ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 29 สูเราะฮฺ อันอันกะบูต  (อ่าน 4976 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัล อันกะบูต(แมงมุม العنكبوت )

เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 69 อายะฮฺ)

บทนำ(R3.)

ชื่อ: ซูเราะฮฺนี้ได้ชื่อมาจากอายะฮฺที่ 24 ซึ่งมีคำว่า “อังกะบูต” (แมงมุม) ปรากฏอยู่
ระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺ : อายะฮฺที่ 56 - 60 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าซูเราะฮฺนี้ได้ถูกประทานลงมาก่อนหน้าที่จะมีการอพยพไปยังฮะบาช(อบิสสิเนียหรือเอธิโอเปียในปัจจุบัน) และหลักฐานภายในเนื้อเรื่องนี้ก็ให้การสนับสนุนด้วย นักอรรถาธิบายกุรอานบางคนมีความเห็นว่า เนื่องจากซูเราะฮฺนี้มีการเอ่ยถึงพวกตลบตะแลงและการตลบตะแลงก็เกิดขึ้นในมะดีนะฮฺ สิบอายะฮฺแรกของซูเราะฮฺนี้จึงถูกประทานที่มะดีนะฮฺ และที่เหลือนั้นได้ถูกประทานที่มักกะฮฺ ใตขณะที่คนตลบตะแลงในอายะฮฺนี้คือคนที่ต้องตลบตะแลงเพราะพวกเขากลัวการกดขี่และการทรมานอย่างแสนสาหัสที่มุสลิมกำลังได้รับจากบรรดาผู้ปฏิเสธ ดังนั้น การตลบตะแลงที่ว่านี้จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในนครมักกะฮฺเท่านั้น ไม่ใช่ที่มะดีนะฮฺ ในทำนองเดียวกัน นักอรรถาธิบายบางคนเห็นว่า ซูเราะฮฺนี้ บรรดามุสลิมได้ถูกสั่งให้อพยพ ดังนั้นจึงถือว่าซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺสุดท้ายที่ถูกประทานที่มักกะฮฺ ในขณะที่มุสลิมหลายคนได้อพยพไปยังฮะบาชก่อนหน้าที่จะอำยพไปยังมะดีนะฮฺเสียอีก ความเห็นเหล่านี้ไม่มีหะดีษใด ๆ มาสนับสนุน แต่อาศัยการสนับสนุนจากหลักฐานภายในเนื้อเรื่อง และหลักฐานภายในนี้ เมื่อพิจารณากับเนื้อเรื่องซูเราะฮฺทั้งหมดก็ชี้ให้เห็นถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ในตอนที่อพยพไปยังฮะบาช ไม่ได้ชี้ถึงขั้นตอนสุดท้ายที่มักกะฮฺ
หัวข้อสำคัญและเนื้อหาของซูเราะฮฺ : หากพิจารณาซูเราะฮฺนี้อย่างรอบคอบจะเห็นว่าระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺนี้เป็นระยะเวลาที่มุสลิมถูกกดขี่อย่างถึงขีดสุดแล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธได้ต่อต้านอิสลามอย่างหนักทุกหนทาง และคนที่หันมารับอิสลามก็ถูกกดขี่อย่างทารุณโหดร้าย นั่นคือสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะที่อัลลอฮฺทรงประทานซูเราะฮฺนี้ลงมาเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจของมุสลิมให้เข้มแข็ง เช่นเดียวกับที่สร้างความอับอายขายหน้าให้กับผู้ที่กำลังแสดงความอ่อนแอในความศรัทธาออกมา นอกจากนี้แล้วบรรดาผู้ปฏิเสธแห่งมักกะฮฺยังได้ถูกขู่ และได้ถูกเตือนว่าอย่าได้ทำตัวเองให้ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับที่พวกต่อต้านเคยประสบมาแล้วทุกยุคทุกสมัย   
   ในซูเราะฮฺได้มีการตอบคำถามบางอย่างที่คนหนุ่มกำลังประสบอยู่ในเวลานั้นด้วย ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ของพวกเขากำลังรบเร้าพวกเขาให้เลิกปฏิบัติตามนบีมุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) และหันกลับไปนับถือศาสนาเดิม เพราะพ่อแม่ของพวกเขาอ้างว่า : “กุรอานที่พวกเจ้าศรัทธานั้นถือว่าสิทธิของพ่อแม่เหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้นพวกเจ้าจงฟังในสิ่งที่พวกเราพูด มิฉะนั้นแล้ว พวกเจ้านั่นแหละที่กำลังทำในสิ่งที่ขัดกับความศรัทธาของพวกเจ้า” เรื่องนี้กุรอานได้ให้คำตอบไว้ในอายะฮฺที่ 8
   ในทำนองเดียวกันคนของบางตระกูลก็ได้กล่าวกับผู้ที่หันมารับอิสลามใหม่ ๆ ว่า “ปล่อยเรื่องการลงโทษไว้ให้เรา จงฟังเราและทิ้งคนผู้นี้ไปเสีย ถ้าหากพระเจ้าลงโทษพวกเจ้าในโลกหน้า เราจะออกมากล่าวเองว่า “โอ้พระเจ้า คนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ เราเองเป็นผู้บังคับพวกเขาให้ละทิ้งความศรัทธา ดังนั้น จงลงโทษเรา” เรื่องนี้กุรอานได้ให้คำตอบไว้ในอายะฮฺที่ 12 - 13
   เรื่องราวต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ในซูเราะฮฺนี้ ล้วนชี้ประเด็นเดียวกันนี้แทบทั้งหมดเหมือนกับจะกล่าวว่า “ดูบรรดานบีต่าง ๆ ในอดีตก็แล้วกัน พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่ต้องได้รับความทุกข์ยากลำบากและถูกกระทำทารุณกรรมอย่างโหดร้ายมาเป็นเวลานาน แต่แล้วในที่สุดนบีเหล่านั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ดังนั้นจงจำใส่ใจไว้ว่าความช่วยเหลือของอัลลอฮฺจะมีมาอย่างแน่นอน แต่จะต้องผ่านช่วงเวลาแห่งการทดสอบและความทุกข์ยากลำบากเสียก่อน” นอกจากจะสอนมุสลิมแล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธยังได้ถูกเตือนเหมือนกับจะกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเจ้ายังไม่ได้ถูกลงโทษในทันทีทันใด พวกเจ้าก็อย่าได้คิดผิด ๆ ว่าพวกเจ้าจะไม่ถูกลงโทษ สัญลักษณ์ของชาติต่าง ๆ ในอดีตที่ได้ถูกทำลายไปนั้นยังอยู่ต่อหน้าพวกเจ้า ดูเอาเองก็แล้วกันว่า คนเหล่านั้นพบกับความหายนะอย่างไร และอัลลอฮฺได้ช่วยนบีของพระองค์อย่างไร”
   หลังจากนั้นมุสลิมก็ได้ถูกสอนว่า “ถ้าพวกเจ้ารู้สึกว่าการกดขี่ข่มเหงหนักเกินกว่าที่พวกเจ้าจะทนได้ พวกเจ้าก็จงทิ้งบ้านเสียแทนที่จะทิ้งศรัทธา แผ่นดินของอัลลอฮฺนั้นกว้างใหญ่ไพศาล จงหาสถานที่ใหม่ที่พวกเจ้าสามารถจะสักการะอัลลอฮฺได้ด้วยจิตใจที่สงบอย่างเต็มที่”
   นอกจากนี้แล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธยังได้ถูกเตือนให้ทำความเข้าใจอิสลาม ได้มีการตอกย้ำถึงความจริงใจในเรื่องเตาฮีด และเรื่องโลกหน้าด้วยการโต้แย้งที่มีเหตุผล มีการปฏิเสธเรื่องชิริก และเรียกร้องให้สนใจสัญญาณต่าง ๆ ในจักรวาล พวกเขาได้บอกว่าสัญญาณเหล่านี้ทั้งหมดยืนยันคำสอนที่นบีกำลังนำมาบอกพวกเขา


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 1 - 4




คำอ่าน
1. อลิฟ, ลาม, มีม
2. อะหะสิบัน..นาสุ อัย..ยุตเราะกู..อัย..ยะกูลู..อามัน..นา วะฮุมยุฟตะนูน
3. วะละก็อดฟะตัน..นัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม ฟะละยะอฺละมัน..นัลลอฮุลละซีนะ เศาะดะกู วะละยะอฺละมัน..นัลกาซิบีน
4. อัมหะสิบัลละซีนะ ยะอฺมะลูนัสสัยยิอาติ อัย..ยัสบิกูนา สา...อะมายะหฺกุมูน


คำแปล R1.
1. Alif-Lam-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (alone) knows their meanings.]
2. Do people think that they will be left alone because they say: "We believe," and will not be tested.
3. And we indeed tested those who were before them. And Allah will certainly make (it) known (the truth of) those who are true, and will certainly make (it) known (the falsehood of) those who are liars, (although Allah knows all that before putting them to test).
4. Or those who do evil deeds think that they can outstrip us (i.e. escape our punishment)? Evil is that which they judge!


คำแปล R2.
1. อลิฟ, ลาม, มีม
2. มนุษย์คิดหรือว่าพวกเขาจะถูกทอดทิ้งให้กล่าว(อย่างเสรีเพื่อลวงล่อฝ่ายมุสลิม)ว่า “เราศรัทธา” (ทั้ง ๆ ที่เขามิได้มีความเชื่อมั่นเลย) โดยพวกเขามิถูกทดสอบ(ด้วยความทุกข์ลำเค็ญ)
3. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ทดสอบแก่มวลชนในยุคก่อนพวกเขามาแล้ว ดังนั้นอัลเลาะฮฺจึงทรงจำแนกรู้ถึงบรรดาผู้ที่มีความสัตย์จริง และทรงจำแนกรู้ถึงบรรดาผู้มดเท็จ
4. หรือบรรดาพวกที่ประพฤติแต่ความเลวร้ายคิดว่าพวกเขาสามารถล้ำหน้าเราได้(ในการกระทำต่าง ๆ และการหลบหลีกจากการลงโทษของเรา) สิ่งที่พวกเขาตัดสินนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนัก


คำแปล R3.
1. อะลีฟ ลาม มีม
2. มนุษย์คิดหรือว่าพวกเขาจะถูกปล่อยไว้ตามลำพังหลังจากที่พวกเขาได้กล่าวว่า “เราศรัทธา” และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ?
3. ความจริงเราได้ทดสอบบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาไปแล้ว แน่นอนอัลลอฮิจะทรงดูว่าใครเป็นผู้สัตย์จริงและทรงดูว่าใครเป็นผู้โกหก
4. คนที่ทำความชั่ว คิดหรือว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปจากเรากระนั้นหรือ? ชั่วช้าแท้ ๆ ที่พวกเขาตัดสินเช่นนั้น


คำแปล R4.
1. อะลิฟ ลาม มีม
2. มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่พวกเขากล่าวว่าเราศรัทธา และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ กระนั้นหรือ ?
3. และโดยแน่นอน เราได้ทดสอบบรรดาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ดังนั้นอัลลอฮฺจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้สัตย์จริงและจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้กล่าวเท็จ
4. หรือบรรดาผู้กระทำความชั่วทั่งหลายคิดว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปจากเรา ชั่วช้าแท้ ๆ สิ่งที่พวกเขาตัดสินกัน


คำแปล R5.
๑. อลิฟ-ลาม-มีม อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงรู้ความหมายของคำนี้
๒. มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวให้มีเสรีภาพที่จะพูดว่าเราศรัทธาโดยพวกเขามิได้รับการทดสอบใด ๆ จากอัลเลาะห์ ที่จริงแล้วผู้ที่พูดเช่นนั้นจะต้องพบกับการทดสอบจากอัลเลาะห์อย่างแน่นอน เช่น จะต้องอพยพ และจะต้องออกต่อสู้กับฝ่ายศัตรูในสงคราม
๓. และแท้จริงเราได้เคยทดสอบบรรดาประชาชาติก่อนหน้าพวกเขามาหลายยุคแล้ว โดยให้พวกนั้นประสบความเดือดร้อนและความคับแค้นต่าง ๆ นานา ที่จริงที่มีการทดสอบดังกล่าวนั้น ก็เพื่ออัลเลาะห์จะได้ทราบถึงบรรดาผู้มีสัจจะ และจะได้ทราบถึงบรรดาผู้กล่าวเท็จทั้งหลาย
๔. หรือบรรดาผู้ประกอบกรรมเลวทั้งหลายคิดว่าพวกเขาจะหลุดพ้นไปจากการลงโทษของเราที่พวกเขาตัดสินและคิดว่าจะสามารถหลบพ้นจากการลงโทษของเรานั้น ช่างเลวทรามยิ่งนัก


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 5 - 7


คำอ่าน
5. มัน..กานะยัรฺญูลิกอ...อัลลอฮิ ฟะอิน..นะ อะญะลัลลอฮิละอาต วะฮุวัสสะมีอุลอะลีม
6. วะมัน..ญาฮะดะ ฟะอิน..นะมายุญาฮิดุ ลินัฟสิฮฺ อิน..นัลลอฮะละเฆาะนียุนอะนิลอาละมีน
7. วัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ละนุกัฟฟิร็อน..นะอันฮุม สัยยิอาติฮิม วะละนัจญซิยัน..นะฮุม อะหฺสะนัลละซีกานูยะอฺมะลูน


คำแปล R1.
5. Whoever hopes for the meeting with Allah, then Allah's term is surely coming. And He is the All-Hearer, the All-Knower.
6. And whosoever strives, he strives only for himself. Verily, Allah is free of all wants from the 'Alamin (mankind, jinns, and all that exists).
7. Those who believe [in the Oneness of Alah (Monotheism) and in Messenger Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam, and do not apostate because of the harm they receive from the polytheists], and do righteous good deeds, surely, we shall remit from them their evil deeds and shall reward them according to the best of that which they used to do.


คำแปล R2.
5. ผู้ใดมีความมุ่งหวังที่จะได้พบกับอัลเลาะฮฺ แท้จริงกำหนด(การได้พบกับ)อัลเลาะฮฺนั้น ย่อมมาถึงอย่างแน่นอน และพระองค์ทรงได้ยินยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง
6. และผู้ใดทำการต่อสู้(เพื่อเชิดชูอิสลาม) อันที่จริงเขาก็ทำการต่อสู้เพื่อ(ผลตอบแทนแก่)ตัวเขาเอง แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรวยจาก(การพึ่ง)โลกทั้งหลาย
7. และบรรดามวลผู้มีศรัทธา และประพฤติแต่ความดีงามนั้น แท้จริงเราจักนิรโทษแก่พวกเขา บรรดาความผิดต่าง ๆ ของพวกเขา และแท้จริงเราจักตอบแทนพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีที่สุดตามที่เขาได้เคยประพฤติไว้


คำแปล R3.
5. ใครก็ตามที่หวังจะพบอัลลอฮฺ(ควรรู้ว่า) เวลาที่อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้จะมาถึงแล้ว และพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
6. ใครก็ตามที่ดิ้นรนต่อสู้ เขาก็ดิ้นรนต่อสู้เพื่อผลดีของพวกเขาเอง แท้จริงอัลลอฮฺไม่ต้องทรงอาศัยสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้างมา
7. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายนั้น เราจะลบล้างความชั่วทั้งหลายจากพวกเขาและเราจะตอบแทนพวกเขาสำหรับสิ่งดีที่สุดที่พวกเขาได้ทำไว้

 
คำแปล R4.
5. ผู้ใดหวังที่จะพบ อัลลอฮฺ ดังนั้นแท้จริงกำหนดของอัลลอฮฺย่อมมาถึงแน่นอนและพระองค์เป็นทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
6. และผู้ใดต่อสู้ดิ้นรน แท้จริงเขาย่อมต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวของเขาเองแท้จริงอัลลอฮฺนั้น แน่นอน ทรงมั่งมีเหนือประชาชาติทั้งหลาย
7. และบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายนั้น แน่นอนเราจะลบล้างความชั่วทั้งหลายของพวกเขาไปจากพวกเขาและแน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขาสิ่งที่ดียิ่ง ซึ่งพวกเขาได้กระทำไว้


คำแปล R5.
๕. ผู้ใดประสงค์ที่จะพบอัลเลาะห์ในวันปรภพ เขามีหน้าที่พึงตระเตรียมให้พร้อมสรรพด้วยการประพฤติแต่ความดีงาม และขอลุแก่โทษต่ออัลเลาะห์ในความผิดที่เคยก่อไว้แต่เก่าก่อน เพราะแท้จริงกำหนดการของอัลเลาะห์นั้นย่อมต้องมาตามนั้นเสมอ ไม่มีทางเป็นไปอย่างอื่นโดยเด็ดขาด และพระองค์ทรงได้ยิน ทรงรอบรู้
๖.และผู้ใดหมั่นต่อสู้ กับฝ่ายศัตรูทั้งฝ่ายกิเลสและศัตรูภายนอกที่มารุกราน แน่นอนเขาก็ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์อันได้แก่ตัวของเขาเอง โดยผลกุศลที่จะพึงได้นั้นเขาจะได้โดยครบถ้วน ไม่มีผู้ใดมายื้อแย่งหรือคดโกงไปจากเขาได้ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงร่ำรวย ไม่ทรงพึ่งพิงหรืออาศัยสิ่งอื่นใดจากโลกานุโลกทั้งมวล
๗. และบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงาม แน่นอนเราจะนิโทษความชั่วต่าง ๆ ของพวกเขา และเราจะตอบแทนพวกเขาที่ดีที่สุดจากที่พวกเขาได้ประพฤติไว้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 8 - 11


คำอ่าน
8. วะวัศศ็อยนัลอิน..สานะ บิวาลิดัยฮิหุสนา วะอิน..ญาฮะดากะ ลิตุชริกะบีมาลัยสะละกะบิฮีอิลมุน..ฟะลาตุฏิอฺฮุมา อิลัยยะมัรฺญิอุกุม ฟะอุนับบิอุกุม..บิมากุน..ตุมตะอฺมะลูน
9. วัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ละนุดคิลัน..นะฮุม ฟิศศอลิหีน
10. วะมินัน..นาสิ มัย..ยะกูลุ อามัน..นา บิลลาฮิ ฟะอิซา อูซิยะฟิลลาฮิ ญะอะละ ฟิตนะตัน..นาสิ กะอะซาบิลลาฮฺ วะละอิน..ญา...อะรัศรุม..มิรฺร็อบบิกะ ละยะกูลุน..นะ อิน..นากุน..นามะอะกุม อะวะลัยสัลลอฮุ บิอะอฺละมะ บิมาฟีศุดูริลอาละมีน
11. วะละยะอฺละมัน..นัลลอฮุลละซีนะอามะนู วะละยะอฺละมัน..นัลมุนาฟิกีน


คำแปล R1.
8. And we have enjoined on man to be good and dutiful to his parents, but if they strive to make you join with Me (in worship) anything (as a partner) of which you have no knowledge, then obey them not. Unto Me is your return, and I shall tell you what you used to do.
9. And for those who believe (in the Oneness of Allah and other items of faith) and do righteous good deeds, surely, we shall make them enter in (the enterance of) the righteous (i.e. in Paradise).
10. Of mankind are some who say: "We believe in Allah," But if they are made to suffer for the sake of Allah, they consider the trial of mankind as Allah's Punishment, and if victory comes from your Lord, (the hypocrites) will say: "Verily! We were with you (helping you)." Is not Allah best aware of what is in the breast of the 'Alamin (mankind and jinns)?
11. Verily, Allah knows those who believe, and verily, He knows the hypocrites [i.e. Allah will test the people with good and hard days to discriminate the good from the wicked (although Allฟh knows ฟll that before putting them to test)].


คำแปล R2.
8. และเราได้สั่งแก่มวลมนุษย์ให้ทำดีต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขา และแม้ทั้งสองได้บังคับเคี่ยวเข็ญเจ้าให้เจ้าทำการตั้งภาคีต่อข้าในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ต่อมันมาก่อน เจ้าก็จงอย่าได้เชื่อฟังเขาทั้งสอง เพราะมาสู่ข้าเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายกลับคืนของพวกเจ้า แล้วข้าจักแจ้งให้พวกเจ้าได้รู้ในสิ่งที่พวกเจ้าเคยประพฤติไว้
9. และบรรดามวลผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามนั้น แท้จริงเราจักต้องให้พวกเขาได้เข้าอยู่ในกลุ่มผู้ทรงคุณความดีอย่างแน่นอน
10. และมีมนุษย์บางคนเป็นผู้กล่าวว่า “เราศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺ” ครั้นเมื่อเขาถูกรุกรานใน(แนวทางของ)อัลเลาะฮฺ เขาก็ถือว่าวิกฤติการที่เกิดจากมนุษย์นั้นเหมือนกับการลงโทษจากอัลเลาะฮฺ(แล้วเขาก็ยอมแพ้มนุษย์ และตามพวกนั้นอย่างราบคาบ)และหากว่ามีชัยชนะจากองค์อภิบาลของเจ้าได้มาถึง พวกเขาก็จะกล่าวว่า “แท้จริงพวกเราอยู่ร่วมกับพวกท่าน” อัลเลาะฮฺมิใช่หรือที่ทรงรอบรู้ ในสิ่งที่อยู่ในหัวอกแห่งชาวโลกทั้งปวง
11. และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้บรรดามวลผู้ศรัทธา และทรงรอบรู้บรรดาจำพวกที่สับปลับ


คำแปล R3.
8. เราได้สั่งมนุษย์ให้ทำดีต่อพ่อแม่ของเขา แต่ถ้าหากเขาทั้งสองบังคับให้สูเจ้านำสิ่งใดที่สูเจ้าไม่รู้มาเป็นภาคีร่สมกับฉัน สูเจ้าก็จงอย่าเชื่อฟังทั้งสอง ยังฉันที่สูเจ้าทั้งหลายจะต้องกลับมา แล้วฉันจะบอกสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำไว้
9. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีนั้น แน่นอนเราจะให้พวกเขารวมอยู่ในหมู่ผู้ทรงคุณธรรม
10. และในหมู่มนุษย์นั้นมีคนที่กล่าวว่า “เราศรัทธาในอัลลอฮฺ” แต่เมื่อพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานในหนทางของอัลลอฮฺเขาก็ถือเอาอาการทุกข์ยากเดือดร้อนนั้นเป็นเหมือนการลงโทษของอัลลอฮฺ แต่ถ้าหากมีการช่วยเหลือจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามา คนผู้นี้ก็จะกล่าวว่า “เราอยู่กับพวกท่าน” มิใช่อัลลอฮฺหรือที่ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้คนทั้งหลาย?
11. แน่นอน อัลลอฮฺจะทรงดูว่าใครเป็นผู้ศรัทธาและจะทรงดูว่าใครเป็นผู้ตลบตะแลง


คำแปล R4.
8. และเราได้สั่งเสียมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขาและถ้าทั้งสองบังคับเจ้าเพื่อให้ตั้งภาคีในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ เจ้าก็อย่าปฏิบัติตามเขาทั้งสอง ยังข้าคือการกลับของพวกเจ้า ดังนั้นข้าจะแจ้งแก่พวกเข้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
9. และบรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีนั้น แน่นอนเราจะให้พวกเขาเข้าอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย
10. และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้กล่าวว่า เราศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ครั้นเมื่อเขาถูกทำร้ายในทางของอัลลอฮฺ เขาก็ถือเอาการทดสอบของมนุษย์ประหนึ่งการลงโทษของอัลลอฮ์ และเมื่อการช่วยเหลือจากพระเจ้าของเจ้ามาถึง แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าแท้จริงเราจะร่วมกับพวกท่าน และมิใช่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่มีอยู่ในหัวอก ของประชาชาติทั้งหลายดอกหรือ ?
11. และแน่นอน อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอนพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงพวกมุนาฟิกีน


คำแปล R5.
๘. และเราได้สั่งมนุษย์ให้ทำดีต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขาคือบิดามารดา และมาดแม้นทั้งสองจะกดขี่เจ้าเพื่อให้เจ้าประพฤติผิดตั้งภาคีขึ้นเทียบเคียงกับข้า อันเป็นสิ่งที่เจ้าไม่ล่วงรู้ถึงสิ่งนั้น ดังนั้นเจ้าจงอย่าภักดีต่อทั้งสองเพราะเจ้าทั้งหลายจะต้องกลับมาหาข้า แล้วข้าก็จะแจ้งให้พวกเจ้าทราบถึงสิ่งที่พวกเจ้าได้ประพฤติไว้แต่อดีต แล้วก็นำมาพิจารณาตอบแทนไปตามความเหมาะสม
๙. และบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีงามต่าง ๆ แน่นอนเราจะให้พวกเขาได้เข้าไปเสพสุขในสวรรค์ โดยได้อยู่ร่วมในบรรดาคนดีทั้งหลาย
๑๐. และมีมนุษย์บางคนกล่าวว่า เรามีศรัทธาในอัลเลาะฮฺ แต่แล้วเมื่อเขาถูกรังควาญจากฝ่ายตรงข้ามเพราะการที่เขาได้ฝักใฝ่อยู่ในทางของอัลเลาะห์ เขาก็กระทำต่อการก่อกวนของมนุษย์ที่มีต่อพวกเขาประหนึ่งการลงโทษของอัลเลาะห์กระนั้น ดังนั้นเขาจึงเกิดความเกรงกลัวและยอมเชื่อฟังพวกเหล่านั้นเป็นอันดี เขาจึงตกอยู่ในฐานะของผู้กลับกลอก(มุนาฟิกีน) และถ้าหากการช่วยเหลือได้มาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า แน่นอนพวกเขาจะพูดว่า แท้จริงพวกเราอยู่ร่วมกับพวกท่านและเป็นคนพวกเดียวกัน และอัลเลาะห์มิได้รอบรู้ต่อสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของชาวโลกทั้งหลายดอกหรือ เขาก็รู้ดีว่าอัลเลาะห์ทรงรอบรู้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง
๑๑. และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายและพระองค์ทรงรอบรู้บรรดาชนผู้กลับกลอก แล้วพระองค์จะทรงตอบแทนตามที่พวกเขาได้ประพฤติไว้โดยเที่ยงธรรมที่สุด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 12 - 13


คำอ่าน
12. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ลิลละซีนะอามะนุตตะบิอู สะบีละนา วัลนะหฺมิล เคาะฏอยากุม วะมาฮุม..บิหามิลีนะ มินเคาะฏอยาฮุม..มินชัยอ์ อิน..นะฮุมละกาซิบูน
13. วะละยะหฺมิลุน..นะ อัษกอละฮุม วะอัษกอลัม..มะอะอัษกอลิฮิม วะละยุสอะลุน..นะ เยามัลกิยามะติ อัม..มากานูยัฟตะรูน

คำแปล R1.
12. And those who disbelieve say to those who believe: "Follow our way and we will verily bear your sins," Never will they bear anything of their sins. Surely, they are liars.
13. And verily, they shall bear their own loads, and other loads besides their own, and verily, they shall be questioned on the Day of Resurrection about that which they used to fabricate.


คำแปล R2.
12. และบรรดาจำพวกไร้ศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดามวลชนผู้ศรัทธาว่า “พวกท่านจงตามแนวทางของเราเถิด และเราพร้อมแล้วที่จะรับภาระความผิดต่าง ๆ ของพวกท่าน” แต่พวกเขามิใช่ผู้ (มีหน้าที่) แบกภาระจากบรรดาความผิดของพวกเขาสักกรณีเดียวก็หาไม่ พวกเขาเป็นผู้มุสาโดยแท้จริง
13. และพวกเขาจักต้องแบกภาระ(ความผิด)อันหนักอึ้งของพวกเขาเอง และยังมีภาระหนักอื่น ๆ พร้อมกับภาระของพวกนั้นอีก(นั่นคือ บรรดาความผิดของพวกที่หลงผิดเพราะการแนะนำของพวกเขา) และแน่นอน พวกเขาจะต้องถูกสอบถามในวันกิยามะฮฺ ถึงสิ่งที่พวกเขาได้เคยปั้นแต่งความเท็จไว้


คำแปล R3.
12. บรรดาผู้ปฏิเสธได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า “จงปฏิบัติตามทางของเรา และเราจะแบกรับบาปของพวกท่าน” ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่สามารถแบกรับบาปของคนเหล่านั้นได้ แท้จริงพวกเขาเป็นผู้โกหก
13. พวกเขาจะแบกภาระทั้งหลายของตัวเองและภาระอื่น ๆ นอกไปจากภาระของพวกเขาเองด้วย และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะถูกสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้น


คำแปล R4.
12. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า จงปฏิบัติตามแนวทางของเราและเราจะแบกรับความผิดของพวกท่าน และพวกเขามิได้แบกรับความผิดของเขาเหล่านั้นแต่อย่างใด แท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
13. และแน่นอน พวกเขาจะแบกรับความผิดของพวกเขาและความผิดอื่น ๆ ร่วมกับความผิดของพวกเขา และแน่นอนพวกเขาจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺในสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้น


คำแปล R5.
๑๒. และบรรดาผู้เนรคุณ ได้กล่าวแก่ผู้มีศรัทธาทั้งหลายว่า พวกเจ้าจงประพฤติตามแนวของเราสิ และเราจักเป็นผู้แบกความผิดต่าง ๆ ของพวกเจ้าเอง ถ้าความผิดนั้นมีปรากฏแก่พวกเจ้า แต่พวกเขาหาใช่มีสิทธิ์ที่จะเป็น ผู้แบกความผิดใดของพวกเขาไม่ แม้สักสิ่งเดียว อันที่จริงพวกเขาเป็นผู้มุสา ในการอ้างแบบนั้น
๑๓. ขอสาบาน แท้จริงพวกเขาก็มีหน้าที่ต้องแบกภาระของพวกเขาเอง คือบาปที่พวกเขาได้ประกอบไว้และภาระของผู้อื่นพร้อมกับภาระของพวกเขา โดยพวกเขาได้ปลุกเร้าให้ฝ่ายศรัทธาได้หันมาเจริญรอยตามแนวทางศาสนาของพวกเขาและมุ่งแต่จะสร้างความหลงผิดแก่ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา และพวกเขาจะถูกถามในวันปรภพถึงสิ่งที่พวกเขาได้กุความเท็จขึ้นในโลกปัจจุบัน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 14 - 15


คำอ่าน
14. วะละก็อดอัรฺสัลนานูหัน อิลาก็อวมิฮี ฟะละบิษะฟีฮิม อัลฟะสะนะติน อิลลา ค็อมสีนะอามา ฟะอะเคาะซะฮุมุฏฏูฟานุ วะฮุมซอลิมูน
15. ฟะอัน..ญัยนาฮุ วะอัศหาบัสสะฟีนะติ วะญะอัลนาฮา..อายะตัลลิลอาละมีน


คำแปล R1.
14. And indeed we sent Nuh (Noah) to his people, and he stayed among them a thousand years less fifty years [inviting them to believe in the Oneness of Allah (Monotheism), and discard the false gods and other deities], and the deluge overtook them while they were Zalimun (wrong-doers, polytheists, disbelievers, etc.).
15. Then we saved him and those with him in the ship, and made it (the ship) as an Ayah (a lesson, a warning, etc.) for the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists).


คำแปล R2.
14. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ส่งนูห์ให้เป็นศาสนทูตไปยังประชาชนของเขา แล้วเขาก็อยู่ในพวกนั้น (เพื่อประกาศสัจธรรมของอัลเลาะฮฺเป็นระยะเวลาถึง) หนึ่งพันปีหย่อนห้าสิบปี ครั้นแล้วมหาอุทกภัยได้มาทำลายล้างพวกเขา โดยพวกเขาเป็นผู้ฉ้อฉล(ไม่ยอมศรัทธาคำประกาศของนบีนูห์)
15. แต่ว่าเราได้ให้เขาและชาวเรือทั้งหมดปลอดภัย และเราได้ดลบันดาลมัน(เรือนั้น)ให้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับชาวโลกทั้งปวง (ได้นำมาศึกษาวิเคราะห์)


คำแปล R3.
14. และเราได้ส่งนูฮฺไปยังหมู่ชนของเขาและเขาได้อยู่กับพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งพันหย่อนห้าสิบปี แล้วหลังจากนั้นอุทภัยก็ได้ทำลายพวกเขาในขณะที่พวกเขายังคงดึงดันอยู่ในความชั่ว
15. แล้วเราได้ช่วยนูฮฺและผู้ที่อยู่ในเรือใหญ่และเราได้ทำให้มันเป็นสัญญาณเตือนสำหรับชาวโลก

 
คำแปล R4.
14. และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูห์ไปยังหมู่ชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี (950 ปี) ดังนั้นอุทกภัยได้คร่าพวกเขาขณะที่พวกเขาเป็นผู้อธรรม
15. ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและพวกพ้องในเรือให้รอดพ้น และเราได้ทำให้มันเป็นสัญญาณหนึ่งแก่ประชาชาติ


คำแปล R5.
ประวัตินบีนูห์
๑๔. และแท้จริงเราได้ส่งนูห์ให้มาเป็นศาสนทูตแก่พวกพ้องของเขา แล้วเขาก็ได้อยู่ร่วมในพวกนั้นหนึ่งพันยกเว้นห้าสิบปี คือ ๙๕๐ ปี ที่นบีนูห์ได้ประกาศเรียกร้องกลุ่มชนให้ยอมรับในเอกภาพของอัลเลาะห์ แต่พวกนั้นกลับขัดขืนและดื้อดึง ต่อมาก็อุบัติมหาอุทกภัยแก่พวกเขาโดยพวกเขาเป็นผู้อธรรมเป็นผู้นับถือพระเจ้าหลายองค์ ผลที่ประสบแก่พวกนั้น คือต้องจมน้ำตายในมหาอุทกภัยครั้งนั้น
๑๕. แล้วเราได้ยังความปลอดภัยแก่เขาและชาวเรือที่ขึ้นไปอาศัยบนเรือลำนั้นตามคำเชิญชวนของ นบีนูห์และเราได้บันดาลมันให้เป็นสัญลักษณ์เตือนสติแก่ชาวโลกทั้งมวล


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 16 - 19


คำอ่าน
16. วะอิบรอฮีมะ อิซกอละลิก็อวมิ ฮิอฺบุดุลลอฮะ วัตตะกูฮุ ซาลิกุมค็อยรุลละกุม อิน..กุน..ตุม ตะอฺละมูน
17. อิน..นะมาตะอฺบุดูนะ มิน..ดูนิลลาฮิ เอาษาเนา..วะตัคลุกูนะอิฟกา อิน..นัลละซีนะตะอฺบุดูนะ มิน..ดูนิลลาฮิ ลายัมลิกูนะละกุมริซก็อน..ฟับตะฆู อิน..ดัลลอฮิรฺริซเกาะ วะอฺบุดูฮุ วัชกุรูละฮฺ อิลัยฮิตุรฺญะอูน
18. วะอิน..ตุกัซซิบู ฟะก็อดกัซซะบะ อุมะมุม..มิน..ก็อบลิกุม วะมาอะลัรฺเราสูลิ อิลลัลบะลาฆุลมุบีน
19. อะวะลัมยะร็อวกัยฟะ ยุบดิอุลลอฮุลค็อลเกาะ ษุม..มะยุอีดุฮฺ อิน..นะซาลิกะอะลัลลอฮิยะสีรฺ


คำแปล R1.
16. And (remember) Ibrahim (Abraham) when he said to his people: "Worship Allah (alone), and fear him, that is better for you if you did but know.
17. "You worship besides Allah only idols, and you only invent falsehood. Verily, those whom you worship besides Allah have no power to give you provision, so seek your provision from Allah (alone), and worship Him (alone), and be grateful to Him. To Him (alone) you will be brought back.
18. "And if you deny, then nations before you have denied (their Messengers). And the duty of the Messenger is only to convey (the Message) plainly."
19. See they not how Allah originates creation, then repeats it. Verily, that is easy for Allah.


คำแปล R2.
16. และ(จงระลึกถึงประวัติของ)อิบรอฮีม เมื่อครั้งเขาได้ประกาศแก่ประชาชนของเขาว่า “พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะฮฺและยำเกรงพระองค์เถิด นั้นแหละเป็นสิ่งดีงามที่สุดสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านรู้”
17. “พวกท่านได้แต่นมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ บรรดาเทวรูปต่าง ๆ และพวกท่านเสกสรรแต่ความเท็จ แท้จริงบรรดาสิ่งที่พวกท่านนมัสการนอกจากอัลเลาะฮฺนั้นไม่มีสิทธิอำนาจให้โชคผลแก่พวกท่านได้เลย ดังนั้นท่านทั้งหลายจงแสวงหาโชคผลจากอัลเลาะฮฺและจงนมัสการพระองค์ อีกทั้งจงกตัญญูต่อพระองค์เถิด พวกท่านจะต้องถูกส่งคืนกลับสู่พระองค์อย่างแน่นอน
18. “และหากพวกท่านว่า(เรื่องนี้) เป็นความเท็จ แน่นอนบรรดาประชาชาติในยุคก่อนพวกท่านก็เคยว่าเป็นความเท็จมาแล้ว(แล้วพวกนั้นก็ถูกทำลายล้าง) และหน้าที่ของศาสนทูต ไม่มีอะไรเลยนอกจากการเผยแพร่อันชัดแจ้งเท่านั้น
19. และพวกเขาไม่สังเกตดอกหรือ? อัลเลาะฮฺทรงบังเกิดสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นพระองค์ทรงคืนมันกลับ(สู่สภาพเดิม) แท้จริง สิ่งนั้นเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับอัลเลาะฮฺ


คำแปล R3.
16. และ(เราได้ส่ง)อิบรอฮีม เมื่อเขาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “จงเคารพภักดีอัลลอฮิและจงเกรงกลัวพระองค์ นั่นเป็นการดีกว่าสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านรู้
17. แท้จริงแล้วสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะแทนอัลลอฮฺนั้นเป็นแค่เพียงรูปปั้นและพวกท่านกำลังสร้างสิ่งเท็จขึ้นมา ความจริงแล้วสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะนอกไปจากอัลลอฮฺนั้นไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่านได้ ดังนั้น จงแสวงหาเครื่องยังชีพจากอัลลอฮฺ และจงเคารพภักดีพระองค์ และจงขอบคุณพระองค์ ยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูกนำกลับไป
18. และถ้าพวกท่านปฏิเสธ หลายหมู่ชนก่อนพวกท่านก็ได้ปฏิเสธ(สัจธรรม)มาแล้ว และหน้าที่ของรอซูลก็ไม่มีอะไรนอกไปจากการเผยแผ่สาส์นอันชัดเจน”
19. คนเหล่านี้ไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์อย่างไร และหลังจากนั้นทรงทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไร? แน่นอน นี่เป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮฺ

 
คำแปล R4.
16. และ (จงรำลึกถึง) อิบรอฮีม เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺและจงยำเกรงต่อพระองค์ นั่นแหละเป็นการดีกว่าสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านรู้
17. แท้จริงพวกท่านบูชารูปปั้นอื่นจากอัลลอฮฺและพวกท่านกุการมุสาขึ้น แท้จริงบรรดาที่พวกท่านบูชาอื่นจากอัลลอฮฺนั้น มันไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่าน ดังนั้นจงขอเครื่องยังชีพจากอัลลอฮฺเถิดและจงเคารพภักดีพระองค์และจงขอบคุณต่อพระองค์ยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป
18. และหากพวกท่านปฏิเสธ แน่นอนประชาชาติทั้งหลายก่อนพวกท่านก็ได้ปฏิเสธมาแล้วหน้าที่ของรอซูลนั้นมิใช่อะไรอื่น นอกจากการเผยแพร่อันชัดแจ้ง
19. และพวกเขามิเห็นดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงเริ่มการบังเกิดอย่างไรแล้วทรงให้เขากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกแท้จริงนั่นเป็นการง่ายแก่อัลลอฮฺ


คำแปล R5.
ประวัตินบีอิบรอฮีม
๑๖. และเจ้าจงรำลึกถึงประวัตินบีอิบรอฮีมเมื่อเขากล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะห์เถิด และจงยำเกรงพระองค์ นั่นเป็นความดียิ่งสำหรับพวกทม่านแม้นท่านทั้งหลายทราบ
๑๗. แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายทำการนมัสการต่อบรรดาเจว็ดนอกเหนือจากอัลเลาะห์และพวกเจ้าเสกสรรความเท็จทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าได้ประดิษฐ์มันขึ้นมาด้วยมือของตนเอง พวกเจ้าก็ยังเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นพระเจ้า และอ้างว่ามันสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงสิ่งดังกล่าวหาได้เป็นพระเจ้าไม่ และไม่สามารถจะช่วยเหลือผู้ใดได้ แท้จริงบรรดาสิ่งที่พวกเจ้าทำการนมัสการอันนอกเหนือจากอัลเลาะห์นั้น ไม่มีสิทธิที่จะยังโชคผลแก่พวกเจ้าเลย ดังนั้นพวกเจ้าจงแสวงหาโชคผลจากอัลเลาะห์เถิด และจงนมัสการพระองค์ และจงขอบคุณพระองค์ เพราะแท้จริงแล้วพวกเจ้าจะต้องกลับไปหาพระองค์เพื่อรอการพิพากษาและตอบแทนจากพระองค์
๑๘. และมาดแม้นพวกเจ้าหาว่าเป็นเท็จสิ่งที่ข้าได้นำมาประกาศ คำกล่าวหานั้นก็หาได้ยังอันตรายใด ๆ แก่ข้าไม่ เพราะแท้จริงบรรดาประชาชาติก่อนพวกเจ้าก็ได้หาว่าเป็นเท็จแก่บรรดาศาสนทูตของพวกเขาเหมือนกัน และไม่มีหน้าที่ใด ๆ เหนือศาสนทูตเลยนอกจากการเผยแพร่อันแจ้งชัดสู่ปวงชนเท่านั้น ดังนั้นการที่พวกเนรคุณได้พากันกล่าวหาว่าศาสนทูตกล่าวเท็จ จึงไม่ทำให้ศาสนทูตนั้น ๆ ต้องประสบอันตรายหรือต้องรับผลของการกล่าวนั้นเลย
๑๙. พวกเขามิได้สังเกตดอกหรือว่าอัลเลาะห์ทรงให้กำเนิดแก่สิ่งบันดาลทั้งมวลของพระองค์อย่างไร เมื่อสังเกตก็จะรู้ว่าการบันดาลของพระองค์นั้นเป็นไปอย่างมหัศจรรย์ยิ่ง โดยเริ่มต้นของสิ่งกำเนิดต่าง ๆ เช่นการกำเนิดของคนเราไม่มีอะไรมาก่อนเลย แล้วพระองค์ก็ให้การกำเนิดทางร่างกาย ประกอบด้วยความรู้สึกและสื่อสัมผัสต่าง ๆ โดยครบครัน เมื่อมีชีวิตอยู่จนครบอายุขัยที่ถูกกำหนดไว้ก็ตายไป หลังจากนั้นพระองค์ทรงให้คืนกลับมาสู่สภาพเดิมอีกด้วยการให้ฟื้นขึ้นจากความตายนั้น แท้จริงการบันดาลให้เป็นไปตามขั้นตอนดังกล่าวนั้นย่อมง่ายดายสำหรับอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 20 - 22


คำอ่าน
20. กุลสีรูฟิลอัรฺฎิ ฟัน..ซุรูกัยฟะ บะดะอัลค็อลเกาะ ษุม..มัลลอฮุ ยุน..ชิอุน..นัชอะตัลอาคิเราะฮฺ อิน..นัลลอฮะอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ
21. ยุอัซซิบุ มัย..ยะชา...อุ วะยัรฺหะมุ มัย..ยะชา..อ์ วะอิลัยฮิ ตุกละบูน
22. วะมาอัน..ตุม..บิมุอฺญิซีนะ ฟิลอัรฺฎิ วะลาฟิสสะม...อิ วะมาละกุม..มิน..ดูนิลลาฮิ มิว..วะลียิว..วะลานะศีรฺ


คำแปล R1.
20. Say: "Travel in the land and see how (Allah) originated creation, and then Allah will bring forth (resurrect) the creation of the Hereafter (i.e. Resurrection after death). Verily, Allah is able to do all things."
21. He punishes whom He will, and shows mercy to whom He will, and to Him you will be returned.
22. And you cannot escape in the earth or in the heaven. And besides Allah you have neither any Wali (protector or guardian) nor any helper.


คำแปล R2.
20. จงประกาศเถิด “พวกท่านจงจาริกไปในแผ่นดินเถิด แล้วพิจารณาว่าพระองค์ทรงบังเกิดสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างไร?” หลังจากนั้นอัลเลาะฮฺทรงบังเกิด(สรรพสิ่งทั้งหลายนั้น ๆ อีก)เป็นครั้งสุดท้าย (ภายหลังจากสิ่งเหล่านั้นได้ผ่านความตาย และเน่าเปื่อยมาแล้ว) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
21. พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเมตตาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพวกเจ้าต้องถูกส่งกลับคืนสู่พระองค์
22. และพวกเจ้ามิอาจเอาชนะ (อัลเลาะฮฺด้วยการหลบหนีการลงโทษของพระองค์) ในแผ่นดินนี้ และไม่ (อาจเอาชนะ)ในฟากฟ้าได้หรอก และสำหรับพวกเจ้านอกจากอัลเลาะฮฺแล้ว ย่อมไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น


คำแปล R3.
20. จงบอกพวกเขาว่า “จงท่องไปในแผ่นดินแล้วดูว่าพระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์อย่างไร?” หลังจากนั้นอัลลอฮฺจะทรงสร้างชีวิตใหม่อีก แน่นอนอัลลอฮฺทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
21. พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเมตตาต่อผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำกลับมา
22. พวกเจ้าไม่สามารถที่จะทำให้(พระองค์)พ่ายแพ้ในแผ่นดินและในชั้นฟ้าได้ และสูเจ้าไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือที่จะช่วยสูเจ้าให้พ้นจากอัลลอฮฺได้


คำแปล R4.
20. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) จงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินแล้วพิจารณาดูว่าพระองค์ทรงให้บังเกิดอย่างไรแล้วอัลลอฮฺทรงให้ฟื้นคืนชีพในปรโลก แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
21. พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเมตตาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป
22. และพวกท่านไม่สามารถจะรอดพ้นไปได้ทั้งในแผ่นดินและในฟากฟ้า และอื่นจากอัลลอฮฺ สำหรับพวกท่านไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ.


คำแปล R5.
๒๐. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวประกาศแก่มวลชนเถิดว่า พวกเจ้าจงจาริกไปในแผ่นดินเถิด แล้วจงพินิจดูว่าอัลเลาะห์ทรงให้กำเนิดแก่สิ่งบันดาลของพระองค์อย่างไร หลังจากนั้นอัลเลาะห์ทรงให้บังเกิดซึ่งการบังเกิดสุดท้ายด้วยการฟื้นขึ้นจากสุสาน แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
๒๑. พระองค์ทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเมตตาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพวกเจ้าจักถูกให้กลับคืนไปสู่พระองค์อย่างแน่นอนในวันปรภพ เพื่อรับการตัดสินและตอบแทนจากพระองค์
๒๒. และพวกเจ้ามิใช่ผู้บังอาจยังความอ่อนแอแก่อัลเลาะห์ได้ เมื่อพวกเจ้าอยู่ในแผ่นดินนี้  และมิใช่ ผู้ยังความอ่อนแอแก่อัลเลาะห์แม้นพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในชั้นฟ้าต่อการที่พระองค์จะทรงกำหนดชะตาชีวิตของพวกเจ้าทั้งหลาย ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงอำนาจที่จะกำหนดสภาวะดังกล่าว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะหลบเลี่ยงกำหนดของพระองค์ได้เลย และนอกจากอัลเลาะห์แล้ว พวกเจ้าไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น ที่จะให้ปลอดพ้นไปจากการลงโทษของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 23 - 25


คำอ่าน
23. วัลละซีนะกะฟะรูบิอายาติลลาฮิ วะลอ...อิฮี อุลา...อิกะยะอิสู มิรฺเราะหฺมะตี วะอุลา..อิกะละฮุมอะซาบุนอะลีม
24. ฟะมากานะญะวาบะก็อวมิฮี..อิลลา..อัน..กอลุกตุลูฮุ เอาหัรฺริกูฮุ ฟะอัน..ญาฮุลลอฮุมินัน..นารฺ อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติลลิก็อวมียุอ์มินูน
25. วะกอละอิน..นะมัตตะค็อซตุม..มิน..ดูนิลลาฮิ เอาษาเนา..วะวัดดะตะบัยนิกุม ฟิลหะยาติดดุนยา ษุม..มะเยามัลกิยามะติ ยักฟุรุบะอฺฎุกุม..บิบะอฺฎิว..วะยัลอะนุ บะอฺฎุกุม..บะอฺฎอ วะมะอ์วากุมุน..นารุ วะมาละกุม..มิน..นาศิรีน


คำแปล R1.
23. And those who disbelieve in the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah and the meeting with him, it is they who have no hope of My mercy, and it is they who will (have) a painful torment.
24. So nothing was the answer of [Ibrahim's (Abraham)] people except that they said: "Kill him or burn him." Then Allah saved him from the fire. Verily, in this are indeed signs for a people who believe.
25. And [Ibrahim (Abraham)] said: "You have taken (for worship) idols instead of Allah, and the love between you is only in the life of this world, but on the Day of Resurrection, you shall disown each other, and curse each other, and your abode will be the Fire, and you shall have no helper."


คำแปล R2.
23. และบรรดาพวกไร้ศรัทธาในบรรดาสัญลักษณ์แห่งอัลเลาะฮฺและการได้พบกับพระองค์ พวกเหล่านั้นย่อมสิ้นหวังที่จะได้รับความเมตตาของข้า และพวกเหล่านั้นต้องได้รับการลงโทษอันทรมานที่สุด
24. แท้จริงไม่มีคำตอบของพระชากรของเขา(นบีอิบรอฮีม)นอกจากพวกนั้นกล่าว(ในพวกเขา)ว่า“พวกท่านจงฆ่าเขา(อิบรอฮีม)เสียเถิด หรือพวกท่านจงจับเขาเผาเสีย” แต่แล้วอัลเลาะฮฺได้ทรงประทานความปลอดภัยแก่เขาจากไฟ (ที่พวกนั้นจุดขึ้นเพื่อเผาเขาให้ตาย) แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ สำหรับกลุ่มชนที่มีศรัทธา
25. และเขา(นบีอิบรอฮีม) ได้กล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายเพียงแต่ยึดเอาเทวรูปต่าง ๆ มากราบไหว้ โดยอื่นจากอัลลอฮฺก็เพราะความหลงใหลระหว่างพวกท่านในชีวิทางโลกนี้ แต่หลังจากนั้นในวันกิยามะฮฺ พวกท่านต่างก็จะขัดแย้งซึ่งกันและกัน และมีการสาปแช่งซึ่งกันและกัน (ต่างซัดทอดความผิดแก่กันและกัน) และที่อยู่ของพวกท่านคือนรก และไม่มีผู้ใดจากบรรดาผู้ช่วยเหลือสำหรับพวกท่าน


คำแปล R3.
23. บรรดาผู้ปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮิและการพบพระองค์นั้น พวกเขาสิ้นหวังต่อความเมตตาของฉัน และพวกเขาจะได้รับการลงทษอันเจ็บปวด
24. ดังนั้นคำตอบของหมู่ชนของเขาก็มิใช่อะไรนอกไปจาก “จงฆ่าเขาหรือเอาเขาไปเผาไฟ” แต่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากไฟ แน่นอนในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
25. เขาได้กล่าวว่า “ในชีวิตแห่งโลกนี้พวกท่านได้ยึดเอารูปปั้นอื่น ๆ นอกไปจากอัลลอฮฺเป็นสื่อแห่งความรักในระหว่างพวกท่าน แต่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพวกท่านบางคนจะปฏิเสธกันและบางคนจะสาปแช่งกันและกัน และที่พำนักของพวกท่านคือไฟและพวกท่านจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R4.
23. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาโองการทั้งหลายของอัลลอฮฺ และการพบพระองค์ชนเหล่านั้น พวกเขาท้อแท้ต่อความเมตตาของข้าและชนเหล่านั้น สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด
24. ดังนั้น คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า จงฆ่าเขาหรือเผาเขาเสียแต่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากไฟแท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
25. และเขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า แท้จริงพวกท่านได้ยึดเอารูปปั้นต่าง ๆ อื่นจากอัลลอฮฺเพื่อให้เป็นที่รักใคร่ระหว่างพวกท่านในชีวิตแห่งโลกนี้และในวันกิยามะฮฺ บางคนในหมู่พวกท่านก็จะปฏิเสธอีกบางคน และบางคนในหมู่พวกท่านก็จะแช่งด่าอีกบางคน


คำแปล R5.
๒๓.และบรรดาผู้เนรคุณต่อโองการต่าง ๆ ของอัลเลาะห์โดยการคัดค้านและทระนงตนต่อโองการดังกล่าวและคัดค้านในการพบกับพระองค์ อัลเลาะห์ภายหลังจากการฟื้นคืนชีพจากสุสาน พวกเหล่านั้นสิ้นหวังที่จะได้รับความเมตตาของข้าและพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันทรมานยิ่ง
๒๔. แท้จริงคำตอบจากกลุ่มชนของเขาไม่มีอื่นใดทั้งสิ้นเมื่อได้ฟังคำประกาศของเขาดังกล่าวนั้น นอกจากพวกนั้นกล่าวแก่กันและกันด้วยความอาฆาตแค้นในตัวของเขาว่าพวกท่านจงฆ่าเขาเถิดหรือมิฉะนั้นก็จงเผาเขาเสียทั้งเป็นให้สาสมกับที่คิดทำลายล้างหลักปฏิบัติดั้งเดิมที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ แต่แล้วอัลเลาะห์ก็ยังความปลอดภัยแก่เขาให้พ้นจากไฟที่พวกนั้นได้ก่อขึ้นและส่งตัวของเขาเข้าไปในกองไฟนั้น แท้จริงในประวัติแห่งนบีอิบรอฮีมที่กล่าวไว้นั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์อันชัดแจ้งที่จะให้ข้อคิดเตือนใจแก่กลุ่มชนที่มีศรัทธาโดยแท้จริง
๒๕. และนบีอิบรอฮีม เขาได้กล่าวแก่กลุ่มชนนั้นว่าความเป็นจริงพวกเจ้าทั้งหลายได้ยึดเอาเจว็ดต่าง ๆ อันนอกจากอัลเลาะห์เป็นที่กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสื่อสัมพันธ์และเป็นความรักระหว่างพวกเจ้าเองในชีวิตสกลภพนี้โดยพวกเจ้ารู้สึกว่าทุก ๆ คนที่กราบไหว้ต่อเจว็ดเหล่านั้นเป็นภราดรเดียวกันอันจะแยกออกจากกันไม่ได้ แต่หลังจากนั้นในวันแห่งปรภพหน้า บางส่วนของพวกเจ้าก็จะเนรคุณต่ออีกบางสาวน และบางส่วนของพวกเจ้าก็จะสาปแช่งแก่อีกบางส่วน ซึ่งความสนิทสนมและความรักที่เคยมีต่อกันเมื่อปางอดีตได้อันตรธานไปสิ้น เปลี่ยนมาเป็นความโกรธแค้นระหว่างกันและกัน และซัดทอดความผิดให้แก่กันและกัน และที่อยู่ของพวกเจ้าคือขุมนรก และพวกเจ้าจะไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ช่วยเหลือที่มีความสามารถและมีอำนาจช่วยได้เลย นอกจากต้องเข้าไปรับโทษในนรกนั้นตลอดไป


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 26 - 30


คำอ่าน
26. ฟะอามะนะละฮูลูฎุ วะกอละอิน..นีมุฮาญิรุนอิลาร็อบบี อินนธฮูฮุวัลอะซีซุลหะกีม
27. วะวะฮับนาละฮู..อิสหาเกาะ วะยะอฺกูบะ วะญะอัลนาฟีซุรฺรียะติฮิน..นุบูวะตะ วัลกิตาบะ วะอาตัยนาฮุ อัจญเราะฮู ฟิดดุนยา วะอิน..นะฮู ฟิลอาคิเราะติ ละมินัศศอลิหีน
28. วะลูฏ็อน อิซกอละลิก็อวมิฮี..อิน..นะกุม ละตะอ์ตูนัลฟาหิชะตะ มาสะบะเกาะกุม..บิฮามินอะหะดิม..มินัลอาละมีน
29. อะอิน..นะกุม ละตะอ์ตูนัรฺริญาละ วะตักเฏาะอูนัสสะบีล วะตะอ์ตูนะ ฟีนาดีกุมุลมุน..กัรฺ ฟะมากานะ ญะวาบะก็อวมิฮี..อิลลา..อัน..กอลุอ์ตินา บือะซาบิลลาฮิ อิน..กุน..ตะมินัศศอดิกีน
30. กอละร็อบบิน..ศุรฺนี อะลัลก็อวมิลมุฟสิดีน


คำแปล R1.
26. So Lout (Lot) believed in him [Ibrahim's (Abraham) message of Islamic Monotheism]. He [Ibrahim (Abraham)] said: "I will emigrate for the sake of my Lord. Verily, He is the All-Mighty, the All-Wise."
27. And we bestowed on him [Ibrahim (Abraham)], Ishaque (Isaac) and Ya'qub (Jacob), and ordained among his offspring prophethood and the Book [i.e. the Taurat (Torah) (to Musa - Moses), the Injeel (Gospel) (to 'Iesa - Jesus), the Qur'an (to Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), all from the offspring of Ibrahim (Abraham)], and we granted him his reward in this world, and verily, in the Hereafter he is indeed among the righteous.
28. And (remember) Lout (Lot), when he said to his people: "You commit Al-Fahishah (sodomy the worst sin) which none has preceded you in (committing) it in the 'Alamin (mankind and jinns)."
29. "Verily, you do sodomy with men, and rob the wayfarer (travelers, etc.)! and practise Al-Munkar (disbelief and polytheism and every kind of evil wicked deed) in your meetings." but his people gave no answer except, that they said: "Bring Allah's torment upon us if you are one of the truthful."
30. He said: "My Lord! Give me victory over the people who are Mufsidun (those who commit great crimes and sins, oppressors, tyrants, mischief-makers, corrupts).


คำแปล R2.
26. ต่อมาลู๊ฏ(ซึ่งเป็นบุตรแห่งพี่น้องของเขา)ได้ศรัทธาต่อเขา(นบีอิบรอฮีม)และเขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอ(ปาวารนาตัว)อพยพเข้าสู่องค์อภิบาลของข้าพเจ้า แท้จริงพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด อีกทั้งทรงปรีชาเป็นที่สุด”
27. และเราได้ให้(บุตรสองคนคือ)อิสหากและยะอฺกู๊บแก่เขา(นบีอิบรอฮีม) และเราได้บันดาลในสายตระกูลของเขาให้ได้ตำแหน่งศาสดาและคัมภีร์ และเราได้มอบรางวัลแก่เขาในโลกนี้ และแท้จริงในโลกหน้าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติดี
28. และ(จงระลึกถึงประวัติศาสตร์ของนบี)ลู๊ฏ เมื่อเขาได้ประกาศแก่ประชาชนของเขาว่า “แต่จริงพวกท่านประพฤติแต่สิ่งอนาจาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่มีผู้ใดจากชาวโลกทั้งหลายเคยประพฤติสิ่งนั้นมาก่อนหน้าพวกท่านเลย
29. แท้จริงพวกท่านยังจะทำการสมสู่กับบรรดาผู้ชาย(ด้วยกัน)และพวกท่านยังจะ(ดัก)ตัดทาง(เพื่อดักชิงผู้ชายนักเดินทางมาสมสู่) และพวกท่านยังจะดำเนินการสิ่งต้องห้ามในสถานชุมนุมของพวกท่านอีกกระนั้นหรือ? แต่ไม่มีคำตอบของประชาชนของเขานอกจากพวกเขาได้แต่พูด(เย้ยหยันและล้อเลียน)ว่า “จงนำมาสู่พวกเราเถิด ซึ่งการลงโทษของอัลเลาะฮฺ หากท่านเป็นบรรดาผู้หนึ่งจากผู้สัตย์จริง”
30. (นบีลู๊ฏ) เขาวิงวอน(ต่ออัลเลาะฮฺ)ว่า “โอ้องค์อภิบาลโปรดช่วยข้าพเจ้าให้มีชัยชนะเหนือกลุ่มชนผู้บ่อนทำลาย(ด้วยเถิด)”


คำแปล R3.
26. ดังนั้นลูฏได้เชื่อเขา และอิบรอฮีมได้กล่าวว่า “ฉันจะอพยพไปยังพระผู้อภิบาลของฉัน แน่นอนพระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ”
27. และเราได้ประทาน(บุตรเช่น)อิสฮากและยะกู๊บแก่เขาและได้ทำให้ลูกหลานของเขาได้เป็นนบีและมีคัมภีร์ และเราได้ประทานรางวัลของเขาในโลกนี้แก่เขาและในโลกหน้า แน่นอนเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ทรงความดี
28. และเราได้ส่งลูฏมาเมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “พวกท่านได้ทำสิ่งลามกที่ไม่เคยมีใครคนใดในโลกทำมาก่อน
29. พวกท่านเข้าหาผู้ชายด้วยกันและพวกท่านปล้นสะดมผู้คนบนหนทางและกระทำสิ่งลามกอนาจารในที่ชุมชนของพวกท่านกระนั้นหรือ? แต่คำตอบของหมู่ชนของเขาก็มิใช่อะไรนอกไปจากที่พวกเขากล่าวว่า “จงนำการลงโทษของอัลลอฮฺมาสิ ถ้าหากท่านพูดจริง”
30. ลูฏได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดส่งช่วยฉันต่อหมู่ชนผู้ก่อความเสียหายเหล่านี้ด้วยเถิด”


คำแปล R4.
26. ดังนั้นลูฏได้ศรัทธาต่อเขา และเขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า แท้จริงฉันอพยพไปหาพระเจ้าของฉันแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
27. และเราได้ให้อิสหากแก่เขา และเราได้ให้การเป็นนะบี และคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขาและเราได้แก่เขาซึ่งรางวัลของเขาในโลกนี้และแท้จริงเขาในปรโลกจะอยู่ในหมู่คนดี
28. และ (จงรำลึกถึง) ลูฏ เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า แท้จริงพวกท่านได้กระทำการลามกซึ่งไม่มีผู้ใดในหมู่มวลชนกระทำมาก่อนพวกท่านเลย
29. แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายและปล้นบนทางหลวงกระนั้นหรือ ? และกระทำอนาจารในที่ชุมชนของพวกท่านแต่คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า จงนำการลงโทษของอัลลอฮฺมาให้แก่พวกเราซิหากท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง
30. เขา (ลูฏ) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้อยู่เหนือหมู่ชนผู้บ่อนทำลายด้วยเถิด


คำแปล R5. 
๒๖. เมื่อนบีลู๊ตซึ่งเป็นลูกของฮารอนพี่ของนบีอิบรอฮีมได้มองเห็นปาฏิหาริย์ของนบีอิลรอฮีม ดังนั้นลู๊ต จึงศรัทธาในเขา(นบีอิบรอฮีม) และนบีอิบรอฮีมเขากล่าวว่า แท้จริงข้าต้องอพยพออกจากกลุ่มชนของข้าไปสู่ประเทศชามตามคำสั่งขององค์อภิบาลของข้า แท้จริงพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชายิ่ง
๒๗. และเราได้ประทานบุตรแก่เขาภายหลังจากนบีอิสมาอีลคือนบีอิสฮากและ นบียะกู๊บ และเราได้บันดาลในเผ่าพันธุ์ของเขาซึ่งศาสดาภาพและคัมภีร์โดยแต่งตั้งลูกหลานของนบีอิบรอฮีมให้เป็นศาสดาผู้เผยสัจธรรมของอัลเลาะห์ และเราได้ประทานแก่เขาซึ่งรางวัลของเขาในสกลภพโดยชนทุกชาติทุกศาสนาต่างให้การยกย่องแก่เขาอย่างทั่วถึง และแท้จริงเขาเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาคนดีซึ่งมีตำแหน่งอันสูงส่งในปรภพ
๒๘. และโอ้มุฮำมัดเจ้าจงนึกถึงประวัติของนบีลู๊ต เมื่อเขาได้ประกาศแก่กลุ่มชนของเขาว่า แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายประกอบกรรมอันลามก คือการร่วมเพศระหว่างชายต่อชายซึ่งไม่มีผู้ใดจากชาวโลกที่กระทำการดังกล่าวก่อนหน้าพวกเจ้าเลย
๒๙. แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายมิใช่หรือที่ทำการสมสู่เพศชายด้วยกันและพวกเจ้าคอยดักทางเดินของผู้คนทั้งหลายเพื่อชิงตัวผู้เดินทางนำไปประกอบการลามกดังกล่าวเป็นประจำ จนไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงเดินทางผ่าน และพวกเจ้าประกอบสิ่งต้องห้ามดังกล่าวนั้นต่อกันและกันในสถานที่พบปะของพวกเจ้าโดยปราศจากความละอาย เมื่อนบีอิบรอฮีม(หมายเหตุผู้นำเสนอ น่าจะเป็นนบีลู๊ต)ได้กล่าวเตือนพวกนั้นและคาดโทษไว้ว่าจะต้องประสบอย่างแน่นอน แท้จริงไม่มีคำตอบจากกลุ่มชนของเขานอกจากพวกเขากล่าวในอาการเย้ยหยันแก่นบีลู๊ตว่าจงนำการลงโทษมาสู่เราเถิด แม้นเจ้าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้มีสัจจะในคำประกาศนั้น ๆ ของเจ้า
๓๐. นบีลู๊ตเขากล่าววิงวอนต่ออัลเลาะห์ว่า โอ้ผู้ทรงอภิบาลโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วยเถิด ให้ข้าพระองค์ได้รับชัยชนะเหนือกลุ่มชนผู้บ่อนทำลายศีลธรรมอันดีงามของมนุษยชาติ ซึ่งอัลเลาะห์ก็ทรงตอบสนองคำวิงวอนของนบีลู๊ตเป็นอันดี


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 
สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 31 - 35



คำอ่าน
31. วะลัม..มาญา...อัตรุสุลุนา..อิบรอฮีมะบิลบุชรอ กอลู..อิน..นามุฮฺลิกู..อะฮฺลิ ฮาซิฮฺลก็อรฺยะฮฺ อิน..นะอะฮฺละฮา กานูซอลิมีน
32. กอละ อิน..นะฟีฮาลูฏอ กอลูนะหฺนุ อะอฺละมุบิมัน..ฟีฮา ละนุนัจญิยัน..นะฮู วะอะฮฺละฮู..อิลลมเราะอะตะฮฺ กานัตมินัลฆอบิรีน
33. วะลัม..มา..อัน..ญา..อัตรุสุลุนาลูฏ็อน..สี...อะบิฮิม วะฎอเกาะบิฮิมซัรฺเอา..วะกอลูลาตะค็อฟ วะลาตะหฺซัน อิน..นามุนัจญูกะ วะอะฮฺละกะ อิลลัมเราะอะตะกะ กานัตมินัลฆอบิรีน
34. อิน..นามุน..ซิลูนะ อะลาอะฮฺลิ ฮาซิฮิลก็อรฺยะติ ริจญซัม..มินัสสะมา...อิ บิมากานูยัฟสุกูน
35. วะละก็อดตะร็อกนา มินฮา..อายะตัม..บัยยินะตัล ลิก็อวมี..ยะอฺกิลูน


คำแปล R1.
31. And when our Messengers came to Ibrahim (Abraham) with the glad tidings they said: "Verily, we are going to destroy the people of this [Lout's (Lot's)] town (i.e. the town of Sodom in Palestine) truly, its people have been Zalimun [wrong-doers, polytheists and disobedient to Allah, and have also belied their Messenger Lout (Lot)]."
32. Ibrahim (Abraham) said: "But there is Lout (Lot) In it." they said:” We know better who is there, we will verily save him [Lout (Lot)] and his family, except his wife, she will be of those who remain behind (i.e. she will be destroyed along with those who will be destroyed from her folk)."
33. And when our messengers came to Lout (Lot), he was grieved because of them, and felt straitened on their account. They said: "Have no fear, and do not grieve! Truly, we shall save you and your family, except your wife, she will be of those who remain behind (i.e. she will be destroyed along with those who will be destroyed from her folk).
34. Verily, we are about to bring down on the people of this town a great torment from the sky, because they have been rebellious (against Allah's Command)."
35. And indeed we have left thereof an evident Ayah (a lesson and a warning and a sign the place where the dead sea is now in Palestine) for a folk who understand.


คำแปล R2.
31. และเมื่อบรรดาทูต(มลาอิกะฮฺ)ของเราได้มาหาอิบรอฮีมพร้อมด้วยข่าวดี(มาแจ้งแก่เขา)โดยพวกเขาแจ้งว่า “แท้จริงพวกเราจะมาทำลายล้างชาวเมืองนี้ เพราะว่าชาวเมืองนี้เป็นพวกฉ้อฉลอย่างแท้จริง”
32. (นบีอิบรอฮีม)เขาจึงกล่าว (แย้งขึ้น)ว่า “แท้จริงในเมืองนั้นมีลู๊ฏ(อยู่ด้วย)” พวกเขา(ทูตเหล่านั้น)จึงกล่าวว่า “เราทราบดีว่ามีใครอยู่ในนั้นบ้าง ขอสาบาน เราจักให้เขาและครอบครัวของเขาปลอดภัย(จากการทำลายล้างครั้งนี้) ยกเว้นเพียงภริยาของเขาเท่านั้น นางเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ตกค้างอยู่(ในการลงโทษ)
33. และเมื่อบรรดาทูต(มลาอิกะฮฺ)ของเราได้มาหา(นบี)ลู๊ฏ เขามีความรู้สึกเศร้าโศกเพราะ(การมาของ)พวกนั้น และรู้สึกเป็นกังวลกับพวกเขา(เพราะความกลัวพวกนั้น) และพวกนั้นได้พูดกับเขาว่า “ท่านอย่ากลัวและท่านอย่าเศร้าโศก แท้จริงพวกเรามาเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ท่าน และครอบครัวของท่าน ยกเว้นภริยาของท่าน นางเป็นหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ตกค้างอยู่(ในการลงโทษ)”
34. แท้จริงพวกเราจะให้โทษทัณฑ์ลงมาประสบแก่ชาวเมืองนี้จากฟ้า เพราะเหตุที่เขาเคยประพฤติเลวทราม
35. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ทิ้งไว้จากมัน(เมืองนั้น)ซึ่งสัญลักษณ์อันแจ้งชัด สำหรับกลุ่มชนที่ใช้ปัญญา


คำแปล R3.
31. และเมื่อทูตของข้าได้มายังอิบรอฮีมพร้อมกับข่าวดี พวกเขากล่าวแก่เขาว่า “เรากำลังจะทำลายผู้คนของเมืองนี้ เพราะว่าชาวเมืองนี้ได้กลายเป็นผู้กระทำความชั่ว”
32. อิบรอฮีมได้กล่าวว่า “ลูฏก็อยู่ในเมืองนั้นด้วย” พวกเขาจึงได้ตอบว่า “เรารู้ดีว่าใครอยู่ในนั้น เราจะช่วยเขาและครอบครัวของเขายกเว้นภรรยาของเขาฎ เพราะนางเป้นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ยังคงอยู่ข้างหลัง
33. แล้วเมื่อทูตของเราได้มายังลูต เขาก็เกิดกังวลและหวั่นใจ แต่พวกเขากล่าวว่า “จงอย่ากลัวและเป็นทุกข์ใจ เราจะช่วยเหลือท่านและคนของท่านให้ปลอดภัยยกเว้นภรรยาของท่านที่อยู่รั้งหลัง
34. เรากำลังจะนำการลงโทษจากท้องฟ้าลงมายังผู้คนของเมืองนี้เพราะความชั่วที่พวกเขากระทำ”
35. และเราได้ถึงสัญญาณอันชัดเจนอย่างหนึ่งไว้จากเมืองนั้นสำหรับบรรดาผู้ใช้สามัญสำนึกของพวกเขา


คำแปล R4.
31. และครั้นเมื่อทูตของเรา (มะลาอิกะฮฺ) ได้มาหาอิบรอฮีมพร้อมด้วยข่าวดี พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราเป็นผู้ทำลายชาวเมืองนี้ เพราะว่าชาวเมืองของมันเป็นผู้อธรรม
32. เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า แท้จริงในเมืองนั้นมีลูฏอยู่ด้วย พวกเขากล่าวว่า เรารู้ดีว่ามีใครอยู่ในนั้น แน่นอนเราจะช่วยเขาและบริวารของเขาให้รอดพ้น เว้นแต่ภริยาของเขาเพราะนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
33. และเมื่อทูตของเรา (มะลาอิกะฮฺ) ได้มาหาลูฏ เขาเป็นทุกข์เพราะพวกเขา และกลัวที่จะให้ความคุ้มครองไม่ได้ ดังนั้น (มะลาอิกะฮฺ) จึงกล่าวว่า อย่ากลัวและเศร้าโศกเสียใจแท้จริงเราเป็นผู้ช่วยเหลือท่านและบริวารของท่านเว้นแต่ภริยาของท่าน เพราะนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
34. แท้จริงเราเป็นผู้นำการลงโทษจากฟากฟ้าสู่ชาวเมืองนี้ เนื่องจากพวกเขาฝ่าฝืน
35. และโดยแน่นอน เราได้ทิ้งสัญญาณอันชัดแจ้งของเมืองนี้ไว้สำหรับหมู่ชนผู้มีปัญญาพิจารณา


คำแปล R5.
๓๑. และเมื่อบรรดา มลาอิกะห์ซึ่งเป็นทูตของเราได้นำข่าวดีมายังอิบรอฮีม โดยแจ้งให้ทราบว่าจะได้บุตรคืออิสฮากและยะกู๊บ มาช่วยทำหน้าที่ตักเตือนมวลชนสืบเนื่องต่อไป พวกทูตเหล่านั้นเขาก็กล่าวว่า แท้จริงพวกเราจักเป็นผู้ทำลายล้างเมืองนี้ให้สาบสูญไปจากแผ่นดินเพราะชาวเมืองล้วนเป็นผู้อธรรมทั้งสิ้น
๓๒. นบีอิบรอฮีมเขากล่าวว่า แท้จริงในเมืองนั้นมีนบีคนหนึ่งชื่อลู๊ต เขาก็พลอยเสียชีวิตไปกับการลงโทษครั้งนี้ด้วย พวกทูตเขากล่าวว่า เราทราบดีกับผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้น แน่นอนเราจะทำให้เขาและครอบครัวของเขาปลอดภัยจากการลงโทษ ยกเว้นภรรยาของเขา นางเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาที่จะคงอยู่ในการลงโทษครั้งนี้ เนื่องเพราะนางได้ดื้อดึงต่อคำสอนของนบีลู๊ต
๓๓. และเมื่อบรรดามลาอิกะห์ผู้เป็นทูตของเราได้มาหาลู๊ตโดยจำแลงเป็นชายหนุ่มรูปงาม ก็ทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์ต่อพวกเขา และเขารู้สึกคับอกคับใจกับพวกนั้น ด้วยความไม่สบายใจที่ทูตเหล่านั้นแปลงมาในรูปชายหนุ่มรูปงาม เพราะชาวเมืองนั้นถ้าเห็นชายหนุ่มรูปงามก็จะเกิดพิศวาสและเกรงว่าพวกนั้นจะเข้าใจผิด เข้ามารุมกันชิงตัวไปทำอนาจารตามธรรมเนียมของพวกเขา และพวกทูตเหล่านั้นจึงบอกกับนบีลู๊ต ว่า พวกตนเป็นทูตจากพระเจ้า ท่านอย่ากลัวและอย่าเศร้าโศก แท้จริงพวกเราจะยังความปลอดภัยแก่ท่านและครอบครัวของท่านให้พ้นจากการลงโทษ ยกเว้นภรรยาของท่านเพียงคนเดียวที่ดื้อดึง นางเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้คงอยู่ในการลงโทษ
๓๔. แท้จริงเราจะหลั่งการลงโทษจากฟากฟ้าเหนือชาวเมืองนี้เพราะพวกเขาได้ประพฤติความเสื่อมเสียอันรุนแรงคือการสมสู่ระหว่างชายต่อชาย
๓๕. และโดยแท้จริงเราได้ทิ้งสัญลักษณ์หนึ่งอันชัดแจ้งจากมัน(เมืองนั้น)เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นอนุสติแก่กลุ่มชนผู้ใช้ปัญญาในรุ่นหลังจะได้ใคร่ครวญและพิจารณา สัญลักษณ์ดังกล่าวคือซากสลักปรักพังและร่องรอยของความสูญสลายของเมืองนั้น อันจะปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ตลอดไป


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 36 - 39


คำอ่าน
36. วะอิลามัดยะนะ อะคอฮุมชุอัยบัน..ฟะกอละ ยาก็อวมิอฺบุดุลลอฮะ วัรฺญุลเยามัลอาคิเราะ วะลาตะอฺเษาฟิลอัรฺฎิ มุฟสิดีน
37. ฟะกัซซะบูฮุ ฟะอะเคาะซัตฮุมุรฺร็จญฟะตุ ฟะอัศบะหู ฟีดาริฮิม ญาษิมีน
38. วะอาเดา..วะษะมูดุ วะก็อดตะบัยยะนะ ละกุม..มิม..มะสากินิฮิม วะซัยยะนะละฮุมุชชัยฏอนุ อะอฺมาละฮุม ฟะศ็อดดะฮุม อะนิสสะบีลิ วะกานูมุสตับศิรีน
39. วะกอรูนะ วะฟิรฺเอานะ วะฮามาน วะละก็อดญา...อะฮุม..มูสาบิลบัยยินาติ ฟัสตักบะรูฟิลอัรฺฎิ วะมากานูสาบิกีน


คำแปล R1.
36. And to (the people of) Madyan (Midian), we sent their brother Shu'aib (Shuaib). He said: "O my people! Worship Allah, and hope for (the reward of good deeds by worshipping Allah alone, on) the Last day, and commit no mischief on the earth as Mufsidun (those who commit great crimes, oppressors, tyrants, mischief-makers, corrupts).
37. And they belied him [Shu'aib (Shuaib)], so the earthquake seized them, and they lay (dead), prostrate in their dwellings.
38. And 'Ad and Thamud (people)! And indeed (their destruction) is clearly apparent to you from their (ruined) dwellings. Shaitan (Satan) made their deeds fair-seeming to them, and turned them away from the (right) path, though they were intelligent.
39. And (We destroyed also) Qarun (Korah), Fir'aun (Pharaoh), and Haman. and indeed Musa (Moses) came to them with clear Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), but they were arrogant In the land, yet they could not outstrip us (escape Our punishment).


คำแปล R2.
36. และ(เราได้ส่ง)มายังมัดยัน พี่น้องของเขาคือชุอัยบ์ แล้วเขาก็ประกาศว่า “โอ้กลุ่มชนของฉัน พวกท่านจงนมัสการต่ออัลเลาะฮฺ และจงมุ่งหวังวันสุดท้ายเถิด และพวกท่านอย่าบ่อนทำลายอย่างเสื่อมทรามในแผ่นดิน
37. แต่แล้วพวกเขากลับว่าเขามุสา ดังนั้นแผ่นดินถล่มจึงได้ทำลายล้างพวกเขา แล้วพวกเขาก็ล้มพังพาบตายในบ้านเรือนของพวกเขา
38. และ(จงระลึกถึงความหายนะของ)พวกอ๊าดและสมู๊ด ความจริงได้ปรากฏชัดแจ้งสำหรับพวกท่านแล้ว จากบรรดาที่อยู่อาศัยของพวกเขา และมารร้ายได้ประดับ(ความคิด)แก่พวกเขา(ให้เห็นงดงาม)ในบรรดาการงาน(อันชั่วร้ายทั้งหลาย)ของพวกเขา และมันก็ขัดขวางพวกเขาไว้จากแนวทาง(อันเที่ยงแท้ของอัลเลาะฮฺ) ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นพวกที่มีสติปัญญาลึกซึ้ง
39. และ(จงระลึกถึงความหายนะของ) กอรูน, ฟิรเอาน์และฮามาน ขอยืนยัน แท้จริงมูซาได้มาสู่พวกเขาพร้อมกับบรรดาสัญลักษณ์อันชัดแจ้ง แต่แล้วพวกเขากับผยองเกียรติในแผ่นดิน และพวกเขามิใช่พวกที่ล่วงพ้น(จากการลงโทษของอัลเลาะฮฺ)


คำแปล R3.
36. และยังชาวมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องของพวกเขามา นั่นคือชุอัยบฺ เขาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉัน จงเคารพภักดีอัลลอฮิและจงคำนึงถึงวันสุดท้าย และจงอย่าทำอะไรเกินเลยเป็นผู้สร้างความเสียหายในแผ่นดิน”
37. แต่พวกเขาเหล่านั้นถือว่าเขาโกหก ดังนั้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจึงได้ทำลายพวกเขา และพวกเขาได้นอนสิ้นชีวิตอยู่ในที่อาศัยของพวกเขา
38. และเราได้ทำลายพวกอ๊าดและษะมูด สูเจ้าได้เห็นที่อาศัยของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว มารร้ายได้ทำให้การงานของพวกเขาเป็นที่ดูดีแก่พวกเขาและได้ทำให้พวกเขาหลงออกไปจากหนทางที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าพวกเขาเป็นคนมีสติปัญญา
39. และเราได้ทำลายกอรูนและฟิรเอาน์และฮามาน มูซาได้มายังพวกเขาพร้อมกับหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาโอหัง เป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากเรา

 
คำแปล R4.
36. และยัง (หมู่ชน) มัดยัน (เราได้ส่ง) พี่น้องของพวกเขาคือชุไอบ์ เขากล่าวขึ้นว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! จงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และจงกลัววันสุดท้าย และอย่ามุ่งทำความเสียหายในแผ่นดินโดยเป็นผู้บ่อนทำลาย
37. แต่พวกเขาได้ปฏิเสธเขา ดังนั้นแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงได้คร่าพวกเขา แล้วพวกเขาได้ประสบความหายนะนอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา
38. และอ๊าดและซะมูด  และได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าแล้ว จากที่พำนักของพวกเขาและมารชัยฏอนได้ทำให้การงานของพวกเขา เป็นที่เพริศแพร้วแก่พวกเขา แล้วมันได้หันเหพวกเขาออกจากแนวทางโดยที่พวกเขาเป็นผู้มีสติปัญญาพิจารณา
39. และ (เราได้ทำลาย) กอรูน และฟิรเอาน์และฮามานและโดยแน่นอนมูซาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาหยิ่งผยองในแผ่นดินและพวกเขาก็หาได้รอดพ้นไปจากเราไม่


คำแปล R5.
ประวัติของนบีชุไอ๊บ
๓๖. และเราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งมายังเมืองมัดยัน เขาเป็นพี่น้องของพวกชาวเมืองนั้นและมีชื่อว่าชุไอ๊บ์ แล้วเขาก็ประกาศ ต่อกลุ่มชนของเขาว่า โอ้พวกพ้องของข้า พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะห์และจงมุ่งหวังวันปรภพเถิดและพวกท่านอย่าเป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดินนี้เป็นอันขาด
๓๗. แต่แล้วพวกนั้นได้ว่าเขาเป็นผู้มุสาในคำประกาศดังกล่าวและไม่ยอมรับศรัทธาเลย ดังนั้นแผ่นดินไหวอันรุนแรงจึงประสบแก่พวกเขาจนทำให้พวกเขาเสียชีวิตโดยคุกเข่าอยู่ในบ้านเรือนของพวกเขาเอง
ประวัติของนบีฮู๊ดและซอลิห์
๓๘. และเราได้ทำลายอ๊าดซึ่งเป็นกลุ่มชนของนบีฮู๊ด ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่อะหก๊อฟ ใกล้ ๆ เมืองยะมัน และสะมู๊ดซึ่งเป็นกลุ่มชนของนบีซอลิห์ ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ “อัลฮิจริ” ใกล้กับ “วาดิลกุรอ” และแท้จริงได้เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่พวกเจ้าแล้วถึงที่อยู่ของพวกนั้นว่าได้ถูกลงโทษและถูกทำลานจนย่อยยับ และมารร้ายได้ประดับประดาความประพฤติอันเลวทรามของพวกเขา ดังนั้นมันจึงขัดขวางพวกเขาจากแนวทางอันเที่ยงธรรมของศาสนา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้มีวิจารณญาณ แต่ก็หาได้ใช้วิจารณญาณให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองไม่
๓๙. และเราได้ทำลายกอรูน ฟิรเอาน์ และฮามาน และแท้จริงบรรดาบุคคลทั้งสามนั้น นบีมูซาได้มาสู่พวกเขาพร้อมด้วยบรรดาปาฏิหาริย์และหลักฐานที่แจ้งชัด แต่แล้วพวกเขาได้ทระนงตนในแผ่นดิน ไม่ยอมเชื่อถือในคำประกาศของยบีมูซา และไม่ยอมนมัสการต่อเอกองค์อัลเลาะห์เจ้า และพวกเขามิอาจรอดพ้น จากการลงโทษของเราได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 40 - 44


คำอ่าน
40. ฟะกุลลัน อะค็อซนาบิซัม..บิฮฺ ฟะมินฮุม..มันอัร์สัลนา อะลัยฮิหาศิบา วะมินฮุม..มันอะเคาะซัคฮุศศ็อยหะตุ วะมินฮุม..มันเคาะสัฟนาบิฮิลอัรฺเฎาะ วะมินฮุม..มันอัฆร็อกนา วะมากานัลลอฮุ ลิยัซลิมะฮุม วะลากิน..กานู..อัน..ฟุสะฮุม ยัซลิมูน
41. มะษะลุลละซีนัตตะเคาะซู มิน..ดูนิลลาฮิ เอาลิยา...อะ กะมะษะลิลอัน..กะบูติ อิตตะเคาะซัตบัยตา วะอิน..นะ เอาฮะนัลบุยูติ ละบัยตุลอัน..กะบูต เลากานูยะอฺละมูน
42. อิน..นัลลอฮะ ยะอฺละมุ มายัดอูนะ มิน..ดูนิฮี มิน..ชัยอ์ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม
43. วะติลกัลป์อัมษาลุ นัฎริบุฮาลิน..นาส วะมายะอฺกิลุฮา..อิลลัลอาลิมูน
44. เคาะละก็อลลอฮุสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะบิลหักกฺ อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายะตัลลิลมุอ์มินีน


คำแปล R1.
40. So we punished each (of them) for his sins, of them were some on whom we sent Hasiban (a violent wind with shower of stones) [as the people of Lout (Lot)], and of them were some who were overtaken by As-Saihah [torment - awful cry, etc. (as Thamud or Shu'aib's people)], and of them were some whom we caused the earth to swallow [as Qarun (Korah)], and of them were some whom we drowned [as the people of Nuh (Noah), or Fir'aun (Pharaoh) and his people]. It was not Allah who wronged them, but they wronged themselves.
41. The likeness of those who take Auliya' (protectors and helpers) other than Allah is as the likeness of a spider, who builds (for itself) a house, but verily, the frailest (weakest) of houses is the spider's house; if they but knew.
42. Verily, Allah knows what things they invoke instead of him. He is the All-Mighty, the All-Wise.
43. And these similitude’s we put forward for mankind, but none will understand them except those who have knowledge (of Allah and his signs, etc.).
44. (Allah says to his Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Allah (Alone) created the heavens and the earth with truth (and none shared Him in their creation)." Verily! Therein is surely a sign for those who believe
.

คำแปล R2.
40. แท้จริงแต่ละคนนั้น เราได้ทำลายล้างเพราะบาปของเขา ซึ่งบางส่วนของพวกเขาเป็นผู้ที่เราได้ส่งลมที่หอบเอาหินมาทับเขา และบางส่วนของพวกเขา ผู้ที่เราได้ให้เสียงกัมปนาททำลายล้าง และบางส่วนของพวกเขา เป็นผู้ที่เราได้ให้ธรณีสูบ และบางส่วนของพวกเขาเป็นผู้ที่เราให้จมน้ำตาย และอัลเลาะฮฺไม่ทรงอธรรมแก่พวกเขาเลย แต่พวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง
41. ข้อเปรียบเทียบแก่บรรดาจำพวกที่ยึดสิ่งอื่น ๆ นอกจากอัลเลาะฮฺขึ้นมาเป็นผู้คุ้มครอง ก็ประดุจดังแมงมุมที่สร้างบ้าน(ใยของมัน) และแท้จริงบ้านที่อ่อนแอที่สุดนั้นได้แก่ บ้านของแมงมุมนั่นเอง หากพวกเขารู้
42. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่เขาวอนนมัสการนอกเหนือจากพระองค์จะเป็นสิ่งใดก็ตาม และพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด ทรงปรีชาญาณเป็นที่สุด
43. และอุทาหรณ์เหล่านั้น เรายกมันขึ้นมาแก่มวลมนุษย์(ได้ตริตรอง) แต่ไม่(มีผู้ใด)ตริตรองมันได้หรอก นอกจากบรรดาผู้ทรงภูมิรู้เท่านั้น
44. อัลเลาะฮฺทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินโดยสัจธรรม แท้จริงในนั้นเป็นสัญลักษณ์สำหรับมวลศรัทธาชนทั้งปวง(ได้ตริตรอง)


คำแปล R3.
40. ดังนั้นเราได้ลงโทษพวกเขาแต่ละคนตามความผิดของเขา บางพวกเราได้ส่งพายุที่กระหน่ำหินใส่พวกเขา บางคนของพวกเขาก็ถูกเอาชีวิตด้วยการระเบิดอย่างกึกก้อง และบางคนเราก้ได้ให้แผ่นดินสูบจมลงไป และบางคนเราได้ทำให้จมน้ำ อัลลอฮฺมิได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง
41. อุปมาของผู้ที่ยึดเอาผู้คุ้มครองอื่นนอกไปจากอัลลอฮฺนั้นเปรียบเหมือนกับแมงมุมที่ชักใยทำรังของมัน และรังที่บอบบางที่สุดก็คือรังของแมงมุมถ้าพวกเขาเหล่านี้ได้รู้
42. อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าใครที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
43. นั่นคือการอุปมาที่เราได้ยกมาเพื่อเป้นการสอนมนุษย์ แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจมัน นอกจากผู้มีความรู้
44. อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยสัจธรรม แท้จริงในนั้นมีสัญญาณสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
40. และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา เช่น บางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุร้ายทำลายเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ลงโทษเขาด้วยเสียงกัมปนาท และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้แผ่นดินสูบเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้เขาจมน้ำตาย และอัลลอฮฺมิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง
41. อุปมาบรรดาผู้ที่ยึดเอาอื่นจากอัลลอฮฺเป็นผู้คุ้มครองอุปไมยดั่งแมงมุมที่ชักใยทำรังและแท้จริงรังที่บอบบางที่สุดคือรังของแมงมุม หากพวกเขารู้
42. แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งใด ๆ ที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
43. และเหล่านี้คืออุปมาทั้งหลายที่เราได้เปรียบเทียบมัน สำหรับปวงมนุษย์แต่ไม่มีผู้ใดตระหนักมันหรอก นอกจากผู้มีความรู้
44. อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงที่แน่นอนแท้จริงในการนี้แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่บรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๔๐. แท้จริงทุก ๆ ประชาชาติในยุคก่อน เราได้เอาโทษเขาโดยวิธีอันแตกต่างกัน คือ แท้จริงบางส่วนของพวกนั้นเราได้ส่งลูกหินจากไฟนรกให้กระหน่ำลงบนพวกเขา เช่น ประชาชาติในยุคของนบีลู๊ต และบางส่วนของพวกนั้นได้แก่ผู้ที่เสียงกัมปนาทแห่งยิบรออีลได้คร่าชีวิตของเขา เช่นประชาชาติในยุคของสะมู๊ดและบางส่วนจากพวกนั้นผู้ที่เราได้ให้แผ่นดินสูบเขา ทั้ง ๆ ที่เขากำลังยืน เช่น กอรูน และบางส่วนจากพวกนั้นผู้ที่เราได้ให้จมน้ำตาย เช่นกลุ่มของนบีนูห์และฟิรเอาน์กับพวก และอัลเลาะห์หาอธรรมต่อพวกเขาไม่ แต่พวกเขาได้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง
๔๑. อุปมาบรรดาผู้ที่ยึดเอาสิ่งต่าง ๆ นอกจากอัลเลาะห์เป็นผู้คุ้มครองและทำการกราบไหว้บูชา อุปไมยดั่งแมงมุมที่(ในต้นฉบับเป็น “แมลงมุม”)ชักใยทำบ้านของมันเองและแท้จริงบ้านที่อ่อนแอที่สุดคือบ้าน (ใย) ของแมงมุม ถ้าพวกเขารู้ว่าการกราบไหว้บูชาเจว็ดและสิ่งต่าง ๆ นอกจากอัลเลาะห์ไม่ยังประโยชน์ใด ๆ แก่พวกเขาเลย แน่นอนพวกเขาคงจะไม่ทำการกราบไหว้
๔๒. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขาวิงวอนอันนอกเหนือไปจากพระองค์จากสิ่งใดก็ตาม และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงประชายิ่ง
๔๓. และบรรดาอุทาหรณ์เหล่านั้น เราได้ยกมันมาเปรียบเทียบแด่มวลมนุษย์เพื่อให้ได้คิด แต่จะไม่มีผู้ใดใช้ปัญญาคิดแก่มันเลย นอกจากบรรดาผู้รู้เท่านั้น
๔๔. อัลเลาะห์ทรงดลบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินโดยสัจจะ แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์สำหรับศรัทธาชนทั้งหลายที่จะพินิจพิเคราะห์จนยอมรับในอำนาจและเอกภาพของอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 45 - 46


คำอ่าน
45. อุตลุมา..อูหิยะ อิลัยกะมินัลกิตาบิ วะอะกิมิศเศาะลาตะ อิน..นัศเศาะลาตะ ตันฮา อะนิลฟะหฺชา...อิ วัลมุน..กัรฺ วะละซิกรุลลอฮิอักบัรฺ วัลลอฮุยะอฺละมุมาตัศนะอูน
46. วะลาตุญาดิลู..อะฮฺลัลกิตาบิ อิลลาบิลละตี ฮิยะอะหฺสัน อิลลัลละซีนะเซาะละมูมินฮุม วะกูลู..อามัน..นาบิลละซี..อุน..ซิละอิลัยนา วะอุน..ซิละอิลัยกุม วะอิลาฮุนา วะอิลาฮุกุมวาหิดู..วะนะหฺนุละฮูมุสลิมูน


คำแปล R1.
45. Recite (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) what has been revealed to you of the Book (the Qur'an), and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat). Verily, As-Salat (the prayer) prevents from Al-Fahsha' (i.e. great sins of every kind, unlawful sexual intercourse, etc.) and Al-Munkar (i.e. disbelief, polytheism, and every kind of evil wicked deed, etc.) and the remembering (praising, etc.) of (you by) Allah (in front of the angels) is greater indeed [than your remembering (praising, etc.) Allah in prayers, etc.]. And Allah knows what you do.
46. And argue not with the people of the Scripture (Jews and Christians), unless it be in (a way) that is better (with good words and in good manner, inviting them to Islamic Monotheism with his verses), except with such of them as do wrong, and say (to them): "We believe in that which has been revealed to us and revealed to you; our Ilah (God) and your Ilah (God) is one (i.e. Allah), and to Him we have submitted (as Muslims)."


คำแปล R2.
45. เจ้าจงแถลง(โองการแห่ง)คัมภีร์ที่ถูกดลมายังเจ้าเถิด และเจ้าจงทำละหมาดเป็นนิจศีล เพราะแท้จริงการละหมาดจะยับยั้งความอนาจาร และสิ่งต้องห้ามได้ ขอยืนยัน แท้จริงการรำลึกถึงอัลเลาะฮฺย่อมยิ่งใหญ่ที่สุด(ไม่มีสิ่งใดเทียมทาน) และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
46. และเจ้าทั้งหลายอย่าได้โต้แย้งกับชาวคัมภีร์(ยิว-คริสต์)เว้นไว้ด้วยหลักการที่สวยงามที่สุด นอกจากบรรดาผู้ฉ้อฉลจากหมู่พวกนั้น และพวกเจ้าจงกล่าวว่า “เราศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกลงมายังเรา และที่ถูกลงมายังพวกท่าน อันพระเจ้าของเรากับพระเจ้าของพวกท่านก็คือพระเจ้าองค์เดียวกัน และพวกเรายอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์


คำแปล R3.
45. (โอ้ นบี) จงอ่านสิ่งที่ถูกวะฮียฺแก่เจ้าจากคัมภีร์และจงดำรงนมาซ แท้จริงการนมาซจะยับยั้งจากความลามกและการกระทำที่ชั่วช้า และการระลึกถึงอัลลอฮฺนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำ
46. และจงอย่าโต้เถียงกับชาวคัมภีร์นอกจากด้วยวิธีการที่ดีที่สุด นอกจากคนชั่วในหมู่พวกเขา และจงบอกพวกเขาว่า “เราศรัทธาในสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เราและสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกท่าน พระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าองค์เดียว และเราเป็นผู้นอบน้อมยอมตนต่อพระองค์

 
คำแปล R4.
45. เจ้าจงอ่านสิ่งที่ถูกวะฮีย์แก่เจ้าจากคัมภีร์และจงดำรงการละหมาด (เพราะ) แท้จริงการละหมาดนั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่ว และการรำลึกถึงอัลลอฮฺนั้นยิ่งใหญ่มาก และอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
46. และพวกเจ้าอย่าโต้เถียงกับพวกอะฮฺลุลกิตาบเว้นแต่ด้วยวิธีที่ดีกว่า นอกจากบรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเขา และพวกเจ้าจงกล่าวว่า เราศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่เราและสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่พวกเจ้า และพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกเจ้าเป็นเอกะและเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์

 
คำแปล R5.
๔๕. เจ้าจงอ่านจากสิ่งที่เจ้าได้รับดลโองการจากคัมภีร์ อัลกุรอาน และเจ้าจงทำละหมาดเถิด เพราะแท้จริงการละหมาดจะยับยั้งความชั่วและความผิดได้ และการรำลึกถึงอัลเลาะห์ย่อมยิ่งใหญ่กว่า การปฏิบัติศาสนกิจใด ๆ ทั้งสิ้น และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายกระทำ แล้วพระองค์จะทรงตอบสนองการกระทำนั้น
๔๖. และเจ้าทั้งหลายอย่าพึงโต้แย้งกับชาวคัมภีร์(ยิวและคริสต์)ด้วยวิธีอันก้าวร้าวและรุนแรง นอกจากด้วยการโต้แย้งที่ดีงามกว่า เช่น การเรียกร้องเชิญชวนไปสู่การเชื่อถือในอัลเลาะห์โดยแสดงโองการแห่งคัมภีร์และการแสดงหลักฐานและเหตุผลเพื่อหักล้างคำอ้างของพวกนั้นยกเว้นบรรดาผู้อธรรมจากพวกนั้นที่มุ่งรังควานและก่อกวนด้วยการก่อสงครามขึ้น ก็ให้ตอบโต้กับคนกลุ่มนี้ด้วยวิธีอันรุนแรงได้ คือให้ต่อสู้ อย่าถอยหนี และพวกเจ้าจงกล่าวเถิดว่า พวกเรามีศรัทธาในพระคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาให้เรา และที่ถูกประทานลงมาให้พวกเจ้า และพระเจ้าของพวกเราและพระเจ้าของพวกเจ้าเป็นองค์เดียวกัน และพวกเราเป็นผู้น้อมภักดีต่อพระองค์โดยเคร่งครัด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 47 - 49

 

คำอ่าน
47. วะกะซาลิกะอัน..ซัลนาอะลัยกัลกิตาบะ ฟัลละซีนะอาตัยนาฮุมุลกิตาบะ ยุอ์มินูนะบิฮฺ วะมินฮา...อุลา...อิ มัย..ยุอ์มินุบิฮฺ วะมายัจญหะดุบิอายาตินา อิลลัลกาฟิรูน
48. วะมากุน..ตะตัตลูมิน..ก็อบลิฮี มิน..กิตาบิว..วะลาตะคุฏฏุฮู บิยะมีนิกะ อิซัลลัรฺตาบัลมุบฏิลูน
49. บัลฮุวะอายาตุม..บัยยินาตุน..ฟีศุดูริลละซีนะ อูตุลอิลมะ วะมายัจญหะดุ บิอายาตินา..อิลลัซซอลิมูน


คำแปล R1.
47. And thus we have sent down the Book (i.e. This Qur'an) to you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), and those whom we gave the Scripture [the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel) aforetime] believe therein as also do some of these (who are present with You now like 'Abdullah bin Salam) and none but the disbelievers reject our Ayat [(proofs, signs, verses, lessons, etc., and deny our Oneness of Lordship and our Oneness of worship and our Oneness of our names and qualities: i.e. Islamic Monotheism)].
48. Neither did you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) read any Book before it (this Qur'an), nor did you write any book (whatsoever) with your right hand. In that case, indeed, the followers of falsehood might have doubted.
49. Nay, but they, the clear Ayat [i.e. the description and the qualities of Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam written like verses in the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)] are preserved in the breasts of those who have been given knowledge (from the people of the Scriptures). and none but the Zalimun (polytheists and wrongdoers, etc.) deny our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.).


คำแปล R2.
47. และเช่นนั้น เราได้ลงคัมภีร์ (อัลกุรอาน) มายังเจ้า ส่วนบรรดาจำพวกที่เราได้มอบคัมภีร์(เตารอฮฺ)แก่พวกเขา ก็มีศรัทธากับคัมภีร์นั้น และบางคนของพวกเหล่านี้เป็นผู้ที่มีศรัทธาในอัลกุรอาน และจะไม่ปฏิเสธบรรดาโองการของเรา นอกจากบรรดาพวกไร้ศรัทธาเท่านั้น
48. และเจ้าไม่เคยอ่านคัมภีร์เล่มใดมาก่อนคัมภีร์กุรอาน และเจ้ามิได้ขีดเขียนขึ้นมาด้วยมือของเจ้าเอง (แต่ถ้าเจ้าสามารถเขียนหนังสือได้และอ่านออก) พลันพวกไร้สาระทั้งหลายก็จะยิ่งกังขาหนักขึ้นเป็นแน่
49. ทว่าอัลกุรอานนั้นเป็นโองการอันแจ้งชัดที่สถิตอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้มีความรู้ และจะไม่ปฏิเสธบรรดาโองการของเราเลยนอกจากบรรดาพวกฉ้อฉลเท่านั้น


คำแปล R3.
47. (โอ้ นบี) และเช่นเดียวกัน เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้า ดังนั้นบรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์ก่อนหน้านี้ก็ศรัทธามันและคนเหล่านี้อีกหลายคนก็ศรัทธามันเช่นกัน และไม่มีผู้ใดนอกจากผู้ไม่ศรัทธาเท่านั้นที่ปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเรา
48. (โอ้นบี) เจ้าไม่ได้อ่านคัมภีร์ใดก่อนหน้านี้และเจ้าก็ไม่ได้เขียนมันด้วยมือของเจ้า ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกบูชาความเท็จก็อาจจะเกิดความสงสัย
49. ความจริงแล้ว นี่คือสัญญาณอันชัดแจ้งในหัวใจของบรรดาผู้ที่ได้รับความรู้ และไม่มีผู้ใดปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเรา นอกจากผู้ทำความชั่ว

 
คำแปล R4.
47. และเช่นนั้นแหละ เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้า ดังนั้นบรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขา พวกเขาก็ศรัทธาต่อมัน(อัลกุรอาน) และในหมู่เขาเหล่านั้นมีผู้ศรัทธาต่อมัน และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา นอกจากผู้ปฏิเสธศรัทธา
48. และก่อนหน้านั้นเจ้ามิได้อ่านคัมภีร์ใด ๆ และเจ้ามิได้เขียนมันด้วยมือขวาของเจ้า มิฉะนั้นแล้วพวกกล่าวความเท็จจะสงสัยอย่างแน่นอน
49. มิใช่เช่นนั้นดอก มันคือโองการทั้งหลายอันแจ้งชัดอยู่ในหัวอกของบรรดาผู้ได้รับความรู้และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรานอกจากพวกอธรรม


คำแปล R5.
๔๗. และเช่นที่เราได้ประทานคัมภีร์เตาร๊อตและอินยีลแก่พวกเขานั้น เราก็ประทานคัมภีร์ อัลกุรอานแก่เจ้า ที่จริงบรรดาผู้ที่เราประทานคัมภีร์เตาร๊อตนั้น พวกเขาก็มีศรัทธาต่ออัลกุรอานด้วย เช่น อับดุลเลาะห์ บิน สะลาม เป็นต้น และบางส่วนของพวกชาวมักกะห์เหล่านี้มีผู้ศรัทธาต่ออัลกุรอานและเป็นมุสลิมผู้เคร่งครัด และจะไม่มีผู้ใดคัดค้านบรรดาโองการของเราเลย นอกจากผู้เนรคุณเท่านั้น คือพวกยะฮู๊ด
๔๘. และโอ้มุฮำมัด เจ้าไม่เคยอ่านคัมภีร์เล่มใดมาก่อนหน้ากุรอานนั้นเลย และเจ้าไม่ได้เขียนมันขึ้นมาด้วยมือขวาของเจ้า ทั้งนี้เป็นเพราะเจ้านั้นอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่เป็น แต่ถ้าเจ้าเป็นผู้อ่านออกเขียนได้แล้วไซร้ พลันพวกโมฆะทั้งหลายก็จะยิ่งสงสัยหนักขึ้นอย่างแน่นอน
๔๙. โอ้มุฮำมัดแต่ทว่าอัลกุรอานนั้นเป็นโองการต่าง ๆ อันชัดแจ้งในหัวอกของศรัทธาชนทั้งหลายที่ได้รับความรู้จากอัลเลาะห์ และไม่มีใครคัดค้านบรรดาโองการของเราเลย นอกจากบรรดาผู้อธรรมทั้งหลายเท่านั้น


 

GoogleTagged