๐๐ คนจากเผ่าต่าง ๆ นั้นคงไม่หนีกลับไปมักกะฮ์ พวกนั้นน่าจะหลบซ่อนอยู่ไม่ไกลจากมะดีนะฮ์และคงจะบุกโจมตีมะดีนะฮ์อีกแน่ ๆ และหากบรรดากองทั ของข้าศึกบุกเข้ามาอีกคำรบหนึ่ง คนพวกนั้นตั้งปณิธานไว้ว่า แม้พวกเขาจะออกไปอยู่นอกเมืองมดีนะห์ แฝงตัวแอบอยู่ในกลุ่มชาวชนบท คอยถามข่าวของพวกเจ้าในการต่อสู้ข้าศึกครั้งนี้ คงจะเป็นการดีและปลอดภัยแก่พวกเขาเป็นแน่ เพราะพวกเขามีแต่ความหวาดกลัวประการเดียว และมาดแม้นพวกนั้นจะอยู่ในกลุ่มพวกเจ้าในการต่อสู้ข้าศึก พวกเขาก็ไม่ทำศึกกับพวกศัตรูหรอก นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่ออกศึกแสดงตนเป็นฝ่ายมุสลิมและกลัวจะถูกประณาม


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 21 - 24


คำอ่าน
21. ละก็อดกานะละกุม ฟีเราะสูลิลลาฮิ อุสวะตุน หะสะนะตุล ลิมัน..กานะยัร์ญุลลอฮะ วัลเยามัลอาคิเราะ วะซะกะร็อลลอฮะกะษีรอ
22. วะลัม..มาเราะอัลมุอ์มินูนัลอะหฺซาบะ กอลูฮาซามา วะอะดะนัลลอฮุ วะเราะสูลุฮู วะเศาะดะก็อลลอฮุวะเราะสูลุฮฺ, วะมาซาดะฮุม อิลลาอีมาเนา..วะตัสลีมา
23. มินัลมุอ์มินีนะ ริญาลุน..เศาะดะกู มาอาฮะดุลลอฮะ อะลัยฮฺ, ฟะมินฮุม..มัน..เกาะฎอนะหฺบะฮู วะมินฮุม..มัย..ยัน..ตะซิรฺ, วะมาบัดดะลูตับดีลา
24. ลิยัจญซิยัลลอฮุศศอดิกีนะ บิศิดกิฮิม วะยุอัซซิบัลมุนาฟิกีนะ อิน..ชา...อะ เอายะตูบะอะลัยฮิม อิน..นัลลอฮะกานะเฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา


คำแปล R1.
21. Indeed in the Messenger of Allah (Muhammad) you have a good example to follow for him who hopes in (the meeting with) Allah and the last Day and remembers Allah much.
22. And when the believers saw Al-Ahzab (The confederates), they said: "This is what Allah and his Messenger (Muhamma) had promised us, and Allah and his Messenger (Muhammad) had spoken the truth, and it only added to their faith and to their submissiveness (to Allah).
23. Among the believers are men who have been true to their Covenant with Allah [i.e. they have gone out for Jihad (holy fighting), and showed not their backs to the disbelievers], of them some have fulfilled their obligations (i.e. have been martyred), and some of them are still waiting, but they have never changed [i.e. they never proved treacherous to their Covenant which they concluded with Allah] in the least.
24. That Allah may reward the men of truth for their truth (i.e. for their patience at the accomplishment of that which they covenanted with Allah), and punish the hypocrites if He will or accept their repentance by turning to them in Mercy. Verily, Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.


คำแปล R2.
21. อันที่จริงในศาสนทูตแห่งอัลเลาะฮฺย่อมมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้า เฉพาะแก่บุคคลที่มุ่งหวังในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้ายและที่ระลึกถึงอัลเลาะฮฺอย่างมากมาย
22. และเมื่อเหล่าศรัทธาชนได้มองเห็นไพร่พลของข้าศึก พวกเขาก้กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่อัลเลาะฮฺและศาสนทูตของเราได้ให้สัญญาแก่เราไว้” และอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ย่อมสัจจะเสมอ และมิได้เพิ่มพูนแก่พวกเขา นอกจากการศรัทธาและการสวามภักดิ์เท่านั้น
23. บางส่วนจากเหล่าศรัทธาชนเป็นกลุ่มบุรุษผู้จริงจังต่อปฏิญญาที่พวกเขากระทำต่ออัลเลาะฮฺ ซึ่งบางคนของพวกเขาเป็นผู้ที่กระทำไปตามการบนของเขา(ด้วยการออกทำศึกจนสิ้นชีวิต) และบางคนของพวกเขาเป็นผู้ที่รอคอย(โอกาสที่จะออกทำสงคราม) และพวกเขามิได้เปลี่ยนแปลง(ข้อสัญญา)แต่ประการใด ๆ ทั้งสิ้น
24. (การดังกล่าวนั้น)เพื่ออัลเลาะฮฺทรงตอบสนองบรรดาผู้สัตย์จริงเพราะความสัจจะของพวกเขา และทรงลงโทษแก่บรรดาผู้สับปลับ หากทรงประสงค์ หรือมิฉะนั้นก็ทรงลุแก่โทษแก่พวกเขา แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
21. แท้จริงแล้วมีแบบอย่างที่ดีที่สุดสำหรับสูเจ้าในรอซูลของอัลลอฮฺ สำหรับคนที่แสวงหาอัลลอฮฺและวันสุดท้าย และระลึกถึงอัลลอฮิอย่างมาก
22. และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริง(ในตอนนั้น)มองเห็นพวกศัตรูที่มารุกราน พวกเขาก็ร้องออกมาว่า “นี่คือสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ได้สัญญาไว้ อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ทรงตรัสจริงเสมอ” และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาศรัทธาและนอบน้อมมากขึ้น
23. ในบรรดาผู้ศรัทธานั้มีผู้ที่สัตย์จริงต่อสัญญาที่เขาได้ทำไว้กับอัลลอฮฺ บางคนในหมู่พวกเขาก็ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว และบางคนก็กำลังคอยอยู่ พวกเขามิได้ผันแปรใด ๆ
24. (ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น)เพื่อที่อัลลอฮิจะได้ทรงตอบแทนผู้สัตย์จริงสำหรับความสัตย์จริงของพวกเขา และลงโทษพวกตลบตะแลงหรือยอมรับการสำนึกผิดของพวกเขา ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
21. โดยแน่นอน ในรอซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮฺ และวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก
22. และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาได้เห็นพรรคต่าง ๆ เหล่านั้น พวกเขา (มุอฺมิน) ได้กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่อัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ได้สัญญาไว้แก่เรา และอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ตรัสไว้จริงแล้ว” และมันมิได้เพิ่มสิ่งใดให้แก่พวกเขา นอกจากการศรัทธาและการนอบน้อม
23. ในหมู่ผู้ศรัทธามีบุรุษผู้มีสัจจะต่อสิ่งที่พวกเขาได้สัญญาต่ออัลลอฮฺเอาไว้ ดังนั้นในหมู่พวกเขามีผู้ปฏิบัติตามสัญญาของเขา และในหมู่พวกเขามีผู้ที่ยังคอย (การตายชะฮีด) และพวกเขามิได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
24. เพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงตอบแทนบรรดาผู้มีสัจจะในความสัจจริงของพวกเขา และจะทรงลงโทษพวกมุนาฟิกีนหากพระองค์ทรงประสงค์ หรือจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 
คำแปล R5.
๒๑. อันที่จริงในศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ย่อมมีแบบฉบับอันดีงามเพื่อการปฏิบัติตาม สำหรับบุคคลที่มุ่งหวังอัลเลาะห์และวันสุดท้าย และเขาระลึกถึงอัลเลาะห์อย่างมากมาย
๒๒. และเมื่อเหล่าผู้มีศรัทธาได้เห็นบรรดากองทัพของข้าศึกกำลังเคลื่อนพลเข้าโอบล้อมนครมะดีนะห์ เพื่อโจมตีฝ่ายมุสลิม พวกเขาก็กล่าวว่า นี้คือสิ่งที่อัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ได้สัญญาไว้แล้วว่าจะอุบัติขึ้น และเมื่อเกิดการสู้รบกันก็จะได้รับชัยชนะ และอัลเลาะห์กับทูตของพระองค์ย่อมมีสัจจะเสมอในสัญญา และมิเพิ่มพูนแก่พวกเขาในจิตใจของพวกเขาเลยนอกจากความเชื่อมั่น และการมอบตนต่องานของพระองค์ สนองและรับปฏิบัติโดยสมบูรณ์
๒๓. จากบรรดาผู้ศรัทธา ยังมีกลุ่มบุรุษเพศจำนวนหนึ่งซึ่งมีความจริงใจกับสิ่งที่พวกเขาได้สัญญาไว้กับอัลเลาะห์ นั้นคือการตั้งมั่นอยู่กับท่านนบี ซ.ล. โดยไม่เคลื่อนย้ายหรือถอยหนีไปไหน แล้วบางคนจากพวกเขาก็เป็นผู้ที่ได้เปลื้องการบนบานของเขาที่มีต่ออัลเลาะห์ว่าเขาจะออกทำศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านนบีในสมรภูมิจนกว่าเขาจะตายเพื่ออานิสงค์แห่งการตายในสงคราม(ชะฮีด) ผลที่สุดเขาก็ได้ตายสมกับที่บนบานไว้ และมีบางคนจากพวกเขาเป็นผู้ที่รอคอยการตายในสงครามอันเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขาและพวกเขามิได้สับปลับในสัญญาที่ทำกับท่านนบี ซึ่งผิดกับพวกมุนาฟิกีน เมื่อทำสัญญาไว้อย่างหนึ่ง ก็กลับประพฤติไปอีกอย่างหนึ่ง
๒๔. เพื่ออัลเลาะห์จักสนองตอบบรรดาผู้มีความจริงใจในสัจจะของตนเองและเพื่อทรงลงโทษแก่บรรดาผู้กลับกลอก ทั้งนี้หากพระองค์ทรงประสงค์ การลงโทษพวกนั้นก็คือ พระองค์จะทรงบันดาลให้พวกเขาตายไปโดยคงอยู่ในสภาพกลับกลอก ไม่ทันได้สารภาพผิดแต่อย่างใด ๆ หรือทรงให้อภัยแก่พวกเหล่านั้น แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้อภัยยิ่ง แก่ผู้ที่สารภาพผิด ทรงเมตตายิ่งแก่บุคคลดังกล่าว



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 25 - 27


คำอ่าน
25. วะร็อดดัลลอฮุลละซีนะกะฟะรูบิฆ็อยซิฮิม ลัมยะนาลูค็อยรอ วะกะฟัลลอฮุลมุอ์มินีนัลกิตาล วะกานัลลอฮุเกาะวียันอะซีซา
26. วะอัน..ซะลัลละซีนะซอฮะรู ฮุม..มินอะฮฺลิลกิตาบิ มิน..เศาะยาศีฮิม วะเกาะซะฟะฟีกุลูบิฮิมุรฺรุอฺบะ ฟะรีก็อน..ตักตุลูนะ วะตะอ์สิรูนะฟะรีกอ
27. วะเอาเราะษะกุม อัรฺเฎาะฮุม วะดิยาเราะฮุม วะอัมวาละฮุม วะอัรฺฎ็อลลัมตะเฏาะอูฮา วะกานัลลอฮุอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรอ


คำแปล R1.
25. And Allah drove back those who disbelieved in their rage, they gained no advantage (booty, etc.). Allah sufficed for the believers in the fighting (by sending against the disbelievers a severe wind and troops of angels). And Allah is ever All-Strong, All-Mighty.
26. And those of the people of the Scripture who backed them (the disbelievers) Allah brought them down from their forts and cast terror into their hearts, (so that) a group (of them) you killed, and a group (of them) you made captives.
27. And He caused you to inherit their lands, and their houses, and their riches, and a land which you had not trodden (before). And Allah is able to do all things.


คำแปล R2.
25. และอัลเลาะฮฺทรงส่งกลับคืนบรรดาผู้ไร้ศรัทธา(สู่บ้านเมืองของแต่ละคน) ด้วยความโกรธแค้นเพราะพวกเขามิได้ประสบสิ่งดีงาม(คือไม่สามารถพิชิตฝ่ายมุสลิมได้) และอัลเลาะฮฺทรงยังความเพียงพอการรบแก่เหล่าศรัทธาชน (โดยได้รับความปลอดภัยอย่างทั่วถึงกัน) และอัลเลาะฮฺทรงพลานุภาพยิ่ง ทรงอำนาจยิ่ง
26. และอัลเลาะฮฺทรงให้พวกที่ทำการช่วยรบแก่พวกเขา(เหล่าข้าศึก)จากชาวคัมภีร์ลงมาจากค่ายของพวกเขา(พวกนี้คือยิวกุรอยเซาะฮฺ) และทรงบรรจุความหวาดหวั่นลงสู่หัวใจของพวกเขา ซึ่งบางกลุ่มพวกเจ้าก็สังหารเขาได้ และบางกลุ่มพวกเจ้าก็จับมาเป็นเชลย
27. และพระองค์ทรงให้พวกเจ้าสืบทอดแผ่นดินของพวกเขา, บ้านเรือนของพวกเขา, ทรัพย์สินของพวกเขาและแผ่นดินที่พวกเจ้าไม่เคยเหยียบย่างไปเลย(มาครอบครอง) และอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพยิ่งเหนือทุก ๆ สิ่ง


คำแปล R3.
25. อัลลอฮฺได้ทรงทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธหันหลังกลับด้วยความเคียดแค้นโดยไม่ได้รับผลดีแต่อย่างใด และอัลลอฮฺทรงเพียงพอแล้วที่จะต่อสู้แทนบรรดาผู้ศรัทธาและอัลลอฮิเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ
26. และพระองค์ได้ทรงนำชาวคัมภีร์ที่ร่วมกับบรรดาผู้รุกรานลงมาจากป้อมของพวกเขา และได้ทรงก่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในหัวใจของพวกเขา จนบางคนสูเจ้าได้ฆ่าและบางคนสูเจ้าจับเป็นเชลย
27. พระองค์ได้ทรงทำให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินของพวกเขาและที่อยู่อาศัยของพวกเขาและทรัพย์สินของพวกเขาและได้ทรงประทานแผ่นดินที่สูเจ้ายังไม่เคยย่ำเท้าเข้าไปมาก่อน อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง


คำแปล R4.
25. และอัลลอฮฺทรงให้พวกปฏิเสธศรัทธาถอยทัพกลับด้วยความเคียดแค้นของพวกเขาโดย ที่พวกเขามิได้ประสบความดีแต่อย่างใด และอัลลอฮฺทรงพอเพียงแล้วแก่บรรดาผู้ศรัทธาในการสู้รบ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจอย่างเหลือหลาย
26. และพระองค์ทรงให้พวกอะฮฺลุลกิตาบ (ยิวก๊กบะนีกุร็อยเซาะฮฺ) ที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา (พวกมุชริกีน) ลงมาจากป้อมที่มั่นของพวกเขา และทรงบรรจุความหวาดกลัวไว้ในจิตใจของพวกเขา ส่วนหนึ่งพวกเจ้าประหารชีวิต (พวกเขา) และอีกส่วนหนึ่งพวกเจ้าจับเป็นเชลย
27. และพระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้าได้รับมรดกปกครองแผ่นดินของพวกเขา และที่อยู่อาศัยของพวกเขา และทรัพย์สินของพวกเขาและแผ่นดินที่พวกเจ้ายังมิเคยเหยียบย่างเข้าไป และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง


คำแปล R5.
๒๕. และอัลเลาะห์ได้ให้พวกเนรคุณทั้งหลายที่ร่วมกันยาตราทัพมาในครั้งนั้นกลับคืนสู่บ้านเมืองของตน ด้วยความขึ้งโกรธ โดยพวกนั้นไม่ประสบความดีงาม ตามจุดมุ่งหมายของพวกเขาเลยเนื่องเพราะพวกเขาไม่ได้รับชัยชนะในการทำศึกกับฝ่ายมุสลิม และอัลเลาะห์ได้ให้ความพอเพียงแก่บรรดาผู้ศรัทธาในการทำศึกครั้งนั้น ด้วยการบันดาลให้เกิดพายุใหญ่ดังกล่าวแล้ว และอัลเลาะห์ทรงพลังยิ่ง ทรงอำนาจยิ่ง
๒๖. และอัลเลาะห์ได้ให้บรรดาพวกที่ร่วมรบกับพวกกองทัพข้าศึกเหล่านั้นจากชาวคัมภีร์ บะนีกุรอยเซาะฮ์ลงมาจากค่ายของพวกเขาและทรงประจุความหวาดกลัวไว้ในจิตใจของพวกนั้น เมื่อฝ่ายมุสลิมได้ล้อมค่ายของพวกนั้นติดต่อกันยี่สิบห้าคืน จนพวกนั้นขาดแคลนอาหารและอดอยาก เหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือน “ซิลกออิดะฮ์” หลังจากกองทัพของข้าศึกที่ไปโอบล้อมมะดีนะฮ์ได้ยกทัพกลับไปแล้ว พวกเจ้าได้ประหารบางกลุ่มจากข้าศึกเหล่านั้น ซึ่งมีจำนวนประมาณ ๖๐๐ - ๗๐๐ คนและพวกเจ้าจับบางกลุ่มเป็นเชลย ซึ่งมีจำนวนประมาณ ๗๐๐ - ๗๕๐ คน
๒๗. และอัลเลาะห์ได้ให้พวกเจ้าสืบทอดครอบครองดินแดนของพวกนั้น บ้านเรือนของพวกนั้น และทรัพย์สินของพวกนั้น และ หลังจากได้ยึดครองดินแดนของพวกกุรอยเซาะฮ์แล้ว พวกเจ้าก็ได้ยึดครองดินแดนคอยบัร ซึ่งเป็นดินแดนที่พวกเจ้าไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปก่อนเลย และอัลเลาะห์ทรงไว้ซึ่งอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 28 - 31


คำอ่าน
28. ยา..อัยยุฮัน..นะบียุ กุลลิอัซวาญิกะ อิน..กุน..ตุน..นะ ตุริดนัลหะยาตัดดุนยา วะซีนะตะฮา ฟะตะอาลัยนะ อุมัตติอฺกุน..นะ วะอุสัรฺริหฺกุน..นะ สะรอหัน..ญะมีลา
29. วะอิน..กุน..ตุน..นะ ตุริดนัลลอฮะ วะเราะสูละฮู วัดดาร็อลอาคิเราะตะ ฟะอิน..นัลลอฮะ อะอัดดะลิลมุหฺสินาติ มิน..กุน..นะอัจญร็อนอะซีมา
30. ยานิสา..อัน..นะบียิ มัย..ยะอ์ติ มิน..กุน..นะ บิฟาหิชะติม..มุบัยยินะตี..ยุฎออัฟละฮัลอะซาบุ อฺฟัยนฺ วะกานะซาลิกะอะลัลลอฮิยะสีรอ
31. วะมัย..ยักนุต มิน..กุน..นะ ลิลลาฮิ วะเราะสูลิฮี วะตะอฺมัลศอลิหัน..นุอ์ติฮา..อัจญเราะฮา มัรฺเราะตัยนิ วะอะอฺตัดนาละฮา ริซก็อน..กะรีมา


คำแปล R1.
28. O Prophet (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam)! say to your wives: if you desire the life of this world, and its glitter, then come! I will make a provision for you and set you free in a handsome manner (divorce).
29. But if you desire Allah and his Messenger, and the home of the Hereafter, then verily, Allah has prepared for Al-Muhsinat (good-doers) amongst you an enormous reward.
30. O wives of the Prophet! Whoever of you commits an open illegal sexual intercourse, the torment for her will be doubled, and that is ever easy for Allah.
31. And whosoever of you is obedient to Allah and his Messenger Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam , and does righteous good deeds, we shall give her, her reward twice over, and we have prepared for her Rizqan Karima (a noble provision Paradise).


คำแปล R2.
28. โอ้ผู้เป็นศาสดา จงสอนภริยาของเจ้าเถิดว่า “มาดแม้นพวกเธอปรารถนาชีวิตทางโลกนี้และสิ่งประดับของมัน พวกเธอก็จงมาเถิด ฉันจะให้ความสุขแก่พวกเธอ และฉันจะปลดปล่อยพวกเธอไปอย่างดีงาม (อย่างใดอย่างหนึ่ง สุดแต่เธอปรารถนา)
29. และหากพวกเธอปรารถนา(รางวัลจาก)อัลเลาะฮฺ, ศาสนทูตของพระองค์และโลกหน้า ที่จริงอัลเลาะฮฺได้เตรียมไว้ให้แก่บรรดาพวกเธอที่ประกอบคุณความดีซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่
30. โอ้ผู้เป็นชายาของศาสดา ผู้ใดในหมู่พวกเธอที่ประกอบการอนาจารอันชัดแจ้ง นางก็ย่อมได้รับการลงโทษทวีขึ้นเป็นสองเท่า และการนั้นเป้นสิ่งง่ายดายสำหรับอัลเลาะฮฺ
31. และผู้ใดในหมู่พวกเธอที่ยอมสยบต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์และประพฤติแต่สิ่งที่ดี แน่นอนเราจักมอบรางวัลแก่นางถึงสองเท่า และเราได้สำรองโชคผลอันมีเกียรติแก่นาง


คำแปล R3.
28. โอ้นบี จงบอกบรรดาภรรยาของเจ้าว่า “ถ้าหากพวกเธอปรารถนาชีวิตแห่งโลกนี้และการประดับประดาอันสวยงามของมันก็จงมา ฉันจะให้สิ่งเหล่านี้แก่พวกเธอ และปล่อยพวกเธอไปในหนทางที่ดี
29. แต่ถ้าพวกเธอปรารถนาอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และที่พำนักแห่งโลกหน้าแล้ว แน่นอนอัลลอฮฺได้ทรงจัดเตรียมการตอบแทนอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ทำดีในหมู่พวกเธอไว้แล้ว”
30. โอ้ภรรยาของนบี ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอย่างเปิดเผยจะต้องถูกลงโทษเป็นสองเท่า นี่เป็นสิ่งที่ง่ายสหรับอัลลอฮฺ
31. และใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่เชื่อฟัง อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และกระทำความดี เราจะตอบแทนรางวัลพวกเธอเป็นสองเท่า และเราได้เตรียมปัจจัยอันมีเกียรติไว้สำหรับเธอแล้ว


คำแปล R4.
28. โอ้ นะบีเอ๋ย! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้าเถิดว่า หากพวกเธอปรารถนาการมีชีวิตในโลกนี้และความเพริศแพร้วของมัน ก็จงมาเถิด ฉันจะจัดหา (การเลี้ยงชีพ) ให้แก่พวกเธอ และจะปล่อยพวกเธอให้ออกไปอย่างดีงาม
29. และหากพวกเธอปรารถนาอัลลอฮฺและ ร่อซูลของพระองค์และโลกอาคิเราะฮฺแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺได้เตรียมผลบุญอันใหญ่หลวงแก่เหล่าสตรีผู้กระทำความดีในหมู่ พวกเธอ
30. โอ้ บรรดาภริยาของนะบีเอ๋ย! ผู้ใดในหมู่พวกเธอนำความชั่วอย่างชัดแจ้งมา การลงโทษจะถูกเพิ่มให้แก่นางเป็นสองเท่า ในการนั้นเป็นการง่ายดายแก่อัลลอฮฺ
31. และผู้ใดในหมู่พวกเธอภักดีต่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ และกระทำความดีเราจะให้รางวัลของนางแก่นางสองครั้ง และเราได้เตรียมปัจจัยยังชีพอันดีงามแก่นาง


คำแปล R5.
๒๘. โอ้นบีมุฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่บรรดาคู่ครองของเจ้าซึ่งมีจำนวนเก้าคนและทั้งเก้าคนนี้ต่างละโมบที่จะสะสมทรัพย์สมบัติและแสวงหาความสุขจากโลกนี้แม้นพวกเธอทั้งหลายมุ่งหวังชีวิตแห่งโลกปัจจุบันและเครื่องประดับของมัน พวกเธอก็จงมาสิ ฉันจักยังความสุขแก่พวกเธอด้วยการปล่อยให้มีอิสระและฉันจักหย่าพวกเธอโดยดีงามและไม่ทำให้พวกเธอต้องประสบความเดือดร้อนใด ๆ
๒๙. และหากพวกเธอมุ่งประสงค์ต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์และโลกปรภพ ซึ่งมีสวรรค์เป็นเครื่องตอบแทนรออยู่ แท้จริงอัลเลาะห์ก็ได้เตรียมรางวัลอันยิ่งใหญ่ไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้ประพฤติดีจากพวกเธอทั้งหลาย
๓๐. โอ้ผู้เป็นสตรี ในฐานะชายาของนบี ผู้ใดจากพวกเธอประกอบการบัดสีอันชัดแจ้ง พวกเธอก็จะได้รับการลงโทษเป็นทวีคูณถึงสองเท่าที่ผู้อื่นได้รับ และสิ่งนั้นย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกินสำหรับอัลเลาะห์
๓๑. และผู้ใดจากพวกเธอภักดี เชื่อฟังต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์และประพฤติความดีโดยเคร่งครัด และไม่แตะต้องความผิดต่าง ๆ แน่นอนเราจักประทานรางวัลแก่นางถึงสองเท่าและเราได้เตรียมโชคผลอันทรงเกียรติไว้แล้วสำหรับนาง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 32 - 34


คำอ่าน
32. ยานิสา..อัน..นะบียิ ลัสตุน..นะ กะอะหะดิม..มินัน..นิสา...อิ อินิตตะก็อยตุน..นะ ฟะลาตัคเฎาะอฺนะ บิลก็อวลิ ฟะยัฏมะอัลละซี ฟีก็อลบิฮี มะเราะฎู วะกุลนะ ก็อวลัม..มะอฺรูฟา
33. วะก็อรฺนะ ฟีบุยูติกุน..นะ วะลาตะบัรฺร็อจญนะ ตะบัรฺรุญัลญาฮิลียะติลอูลา วะอะกิมนัศเศาะลาตะ วะอาตีนัซซะกาตะ วะอะฏิอฺนัลลอฮะ วะเราะสูละฮฺ อิน..นะมายุรีดุลลอฮุ ลิยุซฮิบะ อัน..กุมุร์ริจญสะ อะฮฺลัลบัยติ วะยุเฏาะฮฺฮิเราะกุมตัฏฮีรอ
34. วัซกุรฺนะ มายุตลาฟีบุยูติกุน..นะ มินอายาติลลาฮิ วัลหิกมะฮฺ อิน..นัลลอฮะ กานะ ละฏีฟัน เคาะบีรอ


คำแปล R1.
32. O wives of the Prophet! You are not like any other women. If you keep your duty (to Allah), then be not soft in speech, lest he in whose heart is a disease (of hypocrisy, or evil desire for adultery, etc.) should be moved with desire, but speak in an honourable manner.
33. And stay in your houses, and do not display yourselves like that of the times of ignorance, and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and give Zakat and obey Allah and his Messenger. Allah wishes only to remove Ar-Rijs (evil deeds and sins, etc.) from you, O members of the family (of the Prophet Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), and to purify you with a thorough purification.
34. And remember (O you the members of the Prophet's family, the graces of your Lord), that which is recited in your houses of the Verses of Allฟh and Al-Hikmah (i.e. Prophet's Sunnah legal ways, etc. so give your thanks to Allah and glorify his praises for this Qur'an and the Sunnah). Verily, Allah is ever Most Courteous, Well-Acquainted with all things.


คำแปล R2.
32. โอ้ผู้เป็นชายาของศาสดา พวกเธอหาได้มีฐานะเหมือนเช่นบรรดาสตรีทั้งหลายไม่ หากพวกเธอมีความยำเกรง พวกเธอก้อย่าได้ใช้วาจากอันอ่อนหวาน(กับชายอื่น)อันจะเป็นเหตุให้ชายที่มีความป่วยไข้ในหัวใจพากันมุ่งหวัง(ในตัวเธอ)และพวกเธอจงใช้วาจาที่ดี(สุภาพตามแบบธรรมดาทั่วไป)
33. และพวกเธอจงประจำอยู่ในบ้านเรือนของเธอเอง พวกเธออย่าปรากฏตัวอย่างเปิดเผยตามแบบของยุคโฉดสมัยเดิม พวกเธอจงทำละหมาด พวกเธอจงบริจาคทานและพวกเธอจงภักดีอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ ความเป็นจริงอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ที่จะขจัดสิ่งโสมมให้สิ้นไปจากพวกเจ้า “โอ้ครอบครัว(ศาสดา)” และทรงประสงค์จะปลดเปลื้องพวกเจ้าให้สะอาดโดยแท้จริง
34. และพวกเธอจงรำลึกถึงโองการ(กุรอาน)แห่งอัลเลาะฮฺ และวิทยาการที่ถูกอ่านในบ้านเรือนจองเธอเถิด แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้อาทรยิ่ง เป็นผู้ทรงตระหนักยิ่ง


คำแปล R3.
32. โอ้ ภรรยาของนบี พวกเธอไม่เหมือนกับผู้ใดในหมู่ผู้หญิงอื่น ถ้าพวกเธอเกรงกลัวอัลลอฮฺ ก็จงอย่าพูดจาด้วยเสียงอ่อนหวานนัก ด้วยเหตุว่าคนที่หัวใจเป็นโรคจะคิดหวังอย่างผิด ๆ จากตัวเธอ แต่จงพูดจาด้วยคำพูดที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา
33. และจงอยู่ในบ้านของพวกเธอ และจงอย่าออกไปเที่ยวอวดความสวยงามอย่างที่ผู้หญิงทั้งหลายเคยทำในสมัยแห่งความโง่เขลาก่อนหน้านี้ และจงดำรงนมาซและจ่ายซะกาตและจงเชื่อฟังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺเพียงแต่ทรงเจตนาที่จะขจัดความโสมมออกจากสูเจ้า โอ้ผู้คนในครอบครัวของนบี จงขัดเกลาสูเจ้าให้สะอาดผ่องแผ้ว
34. และจงนึกถึงอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺและวิทยปัญญาที่ได้ถูกอ่านในบ้านของพวกเธอ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง ทรงตระหนักอยู่เสมอ


คำแปล R4.
32. โอ้ บรรดาภริยาของนะบีเอ๋ย! พวกเธอไม่เหมือนกับสตรีใด ๆ ในเหล่าสตรีอื่นหากพวกเธอยำเกรง (อัลลอฮฺ) ก็ไม่ควรพูดจาเพราะพริ้งนัก เพราะจะทำให้ผู้ที่ในหัวใจของเขามีโรคเกิดความโลภ แต่จงพูดด้วยถ้อยคำที่พอเหมาะพอควร
33. และจงอยู่ในบ้านเรือนของพวกเธอและอย่าได้โออวดความงาม (ของพวกเธอ) เช่น การอวดความงาม (ของพวกสตรี) แห่งสมัยงมงายในยุคก่อน และจงดำรงการละหมาดและจ่ายซะกาต และจงภักดีต่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ อัลลอฮฺเพียงแต่ต้องการที่จะขจัดความโสโครกออกไปจากพวกเจ้า โอ้สมาชิกของวงศ์ตระกูล (นะบี) เอ๋ย และทรง (ประสงค์) ที่จะขัดเกลาพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์
34. และจงอ่านสิ่งที่ได้ถูกอ่านในบ้านเรือนของพวกเธอ (เช่น) จากอายาตทั้งหลายของอัลลอฮฺและฮิกมะฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียด ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R5.
๓๒. โอ้สตรีผู้เป็นชายาของนบี พวกเธอย่อมไม่เหมือนกลุ่มหนึ่งใดจากบรรดาสตรีทั้งหลาย มาดแม้นพวกเธอยำเกรงอัลเลาะห์พวกเธอก็จงอย่าแสดงความนบนอบโดยวาจากับบรรดาบุรุษเพศอันจักเป็นเหตุให้พวกกลับกลอกที่มีความป่วยแฝงเร้นในหัวใจมีความฝักใฝ่ในตัวของพวกเธอ และพวกเธอจงกล่าวคำพูดอันดีงามตามธรรมเนียมโดยไม่ต้องแสดงทีท่านบนอบจนเกินไปนัก
๓๓. และพวกเธอจงประจำอยู่ในบ้านเรือนของพวกเธอ อย่าออกนอกบ้านและพวกเธอจงอย่าเดินอวดเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับต่อหน้าผู้คน เช่นที่พวกผู้หญิงยุคโง่เขลาสมัยอดีตปฏิบัติกัน ซึ่งการกระทำเช่นนั้นจักนำไปสู่ภัยอันตรายจากเพศตรงข้าม และพวกเธอจงดำรงการละหมาดโดยปฏิบัติเป็นนิจเนืองและจงบริจาคทานซากาต และจงภักดีอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ อันที่จริงนั้นอัลเลาะห์ทรงมุ่งประสงค์ที่จะมลายราคีแห่งบาปจากพวกเจ้าทั้งหลาย โอ้ครอบครัวแห่งนบีมุฮำมัดผู้อยุ่ในฐานะชายาทั้งหลาย และพระองค์ทรงมุ่งประสงค์ที่จะยังความสะอาดบริสุทธิ์แก่พวกเจ้าจากราคีเหล่านั้นโดยแท้จริง
๓๔. โอ้ชายาแห่งนบีมุฮำมัด และพวกเธอจงระลึกถึงพระโองการแห่งอัลเลาะห์คืออัลกุรอานอันเป็นสิ่งที่ถูกอ่านในบ้านของพวกเธอ และจงรำลึกถึงแบบฉบับแห่งนบีมุฮำมัด อันเป็นวิทยญาณที่สมบูรณ์แบบที่สุด แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอาทรยิ่งต่อมวลข้าทาสผู้จงรักต่อพระองค์ ทรงตระหนักยิ่งในมวลสิ่งบันดาลนานาประการของพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 35 - 36


คำอ่าน
35. อิน..นัลมุสลิมีนะ วัลมุสลิมาติ วัลมุอ์มินีนะ วัลมุอ์มินาติ วัลกอนิตีนะ วัลกอนิตาติ วัศศอดิกีนะ วัศศอดิกอติ วัศศอบิรีนะ วัศศอบิรอติ วัลคอชิอีนะ วัลคอชิอาติ วัลมุตะศ็อดดีกีนะ วัลมุตะศ็อดดิกอติ วัศศอ..อิมีนะ วัศศอ..อิมาติ วัลหาฟิซีนะฟุรูญะฮุม วัลหาฟิซอติ วัซซากิรีนัลลอฮะ กะษีร็อว..วัซซากิรอติ อะอัดดัลลอฮุละฮุม..มัฆฟิเราะเตา..วะอัจญร็อนอะซีมา
36. วะมากานะลิมุอ์มินิว..วะลามุอ์มินะติน อิซาเกาะฎ็อลลอฮุ วะเราะสูละฮู..อัมร็อน อัย..ยะกูนะละฮุมุลคิยะเราะตุ มินอัมริฮิม วะมัย..ยะอฺศิลลาฮะ วะเราะสูละฮุ ฟะก็อดฎ็อลละเฎาะลาลัม..บะอีดา


คำแปล R1.
35. Verily, the Muslims (those who submit to Allah In Islam) men and women, the believers men and women (who believe in Islamic Monotheism), the men and the women who are obedient (to Allah), the men and women who are truthful (in their speech and deeds), the men and the women who are patient (in performing all the duties which Allah has ordered and in abstaining from all that Allah has forbidden), the men and the women who are humble (before their Lord Allah), the men and the women who give Sadaqat (i.e. Zakat, and alms, etc.), the men and the women who observe Saum (fast) (the obligatory fasting during the month of Ramadan, and the optional nawafil fasting), the men and the women who guard their chastity (from illegal sexual acts) and the men and the women who remember Allah much with their hearts and tongues (while sitting, standing, lying, etc. for more than 300 times extra over the remembrance of Allah during the five compulsory congregational prayers) or praying extra additional Nawafil prayers of night in the last part of night, etc.) Allah has prepared for them forgiveness and a great reward (i.e. Paradise).
36. It is not for a believer, man or woman, when Allah and his Messenger have decreed a matter that they should have any option in their decision. And whoever disobeys Allah and his Messenger, he has indeed strayed in a plain error.


คำแปล R2.
35. แท้ที่จริงบรรดาผู้สวามิภักดิ์ทั้งชายและหญิง บรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิง บรรดาผู้ภักดีทั้งชายและหญิง บรรดาผู้มีสัจจะทั้งชายและหญิง บรรดาผู้มีขัจติธรรมทั้งชายและหญิง บรรดาผู้นอบน้อมทั้งชายและหญิง บรรดาผู้ทำทานทั้งชายและหญิง บรรดาผู้ถือศีลอดทั้งชายและหญิง บรรดาผู้รักษาอวัยวะเพศของตนเองทั้งชายและหญิง และบรรดาผู้ระลึกถึงอัลเลาะฮฺทั้งชายและหญิง ทั้งหมดนั้นอัลเลาะฮฺทรงเตรียมนิรโทษและรางวัลอันใหญ่หลวงแก่พวกเขา
36. และไม่มีสิทธิสำหรับศรัทธาชนชายและศรัทธาชนหญิงที่จะเลือกการงานของพวกเขา(เอาตามอำเภอใจได้)เมื่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ได้ตัดสินแล้ว และผู้ใดฝ่าฝืนอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้งที่สุด


คำแปล R3.
35. แน่นอนที่สุด ชายและหญิงที่ยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ชายและหญิงผู้ศรัทธา ชายและหญิงผู้เชื่อฟัง ชายและหญิงผู้สัตย์จริง ชายและหญิงผู้อดทน ชายและหญิงผู้ค้อมศีรษะต่ออัลลอฮฺ ชายและหญิงผู้บริจาคทาน ชายและหญิงผู้ถือศีลอด ชายและหญิงผู้รักษาส่วนอันพึงสงวนของตนเอง ชายและหญิงผู้ระลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก ๆ อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมการให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวงแก่พวกเขาไว้แล้ว
36. และมันไม่เหมาะสมสำหรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาที่เมื่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ได้ตัดสินใจในเรื่องใด พวกเขาจะมาเกี่ยงในเรื่องของพวกเขาอีก และใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แน่นอน พวกเขาได้หลงผิดไปอย่างชัดแจ้ง


คำแปล R4.
35. แท้จริง บรรดาผู้นอบน้อมชายและหญิง บรรดาผู้ศรัทธาชายและหญิง บรรดาผู้ภักดีชายและหญิง บรรดาผู้สัตย์จริงชายและหญิง บรรดาผู้อดทนชายและหญิง บรรดาผู้ถ่อมตัวชายและหญิง บรรดาผู้บริจาคทานชายและหญิงบรรดาผู้ถือศีลอดชายและหญิง บรรดาผู้รักษาอวัยวะเพศของพวกเขาที่เป็นชายและหญิง บรรดาผู้รำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากที่เป็นชายและหญิงนั้น
36. ไม่บังควรแก่ผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิง เมื่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ได้กำหนดกิจการใดแล้วสำหรับพวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องของพวกเขา และผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์แล้วแน่นอนเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง


คำแปล R5.
๓๕. แท้จริงบรรดาบุรุษผู้มอบตนต่ออัลเลาะห์และบรรดาสตรีผู้มอบตนต่ออัลเลาะห์ และบรรดาบุรุษผู้มีศรัทธามั่นและบรรดาสตรีผู้มีศรัทธามั่น และบรรดาบุรุษผู้ภักดีและบรรดาสตรีผู้ภักดี และบรรดาบุรุษผู้มีสัจจะและบรรดาสตรีผู้มีสัจจะ และบรรดาบุรุษผู้มีขันติธรรมและบรรดาสตรีผู้มีขันติธรรม และบรรดาบุรุษผู้มีความนบนอบและบรรดาสตรีผู้มีความนบนอบ และบรรดาบุรุษผู้ทำทานและบรรดาสตรีผู้ทำทาน และบรรดาบุรุษผู้ถือศีลอดและบรรดาสตรีผู้ถือศีลอด และบรรดาบุรุษผู้รักษาอวัยวะของตนเองมิได้ล่วงกระทำความผิดทางเพศ และบรรดาสตรีผู้รักษาสิ่งดังกล่าว และบรรดาบุรุษผู้หมั่นรำลึกถึงอัลเลาะห์อย่างมากมาย และบรรดาสตรีผู้รำลึกถึงอัลเลาะห์ อัลเลาะห์ได้เตรียมไว้เพื่อพวกเหล่านั้นซึ่งการให้อภัยและรางวัลอันยิ่งใหญ่
๓๖. และผู้ศรัทธาทั้งบุรุษและสตรี เมื่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ได้ตัดสินการงานหนึ่งลงไปแล้วพวกเขาย่อมไม่มีสิทธิ์เลือกจากการงานนั้นได้นอกจากจะต้องปฏิบัติไปตามคำตัดสินดังกล่าวโดยดุษณี และผู้ใดฝ่าฝืนอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนเขาย่อมหลงผิดโดยชัดแจ้ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 37 - 40


คำอ่าน
37. วะอิซตะกูลุ ลิลละซี..อันอะมัลลอฮุ อะลัยฮิ วะอันอัมตะ อะลัยฮิ อัมสิกอะลัยกะ เซาญะกะ วัตตะกิลลาฮะ วะตุคฟีฟีนัฟสิกะ มัลลอฮุมุบดีฮิ วะตัคชัน..นาส วัลลอฮุอะหักกุ อัน..ตัคชาฮุ ฟะลัม..มาเกาะฎอ ซัยดุม..มินฮา วะเฏาะร็อน..เซาวัจญนากะฮา ลิกัยลายะกูนะ อะลัลมุอ์มินีนะหะเราะญุน..ฟัอัซวาญิ อัดอิยา...อิฮิม อิซาเกาะฎ็อวมินฮุน..นะ วะเฏาะรอ วะกานะอัมรุลลอฮิ มัฟอูลา
38. มากานะ อะลัน..นะบียิ มินหะเราะญิน..ฟีมาฟะเราะฎ็อลลอฮุละฮู สุน..นะตัลลอฮิ ฟิลละซีนะเคาะเลา มิน..ก็อบลฺ วะกานะอัมรุลลอฮิ เกาะดะร็อม..มักดูรอ
39. อัลละซีนะ ยุบัลลิฆูนะ ริสาลาติลลาฮิ วะยัคเชานะฮู วะลายัคเชานะ อะหะดัน อิลลัลลอฮฺ วะกะฟาบิลลาฮิหะสีบา
40. มากานะมุหัม..มะดุน อะบา..อะหะดิม..มิรฺริญาลิกุม วะลากิรฺเราะสูลัลลอฮิ วะคอตะมัน..นะบียีน วะกานัลลอฮุ บิกุลลิชัยอิน อะลีมา


คำแปล R1.
37. And (remember) when you said to him (Zaid bin Harithah the freed-slave of the Prophet Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) on whom Allah has bestowed grace (by guiding him to Islam) and you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam too) have done favour (by manumitting him) "Keep your wife to yourself, and fear Allah." But you did hide in yourself (i.e. what Allah has already made known to you that He will give her to you In marriage) that which Allah will make manifest, you did fear the people (i.e., Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam married the divorced wife of his manumitted slave) whereas Allah had a better right that you should fear Him. So when Zaid had accomplished his desire from her (i.e. divorced her), we gave her to you in marriage, so that (in future) there may be no difficulty to the believers in respect of (the marriage of) the wives of their adopted sons when the latter have no desire to keep them (i.e. they have divorced them). And Allah's command must be fulfilled.
38. There is no blame on the Prophet (Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) in that which Allah has made legal for him. That has been Allah's Way with those who have passed away of (the Prophets of) old. And the command of Allah is a decree determined.
39. Those who convey the message of Allah and fear him, and fear none save Allah. And sufficient is Allah as a reckoner.
40. Muhammad (Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) is not the father of any man among you, but he is the Messenger of Allah and the last (end) of the Prophets. And Allah is ever All-Aware of everything.


คำแปล R2.
37. และเมื่อครั้งที่เจ้า(มุฮำมัด)กล่าวกับผู้ที่อัลเลาะฮฺทรงโปรดปรานและเจ้าก็โปรดปรานเขาว่า “เจ้าจงครองคู่กับภริยาของเจ้าอย่างมั่นคงเถิด และเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ” ทั้ง ๆ ที่เจ้าซ่อนเร้นไว้ในหัวใจของเจ้าซึ่งสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ทรงเปิดเผยมันออกมา และเจ้ากลัวมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงอัลเลาะฮฺต่างหากที่เจ้าควรกลัวพระองค์เป็นที่สุด ต่อมาเมื่อซัยด์ได้สมประสงค์แล้วต่อภริยาของเขา(ด้วยการหย่าขาด) และเราได้จัดการสมรสเจ้ากับนาง(ผู้เป็นภริยาของซัยด์) เพื่อจะได้ไม่เกิดเป็นความคับแค้นสำหรับบรรดาศรัทธาชนใน(การสมรสกับ)บรรดาภริยาของบุตรบุญธรรมของพวกเขาเอง ทั้งนี้เมื่อพวกเขา(บุตรบุญธรรม)ได้สมประสงค์จากพวกนาง(ด้วยการหย่าขาด)แล้ว และงานการแห่งอัลเลาะฮฺย่อมได้รับการกระทำ(ให้ลุล่วง)เสมอ
38. ย่อมไม่เป็นความคับแค้นใด ๆ สำหรับผู้เป็นศาสดาในการรับเอาสิทธิที่อัลเลาะฮฺได้ทรงบัญญัติขึ้นแก่เขาเป็นแบบแผนของอัลเลาะฮฺ (ที่เคยปฏิบัติ) ในมวลชนที่ล่วงพ้นมาเมื่อยุคก่อน ๆ และบัญชาการของอัลเลาะฮฺเป็นข้อกำหนดที่มีประสิทธิผลเสมอ
39. บรรดาผู้เผยแพร่สารธรรมแห่งอัลเลาะฮฺและมีความเกรงกลัวในพระองค์และพวกเขาไม่กลัวผู้ใดทั้งสิ้น นอกจากอัลเลาะฮฺ และโดยอัลเลาะฮฺก็เป็นการเพียงพอที่ทรงเป็นผู้คำนวณ
40. มุฮำมัดมิใช่บิดาของผู้ใดในบรรดาบุรุษของพวกเจ้าไม่ แต่ทว่าเขาเป็นทูตจากอัลเลาะฮฺ และเป็นที่สุดแห่งบรรดาศาสดา และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในทุก ๆ สิ่ง

 
คำแปล R3.
37. (โอ้ นบี) จงนึกถึงเมื่อตอนที่เจ้าได้กล่าวแก่คนที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานความโปรดปรานแก่เขาและเจ้าก็โปรดปรานเขาด้วยเช่นกันว่า “จงครองภรรยาของสูเจ้าไว้และจงเกรงกลัวอัลลอฮฺ” ในตอนนั้นเจ้าปิดบังเรื่องที่อัลลอฮฺจะทรงเปิดเผยไว้ในหัวใจของเจ้าแต่เจ้าเกรงกลัวผู้คน ในขณะที่อัลลอฮฺนั้นมีสิทธิ์มากกว่าที่เจ้าจะต้องเกรงกลัวพระองค์ ดังนั้นเมื่อเซดได้ปฏิบัติครบถ้วนกับนางตามที่เขาต้องการแล้ว เราได้ให้นาง(หญิงที่ถูกหย่า)เป็นภรรยาของเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่บรรดาผู้ศรัทธาจะได้ไม่มีอุปสรรคในเรื่องภรรยาของลูกบุญธรรมของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้ปฏิบัติครบถ้วนกับนางตามความต้องการของพวกเขาแล้ว และพระบัญชาของอัลลอฮฺนั้นจะต้องได้รับการปฏิบัติให้เสร็จสิ้นไป
38. ไม่มีข้อเสียหายแต่ประการใดสำหรับนบีที่จะทำให้สิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นแนวทางของอัลลอฮฺเกี่ยวกับบรรดานบีที่ได้ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ และคำบัญชาของอัลลอฮฺเป็นสิ่งที่ได้ถูกกำหนดไว้โดยสมบูรณ์แล้ว
39. (นี่เป็นแนวทางของอัลลอฮฺสำหรับบรรดา)ผู้ที่เผยแผ่สาส์นของพระองค์เท่านั้น และไม่เกรงกลัวผู้ใดนอกไปจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺก็เพียงพอแล้วที่จะทรงชำระบัญชี
40. (โอ้ผู้คนทั้งหลาย) มุฮัมมัดมิได้เป็นพ่อของผู้ใดในหมู่ผู้คนของสูเจ้า แต่เขาเป็นรอซูลของอัลลอฮฺและเป็นที่สุดท้ายของนบีทั้งหลาย และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R4.
37. และจงรำลึกถึงขณะที่เจ้าพูดกับผู้ที่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานแก่เขาและเจ้าได้ให้ความสงเคราะห์แก่เขา และจงดูแลรักษาภริยาของเจ้าไว้ให้อยู่กับเจ้า และจงยำเกรงอัลลอฮฺ และเจ้าได้ซ่อนไว้ในจิตใจของเจ้าเรื่องที่อัลลอฮฺจะทรงเปิดเผยมัน และเจ้ากลัวเกรงมนุษย์ แต่อัลลอฮฺทรงสมควรยิ่งกว่าที่เจ้าจะกลัวเกรงพระองค์ ครั้นเมื่อเซด ได้หย่ากับนาง แล้ว เราได้ให้เจ้าแต่งงานกับนางเพื่อที่จะไม่เป็นที่ลำบากใจแก่บรรดาผู้ศรัทธา ชายใน เรื่องการ (การสมรสกับ) ภริยาของบุตรบุญธรรมของพวกเขา เมื่อพวกเขาหย่ากับพวกนางแล้วและพระบัญชาของอัลลอฮฺนั้นจะต้อง บรรลุผลเสมอ
38. ไม่เป็นการลำบากใจอันใดแก่ท่านนะบี ในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงกำหนดให้แก่เขา (นี่คือ) แนวทางของอัลลอฮฺ (ที่ได้มีขึ้นแล้ว) ต่อบรรดาผู้ได้ล่วงลับในสมัยก่อน และพระบัญชาของอัลลอฮฺนั้นได้กำหนดไว้แล้ว
39. บรรดา (นะบี) ผู้ที่ได้เผยแผ่สาสน์ทั้งหลายของอัลลอฮฺ และพวกเขากลัวเกรงพระองค์ และไม่กลัวเกรงผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงชำระสอบสวน
40. มุฮัมมัดมิได้เป็นบิดาผู้ใดในหมู่บุรุษของพวกเจ้า แต่เป็นรอซูลของอัลลอฮฺและคนสุดท้ายแห่งบรรดานะบี และอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R5.
๓๗. และเมื่อเจ้ากล่าวแก่ไซ๊ด์บินฮาริซะฮ์ ผู้ซึ่งอัลเลาะฮฺได้โปรดปรานเขาและเจ้าก็โปรดปรานเขาโดยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ พ้นจากสภาพทาส ทั้งยังยกย่องเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมอีกด้วยว่าเจ้าจงยึดคู่ครองของเจ้าไว้เพื่อตัวเองเถิด อย่าได้หย่านางเลย และเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ต่อการหย่าร้างดังกล่าว แต่เจ้าแฝงเร้นไว้ในจิตใจของเจ้าซึ่งสิ่งที่อัลเลาะห์ได้เปิดเผยมัน และเจ้ากลัวคำครหาจากผู้คนทั้งหลาย และอัลเลาะห์ย่อมทรงสิทธิ์ยิ่งที่เจ้าจะยำกลัวพระองค์ ดังนั้นเมื่อไซ๊ด์บินฮาริซะฮ์ได้สำเร็จประสงค์จากนางแล้ว โดยหย่านางและรอพ้นวาระของการห้ามสมรส(อิดดะฮ์)กับชายอื่น เราก็จัดการสมรสเจ้าให้นางในปีที่ ๕ หลังจากฮิจเราะฮ์เพื่อยกเลิกธรรมเนียมดั้งเดิมซึ่งห้ามสมรสกับภรรยาของบุตรบุญธรรมที่หย่าแล้ว จะได้ไม่เป็นบาปแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายในการสมรสกับบรรดาคู่ครองของบุตรบุญธรรมของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้สำเร็จประสงค์จากนางเหล่านั้นแล้วโดยการหย่าและพ้นอิดดะฮ์ตามที่กล่าวมา และการงานของอัลเลาะห์ย่อมได้รับการกระทำให้ลุล่วงไปตามพระประสงค์แห่งพระองค์เสมอ
๓๘. ย่อมไม่เป็นบาปแก่นบีในการปฏิบัติตามในสิ่งที่อัลเลาะห์ได้อนุมัติให้แก่เขาเสมือนแบบแผนแห่งอัลเลาะห์ที่ได้ทรงกำหนดไว้ ในบรรดาศาสนทูตที่ได้ล่วงพ้นมาเมื่ออดีต และการงานของอัลเลาะห์ย่อมเป็นกำหนดการที่ถูกมุ่งหมายไว้ก่อน ซึ่งต้องเป็นไปตามนั้นเสมอ จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้
๓๙. อันศาสนทูตเมื่ออดีตสมัยนั้น ล้วนเป็นผู้ซึ่งเผยแพร่บรรดาสารแห่งอัลเลาะห์และพวกเขายำกลัว พระองค์ และพวกเขาไม่กลัวผู้ใดทั้งสิ้นนอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น และเป็นการเพียงพอกับอัลเลาะห์พระองค์เดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้พิทักษ์การงานต่าง ๆ ของมวลบ่าวทาสทั้งหลาย
๔๐. นบีมุฮำมัดหาใช่บิดาของผู้หนึ่งจากบรรดาบุรุษแห่งพวกเจ้าทั้งหลายไม่ เขามิใช่บิดาของ “ไซ๊ด์ บิน ฮาริซะฮ์” ดังนั้นจึงไม่มีข้อห้ามใด ๆ ที่จะสมรสกับภรรยาที่หย่าแล้วของไซ๊ด์ และแต่ทว่า นบีมุฮำมัดเขาเป็นทูตแห่งอัลเลาะห์และเป็นที่สุดแห่งบรรดาศาสดาทั้งมวล และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งโดยทั่วถ้วน ไม่มีสิ่งใดรอดเร้นจากความรอบรู้ของพระองค์เลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 41 - 44


คำอ่าน
41. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนุซกุรุลลอฮะ ซิกร็อน..กะษีรอ
42. วะสับบิหูฮุ บุกเราะเตา..วะอะศีลา
43. ฮุวัลละซี ยุศ็อลลีอะลัยกุม วะมะลา...อิกะตุฮู ลิยุคริญะกุม..มินัซซุลุมาติ อิลัน..นูรฺ วะกานะบิลมุมินีนะเราะหีมา
44. ตะหี้ยะตุฮุมเยามะ ยัลก็อวนะฮูสะลาม วะอะอัดดะละฮุม อัจญร็อน..กะรีมา


คำแปล R1.
41. O you who believe! Remember Allah with much remembrance.
42. And glorify his praises morning and afternoon [the early morning (Fajr) and 'Asr prayers].
43. He it is who sends Salat (his blessings) on you, and his angels too (ask Allah to bless and forgive you), that he may bring you out from darkness (of disbelief and polytheism) into light (of belief and Islamic Monotheism). and He is ever Most Merciful to the believers.
44. Their greeting on the Day they shall meet him will be "Salam: peace (i.e. the angels will say to them: Salamu 'Alaikum)!" and he has prepared for them a generous reward (i.e. Paradise).


คำแปล R2.
41. โอ้ ผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เจ้าทั้งหลายจงรำลึกถึงอัลเลาะฮฺให้มากเถิด
42. และพวกเจ้าจงสดุดีพระบริสุทธิคุณแด่พระองค์ทั้งในยามเช้าและยามเย็น
43. พระองค์ทรงประทานพรแก่พวกเจ้าและมลาอิกะฮฺของพระองค์(ก็ประสาทพรด้วย) เพื่อทรงนำพวกเจ้าออกมาจากความมืดสู่แสงสว่าง และพระองค์ทรงเมตตายิ่งต่อมวลศรัทธาชน
44. อันคารวธรรมของพวกเขาในวันที่พวกเขาได้พบกับพระองค์ (คือการกล่าวว่า) “สันติสุข” และทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติแก่พวกเขา

 
คำแปล R3.
41. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงระลึกถึงอัลลอฮฺให้มาก ๆ
42. และจงสดุดีพระองค์ทั้งยามเช้าและยามเย็น
43. พระองค์คือผู้ทรงโปรดปรานสูเจ้าและมลาอิกะฮฺของพระองค์ก็วิงวอนขอความโปรดปรานจากพระองค์สำหรับสูเจ้าด้วย ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะทรงนำสูเจ้าออกจากความมืดไปสู่แสงสว่าง และพระองค์ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาอยู่เสมอ
44. การกล่าวคำแสดงความคารวะของพวกเขาในวันที่พวกเขาพบพระองค์ก็คือคำว่า “ศานติ” และอัลลอฮฺได้ทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติไว้สำหรับพวกเขาแล้ว


คำแปล R4.
41. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงรำลึกถึงอัลลอฮฺโดยการรำลึกอย่างมากมาย
42. และแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ทั้งยามเช้าและยามเย็น
43. พระองค์คือผู้ทรงประทานความเมตตาให้แก่พวกเจ้า และมะลาอิกะฮฺของพระองค์ด้วย เพื่อพระองค์จะทรงนำพวกเจ้าออกจากความมืดทึบทั้งหลายสู่ความสว่าง และพระองค์ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาเสมอ
44. การกล่าวคำทักทายของพวกเขาในวันที่พวกเขาพบพระองค์คือ ศานติ (สลาม) และพระองค์ทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว


คำแปล R5.
๔๑. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงรำลึกถึงอัลเลาะห์ให้มากเถิด
๔๒. และจงถวายสดุดีพระบพิตธิคุณของพระองค์ทั้งยามเช้าและยามเย็น
๔๓. พระองค์ทรงประสาทพรโดยประทานความเมตตาแก่พวกเจ้าและมลาอิกะห์ของพระองค์ก็ประสาทพรแก่พวกเจ้าโดยขอลุแก่โทษให้พวกเจ้า เพื่อทรงนำพวกเจ้าออกจากสภาพเนรคุณ(กุฟุร)อันมีแต่ความมืดมนไปสู่รัศมีแห่งศรัทธา(อีมาน) และพระองค์ทรงเมตตายิ่งแก่มวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย
๔๔. และการคารวะแก่พวกเขาจากอัลเลาะห์ในวันปรภพซึ่งพวกนั้นจะได้พบพระองค์ คือ การประสาทสันติสุขโดยมลาอิกะห์ทั้งหลาย และพระองค์ทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติสำหรับพวกเขา รางวัลนั้นคือสรวงสวรรค์อันบรมสุข



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ อายะฮฺที่ 45 - 48


คำอ่าน
45. ยา..อัยยุฮัน..นะบียุ อิน..นา..อัรฺสัลนากะ ชาฮิเดา..วะมุบัชชิร็อว..วะนะซีรอ
46. วะดาอิยัน อิลัลลอฮิ บิอิซนิฮี วะสิรอญัม..มุนีรอ
47. วะบัชชิริลมุอ์มินีนะ บิอัน..นะละฮุม..มินัลลอฮิ ฟัฎลัน..กะบีรอ
48. วะลาตุฏิอิลกาฟิรีนะ วัลมุนาฟิกีนะ วะดะอฺอะซาฮุม วะตะวัลอะลัลลอฮฺ วะกะฟาบิลลาฮิ วะกีลา


คำแปล R1.
45. O Prophet (MuhammadSal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam )! Verily, we have sent you as witness, and a bearer of glad tidings, and a Warner,
46. And as one who invites to Allah [Islamic Monotheism, i.e. to worship none but Allah (alone)] by his leave, and as a lamp spreading light (through your instructions from the Qur'an and the Sunnah the legal ways of the Prophet Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ).
47. And announce to the believers (in the Oneness of Allah and in his Messenger Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) the glad tidings, that they will have from Allah a great Bounty.
48. And obey not the disbelievers and the hypocrites, and harm them not (till you are ordered). And put your trust in Allah, and Sufficient is Allah as a Wakil (Trustee, or Disposer of affairs).


คำแปล R2.
45. โอ้ผู้เป็นศาสดา แท้จริงเราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นศาสนทูตเพื่อเป็นสักขีพยาน(แก่มวลประชาชาติ) และเป็นผู้แจ้งข่าวประเสริฐอีกทั้งเป็นผู้ตักเตือน
46. และ(ได้รับการแต่งตั้งมา)เพื่อเป็นผู้เชิญชวน(ประชาชาติ)สู่(แนวทางของ)อัลเลาะฮฺ โดยอนุมัติของพระองค์ และเพื่อเป็นดวงประทีปอันส่องชัชวาล
47. และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่มวลศรัทธาชนเถิดว่า แท้จริงพวกเขานั้นได้รับความดปรดปรานอันใหญ่หลวงจากอัลเลาะฮฺ
48. และเจ้าอย่าเชื่อฟังพวกไร้ศรัทธา และพวกสับปลับ เจ้าจงละเว้น(ที่จะใส่ใจกับ)การก้าวร้าวของพวกเขา(ที่กระทำกับเจ้า) เจ้าจงมอบหมายแด่อัลเลาะฮฺ และเพียงอัลเลาะฮฺก็เพียงพอแล้วที่เป็นผู้รับมอบหมาย


คำแปล R3.
45. นบีเอ๋ย เราได้ส่งเจ้ามาให้เป็นพยาน เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน
46. และผู้เชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺโดยอนุมัติของพระองค์และเป็นประทีปที่ส่องสว่าง
47. จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา(ในเจ้า)ว่ามีความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่จากอัลลอฮฺไว้สำหรับพวกเขา
48. ดังนั้นจงอย่าคล้อยตามบรรดาผู้ปฏิเสธและพวกตลบตะแลง และจงอย่าสนใจต่อการระรานของพวกเขาและจงวางใจในอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺนั้นเพียงพอแล้วสำหรับการมอบความไว้วางใจ


คำแปล R4.
45. โอ้ นะบีเอ๋ย! แท้จริง เราได้ส่งเจ้ามาเพื่อให้เป็นพยานและผู้แจ้งข่าวดี และผู้ตักเตือน
46. และเป็นผู้เรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ ตามพระบัญชาของพระองค์ และเป็นดวงประทีปอันแจ่มจรัส
47. และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า แท้จริง สำหรับพวกเขาจะได้รับความโปรดปรานอันใหญ่หลวงจากอัลลอฮฺ
48. และอย่าเชื่อฟังพวกปฏิเสธศรัทธาและพวกมุนาฟิกีน และอย่าสนใจการระรานของพวกเขา และจงมอบความไว้วางใจแด่อัลลอฮฺ และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นผู้รับการมอบหมาย


คำแปล R5.
๔๕. โอ้นบี แท้จริงเราได้ส่งตัวเจ้ามายังประชาชาติทั้งมวลให้เป็นสักขีแก่มวลประชาชาติเหล่านั้น และเป็นผู้แจ้งข่าวดีแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย และเป็นผู้ตักเตือนแก่ผู้เนรคุณทั้งหลายให้ตระหนักถึงโทษอันจะเกิดขึ้น
๔๖. และเป็นผู้เรียกร้องไปสู่การภักดีในอัลเลาะห์โดยคำบัญชาของพระองค์และเป็นประทีปอันสว่างไสวในการชี้นำ
๔๗. และเจ้าจงแจ้งข่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายว่า แท้จริงพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่จากอัลเลาะห์
๔๘. และเจ้าจงอย่าภักดีต่อบรรดาผู้เนรคุณและบรรดาผู้กลับกลอกทั้งหลายในกิจกรรมอันฝืนต่อบทบัญญัติที่เจ้าได้ประกาศไว้ และเจ้าจงเว้นการรุกรานพวกนั้นโดยอย่าก่อสงครามขึ้นก่อน และเจ้าจงมอบหมายการงานของเจ้าแด่อัลเลาะห์ และย่อมเป็นการเพียงพอกับอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวที่จะเป็นผู้ได้รับการมอบหมายในทุกสิ่งทุกอย่าง


 

GoogleTagged