กลุ่มวะฮาบียะฮฺ คือ อะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ หรือไม่ ?? By: Muftee Date: เม.ย. 03, 2012, 01:47 AM
กลุ่มวะฮาบียะฮฺ คือ อะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ หรือไม่ ?? ชี้ขาดโดย สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งประเทศอียิปต์
ตอบ ..
ถอดความโดยสรุป ดังนี้ ..
หลักสูตรอะกีดะฮฺของสถาบันอัล-อัซฮัร อัช-ชะรีฟ ที่ใช้ทำการสอนอยู่ในสถาบันมานานกว่า 1000 ปี คือ หลักสูตรอะกีดะฮฺ อัล-อัชอะรียะฮฺ(อัล-อะชาอิเราะฮฺ) ซึ่งเป็นหลักอะกีดะฮฺของอะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ และเป็นแนวทางอะกีดะฮฺของปราชญ์ส่วนใหญ่จากทั้งสี่มัซฮับ ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ ,มาลิกีย์ ,ชาฟิอีย์ หรือ หัมบะลีย์ และสถาบันอัล-อัซฮัร ยังเต็มไปด้วยนักวิชาการในทุกวิชาสาขา และสถาบันแห่งนี้ยังได้ผลิตนักวิชาการผู้เลื่องชื่อต่างๆ ออกมาอย่างมากมายตลอดช่วงหลายศตรวรรษที่ผ่านมา
สรุปช่วงท้ายของฟัตวา ..
กลุ่มวะฮาบียะฮฺ นั้น ไม่ได้(เรียกว่า) ขัดแย้งกับกลุ่มอัช-อะรียะฮฺหรอก แต่พวกเขานั้น ขัดแย้งกับอะฮฺลิสสุนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ (เพราะกลุ่มอัช-อะรียะฮฺ นั้นเป็นอะฮฺลุสสุนนะฮฺฯ มาแต่เดิมอยู่แล้ว) กลุ่มอัล-วะฮาบียะฮฺนั้น ได้นำมาซึ่งอุตริกรรมมากมายทั้งในเรื่องอะกีดะฮฺ ,เรื่องหลักสูตร และเรื่องหลักของการทำความเข้าใจที่ถูกต้องแก่อิสลาม
และกลุ่มอัล-วะฮาบียะฮฺ ได้ทำการอธิบาย(เกี่ยวกับคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ตะอาลา) ด้วยทัศนะมากมายที่เป็นมุญัสสิมะฮฺ(คือ การอธิบายที่ทำให้อัลลอฮฺมีรูปร่าง) ,เป็นมุชับบิฮะฮฺ(คือ การอธิบายที่ทำให้อัลลอฮฺเหมือนกับมัคลูก) และเป็นหัชวียะฮฺ(คือ การอธิบายที่ทำให้อัลลอฮฺมีขอบเขตสถานที่)
และแนวทางของกลุ่มอะฮฺลิสสุนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺนั้น จะไม่ทำการหุก่มกาเฟรต่อผู้ที่ผินหน้าไปยังกิบละฮฺเดียวกับเรา และจะไม่ทำการหุก่มกาเฟรต่อผู้ที่ละหมาดเหมือนกับพวกเรา และจะไม่ทำการหุก่มกาเฟรต่อผู้ที่รับประทานจากเนื้อที่พวกเราเชือด
ฟัตวาโดย สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งประเทศอียิปต์ บทว่าด้วยเรื่อง "ข้อปลีกย่อยต่างๆ"
ที่มา http://www.dar-alifta.org/f.aspx?ID=875959
Re: กลุ่มวะฮาบียะฮฺ คือ อะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ หรือไม่ ?? By: suhaimi Date: เม.ย. 22, 2012, 09:17 PM
คือผมไม่หรอกคับว่า การกระทำแบบนัยคือ วะบี ขอหน่อยน่ะคับ มุฟตีน้อย คือ วะบี กับ ซุนนี มีความแต่ต่างอะไรบ้างคับ นัยหลายๆด้านคับ
ผมขอความแต่ต่างน่ะคับ
ถ้าไม่ว่ากัน ผมขอของ ชีอะห์ ด้วยน่ะคับ (เอาแบบง่ายๆน่ะ) เดียวเด็กคนนี้ไม่เข้าใจคับ
ขอบคุงคับ (หัดเรียนศาสนา)
Re: กลุ่มวะฮาบียะฮฺ คือ อะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ หรือไม่ ?? By: al-ciddix Date: เม.ย. 23, 2012, 02:17 PM

loveit:ปิดเทอมนี้เพิ่งได้เข้ามาเวปนี้เพราะติด
รอหลายตัวอิๆๆ
มาหาประวัติและความรู้เพิมเติมทำรายงานส่งอาจารย์ เวปนี้มีประโยชน์มากครับ
Re: กลุ่มวะฮาบียะฮฺ คือ อะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ หรือไม่ ?? By: al-ciddix Date: เม.ย. 23, 2012, 02:19 PM

loveit:ปิดเทอมนี้เพิ่งได้เข้ามาเวปนี้เพราะติดรอหลายตัวอิๆๆ เห็นกระทู้นี้ตั้งขึ้นมา พูดถึงความแตกต่างระหว่างวะฮาบีและชีอะและอาชาอีเราะเลยสนใจ....
มาหาประวัติและความรู้เพิมเติมทำรายงานส่งอาจารย์ เวปนี้มีประโยชน์มากครับชอบๆต้องการอยู่พอดีเรย
หลักฐานของอัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ์เขียนโดย อจ.อัลอัชฮารีย์
ท่านพึงทราบเถิดว่า บรรดาพื้นฐานของหลักเตาฮีดและหลักอะกีดะฮ์ต่าง ๆ นั้น ดำรงอยู่บนหลักฐานของ อัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ที่ชัดเจน , การลงมติของปวงปราชญ์ และหลักฐานของสติปัญญาที่เที่ยงตรงและเป็นสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของบทบัญญัติศาสนา และดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นคุณลักษณะพิเศษของศาสนาอิสลามเหนือบรรดาศาสนาอื่น ๆ เพราะอิสลามจะไม่มีหลักการใดนอกจากสติปัญญามาสนับสนุนให้กับมันได้ ด้วยเหตุนี้ หนังสือประพันธ์ต่าง ๆ ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ในการจัดระดับขึ้นตอนของหลักฐานเพื่อโต้ตอบพวกบิดอะฮ์ พวกนอกลู่ และพวกเบี่ยงเบนนั้น วางอยู่บนพื้นฐานที่เราได้กล่าวมาแล้ว
รายละเอียดสิ่งดังกล่าว
1. อัลกุรอาน : คือรากฐานของบรรดาหลักฐานทั้งหลาย สารจากอัลเลาะฮ์ได้ถูกรับรองด้วยกับอัลกุรอาน สามารถนำมาเป็นหลักฐานเพื่อหักล้างหลักการที่ลุ่มหลง เป็นคำภีร์ที่อยู่เหนือคำภีร์อื่น ๆ ที่ถูกประทานจากฟากฟ้า และเป็นคำภีร์ที่แยกแยะสัจธรรมออกจากความอธรรม อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบัญชาใช้ให้ผู้ที่โต้แย้งกันกลับไปยังพระองค์และร่อซูลของพระองค์ (ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
พระองค์ทรงตรัสความว่า
فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ
"ดังนั้นหากพวกเจ้าได้โต้แย้งในสิ่งหนึ่ง พวกเจ้าก็จงหวนกลับไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูล" อันนิซาอฺ 59
การกลับไปหาอัลเลาะฮ์ตาอาลา คือการกลับไปหาอัลกุรอานและการกลับไปหาร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือการกลับไปยังบรรดาหะดิษที่ซอฮิห์อีกทั้งได้รับการยืนยันแน่นอนจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
2. อัซซุนนะฮ์ : การอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษเกี่ยวกับเรื่องของหลักอะกีดะฮ์นั้น ต้องมีเงื่อนไขว่า ผู้รายงานมีความไว้เนื้อเชื่อใจได้โดยมติเอกฉันท์ หมายถึง หะดิษต้องไม่ถูกรายงานมาด้วยสายรายงานที่มีการขัดแย้งกันเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของเขา ซึ่งเป็นทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ จากนักปราชญ์หะดิษและนักปราชญ์ฟิกห์ ดังนั้นจึงถือว่าไม่เพียงพอในการอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษที่มีสายรายงานฏออีฟ หากแม้นว่าจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ กล่าวว่า "คำว่า الصوت (เสียง) จากสิ่งที่ถูกงดเว้นในการนำมาพาดพึงไปยังอัลเลาะฮ์และต้องการไปยังการตีความ(ตะวีล) เพราะว่าไม่เป็นการเพียงพอเกี่ยวกับเรื่องคำว่าเสียงนี้โดยมีหะดิษที่รายงานจากหนทางที่มีผู้รายงานถูกวิจารณ์ขัดแย้งกัน หากแม้นว่าหะดิษจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม" ฟัตหุลบารีย์ 1/174 หมายถึงหะดิษเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าวไม่สามารถนำมายืนยันในเรื่องของอะกีดะฮ์
ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลบุฆดาดีย์ กล่าวไว้ในหนังสืออัลฟะกีฮ์วัลมุตะฟักกิฮ์ ความว่า "ประการที่สอง : ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้น จะไม่ถูกรับรอง ด้วยคำกล่าวของซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน นอกจาก ด้วยกับหะดิษที่ซอฮิห์ยังไปท่านนบีโดยมีสายรายงานที่ถูกลงมติของนักหะดิษว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานด้วยกับหะดิษฏออีฟหรือหะดิษที่มีผู้รายงานที่ขัดแย้งกันในการรับรองความเชื่อถือของเขา ซึ่งหากแม้นว่ามีสายรายงานหนึ่งรายงานมา แล้วมีหะดิษอื่นมาสนับสนุน ก็ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้"
ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดของท่าน อบีสุไลมาน อัลค๊อฏฏอบีย์ ว่า "แท้จริงซีฟัตของอัลเลาะฮ์จะไม่ได้ถูกรับรองนอกจากด้วยกิตาบุลลอฮ์หรือหะดิษที่มีความซอฮิห์อย่างเด็ดขาด" อัลอัสมาอ์วัสซิฟาต 335
3. อัล-อิจญ์มาอฺ : (มติของปวงปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) ที่เกี่ยวกับประเด็นของศาสนา ดังนั้นรากฐานที่ยืนยันว่าบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์กอดีม(มีมาแต่เดิมโดยมิมีจุดเริ่มต้น)นั้น คือการอิจญฺมาอ์ที่เด็ดขาด(จากมติของปวงปราชญ์) ท่านชัยคุอิสลาม อัซซุบกีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรหฺอะกีดะฮ์อิบนุหาญิบ ความว่า "ท่านจงรู้เถิด หลักการของมวลสารและคุณลักษณะที่อุบัติทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่(มีการเปลี่ยนแปลง) ดังนั้น โลกทั้งหมด(คือสิ่งที่อื่นจากอัลเลาะฮ์นั้น) คือสิ่งที่ใหม่(คือบังเกิดใหม่และมีการเปลี่ยนแปลง) และบนหลักการนี้ ก็คือมติ(อิจญ์มาอฺ)แห่งปวงปราชญ์มุสลิมีน และทุก ๆ ศาสนา และผู้ใดที่ขัดแย้งกับสิ่งดังกล่าวนี้ ถือว่าเขาเป็นกาเฟร เนื่องจากเขาขัดแย้งกับมติที่มีความเด็ดขาด" ดู หนังสือ อิตฮาฟ อัซซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน 2/132)
4. สติปัญญา ศ กล่าวคือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงส่งเสริมให้ปวงบ่าวใช้สติปัญญาในการใคร่ครวญถึงอาณาจักรและสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกสร้างเพื่อนำไปสู่การรู้จักผู้สร้าง คือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา
พระองค์ทรงตรัสความว่า
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
การกล่าวว่า "อัลอะชาอิเราะฮ์ใช้สติปัญญามาเป็นหลักฐานในการยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องศาสนา ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างแท้จริง เพราะความจริงแล้ว อัลอะชาอิเราะฮ์นำหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเป็นตัว ยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องของศาสนา โดยใช้สติปัญญามาเป็นตัวสนับสนุน شَاهِدٌ (ชาฮิด) หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์
เช่นหลักฐานที่ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี อัลเลาะฮ์ทรงเอกกะ เช่น
พระองค์ทรงตรัสว่า
إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا
"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14
แต่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี ดังนี้
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้ อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ
"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11
ดังนั้น อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ มะลาอิกะฮ์ และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติปัญญา แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา(ที่อยู่บนพื้นฐานข้างต้น)มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้น สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนามิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภ้ยนั้น จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไม่ค้านกัน
วัลลอฮุอะลัม